พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ไม่เป้นไรครับผม ขอบคุณมากครับ
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอตอบเป็นประเด็นๆไปละกันครับ
    ๑) มีของจริง ก็ต้องมีของปลอม แล้วต่างกันยังไงล่ะ? เป็นคำถามที่ผู้คนส่วนมากอยากให้ชี้จุดชี้ข้อสังเกตกันไปเลย
    ผมก็แนะนำว่า หากมีในมือทุกองค์ เราก็คงจะถามกันทุกองค์ พูดง่ายคือช่วยแยกให้นั่นเอง ซึ่งเท่ากับว่า เราคงไม่ได้ความรู้มากไปกว่าความอยากทราบเท่านั้น

    ๒) หากได้เคยเห็นปัญจสิริยุคแรก เราจะไม่มองยุคหลัง แล้วความแตกต่าง ต่างกันตรงไหนล่ะ? ก็เป็นคำถามที่ผู้คนส่วนมากอยากทราบกัน
    ผมก็แนะนำว่า หากมีหนังสือเล่มสีน้ำเงินของอ.ปู่ ก็ลองอ่านทบทวนเก็บรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง อ.ปู่แนะนำเอาไว้ดีมาก อีกวิธีหนึ่งคือลองค้นดู post ที่ผมเคยลงไว้อย่างน้อย ๒-๓ posts ซึ่งเป็น post ที่หลังจากสอบถามจากอ.ปู่ และท่านเมตตาเดินไปหยิบมาให้ชมกัน พร้อมแนะนำรายละเอียดอื่นที่ไม่สามารถหาอ่านจากที่ไหนได้อีก

    ๓) พระปัญจสิริเป็นพระที่ดูยาก ยากจนท้อ ยากยังไง?
    สาเหตุเป็นเพราะสีไปปิดทับเค้าโครงองค์พระ สมมติว่า คุณจะดูฐานแซม เส้นเล็กๆตรงฐานแซมกลับมีสีเหลือง แดง ดำ ไปอยู่บริเวณนั้น อาจจะมองไม่ชัด หรือเส้นตรง เส้นขวาง เส้นทะแยงของสีพาดผ่านให้ความรู้สึกหลอกตา เช่น เกิดพาดทะแยง องค์พระจะดูมีมิติกว้างกว่าองค์ที่มีเส้นสีเด่นๆพาดขวางแนวนอน ความยากคือสายตาถูกสีสันบนองค์พระหลอกตาจนลายไปรอบแล้วรอบเล่าก็ยังตัดสินใจยาก
    คำแนะนำคือ แยกดูสี กับแยกดูพิมพ์ และแยกเนื้อมวลสารก่อน เห็นไม๊ครับว่า หากคุณดูพระลีลาที่ไม่ใช่ปัญจสิริ คุณก็จะดูเพียงทรงพิมพ์ และเนื้อมวลสาร ไม่ต้องมาพะวงกับสีให้ตาลาย

    ๔) ข้อแนะนำพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจ"ปัญจสิริ"จริงๆ คือ
    -ศึกษาเรื่องธาตุ และความสัมพันธ์ของธาตุตามทัศนะของจีนก่อน
    -ศึกษาเรื่องสีที่สัมพันธ์กับธาตุ
    -ต้องลงทุนเรื่องเวลามากเป็นพิเศษในการเดินทางไปชมผนังพระอุโบสถวังหน้าเดิม และบริเวณศาลเจ้าเดิมที่ภายหลังการยุบวังหน้า โบราณสถานเหล่านี้ไม่ค่อยได้บูรณะ ก็จะได้เห็นสีเดิมๆ ที่แดงเตโชเป็นยังไง น้ำเงินๆยังไง เขียวๆยังไง เหลืองปถวีเป็นยังไง บางส่วนของพระอุโสถได้มีการบูรณะไปแล้ว ก็เป็นการยากจะบอกแล้วครับ ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจในการแยกพระพิมพ์

    ๕) สีของปัญจสิริที่อยู่บนองค์พระ ต้องพิจารณาว่า เป็นความตั้งใจ จงใจ ให้เป็นไป หรือความบังเอิญ บางองค์ไม่ต้องสัมผัสพระพิมพ์ เพียงเห็นลักษณะณะการพาดผ่านของโทนสีก็บอกได้แล้วว่าแท้ หรือไม่แท้ คนที่เขาจะเอาตังค์เรา เขาไม่มีความพยายามในการการปลอมมากในพระปัญจสิริหรอกครับ เพราะเขาขายเป็น mass เพราะฉนั้น สีที่เป็นของแท้ กับไม่แท้ เขาจะรู้สึกว่าเหมือนๆกัน เทกันไปเลยผสมๆๆๆแล้วกดพิมพ์55555 ของแท้ทำง่ายแบบนั้นเชียวหรือ?? ที่บอกได้แบบนี้เพราะตอนที่ไปดูกรุตี ๓ กองกันเต็ม และรับประกันว่ามาจากโรงงาน เราเลยได้มีโอกาสซื้อเอากลับมาทัศนาเป็นความรู้ว่า โรงงานเขาทำปัญจสิริขายส่งยังไง เพราะฉนั้นเจอของแท้ยุคแรกเพียงองค์เดียวได้ก็จบไม่ต้องไปหาของรุ่นหลัง หรือเลือกเอาของปลอมอยู่นานสองนานครับ

    ๖) ยุคของพระพิมพ์ หากนำพระลีลาในลักษณะนี้มาถาม ต้องบอกว่า พิมพ์นี้เขามาเป็นชุด ในชุดมีเบญจภาคี และพระลีลานี่แหละครับรวม ๖ องค์ และมักจะเป็นของวังหลวง ยิ่งสมัยของร.๖ ยิ่งชัดใหญ่ เพราะสมัยนั้นชูนโยบายชาตินิยม สีที่ออกมาเลยมี ๓ สี

    คงจะเป็นประโยชน์บ้างครับ
     
  3. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณมากครับพี่เพชรสำหรับความรู้ดีๆ
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พิมพ์นี้มีจริงครับ เพราะ"ลายแทง"ระบุไว้ และทองคำที่บุไว้ก็เป็นหลักฐานชั้นดี รู้สึกคุณหนุ่ม กับตาลุงข้างบ้าน ก็มีเก็บไว้หลายชุดอยู่นะ...s6...s6
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เฮ! ก.พ.สั่งปรับเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ รอชง ครม.

    -http://hilight.kapook.com/view/51339-

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ที่ ประชุม ก.พ.-คลัง ไฟเขียวปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ตั้งแต่วุฒิ ปวช.-ป.เอก ภายใน 2 ปี เตรียมเสนอ ครม. 4 ตุลาคมนี้ หากผ่านเริ่มปรับตั้งแต่ 1 ม.ค.55

    วานนี้ (29 กันยายน) มีแหล่งข่าวเปิดเผยถึงการประชุมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ารือเรื่องการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ เพื่อให้สอดรับกับมติ ครม.ที่อนุมัติให้ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเข้าใหม่ที่จบปริญญาตรีขั้นต่ำ เป็น 15,000 บาท โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปจะให้ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ ตั้งแต่วุฒิ ปวช.ไปจนถึงปริญญาเอก ในช่วงเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ดังนี้

    กลุ่มข้าราชการวุฒิ ปวช.

    ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 6,400 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 14,000 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

    - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกจะได้ปรับฐานเงินเดือนขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,380 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกจะได้ปรับขึ้น 1,000 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้นอีก 1,000 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกจะได้ปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้นอีก 700 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 7-8 ปี ปีแรกได้ปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 400 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวช.ที่ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกได้ปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 100 บาท

    ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบ ปวช.ที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 10,690 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 17,110 บาท

    กลุ่มข้าราชการวุฒิ ปวส.

    ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 7,670 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 16,710 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

    - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,290 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,590 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,000 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,200 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 900 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 7 ปี ปีแรกปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

    - ข้าราชการวุฒิ ปวส.ที่ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 100 บาท

    ดังนั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบ ปวส.ที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 12,010 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 19,810 บาท

    กลุ่มวุฒิปริญญาตรี

    ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 9,140 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดที่ 19,910 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 1 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,540 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 3,320 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 2-3 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,800 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,700 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,300 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 5-6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,300 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,800 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 7-8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 900 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,300 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 9 ปี ปีแรกปรับขึ้น 500 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 800 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ทำงานมาแล้ว 10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

    ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาตรีที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 16,310 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 23,810 บาท

    กลุ่มวุฒิปริญญาโท

    ปัจจุบันผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 12,600 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 23,110 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 1 ปี ปีแรกปรับขึ้น 2,700 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,300 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 2,000 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 3-4 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,500 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,700 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 5 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,400 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 6 ปี ปีแรกปรับขึ้น 900 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,100 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 7 ปี ปีแรกปรับขึ้น 600 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 900 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 300 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาโท ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 100 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 300 บาท

    ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาโทที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 18,710 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 26,610 บาท

    กลุ่มวุฒิปริญญาเอก

    ปัจจุบัน ผู้ที่ทำงานมาแล้ว 1 ปีมีเงินเดือนต่ำสุดที่ 17,010 บาท และผู้ที่ทำงานมาแล้ว 10 ปี มีเงินเดือนต่ำสุดอยู่ที่ 28,110 บาท ดังนั้นจะมีการปรับฐานเงินเดือน คือ

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 1-2 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,690 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,800 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 3-5 ปี ปีแรกปรับขึ้น 1,200 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 1,200 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 6-8 ปี ปีแรกปรับขึ้น 800 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

    - ข้าราชการวุฒิปริญญาเอก ทำงานมาแล้ว 9-10 ปี ปีแรกปรับขึ้น 400 บาท ปีที่ 2 ปรับขึ้น 600 บาท

    ดัง นั้น เมื่อมีการปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปีแล้ว ข้าราชการเก่าที่จบปริญญาเอกที่ทำงานมา 1 ปี จะมีเงินเดือน 24,810 บาท ส่วนผู้ที่ทำงานมา 10 ปี จะมีเงินเดือน 33,210 บาท

    ทั้ง นี้ ที่ประชุมเตรียมจะนำเสนอแนวทางการปรับฐานเงินเดือนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาในวันอังคารที่ 4 ตุลาคมนี้ โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2555 คาดว่าจะใช้งบประมาณในปีแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท ส่วนปีที่ 2 จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 15,000 ล้านบาท



    [18 สิงหาคม] อัตราเงินเดือนข้าราชการใหม่ ข้าราชการเก่งได้พิเศษ

    หลัง จากที่ ครม. มีมติเห็นชอบขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยปรับตามค่าครองชีพ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาคนเก่งคนดีไว้ในราชการนั้น

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา นายนนทิกร กาญจนจิตรา รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.พ.ได้จัดทำบัญชีอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญไว้หมด แล้ว

    ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราเงินเดือนแรกบรรจุข้างราชการใหม่จะขึ้นประมาณร้อยละ 10 ดังนี้

    - อัตราบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จะอยู่ที่ 8,700 บาท/เดือน จากเดิม 7,940 บาท

    - ระดับปริญญาโทอยู่ที่ 11,000-12,000 บาท/เดือน จากเดิม 9,000 บาทเศษ/เดือน

    - ระดับปริญญาเอกอยู่ที่ 16,000 บาท/เดือน จากเดิม 13,000 บาท/เดือน


    นอกจากนี้ ก.พ.ยังเสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มเงินพิเศษให้กับข้าราชการที่เก่งภาษา ซึ่งอาจพิจารณาจากคะแนนสอบโทเฟล, บุคคลที่มีคะแนนสอบเข้ารับราชการเป็นอันดับต้น ๆ , บุคคลที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมากกว่า 1 ใบ, บุคคลที่มีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการรับราชการ ฯลฯ ทั้งนี้ ประกาศใช้อัตราเงินเดือนแรกบรรจุแบบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 เป็นต้นไป



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

    [​IMG][​IMG]

    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOak13TURrMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPUzB6TUE9PQ==-







    http://hilight.kapook.com/view/51339




    .
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    บุทองแบบนี้เลยไม่ทราบว่า แท้ หรือจริง...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010286.JPG
      P1010286.JPG
      ขนาดไฟล์:
      240.2 KB
      เปิดดู:
      50
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    แบบนี้กลับดูง่ายกว่า ทำภาพซ้อนๆกันแบบวิชาแยกร่าง+คาถาแยกเงาพันร่าง +วิชาย่อร่างหดพันลี้ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010288.JPG
      P1010288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      156.8 KB
      เปิดดู:
      67
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ดูแบบนั้นมันเหมือนโชว์เกินไปครับ ต้องแบบนี้ของตาลุงครับ ท่านเพชร หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  9. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    =_+ คุณลุงครับ องค์ขวาสุดมองไม่ชัดเลย ขอเอาไปดูที่บ้านได้ไหมครับ ;-)
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, ปฐม+</td></tr></tbody></table>

    สวัสดีครับท่านน้องปฐม

    มาฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ



    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    อ่า มาขอครับ ขอทุกองค์เลยครับ ผมจะได้ไว้ศึกษา

    .
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618

    อืมท่านพี่หนุ่มข้าน้อยมิบังอาจครับ ยังต้องขอความรู้จากพี่ท่านอีกมากมายนักครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ผีบดนกขมิ้น 2-0, เรือแรงถล่ม 4-0
    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000125118-
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">1 ตุลาคม 2554 22:56 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>

    [​IMG]
    เวลเบ็ก ยิงประตูย้ำชัยให้แชมป์เก่า


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">อันแดร์สัน เต้นฉลองโหม่งเบิกร่องให้ แมนฯ ยูไนเต็ด</td> </tr> </tbody></table>

    "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รักษาตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป หลังจากบด "น้องใหม่" นอริช ซิตี ซึ่งพยายามต่อสู้กับแชมป์เก่าอย่างเต็มที่จนเอาชนะไป 2-0 ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี ฟอร์มเยี่ยมถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ขาดลอย 4-0 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554

    ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 นอริช ซิตี

    แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ นอริช ซิตี โดยเกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจพักผู้เล่นหลายคนรวมถึง ดาบิด เด เคอา ทำให้ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ได้โอกาสลงมาเฝ้าเสา แต่ก็ได้ เวย์น รูนีย์ และ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ หายเจ็บกลับมายืนล่าตาข่ายร่วมกัน ทางด้านทีมเยือนวาง สตีฟ มอริสัน เป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว

    แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดเกมบุกใส่ทันที ในนาที 3 ฟิล โจนส์ เติมเกมบุกขึ้นมาหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ รูนีย์ ยิงเรียดไปตรงตัว จอห์น รัดดี นายด่านทีมเยือน นอริช ทำเกมตอบโต้กลับในนาทีถัดมา ลีออน บาร์เนตต์ กระชากบอลหลุดเข้าเขตโทษ พยายามผ่านเข้ากลางมาให้ มอริสัน แต่ยังดีจังหวะสุดท้าย จอนนี อีแวนส์ ตามมาบล็อกออกหลังหวุดหวิด

    เกมผ่านมานาที 14 รูนีย์ แย่งบอลมาได้จากกองหลัง จนแตะเข้าไปในเขตโทษ ก่อนผ่านเรียดมาให้ ชิชาริโต วิ่งมาชาร์จติดกองหลัง อีก 2 นาทีถัดมาเป็นโอกาสของทีมเยือนบ้าง มอริสัน พักอกเอาบอลลงหน้าเขตโทษ ก่อนตวัดยิงด้วยซ้ายหลุดเสาสอง

    "ผีแดง" ครองเกมบุกได้มากขึ้นเป็นลำดับ นาที 33 ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ดีดบอลด้วยส้นเท้าตรงเสาแรกจากลูกเตะมุม แต่ถูกกองหลังที่ยืนอยู่หน้าประตูเตะเคลียร์ทิ้งออกไป อีก 2 นาทีถัดมาเป็นโอกาสใกล้เคียงที่สุดของเจ้าบ้าน นานี หยอดลูกเตะมุมมาให้ รูนีย์ ลอยตัวโหม่งหน้าประตูเหินข้ามคาน

    ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขึงเกมบุกอย่างหนักในช่วง 5 นาทีสุดท้าย แต่แนวรับของ นอริช ก็ช่วยป้องกันได้ดี จนสุดท้ายจบครึ่งแรกยังเจาะไม่เข้าทำให้เสมอกัน 0-0

    เริ่มครึ่งหลัง เจ้าถิ่นทำเกมกดดันต่อ ในนาที 49 รูนีย์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษ อันแดร์สัน ใช้ตัวบังกองหลัง ก่อนพลิกมายิงด้วยซ้ายหลุดเสาสอง อีก 3 นาทีถัดมา ชิชาริโต ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ รัดดี ยิงไปชนคาน แต่เป็นลูกล้ำหน้าก่อนแล้ว

    นอริช มาได้โอกาสทองในนาที 54 แอนโธนีย์ พิลคิงตัน หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนล็อกหลอก โจนส์ แล้วสับไกยิงบอลแฉลบ อีแวนส์ แต่ ลินเดการ์ด ไม่พลาดปัดบอลทิ้งออกไป อีก 4 นาทีถัดมา กองหลังทีมเยือนโหม่งเคลียร์มาเข้าทาง ปาร์ค จี ซอง ยิงจากนอกเขตโทษ บอลแฉลบได้เพียงแค่เตะมุม

    นาที 63 เวสลีย์ ฮูลาฮัน ลากบอลจากแดนตัวเองมาซัดไกลระยะประมาณ 30 หลา บอลเหินข้ามคาน หลังจากนั้นอีก 2 นาที ทีมเยือนน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างมาก อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่ขยับมายืนแบ็กขวา พลาดท่าเสียบอลหน้าเขตโทษตัวเอง พิลคิงตัน หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ ลินเดการ์ด แต่กลับยิงหลุดเสาสองออกไปเอง

    หลังจากเกมไม่ดีขึ้น เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเปลี่ยน ไรอัน กิ๊กส์ และ แดนนี เวลเบ็ก ลงมาแทน นานี และ ชิชาริโต หลังจากนั้นนาที 68 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากลูกเตะมุม กิ๊กส์ เปิดบอลเข้าไปลุ้นหน้าประตู รูนีย์ โหม่งชงมาให้ อันแดร์สัน โขกจ่อๆหน้าประตูตุงตาข่าย

    นอริช เกือบตามตีเสมอแบบทันควันในนาที 74 พิลคิงตัน สับไกยิงในเขตโทษ บอลแฉลบกองหลัง "ผีแดง" แต่ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ ลินเดการ์ด ตามรับเอาไว้ได้ ขณะที่ รูนีย์ ก็น่าจะยิงประตูฝังให้เจ้าถิ่นในอีก 4 นาทีถัดมาจากการซัดมุมแคบในเขตโทษ แต่บอลพุ่งเรียดหลุดเสาสอง

    แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาคลายความกดดันในนาที 87 รูนีย์ แทงบอลให้ ปาร์ค หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนที่มิดฟิลด์เลือดกิมจิไหลถวายพานมาให้ เวลเบ็ก ชาร์จบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายทำให้จบเกม เจ้าถิ่นจึงเป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-0 เก็บสามคะแนนเต็มมีเพิ่ม 19 คะแนนเท่ากับ แมนฯ ซิตี ซึ่งถล่มเอาชนะ แบล็คเบิร์น 4-0 แต่ประตูได้เสียดีกว่าจึงรั้งจ่าฝูงต่อไป

    สำหรับ แมนฯ ซิตี ถล่มเอาชนะ แบล็คเบิร์น 4 ลูกจากการยิงแบบไม่ซ้ำหน้าของ อดัม จอห์นสัน, มาริโอ บาโลเตลลี, ซาเมียร์ นาสรี และ สเตฟาน ซาวิช ขณะที่ นิวคาสเซิล เป็นอีกทีมที่ทำผลงานดีบุกเฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 เก็บเพิ่ม 15 คะแนนรั้งที่ 3 ของตาราง ส่วน แอสตัน วิลลา ก็เป็นอีกทีมที่ยังไม่แพ้ใคร หลังจากเอาชนะ วีแกน 2-0 จากประตูของ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ และ ดาร์เรน เบนท์

    รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    แมนฯ ยูไนเต็ด : อัน เดอร์ส ลินเดการ์ด, จอนนี อีแวนส์, ฟิล โจนส์, ปาทริซ เอฟรา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, อันแดร์สัน, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, ปาร์ค จี-ซอง, นานี, เวย์น รูนีย์, ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ
    นอริช ซิตี : จอห์น รัดดี, ลีออน บาร์เนตต์, รัสเซลล์ มาร์ติน, มาร์ก เทียร์นีย์, ไคล์ นาฟตัน, แบรดลีย์ จอห์นสัน, เดวิด ฟอกซ์, เวสลีย์ ฮูลาฮัน, แอนโธนีย์ พิลคิงตัน, เอลเลียตต์ เบนเนตต์, สตีฟ มอริสัน

    ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันที่ 1 ต.ค.
    เอฟเวอร์ตัน แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2
    [0-1 : แอนดี คาร์โรลล์ น.71], [0-2 : หลุยส์ ซัวเรซ น.81]

    แอสตัน วิลลา ชนะ วีแกน 2-0
    [1-0 : กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ น.35], [2-0 : ดาร์เรน เบนท์ น.62]

    แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ แมนฯ ซิตี 0-4
    [0-1 : อดัม จอห์นสัน น.55], [0-2 : มาริโอ บาโลเตลลี น.58], [0-3 : ซาเมียร์ นาสรี น.72], [0-4 : สเตฟาน ซาวิช น.87]

    แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ นอริช ซิตี 2-0
    [1-0 : อันแดร์สัน น.68], [2-0 : แดนนี เวลเบ็ก น.87]

    ซันเดอร์แลนด์ เสมอ เวสต์บรอมวิช 2-2
    [0-1 : เจมส์ มอร์ริสัน น.3], [0-2 : เชน ลอง น.4], [1-2 : นิคลาส เบนด์เนอร์ น.23], [2-2 : อาห์เหม็ด เอลโมฮามานดีย์ น.25]

    วูล์ฟแฮมป์ตัน แพ้ นิวคาสเซิล 1-2
    [0-1 : เดมบา บา น.17], [0-2 : โจนาส กูเตียร์เรส น.38], [1-2 : สตีเวน เฟลทเชอร์ น.88]






    .

    "เซอร์" ยกนิ้วผีแจ๋วชนะในบ้าน 19 นัดติด <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">2 ตุลาคม 2554 06:17 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG] [​IMG]
    เฟอร์กูสัน พอใจผลงานในบ้านอันสุดแกร่ง



    เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกปากชมผลงานอันยอดเยี่ยมของลูกทีมที่เก็บชัยชนะในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 19 นัดติดต่อกัน หลังจากล่าสุดเข่น นอริช ซิตี 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

    แมนฯ ยูไนเต็ด ออกอาการหืดจับกับการรับมือ นอริช ในเกมลีกนัดดังกล่าว เมื่อทีมน้องใหม่ตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่นและเกือบเสียประตู 2-3 ครั้ง แต่ดีที่เกมรุกคู่แข่งไม่เฉียบคม กว่าที่ "ผีแดง" จะมาปลดล็อกประตูแรกได้ต้องรอกระทั่งนาที 68 จากลูกโหม่งของ อันแดร์สัน ก่อนที่ แดนนี เวลเบ็ก ลงสนามเป็นตัวสำรองซัดย้ำชัยชนะใน 3 นาทีสุดท้ายให้แชมป์เก่าเก็บสามคะแนนเต็ม

    หลังจบการแข่งขัน เฟอร์กูสัน กล่าวว่า "สถิติที่บ้านของเราสุดยอดมากในช่วง 2 ฤดูกาลนี้ เกมนี้ไม่ใช่ฟอร์มการเล่นที่ดีนัก แต่เราเล่นอย่างอดทนและไม่ยอมแพ้ นั้นคือคุณภาพที่ทีมต้องมี ผมไม่คาดเลยว่า อันแดร์สัน จะยิงประตูได้จากลูกโหม่ง (หลังจากขึ้นนำ 1-0) ผมรู้สึกว่าเราต้องการคนที่จะมาเก็บบอลข้างหน้า และ แดนนี เวลเบ็ก ก็ทำสิ่งนั้น แถมเขายังยิงประตูอีกลูกด้วย"

    นอกจากนี้กุนซือชาวสกอตยังชี้แจงเหตุผลที่ส่ง อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ลงเฝ้าเสาแทนที่จะเป็น ดาบิด เด เคอา ว่า "เกมนี้เป็นโอกาสที่จะให้ อันเดอร์ส ลงเล่น เขาจะเดินทางกลับไปยังประเทศเดนมาร์กในสัปดาห์นี้ แต่บางทีอาจไม่ได้ถูกส่งลงเล่นให้ทีมชาติ ขณะที่ เด เคอา น่าจะลงเล่น 2 เกมให้ทีมชาติสเปนชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี"

    ขณะที่ พอล แลมเบิร์ต กุนซือ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ก็ผิดหวังอย่างมากที่ลูกทีมไม่ได้แต้มกลับออกมาจากโรงละครแห่งความฝัน "ถ้าหากคุณทำประตูไม่ได้จากโอกาสที่คุณมีหลายต่อหลายครั้ง มันก็จะย้อนกลับมาหลอกหลอนคุณ แมนฯ ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของยุโรป พวกเขาถล่ม อาร์เซนอล 8 ลูกเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าหากคุณผิดพลาดแม้สักเสี้ยววินาที พวกเขาก็จะลงโทษคุณ"


    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000125139-

    .



    ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้

    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14294&key=news-

    http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14294&key=news

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2011
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    'คนไทย ใจธรรมะ ไม่ซึมเศร้า ไม่ทำร้ายตัวเอง'


    ในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีวันสำคัญมากมาย หนึ่งในนั้นที่พวกเราคงยังจำกันได้คือวันที่ 10 กันยายน ซึ่งเป็น “วันฆ่าตัวตายโลก” หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day)ฟังแล้วหลายคนบอกว่า วันที่ถูกจัดเป็นวันสำคัญของโลก นับวันจะมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และน่าประหลาดใจว่า แม้แต่เรื่องฆ่าตัวตาย ก็ยังถูกจัดเป็นวันฆ่าตัวตายโลก...ทั้งนี้เหตุผลก็เพราะว่า ทั่วโลกมีคนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนสูงมาก นับเป็นตัวเลขก็เฉียดล้านคนต่อปี และมีบางประเทศที่อัตราการฆ่าตัวตายค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นทาง WHO หรือองค์การอนามัยโลก เล็งเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องของแต่ละประเทศหรือเป็นเรื่องของแต่ละท้องถิ่น แล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ทั่วโลกจะต้องตระหนัก และร่วมกันหาทางช่วยเหลือ

    มามองที่ประเทศไทยกันบ้าง สถิติการทำร้ายตัวเองจนถึงขั้นเสียชีวิต (ผมขอไม่เรียกว่าการฆ่าตัวตายนะครับ) แม้จะไม่มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ก็ไม่ได้น้อยหน้าประเทศอื่น ซึ่งในการสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อปี 2553 โดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิตนั้นมีมากถึงวันละ 10 คนเลยทีเดียว (ผู้อ่านต้องลองคิดกันเองว่าวันละ 10 คนนี่มันมากหรือน้อย)

    แต่การที่คน ๆ หนึ่งเสียชีวิต ก็จะต้องมีผู้เสียใจและผู้สูญเสียติดตามมาด้วยอย่างน้อย 4–6 คน ทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี–ภรรยาและบุตร เป็นต้น เพราะฉะนั้นความสูญเสียเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นถ้าคนเรามีสติ และมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ อย่างคนไทยก็จะมีพระพุทธศาสนาที่น่าจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่ดีที่สุดทุก วันนี้ก็จะเห็นว่าคนไทยเข้าพึ่งพาธรรมะกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไปทำบุญ หรือการไปท่องเที่ยวตามวัดต่าง ๆ ไปนมัสการหลวงพ่อตามวัดต่าง ๆ และระลึกถึงพระพุทธองค์หรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีคำสอนต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิต เป็นที่ประจักษ์ของคนทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้าเราได้ซึมซับพระพุทธศาสนาและคำสอนอย่างลึกซึ้งและนำมาปฏิบัติ แล้ว ก็จะเกิดผลดีทั้งต่อตัวเองและครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องที่กล่าวไว้ในศีล 5 หรือศีล 8 ถ้าปฏิบัติได้อย่างน้อยไม่เพียงแต่เรื่องของอัตราการทำร้ายตัวเองจนถึงแก่ ชีวิตจะลดลงเท่านั้น แต่ยังจะมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ มากมาย

    “ในพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ด้วยว่า คนเรานั้นกว่าที่จะเกิดมาก็แสนยากแล้ว แต่กว่าที่จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ยิ่งยากกว่า เพราะฉะนั้นการเผชิญหน้ากับปัญหาในสังคมและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเผชิญ ความเข้มแข็งในการอดทนกับสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ และอยู่ได้อย่างดีทั้งกาย ใจและสมองนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำ...หากแต่คนใดคนหนึ่งทำแล้วไม่สำเร็จ สังคมแวดล้อม ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง สถานที่ทำงาน ก็ต้องช่วยกันในอันที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในเรื่องของสภาพจิตและความเดือดร้อนต่าง ๆ ด้วย”

    และในเดือนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ก็ยังมีเรื่องของภัยธรรมชาติมากมายที่เกิด ขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็ยังโชคดีที่มีความช่วยเหลือต่าง ๆ มากมายมาไม่ขาดสาย ทั้งความช่วยเหลือจากภาครัฐบาลและเอกชน ดังที่เราได้ยินข่าวอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน อัตราเสี่ยงในเรื่องของการทำร้ายตัวเองถึงขั้นเสียชีวิตก็ดูจะมีสูงขึ้นด้วย ในช่วงนี้

    ทางด้านกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขเองก็มีแผนงานในอันที่จะเข้าใกล้ถึงคนในกลุ่มเสี่ยง ที่มีอยู่ประมาณ 5–6 กลุ่ม ซึ่งจะไม่ขอกล่าวในที่นี้ โดยในแต่ละตำบล อำเภอ หรือจังหวัด ก็จะมีผู้ที่ดูแลในเรื่องของสุขภาพจิตที่ใกล้ตัวคอยดูแลอยู่ และหากช่วยเหลือไม่สำเร็จก็จะมีแผนงานที่จะส่งมาพบนักจิตวิทยาหรือส่งมาพบ แพทย์ใกล้บ้านได้เสมอ...แต่การพึ่งพาราชการหรือแพทย์ที่มีจำนวนจำกัดนั้น อาจจะไม่ทันการหรือไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือกันเองในสังคมหรือ โดยเฉพาะกับผู้ที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่คิดสั้นเหล่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ ผู้ที่อยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าจนมีโอกาสที่จะทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บและอาจถึง ขั้นเสียชีวิตนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมีความทุกข์ ความเครียด
    หลายด้านเข้ามารุมเร้าพร้อม ๆ กัน และก็ไม่ใช่ความเครียดที่เกิดขึ้นเฉพาะวันหรือเฉพาะอาทิตย์ แต่เป็นความเครียดที่สะสมมาเรื้อรัง และไม่ว่าจะด้วยสถานภาพใดก็ตามที่ทำให้อันต้องเผชิญชีวิตอยู่เพียงลำพัง เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว แก้ไขปัญหาไม่ได้ด้วยตนเอง จะเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครสนใจ หรือไม่มีใครที่คอยช่วยเหลือ ในโอกาสนั้นความรู้สึกและอารมณ์อาจถดถอยไปสู่ความซึมเศร้า จนถึงขั้นที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้มีหลายองค์กร เช่น กรมสุขภาพจิต, โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา และสมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย ที่ใช้โทรศัพท์เป็นสื่อกลางในการให้คำปรึกษา สำหรับกลุ่มคนที่มีความเครียดในระดับซึมเศร้า ถึงขั้นที่จะทำร้ายตัวเอง เพียงแต่ยกหูโทรฯไปปรึกษาปัญหาเหล่านี้ ก็จะช่วยคลายความรู้สึกซึมเศร้าได้ในระดับหนึ่งสิ่งที่เขาทำก็คือรับฟัง ให้ความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งผู้ที่เคยใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา เล่าเองเลยว่า ก่อนที่จะโทรไปก็รู้สึกไม่มีใครฟัง ไม่มีใครสนใจ แต่เมื่อโทรไประบายโทรไปเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้ว เขารู้สึกสบายใจขึ้น ผ่อนคลาย และนอกจากรับฟังแล้ว ยังแสดงความเห็นอกเห็นใจ พูดคุยประคับประคอง แสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหา แบบนี้ทำให้เขาคลายจากความรู้สึกซึมเศร้าได้ แม้จะไม่ได้พบเจอหน้ากันเลยก็ตาม

    “เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าการโทรไปคุยไประบายหรือไปปรึกษานั้น เป็นเรื่องน่าอับอาย เพราะมันไม่ต้องเห็นหน้าเห็นตากัน และเป็นเรื่องที่เขาช่วยกันมาแล้วหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่นรายอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่เรื่องของความซึมเศร้า แต่ปัญหาใด ๆ ที่เป็นปัญหาสุขภาพจิตก็สามารถโทรฯไปปรึกษาได้เสมอ โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันซึ่งการเดินทางลำบาก ดังนั้นทุกคนมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัวอยู่แล้ว ก็สามารถโทรฯไปปรึกษาได้เลยครับ”

    ในแง่ของการไปพบแพทย์นั้น ปัจจุบันสังคมก็เปิดกว้าง ไม่ต้องกังวลว่าแพทย์จะจำเราได้และนำเรื่องราวของเราไปเปิดเผยให้คนอื่นฟัง เพราะวัน ๆ หนึ่ง แพทย์ต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้วันละหลายสิบเรื่อง เขาจำไม่ไหวหรอก และเขาเองก็มีเรื่องที่เขาต้องจำในชีวิต ของครอบครัวของแพทย์มากมายอยู่แล้วด้วย จึงไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ครับ

    หลายแห่งเวลาไปปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต เขาก็มีการทำ Group Therapy คือจัดให้คนมีทุกข์ทั้งหลายมาพบปะพูดคุย เล่าเรื่องราวและการแก้ปัญหาของตนเองแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งการพูดคุยกันนี้ทำให้เริ่มมีเพื่อน เริ่มที่จะเข้าใจในเรื่องของกันและกัน ไปปรึกษาซึ่งกันและกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดสติปัญญาได้...แต่ผมอยากจะวิงวอนสักหน่อยว่า เพื่อนหรือญาติที่อยู่ใกล้ตัวอย่าทิ้งคนเหล่านี้ แล้วพอรับฟังปัญหาแล้วก็ไม่ต้องเอาเรื่องของเขามาเป็นภาระให้หนักใจตัว หลายคนกลับได้ตระหนักด้วยว่าเรื่องของคนอื่นรุนแรงมากมายกว่าของตนเสียอีก เพียงแต่รับฟังและแสดงความเห็นอกเห็นใจ ก็ช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ 60% แล้ว

    “หลายคนอาจเข้าใจว่า ไม่มีคนปกติที่ไหนที่จะไปพบจิตแพทย์ถ้าไม่ใช่คนบ้า ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะแม้แต่ประธานาธิบดีของอเมริกาทุกท่านยังต้องมีจิตแพทย์ประจำตัว ซึ่งจิตแพทย์นี้ไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำเมื่อเกิดปัญหา แต่ยังจะคอยช่วยดูว่า เวลาติดต่องานกับคนมากหน้าหลายตาที่เข้าพบนั้น จะพูดจาอย่างไรใช้วิธีการอย่างไรให้สัมฤทธิผล ด้านจิตวิทยาอันนำมาซึ่งความสำเร็จด้านปฏิบัติให้สำเร็จเป็นผล เพราะฉะนั้นปัจจุบันคนที่ทันสมัยเท่านั้นที่จะต้องไปพบจิตแพทย์ ไม่ใช่คนบ้า คนทันสมัยต้องใช้จิตแพทย์ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อย่ารอให้บ้า เพราะจริง ๆ แล้ว จิตแพทย์ก็ไม่ได้ต้องการรอรักษาคนบ้าหรอกครับ แต่จิตแพทย์ อยากรักษาก่อนบ้า และจากวันนี้ไปถึง 10 กันยายน ปีหน้า ผมก็ได้แต่หวังว่าสถิติการทำร้ายตัวเองจนถึงขั้นเสียชีวิต คงจะลดลงเหลือน้อยกว่าวันละ 10 คน นะครับ”.

    นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=530&contentId=167058-


    .

    Daily News Online > โลกสีสวย > แรงงาน-สาธารณสุข > ชีวิตและสุขภาพ > 'คนไทย ใจธรรมะ ไม่ซึมเศร้า ไม่ทำร้ายตัว

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    หลากอันตราย ''เชื้อโรคในห้องน้ำ'' รู้ทันจุดหมักหมมเลี่ยงเจ็บป่วย


    น้ำเป็นห้องที่เราต้องใช้เป็นกิจวัตรประจำวันในการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ถ่ายหนัก ถ่ายเบา ล้างหน้า แปรงฟัน ล้างมือ ล้างเท้า ฯลฯ จึงทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ หมักหมมอยู่ในห้องน้ำ หากเราละเลยไม่สนใจทำความสะอาดก็เท่ากับปล่อยให้ห้องน้ำกลายเป็นแหล่งเพาะ เชื้อโรคและเข้าสู่ร่างกายก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย

    ต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรคที่อยู่ในห้องน้ำว่า เชื้อโรคที่มากับห้องน้ำมีมากมายหลายชนิดและสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในห้องน้ำที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ทำการศึกษาผลการตรวจการปนเปื้อนในห้องส้วมสาธารณะ เพื่อหาเชื้อฟีคัลโคลิฟอร์ม (Faecal coliform Bacteria) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่ามีการปนเปื้อนอุจจาระในห้องส้วมพบ 7 จุดโดยเรียงจากจุดที่มีเชื้อโรคมากที่สุด คือที่จับสายฉีดน้ำชำระ ตรวจพบเชื้อโรคมากที่สุดร้อยละ 85.3 บริเวณพื้นห้องส้วม พบเชื้อโรคร้อยละ 50.0 ที่รองนั่งโถส้วม พบเชื้อโรคร้อยละ 31.0 ที่กดโถส้วมและโถปัสสาวะ พบร้อยละ 7.7 ที่เปิดก๊อกน้ำล้างมือ พบร้อยละ 6.9 และกลอนประตูหรือลูกบิด พบร้อยละ 2.7

    นอกจากจุดเสี่ยงนี้แล้วภายในห้องน้ำยังมีอุปกรณ์ในการชำระร่างกายหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่แตกต่างกันสามารถแยกประเภทได้ดังนี้ คือ เชื้อฟีคัลโคลิฟอร์ม มักพบบริเวณ “ที่จับสายฉีดชำระ” เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์มที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของคนและสัตว์เลือดอุ่น ถูกขับถ่ายออกมากับอุจจาระ หากเชื้อของฟิคัลโคลิฟอร์มเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลให้เกิดการถ่ายอุจจาระที่มี จำนวนมากกว่าปกติถึง 3 ครั้งขึ้นไปหรือถ่ายเป็นน้ำหรือเป็นมูกเลือด สิ่งที่ต้องระวังเมื่อป่วยเป็นโรคอุจจาระร่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหยุด ถ่ายเพราะจะทำให้ลำไส้ต้องเก็บกักเชื้อโรคไว้นานขึ้น ซึ่งโรคนี้หากคนที่สุขภาพแข็งแรงก็ไม่อันตราย แต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอื่น เช่น ภูมิแพ้ เบาหวาน ผู้สูงอายุและเด็ก อาจมีความเสี่ยงได้ วิธีทำความสะอาดสายฉีดชำระ ทำได้โดย เช็ดถูที่จับ หัวฉีด และสายฉีดน้ำชำระด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

    “ฝักบัวอาบน้ำ” เราสามารถพบเชื้อแบคทีเรียมายโคแบคเทอเรียมเอเวียม (Mycobacterium avium) หรือเอ็มเอเวียม (M.avium) สะสมอยู่ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีอาการเหนื่อย ไอแห้ง หายใจลำบากเรื้อรังและหมดแรง เชื้อดังกล่าวเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีโรคทางพันธุกรรมที่ก่อให้เกิดโรคในปอด และทางเดินอาหารและภูมิคุ้มกันบกพร่องและผู้ที่บำบัดมะเร็ง ส่วนผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันปกติก็ไม่ต้องกังวลมากนัก ซึ่งวิธีหลีกเลี่ยงจากแบคทีเรียเหล่านี้คือ การใช้ฝักบัวโลหะ เนื่องจากจุลินทรีย์เติบโตในวัสดุประเภทนี้ได้ยาก ทั้งนี้จากงานสำรวจของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าฝักบัวเป็นแหล่งซุกซ่อนแบคทีเรียที่ไหลมาตามสายน้ำลงมาสู่ใบหน้าและ ร่างกายก่อให้เกิดโรคปอดซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

    วิธีทำความสะอาดฝักบัว ให้ถอดหัวฝักบัวออกแล้วใช้แปรงสีฟันขัดคราบสกปรกออก โดยใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจานขัดออกหรือจะใช้มะนาวผ่าครึ่งซีกถูก่อนแปรง ก็ได้ สำหรับฝักบัวที่ถอดไม่ได้ให้นำถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูพอประมาณ เอาฝักบัวใส่ไว้ในถุงน้ำส้มสายชูแล้วผูกถุงให้แน่นทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำฝักบัวออกมาล้างน้ำสะอาดก็จะได้ฝักบัวที่สะอาดแถมน้ำยังไหลได้ สะดวกอีกด้วย

    “ใยขัดตัวหรือฟองน้ำ” ใช้ถูตัวเป็นสิ่งที่ใช้ชำระความสกปรกตามซอกต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งต้องเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี โดยเฉพาะเชื้อราที่แบ่งตัวได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูง โดยสปอร์ของมันจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ปฏิกิริยาภูมิแพ้ โรคหอบหืด ปอดอักเสบ ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อตา จมูก หลอดลม ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ดังนั้นควรเลือกฟองน้ำถูตัวที่ไม่หนามาก ซักฟองน้ำถูตัวด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากใช้แล้วควรแขวนตากให้แห้ง “ผ้าม่านพลาสติก” นักจุลชีววิทยายืนยันแล้วว่าคราบสีดำที่เกาะอยู่กับผ้าม่านพลาสติกในห้องน้ำ นั้นคือแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ละอองจากการเรอ ไอ และจามของคนจะช่วยทำให้แบคทีเรียชนิดนี้เติบโต วิธีป้องกันควรถอดผ้าม่านพลาสติกไปซักอาทิตย์ละครั้งหรือย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง “ผ้าเช็ดมือ-เท้า” มีความเปียกชื้นตลอดเวลา จึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อรา วิธีป้องกันควรแขวนผ้าเช็ดมือ-เท้าหรือวางไว้ที่ลมผ่านหรือนำมาตากให้แห้ง หลังใช้งานทุกครั้ง

    “แปรงสีฟัน” เป็นของส่วนตัวที่ต้องดูแลมากเป็นพิเศษเพราะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในช่องปาก ซึ่งในห้องน้ำมีเชื้อโรคหลายชนิด หนึ่งในเชื้อโรคนั้นคือ เชื้อโรต้าไวรัสและเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสที่ติดโดยการสัมผัสผ่านทางจมูกและ ปาก วิธีป้องกันต้องเก็บแปรงสีฟันไว้ในกล่องมีรูระบายอากาศ เพื่อป้องกันความเปียกชื้นและล้างแปรงสีฟันทุกครั้งก่อนแปรงฟัน “อ่างล้างหน้า” เป็นจุดที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ชอบความเปียกชื้นเป็นพิเศษในบางบ้านอาจมีเชื้อ แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาศัยอยู่ด้วย วิธีป้องกันทำความสะอาดอ่างล้างหน้าอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง และสุดท้าย “ชักโครก” เป็นเครื่องรองรับของเสียจากร่างกาย ไม่ต้องบอกก็พอจะทราบว่าการทำธุระส่วนตัวแต่ละครั้งมีเชื้อโรคแพร่กระจายมาก น้อยเพียงใด อีกทั้งฝารองนั่งก็มีเชื้อโรคต่าง ๆ แฝงอยู่ไม่น้อย วิธีป้องกันคือใช้นำหมักชีวภาพเทลงชักโครกทุกอาทิตย์และทำความสะอาดชักโครก ด้วยน้ำยาทำความสะอาดทุกวัน

    ห้องน้ำเป็นห้องที่มีอากาศไม่ถ่ายเทและเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นยอด ถึงแม้ว่าเชื้อโรคเหล่านี้จะไม่สามารถทำอันตรายผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงได้ แต่เรามั่นใจมากน้อยเพียงใดว่าวันหนึ่งเราจะไม่เจ็บป่วยเพื่อเปิดโอกาสให้ เชื้อโรคเหล่านี้เข้ามาเล่นงาน ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องรู้เท่าทันจุดที่มีเชื้อโรคหมักหมมหรือก่อตัว เพื่อหมั่นทำความสะอาดแหล่งเพาะเชื้อโรคนั้นเป็นประจำป้องกันไม่ให้เชื้อโรค มีโอกาสเข้าสู่ร่างกายทำให้เจ็บป่วยได้.

    เคล็ดลับสุขภาพดี : วิธีดูแลผิวหน้าให้สดใส ขณะพักผ่อนไม่เพียงพอ

    ปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าการดำเนินชีวิตต้องอยู่กับความเร่งรีบแข่งขันกับ เวลา ทำให้สุขภาพของหลายคนแย่ลงไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เครียดจากการงาน รวมไปถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ส่งผลให้สุขภาพผิวพรรณทรุดโทรม หน้าแก่กว่าวัยไปตาม ๆ กัน

    นพ.จักกฤษณ์ อัครเศรณี นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณประจำเศรณีคลินิก ให้ความรู้ว่า การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวโดยเฉพาะผิวหน้าได้ เพราะร่างกายจะมีระดับ Stress Hormone (Cortisol) สูงขึ้น โดยพบว่า จะเกิดภาวะไวต่อการแพ้และอักเสบของผิวได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดผื่นแพ้ชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับภาวะภูมิคุ้มกันของผิวอีกด้วย นอกจากนี้ผิวหน้าที่มันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณสิวและสิวอักเสบเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และ Metabolism ของเซลล์ต่าง ๆ สูงขึ้น เกี่ยวข้องโดยตรงต่อ Aging Process ของผิว ทำให้ผิวเหี่ยวย่นเกินกว่าวัย

    ดังนั้นเมื่อเราพักผ่อนน้อย จะมีผลกระทบต่อผิวคือ ผิวหมองคล้ำขึ้น ไวต่อการแพ้ การอักเสบ ติดเชื้อและผื่นคันแดงเกิดง่ายขึ้น ส่วนผิวที่แห้งอยู่แล้วก็จะยิ่งแห้งกร้านและเป็นขุยมากขึ้น และสำหรับบางคนที่มีปัญหาหน้ามันอยู่แล้วก็จะยิ่งหน้ามันมากขึ้นรวมถึงมีสิว อักเสบมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดริ้วรอยแห่งวัยรวดเร็วขึ้นด้วย ซึ่งวิธีแก้ไขง่าย ๆ ที่เราทราบกันดีคือการพักผ่อนและออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่ในเมื่อหลาย ๆ คนไม่สามารถทำได้จึงต้องมองหาวิธีดูแลอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ได้แก่

    1. ใครที่มีปัญหาหน้ามันและมีสิวเห่อ ต้องพยายามรักษาหน้าให้แห้งมากขึ้นด้วยการล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าที่มีสาร ช่วยลดความมันบนใบหน้า กลุ่ม AHA BHA มีข้อควรระวังคือ อาจเกิดอาการระคายเคืองหากไม่เคยใช้มาก่อน ดังนั้นควรเริ่มใช้จากปริมาณและความถี่น้อย ๆ ก่อนสักระยะ และควรพบแพทย์หากมีสิวมากขึ้นเพื่อรับยากลุ่ม
    ฆ่าเชื้อทั้งแบบยาทาหรือรับประทาน เพื่อไม่ให้มีสิวอักเสบมากเกินไป เนื่องจากสิวอักเสบเหล่านี้จะทิ้งแผลและรอยดำในระยะยาว และไม่ควรล้างหน้าบ่อย แกะ บีบสิว เนื่องจากจะทำให้อาการโดยรวมยิ่งแย่ลงจนเป็นหลุมสิวหรือสิวอักเสบเรื้อรังใน ที่สุด 2. กรณีที่ผิวแพ้มาก มีอาการแสบ แห้ง ลอกหรืออาการแพ้ ผื่นคัน ควรหาครีมบำรุงที่ไม่กระตุ้นการเกิดสิวมาใช้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่อ่อนแอและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ซึ่งครีมบำรุงนี้จะทำให้อาการแสบแดงแห้งลอกทุเลาลงได้

    3. หาครีมที่มีส่วนประกอบของสารออกฤทธิ์กดการสร้างของเซลล์เม็ดสี เช่น วิตามินซี รวมถึงทานวิตามินเสริมในกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี วิตามินอี และกลูตาไธโอน เพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่มากขึ้นในช่วงเวลาที่พักผ่อนน้อย 4. หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ ร่วมกับใช้ครีมกันแดดชนิดมีค่า SPF สูง ๆ และ PA +++ เนื่องจากช่วงนี้ผิวหน้าอ่อนแอมากและมีปัจจัยที่ทำให้ดำคล้ำได้ง่าย ถ้ายิ่งถูกแดดก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวดำคล้ำมากขึ้น และ 5. ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจาก
    ช่วงนี้ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นไปได้ง่าย จากการที่กระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันและ Collagen ของผิวหนังอ่อนแอลง

    อย่างไรก็ตามคำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและแก้ที่ปลายเหตุ เท่านั้นยังไงก็ไม่สามารถชดเชยการพักผ่อนจริง ๆ ได้ ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ การนอนพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเพื่อสุขภาพผิวดี แข็งแรง ขาวใส ไร้สิวค่ะ.

    สรรหามาบอก


    - ศูนย์กระดูกสันหลังและข้อ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ขอเชิญผู้ที่สนใจสุขภาพตนเองทุกเพศทุกวัยร่วมงาน “Healthy Spine Happy Joint” ใน วันที่ 8–9 ตุลาคม 2554 เวลา 12.00–17.00 น. ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น G โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ภายในงานพบกับกิจกรรมเพื่อสุขภาพอีกมากมาย อาทิ ประเมินความเสื่อมของกระดูกจากการดำเนินชีวิต เวิร์กช็อป โยคะชะลอวัย และเทคนิคการปรุงอาหารบำรุงกระดูก พร้อมรับฟังเคล็ดลับการดูแลหลัง คอ เข่าและข้อต่าง ๆ อย่างถูกวิธี สนใจสอบถามรายละเอียดโทร. 0-2378-9000 (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

    - ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลศิครินทร์ จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะ ความคิดและเสริมสร้างจินตนาการของเด็ก ๆ ผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจกับ “โครงการ Waiting Room for Kids” ซึ่งเน้นพัฒนาการสร้างสรรค์ของเด็ก ๆ และผู้สนใจในการทำ เวิร์กช็อป กรอบรูป ที่ตกแต่งด้วยจินตนาการผ่านโมเสกชิ้นเล็ก ๆ และโบโซ่บิดลูกโป่งแจกเด็ก ๆ ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ตุลาคม 2554 ณ บริเวณ Waiting Room for Kids อาคาร 1 ชั้น 2 โรงพยาบาลศิครินทร์ สามารถร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1728 ต่อ แผนกลูกค้าสัมพันธ์.

    ทีมวาไรตี้


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=167053-


    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > หลากอันตราย ''เชื้อโรคในห้องน้ำ'' รู้ทันจุดหมักหมมเลี่ยงเจ็บป่วย
    .
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า สงสัยท่านเพชรจายุ่งครับ ท่านเมตตาตาลุงอีกแล้วครับ ถ่ายแบบชัดไม่มีกั๊ก ครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมลองนำเครื่องเก่ามาชาร์ทแบตฯใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่า

    ถ้าใช้ได้ก็โชคดีไป แต่หากใช้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ไป 2 - 3 สัปดาห์ครับ

    .
     
  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ยังโชคดีนะครับ คุณ sithiphong ยังอยู่ในระยะประกันส่งซ่อมศูนย์ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...