ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. uuuu0010

    uuuu0010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +247

    เปรียบเทียบซะเข้าใจง่ายเลย :cool:
     
  2. kijjawattanee

    kijjawattanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +255
     
  3. เรอเน่

    เรอเน่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +8
    อ่านแล้ว...จี๊ดด...ครับ ได้ประโยชน์มากมาย เตะตาจริงๆดัวะ
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    ลองเลือกเอาข้อความจากต่างมิติซักข้อความหนึ่ง
    ไปแปลดูสิครับ..ถ้าเห็นว่าตัวเองไปได้ดี รู้สึกชอบ
    และเหมาะกับตัวเองแล้ว..ก็นั่นแหละ..ส่วนหนึ่งของภาระกิจหละ

    เพราะว่าสิ่งที่แต่ละคนตั้งใจจะมาทำกันที่โลกใบนี้
    ส่วนใหญ่ก็ไม่หนีไปจากสิ่งที่เรารัก เราชอบสักเท่าไหร่หรอกนะครับ
    ยกเว้นแต่บางคน ที่ตั้งใจจะมาเป็นแบบอย่างใดบางเรื่องบางราว

    เช่น KIM PHUC เป็นต้น ในระดับจิตสำนึกพื้นผิว
    เธออาจไม่ได้ชอบที่จะต้องถูกไฟไหม้ทั้งตัว
    สมัยวิ่งหนีลูกระเบิดที่ถูกทิ้งใส่บ้านเธอ
    แต่ว่าในระดับจิตวิญญาณแล้ว เธออาจเป็นคนเลือกภาระกิจนี้มาเองก็ได้
    เพื่อที่จะได้เรียนรู้การอยู่กับความโกรธ ความเกลียด ความพยาบาท
    และการอยู่แบบการไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่พยาบาท เพราะรู้จักให้อภัย

    ลองแปลดูนะครับ เข้าไปเลือกเอาตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

    http://www.galacticchannelings.com/english/index.html

    พยายามเอาที่ยังไม่มีใครแปล และ โพสต์ไว้ก่อนแล้วนะครับ
    แล้วถ้าอยากให้ผมช่วยตรวจทานให้ ก็ส่งมาได้ทาง e-mail นะครับ
    เดี๋ยวผมจะส่ง e-mail address ให้ทางหลังไมค์ครับ

    ............................................................



    <center>[​IMG]
    ๒๑ ปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๙
    คิม ฟุค ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูด
    เนื่องในวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
    </center>

    <center>[​IMG]
    เธอได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทำให้
    ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่าย
    แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง
    </center>

    <center>[​IMG]
    คิม ฟุค เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้วเธอก็ได้เผยความใน
    ใจว่ามีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้าน
    ของเธอ
    </center>

    <center>[​IMG]
    พูดมาถึงตรงนี้ ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบ
    กำลังนั่งอยู่ ในห้องประชุมนี้
    เธอจึงเผยความในใจ ออกมาว่า
    'ฉันอยากบอกเขาว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้
    แต่เราควรพยายามทำสิ่งดี ๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ทั้งในปัจุบัน
    และอนาคต'
    </center>

    <center>[​IMG]
    เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ เขามิใช่ทหาร
    อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง
    </center>

    <center>[​IMG]
    เขาพูด ด้วยสีหน้าเจ็บปวด ว่า
    'ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ'
    </center>

    <center>[​IMG]
    คิม เข้าไป โอบกอดเขา แล้วตอบว่า
    'ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย'
    </center>
     
  5. มหิศวระ

    มหิศวระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +8
    ทุกอย่างจะเป็นเหมือนกุญแจที่มีรหัสปลดล็อค
    โลกต้องหนุนไปตามเส้นทางที่ถูกเร่งและกระทำให้ช้าลงเพื่อความเหมาะเจาะ (การเกิดคลาสที่ผ่านมา) ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
    เพื่อปลดล็อคนั้นพร้อมกัน เช่นกุญแจที่ถูกต้องรหัสไว้ ท่านเป็นลูกกุญแจนั้น
    เมื่อปลดออกแล้ว สิ่งที่เตรียมการไว้ จะปรากฎให้ประจักแจ้งทันที
    และจะไม่มีอะไรมาขัดข้องอีก เพราะถูกล็อคแล้ว
    ตัวเราเองก็หมุนไปสิครับ หมุนจิต หมุนใจ หมุนการกระทำจากเดิมๆ ให้ไปสู่สิ่งใหม่
    แล้วรับมันไว้ ต่อเติมให้สมบูรณ์
    แม้การตื่นขึ้นของท่านทั้งหลายก็เป็นการหมุนไปเพื่อปลดล็อคที่มีอยู่ในแต่ละคน
    ขอมูลที่ได้รับจะบอกรหัสปลดล็อค ซึ่งไม่สามารถบอกมาได้ตรงๆ เนื่องจากว่า
    ข้อมูลนี้ใช้เป็นสากลทั่วจักรวาล สาระจะเป็นกุญแจทองของทุกท่านรวมกัน
    ขอให้หยิบยกเอาในส่วนที่อ่านแล้วเกิดความเปลี่ยนแปลงกับภายในตนเอง แล้วเอามาต่อเติมให้เต็ม จะเห็นเค้าของข้อความนั้นๆ
    มหิศวระ
     
  6. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    501
    ค่าพลัง:
    +635
    ค่ะ อ่านที่คุณมหิสวระโพสต์ แล้วนึกไปถึงกระทู้ของคุณ อพอลโล่ เรื่อง
    ถึงเวลา "เปิดหีบสมบัติจากจักรวาล" อันพิสดารที่ซ่อนอยู่ในตัวของเธอทุกคนแล้ว!

    ลิ้งค์ไม่เป็น ยกข้อความมาเลยแล้วกันนะคะ ขออนุญาตค่ะ


    โพสต์โดยคุณอพอลโล่ค่ะ
    ที่รักทั้งหลาย แล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เหมือนช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของปี
    เหมือนวันปีใหม่บนโลกมนุษย์ และเป็นเวลาที่เราจะได้ "เปิดของขวัญ" พร้อมๆ กัน
    ซึ่งมีอยู่แล้ว ได้อยู่แล้ว ในตัวของเราแต่ละคน อันเป็นของขวัญที่ส่งมาจากจักรวาล
    เพื่อให้เธอที่รักทั้งหลาย ได้ใช้มัน ในเวลาที่เหมาะสม และเวลานี้ มันถึงเวลาที่จะต้องใช้เสียที
    ฉันรู้ว่าพวกเธอทั้งหลาย รอคอยเวลาที่มีความสุขและตื่นเต้นที่สุดนี้ มานานเหลือเกิน แต่ก่อนอื่น
    เธอทั้งหลาย ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และด่านทดสอบต่างๆ มากมาย กว่าจะมาถึงจุดที่เราทั้งหลาย
    ยืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ขอต้อนรับด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่นของฉันอีกครั้ง และฉันมาพร้อมกับข่าวดี
    และของขวัญชิ้นพิเศษสุด ซึ่ง "มันได้ถูกสร้างไว้ในตัวของเธอทุกๆ คนอยู่แล้ว" มันเป็น "หีบสมบัติ"
    ของพวกเธอทั้งหลายเองนั่นแหละ แต่จักรวาลยังไม่ได้แจ้งข่าวแก่เธอ เพื่อให้เธอพร้อมที่สุดที่จะเปิดมันออก
    และนำมันออกมาใช้ ในเวลาที่เหมาะสมที่สุด และบัดนี้ ฉันได้รับอนุญาติจากจักรวาลนี้
    เพื่อมาช่วยเธอที่รักทั้งหลาย เปิดหีบสมบัติของเธอเอง ซึ่งมันเป็นวิธีที่เร้นลับและเธอจะต้อง
    ค้นพบมันด้วยตัวเอง จำไว้นะ สมบัติที่มีค่าของเธอ จะไม่มีใครเปิดมันออกมาได้
    นอกจากเธอเท่านั้น และฉันเอง ก็ตื่นเต้นมาก ที่จะได้เห็น "สมบัติที่พิเศษสุด" ของเธอทั้งหลายนั้น
    บอกตามตรง ฉันเองก็รอคอยเวลานี้ มานานแล้วเช่นกัน ดังนั้น เราค่อยๆ มาเริ่มต้นสู่การเปิดหีบสมบัติกันเลยนะ...

    การเชื่อมั่นและยืนหยัดด้วยตนเอง ค้นหาพรสวรรค์พิเศษในตนเอง
    อย่างแรก เธอต้องมีความเชื่อมั่นใน "จักรวาล" ว่ามีความเท่าเทียมกัน มี
    ความเสมอภาค ไม่แตกต่างกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่จีรัง ไม่ใช่ตัวตนของ
    ใครคนใดคนหนึ่ง เพราะเหตุนี้เอง เธอและคนที่ยิ่งใหญ่คนไหนๆ ก็ไม่ต่าง
    กันเลย เธอก็สามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดที่ยิ่งใหญ่นั้นได้ด้วยตัวของเธอเอง ที่
    ต่างกันไปตามสมมุติ ตามบทบาทที่จะจักรวาลสร้างสรรค์แก่เธอทั้งหลาย
    พรสวรรค์อันพิเศษ, หีบสมบัติของเธอ อยู่ในตัวเธอเองแล้วทุกคน ทั้งสิ้น
    แต่ถ้าเธอไม่ได้เปิดมันออกมาใช้, ไม่กล้าที่จะใช้มัน, กลัวที่จะใช้, ลังเล
    ใจที่จะใช้มัน มันก็จะเหมือนดาบที่เก็บไว้ในฝักจนนาน และขึ้นสนิม ในที่
    สุด มันจะใช้ไม่ได้อีกเลย ดังนั้น เธอจึงต้องเอามันออกมาใช้เสียบ้าง มัน
    จึงจะได้รับการพัฒนาและกล้าแกร่งขึ้น ทั้งหมดนี้ "ซ่อนอยู่ในตัวเธอเอง"
    ในยามที่เธออับจนที่สุด, คับขันที่สุด, เหมือนทุกอย่างบีบตัน, ว่างเปล่า
    นั่นแหละ คือ "ช่วงเวลาที่หีบสมบัติจะถูกเปิดออก" เอทำหน้าที่เพียงทะลุ
    ผ่าน "ผนึกภายในของเธอเอง" ออกไป หรือ "ได้รับการเปิดผนึกภายใน"
    โดยผู้อื่นที่มีความสามารถเปิดได้ ซึ่งจักรวาลส่งไปให้แล้ว รอเธออยู่แล้ว
    เมื่อนั้น หีบสมบัติก็จะถุกเปิดออก เธอจะเหมือนนกที่โบยบินออกสู่โลกที่
    กว้างใหญ่ ไม่คับแคบ ไม่เหมือนถูกขังอยู่ในตัวเองอีกต่อไป เธอจะได้รับ
    การ "ปลดปล่อย" ทั้งความสามารถพิเศษ, ปัญญาพิเศษ, ญาณหยั่งรู้ที่
    พิเศษ ฯลฯ ออกมา เมื่อ "ผนึก" ถูกทำลายลงและพลังคุ้มกันด้านลบ ถูก
    ชำระล้างจนหมดสิ้นแล้ว "สมบัติแห่งจักรวาล" ก็ปรากฏขึ้นอย่างบริสุทธิ์
    ไร้การครอบงำของพลังด้านลบ และเธอก็จะสามารถใช้มันในทางที่ดีได้
    แต่ถ้าผนึกเปิดออกก่อน โดยไม่มีการปลดปล่อยและชำระล้างแล้ว เธอก็
    จะถูกพลังด้านลบควบคุม เมื่อเธอใช้มัน ก็จะใช้มันไปเพื่อสนองความโง่
    หลง, กิเลสตัณหาของตนเอง ดังนั้น หวังว่าเธอคงเข้าใจที่เราจะต้องปิด
    ผนึกหีบสมบัติประจำตัวของพวกเธอเอาไว้ก่อนเพื่อรอเวลาที่พร้อมเช่นนี้<!-- google_ad_section_end -->

    ค้นหา "กุญแจ" ที่ใช้ในการเปิดหีบสมบัติของเธอจากรอบตัวเธอเอง


    กุญแจสำคัญที่ใช้ "เปิดหีบสมบัติ" ของเธอนั้น ได้ถูกเตรียมไว้แล้ว รอบตัว
    ของเธอเอง "ทุกๆ ขณะ" แต่ว่าหลายครั้ง เธอก็ไม่เห็นมัน และไม่ทันใช้มัน
    บางครั้งมันซ่อนอยู่ใน "คำพูดของคนบางคน" ก็ได้, "ภาพที่เธอเห็น" ก็ได้
    "ตัวอักษรต่างๆ" ก็ได้, หรือเป็นไปได้ทุกกรณี ที่สำคัญ เธออย่าคิดว่ามันจะ
    ต้องเหมือนกุญแจที่เธอใช้อยู่ในทางโลกนี้นะ แต่มันเป็นอะไรก็ตาม ที่ทำให้
    เธอ "ได้รับการปลดปล่อย" ให้ออกสู่โลกกว้าง, ออกจากกรงขังของตัวเธอ
    เอง เธอจะรู้สึกเหมือนได้รับการเปิดผนึก ได้ออกจากหีบกรงขังเล็ก ของเธอ
    เอง เธอจะสัมผัสได้ถึงโลกกว้าง ได้ถึงจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ ไร้ประมาณที่ไม่ใช่
    ความคับแคบ, คับข้องใจ ภายในตัวเธอเองอีกต่อไป และนั่นแหละ "อาการ
    ของหีบสมบัติที่เปิดออก" เธอจะโล่ง, ว่าง, เบาสบายใจ, สว่างไสวขึ้นและ
    ความสามารถพิเศษต่างๆ ก็จะปรากฏชัดเจนขึ้น เพราะสมบัติของเธอนั่นเอง
    ที่นำมาซึ่งความสามารถพิเศษ และพลังพิเศษเหล่านั้น ที่สำคัญคือ "กุญแจ"
    ที่เธอจะต้องค้นหามันให้พบ เมื่อพบมันแล้วมันจะทำงานอัตโนมัติ ทำให้เธอ
    "ตื่นโพล่ง, โล่ง, หลุด" ออกมาจากพันธนาการทุกสิ่ง, ออกจากกรงขังทุกๆ
    อย่าง, ออกจากความมืดมนเดิมๆ, ออกจากความตีบตันเดิมๆ, ออกจากทุกข์
    ออกจากความอ่อนแอ, ออกจากความก้าวร้าว, ออกจากความคับแคบในหีบ
    ที่เคยถูกปิดผนึกนั้น เมื่อเธอออกมาได้แล้ว เธอจะสามารถหยิบใช้สมบัติที่อยู่
    ในหีบสมบัติของเธอเองได้ทั้งหมด ซึ่งมีมากมายหลายประการเลยทีเดียวนะ

    <!-- google_ad_section_end -->

    เธอที่รักทั้งหลาย ล้วนมีสมบัติที่ต่างกัน และจักรวาลต้องใช้มันทำหน้าที่
    ดังนั้น ฉันจึงต้องบอกวิธีเปิดหีบสมบัติแก่เธอ เพื่อให้เธอทั้งหลายใช้มันทำหน้าที่
    ที่ต้องทำตามภารกิจของจักรวาลนั้น มีอย่างหนึ่งที่จะต้องบอกเอก่อนคือ คนที่ได้
    รับการเปิดหีบสมบัตินั้น มีสองกลุ่ม คือ ๑ กลุ่มคนที่ได้รับการเปิด ก่อนชำระล้าง,
    ๒ กลุ่มคนที่ได้รับการชำระล้าง ก่อนเปิด และคนกลุ่มแรกได้ทำหน้าที่ล่วงหน้าไป
    แล้ว แต่ไม่ดีนัก เพราะเป็นความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องทำหน้าที่ เราจึงต้องเปิด
    ให้ก่อนชำระล้าง ดังนั้น พวกเขาจึงทำหน้าที่ไปพร้อมๆ กับหลงทางไปด้วย ก็ไม่ดี
    บ้าง ดีบ้าง ปนๆ กัน แต่สิ่งที่เราหวังมากกว่านั้นคือ คนกลุ่มที่สองที่ได้รับการชำระ
    ล้างก่อนแล้วเปิดหีบสมบัติทีหลัง ซึ่งจะสามารถทำหน้าที่ได้ถูกต้องมากกว่า ซึ่งก็
    คือ พวกเธอที่ยังไม่มีความพิเศษอะไร นั่นเอง เป็นกลุ่มคนที่มีพลังงานเก่าเจือปน
    อยู่น้อยกว่า เพราะยังไม่ได้ผ่านการทำหน้าที่ ไม่มีการรบกวนโดยพลังงานเก่ามาก
    ดังนั้น การเปิดผนึกนั้นจึงง่ายกว่าและหลังเปิดผนึกแล้วจึงบริสุทธิ์มากกว่ากลุ่มแรก
    ต่อไปคือเรื่อง "สมบัติที่แตกต่างกัน" ของแต่ละคน นี่คือ สิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง
    บอกแก่เธอทั้งหลาย เพื่อให้เธอไม่สับสน ไม่หลงทาง ไม่ต้องเดินตามใครและเป็น
    "ตัวของเธอเอง" เพื่อจะได้ค้นพบ "สมบัติเฉพาะของเธอเองที่ต่างกันออกไป" ได้
    โดยไม่ต้องไขว่คว้าหาสมบัติตามใคร แย่งสมบัติของใคร เพราะเธอก็มีของเธอเอง<!-- google_ad_section_end -->


    เธอสามารถเปิดหีบสมบัติออกมาได้เรื่อยๆ หลายชั้น, หลายระดับและหลายชิ้น
    ยิ่งเธอชำระล้างพลังงานเก่า หลายระลอก เธอจะยิ่งกล้าแกร่งขึ้น และเลื่อนระดับสูงขึ้น
    ไปได้เรื่อยๆ และในแต่ละขั้น, แต่ละชั้นของการชำระล้าง เธออาจจะสามารถเปิดฯ มัน
    ได้บ้าง หรือไม่ได้บ้าง เพราะบางครั้งกระบวนการชำระล้างเกิดขึ้นเร็วมาก และมันก็เปิด
    ออกโดยเธอยังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะกระบวนการชำระล้าง
    มีหลายระลอก และหลายระดับชั้น ยิ่งเธอทำการชำระล้างมากขึ้นเท่าใด เธอยิ่งมีโอกาส
    ที่จะเปิดหีบสมบัติออกมาได้หลายครั้ง และแต่ละครั้ง เธออาจจะได้ค้นพบสิ่งที่แตกต่าง
    กันออกไปด้วย เธอสามารถหยิบใช้ได้อย่างพิสดารก็คือ แตกต่างกัน ตามแต่สิ่งนั้นๆ ว่า
    จะมีคุณสมบัติอย่างไร บางครั้ง อาจทำให้เธอเหมือนมีแสงสว่างไสวขับไล่ความมืดมน
    ให้คนจำนวนมากๆ ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำได้ แต่บางอย่าง ก็อาจทำให้เธอ ระงับดับความ
    มืดในฉับพลันแบบไม่เหลือเยื่อใย ก็มี บางอย่าง ก็ทำให้เธอได้ความสามารถในการพูด
    ที่เธอไม่เคยมี ไม่เคยได้ ฯลฯ มันยากที่จะอธิบายถึงความแตกต่างนี้จริงๆ แต่ฉันก็อยาก
    ให้เธอค้นพบมันด้วยตัวของเธอเองดีกว่า เพราะฉันไม่สามารถอธิบายสิ่งเหล่านั้นได้ แต่
    เธอที่ค้นพบมันเองนั่นแหละ ที่จะรู้ด้วยตัวของเธอเองและจะใช้มันได้ด้วยตัวของเธอเอง<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_end -->************************************

    หลายๆข้อความ หลายๆกระทู้ เหมือนเป็นคำตอบที่ส่งต่อกัน
    เป็นทอดๆ สิ่งที่อยากรู้ถูกกางคำตอบลงพรึบเดียวในช่วงเวลา
    ไล่เรี่ยกัน ทั้งของมหาเทพฯหลายท่าน ครายออน และอีกหลายท่าน
    ไม่เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร
    แล้วค่ะ แอบกลับไปอ่านข้อความเก่าๆ ของคุณอวตารบอย
    เราพัฒนาระดับการระลึกรู้แห่งจิตวิญญาณ
    ได้ระดับ 7 จาก 12 ขั้นแล้วเหรอ ไม่น่าเชื่อเลย
    อยู่ระดับ 1-2-3 มาตั้งเกือบชาตินึงแล้วค่ะ นึกว่าจะได้แค่นั้น
    ซะอีก ถึงจะแค่ระดับ7 ก็ภูมิใจนะ

    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2011
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    ผมเองก็กำลังงงงง อยู่กับความบังเอิญหลายๆอย่างอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
    อาจจะเป็นอย่างคุณ มหิศวระ ว่าไว้ก็ได้ครับ คือ มันกำลังถูกปลดล็อกอยู่

    ดังนั้น อะไรๆมันก็เลยดูเหมือนสอดรับกันไปหมด อย่างพร้อมเพรียงกัน
    รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่กำลังถูกกางออกมาให้พวกเราได้รับรู้กันอยู่นี้ด้วย

    ในส่วนของผมเอง ก็มีงงนิดๆกับข้อมูลที่ได้รับมา เช่น กำลังค้นหาเรื่องกรรมอยู่
    ก็ไปเจอข้อความสำคัญเข้า ก็แปล และโพสต์ไปแล้วหละ แต่มีบาง key word
    ที่กำลังสนใจและกะว่าจะแปลอยู่พอดี เช่น คำว่า Light Body
    ซึ่งมันอยู่ในข้อความของท่าน เมตาตรอนอีกชุดหนึ่ง แต่ผู้รับสาส์นคนละคนกันกับที่เราคุ้นเคย

    ก็พอดีคุณ kindred ส่งเมลหัวข้อเรื่อง "กรรม" มาให้เพิ่ม พร้อมตบท้ายด้วยเรื่อง
    Light Body ให้ซะด้วย... นี่ก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกันว่า..รู้ได้ไงว่าผมกำลังอ่านเรื่องนี้อยู่

    ส่วนข้อความของคุณ ฐนา ที่พูดถึง "พัฒนาการ 12 ขั้นตอน" นั้น ไม่รู้หมายถึง
    พัฒนาการเรื่องเดียวกันกับที่ผมกำลังอ่านอยู่หรือเปล่านะ มันเป็นเรื่องนั้นแหละ
    คือข้อความของท่านเมตาตรอน เกี่ยวกับ Light Body นั้นแหละ ที่บอกว่า
    พัฒนาการมันจะมี 12 ขั้นตอนด้วยกัน และตอนนี้มนุษย์โลกเราส่วนใหญ่
    ก็ไปได้ไกลแล้ว มาถึงขั้นตอนท้ายๆแล้ว ซึ่งท่านเทพฯบอกไว้เมื่อปี 1994 ว่า
    พวกเราส่วนใหญ่ ที่กำลังมีความสนใจด้านจิตวิญญาณอยู่นี่ อย่างน้อยก็น่าจะเข้าถึง
    ปลายระดับที่ 8 แล้วหละ อะไรทำนองนั้นหนะครับ

    ว่าแล้วก็..สงสัยต้องเอามาแทรกแปล และ โพสต์อีกแล้วกระมัง
    เพราะดูเหมือนว่า มันจะมี "เสียง" และ "สัญญาณ" เรียกร้องอยู่ แบบไม่มีคำอธิบาย..

    ...................................................................
     
  8. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    คุณชยุต ค้นเรื่องนี้อยู่พอดีเหรอคะ synchronicity อีกแล้วดิ
    เผอิญ สนใจเรื่อง lightbody มาพักนึงแล้ว จะไปต่อยอดเรื่อง Healing
    และเพราะข้อความต่างมิติต่างๆ ใช้คำนี้มากขึ้น เลยต้องค้นให้แจ้ง
    โดยเฉพาะ ในบทความล่าสุดที่เพิ่งแปลไป
    ของท่านเมตาตรอน ที่คุณชยุตใช้ เอ๊ย วานให้แปล
    เรื่องGolden Sun Disk ทั้ง 12 อ่ะค่ะ...เห็นมะ 12 อีกแล้ว

    แล้วเลยค้นต่อ กำลังว่าจะแปลเรื่อง 12 Stages of Light Body Ascension
    ไม่ทราบจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ คุณฐนา กล่าวถึงไหม
    เพราะเดรดจำไม่ได้แล้ว ว่า ระดับขั้นที่คุณ Avata_boy เคยลงไว้เป็นอย่างไร
    ถ้ามาเล่าได้ จักขอบพระคุณยิ่งค่ะ...

    แล้ว บทความนี้จะเหมือนที่คุณชยุต
    จะแปลและโพสต์เรื่อง light body ของท่านเมตาตรอน
    ที่คุณชยุตกล่าวถึงหรือเปล่า

    link นี้ค่ะ 12 Stages of Light Body Activation

    เรื่องการ ascension เคยได้ข้อมูลมาเหมือนกันว่า ตอนนี้ ชาว light worker
    ทั้งหลายกำลังไต่ระดับอยู่ที่ขั้นที่ 8 , 7 ขั้นก่อนหน้านั้น
    เป็นหน้าที่ในบทบาททางโลกที่ต้องแก้โจทย์ให้ขาด คล้ายๆว่า

    ถ้าไม่ผ่านตรงนั้น ต้องสอบกันใหม่ สอบแล้วสอบอีกจนกว่าจะผ่าน
    แล้วจึงมาทำภาระกิจต่อ อะไรประมาณนี้นะ ถ้าจำไม่ผิด


    อันนี้รู้สึกจะเคยอ่านมาจาก ท่าน Sananda จำ ลิงค์ไม่ได้แหล่ว...นานจัด
    เดี๋ยวถ้าหาเจอ จะเอามาแปลให้อ่านนะคะ....
    ไม่สัญญานะคะ เพราะไม่รู้จะหาเจอหรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2011
  9. FieldandMoons

    FieldandMoons สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณค่ะคุณ deliver me :d

    คิดว่าไม่ใช่อาการเลื่อนระดับเหมือนกันค่ะ
    รู้สึกชินซะแล้ว แต่ช่วงนี้มันเป็นบ่อยขึ้น
    แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเจ็บไข้ได้ป่วย
    เพราะเคยอ่านโพสนึงที่เค้าบอกว่าตอนนี้กระแสพลังงาน
    บางทีวิ่งผ่านร่างกายก็อาจจะก่อความเจ็บปวด
    แต่ว่ามันก็เป็นมานานแล้วนา
    ไม่น่าใช่การกระตุ้่นเหมือนกันค่ะ
    เพราะว่าก่อนหน้าที่มาอ่านมีอาการกระตุ้นที่ชัดเจนมากๆแล้ว
    แต่ก็ไม่น่าเป็นอะไรหนักมากค่ะ ก็จะพยายามไม่ประมาทด้วย

    ใช่ค่ะ มันก็ไม่เชิงจบสิ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
    แต่ปี2012 จะเป็นปีที่เริ่มต้นวันใหม่ เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่น่ะค่ะ


    ชัดเจนมากค่ะ :cool::cool:


    สวัสดีค่าคุณ kindred (deejai)

    ยังไม่เคยไปพบเลยค่ะ
    เคยแต่โรคประจำตัวภูมิแพ้ แต่ไม่เคยตรวจอะไรที่ต้องเอกซเรย์
    แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ มันไม่ได้เจ็บขนาดคนเป็นโรคหัวใจ
    แต่ก็รู้สึกเหมือนโดนช็อตอะไรประมาณนั้น

    การเจ็บป่วยช่วยให้มีระเบียบวินัยจริงๆค่ะ
    โรงพยาบาลอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
    แต่กลับไม่ค่อยได้ให้หมอตรวจ
    ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเป็นไข้อะไรเลย ไม่เคยต้องแอดมิต
    แต่ก็จะใส่ใจสุขภาพตัวเองให้มากกว่านี้ค่ะ

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ catt26
     
  10. FieldandMoons

    FieldandMoons สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +5
    กระทู้ท่าน Ashtar เป็นแผนเก่าค่ะ
    ซึ่งตอนนั้นพลังงานด้านลบของมนุษย์
    ยังหลงเหลืออยู่เยอะ และไกอาเองก็เลือกที่จะจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
    ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคใหม่โดยลำพัง

    แต่แผนใหม่ตามที่แมตธิวบอกก็คือ
    ไกอาเลือกแล้วที่จะยกระดับไปพร้อมๆกับเรา
    และวางแผนการ landing แทน
    ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีที่เอื้อโอกาสให้กับมนุษย์โลก
    บางคนที่มีความสั่นสะเทือนที่ดีอยู่แล้วแต่ไม่ดีพอก็จะมีโอกาสได้ไป
    บางคนที่มีความเป็นทวิภาวะ คือกึ่งดีกึ่งร้าย ก็มีโอกาสเลือก
    ถึงขนาดที่ บางคนที่ไม่ดีเลย แต่กลับตัวกลับใจได้ทันก็จะได้ไป

    จะไม่มีการตัดสินใครว่าคนนี้ไม่ดีไปไม่ได้นะ
    แต่ทุกคนจะมีโอกาสเท่าๆกันค่ัะ

    ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ได้หวือหวาหรือเกิดภัยพิบัติร้ายแรง
    นั่นแหละที่ำทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
    เลื่อนระดับไปพร้อมๆกับไกอา ค่อยเป็นค่อยไปอย่างนุ่มนวล
    ลดโศกนาฏกรรม ลดพลังงานลบจากความกลัวของคนน่ะคะ

    ตอนแรกก็สับสนเหมือนกันค่ะ รู้สึกกังวลไปว่าเค้าเลี่ยงๆรึเปล่า
    แต่พอพิจารณาเหตุผลอีกทีแล้วรู้สึกว่าแผนนี้แหละเหมาะสุดแล้ว
    พวกเค้าพยายามให้ทุกอย่างร้ายแรงน้อยที่สุด

    ตอนนี้สิ่งที่เราจะทำได้คือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มแผนการศักดิ์สิทธิ์นี้
    ให้ขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี ทำหน้าที่ที่พอจะทำได้
    ทุกอย่างมันเป็นไปแล้ว และกำลังจะเป็นไปตามที่ทางของมันเอง
    สบายใจได้นะคะ
    qsqu
     
  11. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    501
    ค่าพลัง:
    +635
    มีข้อความเก่าๆที่ save ไว้ในไฟล์ส่วนตัวค่ะ จำไม่ได้ว่าไปหามาจาก
    ที่ไหน เหมือนกับว่าบางส่วนไม่มีในพลังจิตแล้ว แต่ไปค้นมาจากที่
    อื่น (เวลาเอามาอ่านแล้วขำตัวเองค่ะ ว่าแต่ก่อนนี้เป็นมนุษย์ที่
    เหมือนมด-ปลวกเลย สนใจแต่เรื่องกินเรื่องอยู่ของตัวเอง มีแววอยู่
    บ้างก็ระดับ 3 นะคะ
    ********************************************

    ข้อความจากคุณ avata_boy แปลโดย คุณ chayutt มั้งคะ หัวข้อ-ไม่ทราบค่ะ
    ถ้าเห็นไม่สมควรโพสต์ ช่วยเตือนหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะมาลบให้




    ระดับแห่งการระลึกรู้แห่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึกที่แตกต่างกันอยู่ถึง 12 ระดับ
    LEVEL 1 or YEAR 1 : ระดับที่ 1 หรือ ปี 1
    • จิตวิญญาณ/จิตสำนึกพร้อมกายเนื้อ/พาหะยนต์นี้ไม่สำนึกรับรู้ตัวตนแห่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึกที่แท้จริงของตนเลยแม้แต่น้อย
    • คนที่อยู่ในกลุ่มนี้มีภาพลักษณ์ตัวเองถึงความเป็นกายเนื้อ/พาหะยนต์อย่างมากหรือ ยึดภาพว่าเป็นมนุษย์ปุถุชน 100% เต็ม
    • คนผู้นี้น้อมใจตนเองไปสู่สภาวะภายนอกอย่างเต็มที่ และจะไม่เชื่ออะไรก็ตามที่มองไม่เห็น อะไรที่ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ชิม
    และไม่ได้สัมผัสด้วยประสาทสัมผัสแห่งร่างกาย ตา หู จมูก ลิ้น และร่างกาย
    • คนผู้นี้จะไม่เคยตั้งคำถามหรือสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขาหรือเธอ หรือ ธรรมชาติคืออะไร เอกภพคืออะไร คนผู้นี้เมินเฉยกับทุกคำถาม
    • คนผู้นี้จะยอมรับชีวิตและไม่เคยสงสัย...ว่าร่างกายนี้ทำหน้าที่อย่างไร หรือคือใคร หรือทำอย่างไรหรือทำไมร่างกายนี้จึงยังคงมีชีวิตอยู่
    • คนผู้นี้จะเชื่อมั่นในพลังของกายเนื้อ/พาหะยนต์ของเขาหรือเธอ ต้องทุ่มเทหยาดเหงื่อและแรงงานในการกระทำทางกายภาพเพื่อที่
    จะบรรลุขีดขั้นแห่งความสำเร็จได้
    • คนผู้นี้จะมองว่า ผู้อื่นและสิ่งอื่น และธรรมชาติ และเอกภพล้วนแยกจากตัวตนของเขาหรือเธอโดยสิ้นเชิง
    • คนผู้นี้จะกล่าวโทษหรือตัดสินเอากับสิ่งใดๆก็ตามที่อยู่นอกตัวตนของเขาหรือเธอในความโชคร้ายของพวกเขา
    • คนผู้นี้มองโลกด้วยสายตาแห่งกายภาพมนุษย์เพียงระดับตื้นเขิน และไม่อาจจะมองเห็นหรือเข้าใจความเป็นจริงแห่งสิ่งใดๆในระดับที่ลึกลงไปได้
    • คนผู้นี้จะไม่เชื่อในศาสนา พระเจ้า(ไม่ว่าจะเป็นภายในตัวตนหรือภายนอกก็ตาม) หรือไม่เชื่อในวิญญาณหรืออะไรก็ตามที่เขาหรือเธอไม่อาจเห็นได้
    ด้วยตาทางกายภาพของเขาหรือเธอเอง และจะไม่เชื่อในพลังอำนาจแห่งภาวะจิตของเขาหรือเธอเลย
    • คนผู้นี้ต้องการข้อพิสูจน์ทางกายภาพของสิ่งใดๆเพื่อที่จะได้เชื่อ หรือ “เห็นแล้วจึงจะเชื่อ”
    • คนผู้นี้เชื่อว่า มีเพียงชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น และเมื่อจบสิ้นชีวิตนี้ เขาหรือเธอก็จะตายไปและไม่มีอื่นใดมากไปกว่านี้อีกแล้ว และไม่มีสวรรค์
    ไม่มีนรก หรือไม่มีการกลับชาติมาเกิด หรืออะไรใดๆก็ตาม
    • " “นี่คือการหลับใหล ไม่รับรู้ หรือสูญเสียตัวตนแห่งเขาหรือเธอไปอย่างสิ้นเชิงและสมบูรณ์แบบ”
    LEVEL 2 or YEAR 2 : ระดับที่ 2 หรือ ปี 2
    • บุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ ไม่ได้มีการระลึกรู้ตัวตนที่แท้จริงของตนในฐานะจิตวิญญาณ/จิตสำนึกเลย
    • คนผู้นี้น้อมใจตนไปสู่ภายนอก และไม่เคยจะตระหนักรู้ถึงกระบวนการรังสรรค์บันดาลชีวิตด้วยภาวะจิตแห่งตนของเขาหรือเธอเลย
    • คนผู้นี้จะหวาดกลัวกับพลังอำนาจภายนอกตัวตนของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้จะนับถือพลังภายนอกตัวตนของเขาหรือเธอเช่น ธรรมชาติ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระเจ้า/เทพยดา/นางฟ้า ที่อยู่ภายนอก ฯลฯ
    ในฐานะที่จะเป็นเหตุแห่งเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้าย
    • คนผู้นี้จะเชื่อในภูตผีลางร้าย และเรื่องลึกลับและวิญญาณหรือผีสางจากมิติอื่นที่อยู่ไกลออกไป แต่ไม่อาจจะอธิบายเหตุผลได้
    • คนผู้นี้ร้องขอความเมตตากรุณาและพลังอำนาจและยึดมั่นในพลังแห่งภายนอกตัวตนของเขาหรือเธอ ที่จะปกป้องคุ้มครองชีวิต
    และนำทางชีวิตของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้จะพึ่งพาพลังภายนอกเช่น...เครื่องราง ดวงดาว โหราศาสตร์ พรหมลิขิต หมอดู พระที่เคารพสักการะ นักบุญ
    พระเจ้าจากภายนอก นางฟ้า เทพยดา ฯลฯ เพื่อโชคดีอันพึงปรารถนาในชีวิตของเขาหรือเธอ
    • “นี่คือ ผู้ที่หวาดกลัวและไม่มั่นใจ และน้อมใจตนไปสู่โลกภายนอก”
    LEVEL 3 or YEAR 3 : ระดับที่ 3 หรือ ปี 3
    • บุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ ไม่ได้รับรู้ตระหนักตัวตนแห่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึกที่แท้จริงแห่งตนเลย
    • คนผู้นี้จะมองหรือนิยามตัวเองว่าเป็นกายเนื้อ/พาหะยนต์ หรือเป็นมนุษย์ที่ซึ่งขึ้นอยู่กับศาสนาอันสืบทอดมาแต่ดั้งเดิม หรือปรัชญา
    หรือความเชื่อดั้งเดิม
    • คนผู้นี้จะยึดมั่นในศาสนา ปรัชญา และความเชื่อของตนที่สอดคล้องกับเชื้อชาติ ประเทศชาติและภูมิหลังของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้จะยึดมั่นในผู้นำแห่งจิตวิญญาณของตนที่ได้สั่งสอนและบันทึกไว้ในคัมภีร์และการฝึกฝนแบบดั้งเดิม
    • คนผู้นี้จะเชื่อในสวรรค์และนรก และเขาหรือเธอพยายามที่จะทำดี ทำตามกฎระเบียบและเชื่อฟังในทุกคำสั่งสอนแห่งศาสนา ปรัชญาและความเชื่อของตน
    • คนผู้นี้จะโน้มใจตนไปสู่ภายนอก และไปวัด ไปโบสถ์ มากกว่านั้นหรือไปในกลุ่มคณะแห่งจิตวิญญาณอื่นๆ
    • คนผู้นี้เชื่อว่า วันหนึ่งเมื่อพวกเขาได้ตายลงไป ถ้าพวกเขาเป็นคนดี พวกเขาจะได้ไปสวรรค์ที่สอดคล้องกับศาสนา
    หรือปรัชญาหรือความเชื่อของเขาหรือเธอ และหากว่า พวกเขาเป็นคนไม่ดี พวกเขาคงจะต้องลงนรก
    • คนผู้นี้จินตนาการว่า...คงจะมีพระเจ้าหรือใครสักคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับกายเนื้อ/พาหนะยนต์เฉกเช่นมนุษย์และ
    บงการและปกครองชีวิตของเขาหรือเธอ โลก หรือเอกภพที่สอดคล้องตามกฏและความเข้าใจของมนุษยชาติ
    • คนผู้นี้คิดว่า คงมีใครบางคนภายนอกนั่น ผู้ซึ่งจะพิพากษาเขาหรือเธอ และตอบแทนรางวัลแก่เขาหรือเธอ และลงโทษเขาหรือเธอ
    ทั้งในชาตินี้หรือแม้กระทั่งเมื่อเขาได้ตายลงไป
    • ดังนั้น คนผู้นี้จะใช้ชีวิตด้วยความกริ่งเกรงหวาดกลัว(หรือไม่ตระหนักรู้) และพยายามที่จะทำความดีและเชื่อฟังในกฏหมาย
    และเดินตามกฏระเบียบแห่งศาสนาและปรัชญาและความเชื่อมากเท่าที่จะเป็นไปได้
    • “นี่คือ ทัศนคติแห่ง...ความดีงามและความชั่ว สวรรค์และนรก ความถูกต้องและความผิด เทวดา/นางฟ้าและปีศาจ/ซาตาน“
    LEVEL 4 or YEAR 4 : ระดับที่ 4 หรือ ปี 4
    • บุคคลที่อยุ่ในกลุ่มนี้ไม่ได้ตระหนักรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตนในฐานะจิตวิญญาณ/จิตสำนึก
    • คนผู้นี้ได้ฝึกฝนและดำเนินรอยตามคำสั่งสอนแต่ดั้งเดิมของศาสนา อย่างไรก็ดี เขาหรือเธอเองก็ยังไม่บรรลุหรือสำเร็จจากการ
    ฝึกฝนของพวกเขาเลย ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการฝึกฝนและอยู่ในลำดับขั้นแห่งการเดินทางเพื่อค้นพบชีวิตแห่งจิตวิญญาณของพวกเขา
    • คนผู้นี้จะยังคงสำเหนียกตัวตนเขาหรือเธอในฐานะเป็นกายเนื้อ/พาหนะยนต์ หรือเป็นมนุษย์ปุถุชนผู้ซึ่งพยายามก้าวไปให้ถึง
    เป้าหมายสุดท้ายแห่งจิตวิญญาณ
    • คนผู้นี้มองว่าหรือสำเหนียกถึงพระเจ้า/พระพุทธะจากภายนอก(ศาสดาแห่งศาสนา) แทนที่จะน้อมใจตนเข้าสู่ภายในแห่งเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้เชื่ออย่างแรงกล้าว่า ศาสนาหรือปรัชญาของตนนั้นดีที่สุดและเป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องเป็นไปตามที่ได้อ่านหรือ
    ภูมิหลังแห่งวัฒนธรรมของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้เข้าใจและตีความในศาสนา ปรัชญาและความเชื่อของเขาหรือเธอจากมุมมองทางกายภาพ/พาหนะยนต์ หรือมุมมองแห่งมนุษย์
    ปุถุชนดังนั้นศาสนาอื่นใด เชื้อชาติอื่นใด คนผิวสีอื่นใด ปรัชญาอื่นใด ความเชื่ออื่นๆล้วนผิดหรือด้อยกว่าของตน ในมุมมองของเขาหรือเธอ
    • ในมุมมองทางกายภาพ/พาหนะยนต์มองว่า สรรพสิ่งล้วนต่างแยกกันและเหนือกว่า แทนที่จะเป็นหนึ่งเดียว
    • คนผู้นี้ยึดมั่นฐานรากจากภายนอกเช่น...คัมภีร์เก่าแก่ของศาสนา หรือปรัชญา หรือผู้นำอันศักดิ์สิทธิ์ หรือประสบการณ์ชอง
    ผู้คนจากภายนอกตัวตนของเขาหรือเธอ เพื่อแรงบันดาลใจ/ความเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่จากประสบการณ์ของพวกเขาเองจากภายในตัวตนเอง
    • บุคคลผู้นี้สนุกกับการที่จะได้โต้แย้งและต่อสู้และมักจะอ้างถึงคัมภีร์เก่าแก่และครูบาอาจารย์/ผู้นำแห่งจิตวิญญาณเพื่อยืนยันความเชื่อ
    ของเขาหรือเธอที่สอดคล้องกับระดับความเข้าใจแห่งจิตวิญญาณของตนเองอยู่เสมอๆ
    • บุคคลผู้นี้มองโลกแห่งวัตถุแยกออกไปจากโลกแห่งจิตวิญญาณ และไม่อาจจะตอบข้อซักถามอย่างชัดแจ้งจากมุมมองระดับโลก
    หรือเอกภพได้จำกัดอยู่เพียงภูมิหลังดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาของเขาหรือเธอ และจากมุมมองแห่งปุถุชนเท่านั้น
    • “นี่คือ ทัศนคติยึดศาสนา/ผู้นำของตนว่าดีกว่าของผู้อื่น นี่คือภาวะจิตที่ไม่เปิดใจ นี่คือเหตุแห่งสงครามศาสนา ปัญหา
    การทะเลาะเบาะแว้งในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ”
    LEVEL 5 or YEAR 5 : ระดับที่ 5 หรือ ปี 5
    • บุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้ตระหนักว่า ตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือเธอในฐานะแห่งมนุษย์ปุถุชนผู้ซึ่งมีการเดินทางแห่งจิตวิญญาณ
    • คนผู้นี้กำลังฝีกฝนตามแนวทางของศาสนา ปรัชญาและความเชื่อของเขาหรือเธอ และภาวะจิตของเขาหรือเธอเติมเต็มด้วย
    ความรักและความเข้าใจ แต่อย่างไรก็ดี ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายแห่งจิตวิญญาณอยู่ดี
    • คนผู้นี้ยังมีข้อลังเลสงสัยในคำสอนและศาสนาและการฝึกฝนแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาด้วยว่ามีหลายๆคำถามใน
    ชีวิตและเอกภพที่ศาสนา ปรัชญาและความเชื่อดั้งเดิมของเขาหรือเธอไม่อาจตอบและอธิบายได้
    • อย่างไรก็ดี คนผู้นี้ก็ยังคงเชื่อในศาสนา ปรัชญาและความเชื่อดั้งเดิมเช่นเดิม เพียงแต่ว่า มันยังคงมีบางสิ่งที่ขาดหายและ
    คับข้องใจและไม่สมบูรณ์เต็มที่นักในภาวะจิตระดับผิวเผิน
    • คนผู้นี้เริ่มเปิดใจกว้างเพียงพอและรู้สึกว่า ทุกศาสนาล้วนมีเป้าหมายสุดท้ายคือสอนคนให้เป็นคนดี
    • คนผู้นี้กล้าหาญและไม่เกรงกลัวและเปิดภาวะจิตและเปิดหัวใจเพื่อความรู้ใหม่ๆ (จากศาสนาอื่น ปรัชญาอื่น ความเชื่ออื่น
    และยังรวมถึงความรู้จากภายนอกโลกเช่น จิตวิญญาณ/จิตสำนึกที่อยู่โลกอื่น /มิติอื่น/ แกแล๊คซี่อื่น /เอกภพอื่น
    และที่อยู่ไกลโพ้นออกไปอีก)แม้ว่ามันอาจจะแตกต่างไปจากศาสนา ปรัชญาและความเชื่อแต่ดั้งเดิมของเขาหรือเธอก็ตาม
    • คนผู้นี้เริ่มมองเห็นถึงแนวคิดที่คล้ายคลึงกัน หรือขยายกว้างออกไปในศาสนา ปรัชญาและความเชื่ออื่นๆ และตัวตนของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้อาจจะสนใจในความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และปรัชญาใหม่ๆ และแสวงหาและค้นหาและทดลองและเปรียบเทียบเพื่อ
    ค้นหาความจริงเพื่อตอบข้อสงสัยและความเข้าใจของเขาหรือเธอให้สมบูรณ์
    • “นี่คือการเริ่มต้นแห่งการเปิดใจและเริ่มต้นผจญภัยกับความรู้ใหม่ๆที่ไกลออกไปกว่าสิ่งดั้งเดิมแห่งเขาหรือเธอ”
    LEVEL 6 or YEAR 6 : ระดับที่ 6 หรือ ปี 6
    • บุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้ตระหนักและได้พิสูจน์ถึงแนวคิดที่ว่า มีพลังอำนาจและปัญญาญาณอยู่ภายในและกำลังแสวงหาความ
    ลี้ลับแห่งเอกภพและความจริงแห่งตัวตนของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้สนใจในวิธีการใหม่ๆในพลังแห่งอำนาจจิต สมาธิ การกำหนดภาพ การมุ่งมั่น การคิดเชิงบวก กฎแห่งการดึงดูด ฯลฯ...
    • คนผู้นี้เริ่มที่จะเปิดกว้างและทดสอบพลังอำนาจภายในตัวตนของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้หลงใหลและตื่นเต้นกับวิธีการใหม่ๆ การค้นพบใหม่ๆของเขาหรือเธอ อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นเพียงทฤษฎีในขั้นนี้
    (ยังไม่ได้รับประสบการณ์อย่างเต็มที่นักในชีวิตจริง) แต่ทว่า ยังมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในการแสวงหา อ่านและค้นคว้าแนวคิดใหม่ๆ
    ความรู้ใหม่ๆ และการฝึกฝน
    • “นี่คือการเริ่มต้นแห่งการผจญภัย แสวงหา และค้นหา และการทดลอง”
    LEVEL 7 or YEAR 7 : ระดับที่ 7 หรือ ปี 7
    • บุคคลกลุ่มนี้จะตระหนักรู้ตัวตนของเขาหรือเธอในฐานะมนุษย์ผู้ซึ่งมีการเดินทางแห่งจิตวิญญาณ
    • คนผู้นี้ได้เรียนรู้ที่จะนำทั้งสิ่งเก่า (ศาสนา ปรัชญา ความเชื่อ)หรือสิ่งใหม่ๆ และวิธีการและเคร่งครัดในตัวตนของเขาหรือเธอ
    และเริ่มที่จะมีความสำเร็จในชีวิตของเขาหรือเธอ
    • คนผู้นี้จะเข้าใจแนวคิดเช่นว่า “คุณคือผู้รังสรรค์ชีวิตคุณเองหรือ ไม่ว่าคุณจะจดจ่อและเชื่อสิ่งใด คุณจะดึงดูดสิ่งนั้นและได้รับประสบการณ์ในสิ่งนั้น
    • คนผู้นี้เริ่มที่จะรับรู้ด้วยประสบการณ์ของเขาหรือเธอเองถึงพลังอำนาจที่มีอยู่ภายในและหลงใหลไปกับความสามารถใหม่ๆ
    • คนผู้นี้ค้นพบว่า โลกภายนอกได้ปรากฏรูปร่างขึ้นจากโลกภายในของเขาหรือเธอเอง (ความคิดและจินตนาการ)
    • คนผู้นี้ยึดมั่นในพลังอำนาจภายในและคนผู้นี้จะเริ่มที่จะไม่หวาดกลัวขึ้นบ้างและตื่นรู้สู่เอกภพและตัวตนของเขาหรือเธอมากกว่าแต่ก่อน
    แต่กระนั้นก็ยังไม่เต็ม100%ทีเดียว
    • คนผู้นี้จะเริ่มเข้าใจว่า ทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนเขาหรือเธอ(ไม่สำคัญว่าเชื้อชาติ ศาสนา ภูมิหลังใดๆ ฯลฯ...)
    “สิ่งที่คุณปฏิบัติต่อผู้อื่น คุณเข้าใจดีว่า คุณกำลังปฏิบัติต่อตัวคุณเอง”
    • คนผู้นี้กำลังสนุกสนานกับความสำเร็จทางด้านวัตถุพื้นฐานที่ออกแรงความพยายามทางกายภาพน้อยลง
    ทุกสิ่งล้วนได้มาอย่างง่ายดายกว่าที่เคยเป็นมา
    • คนผู้นี้เริ่มที่จะรักและเชื่อมั่นในพลังอำนาจภายในตัวตนของเขาหรือเธอมากกว่าที่เคยเป็น
    • “นี่คือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของการค้นพบพลังอำนาจภายใน”
    LEVEL 8 or YEAR 8 : ระดับที่ 8 หรือ ปี 8
    • บุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้ตระหนักรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือเธอในฐานะมนุษย์ผู้มีการเดินทางของจิตวิญญาณ
    • คุณรู้แล้วว่า บัดนี้ชีวิตคุณได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับขั้นแล้ว คุณได้ก้าวเข้าถึงทั้งหมดของร่างกายและจิตใจอย่างเต็มที่
    และธรรมชาติแห่งจิตวิญญาณของคุณแผ่แสงระดับที่สูงขึ้น
    • ความปรารถนาของคุณได้รับการเติมเต็ม และอาจจะเป็นโอกาสที่คนธรรมดาอื่นๆจะประหลาดใจและถูกดึงดูดเข้าหา
    คุณเพื่อขอรับแนวทางและคำปรึกษา
    • ในระดับขั้นนี้ คุณจะมีพลังอำนาจสมบูรณ์แบบอย่างเห็นได้ชัด หรือบรรลุความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นทางวิทยาศาสตร์
    ( อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) ทางกีฬา (ไทเกอร์ วู๊ด,ไมเคิล จอร์แดน) ทางดนตรี (โมซาร์ท) ทางศิลปะ (ลิโอนาร์โด ดาร์วินชี่)
    ทางวรรณกรรม (เช็คสเปียร์)ทางุรกิจ ( บิล เกต) หรือชีวิตส่วนตัวของบุคคลอื่นๆฯลฯ...
    • คุณเป็นดาวจรัสแสง และเป็นผู้ชนะในวิชาชีพของคุณและในโลกส่วนตัวของคุณ และคนอื่นๆทั่วไปจะคิดว่า
    คุณมักโชคดีอยู่เสมอๆ โลกนี้เป็นดั่งน้ำจิ้มของคุณ และคุณก็เริ่มที่จะเป็นจ้าวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวิชาชีพคุณและในชีวิตส่วนตัวของคุณ
    • คุณจะไม่ดึงดุดผู้คนที่รู้จักคุณเมื่อคุณอบู่ในระดับคลื่นความถี่แห่งจิตสำนึกที่ต่ำ
    • ในระหว่างที่อยู่ในระดับนี้ คุณจะเข้าใจประกายแห่งแสงสว่างใหม่ๆจากคำสอนจริงแท้แห่งบรรพกาล
    • “นี่คือผู้ยิ่งใหญ่ จ้าวแห่งอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว”
    LEVEL 9 or YEAR 9 : ระดับที่ 9 หรือปีที่ 9
    • คุณจะถูกชักนำเข้าสู่พลังอำนาจแห่งดวงตาที่สาม คุณเริ่มที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ไม่มีศาสนาหากทว่าสรรพสิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียว
    • คุณรู้และเข้าใจว่า เอกภพอยู่ภายในตัวตนของคุณ โดยไม่จำต้องยึดมั่นความรู้จากภายนอก คุณรู้ว่า พระเจ้า/จิตแห่งพุทธะอยู่ภายใน
    หาใช่ภายนอกไม่
    • คุณมองว่า กายเนื้อของคุณเป็นดั่งวัด/โบสถ์ และใช้เวลาไปกับการปฏิบัติสมาธิ/ความสงบเงียบมากกว่าที่จะออกไปข้างนอก
    คุณได้น้อมใจคุณเข้าสู่พระเจ้า/จิตแห่งพุทธะภายในของคุณอย่างสมบุรณ์พร้อม คุณนับถือเพียงพระเจ้า/พระพุทธะภายในตัวตนของคุณเท่านั้น
    • คุณเริ่มที่จะเข้าใจว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ คุณตระหนักว่า วัตถุธาตุและจิตวิญญาณล้วนเป็นหนึ่งเดียวและเป็นสิ่งเดียวกัน
    • คุณกำลังเข้าใจดีว่า คุณคือจิตวิญญาณ/จิตสำนึกที่มีกายเนื้อ/พาหนะยนต์นี้เพื่อหาประสบการณ์ชีวิตบนโลก
    • คุณยึดมั่นในพระเจ้า/พระพุทธะที่อยู่ภายในตัวตนของคุณเพื่อความรู้ ปัญญาญาณ และพลังอำนาจ
    • คุณได้รับความสำเร็จอย่างสูงสุดทั้งโลกทางวัตถุและโลกแห่งจิตวิญญาณ คุณกำลังสนุกสนานกับวัตธาตุโดยปราศจาก
    การสูญเสียและยึดติดกับโลกทางวัตถุอีกแล้ว
    • คุณรู้ความลับและศาสตร์แห่งชีวิตอย่างละเอียดลึกซึ้ง คุณรู้ความลับแห่งตัวตนและเอกภพ และวิทยาการแห่งการรังสรรค์ชีวิต
    คุณเรียนรู้ที่จะปรับและใช้มันเพื่อความงอกงามแห่งวัตถุธาตุและจิตวิญญาณ คุณเต็มไปด้วนความสงบสุขและพลังอำนาจและความมั่งคั่ง
    • จิตสำนึกของคุณแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ และพลังงานของคุณก็เปี่ยมด้วยพลังอำนาจ ฉะนั้นความสามารถของคุณต่อเจตนารมณ์ทาง
    วัตถุธาตุก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว โลกทั้งใบล้วนเป็นภาพมายาและคุณรู้ถึงวิธีการผสมผสานสิ่งต่างๆให้เป็นไปตามใจปรารถนาของคุณอย่างง่ายดาย
    ไม่จำต้องใช้ความพยายามมากนัก และเต็มด้วยความเบิกบานใจ
    • คุณกำลังเริ่มพัฒนาทักษะพื้นฐานที่พิเศษไปยิ่งขึ้น เช่น...การอ่านใจคน การเห็นสิ่งของ ผู้คน สถานที่โดยไม่ต้องอาศัยตาเนื้อทางกายภาพ
    การมองเห็นในระยะไกล การรับส่งความคิด (โทรจิต) การเห็นแสงออร่า การพูดสื่อสารกับสัตว์และต้นไม้ ฯลฯ
    • “นี่คือ ผู้ยิ่งใหญ่จ้าวแห่งโลกแห่งวัตถุธาตุ”
    LEVEL 10 or YEAR 10: ระดับที่ 10 หรือ ปี 10
    • คุณคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งพิภพ มีอำนาจเหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งปวงและเหนือกว่าพลังแห่งธรรมชาติ
    • คุณมีความสามารถที่จะแบ่งร่างแห่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึก และมองเห็นพร้อมกันสองที่ในเวลาเดียวกัน
    • ความสามารถที่จะแปลงพลังงานพิสุทธิ์ให้อยู่ในรูปที่จับต้องได้ ความสามารถที่จะเหาะเหินเดินอากาศ ความสามารถที่จะอยู่
    ในสองที่ขณะเดียวกัน การเรียกฝน การล่องหน การหยุดความตาย การรักษาคนตาบอดให้หาย การเดินบนน้ำและบนอากาศ
    การเดินทะลุกำแพง การเป็นอมตะฯลฯ ...เหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติและธรรมดาสำหรับคุณ (มันอาจเป็นความมหัศจรรย์ระดับพิสดาร
    สำหรับคนที่มีระดับขั้นที่ต่ำกว่าคุณ)
    • คุณไม่มีความปรารถนาในชีวิตแห่งวัตถุธาตุอีกต่อไปและเริ่มที่จะแยกตัวออกจากสังคมสาธารณะและไปและ
    ใช้ชีวิตอย่างสันโดษในป่า/ทะเลทรายเพื่อทำสมาธิและวิปัสสนา
    • “นี่คือผู้ยิ่งใหญ่ จ้าวแห่งโลกธรรมชาติ”
    LEVEL 11 or YEAR 11: ระดับที่ 11 หรือ ปี 11
    • คุณได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวัตถุธาตุ โลกแห่งวิญญาณ และโลกแห่งธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ
    • คุณรู้ว่า คุณยังมีพี่น้องชายหญิงอีกนับไม่ถ้วนจากโลกอื่น ระบบสุริยะอื่น,แกแล็คซี่อื่น,มิติอื่น,เอกภพอื่น,เอกภพอีกหลากหลายและ
    ทั้งจักรภพ อันถือกำเนิดมาจากความว่างเปล่า(พ่อ/แม่ผู้ให้กำเนิดแต่แรก) และแบ่งปันกฎแห่งเอกภพเช่นเดียวกัน
    หากเพียงแต่แตกต่างในพาหะยนต์เท่านั้น
    • คุณรู้ตัวดีว่า ยังมีระดับแห่งเอกภพที่มากกว่าระดับบนโลกนี้นักในสถานะของจิตวิญญาณ/จิตสำนึกผู้ยิ่งใหญ่แห่งระดับนี้
    จะสามารถเคลื่อนย้ายตนเข้าไปสู่โลกอื่นที่ตั้งอยู่ห่างไกลโพ้นได้และกลับมาได้อย่างตามใจ
    • คุณอาจจะคงและเคลื่อนย้ายร่างกายเนื้อเข้าไปสู่ภายในโลก (แชมบาล่าห์ หรือ อการธ่า)หรืออาจจะไปเที่ยวดาวพระศุกร์ หรือ
    ดาวเนปจูน หรือระบบสุริยะจักรวาลอื่นๆได้
    • ผู้ยิ่งใหญ่นี้มักจะถูกกล่าวขานอ้างอิงในวรรณกรรมลึกลับ เวทย์มนต์ (เช่น เรื่อง ลอร์ดออฟเดอะริง มนต์วิเศษแห่งพ่อมดเมอร์ลิน ฯลฯ)
    และในงานเขียนแห่งบรรพกาลต่างอยู่ในระดับแห่งการพัฒนาวิญญาณระดับนี้
    • “นี่คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งโลก”
    LEVEL 12 or YEAR 12: ระดับที่ 12 หรือ ปี 12
    • จิตวิญญาณ/จิตสำนึกพร้อมด้วยกายเนื้อ/พาหนะยนต์นี้ได้ตระหนักรู้ความเป็นจริงแห่งตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
    ในฐานะแห่งจิตวิญญาณ/จิตสำนึกอย่างเต็มที่สมบูรณ์แบบ 100%
    • เมื่อคุณก้าวเข้าสู่ระดับนี้ คุณคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และพิภพ หรือบรรลุความรู้แจ้งแห่งความเป็นไป (ตระหนักรู้/รู้แจ้งอย่างแน่ชัด/สมบูรณ์พร้อม)
    • มีองค์ผู้รู้แจ้งอย่างมากมาย บ้างก็มีชื่อเสียงมากกว่าองค์อื่นๆ องค์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีในศตวรรษใหม่นี้คือ
    มหาอวตารบาบาจิ พระราม พระกฤษณะ พระพุทธเจ้า พระเยซู ฯลฯ และองค์อื่นๆอีกมากมาย
    • จิตวิญญาณ/จิตสำนึกที่ก้าวเข้าสู่ระดับนี้ได้ตื่นขึ้นสู่ศักยภาพที่เต็มพร้อมบริบูรณ์(พลังแห่งความรักและปัญญาญาณ)จากภายใน
    • หลังจากรู้แจ้งแล้ว บางท่านได้เลือกเส้นทางที่จะไปสู่ความว่างเปล่า หรือไปสู่การผจญภัยในโลก/แกแล๊คซี่/เอกภพอื่น
    หรือเลือกที่จะอยู่บนโลกอย่างเป็นอมตะหรือ...ฯลฯ...(ความเป็นไปได้ไม่มีขีดจำกัดและไม่จบสิ้น)
    • “นี่คือการตื่นรู้หรือระลึกตัวตนอันแท้จริงแห่งเขาหรือเธออย่างบริบูรณ์และสมบูรณ์แบบ”
    • ปล. เราต่างก็อยู่ในวิวัฒนาการ/พัฒนาการ/เดินทางแห่งจิตวิญญาณไม่ว่าเราจะรู้ตัวเราหรือไม่ก็ตาม ถ้าเช่นนั้น
    คุณผู้อ่านที่รักของผม คุณอยู่ในระดับขั้นใดและระดับขั้นใดที่คุณต้องการจะก้าวไปถึงในช่วงชีวิตนี้ ???

    *************************************

    เวลานี้ยังไงก็ไม่รู้ คิดถึงข้อความบางหัวข้อของคุณอวตารบอย สลับกับ บาบา (ราชาโยคะ) สลับกับหลวงปู่่ดู่(ในแบบถ้ำเมืองนะ) และท่านเมตาตรอน
    โดยเฉพาะเวลาคิดถึง บาบา กับ หลวงปู่ และท่านเมตาตรอน คิดถึงด้วยอารมณ์เดียวกันเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2011
  12. FieldandMoons

    FieldandMoons สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณนะคะคุณฐนา เป็นประโยชน์มากค่ะ :cool::cool::cool::cool:
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441

    ขอให้สบายใจได้ครับ เราเดินหน้าศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ล่วงหน้ากันไปก่อน
    ชาวจักรวาลและผู้ที่กำลังช่วยเหลือเค้าต่างก็มั่นใจที่จะทำทุกอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    อาจมีรายละเอียดที่ทำให้สับสนบ้างเล็กน้อย แต่ทุกอย่างคือแผนที่ยืดหยุ่น สสับสับเปลี่ยนกันได้ทั้งหมด
    วิวัฒนาการทั้งหลายดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และความมืดที่ปกคลุมโลกมันจะหายไปหมด ในปี 2012
    (ตามแผนของเค้าน่ะครับ..)


    แปลบางส่วนของ แมทธิว
    เกี่ยวกับช่วงปลายปี 2012 มาให้อ่านครับ....

    ในตอนนี้ แม้จะมีความสำคัญมากในวันสุดท้ายของปี 2012 ก็ตาม
    ยังไม่มี การระบุที่แน่นอนเรื่องของวันที่ใดๆ สำหรับโลกที่จะเข้าไปสู่ความหนาแน่นของมิติที่สี่
    ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นเพียง "ช่องหน้าต่างของสรวงสวรรค์" สำหรับการแล่นเรือใบที่ราบรื่น
    สิ่งที่เราพูดถึง เป็นเพียงระดับความยืดหยุ่นตามเวลาปฏิทินของคุณเท่านั้น
    และโปรดจำไว้ว่าการเลื่อนระดับขึ้น เป็นกระบวนการเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง
    ที่ใช้เวลาทั้งสิ้นราวเจ็ดทศวรรษ (70 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกึ่งกลางช่วงนั้น- Mead)

    ดังนั้นจึงไม่ต้องคาดหวังถึงความตื่นเต้นเร้าใจของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากจนเกินไป
    เพื่อไปจะประกาศว่า วันแรกของยุคทองจะเป็นวันที่ 1 มกราคม 2013 หรือการคำนึงพิจารณาแต่วันที่
    มันจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้านี้หรือต่อๆไปเท่านั้น

    ไม่มีเหตุผลในความคิดที่ว่า
    มันจะเกิดขึ้น.. ทันทีก่อนที่จะเข้าสู่โลกของความหนาแน่นของมิติที่ 4
    มันจะมีสามวันแห่งความมืด หรือจะเป็นรายงานอื่นๆ
    เกี่ยวกับสามวันในการเผาจากดวงอาทิตย์... ไม่มีเช่นนั้น

    ดังนั้นชีวิตหลังปี 2012 จะเป็นเหมือนตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา
    เช่นเดียวกับชีวิตบนโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
    แต่จะมีความก้าวหน้าผ่านขั้นตอนของการพัฒนาจำนวนมาก
    ดังนั้นการใช้ชีวิตในยุคทองจึงเป็นเรื่องปกติ

    สิ่งที่แตกต่างกันอยู่ตรงที่ว่า ทุกอย่างจะเกิดขึ้นบนความสงบและความสามัคคี
    เป็นโอกาสสำหรับการเรียนรู้ที่ไร้พรมแดน และการพัฒนาของโลกที่รุ่งโรจน์!
    ขั้นตอนสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงจากความหนาแน่นมิติที่สามไปสู่มิติที่สี่
    ก็เพื่อจะนำเสนอความท้าทายบางประการให้กับ Illuminati ในการเขย่าก่อกวนกระทบจุดปัญหาของพวกเขา

    ขอให้มุ่งหน้าไปสู่การหยั่งรู้ของคุณเถิด เพื่อให้ผ่านหลุมบ่อในฉากและบทของคุณ
    ซึ่งคงไม่นานแล้วเพราะฝ่ายมืดเองก็ไม่สามารถต่อสู้ในที่มีแสงสว่างได้
    เนื่องจากแสงสว่างกำลังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน...


    http://networkedblogs.com/lJV5n

    ---------------------------------------------------------------------

    ที่ท่านเมตาตรอนและท่านซาลูซ่า แถลงเอาไว้ ก็สอดคล้องกันอยู่ครับ
    ว่ามันจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกันมากนักในช่วงเวลานั้น

    ซึ่งในแง่ของควอนตั้มบริสุทธิ์แล้ว อาจกล่าวได้ว่า
    ตอนนี้มีจำนวนมนุษย์โลกที่มีระดับความเข้มข้นของแสงสว่างมากพอ
    เพียงพอที่จะทำให้กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) เกิดขึ้นได้แล้ว

    เพราะว่าตอนนี้มีมนุษย์โลกประมาณ 10% แล้ว
    ที่มีระดับความเข้มข้นของแสงสว่าง สูงกว่าระดับต่ำสุด
    ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนรูปแบบนี้แล้ว

    แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระดับความเข้มข้นของแสงสว่างในสมัยยุคทองของแอตแลนติส
    ในแง่ของตัวเลขโดยรวม จะน้อยกว่าของโลกในขณะนี้ก็ตาม แต่ถ้าเทียบกันระหว่างชาวโลกตัวต่อตัวแล้ว
    ในสมันนั้น มนุษย์จะมีระดับความเข้มข้นของแสงสว่างมากกว่าในสมัยนี้มาก

    และอันที่จริงแล้ว ในสมัยนั้น แม้ว่าจะเคยมีครูบาอาจารย์ผู้มีแสงสว่างอันบริสุทธิ์
    จำนวนนับพันๆเกิดขึ้นมาแล้วบนโลกนี้ ในฐานะผู้เก็บรักษาพลังงานของยุคทองนั้นก็ตาม
    แต่ปริมาณสูงสุดของแสงสว่างและระดับความถี่ของยุคนั้นก็ยังน้อยกว่าของยุคนี้มาก
    ดังนั้น มันจึงเป็นภาระหน้าที่ของพวกคุณ ผู้ที่กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย
    ที่จะต้องพยายามเพิ่มแสงสว่างในตัวเองให้มากขึ้น และกลายเป็นแสงสว่างนำทางที่ยิ่งใหญ่ขึ้นให้จงได้

    สิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “การเลื่อนระดับขึ้น” (Ascension) ที่พวกคุณป่าวประกาศกันไปว่า
    มันจะเกิดขึ้นในปี 2012 นั้น นั่นมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ไม่ใช่จุดที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
    ของภาพรวมแต่อย่างใดเลย มันจะเป็นแค่จุดแห่งการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ของยุคมืดเท่านั้น
    และมันจะเป็นจุดเริ่มต้น ของช่วงเวลาแห่งการเข้าถึงมิติที่สูงกว่าได้มากขึ้น

    แน่นอนว่าโลกของพวกคุณจะไม่สิ้นสุดลงในปลายปี 2012!

    จริงๆแล้วก็สำหรับมนุษย์โลกส่วนใหญ่นั่นแหละ ที่จะรู้สึกว่าวันที่ 21 ธันวาคม 2012
    มันก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นเอง และหลายๆคนก็จะสงสัยว่าความสับสนวุ่นวาย
    และการออกมาประโคมข่าวจนเกินความเป็นจริงเหล่านั้น มันมาจากไหนกัน
    ในขณะที่จะมีพวกคุณบางคุณ ที่จะสามารถรู้สึกได้ และใช้ประโยชน์
    จากความสามารถในการเข้าถึงมิติที่สูงกว่าได้ ก็จะดำรงชีวิตอยู่ในมิติที่ 5
    แต่ผู้คนส่วนใหญ่ ก็ยังจะเลือกที่จะอยู่ในมิติที่ 3 นี้ต่อไป

    แน่นอนว่ามันเป็นอภิสิทธิ์ของพวกเขา และโลกที่อยู่ภายในความเป็นทวิภาวะนี้
    มันก็จะเป็นอย่างที่มันเป็นอยู่นี่แหละ แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ะสมทางเพศ-และการเนรมิตให้สำเร็จดั่งใจ.302183/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2011
  14. FieldandMoons

    FieldandMoons สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +5
    เอออ่ แล้วอย่างนี้คนทั่วไปจะมีโอกาสได้รู้เรื่องนี้กันมั้ยคะ
    การเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยเป็นค่อยไปมันดีค่ะ
    แต่ถ้ามันเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา
    แล้วคนอื่นไม่รู้จะเป็นประโยชน์อย่างไร
    คุณมี้ดพอทราบมั้ยคะว่าแผนการแลนดิ้งยังเหมือนเดิมรึเปล่า
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    แผนการเปิดเผยข้อมูล การติดต่อครั้งแรก และการ Landing ยังคงเหมือนเดิมอยู่ครับ

    นั่นอาจจะเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกก็ได้
    ในการรื้อระบบเก่าที่ใช้การไม่ได้ออกไป ซึ่งผู้คนจะรับรู้กันทั่วทั้งโลกครับ ถ้าเป็นแบบนั้น

    แต่เค้าก็มีการปรับปรุงแผนเล็กน้อยตามสถานการณ์ จากการแทรกแซงเล็กๆของฝ่ายมืด
    ติดตามข่าวการแถลงการณ์เผยข้อมูลจากผู้นำคนใหม่แล้วกันนะครับ ( ที่อาจไม่ใช่โอบาม่าแล้ว)
    ซึ่งเค้าแจ้งมาว่า กำลังทอดสะพานขั้นสุดท้ายกันอยู่ครับ

    วันนั้นเราและผู้คนทั้งโลกอาจแค่กระพริบตาแล้วก็ตื่นขึ้นมาก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2011
  16. Be Cool

    Be Cool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +185
    ขอถามนะค่ะ ปีนี้หรือแม้ปี2012 ตกลงโลกนี้จะไม่มีภัยพิบัติที่ทำให้มนุษย์ต้องเสียชีวิตไปเกือบทั้งโลกใช่ไหม ไม่ต้องกลัวเรื่องแกนโลกเอียง การสนับขั้วเหนือและใต้ หรือแม้กระทั่งดาวเคราะห์ที่อาจชนโลก เป็นแค่การเปลี่ยนไปสู่มิติที่สูงขึ้น และใครจะไปหรือไม่ไปก็ได้ โลกยังอยู่เหมือนเดิม เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักได้อย่างปกติ ตราบชั่วอายุขัยใช่ไหมค่ะ

    ปล.ใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ ผู้น้อยงงงงงง(deejai)
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ยินดีครับ อาจทำให้เกิดมุมมองที่ดีขึ้นกับความเป็นไปตอนนี้ครับ
    คือถ้ามองในเรื่องของพลังงาน ก็คือว่าโลกเค้าจะสลัดเอาพลังงานที่เป็นขยะตกค้างออกไปน่ะครับ
    เพื่อตั้งค่าในการเริ่มต้นกับพลังงานใหม่ ที่เป็นแสงสว่าง ความรัก ความสงบสุข
    ที่จักรวาลมอบให้มนุษย์ทั้งโลก อย่างทั่วถึงกันในขณะนี้ครับ

    ส่วนการคัดกรองน่ะมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว
    พลังงานที่ไม่สอดคล้องกัน มันก็จะดำรงอยู่ได้ลำบาก
    หรืออยู่ไม่ได้โดยอัตโนมัติ หรืออาจจะอายุงานสั้นลงไป
    ไม่สามารถขยายการใช้งานได้อีกต่อไป หรือเรียกว่า"ตกรุ่น"ก็ได้ครับ

    และอีกเรื่องนึงครับ ในข้อความต่างมิติ..ส่วนใหญ่ก็ระบุว่าจะ...
    ไม่มีเรื่องอุกาบาตยักษ์ ดาวนิบิรุชนโลก
    ไมมีสีนามิสูงเป็น 100 ฟุตซัดถล่มโลก
    ไม่มีแกนโลกพลิกกลับขั้วอย่างรุนแรง
    ไม่มีต่างดาวยึดครองโลก ไม่มีการอพยบหนีใดๆ
    ไม่มีการเสียชีวิตของผู้คนนับพันๆล้าน
    และจะไม่มีใครเริ่มต้นสงครามนิวเคลียร์ได้ จนต้องไปหลบกันอยู่ใต้ดิน
    ไม่ต้องเสียเวลา กับการคิดเรื่องนี้ให้ปวดหัวครับ

    มันจะมีก็แต่ผลกรรมในแต่ละพื้นที่ และประเทศ เท่านั้นเอง
    ที่จะต้องได้รับการชำระสะสางกันไป ความสูญเสียก็ย่อมมีบ้าง
    พื้นแผ่นดินอาจจะหายไปบ้างสัก 30 % แต่จะได้แผ่นดินใหม่คืนมา
    แต่เป็นไปเพื่อการปรับสมดุลของระบบโลกโดยรวมเท่านั้นครับ

    ซึ่งมันก็มีการทำภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยนะครับ
    ทั้งแผ่นดินไหว และพายุ การโปรยสารเคมี เพื่อหวังผลบางอย่าง..จากกลุ่มมืด
    มีคนที่อยู่ในโครงการนี้ออกมาเผยตัวบ้างแล้ว และกำลังหลบหนีการตามล่าอยู่
    รวมทั้งการ สร้างสัญลักษณ์บางอย่างเพื่อดึงความศรัทธา เช่น โปรเจคบลูบีม
    ใช้เครื่องยิงพลาสม่า ฉายภาพต่างๆที่น่าเคารพขึ้นบนท้องฟ้า..อะไรแบบนี้ด้วย

    มีเบื้องหลังมากมาย ที่เค้าจะเผยความจริงให้เราได้เห็นกัน


    ดังนั้น เราก็รับฟังข่าวสารอย่างสงบ ไม่ต้องตกใจหรือกลัวอะไรมากนัก
    อยู่กับคนที่เรารักและให้กำลังใจกัน ในที่สุดเบื้องหลังของผ้าม่านจะเปิดออกเองน่ะครับ
    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2011
  18. deliver me

    deliver me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +155


    แผนเก่าเหรอครับ สงสัยผมยังอ่านไม่ถึงตรงที่เขาบอกไว้ก้ได้ครับ เพราะนี่ก้ยังอ่านได้แค่ครึ่งๆกลางอยู่ แ้ล้วมาอ่านตอนปลายๆ ผมคงอ่านไม่พบตรงที่เขาบอกว่า มีแผนใหม่แล้ว....... นีัึกว่าผมจะได้เห็นเหมือนในหนังเรื่อง skyline ซะแล้วนะ อิอิ...

    ขอบคุณนะครับ คุณFieldandMoons
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2011
  19. deliver me

    deliver me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +155














    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    ขอบคุณครับคุณmead สำหรับข้อมูลที่คุณยกมาให้อ่าน ถือว่าเป้นอีกข้อมูลนึงที่ทำให้เบาใจไ้ด้ว่าไม่น่าจะเกิดอะไรที่รุนแรงในเวลาั้นั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011
  20. deliver me

    deliver me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +155


    คุณmead ครับตรงนี้ผมเีคยอ่านมาเหมือนกันว่า วันนั้นทวีปที่เคยจมไปในอดีต จะกระดกกลับขึ้นมาเป้นทวีปใหม่ คุณ mead พอจะประมาณได้ไหมครับว่ามันจะเกิดในระยะเวลาไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...