มาดูสมเด็จกัน

คำตอบคือใช่ครับ แต่บางครั้งก็ต้องดูสีของเนื้อพระประกอบด้วยเหมือนกันเพราะบางองค์ก็เนื้อขาวเหมือนกันแต่ไม่ใช่ขาวจั๊ว

 

แบบนี้ไม่โดนหักครับ ถ้าแตกแล้วเห็นแบบนี้มีแต่จะต้องบวกให้

 

พระสมเด็จผมชำรุดเนื้อในก็มีสีขาวเหมือนเนื้อพระด้านนอกแต่ขาวมากกว่า
ก็เลย งง ว่าดูสีจะขาวออกมาในลักษณะไหนถึงจะถูก ถ้าผมจะสรุปว่าเนื้อพระ
ด้านในกับด้านนอกต้องมีเนื้อเดียวกัน แต่ด้านในจะดูใหม่กว่าหรือขาวกว่า
ถูกไหมคับ ไม่ใช่ด้านในกับด้านนอกมีสีเหมือนกัน

 

พระในรูปไม่รู้แท้หรือเปล่ายังไงผมขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณมากครับ

 

ฝากด้วยนะค่ะ รออยู่ค่ะ

 

กฎเกณฑ์การพิจารณาและความคิดเห็น
1.ไม่ขอตัดสินว่าแท้หรือเทียมแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครเกิดทันการสร้างพระ
2.เจ้าของพระห้ามหมดศรัทธาต่อองค์พระ หลังพิจารณาจากความคิดเห็น
3.ความคิดเห็นไม่ถือเป็นข้อตัดสิน
4.จะพิจารณาจากคะแนน เต็ม100% และตัดเปอร์เซ็นต์ออกทีละประเด็นต้องสงสัยทำให้ คะแนนลดลงไป
5.เหลือคะแนนเท่าไร(กี่ %)ไปพิจารณาเอาเอง
เริ่มต้นล่ะครับ
1.ความหนึกหนุ่มด้านหน้าไม่มี -20%
2.ด้านข้างก็ไม่หนึก -20%
3.ด้านหลังก็ไม่หนึก -20%
4.ด้านหลังแบบนี้ พื้นกระดานวัดมีเสี้ยนตำเท้าญาติโยมแย่เลยครับ -20%

สรุป เหลือคะแนน 20%

 

กฎเกณฑ์การพิจารณาและความคิดเห็น
1.ไม่ขอตัดสินว่าแท้หรือเทียมแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครเกิดทันการสร้างพระ
2.เจ้าของพระห้ามหมดศรัทธาต่อองค์พระ หลังพิจารณาจากความคิดเห็น
3.ความคิดเห็นไม่ถือเป็นข้อตัดสิน
4.จะพิจารณาจากคะแนน เต็ม100% และตัดเปอร์เซ็นต์ออกทีละประเด็นต้องสงสัยทำให้ คะแนนลดลงไป
5.เหลือคะแนนเท่าไร(กี่ %)ไปพิจารณาเอาเอง
เริ่มเลยครับ
1.ด้านหน้าสีตังอิ้วเหลืองสดไปผิดธรรมชาติกรุ -20%
2.ด้านหลังสีตังอิ้วเหลืองสดไป -20%
3.คราบกรุตกเป็นสะเก็ดร่อนไม่ผุดมาจากเนื้อ -20%
4.รอยกระเทาะร่อนเห็นเนื้อขาวจั๊วผิดกับสีผิว -20%
5........พอก่อน...

สรุป เหลือคะแนน 20%

 

ตอบคำถามคุณน้องหมานะคะ

ยาจะกล่าวถึงพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ จะมีลักษณะผิว 3 ชั้น คือ

ชั้นที่แรก เป็นลักษณะของดินกรุ ดินกรุบางขุนพรหมจะไม่ดำปิ๊ดปี๋เสียทีเดียว หรือ ดำมะเมื่อม อย่างสีของดินที่เราเคยพบเห็นทั้วไป แต่จะเป็นสี สีน้ำตาลอมดำ หรือสีช็อคโกแล็ตเข้ม จะใสและเนื้ออข็งแกร่งมาก

ชั้นที่สอง เป็นชั้นผิวเปลือกพระ อยู่ใต้ส่วนของดินกรุ หรือ คราบกรุ ลงมาที่เปลือกผิว บ้างก็ว่าพระบางขุนพรหมมีเนื้อแกร่งมันคล้ายเปลือกขามสังคโลก
หากเกิดการกระเทาะตรงชั้นที่สอง ก็จะทำให้ผิวเนื้อพระข้างใน และ ส่วนของเปลือกชั้นที่สองนั้น จะไม่เรียบเสมอไปจะมีลักษณะผิวที่ขรุขระ เป็นตะปุ่มตะป่ำ คล้ายตุ่มหนังปลากระเบน ตุ่มเหล่านี้เกิดจากสารแคลเซียมคาร์บอเนตในเนื้อพระทำปฎิกิริยากับความร้อนชื้นในกรุและจะคายออกมาห่อหุ้มทีละนิดจนก่อตัวเป็นตุ่มๆที่ไม่ราบเรียบ

ชั้นที่สาม คือ ชั้นเนื้อพระแท้ ส่วนใหญ่เนื้อพระบางขุนพรหมจะแก่ปูนเนื้อละเอียดไม่ค่อยปรากฎมวลสารให้เห็นเท่าไร ลักษณะคล้ายปูนขาวเจอความร้อนชื้นแล้วแห้งตัว

ทำไมผิวพระถึงแลเห็นเป็นผิวฉ่ำอยู่เสมอเหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยง คำตอบคือ เกิดจากสารแคลเซียมคารฺบอเนต ถูกขับออกมาจากชั้นใต้ผิวเนื้อพระ เพราะสาเหตุร้อนชื้น จมอยู่ในดินโคลน และ สภาพกรุอบอ้าว จึงเป็นสาเหตุให้ขับออกมา เคลือบด้านหน้าชั้นแรก โดยส่วนมากในบางครั้งเราจะสังเกตุไม่เห็นเพียงสารแคลเซียมคาร์บอเนตเพียงอย่างเดียว ส่วนใหญ่แล้ว จะพบสารชนิดนี้เคลือบผิวปนกับสภาพขี้ดินกรุ และ เป็นการผสมผสานได้อย่างกลมกลืนและสวยงาม แบบธรรมชาติของคราบผิวพระบางขุนพรหม

( ข้อมูลทั้งหมดยาวิเคราะห์จากหนังสือหลายๆเล่มรวมกัน และสรุปมาเล่าให้ฟังเท่าที่จำได้ ดังนั้น ข้อมูลอาจจะผิดพลาด จึงขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยคะ )

 

ผมนึก ว่าจะมีพิมพ์หลังกาบหมาก ซะอีก แต่พระองค์นี้แซ่น้ำ 3ชัวโมงแล้ว
ใช้พูกันทำความสะอาดคราบมันๆออก แต่แห้งแล้วก็ยังเกิดคราบขาวๆอีก
ถ้าจะเหลือแค่ 20% ก็ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่ให้คำแนะนำครับ

 

ขออนุญาติเจ้าของพระ นำรูปมาลงเพื่อเป็นกรณีศึกษาด้วยคะ ขอบพระคุณคะ



ยายืมรูปมาจากเวปอื่นนะคะ ไม่ใช่ของยาคะ

 

ขอบคุณ คุณพี่ yamie มากครับที่ให้ความรู้ดีๆ ครับ

 

พี่พี่ เพื่อนๆ ลองพิจารณาวิเคราะห์ได้ครับ
พิมพ์ทรงเป็นอย่างไรบ้างครับ เนื้อดูเป็นไรบ้าง อาจทันท่านไหมครับ หรือ อาจเป็นลูกศิษย์ท่าน

 

ขอลองบ้างนะคะ หุหุหุ อยากลองตัดสินแบบคุณโทนี่

คะแนนพิจารณา
1. ด้านหน้า ผิวกระเทาะร่อน ไม่แข็งแกร่ง -10%
2. ด้านหลังคราบตังอิ๋ว ไม่ได้ผุดอย่างเป็นธรรมชาติ -20%
3. คราบกรุ ไม่เกาะยึดติดกับผิวเนื้อพระแน่น กระเทาะร่อน ขอบด้านหลัง ด้านบนและ ล่าง คราบกรุไม่มี ซึ่งน่าสงสัย -20%
4. คราบสีของตังอิ๊ว มีสีเลอะเทอะติดที่ผิวเนื้อพระ - 20%
5. สภาพผิวเนื้อพระ และ คราบกรุ + ตังอิ๊ว ไม่เป็นธรรมชาติ - 15 %

คงเหลือ15 % ( อย่าเชื่อยานะคะ ขอให้ดูและหาข้อมูลด้วยตัวเองเพิ่มเติม เพราะเป็นแค่ คหสต. )

 

สวัสดีครับคุณยา และเพื่อนสมาชิกทุกคน

นานๆ ผมจะเขามาดูสักทีเห็นจากข้อมูลเชิงวิเคราะห์ของคุณยาเกี่ยวกับการลักษณะการกดเนื้อพระลงในพิมพ์และสิ่งที่เหลืออยู่ในองค์พระหลังจากการตัดขอบด้วยตอก ผมมีภาพมาสนับสนุนว่าข้อมูลที่คุณยาวิเคราะห์มีเหตุผลเพียงพอและเป็นแนวทางหนึ่งในการศึกษาต่อยอดลองดูนะครับ ภาพแรกผมคิดว่าเป็นรอยแยกที่เกิดจากการตัดด้วยตอก ทำให้บริเวณเส้นซุ้มตรงขอบข้างเกิดรอยแยกเพราะเนื้อพระบริเวณนั้นกดไม่แน่นพอ(ตัดจากหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้า) ภาพที่ 2 เป็นรอยครูดที่เกิดจากการตัดและธรรมชาติความเก่า

 

---ฝากดูสมเด็จด้วยคับ---

ฝากอีกซักองค์

 

เพิ่มรูป

เพิ่มรูป

 

ผม ตีเป็นพิมพ์ผิดคราบผม อย่าไปซ่อมเลยเสียดายตัง เอาตังไปทำบุญดีกว่า ฝากอนุโมทนาด้วยนะครับ หุหุ

 

เกจิ ไม่รู้วัดครับผม........

 

แน่นอน จิง กับคุณnewnxt ทืีหลังผมฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยครับ หุหุ

 

เกจิ ยุคหลังครับ.............