ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 4



ความอยู่ไม่เป็นสุข(uneasiness)


พวกคุณนึกภาพปฏิกิริยาของพวกคุณออกไหม
หากคุณได้ประจันหน้ากับความจริงเหล่านี้ทั้งหมดและเรื่องอื่นๆ
เช่น ได้รู้ว่าบรรดาผู้ที่ก่อให้เกิดเรื่องเลวร้ายในเหตุการณ์ “9/11” จริงๆเป็นใครบ้าง
พร้อมไปกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอันลึกล้ำทั้งหลายด้วย

แม้ว่าการปล่อยหลักฐานออกมาให้รับทราบ
และการเริ่มต้นระบบใหม่ๆจะเกิดขึ้นเป็นจังหวะๆไป เท่าที่จะเป็นไปได้แล้วก็ตามในช่วงหลายเดือนที่มาถึง
แต่มันก็ยังเป็นเรื่องท้าทายที่รับได้ยากสำหรับผู้คนมากมายซึ่งยังหลับใหลไม่ตื่นรู้อยู่ดี

และแรงโน้มน้าวให้เข้าสู่อารมณ์สงบของพวกคุณ ก็จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในหลายเดือนข้างหน้า
พวกคุณแค่ต้องพยายามอยู่ในแสงสว่างอย่างมั่นคงแน่วแน่ให้ได้
แล้วปัญญาภายในตามธรรมชาติกำเนิดกับความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของคุณ
จะนำทางคุณในการฝ่าฟันเพื่อเป็นแรงช่วยเหลือผู้อื่นในทุกด้าน



พวกเรารู้ว่า พวกคุณหลายๆคนกำลังประสบอยู่กับช่วงเวลาที่อยู่ไม่เป็นสุขอย่างมีประเด็น
ทั้งในด้านความคิดจิตใจ, ด้านอารมณ์ความรู้สึกหรือในด้านร่างกาย
พวกเราได้เร่งรุดให้พวกคุณมั่นใจอยู่ว่า
ในหลายๆกรณีซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงทางวิญญาณทั้งหลายส่วนใหญ่แล้ว
สิ่งเหล่านั้นก็คือปฏิกิริยาต่างๆตามธรรมชาติต่อฝูงความสั่นสะเทือนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
อันกำลังไหลกระจายออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งกำลังบังเกิดขึ้นอยู่ในสภาวะโลกของพวกคุณ

ตามความเป็นจริงแล้ว ในขณะที่แสงสว่างแข่งขันต่อสู้กับความมืดมิดอยู่นั้น
ความผันผวนทางพลังงานอย่างมโหฬารก็กำลังเกิดขึ้นในจักรวาล



เนื่องจากดาวโลกเป็นระบบย่อยของจักรวาล และพวกคุณแต่ละคนก็คือระบบย่อยของดาวโลกอีกที
พวกคุณจึงได้รับผลกระทบโดยเหตุการณ์ทางจักรวาลทั้งหลายอยู่ตลอด
เพราะทุกสิ่งทุกตำแหน่งแห่งที่นั้นสัมพันธ์เชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด

ถึงกระนั้น พวกคุณก็ได้รับผลกระทบมากกว่า
โดยพลังงานที่ใกล้ตัวกว่าที่อยู่บนดาวเคราะห์อย่างไม่สามารถกะเกณฑ์ได้เลย
โดยบนดาวเคราะห์นั้นคือที่ซึ่งความสั่นสะเทือนแบบสูงของแสงสว่าง
ขัดแย้งกันอยู่กับความสั่นสะเทือนแบบต่ำที่ปล่อยออกมาโดยบุคคลผู้มืดมนทั้งหลาย,
ปล่อยออกมาโดยการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิดของพวกเขา
และปล่อยออกมาโดยความปวดร้าวในใจและความทุกข์ทรมานทางร่ายกาย
อันเกิดจากการกระทำของบุคคลผู้มืดมน

ความขัดแย้งและความรู้สึกที่ไม่คงที่ต่างๆของพวกคุณนี้จะบรรเทาเบาบางลง
เมื่อแสงสว่างมีชัยต่อความมืดมิดอย่างมีอำนาจเหนือกว่ามากขึ้นเรื่อยๆ



............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 5



ความสั่นสะเทือนกับกฎของการดึงดูด(vibrations, law of attraction)


ยิ่งไปกว่านั้น
พวกคุณยังมีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองในเรื่องของการสั่นสะเทือนอีกด้วย
มันเป็นที่เข้าใจได้ว่าสภาพเลวร้ายของผู้คนและสัตว์จำนวนหลายล้าน
กำลังทำให้บุคคลผู้ห่วงใยผู้อื่นและอ่อนไหวง่ายกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างรุนแรง

แต่ได้โปรดเถิด
อย่าปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกของตัวคุณเองถูกดึงเข้าหาความเจ็บปวดทรมานของพวกเขา
ความสั่นสะเทือนแบบต่ำของความเจ็บปวดใจเกี่ยวกับความเดือดเนื้อร้อนใจ,
ความสิ้นหวังและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความกลัวของผู้อื่น
จะทำให้ดุลยภาพที่คุณจำเป็นต้องมีการในรักษาแสงสว่างไว้ให้มั่นคงนั้นแยกออกไม่เกาะเกี่ยวโยงกัน
และการแยกออกแบบนั้น
ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนและสัตว์จำนวนหลายล้านเหล่านั้น
หรือต่อตัวคุณเองแต่อย่างใด



ด้วยกฎฟิสิกส์ต่างๆที่กำกับดูแลชีวิตความเป็นอยู่ในสภาวะโลกนี้
ความสั่นสะเทือนแบบต่ำต่างๆจึงปรากฏมีตัวพวกมันเองมากขึ้น
ในแบบที่ พวกมันพวยพุ่งเข้าสู่ซุปรวมของจักรวาล(the universal soup)
และกลับคืนมาสู่พวกคุณมากขึ้นของสิ่งที่มีความสั่นสะเทือนชนิดเดียวกัน

แน่นอนว่าความสั่นสะเทือนแบบสูงของความเห็นใจและความรักก็เป็นแบบเดียวกัน
และส่งกลับมามากกว่าหลายเท่าตัว
เพราะว่าแสงสว่างที่อยู่ในอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้น
มีพลังอำนาจมากกว่าความเป็นลบในความสั่นสะเทือนแบบต่ำเป็นอย่างมาก



คิดถึงเครื่องพัดลมดูสิ
ฟังก์ชั่นของมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นแค่ไหนเมื่อการตั้งค่าของมันอยู่ในระดับสูง
ความสั่นสะเทือนทางอารมณ์ความรู้สึกก็ทำงานคล้ายแบบนั้นด้วย
ต่างกันตรงที่เครื่องพัดลมต้องถูกเปิดเครื่อง
แต่อารมณ์ความรู้สึกต่างๆตอบสนองต่อกระแสความคิดในทันทีทันใด

กระแสความคิดก็แพร่กระจายความสั่นสะเทือนออกมาด้วยเช่นกัน
ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุที่การเปลี่ยนแปลงกระแสความคิดจากลบเป็นบวก
ทำให้ระดับจิตวิญญาณของพวกคุณยกสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
มันคือการที่คุณเริ่มความสั่นสะเทือน “ในระดับสูง(on high)” นั่นเอง



นั่นไม่ได้เป็นเพียงไอเดียประยุกต์ที่สามารถช่วยให้คุณรู้สึกเข้าใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
แต่มันเป็นวิทยาศาสตร์
ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพลังงานและเป็นพลังงาน
อันเป็นพลังงานที่มีความกลางเป็นอะไรก็ได้,
ไม่ได้เป็นด้านใดด้านหนึ่งและมีความสามารถที่ไร้บทสรุปตายตัว

เนื่องด้วยการปราศจากสมรรถภาพในการทำให้ “ดี” และ “ชั่ว” แตกต่างกัน
พลังงานจึงเป็นไปตามชุดคำสั่งต่างๆที่คุณให้มันไปแบบตรงไปตรงมา
ผ่านทางกระแสความคิดและความรู้สึกของคุณ
และนั่นก็คือจุดที่กฎฟิสิกส์ของการดึงดูด
หรือสิ่งที่เหมือนกันดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้ามามีบทบาท

จงส่งพลังงานของการสั่นสะเทือนแบบสูงของความรักออกมา
และรับผลพวงอันงดงามจากสิ่งที่คุณหว่านไว้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เถิด



.............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 6



วิธีการทำงานของการสวดอธิษฐาน(how prayer works)


แม้ว่าการสวดมนต์อธิษฐานเพื่อตนเอง หรือเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
หรือเพื่อผู้คนจำนวนมาก หรือเพื่อตัวดาวโลกเอง
อาจจะเป็นรูปแบบธรรมดาส่วนใหญ่ที่แสดงถึงความใส่ใจและความห่วงใยของคุณ
แต่การสวดอธิษฐานก็ไม่ได้รับความเข้าใจอย่างถูกต้อง

คุณนึกถึงมันในฐานะการอ้อนวอนขออย่างเป็นพิธีการบางอย่าง
เช่น คำอธิษฐานของพระเยซู หรือการร้องขอบางอย่างที่ดีเป็นพิเศษให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนอื่น
หรือการขอบคุณเป็นถ้อยคำเหมือนการอธิษฐานในมื้ออาหาร

ที่จริงแล้ว เหล่านี้ทั้งหมดคือลักษณะต่างๆของการสวดอธิษฐานต่างหาก
เพราะว่าทุกกระแสความคิด, ทุกความรู้สึก, ทุกแรงจูงใจและทุกการกระทำ คือ การสวดอธิษฐาน
ชีวิตทั้งชีวิตของคุณ คือ การสวดอธิษฐาน



เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏมีอยู่ การสวดอธิษฐานก็เป็นพลังงาน
และมันก็ดำเนินไปตามทิศทางที่คุณให้
ถึงกระนั้น มันก็ไม่จำเป็นจะต้องสร้างผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้เกิดขึ้น
ตราบเท่าที่ความมีชีวิตของแต่ละวิญญาณเป็นความล้ำค่าและเป็นความเฉพาะตัวอย่างที่สุดต่อพระเจ้า
แต่ละวิญญาณก็ยังคงถูกปกครองดูแลโดยกฎจักรวาลต่างๆอยู่



สมมติว่าคุณกำลังสวดอธิษฐานเพื่อช่วยบุคคลที่คุณรัก
และเพราะความเจ็บป่วยนั้นรุนแรงมาก คุณจึงกลัวว่าเธอจะตาย
และรีบสวดอธิษฐานว่าเธอจะไม่ตาย

มีสองปัจจัยด้วยกันที่มีส่วนในเรื่องนี้ และปัจจัยที่สำคัญกว่าก็คือว่า
ข้อตกลงทางวิญญาณ(soul contract)ของบุคคลหนึ่งๆมาก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
เนื่องจากคุณไม่รู้ถึงสิ่งที่เขาคนนั้นเลือกไว้ในข้อตกลงของเขา
การสวดอธิษฐานที่เป็นประโยชน์ที่สุด จึงเป็นการสวดอธิษฐานที่กล่าวถึงคุณงามความดีของเขา

คุณไม่รู้ข้อตกลงของใคร แม้ของตัวเองก็ตาม
ดังนั้น การสวดอธิษฐานที่ไม่มีข้อกำหนดใดๆ จึงเป็นประโยชน์ที่สุดเสมอ

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ
ความเร่งรีบในการสวดอธิษฐานทำให้พลังงานของคุณแยกออกไม่เกาะเกี่ยวโยงกัน
ซึ่งทำให้ระดับความสั่นสะเทือนของคุณต่ำลง
และเพราะกระแสความคิดและความรู้สึกทั้งหลายของคุณถูกส่งตรงไปยังบุคคลที่คุณรัก
คุณจึงกำลังส่งความสั่นสะเทือนแบบต่ำในระดับเท่ากันกับความคิดความรู้สึกของคุณไปให้เขา
ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่คุณต้องการไปโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว



...............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 7



ความสั่นสะเทือนของความรักและความสั่นสะเทือนของแสงสว่างนั้นเหมือนกันทุกอย่าง
เพราะว่าพวกมันคือพลังงานอย่างเดียวกันที่ถูกสำแดงออกมาให้รับรู้ต่างกัน
และพวกเราก็พูดว่าแสงสว่างหรือความรัก เพื่อทำให้บรรยายได้ง่ายขึ้นแค่นั้นเอง

ในฐานะเนื้อแท้อันบริสุทธิ์ของแหล่งต้นกำเนิดแบบพระผู้สร้าง(Creator Source)
พลังงานนี้จึงเป็นพลังที่ทรงอานุภาพสูงสุดในเอกภพ
เป็นความสั่นสะเทือนสูงที่สุดในเอกภพ
และจึงเป็นพลังงานที่ทรงอานุภาพสูงสุดในจักรวาลของพวกเราไปโดยปริยายตามธรรมชาติ

เมื่อคุณกำลังคิดถึงคนที่คุณรัก
กระแสความคิดของคุณจึงเป็น “ที่อยู่” ที่พลังงานความรักของคุณถูกส่งไปให้
และมันไม่เพียงไปถึงบุคคลนั้นเท่านั้น แต่มันยังไหลออกสู่สภาวะโลก
และเข้าสัมผัสทุกชีวิตที่จำเป็นต้องได้รับความสั่นสะเทือนแบบสูงของความรักด้วย
จักรวาลจัดการเรื่องนี้ไปโดยอัตโนมัติในส่วนของการสร้างดุลยภาพที่ดำรงต่อเนื่องไปเรื่อยๆของตัวจักรวาลเอง
ดังนั้น พลังอำนาจที่ทำการฟื้นฟูรักษาได้ของความรักจึงมีแก่ทุกวิญญาณที่รับมันไว้



ความรักคือกุญแจไขออกสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง
โปรดเก็บรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรกนี้ไว้ในความคิดจิตใจให้ได้

เมื่อคุณบอกได้ว่าใครยังถูกซ่อนอยู่หลังการกระทำอันดำมืดของพวกเขาบ้าง
ก็จงอย่าให้แสงสว่างของคุณหรี่ลงโดยการตั้งหน้าตั้งตาลงโทษพวกเขาให้เจ็บปวด
แต่จงคิดถึงพวกเขาในฐานะสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่
สิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่คือห่วงโซ่ข้อที่อ่อนที่สุดในห่วงโซ่ของความเป็นหนึ่งเดียว(Oneness)

และจงส่งพลังงานที่ทำการฟื้นฟูรักษาได้ไปให้พวกเขา
อันเป็นพลังงานที่พวกเขาจำเป็นต้องได้รับเพื่อยกระดับตัวของพวกเขาเอง
และเพื่อทำให้ห่วงโซ่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ทุกวิญญาณโดยรวมทั้งหมด



..................

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 8



วันที่ในการเริ่มยุคทอง(Golden Age dates)


ตอนนี้ขอให้พวกเราได้นำกฎจักรวาลต่างๆเหล่านั้นเข้าไปใส่ในบริบทของจิตสำนึกสะสม
อันเป็นจุดที่อำนาจของกฎจักรวาลเหล่านั้นไม่สามารถคิดคำนวณออกมาได้เลยสักหน่อย

ขณะที่ความว่องไวของการเปลี่ยนแปลงจากแบบเก่าไปสู่แบบใหม่จะทำให้หลายๆคนหงุดหงิดหัวเสีย
โดยเฉพาะในช่วงระยะสุดท้ายของการเลื่อนระดับของดาวโลกนั้น
พวกคุณสามารถเพิ่มระดับความสั่นสะเทือนของพวกเขาให้สูงขึ้นได้
ด้วยกระแสความคิดอันแน่วแน่มั่นคงถึงสภาวะโลกที่พวกคุณต้องการให้เป็น
เพื่อลูกหลานของคุณเองและเพื่อลูกหลานของพวกเขา
และด้วยวิธีนั้น มันจึงเป็นการนำแสงสว่างที่กำลังทำให้เกิดยุคทองของดาวโลกเข้ามาอย่างทรงฤทธานุภาพ



“วันเริ่มยุค” ของยุคทอง
ได้ปรากฏขึ้นมามากมายหลายหลากวันที่ต่างกันไปโดยไม่คาดคิดมาก่อน
วันที่แต่ละวันที่ก็มีสิทธิ์เป็นวันที่ที่ถูกต้องได้

การเลื่อนระดับของดาวโลกให้ออกไปจากความหนาแน่นลำดับที่สามอันเข้มข้นนั้น
คือเรื่องซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่กำลังเสี่ยงเกิดขึ้นในทางจักรวาลอันเป็นรูปแบบเฉพาะ
ทั้งในแง่ของขอบข่ายและความเร็ว
และปรากฏมีช่วงระยะต่างๆของการดำเนินไปตามวิถีของเธอเอง
ที่เอื้ออำนวยต่อการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของพลังงานได้มากกว่าวิถีในลักษณะอื่น

ค่าตัวแปรต่างๆของหน้าต่างสวรรค์ระหว่างความหนาแน่นลำดับที่สามและลำดับที่สี่นั้น
มีความยืดหยุ่นพลิกแพลงปรับเปลี่ยนได้ตลอด
และการเข้าสู่ความหนาแน่นลำดับที่สี่ของดาวเคราะห์
ก็ไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับวันที่เจาะจงใดๆในปฏิทินของพวกคุณเลย



มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมายอยู่ด้วย ว่าตอนนี้พวกคุณอยู่ในความหนาแน่นลำดับใด
และความคิดเห็นเหล่านั้นก็ไม่น่าแปลกตรงไหนเลย

เนื่องด้วยพวกเรานับลำดับความหนาแน่นเพื่อชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาสูงขึ้นไป
มันจึงฟังดูประหนึ่งว่าส่วนหนึ่งของอวกาศได้มาถึงจุดสิ้นสุดอย่างกะทันหัน
และก็เป็นจุดเริ่มต้นของอีกส่วนหนึ่งของอวกาศ
และมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

มันไม่มีการแบ่งเขตจำกัดแดนระหว่างความหนาแน่นลำดับต่างๆ
การไหลของพลังงานไม่สามารถถูกแบ่งออกหรือทำให้เป็นส่วนๆอย่างชี้ชัดลงไปได้

เมื่อดาวโลกเลื่อนระดับไปผ่านกระแสไหลทางพลังงาน
ของความหนาแน่นลำดับที่สาม ที่กำลังโบกปลิวอยู่ “ท้ายสุด(last)”
อันเป็นกระแสไหลซึ่งคลุกเคล้าอยู่กับกระแสไหล “แรกสุด(first)” ทางพลังงานของลำดับที่สี่
เมื่อวันเวลาผ่านไปคุณจะไม่สังเกตพบได้ถึงความแตกต่างทางพลังงาน
หรืออาจพูดทำนองว่ามันจะไม่มีพิธีตัดริบบิ้นเปิดเข้าไปหรอก



..............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 9



ความหนาแน่นกับนิยามความหมายทั้งสอง(density, two definitions)


การสับสนเรื่องความหนาแน่นคือการผสมปนเปกัน
เพราะว่าคำมันมีสองนิยามความหมาย

หนึ่งก็คือ สิ่งที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน(massor)
ที่เป็นการรวมกลุ่มหนึ่งๆขึ้นจากความไม่มีรูปไม่มีร่าง
อันเป็นวิธีการที่พวกคุณนึกถึงวิญญาณต่างๆในแง่จิตวิญญาณ
พวกคุณไม่สามารถมองเห็นพวกเราได้ แม้ตอนที่พวกเรากำลังยืนอยู่ข้างๆคุณ
เพราะว่าร่างแบบอีเทอร์ของพวกเราสั่นสะเทือนที่ระดับความถี่ ซึ่งความหนาแน่นลำดับที่สามไม่สามารถตรวจจับได้
เหมือนกับที่คุณไม่สามารถมองเห็นใบพัดของเครื่องพัดลม เมื่อมันวิ่งด้วยการตั้งค่าในระดับสูง
แต่แน่นอนว่าร่างแบบอีเทอร์ต่างๆ ก็มีระดับของการรวมกลุ่มก้อนที่ลดน้อยลงในแง่ความหนาแน่น
เพราะวิญญาณทั้งหลายมีการวิวัฒน์ทางจิตวิญญาณไปเรื่อยๆ



และการวิวัฒน์นี้ก็นำพาให้พวกเราไปสู่อีกความหมายหนึ่งของความหนาแน่น
ซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนถึงสถานภาพของวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของวิญญาณหนึ่งๆ

มวลแบบดาวเคราะห์ของดาวโลกก่อตัวปรากฏขึ้นมา
ด้วยการหมุนวนเป็นเกลียวขึ้นจากระนาบของการปรากฏอยู่ที่ในความหนาแน่นลำดับที่ห้า
เพราะจิตสำนึกสะสมของอารยธรรมโบราณเก่าแก่ของดาวโลกเองถูกรวมความเป็นลบสะสมเข้าไป

การเลื่อนระดับลงของดาวเคราะห์ดำเนินอย่างต่อเนื่อง
โดยสอดคล้องไปกับการที่ผู้อยู่อาศัยมีสถานภาพทางวิวัฒนาการลดลงมาเรื่อยๆ
เพราะกระแสความคิด, แรงจูงใจและการกระทำของพวกเขามีความดำมืดเพิ่มขึ้น

และในท้ายที่สุด ดาวเคราะห์ก็เข้ามาถึงความหนาแน่นลำดับที่สามอันเข้มข้นในแง่การรวมตัวเป็นก้อนมวล
และประชากรของเธอก็เสื่อมถอยลงสู่ความหนาแน่นแบบนั้นในแง่สถานภาพทางจิตวิญญาณ



ถึงกระนั้น Gaia วิญญาณของดาวโลก
ก็ยังคงระนาบพลังงานที่สูงมากกว่าไว้ได้ในจุดที่ร่างแบบดาวเคราะห์ของเธอถูกสร้างสรรค์ขึ้น
ถึงแม้ว่าตลอดพันๆปีที่ผ่านมา ร่างของเธอและจิตสำนึกสะสมของผู้คนของเธอ
ถูกทำให้ติดหล่มจมอยู่ในความหนาแน่นต่ำแบบนั้นก็ตามที

และบางวิญญาณที่มาเกิดเป็นร่างมนุษย์บนดาวโลกในช่วงนับพันๆปีที่ผ่านไปนั้น
ก็เป็นวิญญาณที่มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณและสติปัญญาในระดับสูงมาก อันได้แก่
ผู้นำส่งข้อมูลของพระเจ้าให้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย
และนักปรัชญา, นักวิทยาศาสตร์กับศิลปินต่างๆผู้มีวิสัยทัศน์จินตนาการอันล้ำลึกบางคน



.............

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 10



ดาวเคราะห์กับประชากรบนดาว(planet and population)


ในระยะอันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเลื่อนระดับของดาวโลกนี้
ร่างแบบดาวเคราะห์ของเธอได้มาถึงฐานความหนาแน่นลำดับที่สามชั้นสูง
ในกาแล็กซีของความหนาแน่นลำดับที่สามเอง

แม้ว่าร่างกายของผู้อยู่อาศัยของเธอจำนวนมาก
ก็อยู่ที่ระดับความหนาแน่นนั้นด้วยในแง่การรวมตัวเป็นก้อนมวล
แต่ร่างกายของผู้ที่โอบรับแสงสว่างไว้
ก็กำลังได้รับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความหนาแน่นลำดับที่สี่อยู่ในระดับเซลล์



ในการวิวัฒน์ทางจิตวิญญาณนั้น
ผู้อยู่อาศัยทั้งหลายมีช่วงการวิวัฒน์ตั้งแต่ความหนาแน่นลำดับที่สองไปจนถึงลำดับที่เจ็ด
และมีส่วนน้อยมากที่วิวัฒน์ลงสู่ลำดับที่หนึ่งในชาติภพนี้
โดยความดำมืดของทางเลือกตามเจตจำนงอิสระและความดื้อรั้นมีทิฐิของพวกเขา
ในการปฏิเสธแสงสว่างที่สาดส่งมาให้พวกเขาอย่างไม่ขาดสายทั้งที่รู้ตัวดี

เหล่า lightworkers เกือบทั้งหมดผู้เกิดเป็นมนุษย์
เพื่อทำให้ประสบการณ์ด้านกรรมในความหนาแน่นลำดับที่สามมีความสมบูรณ์
ก็ทำได้เสร็จสิ้นอย่างประสบผลสำเร็จดี
และในด้านจิตวิญญาณ พวกเขาก็บรรลุถึงความหนาแน่นลำดับที่สี่แล้ว

วิญญาณส่วนใหญ่ที่จากถิ่นธรรมชาติกำเนิดของพวกเขาในอารยธรรมชั้นสูงมา
เพื่อเป็นแรงช่วยเหลือวิญญาณผู้วิวัฒน์น้อยกว่าต่างๆของดาวโลก
ก็ยังคงเก็บรักษาสถานภาพทางวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณและสติปัญญาของพวกเขา
ในความหนาแน่นลำดับที่ห้า,หกและเจ็ดไว้ได้



แล้วเหตุใดดาวโลกจึงจะหยุดอยู่ที่ความหนาแน่นลำดับที่ห้าแทนที่จะเลื่อนต่อเข้าสู่ระนาบที่สูงกว่าทั้งหลายไปเรื่อยๆ?
เพราะเมื่อเธอเข้าถึงลำดับที่ห้า อันเป็นฐานกำเนิดร่างแบบดาวเคราะห์ของเธอ
ร่างแบบดาวเคราะห์ของเธอก็จะกลับเข้าสู่ดุลยภาพและโคจรอยู่ในอวกาศนั้นอย่างพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่



............

 

ข้อความยาวจริงๆค่ะ คุณโซ่ รีบมาขอบคุณก่อนค่ะ อิอิอิ
เดี๋ยวค่อยกลับไปอ่านต่อ พักผ่อนบ้างนะคะ อากาศแย่จังช่วงนี้
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

ข้อความการสื่อสารจาก Matthew Ward
โดย Suzanne Ward
เมื่อ 9 กันยายน 2554

ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/e...w09-09-11.html



ตอนที่ 11 จบ



ผลกระทบของเสียงและถ้อยคำ(effects of sound, words)



ตอนนี้มีเรื่องเกี่ยวกับความสั่นสะเทือนที่ต้องบอกมากขึ้น
ระดับความสั่นสะเทือนต่างๆของเสียงส่งผลกระทบต่อ
ร่างทางจิตวิญญาณ, ร่างทางกายภาพ, ร่างทางอารมณ์ความรู้สึกและร่างทางความคิดจิตใจ
ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ

เสียงรบกวนดังๆจะเข้ากระแทกระบบพลังงานโดยรวมของตัวคุณ
เสียงปืน, เสียงระเบิดของเครื่องยนต์ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ หรือเสียงฟ้าลั่นฟ้าร้อง
เป็นตัวอย่างของการชนกระแทกสั้นๆ

และเสียงดังจากเพลงที่จังหวะไม่ประสานกัน หรือเสียงร้องดังแบบตะโกนแหบห้าว
หรือเสียงที่ได้ยินจากงานซึ่งใช้เครื่องจักรที่ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เป็นตัวอย่างของเสียงรบกวนที่เป็นอันตรายและส่งผลยาวนานทบทวีกันไปเรื่อยๆ



แต่เมื่อหลีกเลี่ยงเสียงพวกนั้นไม่ได้
การอยู่คนเดียวและทำความเงียบสงบให้มากเท่าที่จะทำได้
สามารถปรับปรุงแก้ไขผลกระทบนั้นให้หายไปได้ค่อนข้างมาก

โทนเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของเพลงที่มีท่วงทำนองอันไพเราะเสนาะหู
เสียงการไหลของน้ำ และสิ่งที่แพร่กระจายออกมาแบบมีพลังงานของต้นไม้
คือสิ่งที่เป็นประโยชน์และฟื้นฟูได้แรงที่สุดในการนำแสงสว่างภายในดุลยภาพกลับคืนมา



รวมทั้งเสียงจากถ้อยคำต่างๆด้วย ถ้อยคำมีความสั่นสะเทือนของตัวมันเอง
ถ้อยคำที่แสดงถึงความรัก ซึ่งพ่อแม่พูดกับลูกๆของพวกเขาอย่างแสนหวานนั้น
กำลังหล่อเลี้ยงและเป็นแรงช่วยให้ลูกๆบรรลุถึงดุลยภาพได้

ในทางตรงกันข้าม ไม่เพียงการแผดเสียงเปล่งถ้อยคำผรุสวาทกับลูกๆหรือใครก็ตาม
ได้ทำลายดุลยภาพของพวกเขาและดุลยภาพของผู้แผดเสียงเองไปเท่านั้น
แต่เมื่อพวกเขาคิดถึงสิ่งเหล่านั้นในรูปแบบของความทรงจำ
ความสั่นสะเทือนแบบต่ำก็ยังกลับมาอีกด้วย

ถึงแม้ว่าถ้อยคำที่ถูกเขียนออกมาจะมีความเข้มข้นต่ำ
แต่มันก็แพร่ความสั่นสะเทือนออกมาเช่นกัน
ดังนั้น จงเลือกถ้อยคำอย่างระมัดระวังเพื่อเป็นประโยชน์ต่อบุคคลที่คุณเขียนถึง
และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเองด้วย
และจงเลือกอ่านสิ่งที่จะทำให้หัวใจและความคิดจิตใจส่องแสงสว่างออกมา



สิ่งที่กำลังทำให้คุณมีการติดต่อไปถึงบุคคลผู้มีอะไรๆคล้ายกัน ก็คือ
ความสั่นสะเทือนแบบสูงของตัวคุณนั่นเอง
และเป็นเหตุให้รู้สึกฝืนใจที่ต้องใช้เวลาไปกับบุคคลบางคนที่สร้างความสั่นสะเทือนได้ต่ำ

และเมื่อหลีกเลี่ยงที่จะพบเจอกับบุคคลที่สร้างความสั่นสะเทือนได้ต่ำไปไม่ได้
การรักษากระแสความคิดของคุณให้เป็นบวกเข้าไว้ จะทำให้คุณสามารถคงดุลยภาพไว้ได้
และแสงสว่างภายในดุลยภาพจะช่วยเพิ่มระดับความสั่นสะเทือนให้แก่ทุกสิ่งรอบตัว



พวกเราหวังว่าข้อความของเราจะตอบคำถามของพวกคุณได้,
ทำให้ความสับสนเกิดความกระจ่างขึ้นได้ และทำให้การรับรู้ที่ผิดพลาดเป็นการรับรู้ที่ถูกต้องได้
แต่ถ้าพวกเรามองข้ามบางสิ่งไป ได้โปรดให้พวกเราได้รู้
และพวกเราจะใส่มันลงในข้อความครั้งใหม่ต่อไป

การทำความเข้าใจของพวกคุณถึงสิ่งที่สามารถทำให้เกิดวิวัฒนาการทางวิญญาณได้
เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลยสำหรับการวิวัฒน์!



พี่น้องที่รักยิ่งของเราทั้งหลาย
ความกล้าหาญ ,ปัญญา และความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณในการวิวัฒน์จากหลากหลายภพชาตินั้น
มีอยู่เยอะเกินการตื่นรู้อย่างรู้สึกตัวของคุณไปมาก
และส่วนหนึ่งของการขาดการจำได้หมายรู้แบบนี้ ก็คือ ความถ่อมตัว
ซึ่งเป็นเนื้อแท้ของบรรดา lightworkers ทุกคน
พวกคุณจะยังคงมีเกณฑ์คุณลักษณ์ของตัวตนเองแบบนี้อยู่
แม้ในตอนที่คุณมองตัวเองก็ตาม เพราะพวกเรามองพวกคุณอยู่เสมอ

และเมื่อพวกคุณจำได้หมายรู้
เราทั้งหมดทุกคนก็จะปลื้มปีติที่ครอบครัวได้พบกันใหม่อีกครั้ง



LOVE and PEACE

 

ขอบคุณค่ะ คุณ tangOAH *-*

รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันนะคะ

;20

 

ขอบคุณค่ะ Lady OfLight

 

ขอบคุณ LaDy OfLight ;41

 

คุณโซ่ นี่ จิตใจของคุณน่ารักจริงๆนะคะ ถึงแม้จะไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาคุณจริงๆ
แต่พลังความอ่อนหวานและ อืม..จะบอกว่าไงดี ความเป็น friendly ของคุณทำให้หลายๆคนหลงรักคุณจริงๆ
ข้อความของแมทธิวครั้งนี้ตอบความสับสนอลหม่านในใจของคนหลายๆคนอยู่พอดีเนอะ

 

เรียน คุณ ชยุต

ผมว่าเราเห็นพ้องต้องกันในเรื่องการเปิดกว้างทางข้อมูลและความจริง นะครับ

ส่วนตัวผมก็เชื่อว่าคุณชยุตและทีมแปลข้อมูลในบอร์ดนี้ มีพลังสะอาด
ผมเพียงแต่เป็นห่วง ที่อาจจะมีบางท่านหรือบางทีม
หันไปรับข้อมูลบางอย่างที่อาจจะเป็นอันตราย ถึงกระนั้น เขาก็เรียกตัวเองและทีมของเขาว่า light workers

ผมจะยกตัวอย่าง การดำเนินการของฝ่ายมืดสักนิด (คุณชยุตอาจเคยผ่านตามาแล้ว)

"Zeitgeist" ดำเนินงานและก่อตั้งโดย Peter Joseph เป็นโปรเจคล้างสมอง ของ ตระกูล Rothchild
ตระกูลนี้เราต่างก็ทราบกันดีว่าเขาเป็น แนวหน้าของรัฐบาลลับ ซึ่งร่วมมือกับฝ่ายมืดมานานแสนนาน

David Rothchild เป็นเจเนอเรชั่นล่าสุดที่กำลังดำเนินโปรเจ็คนี้ด้วยการโจมตีและตำหนิระบบเก่าๆ (ซึ่ง เป็นฝีมือการทำลายโลก โดยอดีต Illuminati เอง)

ใครที่ยังจับทิศจับทางไม่ได้ ก็อาจเข้าใจว่า Zeitgeist นี้ดี เป็นฝ่ายที่จะมากอบกู้สถานการณ์ต่างๆ เป็นแน่แท้ .. แต่หารู้ไม่ว่า มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

นอกจากนี้ ภายในกระบวนการของพวกเขา ยังมีโครงการสร้างโลกอนาคตขึ้นมาอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ชื่อว่า The Venus Project (ลอง google ดูครับ สำหรับท่านที่ยังไม่เคยผ่านตาข้อมูลนี้)

เครือข่ายของฝ่ายมืด เขาไม่ได้ทำเพียงเท่านี้ ยังมีนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ทีมงานและเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นในนามของ Light workers อีกมากมาย.. แต่พวกเขาไม่ใช่ Light จริงๆ .. (ผมมั่นใจว่าคุณชยุตและทีมงาน แยกออก)

ส่วนข้อมุลอื่นๆ .. เราอาจต้องใช้เวลาในการสืบเสาะและติดตามด้วยวิจารณญาณอย่างที่คุณชยุตว่านั่นล่ะครับ

จนถึงเวลานี้ .. ตรรกะสามมิติ ที่เราคุ้นเคย อาจไม่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์จริงๆ แล้วก็เป็นได้ น่าสนุกดีนะครับ ว่าไหม .. ^^



ผมอ่านและติดตามที่คุณชยุตและทีมงาน แปลมาอย่างต่อเนื่อง
แม้จะไม่ได้โพสท์อะไร หรือตอบกระทู้ไหนเท่าไรนัก (ดูจาก profile ผมคงจะพอทราบในเรื่องนี้)

ต้องขอขอบพระคุณคุณชยุตและทีมงานเอาไว้ ณ โอกาสนี้

ขอให้ทุกท่านเปี่ยมไปด้วยพลังสะอาด สว่าง สงบ สวยงาม
และเจริญในธรรม ครับ.. (-/\-)

....

 

ขออภัยครับ.. ผมเขียนหัวข้อผิด

เอาเป็นว่า เรียน คุณ mead คุณ ชยุต และทีมงาน ครับ ^^ '

 

ขอบคุณมากเลยน่ะครับกระจ่างขึ้นเยอะเลยครับ รับและเติมเต็มแสงสว่างแล้วครับ ^^

 

ไม่เป็นไรหรอกครับคุณ วิญญ์ ตั้งหัวข้อผิดก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
เพราะไม่รู้นะ..โดยส่วนตัวผม..ผมไม่รู้สึกสะดุดอะไรในทางร้ายในข้อความของคุณเลย
ผมเห็นแต่ความตรงไปตรงมา และสะอาด และเรียบง่ายเท่านั้นเอง

ข้อมูลที่คุณพูดถึง Zeitgeist นี่ ขอสารภาพว่า ผมยังไม่เคยผ่านตามาเลยครับ
แต่เรื่องเวปไซต์บางเวปไซต์ ที่อ้างว่าเป็น Light worker แต่ข้อมูลภายในทำให้ผมคลางแคลงใจหนะ
ผมก็พอจะผ่านตามาอยู่บ้างครับ และจนถึงทุกวันนี้ แม้แต่ข้อความของรูปธรรมชีวิตต่างมิติ
ที่ผมแปลอยู่บ่อยๆ หรือคุ้นเคยมานานเป็นปีแล้วก็ตาม บอกตามตรงว่า ผมก็ยังต้องใช้วิจารณญาณทุกครั้งไปครับ

เพราะฉะนั้น อย่าว่าแต่คนอื่นเลย..ผมเองก็ด้วย ที่คอยใช้วิจารณญาณอยู่เสมอๆ แม้ว่าการที่เราอยู่ในมิตินี้
จะทำให้เราแยกแยะอะไรต่อมิอะไร ได้ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงไปซะทั้งหมดก็ตาม
แต่ก็พยายามทำเท่าที่ทำได้หนะนะครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่หนึ่ง บางครั้ง บางที บางข้อความ หรือบางส่วนของข้อมูลในบางข้อความ
การที่เรารู้สึกขัดแย้ง หรือรู้สึกไม่เห็นด้วย หรือรู้สึกทะแม่งๆหนะ บางทีอาจจะไม่ใช่เป็นเพราะว่า
ข้อความนั้นผิดปกติหรอกนะครับ แต่เป็นที่ "ระดับพลังงาน" หรือ "ระดับความสั่นสะเทือน" ของตัวเราเอง
ที่ยังไม่ Tune หรือ เข้ากันได้กับข้อความหรือข้อมูลนั้นต่างหาก และผมก็เชื่อว่าพวกเราหลายๆคน
ก็คงจะเคยมีประสบการณ์กับเรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยใช่ไหมหละครับ

เรื่องที่ว่านี้ก็คือ เรื่อง "กาลเวลาไม่ได้เป็นเส้นตรงอย่างที่เราคิดและเข้าใจ" และเพราะฉะนั้น
"อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ล้วนมีอยู่เป็นอยู่พร้อมๆกันหมด ที่นี่ และ เดี๋ยวนี้ด้วย"

เรื่องนี้ แรกๆใครได้อ่านได้ฟัง ก็จะตีอกชกหัวไปตามๆกันทั้งนั้นแหละครับ เพราะรับยังไม่ได้
เพราะมันไม่น่าเชื่อ รวมทั้งตัวผมเองก็เป็นด้วยนะ แต่พออ่านมากๆเข้า แปลมากๆเข้า จากหลายๆรูปธรรมเข้า
ก็เลยเอะใจ และเอามาคิดต่อ ว่าเอ..หรือว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว
ทำไมท่านๆทั้งหลาย ถึงพูดแบบนี้ตรงกันหมดทั้ง 100% เลยหละ ไม่มีพูดแตกต่างไปจากนี้เลย
มันต้องมีเหตุสิหน่า..อะไรแบบนั้นครับ..

ดังนั้น หลังๆมานี่ ผมก็เลยค่อยๆปล่อยวาง "ความคิด และ ความเชื่อส่วนตัว" ลงไปก่อน
เพราะถ้ารักที่จะศึกษา และ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้ว หรือ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ
"ถ้ารักที่จะแสวงหาสัจธรรม" แล้วหละก็ ก็ต้องรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดีบ้าง คือฟังเอาไว้เถอะ
ว่าเขาว่าอย่างไรบ้าง แล้วเอาไปใคร่ครวญคิดดูตาม เท่าที่สติและปัญญาในขณะนั้นๆจะอำนวยหนะนะครับ

แล้วก็เลย ทำให้ผมไม่ค่อย "ซีเรียส" กับการรับรู้ข้อมูลนัก อันนี้หมายถึงส่วนตัวผมจริงๆนะครับ
ต่อให้มันเป็นข้อมูลแบบไหนก็ตาม ผิดหรือถูกก็ตาม จริงหรือเท็จก็ตาม ผมคิดว่า
ผมสามารถที่จะหยิบเอาประโยชน์จากมันมาใช้ได้เสมอ และเพราะว่าผมคิดว่า
"ชีวิตนี้คือการเรียนรู้และการทดสอบ" ดังนั้น ถ้าผมจะหลงผิดทางไปบ้าง วิ่งแล้วล้มบ้าง
หรืออะไรก็ตามแต่ นั่นหนะ มันช่างเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาเหลือเกิน ธรรมดามากจริงๆครับ
เพราะฉะนั้น..อีกครั้งหนึ่งนะครับ..โดยส่วนตัวแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ต้องไปกลัว "ความผิดพลาด" แต่อย่างใดเลย


สำหรับผมแล้ว..ยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่จะต้องมานั่งกลัวอะไรอีกต่อไปแล้วครับ ผิดเป็นผิด ก็ให้มันรู้ว่าผิดเป็นยังไง
และไอ้ที่ถูกจริงๆหนะมันเป็นยังไง..

แชร์ความคิดเห็นส่วนตัวให้ฟังเฉยๆนะครับ เผื่อท่านอื่นๆจะได้อะไรจากมุมมองของผมบ้าง

......................................................................

 

สวัสดีค่ะ คุณวิญญ์ คุณชยุต และทุกๆคนค่ะ ;aa30

 

สิ่งที่เห็นเข้ากันได้กับประโยคหนึ่งที่เคยรับรู้มาคือ รบเพื่อแพ้ แล้วจึงชนะ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่อาจก้าวข้าม ขอบคุณกับการเปิดมุมมองของทุกท่านนะครับ

 

ผมชื่อ mrkyo ถ้าให้เป็นภาษาไทยพิมจะเป็นชื่อนี้ ทพาัน..และผมได้ทำการส่งพลังแห่งนี้ ให้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหน ขอให้รู้ ว่า จุดเริ่มต้นพลังแห่งรักนี้ มีอนุภาพสูงกว่าสิ่งใด ๆ และมันจะเปลี่ยนทุก อย่างให้ ดีขึ้น จากตัวท่านทุก คน...ผม มีตนอยู่จริง... และผมไม่ได้พูดอะไร ลอย ๆ และผม จะไปทุกที่ สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็นเรื่อง จริง ขอให้รับรู้ไว้ ว่ารอบตัวท่านทุกคน มีอนุภาพ ที่ท่านมองไม่เห็น ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่เกิดขึ้น มีเหตุผล ทุกอย่าง รวมทั้ง ท่านผู้อ่าน..สิ่งที่ผมเคยผ่านมา...และผมไปทุกเวป ก็ยังไม่เคย เจอ...ที่สิ่งที่เรียก ว่า ปัญาที่เจริญ ที่แท้จริง..จะมีแต่สิ่งแอบแผง เมื่อใดที่ท่านค้นพบ เมื่อนั้นท่านจะเข้าใจ และมีกระทู้ ที่ชื่อ ว่า จุดเริ่มต้น ของทุกอย่าง เริ่ม จาก พลังแห่งความรัก...คุณเชื่อไหม ลองถามตัวคุณ... ผมเป็นคนตั้งกระทู้ และอีกหนึ่งกระทู้เป็นกระเตื่อนจะมีคนอ่านกระทู้การเตื่อนมาก กว่า แต่ก็ยัง ไม่ค่อยมีคนอ่านมากไรนักเรื่องกระทู้ จุดเริ่มต้น...ผมไม่ขอพูด ว่าเป็นเวปไหน แต่รู้สึก ว่า มนุย์ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็จะไม่กลัว และไม่สนใจ จนถึงวาระสุดท้าย...ไม่ต้องสนใจ ว่าผมเป็นใคร แค่รับรู้ ว่าผม มีตัวตนอยู่จริง ....