มาดูสมเด็จกัน

ขออภัยไม่ได้ลบหลู่ พิมพ์ที่คุณ xlmen วิเคราะห์เอาไว้ ผมเห็นต่างอย่างมากขอรับ
ผมมีความเห็นว่า เป็นพระที่ เนื้อใหม่ อายุไม่เกิน 50 ปีด้วยซ้ำขอรับ

 

สำหรับเรื่องการรอยแตกราน ถ้าพระเนื้อหยาบไม่ค่อยแตก แต่หากเป็นพระเนื้อละเอียด ผิวจะตึง ยิ่งทาผิวด้วยรักแล้วจะยิ่งแตกให้เห็นชัดครับ บางองค์แตกคมก็มีได้ แต่มักจะแตกแต่ด้านหน้า ไม่ได้หมายความว่าโดนความร้อน

พระเก่า ตังอิ้วจะซึมขึ้นมาเป็นเส้น เป็นทาง เพราะน้ำมันตังอิ๊วจะแยกตัวออกจากเนื้อพระที่เริ่มตกผลึก เราจะไม่เห็นตังอิ้วซึมทั้งองค์พระ ถ้าตังอิ๊วยังซึมทั้งองค์พระแสดงว่าเนื้อใหม่ขอรับ

เวลาส่องตะแคง จะเห็นแต่ส่วนยับ ส่วนย่น ส่วนหลุม บ่อ เต็มไปทุกตารางพื้นที่ แต่เป็นหลุมเล็กๆ รอยย่นเล็กๆ ที่เกิดจาก โมเลกุลทางธรรมชาติ อันนี้ปลอมทำไม่ได้ขอรับ เราจึงเห็นรอยรูเข็ม แต่มองตรงๆจะเห็นเนื้อราบเรียบ เพราะตาของคนมองเห็นธรรมชาติไม่ละเอียดพอครับ ต้องส่องด้วยกล้องเท่านั้น

อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญนะครับ โมเลกุลของเปลือกหอย แคลเซียม จะเรียงตัวเป็นเส้นๆ ส่องดีๆจะเห็นเป็นเส้นๆคล้ายใย แต่เล็กละเอียดมาก เพราะเหตุนี้หละครับเวลาเราเอามือไปโดนจึงเลื่อมเป็นมันได้ง่าย


สรุปสูตร คือ ให้ดูความสมดุล ความกลมกลืนของธรรมชาติ ให้ได้ขอรับ

ถ้าเจอผิวตึง ไม่มีหลุมเล็กๆ บ่อเล็กๆ รอยยับย่นเล็กๆ เต็มพื้นที่เวลาส่องตะแคง แสดงว่าพระใหม่ ไม่ถึงยุคสมเด็จโต
อยากรู้ว่าไม่ถึงยุคยังไง ไปหาดูสมเด็จพระแก้ว องค์เนื้อขาวๆ สวยๆเหมือนงาช้าง ส่องลงไปเลยครับ เนื้อตึงเปรี๊ยะ

ที่สำคัญ หากส่องแล้วเอะใจ ยอมรับพระของตัวเองให้ได้เถอะครับว่า ไม่ถึงยุค

 

พระเนื้อมันๆ ผมว่าต้องล้างเอาคราบเหงื่อไคลออกสักหน่อยด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน แล้วจะเห็นธรรมชาติที่แท้จริง ....

 

นี่แหละของจริง......................เชื่อถือได้


คนไม่เข้าใจว่า ผิวพระคืออะไร รูพรุนปลายเข็มคืออะไร รอยปูไต่มีไว้ทำไม....
และยังไม่เข้าใจอีกว่า ใหม่และเก่าเป็นอย่างไร.........


ศึกษาและเรียนรู้นะครับ
ความรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
วิธีการหาความรู้ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
และวิธีการคิดของคนก็ไม่เท่ากัน......

ผมจะเสนอมุมมองส่วนตัวเรื่องรอยแตกรานนะ..........
1. ทำไมแตกหน้าไม่แตกหลังหรือ เพราะ เวลาอบ หน้าหงายไง พระจึงแตกหน้าไม่แตกหลัง เชื่อ เสี้ยน มากๆๆ.........คิดบ้างก็ดีนะ
2. พระเนื้อหยาบ จะแตกมากกว่า พระเนื้อละเอียดจะไม่เป็นรอยไม่ค่อยแยก เช่น สมเด็จเกศไชโย เนื้อละเอียดจะดูได้ว่า ไม่ค่อยแตกเลย

 

ขออภัยนะขอรับ อาจจะมีข้อสันนิษฐานแย้งกันนิดนึงครับ
ปกติ พระเนื้อหยาบจะไม่ค่อยแตกราน เพราะว่า ของหยาบๆนี้เนื้อมันเกาะกันหลวมๆ อยู่แล้ว พอแห้งก็ไม่ค่อยจะแตก แต่ที่เห็นว่าพระเนื้อหยาบแตก นั้นเป็นเพราะว่าเอาไปเคลือบรักครับ น้ำรักซึมผิวทำให้ผิวตึงมากขึ้น
สำหรับเนื้อพระที่ละเอียดมากๆ เวลาเกาะกันเกาะกันแน่น เวลามันแห้งมันก็แยกออกจากกันง่ายขึ้น ให้ดู ไข่ขาวดิบ เวลาแห้ง จะเห็นรอยปริ หรือ แลคเกอร์เวลานานๆไปแล้วปริแตก แบบนั้นแหละครับ

แต่ที่เห็นเกศไชโย ไม่ค่อยแตกราน ผมเกรงว่าอาจจะเป็นไปได้ว่า
1 พระที่เอามาดูกัน อายุ อานาม ยังไม่ถึงครับ
2 เป็นพระฝีมือชาวบ้าน ไม่ได้ทารักด้านหน้าตามหลักของช่างศิลป์

ผิดถูกขออภัยนะครับ เรื่องแตกราน เป็นข้อสันนิษฐาน

 

ขอบคุณมากครับ พี่ห้องมืด ที่ชมเชย

เสริมอีกนิดนะครับ รูพรุน ย่นยับ มองตาเปล่าไม่เห็นนะครับ ต้องส่องกล้องครับ ควรใช้กล้องอย่างดี กล้องอันละร้อยกว่าบาทมองแทบไม่ได้รู้เรื่องอะไรครับ ขยายก็จริงแต่ไม่ชัดครับ ไม่เจาะถึงเนื้อพระ

เวลาส่อง ให้ตะแคง จะเห็นเงาสว่างสะท้อนออกจากเนื้อพระ ส่องไปเรื่อยๆจะเห็นเนื้อพระเป็นใย เพราะโมเลกุลของเนื้อพระเก่าจะเริ่มเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ส่องไปจะเห็นรอยยุบย่อยๆ เต็มไปหมดครับ นี่แหละครับ อายุท่านถึง รอยก็เป็นรอยเล็กๆ

แต่หากย่น มองเห็นตาเปล่ารอยใหญ่ มองตาเปล่าแสดงว่า ไม่ใช่ฝีมือธรรมชาติขอรับ แต่พอส่องกล้องไป เนื้อตึงเรียบเป็นเนื้อโลหะ แบบนั้นก็พระใหม่ครับ

 

wow พี่ jmind ความเห็นพี่โดนใจผมเลย ฝากพิจารณาสักองค์ได้มั้ยครับ (แตกแบบนี้จะใช่รอยรักรัดหรือเปล่า )

 

สวัสดีคะ พี่ๆและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ในที่สุดยาก็ทราบแล้วว่าพี่วาซาบิ และ พี่เอีกจะไม่กลับมาที่นี่อีก เพราะความรู้ได้ทิ้งไว้ที่นี่หมดแล้ว ดังนั้น ยาจึงมากล่าวคำอำลาเช่นกันคะ ขอบคุณมากๆนะคะ กับความรู้ที่ได้ชี้แนะ ไม่จะถูกต้องหรือไม่ ยาก็รวบรวมไว้อ่าน เผื่อสักวันหนึ่ง ไปอ่านหนังสือเล่มใดพูดถึงเรื่อง
นี้

สุดท้าย ยาขอพระพระคุ้มครองพี่ๆและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน และ ผู้ศึกษาพระสมเด็จ และ นักสะสม ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ โรคภัยไม่มีเบียดเบียน ไม่ว่าจะทำการณ์สิ่งใดขอให้สมดังหวัง ทุกๆท่านเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ ; k04

 

แจ่มมาก คุณ Jmind

ถูกต้องครับ คนที่พูดแบบนี้ได้คือ "คนที่เห็นของจริงมาแล้ว"
ไม่น่าเชื่อว่าอ่านมาตั้งนาน เพิ่งจะเจอคนที่กล้าบอกนะเนี่ย ผมยังไม่(อยาก)กล้าบอกเลย..............ผมคิดว่าคุณน่าจะเห็นมาเหมือนกันผมนะ.....5555


ผมเคยแนะนำไปหลายๆ ครั้งแล้วว่า
อย่า นั่งทางใน นั่งเทียน จินตนาการ .....เพอจานิเย่(เพ้อเจ้อ)

มัวไปฟังคำพูดของใคร แล้วมาตีความเอาเอง สุดท้ายแล้ว.........หุหุหุ

จนกว่าจะเห็นของจริง จริง .........................
แล้วจะเข้าใจเอง

ส่วนความเห็นเรื่องของรอยแตกรานนั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ ผมไม่เชี่ยวชาญเช่นกัน เลยไม่ขอออก คห. มากไปกว่านี้นะครับ คุึณ Jmind

 

ผมร่วมกับพี่ยาอีกเสียงครับ ขอบคุณพี่ทั้งสองจริงๆ

 

ตอนนี้ใครอยากทำบุญใหญ่ช่วยประเทศก็ร่วมกันสวดชินบัญชรนะหรือคาถาอื่นใด เช่นยอดพระกัณฑ์ กำแพงแก้ว 7 ชั้น ครับตั้งสมาธิให้เต็มกำลังเชิญพระต่างๆตามพระคาถามาปกป้องประเทศครับ ส่วนใครพอมีกำลังทรัพย์ กำลังอย่างอื่น ก็ยินดีและอนุโมธนาบุญนะครับ อย่าลืมขอให้พระท่านช่วยประเทศไทยด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

สอบถามพระสมเด็จ 1 องค์อยากรู้มากๆเลยครับ ด้านหลังมีการซ่อมมาเยอะเลยด้วยปูนสีขาวอ่ะครับ

 

ฝากดูให้ด้วยครับว่าแท้รึเปล่า

 

ไปไหนแล้วนี่ แล้วคุณยาไม่มาแถลงไขเพื่อนสมาชิกหน่ิอยเหรอครับ...........

 

โหท่าน กิตติ
หายไปไหนมาอะคุณยาคนงามไปไหนแล้วมิรู้แต่ผมเห็นอยู่แว็ปๆที่ทู้ห้องหลวงพ่อเงินสายกลางนู้นนะสงสัยจะลองเปลี่ยนแนวแน่เลย

 

สมเด็จวัดระฆังที่ปลอมๆกันอยู่ส่วนใหญ่เป็นนอกพิมพ์ พิมไม่นิยม พิมพ์นิยม พิมพ์ล้อ หรือว่าทุกพิมพ์ครับ

 

สวัสดีคะ

เล่นตามความชอบ พระแท้คือพระที่คุ้มครองเรา เป็น คหสต. หุหุหุหุ
ส่วนใหญ่ก็ปลอมกันทุกพิมพ์ ขึ้นอยู่อยากได้บล๊อกแบบไหน อยากทำให้บล๊อกเหมือนใคร เพราะของขายได้ต้องทำเลียนแบบของจริง ถึงจะปล่อยได้ คิดเอง ออกแบบรูปแบบใหม่ๆมา ก็ไม่มีคนเช่าสิคะ เพราะจะกลายเป็นพระนอกพิมพ์

พระแท้อยู่ที่คนถือ พระดีบารมีถึงอยู่ที่คนครอง ( เกือบเป็นจริงทุกประการ ในสังคมปัจจุบัน ) ผู้มีผลประโยชน์ หากต้องสูญเสียมันไป ก็จะไม่อยู่นิ่ง และ ต้องจัดหาทีมงาน และ กลยุทธปั่น.... เพื่อทำให้ผลประโยชน์กับมาหาตน

ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆแล้ว หากเราศึกษาและเกิดความเข้าใจหละก็ ให้มั่นใจความรู้ที่ได้ศึกษามาดีที่สุดคะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้คำว่า เราเกิดไม่ทัน เพราะ มันฟังแล้วแปร่งๆหู จะเกิดก่อน หรือ เกิดหลัง เราก็ยังศึกษาค้นคว้าจากตำราได้ เพราะในยุคสมัยดึกดำบรรพ์ เรายังศึกษาค้นคว้าได้ แม้แต่ไดโนเสาร์เป็นล้านปี แล้วทำไมพระร้อยกว่าปี หากสนใจค้นคว้ากันจริงๆจะไม่รู้คำตอบ

ยุคสมัยนี้ มันขี่จรวดคะ คำตอบค้นหาไม่ยากหรอกคะ ฝรั่งมังค่า เขาเก่งจะตาย เข้าเครื่องวัดค่า ผลก็ออกมาแล้ว เพราะยังไงเสีย หากฝรั่งต้องเสียเงินเป็นหลายๆล้าน คงไม่ยอมถูกต้มแน่ๆ เมื่อถึงเวลาก็ต้องมีการตรวจเช็ค และ ค้นหาวิธีวัดค่าความเก่า เพื่อป้องกันตัวเองโดนต้มแน่นอนคะ ไม่งั้นเขาคงไม่มีการผลิตค่าตรวจวัดต่างๆขึ้นมาแน่คะ แม้กระทั่ง การตรวจวัดพลังจาก คลื่นแสง ออร่า ( คาดว่าอีกไม่นานคงได้เครื่องวัดพระสมเด็จแน่เลยคะ ที่แบบตีค่าความเก่าได้ละเอียดขึ้น ก็หวังในใจลึกๆว่าเมื่อไรตัวเองจะเจอกล้องส่องพระแบบเอ๊กเรย์ได้ หุหุหุหุหุ )

 

หุหุหุหุ ซาหวัดดีคุณ ae noi ,kaitti

หุหุหุหุ ยายังเฝ้ากระทู้อยู่เจ้าคะ อ่านกระทู้อีกรอบ อิอิอิอิ คราวนี้มีการจดบันทึกอะไรที่สำคัญๆส่วนตัว หุหุหุหุหุ จะให้ยาปายหนายยยยเล่าเจ้าคะ ที่นี่คือบ้านยานา ห้องพลวงพ่อเงินบ้านหลังที่สอง ร่อนเร่ไปมา :boo::boo: แต่ไม่ค่อยอยากพูดหรือตอบอะไรมากคะ นอกจากทนไม่ไหวจริงๆจาเข้ามา ตอบที่นี่ เหอเหอเหอ ไปอ่านอะไรต่อดีกว่า ชะแว๊บบบบ

 

สวัสดีทุกๆท่านครับผม

ลองรุ่นนี้ดูก่อนครับ ใช้ได้ดีครับ ราคาพอสู้ได้ เขาใช้ส่องแผ่นวงจรเล็กๆมากๆกันในโรงงานประกอบแผ่นวงจรครับ

 

ส่วนใหญ่ นิยมปลอม พิมพ์ใหญ่และเกศทะลุซุ้ม(พิมพ์ใหญ่แบบที่1,2,3,4)มากกว่าเพราะว่าขายง่ายกว่าพิมพ์อื่นๆ พิมพ์ที่ไม่นิยมปลอมคือ พิมพ์ปรกโพธิ์ (หาคนซื้อยากกว่า) นอกพิมพ์ ก็หายากแล้วหายากอีก ถ้ายิ่งกว่างมเข็มคือ พิมพ์นิยมแหละคราบบบ