มีท่านใด เข้าใจว่าตนเองเป็นพระอริยะบ้างครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย sangtian9, 18 สิงหาคม 2011.

  1. sangtian9

    sangtian9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +16
    เรียนถามว่ามีอะไร? เป็นเครื่องตัดสินครับ :cool:
     
  2. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -กิเลสมาก ปัญญาก็น้อย ปัญญามาก กิเลสก็น้อย

    -พระอริยะ คือ พระที่มีสติปัญญา
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    กำลังใจของพระอริยะต้องดูกันตอนตายนะ ทำไปเรื่อยๆ ได้ก็ได้และอย่าไป
    เปรียบเทียบกับคนอื่นบางคนได้ตั้งแต่ชาติที่แล้วมาชาตินี้ไม่รู้เรื่องเลยก็มี
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    สังโยชน์

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    <!-- /tagline --><!-- subtitle -->
    <!-- /subtitle --><!-- jumpto -->ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- /jumpto --><!-- bodytext --><TABLE style="BORDER-BOTTOM: #060 1px solid; TEXT-ALIGN: center; BORDER-LEFT: #060 1px solid; MARGIN: 0px 0px 1em 1em; FLOAT: right; BORDER-TOP: #060 1px solid; BORDER-RIGHT: #060 1px solid" id=WSerie_Buddhism class=toccolours cellSpacing=0 cellPadding=1 width=170><TBODY><TR><TD style="FONT-SIZE: 100%" colSpan=2><SMALL>ส่วนหนึ่งของ</SMALL>
    ศาสนาพุทธ

    [​IMG] สถานีย่อย
    <HR>[​IMG]
    ประวัติศาสนาพุทธ
    </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ศาสดา</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระโคตมพุทธเจ้า
    (พระพุทธเจ้า)
    </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>จุดมุ่งหมาย</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>นิพพาน</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ไตรรัตน์</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระพุทธ · พระธรรม · พระสงฆ์
    </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ความเชื่อและการปฏิบัติ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ศีล (ศีลห้า) · ธรรม (เบญจธรรม)
    สมถะ · วิปัสสนา
    บทสวดมนต์และพระคาถา</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>คัมภีร์และหนังสือ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระไตรปิฎก
    พระวินัยปิฎก · พระสุตตันตปิฎก · พระอภิธรรมปิฎก</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>หลักธรรมที่น่าสนใจ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ไตรลักษณ์
    อริยสัจ ๔ · มรรค ๘ · อิทัปปัจจยตา</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>นิกาย</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>เถรวาท · อาจริยวาท (มหายาน) · วัชรยาน · เซน</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>สังคมศาสนาพุทธ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%">ปฏิทิน · บุคคล · วันสำคัญ · ศาสนสถาน · วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>การจาริกแสวงบุญ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%">พุทธสังเวชนียสถาน ·
    การแสวงบุญในพุทธภูมิ</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #8a9e49; COLOR: #ffffff; FONT-SIZE: 95%" colSpan=2>ดูเพิ่มเติม</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ
    หมวดหมู่ศาสนาพุทธ</TD></TR></TBODY></TABLE>สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ
    • ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
      • 1. สักกายทิฏฐิ - มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
      • 2. วิจิกิจฉา - มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
      • 3. สีลัพพตปรามาส - ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย
      • 4. กามราคะ - มีความติดใจในกามคุณ
      • 5. ปฏิฆะ - มีความกระทบกระทั่งในใจ
    • ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
      • 6. รูปราคะ - มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
      • 7. อรูปราคะ - มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
      • 8. มานะ - มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
      • 9. อุทธัจจะ - มีความฟุ้งซ่าน
      • 10. อวิชชา - มีความไม่รู้จริง
    พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
    พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
    พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อต้นได้หมด
    พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ
    [แก้] อ้างอิง

     
  5. เรือทุกข์

    เรือทุกข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +405
    เบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด
     
  6. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    ใครเป็นคนตั้งกระทู้เนี่ย ดีจังเลย
    ผมมีความคิดอย่างนี้นะจะบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมปฎิบัติสายธรรมมะเปิดโลกมา 8 ปีแล้ว ตั้งใจว่าชาตินี้ไม่เอาเมียนะ ปฎิบัติ 1-7 ปีแรก ก..ยังแรงนะ(เวลาเข้าห้องน้ำ ทำกิจลับอาการมันเหมือนยักษ์ รุนแรง) หงุดหงิดกับการเลี้ยงหลานก็ยังแรงอยู่ แต่พอปีที่ 8 (มันแปลกมมาก เวลาเข้าห้องน้ำทำกิจลับ จิตใจมันอ่อนโยนขึ้นมันเหมือนว่า ยักษ์50/อ่อนโยน50 )

    และเวลามั่นเคี่ยวเด็ก ใครเคยอุ้มเด็กแล้วมีอาการมั่นเคี้ยวบ้าง /อาการหมั่นเคี่ยวน่ะคืออาการโทษะนะ /พอปีที่ 8 เวลาอุ้มเด็กอาการหมั่นเคี่ยว 50/อ่อนโยน50/

    และเวลาฟอกกรรม/หรือนั่งสมาธิ จะแสดงกายกรรม ดิ้น แต่เมื่อก่อนดิ้นมาก แต่เดี๋ยวนี้ดิ้นน้อยแล้วดับเร็ว อาการดิ้นนี้เหมือนโทษะ ที่มีการต่อสู่กัน และเวลานั่งสมาธิ เมื่อ 1-7 ปี นั้นนั่ง ถึงจุดหนึ่ง ลมหายใจลงไปใต้สดือ ท้องน้อยไม่ขยับเขยือน เหมือนลมอยู่ภายในท้อง อาการนี้จะเกิดแรง กาม และร่างกายจะแสดงอาการกามออกมาเลย (ถ้าอธิบายมากกว่านี้จะเป็นเรด..ไปเลย) แต่พอปีที่ 8 การแสดงทางกายน้อยลงน่ะอย่างเห็นได้ชัด อาการกามที่เวลานั่งสมาธิน้อยลงน่ะ //ตั้งแต่มกราคม-สิงหาคม จิตก็ไม่มีเสื่อม มีลดมีเพิ่ง ยังทรงเหมือนเดิม

    สรุปทั้งหมด
    ตอนนี้ 8 ปี เห็นการเปลี่ยนแปลงของจิตตัวเอง อีก ซัก 7 ปี รวมเป็น 15 ปี
    1. คิดว่าคงระนิวรณ์ 5 ได้ พร้องกับจิตที่เบา
    2.สตืคงเร็วมาก เพราะตอนนี้ สติ ก็เร็ว 40/หลง60 ยังไม่ถึงครึ่ง
    3.หยุดแสดงกายกรรม /เป็นนิมิตหมายบอกว่าได้ ฌาน 2แน่นอน เพราะ ปิติหมด
    -------------------

    จึงมีความบ้าระดับสามัญปัญญาอ่อนหรืออย่างไรไม่ทราบ มีความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน ว่าตัวเองจะต้อง **********ได้ เป็น โคตรภูญาณแน่นอน ล้าน% หรือไม่ก็พระโสดาบันเบื้องต้น

    หมายเหตุทั้งหมดที่เขียนมานี้ยังไม่ละเอียดนะ แค่ 10% เอง
     
  7. thanan

    thanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,212
    ต้องให้คุณ จริงนะ กับคุณโกมีนัม มาช่วยอธิบายถึงข้อนี้ครับ

    โดยส่วนตัวคิดว่า เมื่อมีสติถึงจุด ๆ หนึ่งแล้ว เราจะรู้ได้ด้วยตนเองว่าเราเป็นอริยะแล้วหรือยัง เราจะเริ่มตามหาในคำตอบนี้ เพื่อยืนยันถึงสภาวะของเราอีกทีหนึ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2011
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มุ่งมั่นปฎิบัติดีกว่า ดีกว่ามานั่งสนใจว่าเป็นถึงระดับไหนแล้ว เพราะยิ่งนึกคิดก็จะยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ

    ในตำรา ในพระไตรปิฎก ก็มีเขียนไว้ชัดเจนแล้ว ว่าด้วยสังโยชน์ 10

    ยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ยิ่งต้องปฎิบัติมากขึ้นเป็นเท่าทวี และ ที่สำคัญความมุ่งมั่นในการปฎิบัติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

    ไม่ว่าผู้ใด หรือ ใคร เป็นพระอริยะ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เป็นเอง หลุดพ้นเอง เข้าถึงนิพพานเอง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  9. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ผมต้องขอแย้งท่านเพื่อจะได้พิจารณา คำที่ขีดไว้ อุปมาดังการว่านพืชหรือปลูกต้นไม้ เมื่อเขาท่านนั้นยังไม่เห็นหรือถึงของเก่าที่เคยทำก็เหมือนเราๆท่านๆนี่ละแต่เมื่อทำจนเห็นและเป็น ภูมิที่เป็นอริยะก็เต็มภูมิของอริยะ เช่นต้นเงาะ เมื่อเริ่มปลุกก็ยังไม่เห็นผลเงาะ แต่จะเห็นใบ กิ่ง ก้าน ดอก ตามลำดับ
     
  10. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    การที่เราเป็นพระโสดาบัน เนี่ยเราไม่รู้หรอกว่าเราเป็น ถ้าเราไม่ได้มาทางสาย เจโตวิมุติ อย่างเช่นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็ไม่รู้ แต่ที่ท่านรู้ท่านขึ้นไปถามพระใหญ่

    แม้แต่หลวงตาบัว ท่านก็ไปถามหลวงปู่มั่น เพื่อให้หลวงปู่มั่นพยากรณ์อีกที เพราะท่านมีเจโต

    แต่สำหรับสายสุขวิปัสสโกนั้น ไม่รู้หรอก ต้องไปถามผู้ที่มีเจโตวิมุตติ ระดับพระอรหันต์
    อาจารย์ศุภวรรณ หลวงพ่อเทียน ท่านก็ไม่รู้ว่าท่านจบกิจ หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา พระอาจารย์สายวัดป่า หลวงพ่อสิงห์ทอง ที่ครูบาอาจารย์สายวัดป่าบอกว่าท่านมาทางสายสุขวิปัสสโก ---แต่ท่านเหล่านี้ ทดสอบจิต ก็คือคอยสังเกตุอารมณ์ตัวเอง และต้องมีเครื่องทดสอบแบบหนักๆๆ

    หลวงพ่อปราโมชช์ ปราโมชโช ตอนนั้นท่านคิดว่าท่านสำเร็จ อนาคามีผล ท่านก็เลยให้ลูกศิษท์ไปซื้อหนังโป้ หรือหนังสือโป้ ผมจำไม่ได้นะถ้าผิดต้องขออภัย---ท่านมาดูตั้ง 1 เดือนกว่า ท่านจึงรู้ว่าท่านไม่ได้สำเร็จอนาคามี

    หลวงพ่อเกษม อาจินสีโลท่านก็เหมือนกันท่านว่าท่านสำเร็จ อนาคามี ท่านก็ไปหาหลวงปู่หล้าวัดภูจ้อก้ออาจารย์ของท่าน หลวงปู่บอกว่า อนาคามีพ่อมึงน่ะซิ ท่านก็เลยมาดูใหม่ขนาดท่านมาจางเจโตวิมุตตินะ ท่านก็เอาจิตจี้ลงไปข้างล่างไปค้นก็ค้นไม่เจอ ท่านก็เลยมาค้นข้างบนท่านก็ว่าท่านโดนมันหลอก นึกว่ามันอยู่ข้างล่างก้นจิต แต่ที่ไหนได้มันเปลี่ยยนที่มาอยู่บนจิต ท่านว่าอย่างนั้นนะ เราก็ไม่เข้าใจหรอก

    ***และส่วนสังโยชน์น่ะนะ มันบอกอยากเราจะรู้ได้อย่างไร อารมณ์แบบไหนถึงบอกว่าอารมณ์แบบเนี้ยถึงเรียกว่า ตัดสักกายฐิถิได้ แล้วอารมณ์แบบไหนหรือจึงจะเรียกว่าไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และอารมณ์แบบไหนหรือขนาดไหนจึงบอกได้ว่า เราเป็นผู้ที่มีศีล 5 บริสุทธ์ มันไม่มีเครื่องวัดอารมณ์เครื่องที่บอกเหมือนเราบอกว่า (ถ้านั่งสมาธิหูดับเมื่อไหร กายดับ นั่งได้ที10 ชั่วโมงไม่ปวดไม่เมื่อย นั่นท่านได้ฌาน 4 แน่นอน ) อาการพวกนี้มันเป้นเครื่องวัด

    แล้วอารมณ์แบบไหนจึงจะเป็นเครื่องวัดว่า เราตัด สังโยชน์ ข้อ123 ได้แล้ว
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ตรงนี้ น่า สนใจนะครับ หยุดแสดงกายกรรม เป็นนิมิตหมายว่า ได้ ฌาน2แน่นอนเพราะ ปิติหมด ขยาย ความหน่อยได้ใหมครับ? หมายถึงในชีวิตประจำวันเหรอ?
     
  12. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    1.หากคุณเห็นตลอดเส้นทางในการปฎิบัติ ตั้งแต่เริ่มต้นจนสุดปลายทาง ว่าเป็นอย่างไร ความสงสัยในการปฎิบัติคงจะไม่มีอีก

    2.หากคุณเห็นว่าสภาพร่างกายที่มีแต่ปัญหา ที่สร้างแต่ความเป็นทุกข์ และ จิตแยกจากกายโดยสิ้นเชิง สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งที่มากระทบร่างกาย จึงไม่เห็นความสำคัญในร่างกายนี้อีก

    3.โดยความเป็นปกติของมนุษย์ ก็มีศีล 5 บริบูรณ์อยู่แล้ว เพียงแต่เกิดการปรุงแต่งจากการใช้ชีวิตประจำวัน จากเด็กมาสู่ความเป็นผู้ใหญ่ และ ได้สร้างความเคยชินในการใช้ชีวิต แต่หาก จิต แยกจาก ร่างกายแล้ว จึงเห็นซึ่งความเป็นจริง ความงมงายต่อสรรพสิ่งจึงบางเบาลง

    สิ่งที่ผมได้กล่าวไปนั้น เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย หากบุคคลใดวาง"จิตใจ"ให้ทรงอารมณ์ นิ่ง สงบ ไว้ ให้อยู่เป็นเนืองนิตย์ จะเห็นในสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่เท่านั้นเอง

    เพราะจะมีความอารัยอารวรณ์ต่อสิ่งที่กำลังจะขาดหายไป กำลังแห่งสมาธิเท่านั้นที่จะทำให้ตัดขาดได้

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  13. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    paetrix
    สายการปฎิบัติของเราเนี่ย เป็นการฟอกจิต (ท่านเคยเห็น เวลาคนนั่งสมาธิแล้วตัวสั่นไหม แล้วเห็นเวลาพวกที่สักยันต์แสดงกิริยาแปลกไหม) อันนั้นสายพวกเราเรียกว่า กิเลสหมดครับ ปีติก็เป็นกิเลส คนที่มาปฎิบัติสายนี้ถ้ามาใหม่ เขาสามารถแสดงกายกรรมอย่างเนี้ยได้ภายใน ชั่วโมงเดียวก็ทำได้แล้ว

    ก็คือการฟอกจิต สายอื่นเวลาเขานั่งสมาธิหรือเดินจงกลม ยิ่งนั่งนานจิตเขายิ่งมีความสุขขึ้นตามลำดับแต่เป็นการกดกิเลสเหมือนหินทับหญ้า แล้วค่อยออกมาพิจารณาอีกที
    **แต่สายของเราไม่ สายเรายิ่งนั่งยิ่งเจอกิเลส เพราะสายเราใช้ควบกัน คือทำสมาธิไปพร้อมกับเจริญสติ แต่ตอนแรกๆ 1-5ปีเนี่ยต้องฟอก แต่ต่อมาถ้าพรรษามากๆแล้วไม่ต้องฟอก ก็ได้นั่งเฉยๆ พระธรรมมะได้ลงสู่ขันธ์เราแล้ว (มันเป็นวิชาที่หลวงพ่อคง จัตตมโล)ได้ค้นพบ
    เมื่อนั่งไป กิเลสหยาบ (ผมขอเรียกกิเลสหยาบๆ) ยิ่งนั่ง ยิ่งเจอมันจะแสดงเป็นกายกรรมออกมา ราคะโทษะ อาการพวกเนี้ยมันเป็นเครื่องยืนยัน มันเป็นเครื่องบอกกับเราได้เลยว่าเราถึงระดับไหนของสมาธิ ถ้าถึง ฌาน 2 เนี่ยจะไม่มีอาการแสดงกายกรรมเลย และเราจะได้พร้องสติโดยไม่ต้องไปย้อนเล่นวิปัสสนา เราจะได้พร้อมกันไป กิเลสจะถูกถอนออกมาเองอย่างอัตโนมัติ โดยไม่ใช่เป็นแบบหินทับหญ้า

    **ส่วนวิชากสินเนี่ยนิมิตจะเป็นเครื่องบอกเราว่าเราได้ฌานหรือไม่ส่วนวิชาเรากายกรรมจะเป็นเครื่องบอกกับเรา

    ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่าเพราะการพิมพ์ ไม่เหมือนการพูด มันยังมีส่วนที่จะอธิบายอีกเยอะมาก
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ไม่เข้าใจหมด แต่ เห็นได้ว่า ท่าน ทำจริงจัง ขออนุโมทนาครับ...
     
  15. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    คุณเขียนมาเหมือนง่ายเนอะ มันไม่ได้ง่ายเหมือนสมองคิดหรอกนะ กิเลสมันเหมือนยางมะตอย ยากมากๆว่าจิตจะดีขึ้นทีละลำดับ แค่เขยือนขึ้นนิดหน่อยก็เป็นปีแล้ว

    ***คุณเคยเลี้ยงเด็กไหมเด็กอ่อน ตั้งแต่แรกเกิดยัน 3ขวบเลี้ยงที 3คนเคยไหม เลี้ยงไปด้วยขายของไปด้วย ทำงานบ้านไปด้วย--ชงนม อุ้มเดินทีเป็น ชั่วโมง วางแล้วก็ร้อง อาบน้ำ ส่วนอีกคน 2 ขวบ รื้อของ เราต้องวิ่งเก็บของอีก ตอนกลางคืน ก็หลับๆตื่นๆ คอยเฝ้า คอยชงนม เปลี่ยนผ้าออม ทำทุกอย่างเคยไหม ผมไม่มีลูกหรอกเลี้ยงหลาน ผมสามารถทำได้พร้อมกับการปฎิบัติธรรม และก็สติแตกบ่อยๆ เวลาร้องกันที 3 คนพร้อมกัน

    ****ผมว่าคุณต้องสติแตกแน่ๆเลย คุณเขียนเหมือนว่า การทำจิตให้สงบนั้นง่ายจริงๆๆ****คุณยังไม่เคยเจอผัสสะหนักๆ คุณเจอแต่ผัสสะน้อยๆ ผมปฎิบัติมา 8 ปี เลี้ยงหลาน สติแตกเลย 555555


     
  16. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งที่คุณกล่าวมานั้นผมทำมาแล้วครับ ผมมีลูกแล้วสองคน นอกจากลูก ก็ยังมี พ่อ แม่ และ ย่า น้องๆของผมอีกครับ

    ผมเลี้ยงลูกตั้งแต่เป็นเด็กอ่อนอย่างที่คุณบอกกล่าวเลยครับ และ พ่อ แม่ ของผมก็ชอบทะเลาะกัน

    ทุกครั้งที่เขาทะเลาะกันก็จะมาถึงผมทุกครั้ง เวลาเขาทั้งสองเจ็บปวดก็เป็นผมอีกที่ต้องดูแล และ พาไปโรงพยาบาล

    ย่าผมต้องไปหาหมอฉีดยาอยู่เป็นประจำ ไม่ฉีดก็เจ็บปวด ปวดท้อง เวียนหัว เจ็บตัว

    เกือบทุกครั้งที่ผมต้องเอาลูกไปด้วย บางครั้ง พ่อ แม่ ของผมไม่ทะเลาะกัน เขาก็จะช่วยดู

    และผมก็ปฎิบัติมา 15-16 ปีแล้วครับ เพียงแต่ผมปฎิบัติด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปศึกษาที่ไหนครับ

    แต่ผมก็ไม่เห็นจะ สติ แตกตรงไหนนะครับ แต่ถ้าจะถามว่าตีลูกบ้างไหม ต้องตอบว่ามี เพราะความจำเป็น รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  17. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    ผมเดินธุดงค์ทุกปี ผมไม่มีภาระอะไร มีแต่ขายของเลี้ยงหลาน ผมเดินมา 6 ปีแล้ว วัดสายผมเขาปฎิบัติกัน เดิน 1 เดือน เต็มๆ และเวลาปฎิบัติ เขานั่งขัดเพชรกัน ตากแดด อดอาหารกัน ปิดวาจา บางคนปิดที ครึ่งปี 1เดือน แต่ผมไม่เคยปิดหรอก นั่งขัดเพชรเนี่ย 1ชั่วโมงเนี่ยจิบๆ ไม่ปวด 2ชั่วโมงเนี่ยปวดระดับกลาง 3ชั่วโมงขี้แตก
    เข้าปาริวาสปฎิบัติกันที 4ชั่วโมง สวดมนต์เช้า 1ชั่วโมง กลางวัน 2ชั่วโมง 6.30สวดอีก 1 ชั่วโมง (สวดแปล)แล้วปฎิบัติไปจนถึง 3ทุ่ม สวดอีกชั่วโมง ***สายเราหนักมาก ตอนเช้าตื่นตี4

    กิเลสแค่หนังถลอก ยากมากที่จะดูจิตเปลี่ยนแปลงถ้าดูเป็นรายเดือนดูไม่ออก ต้องดูเป็นรายปี จึงจะดูออกว่าจิตดีขึ้น อ่อนโยนขึ้น ใจเย็นขึ้นมาหน่อยนะ หน่อยนะเนี่ยแคซัก 2-3%ซะมั้ง

    **ยากมากกิเลสเหมือนยางมะตอย
     
  18. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    ***ของจริงแน่นอน ครับคุณ ผมอ่านแล้วผมเชื่อเลยล้าน% แต่15-16 ปีสติไม่แตกแล้วครับ.....และถ้าคุณปฎิบัตินั่งทุกวัน เช้าเย็น เวลาปกติชีวิตทำงานก็รู้กายรู้ใจ 15-16ปีของคุณ ได้ฌานแล้วแน่นอน ล้าน% ผมฟันธงให้เลย แต่ถ้า นั่งต้นเดือน แล้วมานั่งปลายเดือนอีกที ล้าน%เหมือนกัน ไม่ได้ฌานแน่นอน
    ถ้าคุณทำทุกวันผมเชื่อวว่า
    1.สติคุณเป็นอัตโนมัติแน่นอน แมวคุณจับหนูเองแน่นอน เผลอๆคุณอาจจะเริ่มเห็นโคตรภูด้วย
    2.ได้ฌาน 2แล้วแน่นอน แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ฌาน 4ไหม เพราะผมยังไม่ถึง แค่ 8ปีเองจึงเดาไม่ได้ต้องให้ 15-16ปีก่อน
    3.คุณสามารถดับเวทนาเวลานั่งได้แน่นอน ล้าน%
     
  19. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ พากเพียรต่อไปครับ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  20. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    คุณก็เช่นกัน ขอให้ได้พระโสดาบัน เพราะมันใกล้แล้วไม่ไกลหรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...