พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้ได้ชมหนังญี่ปุ่นชื่อเรื่องว่า Yuuki เรื่องจริงเกี่ยวกับชายคนหนึ่งเป็นโรค มะเร็งเสียชีวิตเพียงอายุ23ปี ได้นำคุณค่าของเวลามาบอก ว่าจงใช้เวลาที่มีอยู่อย่างมีค่าที่สุด คงมีใครบางคนคงได้ยินหรืออ่านเรื่องคุณค่าของเวลามาบ้าง ผมขอฝากบันทึกให้เพื่อนๆทุกคนครับ
    [FONT=MS Sans Serif, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText][FONT=MS Sans Serif, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText]คุณค่าของเวลา [/FONT][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, EucrosiaUPC, FreesiaUPC, DB ThaiText][SIZE=-1]ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 10 ปีมีค่าขนาดไหน ถามคู่แต่งงานที่เพิ่งหย่าร้างกัน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 4 ปีมีค่าขนาดไหน ถามนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ปีมีค่าขนาดไหน ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 9 เดือนมีค่าขนาดไหน ถามแม่ที่เพิ่งคลอดลูก

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือนมีค่าขนาดไหน ถามมารดาที่คลอดบุตรยังไม่ครบกำหนด

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 อาทิตย์มีค่าขนาดไหน ถามบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมงมีค่าขนาดไหน ถามคนรักที่รอพบกัน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 นาฑีมีค่าขนาดไหน ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทาง หรือเรือบิน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาฑีมีค่าขนาดไหน ถามคนที่รอดตายจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลาเสี้ยวหนึ่งของวินาฑีมีค่าขนาดไหน ถามนักกีฬาโอลิมปิคที่ชนะเหรียญเงิน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่ามิตรภาพมีค่าขนาดไหน เสียเพื่อนสักคนหนึ่ง

    เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาของท่านทุกขณะอย่างดีที่สุด

    ท่านจะรู้คุณค่าของเวลาเมื่อท่านแบ่งปันกับคนที่พิเศษสุดในชีวิตของท่าน [/SIZE][/FONT]
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับท่านใดที่ร่วมทำบุญ และผมยังไม่ได้ส่งพระวังหน้าให้ ผมต้องขอโทษที่รับปากว่าจะส่งให้ในสัปดาห์นี้ แล้วก็ยังไม่ได้ส่งเลย

    วันเสาร์นี้ผมเองก็ต้องไปทำงาน ช่วงเย็นผมจะมารีบดำเนินการเตรียมพระวังหน้าใส่กล่อง ในสัปดาห์หน้าผมตั้งใจว่าจะส่งให้ได้ครับ

    ขอโทษอีกครั้งครับ
    sithiphong

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    20 หนทางสู่มิตรภาพที่ยั่งยืน


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    คงไม่มีใครจะปฏิเสธว่า การมีเพื่อนที่ดีทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะ เพื่อนทำให้ชีวิตในทุก ๆ วันของเราดูสดใสไม่น่าเบื่อ และในชีวิตของคนเรานี้อาจไม่ได้มีคนรักหรือคู่ชีวิตกันทุกคน แต่คงเป็นไปไม่ได้หากเราจะไม่มีเพื่อนสักคน (หรือหลาย ๆ คน) ...คำว่า เพื่อน จึงเป็นคำที่ยิ่งใหญ่ และคนที่มีเพื่อนก็ย่อมอยากรักษามิตรภาพให้ยั่งยืน วันนี้เราเลยนำไกด์ไลน์ง่าย ๆ มาฝาก สำหรับคนที่อยากรักษามิตรภาพที่มีให้ยั่งยืนกันค่ะ


    [​IMG]1. เป็นตัวของตัวเอง


    หากจะคบกับใครสักคนให้ได้ยาว ๆ การให้เขารู้จักตัวตนของคุณแบบที่คุณเป็นจริง ๆ ย่อมดีกว่าแสร้งทำตัวให้เป็นแบบที่อีกฝ่ายชอบ ถึงเขาจะชอบใจแต่คุณก็ต้องฝืนใจตัวเอง นั่นคงไม่ทำให้คุณแฮปปี้เท่าไหร่หอกใช่ไหม เพราะฉะนั้นจงเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ให้เขาได้สัมผัสถึงตัวตนของคุณ และรักคุณในแบบที่คุณเป็น


    [​IMG]2. อัธยาศัยดี

    ไม่น่าแปลกใจที่คนเฟรนด์ลี่ อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จะมีเพื่อนมากมาย คนน่ารักแบบนี้ ไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ รวมทั้งเพื่อนของคุณด้วยนั่นเอง


    [​IMG]3. เป็นผู้ให้

    การมีเพื่อนย่อมทำให้ให้เกิดการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการให้หรือว่าการรับ แต่คงจะไม่ดีนักที่เราจะเป็นฝ่ายรอรับแต่เพียงอย่างเดียว แม้ว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจให้ก็ตาม จงเป็นฝ่ายให้กับเขาด้วย ไม่ว่าจะให้ด้วยสิ่งของ อย่างเลี้ยงข้าว หรือซื้อของให้ หรือแม้แต่เรื่องความรู้สึกอย่างการให้ความปรารถนาดีและความห่วงใย ไม่มีอะไรทำให้เรามีความสุขได้เท่าการเป็นผู้ให้แน่นอนค่ะ


    [​IMG]4. คอยให้กำลังใจสนับสนุน

    คำพูดที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากได้ยิน เช่นว่า "เธอทำเรื่องนั้นได้เจ๋งสุดยอดไปเลย" หรือสั้น ๆ ง่าย ๆ อย่าง "สู้ ๆ นะ" เพียงเท่านี้ก็ทำให้ใจคนฟังรู้สึกชุ่มชื่นอบอุ่นขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นอย่าลืมพูดให้เพื่อนของคุณฟังบ่อย ๆ ด้วยนะคะ


    [​IMG]5. เป็นนักกิจกรรม


    อาจฟังดูไม่ค่อยเกี่ยวกับการรักษามิตรภาพเท่าไหร่ แต่หากคุณเป็นนักกิจกรรมตัวยง คุณก็จะมีเรื่องราวมากมายไปแชร์กับเพื่อนฝูงได้ คุยกันสนุกเลยล่ะทีนี้


    [​IMG]6. อยู่เคียงข้าง ร่วมสุขร่วมทุกข์ไปด้วยกัน


    ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด หรือช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตของเขา อย่าปล่อยให้เพื่อนของคุณยืนอยู่เดียวดาย... จงแสดงความยินดีเมื่อเขาประสบความสำเร็จ ไปถึงที่หมายได้อย่างใจ ปลอบโยนร่วมเสียใจ เมื่อเขาพลาดล้มหรือผิดหวัง และหัวเราะไปด้วยกันเมื่อใครคนหนึ่งเผลอทำเรื่องงี่เง่าอะไรลงไป ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์อย่างไร เพื่อนก็จะอยู่ด้วยกันเสมอ


    [​IMG]7. ชักชวนกันทำแต่สิ่งดี

    ข้อนี้ก็เหมือนกับคำกล่าวที่บอกว่า "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" นั่นเอง อยากจะมีเพื่อนดี ๆ ทั้งคน ชวนกันทำแต่เรื่องดี ๆ ดีกว่า จริงไหม ?


    [​IMG]8. เข้าใจในความเป็นตัวเขา


    ไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากได้เพื่อนที่เข้าอกเข้าใจตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก่อนที่จะได้รับความเข้าใจและยอมรับในตัวตนของคุณเช่นนี้ ก็ต้องเริ่มจากทำความเข้าใจในตัวเขาเสียก่อนนะจ๊ะ


    [​IMG]9. ตรงไปตรงมา


    เมื่อไรที่เกิดความไม่เข้าใจกัน จงปรับความเข้าใจกันอย่างตรงไปตรงมา และอย่าปล่อยให้เรื่องราวยืดเยื้อจนทำลายมิตรภาพระหว่างกัน


    [​IMG]10. ยอมรับ


    แม้ว่าอีกฝ่ายแตกต่างจากคุณแบบสุดขั้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาและคุณจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้ ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นอย่างเข้าใจ แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นแน่นอน


    [​IMG]11. ยืดหยุ่นผ่อนปรน


    การเป็นเพื่อนไม่ต้องการเรียกร้องอะไรมากมาย จะเจอกันบ่อยบ้างร้างบ้าง หรือเขาอาจจะให้ความสนิทสนมกับเพื่อนคนอื่นมากกว่าคุณบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คบกันสบาย ๆ ยืดหยุ่นผ่อนปรนกันไปอย่างนี้สิ ถึงจะไปกันได้ยาว


    [​IMG]12. ไม่ขาดการติดต่อ


    แม้ว่าหลาย ๆ สิ่งในปัจจุบันจะทำให้แต่ละวันของเราดูยุ่งวุ่นวายจนหาเวลาว่างยากมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม อย่าได้ละเลยที่จะได้พบปะพูดคุยกับบรรดามิตรสหายอย่างสม่ำเสมอ อาจจะนัดพบหน้าทานอาหารด้วยกัน หรือโทรศัพท์ ส่งข้อความหากันก็ได้ การได้พูดคุยถามไถ่ความเป็นไปของกันและกันกับสหายรักของคุณ ไม่ใช่แค่จะรักษามิตรภาพให้ยั่งยืนเท่านั้น แต่มันยังช่วยคลายความเครียดกังวลต่าง ๆ ของคุณได้อีกด้วย ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิ


    [​IMG]13. เป็นผู้ฟังที่ดี


    จงเป็นผู้ฟังที่ดีเมื่อเพื่อนของคุณกำลังพุดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ เพราะบางทีเขาอาจกำลังปรึกษาขอความคิดเห็นอะไรจากคุณอยู่ก็ได้เป็นได้ อย่ามัวแต่จดจ่ออยู่กับความคิดของตัวเองว่าจะเอาสิ่งใดมาพูดเป็นเรื่องต่อไป ลองคิดว่าถ้าเราพูดแล้วอีกฝ่ายไม่ตั้งใจฟังทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกัน มันคงเสียความรู้สึกน่าดู ว่าไหม

    [​IMG]14. สนุกสนานเฮฮา


    ยิ่งคุณสามารถทำให้คนอื่นมีความสุข สนุกสนานเฮฮาไปกับคุณได้มากเท่าไหร่ คุณเองก็ยิ่งมีความสุขสนุกสนานไปด้วยมากเท่านั้น


    [​IMG]15. มองโลกแง่บวก


    ไม่ว่าใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ ๆ คนที่มีโลกสดใส มองโลกในแง่ดี เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกสดใสไปด้วย ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนที่อยู่ด้วยแล้วพลอยทำให้รู้สึกหดหู่แน่นอน ปรับมุมมองให้มองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในทัศนคติเชิงบวก รับรองจะมีแต่คนอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณ


    [​IMG]16. ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง


    เมื่อการกระทำหรือการตัดสินใจใด ๆ ของเพื่อน ทำให้คุณรู้สึกว่าเขาหรือเธอกำลังจะก้าวไปในทางที่ไม่ถูกต้อง จงซื่อสัตย์กับความคิดของตัวเอง และเอ่ยปากเตือน พร้อมบอกความคิดเห็นของคุณออกไปตรง ๆ อย่าเกรงใจเพื่อนหรือกลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียความมั่นใจ เพราะหากคุณซึ่งเป็นเพื่อนไม่เตือนเขา แล้วใครเล่าที่จะกล้าพูด จริงไหม


    [​IMG]17. เป็นที่พึ่งได้


    เมื่อไรก็ตามที่เพื่อนของคุณกำลังจะล้มลง หรืออยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ ในยามที่เพื่อนกำลังอ่อนแอจงเป็นที่พึ่งที่ดีให้กับเขา


    [​IMG]18. บอกเพื่อนว่าเขามีความหมายสำหรับคุณขนาดไหน


    อย่าลืมบอกเพื่อนของคุณทุกครั้งที่มีโอกาส ว่าคุณรู้สึกดีใจมากแค่ไหนที่มีเขาเป็นเพื่อน แม้มันจะเป็นสิ่งที่คุณและเพื่อนของคุณต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว แต่การได้ฟังคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากยิ่งทำให้มั่นใจและรู้สึกดีเพิ่ม ขึ้นอีกหลายเท่าเลยล่ะ


    [​IMG]19. เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน


    บางทีเพื่อนที่ถูกคอกันก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องชอบอะไรเหมือน ๆ กันไปเสียหมดทุกอย่าง อย่างเช่นเรื่องความความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา ประเด็นอ่อนไหวต่าง ๆ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นว่า ชอบดูภาพยนตร์แนวไหน เขาอาจจะชอบดูตลกคอเมดี้เสี่ยวสุด ๆ ที่คุณไม่คิดจะดูเลยสักครั้ง แต่นั่นก็สิทธิ์ของเขานี่นา อย่าลืมเคารพรสนิยมและความคิดเห็นของเขาด้วยนะจ๊ะ


    [​IMG]20. เข้าอกเข้าใจ


    แม้บางครั้งคุณอาจจะคิดว่า คุณเองยังให้เวลากับเพื่อนได้เต็มที่ จึงอยากให้เพื่อนให้เวลากับคุณเต็มที่เท่าที่คุณต้องการบ้าง แต่อย่าลืมว่าเพื่อนของคุณเองก็ยังมีคนอื่น ๆ ที่ต้องใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวของเขา หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ของเขาก็ด้วย ขอให้เข้าใจเขา และเขยิบออกมาให้เพื่อนของคุณได้มีเวลาเป็นของตัวเองด้วยนะคะ


    มิตรภาพที่ยั่งยืน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างขึ้นมา แต่ก็ต้องอาศัยความพยายามและความจริงใจที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆ ... ส่วนใครทำได้ครบทั้งหมดนี้ รับรองเพื่อนรักตายเลยล่ะ :)


    -http://hilight.kapook.com/view/61906-

     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเ้ช้า วันเสาร์สุขสันต์ครับ


    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    มาติกา-บังสุกุล


    มาติกา-บังสุกุล : คำวัด โดย พระธรรมกิตติวงศ์

    ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้พระภิกษุรับผ้านุ่งห่มจากฆราวาส แต่ให้พระภิกษุเก็บผ้าบังสุกุล หรือผ้าที่เขาทิ้งไว้ตามร้านตลาด หรือผ้าห่อศพที่ไม่มีผู้ใดปรารถนา เพราะสกปรก มาซักล้างให้สะอาด แล้วเก็บไว้เพื่อนำมาตัดเย็บเป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งที่ชำรุด เช่น ผ้านุ่ง หรืออันตรวาสก หรือผ้าสบง ผ้าห่ม หรือผ้าจีวร หรือผ้าอุตราสงค์ หรือผ้าห่มซ้อน หรือสังฆาฏิ ในเวลาที่เหมาะสมต่อไป


    ต่อมาจึงมีพระบรมพุทธานุญาตให้รับผ้าจากฆราวาสได้ เพื่อเจริญศรัทธาของอุบาสกอุบาสิกาผู้เลื่อมใส และบรรเทาความยากลำบากของพระภิกษุสงฆ์ในการแสวงหาผ้าอีกทางหนึ่งด้วย คำ ว่า "บังสุกุล" นั้น มาจากคำภาษาบาลีว่า ปํสุ (อ่านว่า ปัง-สุ) แปลว่า ฝุ่น และคำว่า กุล (อ่านว่า กุ-ละ) แปลว่า เปื้อน, คลุก สมาสคำทั้งสองเข้าด้วยบทวิเคราะห์เป็น ปํสุกุล (อ่านว่า ปัง-สุ-กุ-ละ) แปลว่า ผ้าที่เปื้อนฝุ่น
    เมื่อมาเป็นคำไทย เปลี่ยน "ปอ ปลา" เป็น "บอ ใบไม้" และปรับเสียงเป็นรูปแบบภาษาไทยที่มีตัวสะกด เป็น บังสุกุล อ่านว่า บัง-สุ-กุน ดังนั้นคำว่า "บังสุกุล" จึงต้องเขียนว่า บังสุกุล เท่า นั้น ไม่สามารถเขียนเป็นอย่างอื่นได้ หากเขียนเป็น บังสกุล ถือเป็นคำที่เขียนผิด อันเกิดจากการเทียบเคียงผิดกับคำว่า สกุล ที่หมายถึง ตระกูลวงศ์
    ทั้งนี้ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายของคำว่า “บังสุกุล" แปลว่า ฝั่งแห่งฝุ่น, กองฝุ่น, คลุกฝุ่น, เปื้อนฝุ่น
    บังสุกุล เป็นคำใช้เรียกผ้าที่ภิกษุชักจากศพ หรือผ้าที่ทอดไว้หน้าศพ หรือผ้าที่ทอดไว้บนด้ายสายสิญจน์ หรือผ้าภูษาโยงที่ต่อมาจากศพด้วยการพิจารณากรรมฐานว่า ผ้าบังสุกุล โดยเรียกกริยาที่พระชักผ้าหรือพิจารณาผ้าเช่นนั้นว่า ชักผ้าบังสุกุล หรือพิจารณาผ้าบังสุกุล
    ส่วนคำว่า มาติกา (อ่านว่า มาด-ติ-กา) นั้น เจ้าคุณทองดี ได้ให้ความหมายไว้ว่า หัวข้อ, แม่บท
    มาติกา หมายถึง พระบาลีที่เป็นหัวข้อ เป็นแม่บท เรียกว่า บทมาติกา
    เรียก การที่พระสงฆ์สวดพระบาลีเฉพาะหัวข้อธรรมในพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งขึ้นต้นด้วยบทว่า กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา ในงานที่เกี่ยวกับศพว่า สวดมาติกา
    มาติกา คำนี้ในงานเผาศพจะใช้คู่กับคำว่า บังสุกุล เป็น มาติกา บังสุกุล กล่าวคือพระสงฆ์จะสวดมาติกาก่อนแล้วบังสุกุลต่อกันไป เช่นที่เขียนในบัตรเชิญงานศพว่า "๑๔.๐๐ น. พระสงฆ์มาติกา บังสุกุล"


    -http://www.komchadluek.net/detail/20110819/106541/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5.html-



     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <table class="cf hr" cellpadding="0"><tbody><tr></tr><tr><td class="hw">[​IMG]</td><td>2












    วันนี้ได้ถ่ายรูปหนุ่มน้อย กับผ้ายันต์7รอบของหลวงปู่ทิม อยุธยาครับ

    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกท่าน ช่วงนี้ผมจะพยายามหาเวลา นำรูปพระวังหน้า แบบว่า ไม่ปลอม นำไปให้ชมทาง Email นะครับ

    พระวังหน้า ที่ผมว่าไม่ปลอมนั้น เก๊สนิทครับ

    หากสงสัยอย่างไร โทร.สอบถามได้ครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง

    จะได้เรียนรู้และศึกษาว่า ที่ว่าเก๊นั้น ลักษณะเก๊อย่างไร หากไปเห็นจะได้ไม่โดนเขาทุบครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ก่อนซื้อบ้านจัดสรรต้อง...?

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=507&contentId=158167-



    ตาม พ.ร.บ. การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 กำหนดให้ผู้ประกอบการจัดสรรที่ดินที่มีการแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลงย่อยเพื่อ จัดจำหน่าย ตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไป จะต้องยื่นขออนุญาตทำการจัดสรรที่ดินต่อคณะกรรมการควบคุมการจัดสรรที่ดิน ตามท้องที่ ณ ที่ดินจัดสรรนั้นตั้งอยู่ ซึ่งเป็นการบังคับให้ผู้ประกอบการจัดสรรที่ดินต้องจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ เช่น ถนน ทางเท้า ท่อระบายน้ำ ประปา ไฟฟ้า สวนสาธารณะ ฯลฯ ตามที่กฎหมายกำหนด อันเป็นการคุ้มครองผู้จะซื้อส่วนหนึ่งโดยผู้ซื้อ มีสิทธิขอตรวจสอบใบอนุญาตจัดสรรที่ดินได้จากผู้ประกอบการ หรืออาจขอตรวจสอบได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด ณ ที่โครงการ นั้น ๆ ตั้งอยู่

    นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าโครงการนั้น ๆ ได้รับการอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารตามแบบแปลนเดียวกับที่ได้กระทำสัญญาจะซื้อ จะขายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการที่ผู้ประกอบการมีการแยกทำสัญญาจะขายที่ดิน และสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างอาคารไว้เป็นคนละฉบับ ผู้ซื้อควรให้ผู้ประกอบการได้แนบแบบแปลนที่ขออนุญาต และสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างไว้ท้ายสัญญาที่จะทำขึ้นจะดีกว่า

    เรื่องของขนาดและผังโครงการ ผู้ซื้อจะต้องพิจารณาสภาพของการอยู่อาศัยว่ามีความเหมาะสมกับขนาดของโครงการ หรือไม่ โดยปัจจุบันคณะกรรมการควบคุมการจัดสรรที่ดิน กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสาธารณูปโภคที่ต้องจัดให้มีในที่ดินจัดสรรไว้

    เรื่องของที่ตั้งโครงการก็สำคัญ ผู้ซื้อจะต้องตรวจสอบว่าพื้นที่ตั้งโครงการนั้นไม่มีน้ำท่วมขัง หรือไม่ก็ต้องมีการปรับระดับพื้นที่ให้สูงกว่าพื้นผิวของถนนสาธารณะด้านนอก โครงการ ซึ่งการตรวจสอบนั้นผู้ซื้ออาจใช้วิธีสังเกตได้จากเสาไฟฟ้า หรือรั้วบ้านดั้งเดิมในบริเวณนั้น ๆ

    เรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เป็นทรัพย์สินส่วนกลาง เช่น สโมสร สระว่ายน้ำ ฯลฯ ว่ามีความจำเป็นต้องใช้มากน้อยเพียงใด เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ผู้ประกอบการมักจะบวกกลับมาเป็นต้นทุนของราคาขายบ้าน ทำให้บ้านมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อภายหลังเมื่อผู้ประกอบการได้มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนิติบุคคลโครงการ บ้านจัดสรร ก็จะกลายเป็นภาระที่ผู้ซื้อต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ

    และที่สำคัญคือ ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ การตรวจสอบ สามารถดำเนินการได้หลายวิธี เช่นสอบถามจากผู้อยู่อาศัยในโครงการเก่าที่ผู้ประกอบการนั้นดำเนินการมาก่อน หรือตรวจสอบจากรายชื่อผู้ประกอบการที่ถูกขึ้นบัญชีดำไว้ที่สำนักงานคณะ กรรมการคุ้มครองผู้บริโภคก็ได้นะครับ เพื่อจะได้มั่นใจว่าผู้ซื้อบ้านจะได้บ้านอยู่อาศัยจริง ไม่ใช่ได้เพียงกระดาษ และต้องไปฟ้องร้องเพื่อเรียกเงินคืนในภายหลังนะครับ.

    ดินสอพอง


    Daily News Online > เสาร์สปอร์ต > อสังหาริมทรัพย์ > กฎหมายรอบรั้ว > ก่อนซื้อบ้านจัดสรรต้อง...?

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ไหว้ 5 ครั้ง
    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )
    วัดเทพศิรินทราวาส

    [​IMG]


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html


    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ


    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน

    แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ

    หยุด ระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ

    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ

    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ
    สุ ปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ

    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา
    เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน
    แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน
    ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา
    ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา
    ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู
    กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู
    อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา
    คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา
    แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน
    เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์
    เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ
    สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน
    แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา
    นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา
    ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี
    กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน
    ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน
    จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์
    รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม
    เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม
    สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง
    เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ

    (บท ประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)

    ต่อ ไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การ ไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญญาณวรเถระ )

    http://72.14.235.104/search?q=cache:...h&ct=clnk&cd=7

    [​IMG]

    สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2415 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรนาย ทองสุก และนางย่าง

    เมื่ออายุ 8 ปี ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุณี (พุฒ ปุณณกเร) ปฐมวัยอาวาสวัดเขาบางทราย เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาที่วัดเขาบางทราย

    และเข้าศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบพิธอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2435 ที่วัดเขาบางทราย จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2439 ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    "ตาบุญ (พระยาธรรมปรีชา) ผู้เป็นอาจารย์สอนบาลีของ
    เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มอบช้างเผือกส่งเข้ามาให้ "

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ออกพระโอษฐ์รับสั่งเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร) สอบไล่ภาษาบาลี ในมหามงกุฎราชวิทยาลัยได้ที่ 1ทุกชั้นเป็นลำดับมา

    พ.ศ.2441 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระราชาคณะที่พระอัมราภิลักขิต เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลปราจีนบุรี ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา พ.ศ.2471 โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

    พ.ศ.2476กรรมการเถรสมาคมมีมติให้ท่าน เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระสังฆราชเจ้าซึ่งสิ้นพระชนม์ ประมวลเกียรติคุณพิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร)เป็นพระเถระบริหารงานพระศาสนาถึง 5 แผ่นดิน คือแต่รัชกาลที่ 5-9 เป็นพระราชาคณะแต่อายุ 28 ปี เป็นสมเด็จพระราชาคณะแต่อายุ 57 ปี นับเป็นพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พรรษาน้อยกว่า พระเถระหลายรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่อายุ 28 ปี ถึง 80 ปีรวม 53 ปี นับว่ายาวนานที่สุดไม่มีใครเทียบได้
    เมื่อสอบนักธรรม หรือบาลีจะสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นทุกประโยคเป็นรูปเดียวในสังฆมณฑล ดำรงตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง แม่กองบาลีสนามหลวง องค์เดียวกัน

    ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2494เวลา 10.30 น. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเระ)มรณภาพด้วยโรคเนื้องอกที่ตับรวมอายุได้ 80 ปี พรรษาที่ 59

    ความคิดเห็นส่วนตัวผม
    ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ท่านบอก กับผู้ที่ไปกราบท่านว่า ขอให้ทุกๆวันได้ไหว้ 5 ครั้ง จะได้เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเหมือนกับชื่อของท่าน (เจริญ) ครับ ท่านเจ้าคุณนรเอง ก็มีความเคารพในท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)มาก โดยท่านเจ้าคุณนรเอง เวลาเดินผ่านกุฎิของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)ทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณนร ก็จะก้มลงกราบที่กุฎิอยู่ทุกครั้งครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    วันที่ 14 สิงหาคม 2550
    ขอเพิ่มเติมเรื่องราว ไหว้ 5 ครั้ง
    http://www.saktalingchan.com/index.p...icle&Id=262016

    [​IMG]


    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร​

    เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร
    วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร

    1. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงนี้ เมื่อพระคุณท่านมีอายุเพียง 27 ปี มีพรรษา 7 ยั่งยืนตลอดมาเป็นเวลาช้านานถึง 53 ปีฯ

    2. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ นั้นมีอายุเพียง 56 ปี เท่านั้น ฯ

    3. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งธรรมเนียมการเทศนาธรรมในวันอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2471 ติดต่อกันมาถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลา 45 ปี ล่วงแล้ว ฯ

    4. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระ สังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ แลบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรงสืบต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ( ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2481 ) ฯ

    5. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถาติดต่อกันถึง 4 รัชกาล คือตั้งแต่รัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเวลาถึง 25 ปี ฯ

    6. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มีสัทธิวิหาริก-อันเตวาสิก มากที่สุดถึง 6,666 องค์ ฯ

    7. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นต้นกำเนิดตำราไหว้ 5 ครั้งให้ศิษยานุศิษย์ปฏิบัติตาม หากผู้ใดไหว้ครบ 1 ปี เป็นกำหนด ผู้นั้นจักได้รับรูปที่ระลึกจากองค์ท่านด้านหน้าเป็นรูปองค์ท่าน ด้านหลังเป็นรูปยันต์ภควัม จากกรึกนามองค์ท่านเป็นอักษรย่อ โดยลำดับแห่งราชทินนามนั้น ๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายได้จารึก 3 อักษรว่า พ.ฆ.อ. ซึ่งย่อจากราชทินนามว่า พุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะ ฯ

    8. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ ท่านเจ้าคุณพระโศภณศีลคุณ ( หลวงปู่หลุย พาหิยเถร ) ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 23 ปัจจุบันอายุ 92 ปี พรรษา 67 ( เกิด 9 สิงหาคม 2426 ) ยังเดินลงโบสถ์ลงสวดมนต์ทำวัตรได้เป็นประจำทุก ๆ วัน เป็นพระเถราจารย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือยิ่งของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ

    9. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่ประพฤติปฏิบัติยอดเยี่ยม และเป็นพระเถระองค์สำคัญที่มีเกียรติคุณโด่งดังในปัจจุบัน คือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ธมมฺวิตกฺโก ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 1740 ฯ

    ไหว้ 5 ครั้ง ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดเทพศิรินทราวาส

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาใด ตามแต่เหมาะ ต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวกัน ถ้ามีดอกไม้ ธูปเทียน ก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ

    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประนมมือว่า นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสฺมพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ อิติปิ โส ภควา อรหสมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน&deg; พุทฺโธ ภควาติ ฯ หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม ของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ สฺวากฺขาโต ภควตา ธฺมโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺ จตฺต เวทิตพฺโพ วิญฺญหีติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 3ว่าสังฆคุณ คือ สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ยทิทฺ จฺตตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสฺงโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนฺยโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรฺ ปุญฺญกฺเขตตฺ โลกสฺสาติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    นั่งพับเพียบประนมมือ ตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ

    พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ
    ทุติยมฺปิ พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    ทุติยมฺปิ สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ
    ตติยมฺปิ พุทฺธสรณคจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ ธมฺมสรณคจฺฉามิ
    ตติยมฺปิ สงฺฆสรณคจฺฉามิ ฯ

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ และครูบาอาจารย์เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ

    ต่อนี้ไปไม่ต้องประนมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่องและร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพราก จากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้นพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณ มีบิดามารดาเป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์ ทั้งเทพดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

    การ ไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้หนี้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยอมือไม่ขึ้นก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เป็นเครื่องหยุดตนให้เป็นคนดีไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดีไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอจนตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มชั้นของตน ฯ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ


    ปัจฉิมโอวาท
    ของ
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    ไม่ตายควาวนี้ ก็ตายคราวหน้า อย่างเศร้าโศก เสียทีที่ศึกษาปฏิบัติมา ร้องให้เศร้าโศก ก็ร้องไห้เสร้าโศกสังขารที่
    เกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง ที่ไม่ร้องไห้เศร้าโศกนั้นมิใช่จะเป็นคนใจไม้ใส้ระกำอะไร

    ธรรมของพระก็คือ
    สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
    ย่นลงก็ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แล้วปรินิพพาน
    ไม่ต้องเกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก

    (มีบัญชาให้บันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๙๔)


    .

    [​IMG]

    รูป ผมสงวนลิขสิทธิ์ องค์จริงอยู่ที่บ้านผมครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    http:.179//palungjit.org/showthrea...22445&page=762

    [​IMG]

    [​IMG]

    "บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"..!

    "ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่ว ย
    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมี
    ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้
    บารมี ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..
    แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"...!

    "จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้....
    ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

    นี่ คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรมรังษี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไป แล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .



    อิ่มอร่อยยกครัวกับเมนู “ข้าวมันไก่”

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> โดย : กุ๊กเล็ก

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> อาหารจานเดียว เป็นอาหารประเภทที่เลือกกินกันบ่อยๆ เพราะสะดวก รวดเร็ว โดยเฉพาะมื้อกลางวนที่ต้องรีบเร่งกลับไปทำงานต่อ แต่ถึงเป็นในวันหยุดสบายๆ แบบนี้ “กุ๊กเล็ก” ก็ยังอยากกินอาหารจานเดียวอยู่ดี อย่างเมนู “ข้าวมันไก่” ซึ่งเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ไม่ได้ทำยากมากนัก แต่ก็อร่อยกันได้ทั้งบ้าน

    ส่วนผสมมีดังนี้
    เนื้อไก่ 800 กรัม (จะใช้เนื้ออก หรือสะโพกก็ได้ตามชอบ)
    ข้าวสาร 3 กระป๋อง
    เกลือป่น 2 1/2 ช้อนชา
    ขิงฝานเป็นแว่น 6 แว่น
    รากผักชี 4 ราก
    กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
    ฟัก 1/2 ลูก (ขนาดกลาง)
    น้ำเปล่า
    น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

    ส่วนผสมน้ำจิ้ม
    ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
    เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
    ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
    น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
    ขิงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
    กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
    พริกสด 2 เม็ด

    เริ่มต้นที่การนำเนื้อไก่มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำลงไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก โดยใช้ไฟอ่อนเพื่อไม่ให้น้ำซุปขุ่น นำข้าวสารมาซาวน้ำจนสะอาด แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนร้อน แล้วใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม ใส่ข้าวสารที่ซาวแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟ เทใส่หม้อหุงข้าว ใส่ขิงฝานเป็นแว่นลงไป ใส่เกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา แล้วใส่น้ำซุปที่ได้จากการต้มเนื้อไก่ลงไปกะให้ปริมาณพอเหมาะ ให้หุงข้าวออกมาแล้วไม่นิ่มหรือร่วนจนเกินไป หุงข้าวจนสุก ส่วนน้ำซุป ให้ตักไก่ออกพักไว้ น้ำซุปที่เหลือใส่รากผักชีลงไป ใส่ฟักที่ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นแล้วลงไป ปรุงรสด้วยเกลือประมาณ 2 ช้อนชา ต้มต่อไปจนฟักนุ่มดี จึงปิดไฟ

    ส่วนน้ำจิ้ม นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกัน แล้วคนจนน้ำตาลละลายดี เวลาเสิร์ฟ ตักข้าวมันใส่จาน นำเนื้อไก่มาสับเป็นชิ้น โดยหน้าด้วยผักชี เคียงด้วยแตงกวา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มข้าวมันไก่ และน้ำซุปร้อนๆ ก็อิ่มอร่อยกันไปได้อีกหนึ่งมื้อ</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000101865-

    Travel - Manager Online -
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    [FONT=Tahoma,]ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง การเมืองหนุน-ลุ้นฝ่าศก.โลก

    คอลัมน์ รายงานพิเศษ


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>ในสายตานักลงทุนต่างชาติยามนี้ แหวกม่านฝุ่นรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อเข้ามาลงทุนในไทยกันอย่างคึกคัก

    แม้รัฐมนตรีบางตำแหน่งจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผิดฝาผิดตัว หรือไม่มีคนระดับกุนซือมานั่งในทีมเศรษฐกิจชุดนี้ก็ตาม

    แต่ รัฐบาลชุดนี้ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นับเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ต่างชาติเหลียวกลับมามองบรรยากาศการลงทุนใน ไทยอย่างชนิดที่เรียกว่า จ้องตาไม่กะพริบ

    ผนวกกับความเสี่ยงภายนอก จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะจากปัญหาหนี้สาธารณะในสหรัฐและยุโรปที่ล่าสุดธนาคารโลกชี้ว่าเป็น พายุลูกใหม่ ที่ทำท่าว่าจะไร้ทางแก้ ท่ามกลางความร้อนแรงของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อย่างภูมิภาคเอเชีย

    เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัย ที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่อ่อนไหวต่อทุกกระแสได้อย่างฉับพลัน

    ส่วนตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นอย่างไร ฟังเสียงสะท้อนจากคนในแวดวงตลาดหุ้น เริ่มจาก

    นาย จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มองว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานของไทยมากขึ้น หลังจากสถานการณ์การเมืองในประเทศมีความชัดเจน ทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองลดลง

    "ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการ เมืองลดลง หลังจากที่ไทยได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ค. โดยผลปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงมากสุดเกินครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว และมีการจัดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว" นายจรัมพรกล่าว

    นอกจากนี้ ยังคาดว่าในระยะสั้นอาจมีเม็ดเงินจากตลาดตราสารหนี้ไหลกลับเข้ามาลงทุนใน ตลาดหุ้น หลังตลาดตราสารหนี้มีราคาแพงขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นมีความคึกคักมากขึ้น

    ด้าน นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนัก วิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จากการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุด มองว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีปัจจัยบวกสำคัญจากสถานการณ์การเมืองที่มีเสถียรภาพ และมีความมั่นคงมากขึ้น

    โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจในแง่กระตุ้นการลง ทุนของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะมีผลกระตุ้นการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และเอเชียในระยะต่อไป

    นัก วิเคราะห์ประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี"54 เฉลี่ยอยู่ที่ 4.3% และปี"55 เฉลี่ยอยู่ที่ 4.7% ขณะที่คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ปี"54 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 16.7%

    ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ปรับมุมมองต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น ณ สิ้นปี"54 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,197 จุด จากประเมินครั้งก่อนในเดือนเม.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 1,181 จุด โดยประเมินจุดสูงสุดครึ่งปีหลังที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1,221 จุด ต่ำสุดที่เฉลี่ย 995 จุด

    "จากการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ หลักทรัพย์ต่างๆ พบว่า มีความมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลมากขึ้น เนื่องจากจำนวนเสียงของรัฐบาลอยู่ในระดับที่มีความมั่นคงสูง และเชื่อว่ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลจะยังคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันในช่วงนี้ แต่คงรอดูสถานการณ์และการทำงานของรัฐบาลใหม่ไประยะหนึ่งก่อน" นายสมบัติกล่าว

    สำหรับข้อเสนอที่นักวิเคราะห์มีต่อนโยบายของรัฐบาลนั้น เห็นว่าควรปรับปรุงนโยบายด้านภาษี นโยบายด้านการศึกษา และนโยบายด้านแรงงาน

    นาย นริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินว่า แนวโน้มการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ของไทยในครึ่งปีหลังยังเชื่อว่าจะขยายตัว ได้ต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัว

    โดยเฉพาะ เศรษฐกิจสหรัฐที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ มีการปรับประมาณการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลง ทำให้ทิศทางการลงทุนในสหรัฐลดลงด้วย ขณะเดียวกันด้านยุโรปก็มีปัญหาหนี้สาธารณะ หรือแม้แต่เอเชียเองเศรษฐกิจจีนหรือญี่ปุ่นก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่

    "เศรษฐกิจภายนอกที่ยังมีปัญหาจะเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้" นายนริศกล่าว

    นอก จากนี้ ในส่วนของกระทรวงการคลังยังมีคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกทางหนึ่งด้วย มีการวางแผนระยะยาวช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่ามีบทบาทค่อนข้างมาก

    โดย ที่ผ่านมาตัวเลขสิ้นเดือนเม.ย.54 เทียบกับสิ้นปี "52 พบว่ามีการพัฒนาขึ้นในหลายๆ ด้าน อาทิ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มเป็น 8.9 ล้านล้านบาท หรือ 88% ของจีดีพี จาก 6 ล้านล้านบาท หรือ 65% ของจีดีพี จำนวนบริษัทที่ระดมทุน เพิ่มขึ้นเป็น 698 บริษัท จาก 677 บริษัท

    ส่วน นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากมองระยะสั้นในช่วงไตรมาส 3/54 ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ปัญหาการเร่งตัวของเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชีย ผลประกอบการไตรมาส 2/54 ของบริษัทจดทะเบียนชะลอลง และการเมืองในประเทศไม่มีความชัดเจน

    ดัง นั้น ส่วนตัวจึงประเมินว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/54 ไม่น่าจะออกมาดีนัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยไตรมาสนี้จะชะลอลงตามไปด้วย

    แต่ เห็นว่าปลายไตรมาส 3-4 ของปีนี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะฟื้นกลับมา เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวคลายความกังวลลงได้ เพราะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกน่าจะเป็นการชะลอลงชั่วคราว ไม่ถึงกับเกิดภาวะหดตัว ทำให้นักลงทุนคลายความกังวล

    ราคาสินค้า โภคภัณฑ์ทั้งน้ำมันน่าจะชะลอลง ส่งผ่านมายังราคาทองคำ เงินและทองแดงชะลอลง ทำให้เงินเฟ้อที่เป็นปัญหาในภูมิภาคเอเชียลดลง ต้นทุนดำเนินธุรกิจต่ำลง ผู้ประกอบการทำกำไรได้ดีขึ้น

    ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียในช่วงไตรมาส 4/54 น่าจะปรับตัวขึ้น

    และ หลังเลือกตั้งต้องยอมรับว่า การเมืองในประเทศอาจไม่นิ่งในช่วง 1-2 เดือนแรก ซึ่งตลาดรับรู้ล่วงหน้า จึงน่าจะเป็นความกังวลเพียงระยะสั้น

    อย่าง ไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงข้างต้นถือเป็นปัจจัยชั่วคราว เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออก จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยปีนี้จะปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 1,250 จุดในช่วงปลายปี

    นาย สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้มองว่าตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงจนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากนี้ไปในระยะสั้นคงต้องติดตามดูว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถดำเนินนโยบาย ต่างๆ ตามที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่ เพราะมีบางนโยบายมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ซึ่งนักลงทุนรู้สึกเป็นห่วง โดยเฉพาะนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ที่เป็นต้นทุนต่อการดำเนินธุรกิจ

    "ไม่อยากมองภาพในระยะ ยาวมากเกินไป เพราะยังคงต้องติดตามปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปต่อไปอย่างใกล้ชิด แต่ในช่วงไตรมาส 3 นักลงทุนควรทยอยซื้อสะสมหุ้นเมื่อดัชนีปรับลดลง" นายสุกิจกล่าว

    สุด ท้ายอาจพอสรุปได้ว่า ในระยะสั้นอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่รัฐบาลใหม่ ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางนโยบายประเทศไทยให้เดินไปอย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพอย่างไรในระยะยาว

    ขณะเดียวกันต้องจับตาการฝ่าดงวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีมรสุมจากหลายประเทศทั้งสหรัฐและหลายประเทศในยุโรป
    [/FONT]


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHlOVEl4TURnMU5BPT0=&sectionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB5TVE9PQ==-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    สถาบันมะเร็งแห่งชาติจัดเสวนา" ภัยเงียบของสตรีไทย"วันจันทร์ที่ 22 ส.ค.

    สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ สมาคมโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังการเสวนา เรื่อง  ภัยเงียบของสตรีไทย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พร้อมให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ฟรี!!! ในวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2554 เวลา 13.30 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค ถ.ราชปรารถ กรุงเทพฯ สำรองที่นั่งได้ที่ งานสร้างเสริมสุขภาพ โทร. 0-2354-7025 ต่อ 2215 และเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ (เวลาราชการ)



    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313725602&grpid=&catid=09&subcatid=0907-

    สถาบันมะเร็งแห่งชาติจัดเสวนา" ภัยเงียบของสตรีไทย"วันจันทร์ที่ 22 ส.ค. : มติชนออนไลน์

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    'โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย'

    ปัจจุบันเราจะได้ยินข่าวการฆ่าตัวตายจากสื่อต่าง ๆ มากขึ้น หลายครั้งที่สังคมเกิดคำถามว่าอะไรเป็นปัจจัยให้คนเราฆ่าตัวตาย ทางองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า ในปีหนึ่งจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน เมื่อคิดเฉลี่ยต่อเวลาจะพบว่ามีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ทุก 40 วินาทีและมากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ที่ฆ่าตัวตายเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และในขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นมีโอกาสฆ่าตัวตายสูงเป็น 20 เท่าเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป จะเห็นว่าทั้งภาวะการฆ่าตัวตายและโรคซึมเศร้านั้นมีความเชื่อมโยงกัน การสูญเสียจากการฆ่าตัวตายมิใช่เพียงแค่สูญเสียทรัพยากรบุคคล หรือสูญเสียทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากบุคคลซึ่งกระทำการฆ่าตัวตายเท่านั้น หากแต่ยังมีการสูญเสียทางจิตใจเกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่รอบตัวของบุคคลที่กระทำ การฆ่าตัวตายอีกด้วย ทางองค์การอนามัยโลกพบว่า การฆ่าตัวตายส่งผลกระทบต่อจิตใจของพ่อแม่ พี่น้อง สามีภรรยาและเพื่อน ๆ ของผู้ตายอีกอย่างน้อย 5-10 คน นั่นคือ มีคนประมาณ 5-10 ล้านคนต่อปีได้รับผลกระทบทางจิตใจจากผู้ซึ่งกระทำการฆ่าตัวตายในปัจจุบันนี้

    จากการศึกษาร่วมกันระหว่าง องค์การอนามัยโลก มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และธนาคารโลก เพื่อคาดการณ์ภาระโรค (Burden of disease) ที่มีต่อประชากรในทุกภูมิภาคของโลก ปรากฏว่าโรคซึมเศร้า ได้เปลี่ยนแปลงอันดับของโรคที่เป็นภาระจากอันดับที่ 4 ในปี ค.ศ.1990 มาเป็นอันดับที่ 2 ในปี ค.ศ. 2020 นั่นหมายถึงว่า โรคซึมเศร้าจะก่อให้เกิดความสูญเสียด้านสุขภาพของประชากรโลกเป็นเท่าตัวภาย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ การป้องกันการฆ่าตัวตายอันเกิดจากโรคซึมเศร้าที่ดีที่สุดคือ การที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคโดยเร็วและได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

    ผู้ที่มีอาการซึมเศร้านั้นมิได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคซึมเศร้าเสมอไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว อารมณ์เศร้าเป็นอารมณ์ด้านลบชนิดหนึ่งซึ่งทางจิตวิทยาถือว่า เป็นสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติได้เป็นครั้งคราวกับบุคคลทั่วไปเมื่อ เผชิญกับ การสูญเสีย การพลาดในสิ่งที่หวัง การถูกปฏิเสธ แต่คนที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นอาการเศร้าจะมากเกินควรและอยู่นานเกินไป ไม่ดีขึ้นแม้ได้รับกำลังใจหรืออธิบายด้วยเหตุผล มักมีความรู้สึกด้อยค่า รู้สึกผิด อยากตายร่วมด้วยและต้องมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน กิจวัตรประจำวันและการสังคมทั่วไปของบุคคลนั้น

    จิตแพทย์ใช้เกณฑ์การวินิจฉัยโรคซึมเศร้า จากกลุ่มอาการดังต่อไปนี้อย่างน้อย 5 อาการโดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นแทบทั้งวันและเป็นเกือบทุกวันติดต่อกันไม่ ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ตลอดจนทำให้เสียหน้าที่การงานหรือบทบาททางสังคม กลุ่มอาการดังกล่าวได้แก่

    1.มีอารมณ์เศร้า ทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น

    2.ความสนใจหรือความเพลิดเพลินในกิจกรรมปกติที่เคยทำทั้งหมด หรือแทบทั้งหมดลดลงอย่างมาก

    3.น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้น (มากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน)/เบื่ออาหาร

    4.นอนไม่หลับ

    5.ทำอะไรช้า เคลื่อนไหวช้าลง หรือบางคนอาจกระสับกระส่าย อยู่ไม่สุข

    6.เหนื่อยอ่อนเพลียหรือไม่มีแรง

    7.รู้สึกตนเองไร้ค่าหรือรู้สึกผิดมากเกินควร

    8.สมาธิหรือความคิดอ่านลดลง

    9.คิดถึงเรื่องการตายอยู่ซ้ำ ๆ หรือคิดฆ่าตัวตาย มีแผนการฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย

    สาเหตุการเกิดโรคซึมเศร้ามีความซับซ้อน เกิดจากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของชีวเคมีในสมองที่ส่งผลต่อการแสดงอาการของโรคซึมเศร้า และปัจจัยทางสังคมจิตใจมักเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่วนปัจจัยทางพันธุกรรมจะเอื้ออำนวยให้บุคคลที่มีแนวโน้มจะเกิดโรคซึมเศร้า อยู่แล้วเกิดโรคได้ง่ายขึ้น โรคซึมเศร้ามักพบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชายด้วยความแตกต่างทางชีวภาพ และยังพบได้บ่อยในผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคทางกายเรื้อรัง ผู้ที่ใช้สุราและสารเสพติด และผู้ที่ประสบกับวิกฤติของชีวิตที่ไม่สามารถจัดการได้อย่างถูกวิธี

    โรคซึมเศร้านั้น เรื้อรังและเป็นซ้ำได้ระยะเวลาของการเกิดอาการที่ไม่ได้รับการรักษาจะอยู่ ประมาณ 3-16 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยก็จะได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ได้รับการรักษาและส่วนหนึ่งก็จะฆ่าตัวตายตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้าง ต้น

    การรักษาโรคซึมเศร้ามีอยู่ 2 วิธีที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์คือ การรักษาด้วยยาและการรักษาทางจิตใจที่เรียกว่า “จิตบำบัด” วิธีการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของอาการซึมเศร้าและการตัดสินใจร่วมกัน ระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ แต่การรักษาที่ดีที่สุดคือ การรักษาด้วยยาและการรักษาทางจิตใจร่วมกัน การรักษาด้วยยานั้นผู้ป่วยควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและไม่ควรหยุดยาเอง เพราะอาจทำให้เกิดการกลับเป็นซ้ำของโรคได้ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีความจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่องแม้ว่าอาการจะดีขึ้น แล้วเพื่อป้องกันมิให้โรคกลับเป็นซ้ำอีก อย่างไรก็ตามผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเกี่ยวกับการรับประทานยาของ ตนเองอย่างละเอียด ยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้านั้นจะออกฤทธิ์โดยผ่านกลไกปรับชีวเคมีในสมองให้ สมดุล ผู้ป่วยบางรายอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการรักษาช่วงแรกได้บ้าง ซึ่งการพูดคุยกับแพทย์ ซึ่งทำการรักษาเกี่ยวกับวิธีจัดการกับอาการข้างเคียงดังกล่าวจะช่วยให้อาการ ดังกล่าวทุเลาลงได้ การรักษาทางจิตใจที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น การปรับความคิดและพฤติกรรม เนื่องจากเราพบว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่มักมีความคิดด้านลบส่งผลต่ออารมณ์เศร้าของตนเอง นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็มีส่วนช่วยป้องกันมิให้โรคซึมเศร้า กลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกัน

    ญาติของผู้ป่วยซึมเศร้านั้นมีบทบาทอย่างยิ่งในการช่วยดูแลผู้ป่วย ร่วมกับแพทย์ผู้รักษาโดยการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย พยายามทำความเข้าใจว่า โรคซึมเศร้านั้นทำให้ผู้ป่วยก็รู้สึกเป็นทุกข์ทรมานเพียงใด และผู้ป่วยเองก็มิได้อยากเป็น แต่บางครั้งอาการของโรคก็ทำให้ผู้ป่วยไม่อยากจะทำกิจกรรมใด ๆ จนอาจทำให้ญาติอาจเกิดความเข้าใจว่า ผู้ป่วยไม่พยายามช่วยเหลือตัวเองให้ดีขึ้น การเปิดใจกว้างทำความเข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะสามารถทำให้เราเกิดความเข้า ใจ และมีส่วนร่วมในการทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นได้

    โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายนั้นมีความสัมพันธ์กัน และเราทุกคนก็สามารถมีส่วนช่วยในการป้องกันมิให้เกิดการสูญเสียจากการฆ่าตัว ตายได้โดยการหมั่นเอาใจใส่ และคอยสังเกตตัวเราเองและคนข้างเคียงเพื่อให้สุขภาพจิตที่ดีนั้นอยู่กับเรา และครอบครัวตลอดไป มิเกิดปัญหาซึมเศร้าและการฆ่าตัวตายตามมา

    ข้อมูลจาก นายแพทย์ปทานนท์ ขวัญสนิท สถาบันจิตเวชศาสตร์ สมเด็จเจ้าพระยา

    มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ กองทัพบก จัดรายการการกุศล สายธารศรัทธาสู่ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา (โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา, หลังคาแดง) 122 ปี ขอเชิญชมรายการการกุศล ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในวันพุธที่ 7 กันยายน 2554 เวลา 22.35-00.20 น. ร่วมบริจาคเพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างอาคารผู้ป่วย จัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ครุภัณฑ์ต่าง ๆ และสมทบทุน “กองทุนสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9” เพื่อผู้ป่วยจิตเวชยากไร้.

    นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์


    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=530&contentId=158430-

    Daily News Online > โลกสีสวย > แรงงาน-สาธารณสุข > ชีวิตและสุขภาพ > 'โรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย'

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"><tbody><tr valign="top"><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/new_banner_bg_01.gif" height="26"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" width="7">
    </td> <td align="center" width="36">[​IMG]</td> <td width="3">
    </td> <td width="36">[​IMG]</td> <td width="3">
    </td> <td width="36">[​IMG]</td> <td align="right" valign="middle">21-08-11 07:54[​IMG]
    </td> </tr> </tbody> </table></td></tr> <tr> <td>[​IMG]</td> <td align="center" bgcolor="#ffffff" height="74" valign="center" width="185">[​IMG]</td> <td>[​IMG]</td> </tr> <tr><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_08.gif" height="16"><table class="SMALLFONT" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="5%">
    </td> <td width="23%">SET</td> <td width="25%">
    1,069.20​
    </td> <td align="right">-19.89
    </td> <td width="15%">
    [​IMG]
    </td> </tr> </tbody></table></td></tr> <tr> <td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_09.gif" height="16"> <table class="SMALLFONT" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td width="5%">
    </td> <td width="23%">SET50</td> <td width="25%">
    742.86​
    </td> <td align="right">-15.97
    </td> <td width="15%">
    [​IMG]
    </td> </tr> </tbody> </table></td> </tr><tr> <td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_08.gif" height="16"><table class="SMALLFONT" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td width="5%">
    </td> <td width="23%">SET100</td> <td width="25%">
    1,621.09​
    </td> <td align="right">-33.77
    </td> <td width="15%">
    [​IMG]
    </td> </tr> </tbody> </table></td> </tr><tr> <td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_09.gif" height="16"> <table class="SMALLFONT" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td width="5%">
    </td> <td width="23%">SETHD</td> <td width="25%">
    1,021.88​
    </td> <td align="right">-21.21
    </td> <td width="15%">
    [​IMG]
    </td> </tr> </tbody> </table></td> </tr> <tr> <td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_08.gif" height="16"> <table class="SMALLFONT" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td width="5%">
    </td> <td width="45%">Values (Mil.Baht)</td> <td>
    39,218.285​
    </td> <td width="15%">
    </td> </tr> </tbody> </table></td> </tr> <tr> <td colspan="3">[​IMG]

    </td></tr></tbody></table>
    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.html-
    .


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"><tbody><tr valign="top"><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/new_banner_bg_01.gif" height="26">
    </td></tr><tr><td>
    </td><td align="center" bgcolor="#ffffff" height="74" valign="center" width="185">
    </td><td>
    </td></tr><tr><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_08.gif" height="16">
    </td></tr><tr><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_09.gif" height="16">
    </td></tr><tr><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_08.gif" height="16">
    </td></tr><tr><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_09.gif" height="16">
    </td></tr><tr><td colspan="3" background="http://palungjit.org/images/banner4_08.gif" height="16">
    </td></tr><tr><td colspan="3">
    </td></tr></tbody></table>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    'รีโมทฉุกเฉิน'พกแล้วอุ่นใจคุณยาย

    การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุและคนพิการ

    [​IMG]






    ผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ขณะที่ลูกหลานออกไปทำงาน เรื่องง่ายๆ อย่างการปิด-เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม หลอดไฟในบ้าน อาจเป็นเรื่องยากสำหรับคุณย่าคุณยาย ด้วยเหตุนี้ ความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุและคนพิการ จึงยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

    ล่าสุด ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ร่วมกับเทศบาลเมืองแสนสุข นำร่องจังหวัดชลบุรีใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การดำรงชีวิตอิสระ ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุจะต้องใช้งานได้สะดวก ไม่ซับซ้อนและสามารถผลิตขึ้นได้เองในชุมชน
    รีโมทฉุกเฉิน เป็น อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้พิการและผู้สูงอายุ ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านในอย่างสะดวกสบาย ทางทีมวิจัยเนคเทคได้พัฒนารีโมทคอนโทรลขนาดเล็กสำหรับพกพาติดตัว ทำหน้าที่ควบคุมการเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ที่ระยะห่าง 20-30 เมตร โดยที่รีโมท 1 ตัวสามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ 4 ชนิดใน 1 โซน
    ทีมวิจัยยังได้พัฒนาชุดแจ้งเหตุฉุกเฉินในรูปของโทรศัพท์ที่พร้อมส่งสัญญาณ เตือนในรูปแบบของเสียงไซเรนและไฟแฟลช สำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉินให้บุคคลในครอบครัว ผู้ดูแล หรือเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงรับทราบ
    ชุดแจ้งเหตุฉุกเฉินสามารถสั่งปิด-เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าได้สูงสุด 8 ตัว พร้อมสัญญาณไซเรนแจ้งเตือนกรณีฉุกเฉิน และโทรศัพท์ระบบสแกนสำหรับผู้พิการด้านร่างกาย โดยใช้งานร่วมกับซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ สามารถกดโทรออกหรือส่งข้อความสั้นไปยังมือถือหมายเลขที่กำหนด
    ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าว ว่า เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจะนำไปถ่ายทอดให้แก่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อให้สามารถผลิตและบำรุงรักษาได้เอง ก่อนจะนำไปติดตั้งให้ 30 ครัวเรือน ตามความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อสนับสนุนการดำเนินชีวิตอิสระในผู้พิการและผู้สูงอายุ โดยการบริหารจัดการด้วยชุมชน ระหว่างเนคเทค และเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี
    นายณรงค์ คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวเสริมว่า เทศบาลสนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาทต่อปี นำร่องติดตั้งรีโมทฉุกเฉินไปแล้ว 7 ครัวเรือน และคาดว่าใน 3 ปี จะสามารถติดตั้งชุดอุปกรณ์ดังกล่าวได้ครบทั้ง 30 ครัวเรือน ครอบคลุมทั้ง 19 ชุมชน
    "ปัญหา ด้านการใช้ชีวิตประจำวันมีผลกระทบต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชน ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ จะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้สูงอายุ อีกทั้งช่วยแบ่งเบาภาระผู้ดูแล ให้ไม่ต้องเป็นกังวล" นายณรงค์ กล่าว
    ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้จริงกับผู้ สูงอายุ ตลอดจนทดลองใช้ และนำปัญหาที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต

    -http://www.komchadluek.net/detail/20110821/106644/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%89%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html-


     

แชร์หน้านี้

Loading...