พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    อิอิ รู้สึกว่าองค์ที่สามจากขวาท่านจะยิ้มให้อ่ะครับ :cool::cool:
     
  2. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    อิอิ รู้สึกจะตกไปนิดหน่อยยยครับ:boo:
     
  3. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    'ชวนคนไปวัด...ให้ระวังบาป'ปาฏิหาริย์

    'ชวนคนไปวัด...ให้ระวังบาป'ปาฏิหาริย์ทั้ง๓ที่...วัดสะแก โดย สิทธิ สุทธิอัมพร

    [​IMG]

    ในพระพุทธศาสนากล่าวถึงปาฏิหาริย์อยู่ ๓ ประการ คือ ๑.อิทธิปาฏิหาริย์ การแสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์ ๒.อาเทสนาปาฏิหาริย์ การรู้ดักใจ ทายใจได้เป็นอัศจรรย์ ๓.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ การสอนอันจูงใจคนได้เป็นอัศจรรย์

    ปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ ประการนี้ พระพุทธองค์ทรงยกย่องเพียงหนึ่งเดียวคือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เนื่องเพราะเป็นเหตุแห่งการเกื้อกูลสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ได้สิ้นเชิง มากยิ่งไปกว่าปาฏิหาริย์ทั้งสองประเภทแรกอันอาจอนุเคราะห์สัตว์โลกได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไรมา พระภิกษุผู้ก้าวเดินในสายทางแห่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างมุ่งมั่น ทุกองค์ล้วนผ่านปาฏิหาริย์ทั้ง สองด่านแรกด้วยกันทั้งสิ้น อันเนื่องจากสิ่งเหล่านี้สำเร็จได้ด้วยใจ สำเร็จได้ด้วยการเจริญภาวนา ผู้ปฏิบัติภาวนาจึงล้วนพบเจอด้วยกันทั้งสิ้น ต่างแต่ว่าจะเชี่ยวชาญเพียงใด ใช้เกื้อกูลสัตว์โลกได้กว้างขวางแค่ไหนล้วนขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีเดิมที่เคย สั่งสมมา
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นอีกหนึ่งสมณะที่มุ่งมั่นต่อการบำเพ็ญภาวนามาอย่างเอกอุ ท่านตั้งจิตมุ่งตรงต่อธรรม บ่ายหน้าเข้าร่มกาสาวพัสตร์โดยมี ‘โลกุตรธรรม’ เป็นเป้าหมายสูงสุด หาใช่ฤทธิ์เดชอันชวนหลงแต่อย่างใดไม่ ทว่าการเจริญพระกรรมฐานที่ท่านได้กระทำอย่างอุกฤษฏ์ชนิดที่องค์ท่านยอมแลก ด้วยชีวิตดังคำกล่าวของท่านว่า
    “ถ้าไม่ตายก็ให้มันดี ไม่ดีก็ให้มันตาย ใครจะเหมือนข้า ข้าบนตัวตาย”
    ดัง นั้น ธรรมของหลวงปู่ดู่จึงเป็นธรรมแท้ที่ออกจากใจอันบำเพ็ญเพียรมาด้วยดี มิใช่ธรรมที่เกิดจากการอ่านการจำมาเป็นสัญญาอารมณ์แต่อย่างใด และสิ่งซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น ‘ของแถม’ จากการประกอบความพากเพียรก็คือ ปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ นั่นเอง
    แม้ศิษย์หรือผู้ศรัทธาที่หลั่งไหลไปหาหลวงปู่ดู่ ณ วัดสะแก ส่วนมากมักนิยมไปทาง “อิทธิปาฏิหาริย์” และเกิดความทึ่งใจอย่างยิ่งกับ “อาเทสนาปาฏิหาริย์” อันหลวงปู่สามารถทำให้ปรากฏได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจก็ตาม
    หาก ท่านมิได้แสดงไปเพราะต้องการให้คนลุ่มหลง ตื่นเต้น จนนำมาซึ่งลาภสักการะแก่ท่าน แต่ท่านทำเพื่อ “มอบขนม” ให้เด็กน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อธรรมได้เข้ามาชิม มาเล่น กระทั่งคุ้นเคยต่อท่านและต่อธรรม และเติบโตพอที่จะ “มอบสารอาหาร” ที่จำเป็นต่อชีวิตในภายหน้า เมื่อนั้นท่านจึงแสดงปาฏิหาริย์สูงสุดของพระพุทธศาสนาให้ปรากฏแก่ใจของผู้ศรัทธาทั้งปวง นั่นคือ
    อนุสาสนีปาฏิหาริย์ !
    ใน ปีที่ “ศิษย์สำคัญ” ของหลวงปู่คนหนึ่งมีกำลังใจแก่กล้าต่อการปฏิบัติ และยังเผื่อแผ่กุศลจิตนี้ไปถึงญาติพี่น้องเพื่อนพ้องทั้งปวง จึงดำริชักชวนญาติคนนั้นเพื่อนคนนี้เข้าสู่วัดสะแก เพื่อหวังให้ธรรมะของหลวงปู่ซักฟอกจิตใจเขาเหล่านั้นให้ขาวสะอาด อันจะช่วยให้ความทุกข์เบาบางลงได้ด้วยการลงมือทำของเขาเหล่านั้นเอง โดยไม่ต้องรอพึ่งใคร
    วันหนึ่ง ศิษย์ท่านนี้ได้โทรศัพท์ไปชวนเพื่อนสนิทให้เดินทางมากราบหลวงปู่ดู่ที่วัด สะแกด้วยกันในวันหยุด เพื่อนฟังแล้วก็ตอบอ่อนโยนว่า อยากไปกราบท่านด้วย แต่ว่าวันหยุดนี้ไม่สะดวกจริงๆ เพราะติดธุระ
    ศิษย์ท่านนั้นก็ไม่ว่ากระไร ได้แต่ร่ำลาแล้ววางสายไป เมื่อถึงวันหยุดดังกล่าว จึงเดินทางไปวัดสะแกโดยลำพัง
    ครั้นมีโอกาสมากราบหลวงปู่ดู่ ท่านได้ยกมือขวาขึ้นทำท่าแบบคนยกโทรศัพท์มาแนบหูฟัง แล้วเมตตาสอนเขาโดยถามว่า
    “เมื่อคืนแกโทรศัพท์ไปชวนเพื่อนมากราบข้าใช่ไหม แกรู้ไหมว่าเขาโกหก เขาไม่อยากมาก็หาเรื่องโกหก แล้วก็ปรามาสข้าด้วย”
    คำ กล่าวนี้เป็นดังสายฟ้าฟาดลงกลางใจ เพราะการโทรศัพท์พูดคุยกันนั้น เกิดที่กรุงเทพฯ และเป็นไปอย่างที่เรียกว่า รู้กันสองคน เหตุไฉนหลวงปู่ซึ่งอยู่ถึงอยุธยา จึงสามารถรับรู้ความเป็นไปได้ทุกอย่าง
    เมื่อ ฟังประโยคธรรมของหลวงปู่แล้ว ศิษย์ท่านนี้ก็คิดใคร่ครวญด้วยความเป็นธรรม ดังที่เรียกว่า “โยนิโสมนสิการ” คือพิจารณาในใจโดยแยบคาย ก็ได้คำตอบว่า แม้เราจะหวังดีต่อใคร ก็ควรเป็นไปด้วยความเหมาะสม มิใช่มีแต่เพียงเราที่เห็นว่าดี คนอื่นจะเห็นอย่างไรก็ไม่ทันได้ไตร่ตรอง และคำพูดของหลวงปู่ในวันนั้น ก็ไปตรงกับคำเตือนของท่านที่ปรารภอยู่บ่อยครั้งว่า
    “แกชวนคนไปวัด...ให้ระวังบาป”
    ความ หมาย คือ ชวนคนที่ยังไม่พร้อม ยังไม่มีศรัทธาไปวัดนั้น จะเป็นบาป บาปเพราะเขาจะปรามาส ซึ่งก็คือการดูถูกดูหมิ่น หมิ่นทั้งผู้ชวน ทั้งศาสนสถาน และทั้งศาสนบุคคล ที่เขาได้รับฟังข้อมูล ท่านจึงเตือนว่า การชวนคนไปวัดโดยเราไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน จะเป็นบาปต่อเขาผู้นั้น และเราจะเป็นต้นบาปใหญ่ เพราะเป็นผู้ไปชักชวน ดังนี้แล
    และนี่คือ ปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ ประการ ที่เกิดขึ้น ณ วัดสะแก อันเป็นไปเพื่อทำให้ศาสนิกชนเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ปัญญา” ด้วยการภาวนาของตนนั่นเอง

    -http://www.komchadluek.net/detail/20110922/109782/%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94...%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เจริญ-พระพุทธมนต์

    เจริญ-พระพุทธมนต์ : คำวัด โดยพระธรรมกิตติวงศ์

    การทำบุญเลี้ยงพระนี้ นิยมทั้งในงานมงคลและงานอวมงคลทั่วไป ที่เรียกว่า ทำบุญ งานมงคลนั้น ได้แก่ การทำบุญเลี้ยงพระดังกล่าว เพื่อความสุขความเจริญแก่จิตใจ โดยปรารภเหตุที่ดีเป็นมูล เกี่ยวกับฉลองความสำเร็จในชีวิต เช่น ฉลองพระบวชใหม่ เป็นต้น หรือเกี่ยวกับการริเริ่มชีวิตใหม่เพื่อให้เกิดความสำเร็จ ตามปรารถนาด้วยดีตลอดไป เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญแต่งงาน หรือเรียกว่ามงคลสมรส เป็นต้น

    ส่วนที่เรียกว่า ทำบุญงานอวมงคล ได้แก่ การทำบุญเลี้ยงพระเพื่อประโยชน์เกื้อกูล และความสุขโดยปรารภเหตุไม่สู้ดี เนื่องจากมีการตายขึ้นในวงญาติ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในครอบครัวจัดการทำบุญขึ้น เพื่อให้สำเร็จเป็นประโยชน์ เกื้อกูล และความสุขแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อเป็นมิ่งขวัญกลายๆ แก่ผู้ที่ยังอยู่ งานทำบุญ โดยปรารภเหตุนี้ เรียกว่า ทำบุญงานอวมงคล การทำบุญทั้ง ๒ ประเภทนี้ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติมี ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายทายก ทายิกาผู้ประกอบด้วยต้องการบุญ เรียกว่า ฝ่ายเจ้าภาพ ๑ ฝ่ายปฏิคาหก ผู้รับทานและ ประกอบพิธีกรรมตามความประสงค์ของเจ้าภาพ ซึ่งเป็นพระภิกษุสงฆ์ เรียกว่า ฝ่ายภิกษุสงฆ์อีก ๑ ทั้งสองฝ่ายนี้มีระเบียบปฏิบัติพิธี กำหนดไว้เพื่อความเรียบร้อยโดยเหมาะสมแต่ละประเภท ของงาน เป็นขนบประเพณีสืบมา
    คำว่า "เจริญ" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายไว้ว่า เติบโต งาม งอกงาม เพิ่มพูน สวด สาธยาย และบำเพ็ญ
    เจริญ ใช้นำหน้าคำอื่นๆ ทั้งที่เป็นคำวัดและคำไทยเพื่อให้มีความหมายดีขึ้น ไพเราะขึ้น เช่นใช้ว่า
    เจริญพระพุทธมนต์ หมายถึง สวดสาธยายพระพุทธมนต์
    เจริญฌาณ หมายถึง เพิ่มพูนฌาณ
    เจริญสมณธรรม หมายถึง บำเพ็ญสมณธรรม
    เจริญพร หมายถึง เพิ่มพูนพรให้
    เจริญศักดิ์ หมายถึง มียศมีศักดิ์สูงขึ้น
    เจริญอาหาร หมายถึง รับประทานอาหารได้มากขึ้น
    ส่า วนคำว่า "พระพุทธมนต์" เจ้าคุณทองดีได้ให้ความหมายไว้ว่า บทสวดที่เป็นภาษามคธ ส่วนใหญ่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งพระองค์ตรัสไว้เองบ้าง พระสาวกแต่งกันภายหลังบ้าง ถือกันว่าเป็นบทสวดที่ศักดิ์สิทธิ์ มีลักษณะเป็นมนต์อย่างหนึ่ง
    พระพุทธมนต์ บางส่วนเรียกว่า พระปริตร หมายถึงเป็นเครื่องปกป้องรักษา คุ้มครอง ให้พ้นจากทุกข์ภัยต่างๆ ได้
    คำ งว่าพระพุทธมนต์ ใช้เรียกต่างกันตามลักษณะของงาน ถ้าเป็นงานมงคล ใช้ว่า เจริญพุทธมนต์ ถ้าเป็นงานอวมงคล ใช้ว่า สวดพระพุทธมนต์

    -http://www.komchadluek.net/detail/20110923/109892/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C.html-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ชำแหละลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก


    โดย....วราพงษ์ ป่านแก้ว/โชคชัย สีนิลแท้

    คณะรัฐมนตรีจะได้เคาะมาตรการภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกออกมาแล้ว และถือเป็นนโยบายบ้านหลังแรก หนึ่งเดียวที่คลอดออกมาในเวลานี้ จากก่อนหน้านี้ทั้งแพ็คเกจจะมีเรื่องของการลดภาษีโอนบ้าน และการปล่อยกู้ 0% ระยะเวลา 5 ปี พ่วงอยู่ด้วย

    เมื่อมาตรการอื่นยังไม่สะเด็ดน้ำ ประกอบกับ รัฐบาลจำต้องเร่งเข็นนโยบายออกมาสนองตอบตามที่ประกาศไว้ว่าทุกนโยบายทำได้ จริง และเพื่อลดความกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่วันนี้ตกอยู่ในภาวะสุญญากาศ เพราะคนซื้อรวมทั้งคนโอนบ้านส่วนหนึ่งต่างรอใช้มาตรการบ้านหลังแรกจนตลาด ปั่นป่วนอยู่พอควร

    [​IMG]

    ซื้อบ้าน 5 ล้านได้ประโยชน์สูงสุด


    สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้สนับสนุนคนซื้อบ้านหลังแรกเป็นของตนเอง โดยสามารถนำเงิน 10% จากการซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เป็นเวลา 5 ปี

    ผู้ที่จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจากการซื้อบ้านหลังแรกจะต้องเป็นผู้มี เงินได้ที่ไม่เคยมีชื่อเป็นกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน โดยต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมาให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2554 ไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี

    สำหรับบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่ซื้อจะต้องไม่เคยผ่านการจดทะเบียนโอน กรรมสิทธิ์มาก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนั้นจะต้องเป็นการซื้อบ้านใหม่เท่านั้น ส่วนบ้านมือสอง หรือบ้านที่สร้างเอง จะไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับสิทธิการลดหย่อนภาษีจากมาตรการนี้

    เมื่อดูจากมาตรการที่ออกมาในเบื้องต้นแล้วต้องถือว่า ไม่เข้าตา และค่อนไปทางน่าผิดหวังในสายตาของผู้ประกอบการและผู้ซื้อที่รออย่างใจจดใจ จ่อ เพราะการนำเงิน 10% ของราคาบ้านมาหัดลดหย่อนภาษีได้ 5 ปีนั้น หากคิดกลับมาเป็นเงินที่ได้กลับคืนมาแต่ละปี แต่ละเดือนแล้วยังสร้างแรงจูงใจได้น้อยมาก

    มิหนำซ้ำยังไปเอื้อให้กับคนที่ซื้อบ้านราคาแพง และคนที่มีรายได้สูงมากคนชั้นกลางหรือคนมีรายได้น้อย

    ยกตัวอย่างเช่น คนที่ซื้อบ้าน 5 ล้านบาท สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ 10% คือ 5 แสนบาทในเวลา 5 ปี หรือปีละ 1 แสนบาท สำหรับคนที่ซื้อบ้าน 5 ล้านบาทได้อย่างน้อยต้องมีรายได้เดือนละ 1 แสนบาทเป็นอย่างน้อยที่จะสามรถกู้เงินได้ 5 ล้านบาท (คำนวนจากเงินกู้ 5 ล้านบาท ผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ย 7%) หรือมีรายได้ต่อปี 1.2 ล้านบาท ฐานภาษีอยู่ที่ 30% หากนำเงิน 1 แสนบาท มาหัดลดหย่อน จะได้ภาษีคืนปีละ 3 หมื่นบาท รวม 5 ปี ได้ภาษีคืน 1.5 แสนบาท

    ส่วนคนที่ซื้อบ้าน 1 ล้านบาท สามารถนำเงินมาหักลดหย่อนภาษีได้ 10% หรือเท่ากับ 1 แสนบาท ในเวลา 5 ปี หรือปีละ 2 หมื่นบาท ส่วนคนที่จะซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาทได้ ต้องมีรายได้ 2.2 หมื่นบาท เป็นอย่างน้อย (คำนวนจากเงินกู้ 5 ล้านบาท ผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ย 7%) หรือปีละ 2.6 แสนบาท ฐานภาษีอยู่ที่ 10% หากนำเงิน 2 หมื่นบาทมาหักค่าลดหย่อนจะได้ภาษีคืนปีละ 2,000 บาท หรือ 1 หมื่นบาทในเวลา 5 ปี

    ดังนั้นคนซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท จะได้ผลประโยชน์กลับคืนมามากกว่าคนซื้อบ้านหลังละ 1 ล้านบาท ถึง 15 เท่า สะท้อนภาพชัดเจนว่า คนมีรายได้ดีกว่า มีฐานภาษีสูงกว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าคนมีรายได้น้อยหรือปานกลางที่มีฐานการ เสียภาษีต่ำกว่า เท่ากับว่าเป็นการสร้างแรงกระตุ้น หรือสร้างแรงจูงใจให้คนซื้อบ้านราคาแพงมากกว่าคนซื้อบ้านราคาถูก
    ชี้บ้านหลังแรกราคาเฉลี่ย 1.5 ล้าน

    ด้านนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า มาตรการดังกล่าว กลุ่มที่ได้รับประโยชน์คือกลุ่มคนที่มีรายได้สูง ถือว่ามีผลน้อยต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ข้อมูลจากธนาคารอาคารสงคราะห์ระบุว่ากลุ่มคนที่ซื้อบ้านหลังแรกนั้นจะ เป็นกลุ่มคนที่ซื้อบ้านระดับราคา 1.5 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่

    “มาตรการอสังหาริมทรัพย์นั้นจะต้องมีความชัดเจน เนื่องจากมาตรการที่เตรียมจะเข้าประชุมในคณะรัฐมนตรีนี้ ไม่ได้อยู่ในมาตรการที่รัฐจะประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะมีการประกาศมาตรการ ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี รวมไปถึง การลดค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นต้น” นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าว

    เช่นเดียวกับ นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฉลิมนคร ที่เห็นว่า คนที่จะได้ประโยชน์เต็มๆ จากการลดภาษีบ้านหลังแรก จะ เป็นเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานรายได้สูง ขณะที่คนที่มีรายได้น้อยก็จะได้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีลดน้อยลงไป เช่น กลุ่มที่รายได้ต่อปี 1.5 แสนบาท ถึง 5 แสนบาท สามารถลดหย่อนภาษีได้ 10% คนที่มีรายได้ต่อปี 5 แสนบาทขึ้นไป ถึง 1 ล้านบาทลดหย่อนภาษีได้ 20%

    ส่วน คนที่มีรายได้ต่อปี 1 ล้านบาทขึ้นไปถึง 4 ล้านบาท ลดหย่อนภาษีได้ 30% ส่วนคนที่มีรายได้ 4 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป หรือมีเงินเดือน 3.3 แสนบาทต่อเดือนนั้น จะได้ประโยชน์เต็มๆ โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้ 37% มาตรการนี้จึงถือเป็นของขวัญที่ชิ้นเล็กมากสำหรับคนมีรายได้น้อยที่จะซื้อ บ้านหลังแรกจริงๆ

    หากดูจากประโยชน์ที่คนซื้อจะได้รับแล้วมาตรการดังกล่าวกลายเป็น มาตรการอุ้มคนมีรายได้สูงมากกว่าช่วยคนมีรายได้น้อยหรือผู้มีรายได้ปานกลาง สวนทางกับนโยบาย บ้านหลังแรกที่ต้องการช่วยคนเริ่มต้นสร้างครอบครัวอย่างสิ้นเชิง


    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94/111952/%E0%B8%8A%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81-

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    รถคันแรกป่วนตลาดบ้าน 1-2 ล้าน



    ตลาดบ้าน 1-2 ล้านบาทป่วน รถคันแรกดูดกำลังซื้อคนชั้นกลางหายวูบ ชี้ฐานลูกค้ากลุ่มเดียวกัน ซื้อรถแล้วอดซื้อบ้าน

    แหล่งข่าวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า นโยบายรถคันแรกที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการจะส่งผลกระทบกับตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะบ้านระดับกลางราคา 1-2 ล้านบาท เนื่องจากคนที่ซื้ออรถกับซื้อบ้านเป็นคนทำงานชั้นกลางกลุ่มเดียวกัน เมื่อตัดสินใจซื้อรถจากการกระตุ้นจากนโยบายรัฐแล้ว จะทำให้ความสามารถในการซื้อลดลงจนไม่สามารถซื้อบ้านได้ เพราะรายได้นำมาผ่อนรถแล้ว

    [​IMG]

    “ถ้าซื้อรถราคา 1 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 1.5 หมื่นบาท หรือเท่ากับผ่อนบ้านราคา 2 ล้านบาท เมื่อซื้อรถไปแล้ว ก็ไม่สามารถซื้อบ้านได้ในระยะ 3-5 ปี จนกว่าจะผ่อนรถหมด หรือรายได้เพิ่มขึ้นมาก กำลังซื้อบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทจะหายไปจากตลาดส่วนหนึ่ง” แหล่งข่าวให้ความเห็น

    แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า การออกนโยบายสนับสนุนให้คนซื้อรถ เป็นการหวังผลทางการเมือง โดยไม่มองข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้เราต้องการลดการใช้พลังงาน และพยายามแก้ปัญหาจราจรในกทม.ด้วยการลดจำนวนรถในท้องถนนลง และให้คนใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น แต่นโยบายดังกล่าวจะเพิ่มลดอีก 5 แสนคัน

    ขณะเดียวกัน หากมองในแง่สังคม การสนับสนุนให้คนซื้อบ้านหลังแรกน่าจะดีกว่าสนับสนุนให้คนซื้อรถ เพราะเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว แต่รัฐบาลเลือกที่จะสนับสนุนให้ซื้อรถก่อน ถือเป็นการดำเนินนโยบายที่ไม่สามารถตอบโจทย์ด้านสังคม และหากจะมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจผลิตและประกอบรถยนต์ใน ประเทศที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ก็สามารถมองได้เช่นกัน

    “การออกมาตรการสนับสนุนบ้านหลังแรกที่จริงสามารถทำได้เลย เพราะเป็นมาตรการที่เคยทำมาก่อนแล้วมีฐานข้อมูลอยู่ในมือหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการลดภาษี ที่สามารถออกกฎหมายได้ทันที หรือการสนับสนุนดอกเบี้ย 0% ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่งทำไป นอกจากนี้ยังใช้งบประมาณสนับสนุนน้อยกว่าจึงไม่เข้าใจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับรถคันแรกมากกว่า” แหล่งข่าวกล่าว

    สำหรับมาตรการบ้านหลังแรก ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลจะสนับสนุนในเรื่องของดอกเบี้ย 0% หรือไม่ นอกจากนี้ การลดภาษีในการโอนจะครอบคลุมภาษีเรื่องใดบ้าง เพราะมีภาษีที่เกี่ยวข้อง 3 ส่วน คือ ภาษีโอนและจำนอง ภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ขณะนี้ตลาดชะลอตัวอย่างชัดเจน เพราะคนซื้อ และคนโอนบ้านต่างรอมาตรการนี้อยู่


    -http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94/111578/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-1-2-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ไหว้ 5 ครั้ง
    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )
    วัดเทพศิรินทราวาส

    [​IMG]


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html


    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ


    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน

    แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ

    หยุด ระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ

    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ

    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ
    สุ ปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ

    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา
    เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน
    แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน
    ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา
    ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา
    ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู
    กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู
    อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา
    คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา
    แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน
    เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์
    เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ
    สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน
    แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา
    นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา
    ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี
    กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน
    ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน
    จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์
    รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม
    เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม
    สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง
    เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ

    (บท ประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)

    ต่อ ไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การ ไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ


    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญญาณวรเถระ )

    http://72.14.235.104/search?q=cache:...h&ct=clnk&cd=7

    [​IMG]

    สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2415 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรนาย ทองสุก และนางย่าง

    เมื่ออายุ 8 ปี ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุณี (พุฒ ปุณณกเร) ปฐมวัยอาวาสวัดเขาบางทราย เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาที่วัดเขาบางทราย

    และเข้าศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบพิธอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2435 ที่วัดเขาบางทราย จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2439 ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    "ตาบุญ (พระยาธรรมปรีชา) ผู้เป็นอาจารย์สอนบาลีของ
    เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มอบช้างเผือกส่งเข้ามาให้ "

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ออกพระโอษฐ์รับสั่งเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร) สอบไล่ภาษาบาลี ในมหามงกุฎราชวิทยาลัยได้ที่ 1ทุกชั้นเป็นลำดับมา

    พ.ศ.2441 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระราชาคณะที่พระอัมราภิลักขิต เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลปราจีนบุรี ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา พ.ศ.2471 โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

    พ.ศ.2476กรรมการเถรสมาคมมีมติให้ท่าน เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระสังฆราชเจ้าซึ่งสิ้นพระชนม์ ประมวลเกียรติคุณพิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร)เป็นพระเถระบริหารงานพระศาสนาถึง 5 แผ่นดิน คือแต่รัชกาลที่ 5-9 เป็นพระราชาคณะแต่อายุ 28 ปี เป็นสมเด็จพระราชาคณะแต่อายุ 57 ปี นับเป็นพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พรรษาน้อยกว่า พระเถระหลายรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่อายุ 28 ปี ถึง 80 ปีรวม 53 ปี นับว่ายาวนานที่สุดไม่มีใครเทียบได้
    เมื่อสอบนักธรรม หรือบาลีจะสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นทุกประโยคเป็นรูปเดียวในสังฆมณฑล ดำรงตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง แม่กองบาลีสนามหลวง องค์เดียวกัน

    ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2494เวลา 10.30 น. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเระ)มรณภาพด้วยโรคเนื้องอกที่ตับรวมอายุได้ 80 ปี พรรษาที่ 59

    ความคิดเห็นส่วนตัวผม
    ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ท่านบอก กับผู้ที่ไปกราบท่านว่า ขอให้ทุกๆวันได้ไหว้ 5 ครั้ง จะได้เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเหมือนกับชื่อของท่าน (เจริญ) ครับ ท่านเจ้าคุณนรเอง ก็มีความเคารพในท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)มาก โดยท่านเจ้าคุณนรเอง เวลาเดินผ่านกุฎิของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)ทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณนร ก็จะก้มลงกราบที่กุฎิอยู่ทุกครั้งครับ


    ปัจฉิมโอวาท
    ของ
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    ไม่ตายควาวนี้ ก็ตายคราวหน้า อย่างเศร้าโศก เสียทีที่ศึกษาปฏิบัติมา ร้องให้เศร้าโศก ก็ร้องไห้เสร้าโศกสังขารที่
    เกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง ที่ไม่ร้องไห้เศร้าโศกนั้นมิใช่จะเป็นคนใจไม้ใส้ระกำอะไร

    ธรรมของพระก็คือ
    สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
    ย่นลงก็ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แล้วปรินิพพาน
    ไม่ต้องเกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก

    (มีบัญชาให้บันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๙๔)


    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คาดหุ้นสัปดาห์หน้าผันผวน


    ศูนย์กสิกรไทยคาดหุ้นสัปดาห์หน้าผันผวน/บาทกรอบ31จับตาEU,IMFถกแก้หนี้กรีซ

    บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้าระหว่าง วันที่ 26-30 ก.ย. 2554 ว่า ดัชนี อาจยังคงผันผวน ท่ามกลางความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยจะต้องจับตาการเจรจาปล่อยวงเงินช่วยเหลือกรีซ จาก EU และ IMF สำหรับ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตา ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้ครัวเรือน และจีดีพีไตรมาส 2/2554 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ ได้แก่ เครื่องชี้เศรษฐกิจรายเดือน โดย ธปท. และเงินเฟ้อโดย กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 937 และ 900 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 972 และ 990 จุด ตามลำดับ

    ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินแนวโน้ม อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 26-30 ก.ย. 2554 ว่า ค่าเงินบาท อาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.70-31.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ต้องจับตาผลการลงมติ เรื่องการมอบอำนาจเพิ่มเติม ให้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ของประเทศเยอรมนี สัญญาณการพิจารณาของEU/IMF ว่า จะอนุญาตให้ กรีซ เบิกถอนเงินช่วยเหลืองวดถัดไป เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ในเดือน ต.ค. รวมถึง การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดทำสัญญาซื้อบ้าน ที่รอปิดการขาย รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน เดือนส.ค. ราคาบ้านเดือนก.ค. โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 2/2554 (รอบสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน รายสัปดาห์



    -http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/112600/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%99-


    ทองคำดิ่งเหว 101.9 ดอลล์


    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรุดฮวบลงอย่างหนัก เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดต่างๆทั่วโลกทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น

    สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 101.9 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 1,639.8 ดอลลาร์/ออนซ์
    ทั้งนี้ สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายสัญญา ทองคำเพื่อถือเงินสดเอาไว้ หลังจากตลาดหุ้นและตลาดต่างๆทั่วโลกร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดคือแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับช่วงขาลง

    นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า นักลงทุนผิดหวังที่เฟดตัดสินใจใช้มาตรการ 'Operation Twist' หรือการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 6-30 ปีวงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์และขายพันธบัตรอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่าออกมาในเวลาเดียวกันและในวงเงินที่เท่ากัน โดยนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพมากพอ จึงได้กระหน่ำขายหุ้น, สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ และทรัพย์สินประเภทอื่นๆที่มีความเสี่ยง เพื่อระดมเงินสดที่ได้ไปซื้อพันธบัตรซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า

    ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัทพีเอฟจีเบส์ ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า การที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเป็นสาเหตุที่ทำให้ ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนัก นอกจากนี้ การที่ผู้นำยูโรโซนยังไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะได้นั้น ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำออกมาอย่างหนัก ด้วย

    -http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/112589/%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A7-101-9-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C-

    .
     
  12. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width=570 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>เตือนภัยเงียบความดันโลหิตสูง ส่งผลคนไทยป่วยอัมพาต หัวใจวาย พุ่ง </TD></TR><!-- <tr> <td align="center" valign="top">[​IMG]</td> </tr>--><TR><TD vAlign=top>[FONT=verdana,geneva]เภสัชกรเชิดเกียรติ แกล้วกสิกิจ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่าปี 2554 ประมาณการณ์ว่ามีคนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจหลอดเลือดและเบาหวาน ที่ต้องการยา 7,700,000 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 160,000 ราย และเสียชีวิตถึง 36,000 ราย
    [/FONT][FONT=verdana,geneva]ภาวะที่แรงดันที่แรงดันของเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดมีค่าสูงเกินปกติหรือมีค่ามากกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งถือว่ามีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เป็นสภาวะที่ต้องการควบคุม แต่ถ้าวัดความดันโลหิต ได้ค่าตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ขึ้นไปถือมีภาวะความดันโลหิตสูงนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและอุดตันหรือหลอดเลือดแตก โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) ไตวาย โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตที่สำคัญของคนไทย เป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตเนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีอาการเตือน ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ กรรมพันธุ์ เช่น มีพ่อ แม่ พี่น้อง เป็นโรคความดันโลหิตสูง และอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ส่วนปัจจัยเสี่ยงควบคุมได้ ได้แก่ รับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด ไขมันในเลือดสูง ภาวะเบาหวาน ขาดการออกกำลังกาย อ้วนหรือมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น เครียดเรื้อรัง สูบบุรี่ และดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
    [​IMG]
    [/FONT][FONT=verdana,geneva]อาการเตือนของโรคความดันโลหิตสูง ส่วนมากจะไม่แสดงอาการเตือนแต่มักจะตรวจพบโดยบังเอิญขณะไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาจากปัญหาอื่น มีบางรายที่อาจมีอาการเตือน เช่น ปวดมึนท้ายทอย วิงเวียน ปวดศีรษะตุบๆ หากเป็นมานานหรือความดันโลหิตสูงมากๆ อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล ตามัว ใจสั่น มือเท้าชา เมื่อเกิดอาการผิดปกติ จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้รับการรักษาได้ถูกต้องและทันท่วงที ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตมีผลกระทบต่อหลายอวัยวะของร่างกาย คือ ต่อหัวใจ อาจเกิดหัวใจโต และหลอดเลือดหัวใจหนาตัวและแข็งขึ้นทำให้เกิดหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจล้มเหลว ต่อสมอง อาจเกิดเส้นเลือดในสมองอุดตันหรือแตกได้ เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือเสียชีวิตทันที ต่อไต อาจเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่การคั่งของสารพิษในร่างกาย อาจถึงตายได้ ต่อตา อาจเกิดเลือดออกที่ตา ตามัวจนถึงตาบอดได้ ต่อหลอดเลือด อาจทำให้หลอดเลือดตีบแคบ หรือโป่งพอง มีผลให้เลือดไปเลี้ยงแขนขา และอวัยวะภายใยน้อยลงจนเดินไม่ได้ไกล เพราะปวดขาจากการขาดเลือด
    [/FONT][FONT=verdana,geneva]เภสัชกรเชิดเกียรติ กล่าวแนะนำว่าการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ให้แก้ไขเรื่องพฤติกรรมการกินอาหารโดยเฉพาะควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ชิมอาหารก่อนรับประทาน ฝึกการรับประทานอาหารที่มีรสชาติพอเหมาะไม่เค็ม หากซื้ออาหารกระป๋อง ผักดอง และอาหารสำเร็จรูป ควรอ่านฉลากอาหารทุกครั้งและเลือกชนิดที่มีเกลือโซเดียมต่ำหรือน้อย ลดการใช้น้ำปลา เกลือเครื่องปรุงรส (โดยปกติควรบริโภคเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน ) หันมาใช้เครื่องเทศแทนและสมุนไพรแทน เช่น หัวหอม กระเทียม ขิง พริกไทย มะนาว งดบริโภคอาหารมักดอง ขนมกรุบกรอบ ไม่วางเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ้วขาว ไว้บนโต๊ะอาหาร เลือกซื้อผักผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่สดใหม่มาปรุงอาหารรับประทานเอง เพิ่มปริมาณการกินผักและผลไม้ไม่หวานให้มากขึ้น ออกกำลังกายประมาณวันละ 30 นาทีขึ้นไป 5 วันต่อสัปดาห์ หรือทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างกระชับกระเฉง ทำจิตใจให้สบาย ควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 120/80 มิลลลิเมตรปรอท ลดหรือเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสถานที่มีควันบุหรี่ สังเกตอาการเตือนต่าง ๆ ในคนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพโดยการวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อจะได้ทราบค่าความดันโลหิตของตัวเอง หากประชาชนทุกคนมีความรู้ หมั่นวัดความดันโลหิต และสามารถควบคุมป้องกันความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ตลอดเวลาก็จะสามารถป้องกันโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต อัมพาต ที่จะคุกคามชีวิตได้[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา medicthai.com
     
  13. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    "เรือใบสีฟ้า" เชือด "ท็อฟฟี่" เบาะๆ 2-0 "ซูเปอร์มาริโอ้" โชว์ยิงไกลสุดสวย

    วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 21:03:35 น.
    <!-- Start share facebook -->Share <SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
    <!-- End share facebook -->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=90>[​IMG]
    มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงประตูให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำเอฟเวอร์ตัน ก่อน "ทีมเรือใบสีฟ้า" จะเปิดบ้านเอาชนะไป 2-0
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    กระทู้นี้มีผู้ชมน้อย เลยขออนุญาตนำมาให้เพื่อนชมรมพระวังหน้าได้ดูกันว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงคณะหลวงปู่อย่างไร..


     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขออนุญาตคุณเพชร เพิ่มลิงค์ครับ

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3.306249/-

    http://palungjit.org/threads/หลวงพ่อพระราชพรหมยานพูดถึงหลวงปู่เทพโลกอุดร.306249/

    .

    หรือ กดไปที่ ลูกศร [​IMG] ที่อยู่หลังชื่อคุณpiyaa ก็จะไปกระทู้ต้นทางครับ

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ piyaa [​IMG]
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2011
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาฝากแฟนผีแดงครับ



    -------------------------------------------------------

    "ผี" เกือบลงหม้อบุกเจ๊าสโต๊ค 1-1 <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">25 กันยายน 2554 01:30 น.</td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เบอร์บาตอฟ แตะบอลหนี วีแลน</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เอฟรา ดวลลูกโหม่งกับ เคราช์</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">โอเวน พยายามแย่งบอลจาก วอลเตอร์</td> </tr> </tbody></table>


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">จังหวะ เคราช์ โหม่งให้ สโต๊ค ตามตีเสมอ 1-1</td> </tr> </tbody></table>

    "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียสถิติชนะร้อยเปอร์เซนต์ แต่กลับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง หลังจากบุกเสมอ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี 1-1 ในเกมลีกเมืองผู้ดีคู่สุดท้ายของคืนวันเสาร์ที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

    ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    สโต๊ค ซิตี 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด

    "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางบุกเยือน "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี ที่สนามบริทเทนเนีย สเตเดียม เพื่อรักษาสถิติชนะร้อยเปอร์เซนต์และกลับขึ้นนำจ่าฝูงของตารางต่อ สำหรับเกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจพัก เวย์น รูนีย์ ไม่มีชื่อแม้แต่สำรอง โดย ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ฟิตจากอาการเจ็บขากลับมายืนล่าตาข่ายร่วมกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ลงตัวจริงเป็นนัดแรกของฤดูกาล ขณะที่เจ้าถิ่นของ โทนี พูลิส วาง โจนาธาน วอลเตอร์ และ ปีเตอร์ เคราช์ สองหัวหอกจอมโขกมาทดสอบแนวรับของแชมป์เก่า

    เปิดฉากครึ่งแรกมาเพียง 3 นาที ชิชาริโต ได้บอลหลุดจะเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ถูก โจนาธาน วูดเกต ชนล้มลงจนได้รับบาดเจ็บ กองหน้าชาวเม็กซิกันเล่นต่อไม่ไหวถูกเปลี่ยนตัวออกในอีก 4 นาทีถัดมา ไมเคิล โอเวน ซึ่งยิงสองประตูในเกมลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ลงมาแทน

    ทั้งสองทีมทำเกมสู้กันอย่างสูสี กระทั่งผ่านมาถึงนาที 27 กลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ทำประตูออกนำก่อน 1-0 นานี เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนทำชิ่งกับ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ แล้วแตะเข้าไปซัดในกรอบ 18 หลาผ่านมือ แอสเมียร์ เบโกวิช ซุกก้นตาข่าย

    นาทีถัดมา "ช่างปั้นหม้อ" เกือบตามตีเสมอแบบทันควัน เจอร์แมน เพนแนนท์ กระชากบอลขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนเปิดมาหน้าประตู กองหลังทีมเยือนสกัดออกมาเข้าทาง แอนดี วิลกินสัน ได้สับไกในเขตโทษ แต่ไม่ผ่าน ดาบิด เด เคอา ปัดไปชนเสา

    เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก ในนาที 32 เมียร์โกวิช ถูก แอชลีย์ ยัง วิ่งกดดันจนเตะบอลเคลียร์ทิ้งออกมาเข้าทาง นานี แต่ปีกชาวโปรตุกีสยิงบริเวณกรอบเขตโทษเหินข้ามคานไปเอง อีก 5 นาทีถัดมาเป็นโอกาสของเจ้าบ้าน วอลเตอร์ ได้สับไกยิงในเขตโทษให้ เด เคอา ปัดปลายมือหลุดเสาสองนิดเดียว แต่สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่มจบ 45 นาทีแรก

    สโต๊ค บุกกดดันใส่อย่างหนักตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง กระทั่งผ่านมาถึงนาที 52 ก็ตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ เคราช์ โหม่งบอลจากลูกเตะมุมเข้าประตูไป อีก 2 นาทีถัดมา ศูนย์หน้าร่างโย่งเกือบบวกประตูเพิ่ม หลังจากได้โอกาสซัดจ่อๆจากระยะแค่ 2 หลา แต่กลับยิงไปติดแขน เด เคอา ออกหลัง

    ในนาที 66 มาร์ก วิลสัน ซัดฟรีคิกทะลุกำแพง แต่ยังไม่ผ่านมือ เด เคอา เซฟไว้ได้ หลังจากเกมเป็นรอง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีการปรับเปลี่ยนทีมส่ง ไรอัน กิ๊กส์ และ แดนนี เวลเบ็ก ลงมาในสนาม แต่เกมไม่ดีขึ้นมากนัก

    ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมมีโอกาสบวกประตูเพิ่มอีกฝั่งละ 2 ครั้ง โดย สโต๊ค ได้ลุ้นจาก เคราช์ ขณะที่ กิ๊กส์ และ โอเวน เกือบทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ไม่สำเร็จ จบเกมจึงเสมอกัน 1-1 แบ่งกันทีมละคะแนน โดย แมนฯ ยูไนเต็ด เสียสถิติชนะร้อยเปอร์เซนต์ แต่กลับมาเป็นจ่าฝูงอีกครั้งด้วยการมี 16 แต้มเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี แต่ประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ สโต๊ค มี 9 แต้มอยู่ที่ 7 ของตาราง

    รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    สโต๊ค ซิตี : แอสเมียร์ เบโกวิช, โจนาธาน วูดเกต, ไรอัน ชอว์ครอสส์, มาร์ก วิลสัน, แอนดี วิลกินสัน, เกลนน์ วีแลน, รอรีย์ ดีแลป, แมทธิว เอเธอริงตัน, เจอร์แมน เพนแนนท์, โจนาธาน วอลเตอร์, ปีเตอร์ เคราช์
    แมนฯ ยูไนเต็ด : ดา บิด เด เคอา, ฟิล โจนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, อันแดร์สัน, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, แอชลีย์ ยัง, นานี, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ

    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000121879-

    .

    http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000121879


    .

    -http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14267&key=news-

    http://football.kapook.com/news_inside.php?id=14267&key=news

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2011
  17. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    โหไม่ได้เข้ามาหลายวันเนื่องจากงานยุ่งมากๆเลยครับช่วงนี้ พอเปิดมาได้ชมทั้งรูปและความรู้ที่พี่ๆทั้ง3ท่านมอบให้ บอกได้คำเดียวเลยครับว่าสิ่งที่ยังไม่รู้ไม่ทราบยังมีอีกมากมายนักครับ ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของพระที่นำมาให้ชมนะครับ
     
  18. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่านแล้วได้ข้อคิด ต้องเอามาใช้กับตัวเองอีกหลายๆเรื่องเลยครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พึ่งจะบรรจุพระวังหน้า ลงในกล่องพัศดุ เพื่อจัดส่งให้กับ ท่านน้องปฐม , น้องพรสว่าง และ น้องจักรินทร์ เสร็จ

    ในสัปดาห์หน้า จะดำเนินการจัดส่งให้ครับ

    หลังจากที่รับปากว่าจะส่งให้ แล้วยังไม่ได้ส่งให้ รับปากมาแล้วเป็นเดือนๆ (บางท่าน รับปากไว้ 6 เดือนแล้ว)

    ขอไปทานอาหารเช้าก่อนครับ ผบทบ.เตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้าแล้วครับ

    น้องทั้งสามท่าน หากต้องการทราบข้อมูล โทร.มาสอบถามพี่นะครับ


    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    แบบแปลนบ้านลอยน้ำ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    27 กันยายน พ.ศ. 2550
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
    ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับ “บ้านลอยน้ำ”



    [​IMG]


    กรมโยธาธิการและผังเมือง จึงได้ออกแบบบ้านหลังนี้ขึ้น โดยปรับใช้แนวคิดจาก “บ้านลอยน้ำท่าขนอน” และ เรือนแพของชาวบ้านในอดีต นำมาประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งในฤดูแล้งตัวบ้านจะตั้งอยู่บนพื้นดินตามปกติ แต่เมื่อมีน้ำท่วมก็จะลอยขึ้นตามระดับน้ำได้ โดยจะมีการยึดตัวบ้านไว้กับเสาหลักทั้งสี่มุม เพื่อป้องกันการโคลงตัว หรือ ลอยไปตามกระแสน้ำ และเมื่อระดับน้ำลดลงตัวบ้านก็จะกลับมาตั้งอยู่บนพื้นดินตามเดิม

    ขนาดของบ้านลอยน้ำ ที่ได้ออกแบบขึ้นนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของขนาดวัสดุสำเร็จรูป ที่มีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด เพื่อให้เป็นการใช้วัสดุที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้และทำการก่อสร้างได้ง่าย เนื่องจาก มีระบบวิศวกรรมโครงสร้างเป็นรูปแบบอย่างง่าย ชาวบ้านที่มีความรู้ด้านช่างในระดับทั่วไป ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เอง

    บ้านหลังนี้ มีขนาดพื้นที่รวม ประมาณ 60 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการก่อสร้าง และการลอยน้ำ แต่หากมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น ก็อาจเชื่อมต่อหลายหลังเข้าด้วยกัน โดยใช้สะพานทางเชื่อมพาด ระหว่างชานรอบตัวบ้าน

    สำหรับราคาค่าก่อสร้าง ประมาณการได้ว่า กรณีดำเนินการก่อสร้างเอง จะมีราคาประมาณหลังละ 719,000 บาท หากจ้างเหมาราคาประมาณหลังละ 915,000 บาท เนื่องจาก ต้องมีการคิดค่าดำเนินการ กำไรและภาษีด้วย

    แบบบ้านลอยน้ำ ของกรมโยธาธิการและผังเมืองนี้ น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของ ประชาชนที่ต้องอยู่อาศัยในพื้นที่ที่อาจต้อง ประสบภัยน้ำท่วมตามฤดูกาลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้อยู่อาศัยในบริเวณที่เป็นที่ลุ่ม โดยอาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และพื้นที่ใช้สอยให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องตามความต้องการที่แท้จริงของตนเองต่อไป




    [​IMG]

    [​IMG]


    http://www.oknation.net/blog/BlueDag.../09/24/entry-2
    Project We Love Our King of Thailand: แบบบ้านลอยน้ำ เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะชน ที่เดือดร้อนประสบป&#
    ถ้าเคยมีคนลงเเล้ว เเล้วเราลงซ้ำไปขออภัยด้วย

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81.307156/-



    แบบบ้านลอยน้ำ ให้ดาวน์โหลด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Archive.zip
      ขนาดไฟล์:
      7 MB
      เปิดดู:
      31
    • p14.jpg
      p14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.7 KB
      เปิดดู:
      296
    • 1291847483.jpg
      1291847483.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.5 KB
      เปิดดู:
      311
    • 1291847549.jpg
      1291847549.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.8 KB
      เปิดดู:
      292
    • 1291847591.jpg
      1291847591.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61 KB
      เปิดดู:
      302

แชร์หน้านี้

Loading...