พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    เวชกรรม กับ เภสัชกรรม ต่างกันยังไงครับ
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอบคุณจากใจอีกครั้งครับ สงสัยคราวนี้เขาจะปล่อยให้ไปเข้าวัดเขาวามังครับ

    สำหรับเวชกรรมกับ เภสัชกรรมนี่ต่างกันตรงที่ เภสัชกรรมคือการเรียนเกี่ยวกับตัวยาพืชวัตถุซึ่งแยกเป็น ประเภทต้น หัว-เหง้า เถา-เครือ ผัก และหญ้า สัตว์วัตถุก็คือพวกเขาสัตว์ เลือดสัตว์ กระดูกสัตว์ วัตถุธาตุเช่นพวกจุนสี ดินถนำถ้ำ กำมะถันเหลือง แดง พวกนี้ครับ แล้วก็ต้องเรียนเรื่องรสยา เพราะโบราณเขารู้ว่าตัวยาแต่ละตัวมีสรรพคุณรักษาโรคต่างๆได้ก็เพราะรู้จากรสยา เช่นรสเย็น ก็เอาไว้รักษาไข้ เป็นต้นในนี้ต้องเรียนรสยาจากพระคัมภีร์ต่างๆเช่นกัน คือโยงกันไปมากับทางเวชฯบางส่วน นอกจากนี้ยังต้องไปศึกษาเรื่องของพิกัดยา เอาตัวยามา 1 ตัว มาผสมกับตัวที่ 2 ..3..4..5..6..7..9..เรียกพิกัดยา เหล่านี้เป็นพิกัดตรี พิกัดจตุ พิกัดเบญจ พิกัดสัตตะ พิกัดเนาว ที่เรียนในตำรามีพิกัดเบื้องต้นที่ต้องจดจำประมาณ 73 พิกัด จากนั้นก็ไปเรียนเรื่องการปรุงยาตามตำรับยามี 28 ตำรับ แต่ใช้เพียง 27 พิกัด พิกัดที่ไม่ให้ใช้คือ ยาเนาวหอย เพราะต้องไปค้นหาหอย 9 ชนิดด้วยกันนำมาเผามาสุม ซึ่งอาจจะทำให้หอยสูญพันธุ์จากทะเลไทยไปได้ แต่เป็นตำรับยาที่แก้ไขเรื่องกษัย จุกเสียด อันนี้ได้ผลจริงๆรายละเอียดลึกๆมีอีกมากครับ การปรุงยาก็ต้องเรียนปฏิบัติจริงทั้งการสะตุ ประสะ ฆ่าฤทธิ์ยา การหั่น บด สับ อบ สุม และต้องรู้เรื่องของน้ำกระสายยาด้วย..ว่าไปแล้ว ตัวยาไทยของเรามีองค์ประกอบที่เป็นตัวยารักษาในการรักษาโรคนั้นๆ ซึ่งก็มีตัวยาช่วย ตัวยาประกอบก็จะช่วยแก้โรคแทรกซ้อน และช่วยบำรุง ตัวยาชูกลิ่น ชูรส แต่งสีของยา การปรุงยาก็มีถึง 28 วิธี อยู่ที่ประเภทยาที่เรากำลังจะทำ เป็นเม็ด เป็นผล เป็นชง เป็นยากวน หรือขี้ผึ้ง..

    ส่วนเวชกรรม อันนี้กำลังเรียนอยู่ครับ ก็เป็นการศึกษาพระคัมภีร์โบราณ ๒๓ คัมภีร์ ซึ่งในพระคัมภีร์แต่ละพระคัมภีร์ก็เป็นชื่อบาลีเรียกยากๆ แบ่งเป็นการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้ที่นำโรคของที่คนโบราณเรียกมาเทียบเคียงกับโรคแผนปัจจุบัน อย่างเราไปหาหมอแผนปัจจุบัน บอกว่า วิงเวียนจะเป็นลม หมอปัจจุบันเขาจะว่า เป็นลม จ่ายยาบำรุงมาให้ แต่เรื่องลมของคนโบราณก็จะศึกษาจาก 2 พระคัมภีร์คือ พระคัมภีร์ชวดาร เกี่ยวกับลมมีพิษ 6 จำพวก ลมมีพิษมากอีก 6 ลมพิเศษอีก คือมันละเอียด ทั้งลมกองละเอียดพวกวิงเวียนนั่นแหละครับ ลมกองหยาบ หรือลมในเส้น ลมในกระดูก และพระคัมภีร์มัญชุสาระวิเชียรในหมวดนี้ก็จะศึกษาเรื่องของลมคุละมะ 10 ประการที่เกิดในร่างกายตามตำแหน่งต่างๆ เช่นหน้าอก ต้นขา รอบสะดือตามทิศต่างๆ ก็เรียกต่างๆกัน และก็ต้องเรียนเรื่องของฉี่ 20 ประการที่ผิดปกติด้วย เยอะครับ อีกกลุ่มหนึ่งคือเรื่องของโรคเด็ก และสตรี ก็ต้องแม่นในพระคัทภีร์มหาโชตรัตน์ พระคัมภีร์ปฐมจินดา และพระคัมภีร์สิทธิสารสงเคราะห์ พวกไข้พิษไข้กาฬ จำพวกเป็นเม็ดผื่นผดผุดขึ้นมาจากภายใน ที่เรารู้จักกันคร่าวๆก็คือพวกงูสวัด เริม แท้จริงมันเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด อันนี้สมัยโบราณพระฤาษีตนหนึ่งนามว่า พระฤาษีสิงขร(อันนี้ผมต้องค้นจากพระคัมภีร์ต่างๆถึง 4 แหล่งด้วยกันจึงทราบพระนามของพระฤาษี พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ให้สร้างรูปพระฤาษีจากดินต่างๆ ผมก็สงสัยว่า หากไม่ทราบพระนามของพระฤาษษีจะอัญเชิญถูกกันหรือ??) ได้เกิดเวทนาที่ผู้คนล้มตายจากไข้พิษไข้กาฬ รวมทั้งหมด 77 จำพวก ก็ได้พูดถึงลักษณะอาการ และการรักษา อันนี้เรียกพระคัมภีร์ตักศิลา บางคัมภีร์ก็ว่ากันด้วยโรคตา พวกต้อต่างๆ เป็นต้อในตำแหน่งต่างๆของดวงตาตรงกลางตาดำ หรือในตาดำที่ไม่ใช่ตรงกลาง ตรงตาขาว ตรงหัวตา หางตา เรียกว่าพระคัมภีร์อภัยสันตาครับ...

    เวชกรรมต้องออกหน่วยตรวจ ซึ่งตอนนี้ก็ต้องศึกษาเรื่องของชีพจร หรือแมะกันแล้ว ผมก็ไปค้นตำราแมะจีนก็เห็นว่า มีหลายลักษณะ ต้องใช้สมาธิ สังเกตจังหวะการเต้นของชีพจร อันนี้เทียบกับปัจจุบันใช้หูฟังนั่นแหละครับ

    เท่าที่ประกาศผลสอบของเวชกรรมผมเห็นว่า รุ่นพี่ที่เรียน เขาสอบผ่านเพียง 24% เท่านั้น คือ 8 คนจาก 33 คน น้อยมากครับ ทั้งประเทศผ่านกันไม่ถึง 400 คนครับ ปีหน้า ช่วงเดือน พ.ค. 55 ก็ต้องสอบข้อเขียนเช้า-บ่าย คือเขาแบ่งเป็นเวชฯ 1 สอบเช้าและ เวช 2 สอบบ่าย รวม 23 พระคัมภีร์ และเดือน มิ.ย. ก็สอบปฏิบัติคล้ายยก case คนไข้เขาเป็นอาการแบบนี้ๆมาหาเรา เราตรวจยังไง วิเคราะห์ยังไง แล้วสุดท้ายต้องใช้ตัวยาอะไรไปรักษาอาการนั้น เภสัชกรรมจึงเป็นพื้นฐาน ส่วนเวชกรรมเป็นขั้นสุง ตรวจไม่พบ ก็จ่ายยาไม่ถูก เป็นกรรมมหันต์ครับ คัมภีร์โบราณมีกล่าว และคำสาปแช่งเอาไว้ ต้องระมัดระวังครับ..ตรงนี้ผมคิดว่าน่าจะเรียกว่า การออกแบบตัวยา(Drug Designment)ที่เหมาะกับคนไข้คนนั้นๆ เป็นศิลปะครับ

    ผมก็ว่าของผมไปตั้งมาก อาจจะงงๆ แต่ก็ต้องตั้งใจมากกว่าเดิมครับ เหมือนกำลังศึกษาศาสตร์โบราณ ภูมิปัญญาโบราณไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ก็เลยได้เวลานำเอาตำราของพระอาจารย์อภิชิโตภิกขุมาศึกษาบ้าง

    อ้อ..ในเวชฯ ยังมีวิชานวดเข้ามาในหลักสูตรด้วยโดยการศึกษาเส้นประธาน 10 ของร่างกาย อันนี้มีคำกลอนให้ท่องเส้นประธานประมาณ 20 กว่าหน้าครับ ผมเรียนนวด 5 ท่า เวลาไปเจอหมอนวดที่ไหนนวดให้เรา เราจะรู้ทันทีเลยว่า ใช่ของวัดโพธิ์หรือไม่ โชคดีที่สมัยเด็กๆเคยนวดแม่ นวดแป้งมาก่อน เลยดูไม่น่ายาก หลักการคือ กด คลึง ดึง ดัด บำบัดโรค ข้อห้ามของการนวดคือ เพื่อนๆในนี้ หากท่านใดเป็นความดันโลหิตสูง พึงงดการนวดนะครับ เพราะยิ่งนวดความดันโลหิตจะยิ่งสูง...
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ถือว่า share ประสบการณ์สดๆร้อนๆกันครับ คือช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 35 เป็นต้นมา เวลาผมเป็นไข้หวัดใหญ่ อาการไออันนี้ แปลกมาก คือ ไอทั้งวัน ทั้งคืนร่วมเดือน เป็นที่รำคาญ + น่ากลัวสำหรับคนข้างเคียง บ้านข้างเคียง ในลำคอคล้ายจู่ๆก็แห้งบาดคอขึ้นมาให้น้ำตาไหล คันคอภายใน คล้ายเสมหะ หรือเมือกเสลดไปคาที่หลอดลม เอาไม่ออก ร่างกายก็พยายามจะขับออกด้วยการไอ เสียงในลำคอคล้ายท่อไอเสียมีน้ำเข้าทำนองนั้นซึ่งฟ้องว่ายังมีเมือกเสมหะคาเกาะแน่นอยู่ ไอหนักๆเข้าก็พาลให้ระคายคอ เจ็บคอ เข้าใจว่า เป็นต่อมทอลซิลอักเสบ ภายในลำคอแดง พาลให้ปวดเลยเถิดไปถึงหู ลามไปถึงศีรษะ เนื้อบริเวณนี้เพียงสัมผัสเบาๆก็ยังเจ็บ เรียกว่าปถวีกำเริบ หรือ หย่อน หรือพิการแล้วแต่อาการเบา หรือหนัก

    การรักษาผมก็ใช้วิธีเดิมๆคือ หาแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะเบิกค่าใช้จ่ายได้ อีกทั้งสะดวก เราเข้าใจว่าเป็นโรคทั่วไป ใครๆเขาก็เป็นกันแบบนี้ คือเราเห็นกันจนชิน ไม่ใช่เรื่องแปลก คิดกันอย่างนั้นครับ ก็หาสลับกันทั้งแพทย์แผนจีน เป็นอยู่อย่างนี้ 3-5 ปีเป็นแบบนี้ซักครั้ง เวลา เกือบ 20 ปีแล้ว ผมเป็นอาการแบบนี้ 4-5 ครั้ง รวมครั้งนี้ สรุปคือเฉลี่ย 4 ปีเป็นซักครั้งหนึ่ง แต่ละครั้งอาการไอเป็นร่วมเดือน จน 5 ปีก่อน ไปปรึกษาแพทย์ปัจจุบันท่านหนึ่ง โรงพยาบาลย่านถนนพระบรมราชชนนี ท่านก็ใช้วิธีที่ผมไม่เคยพบมาก่อน คือ การฉีดยาในลำคอ โอ้โห!! เพื่อนๆเอ๋ย มันช่างเป็นอะไรที่ช่างเจ็บปวดจนน้ำมูก น้ำตาไหลพรากๆ ลองคิดดูว่า เนื้ออ่อนบางๆ ถูกเข็มฉีดยาทิ่มเพื่อเดินยานี่เป็นอะไรที่สุดๆเลยครับ การทานยาก็แปลก ผมเข้าใจว่าท่านดักมันทุกทาง คือ ยาเม็ดแต่ละขนานบางอย่างทาน 1/4 เม็ด บางอย่าง 1 เม็ด บางอย่าง 1/2 เม็ด แล้วไปหา 2 ครั้ง นี่เหมือนจะปรับสูตรการให้แต่ก็ส่วนมากเป็นยาชุดเดิม เพียงแต่เปลี่ยนวิธีทาน ก็หายครับ แต่ก็เป็นอะไรที่หากไม่จำเป็นจริงๆ จนไม่ไหว จะไม่ไปหาอีกเลย

    ล่าสุดก็คือกลับจาก trip กระบี่ 2-3 วันผมก็เป็นอาการไข้หวัดน้อยเลย ก็ใช้วิธีขอยาแพทย์สมุนไพรจีน เป็นการรักษาไข้หวัดหลักๆ ประเภทปวดเมื่อตามตัว เจ็บคอไอ มีเสมหะเสลด ตัวร้อน ทานไป 5 เทียบ ก็ยังไม่หาย คราวนี้เลยขอจัดหนักขแพทย์จีนจ่ายยาพวกขับเสมหะในปอด ในคอ จำพวกพลูคาว(ทางแผนไทย เขาเอาไว้รักษากามโรค แต่ทางแผนจีนเรียก ฮื่อชอเช่า เขาเอาไว้ถอนพิษในปอด อวัยวะภายใน) หญ้าลิ้นงู(จัวจิเช่า) เพราะอาการไอทั้งวันทั้งคืนมันกลับมาแล้ว เป็นอะไรที่สยองมากครับ มันหลับไม่ได้ ตื่นขึ้นมาก็จะคันคอเสมหะเสลดไปคาในลำคอเป็นจำนวนมาก รู้สึกว่าเสมหะจะเป็นพิษแล้ว ไอแรงๆก็เอาไม่ออก แถมอาการคอแห้งบาดคอก็ตามมาแล้ว พออาการแบบนี้มาปุ๊บ จะไอทันที และไอแทบเป็นแทบตาย ไอตัวโยกจนเจ็บเสียดแทงราวข้างไปหมด ทนอยู่ 2 อาทิตย์ไม่ไหวครับ ไปหาแพทย์แผนปัจจุบันที่โรงพยาบาลแถวบ้านพัก คือยังไม่อยากไปหาหมอที่ท่านใช้ไซริงค์เดินยาภายในลำคอครับ ผมบอกอาการหมอท่านนั้นไป ท่านก็ให้ผมไป x-ray ปอดเพื่อหาวิธีการรักษา ผลก็ปกติทุกอย่าง แต่ผมขอรับการฉีดยาที่สะโพก หรือที่แขน แต่ท่านก็ไม่ยอมทำให้ บอกไม่จำเป็นอย่างเดียว สรุปว่าจ่ายยาพื้นๆประเภทการไอ ยาแก้แพ้จำพวกแพ้อากาศครับ ผมทานได้ 3 วัน ชักไม่เข้าท่า ก็ลองไปหาคลีนิกแถวบ้านอีกแห่ง คราวนี้หมอท่านนี้ท่านจะฉีดยาให้คนไข้ เพราะน่าจะแนะนำต่อกันมา ผมก็ได้รับการแนะนำมาอีกที อาการดีขึ้น แต่ก็ยังมีอาการไอทั้งคืนในค่ำคืนนี้อยู่ ไอแบบคอแห้งบาดคอมาอีกแล้ว ผมเห็นท่าไม่ดี เมื่อครู่เลยเปิดตำรายาของพระอาจารย์อภิชิโตดูหมวดเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ เพราะผมเข้าใจว่า น่าจะพัฒนาการจากไข้หวัดน้อย มาเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว นี่จะเข้าอาทิตย์ที่ 4 แล้ว ไม่น่าจะเป็นหวัดน้อย แต่มันคือ ไข้หวัดใหญ่ ...

    เอาละครับ.. ผมเล่าถึงอาการไอทั้งวันทั้งคืน มันทรมานมากจริงๆ มาถึงตรงนี้ก็เพียงอยากจะบอกว่า บางทีวาระมันไม่ได้ ก็เที่ยวตามหาวิธีการรักษาไปเรื่อย จริงๆมันอยู่แค่เอื้อมจริงๆ ช่วงที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี้ อาการไอ ลดน้อยลงไปมาก ตำรายาไข้หวัดใหญ่ที่พระอาจารย์อภิชิโตท่านนำมาเรียบเรียงนั้น เป็นต้นตำรับยาของหม่อมเจ้าเจียก และหม่อมเจ้าปรานี ซึ่งบันทึกไว้แต่เพียงเท่านี้ ซึ่งก็ขออนุโมทนากับท่านเจ้าของตำรับยาซึ่งเป็นต้นสายด้วยครับ ตำราส่วนนี้ไม่ได้ให้ตัวยารักษาไว้ หรือผมยังอ่าไม่ถึงก็ยังไม่ทราบ ก็เพียงพูดถึงสาเหตุการเกิดไข้หวัดใหญ่ ผมขอนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทาน เป็นบุญเป็นกุศลกับท่านเจ้าของภูมิความรู้ด้วยครับ ซึ่งผมมั่นในว่า แพทย์แผนปัจจุบันไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่รักษาที่ปลายเหตุ ยาไทยเป็นการรักษาที่ต้นเหตุจึงมักจะทำการกระทุ้งพิษของโรคก่อนจะทำการรักษา หากไม่กระทุ้งออกมาก่อน พิษจะฝังเข้าไปในเส้น ในข้อ ในโลหิต การกระทุ้งพิษนั้น บางท่านก็จะมองว่า นี่..มันอาการแพ้ยา คือทำไมยิ่งใช้ยิ่งเป็น ก็เลิกใช้ไป ก็ขอให้เข้าใจสมุฎฐานของการเกิดโรคกันก่อน และอาการแพ้ยา กับการออกอาการของพิษที่ถูกกระทุ้งออกมานั้นต่างกัน

    ตำราเขาบอกว่า ไข้หวัดน้อย เมื่อล้มไข้มีอาการให้ตัวร้อน ปวดศีรษะ จับสะบัดร้อนสะบัดหนาว คัดจมูก น้ำมูกตก ให้ไอ จาม อย่างนี้เป็นไข้หวัดน้อย ถ้ามิคลายมีอาการมากขึ้น ใหมึนมัว คลื่นเหียนเบื่ออาหาร อุจจาระผูก น้ำมูกกรัดแห้ง ให้ปากเปรี้ยว ปากขม ปากแห้งคอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าละอองหนา ชีพจรเต้นเร็วแรงกว่าปกติ บางทีให้เท้าบวม บางทีเที่ยวบวมไปตามร่างกาย อย่างนี้เป็นไข้หวัดใหญ่ ถ้ามิคลาย นานไปจะแปรเป็นโรคริดสีดวง มองคร่อหืดไอ ขึ้นภายใน

    พอทราบว่า อาการ และผลกระทบที่จะลุกลามไปในขั้นต่อไปคืออะไร อาการที่ผมเป็นอยู่นี้น่าจะเรียกว่า มองคร่อหืดไอ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีตัวยาขนานหนึ่งที่นำมาทานคู่กับยามะเร็ง นั่นคือ ยาขางริดสีดวง คือทางวัดทุ่งหลวงท่านจะใช้เพื่อบรรเทามะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ ตัวยาขนานนี้มีราคาเพียง 20 บาทซึ่งได้จากตำรับยาของหลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้รับมาเมื่อปีก่อน ฉลากยาระบุว่า "หวัดเรื้อรัง คัดจมูก" ผมรีบนำมาผสมน้ำอุ่นดื่ม ผ่านมาชม.เศษ อาการไอเหลือพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น ทานอีก 6-7 ครั้งน่าจะหายเป็นปกติครับ..

    นำมาบอกเล่ากัน อย่าให้หวัดน้อยพัฒนาเป็นหวัดใหญ่ แล้วพัฒนากลายเป็นริดสีดวง มองคร่อหืดไอกันเลยนะครับ หรือท่านใดมีอาการแบบที่ผมสาธยายมาก็น่าจะลองติดต่อที่วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่ โดยอาจจะหาเบอร์โทรฯเอาจากใน internet ก็น่าจะได้ หลวงพ่อท่านรับช่วงต่อจากหลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง ท่านเป็นสหมิกธรรม กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงนั่นเอง...

    ช่วงท้ายนี้ผมขอนำเรื่องราวของหลวงปู่ครูบาธรรมชัยมาเล่าสู่กันฟัง ผ่านบทความของหลวงพี่เล็ก..

    หลวงปู่ธรรมชัย
    อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๕๗
    เรื่องเล่าต่าง ๆ โดยพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=655
    โพสท์โดย คิมหันต์ เมื่อ 30-06-2009
    [​IMG]
    ๕๗. หลวงปู่ธรรมชัย
    หลวงปู่ครูบาธรรมชัย ธมฺมชโย แห่งวัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระสุปฏิปันโนที่ควรแก่การเคารพเป็นที่ยิ่ง จริยาวัตรของท่านงดงามเย็นตาเย็นใจ เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมเป็นอย่างสูง สงเคราะห์ต่อมหาชนโดยมิเห็นแก่เหนื่อยยาก แค่เห็นอิริยาบถอันนุ่มนวล และรอยยิ้มเปี่ยมปรานีของท่าน ก็ชื่นใจจนบอกไม่ถูกแล้ว...
    “ท่านผู้รู้” เมตตาบอกว่า หลวงปู่ครูบาธรรมชัยปรารถนาซึ่งพระโพธิญาณ จะเห็นได้ว่างานสงเคราะห์ญาติโยมพุทธบริษัท ด้วยการรักษาโรคภัยและแก้กรรมทุกชนิดนั้น เป็นงานของพุทธภูมิอย่างแท้จริง แม้ภายหลังหลวงปู่จะเปลี่ยนใจ ขอเป็นเพียงอัครสาวกของสมเด็จพระศรีอาริยเมตตรัยก็ตาม ท่านก็ยังคงทำงานของพระโพธิสัตว์อยู่เช่นเดิม...
    บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย ยอดนักบุญแห่งลานนาไทยนั้น หลวงปู่ครูบาธรรมชัยก็เป็นองค์หนึ่ง ที่เป็นที่พึ่งของชนทั้งหลาย วัดทุ่งหลวงของท่านแม้จะอยู่บ้านป่าบ้านดง หลวงปู่ก็สามารถรวบรวมศรัทธาจากญาติโยม สร้างเป็นวัดใหญ่โตมโหฬาร พร้อมด้วยเมืองพระนิพพาน สวยงามติดตาติดใจ...
    ความสามารถของหลวงปู่ไม่เป็นที่สงสัยเลย ใครเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคอะไร เป็นมากี่ปี กี่เดือน ใช้ยาอะไรรักษา ท่านบอกได้ละเอียดยิบ กรรมเก่าของใครเป็นอย่างไร จะแก้อย่างไร หลวงปู่บอกได้หมด “หลวงพ่อ” บอกว่า “ทิพจักขุญาณของหลวงปู่ธรรมชัย เยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบันนี้...!” เพราะหลวงปู่ต้องมาช่วยรักษาคนโดยตรง ดังนั้น จำเป็นอยู่เองที่ทิพจักขุญาณของท่านต้องเลิศจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะทราบสมุฏฐานของโรคโดยละเอียดไม่ได้ “หลวงพ่อ” นั้นเคยรักษาคนในระยะแรก ๆ “แต่มันไม่ใช่งานของฉัน พอเห็นหลวงปู่ธรรมชัยปุ๊บ ฉันก็รู้ว่าเจ้าของงานเขามาแล้ว” ตั้งแต่นั้นมา ใครมาให้ “หลวงพ่อ” รักษา ท่านบอกให้ไปหาหลวงปู่ธรรมชัยทั้งสิ้น...
    หลวงปู่กล่อม (พระธรรมวราลังการ) วัดบุปผาราม ครั้งยังเป็นเจ้าคุณเทพฯ อยู่ พบหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ตำแหน่งที่พระครูวรเวทย์วิสิฐ หลวงปู่กล่อมซึ่งเป็นเจ้าคุณเทพฯ อายุมากกว่าหลวงปู่ครูบาสามสิบปีเห็นจะได้ กราบหลวงปู่ครูบาธรรมชัย พร้อมกับกล่าวว่า...
    “พระเดชพระคุณขอรับ กระผมทราบว่าตนเองปรารถนาพระโพธิญาณ แต่กระผมโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ทราบว่าตนเองบกพร่องในบารมีใดบ้าง ขอความกรุณาจากพระเดชพระคุณ ได้โปรดเมตตาชี้แนะแก่กระผมด้วยเถิดขอรับ...”
    หลวงปู่ครูบาธรรมชัยเอง ท่านก็ไม่นึกว่าจะถูกจู่โจมเอาซึ่งหน้าอย่างนั้น ถึงกับพับเพียบแต้ พนมมือตอบอย่างหมดทางเลี่ยงว่า “ปัญญาบารมีกับวิริยะบารมียังพร่องอยู่ พยายามหน่อยนะครับ” เรื่องนี้หากจดจำผิดพลาดก็ต้องขออภัย เพราะเป็นเวลา ๑๕ – ๑๖ ปีมาแล้ว...!
    ความเมตตาของหลวงปู่ ยากจะหาใดเปรียบได้ ท่านให้การสงเคราะห์แก่ผู้คน โดยไม่ได้นึกถึงองค์ท่านเองเลยแม้แต่น้อย บ่อยครั้งที่ท่านต้องอดเพล เพราะญาติโยมกลุ้มรุมกันอยู่โดยไม่ยอมถอย เมื่อโยมไม่ไปท่านก็ไม่ลุก ยังคงช่วยเหลือรักษาพยาบาลด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผลคือเลยเวลาจนต้องอดเพล...!
    คำว่า หวงของ รู้สึกจะไม่มีในพจนานุกรมส่วนองค์ของท่านเลย ใครขออะไรท่านให้เขาหมด แม้แต่ลูกประคำที่คล้องคออยู่ ท่านก็ถอดให้เขาหน้าตาเฉย อาตมาเองก็ยังได้มาเส้นหนึ่ง ปัจจุบันลูกประคำเส้นนี้อยู่กับน้องแสงชัย ซึ่งเป็นน้องชายอาตมาเอง เขาไปทำงานต่างประเทศ จึงให้เขาไว้เป็นเครื่องคุ้มตัว...
    หลวงปู่เคยมอบธรรมะให้ชนิดที่อาตมาคิดไม่ถึง เกือบหงายท้องเพราะรับไม่ทัน
    ตอนนั้น...อาตมากับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่รับเขาเป็นลูกสาวบุญธรรม ไปให้หลวงปู่ช่วยรักษาโรคด้วยกัน เกิดรู้จักกันขึ้นและมีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ เพราะเธอมีปัญหาสารพัดมาขอคำปรึกษาอยู่บ่อย ๆ ...
    ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ความเมตตานั้นเหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูดเศษเหล็ก ยิ่งสงเคราะห์เขามากเท่าไร และเขาเป็นผู้หญิงด้วย เขากลับคิดไปว่า เราต้องรักใคร่ชอบพอเขาแน่แล้ว แม้อาตมาในตอนนั้นจะรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร มีจุดมุ่งหมายอย่างไร แต่เธอไม่รับรู้ด้วย เมื่อคิดว่าเรารัก เขาก็ทุ่มเทใจตอบมาทั้งสิ้น...!
    ผลคือ...เธอตกหลุมที่ตัวเองขุดเอง ถอนตัวไม่ขึ้น ไปกราบถามหลวงปู่ว่า ทำไมเป็นถึงเพียงนี้ จะหลับจะตื่นเฝ้าคิดถึงแต่อาตมา เขาโดนไสยศาสตร์จากอาตมาหรือเปล่า...?
    หลวงปู่ตอบชนิดอาตมาหงายหลังทั้งยืนว่า “ใช่...!”
    คุณเอ๋ย...โลกทั้งโลกมันมืดไปหมด ทำไมครูบาอาจารย์ของเรากลายเป็นเช่นนี้...! "
    อาตมาหน้ามืดไปทั้งอาทิตย์ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ในที่สุดมาสรุปกับตนเองว่า การรู้เห็นของหลวงปู่ไม่มีทางผิดพลาดอย่างเด็ดขาด เมื่อท่านจงใจผิดเช่นนี้ ท่านต้องกำลังให้อะไรเราอย่างแน่นอน
    ในที่สุดก็สรุปออกมาได้ว่า... กำลังใจเรายังอ่อนมาก กระทบแค่นี้จะตายซะให้ได้ ยังต้องเร่งการปฏิบัติอีกมากนัก และการเมตตาต่อเพศตรงข้ามนั้น ต้องพึงระวังให้จงหนัก หาไม่จะกลายเป็นวัวพันหลักดิ้นไม่หลุดทีหลัง
    พอหาข้อสรุปได้ก็ชักฟ้าแจ้งจางปาง ไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง คราวนี้ท่านยิ้มหวานอย่าบอกใครเชียว...โธ่...หลวงปู่นะ หลวงปู่...เล่นส่งข้าวสารมาทั้งกระสอบ เกือบถูกทับตายคาที่ซะแล้วไหมล่ะ...!
    หลวงปู่ท่านเป็นผู้คล่องในพิธีการต่าง ๆ เป็นอย่างมาก อาตมาชอบดูท่านทำพิธีต่าง ๆ เวลาท่านสวดชุมนุมเทวดาแต่ละครั้ง “หลวงพ่อ” กลับจะถึงวัดอยู่แล้ว ทางนี้หลวงปู่ยังว่าไม่ถึงครึ่งเลย ละเอียดละออเป็นที่สุดจริง ๆ...
    เพราะท่านทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมด ในการสงเคราะห์ต่อมหาชน จนสุดที่สังขารท่านจะทนไหว จึงต้องทิ้งร่างไปในที่สุด ท่ามกลางความสุดรักสุดอาลัยของหมู่ศิษย์ทั้งหลาย ร่มโพธิ์ร่มไทรได้ถึงกาลโค่นลงอีกต้นหนึ่งแล้ว...
    อาตมาลงมาร่วมงานศพหลวงปู่ที่กรุงเทพฯ ได้พักอยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน ที่วัดเทพศิรินทราวาส ตอนเช้าขณะที่สวดมนต์ทำวัตรเช้าอยู่ สำเนียงสวดของอาตมากลายเป็นเสียงสวดแบบเหนือไปหมด ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้...?!? ลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย...เห็นหลวงปู่ธรรมชัยยืนยิ้มเห็นฟันดำเป็นเงา อยู่ห่างจากอาตมาไม่ถึงเมตร...! อาตมารีบกราบแทบเท้าท่านด้วยความตื้นตันใจ หลวงปู่ละสังขารไปแล้ว ยังอุตส่าห์มาให้เรากราบเท้าจนถึงที่นอนเลย...
    ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ ค่อย ๆ ร่วงโรยไปตามวาระของท่าน คำสั่งคำสอนและการปฏิบัติองค์เป็นตัวอย่างของท่าน เป็นสมบัติล้ำค่าที่ท่านทิ้งไว้เป็นมรดกแก่ศิษย์ทั้งหลาย จะติดองค์ท่านก็จงติดแบบเป็นอนุสติเถิด ระลึกถึงเมื่อใด ความเมตตาปรานีของท่านที่มีต่อเราก็เต็มอิ่มเต็มอารมณ์เมื่อนั้น หลวงปู่จากไปแต่กาย ความดีของท่านยังคงอยู่ในดวงจิตดวงใจของเราทั้งหลายตราบสิ้นกาลนาน...
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ที่สรุปยาวๆไปข้างต้นมันยาวไปครับ หากเป็นพระอาจารย์อภิชิโต ท่านสรุปได้ดีจริงๆ ของที่เป็นสุดยอดทั้งหลายยอดล้วนต้องสั้นกระชับเข้าใจง่าย ท่านอธิบายไว้ในหมวดที่ 2 ตอนที 2 เรื่องการใช้ยาเอาไว้ว่า ความมุ่งหมายในการใช้ยา ต้องการให้โรคหาย การวางยาให้โรคหายได้เป็นบทเรียนในวิธีการใช้ยา ตัวยาแม้มีคุณค่าเท่าใด วางยาไม่ถูกโรค และเวลา ก็ไม่หาย ผู้ที่ชำนญวางยาต้องมีไหวพริบดี แต่น่าเสียดายที่ไม่มีแบบฉบับอย่างละเอียด พูดถึงแต่คุณสมบัติของยาเสียส่วนมาก ผู้ที่เรียนตามตำราเลยเชื่อว่าดีในส่วนของคุณยา หรือถือว่ายานี่ประเสริฐ ความจริง ยาเปรียบดังอาวุธ เปรียบกับอาวุธปืน ตัวยาก็คือ ปืน(วิชาเภสัชกรรม) แพทย์(เวชกรรม)เป็นทหาร การกะระยะตั้งศูนย์ปืน กำหนดเวลาวางยาให้เหมาะกับโรค ตรงกับการใช้อาวุธปืน ฝีมือแม่นก็เปรียบกับแพทย์ฝีมือดี ยาฝรั่งมีแบบแผนการใช้ให้สะดวก ก็คือปืนปัสตัน ส่วนยาไทยเป็นปืนแก๊ป อาวุธปืน 2 แบบนี้เลือกใช้ให้เหมาะดี จะประสบความสำเร็จ

    ท่านอธิบายเอาไว้แบบนี้ครับ ...
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    "สโคลส์" สั่งลาสวย!เบิกร่องผีถล่ม 6-0
    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000097693-
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">6 สิงหาคม 2554 05:23 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เปเล ร่วมเป็นเกียรติแมตช์อำลาสนามของ สโคลส์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> พอล สโคลส์ ปิดฉากการค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างสวยงามในเกมเทสติโมเนียล แมตช์ ของตนเองที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมิดฟิลด์วัย 36 ปีซัดประตูจากระยะ 20 หลาแบบที่เป็นเครื่องหมายการค้าของตัวเองเบิกร่องก่อนที่ "ผีแดง" เอาชนะ นิวยอร์ค คอสมอส จากเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ ของสหรัฐอเมริกา 6-0

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ผู้เล่นทั้งสองทีมตั้งแถวต้อนรับ สโคลส์ ลงสู่สนาม</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมสำคัญที่ต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี คู่อริร่วมเมืองในศึกคอมมูนิตี ชีลด์ คืนวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคมนี้ แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ "ผีแดง" ก็จัดผู้เล่นชุดใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่ลูกทีมคนเก่งอย่าง สโคลส์

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">จังหวะ สโคลส์ ซัดประตูเบิกร่อง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เกมเทสติโมเนียล แมตช์นัดนี้ เหล่าแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีโอกาสต้อนรับการกลับมาของ เอริค คันโตนา อีกหนึ่งตำนานของทีม ผู้ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลของ คอสมอส โดย "ก็องโต" ได้ลงมาพบปะพูดคุยกับ สโคลส์ ก่อนเกมเริ่มขึ้น และหลังจากนั้นเสียงในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ยิ่งดังกระหึ่มเมื่อ เปเล ตำนานลูกหนังโลกปรากฎตัวบนสนามด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">คันโตนา ทักทายกับเจ้านายเก่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สโคลส์ เล่นอยู่ฝั่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมีทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ไรอัน กิ๊กส์ เวย์น รูนีย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ แอชลีย์ ยัง เป็นต้น ขณะที่ คอสมอส มีอดีตเพื่อนร่วมทีม "ผีแดง" ของ สโคลส์ ในยุคทศวรรษ 1990 อย่าง แกรี เนวิลล์, ดไวท์ ยอร์ก และ นิคกี บัตต์ เป็นต้น

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">สโคลส์ จับมืออำลา เฟอร์กูสัน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สโคลส์ ซัลโวประตูแรกของเกมในนาที 9 จากลูกยิงไกลนอกเขตโทษระยะประมาณ 20 หลา หมดสิทธิ์ที่ แบรด ฟรีเดล นายด่านจากท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ลงเฝ้าเสาให้ คอสมอส ป้องกันทัน ส่วนประตูที่เหลือมาจาก รูนีย์, อันแดร์สัน, แดนนี เวลเบ็ก บวกกับอีกสองลูกจาก มาเม บิรัม ดิยุฟ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แฟนๆในสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ร่วมสดุดี สโคลส์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สโคลส์ ซึ่งตลอด 17 ปีในการค้าแข้งเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จำนวน 676 นัดและยิง 150 ประตู พร้อมคว้าแชมป์ลีกเมืองผู้ดีจำนวน 10 สมัย กล่าวคำอำลาสั้นๆกับแฟนบอลหลังจบเกมว่า "ผมเพียงหวังว่าผมจะทำให้แฟนบอลจดจำไปอีกในหลายปีข้างหน้า"
    </td></tr></tbody></table>




















    Sport - Manager Online - ����� ��������!�ԡ��ͧ�ն��� 6-0

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กบง.เก็บดีเซลเพิ่ม 1.90 บ. ดันฐานะกองทุนบวก-ลุ้นปรับโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 สิงหาคม 2554 23:12 น.</td> </tr></tbody></table>
    บิ๊ก "พลังงาน" เผยที่ประชุม กบง. มีมติเก็บเงิน "ดีเซล" เข้ากองทุนฯ เพิ่มเป็นลิตรละ 1.90 บาท คาดในอีก 6 วัน ฐานะพลิกกลับมาบวกได้แน่ หลังจากปัจจุบันที่ติดลบอยู่ 320 ล้านบาท เตรียมชงปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบให้ รมว.พลังงาน คนใหม่ ประเดิมเคาะเป็นงานแรก

    นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพลังงาน (กบง.) มีมติเรียกเก็บเงินในส่วนของน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอีก 60 สตางค์ต่อลิตร เป็น 1.90 บาทต่อลิตร ส่งผลให้มีเงินไหลเข้ากองทุนฯ เพิ่มเป็นวันละ 55 ล้านบาท หรือเดือนละ 1,650 ล้านบาท จากเดิมที่ไหลเข้าเพียงวันละ 22 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นแบบนี้ตลอด คาดว่าอีก 6 วัน ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง จากปัจจุบันที่ติดลบอยู่ 320 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดน้ำมันดิบดูไบปรับลดลง 4.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 107.19 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดีเซลปรับลดลง 3.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 126.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลเฉลี่ย 5 วัน อยู่ที่ระดับ 1.42 บาทต่อลิตร

    นอกจากนี้ กบง.ได้ทำข้อมูลโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบเป็นแพ็กเกจ ทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพื่อเตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่พิจารณา


    -http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9540000097657-





    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    พบไวรัสคอมพ์หวังโกงเงินมากขึ้น <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 สิงหาคม 2554 18:58 น.</td></tr></tbody></table>

    "เทรนด์ ไมโคร" พบพฤติกรรมการเขียนไวรัสเริ่มเบนเข็มสู่งานพาณิชย์มากขึ้น จากเดิมที่เน้นเอาความสนุกสะใจเป็นหลัก ระดับการโจมตีช่องโหว่ยังคงแรงเหมือนเดิมแต่อันดับความเสี่ยงของโปรแกรมแต่ ละค่ายเปลี่ยนไป โดยไมโครซอฟท์เสียแชมป์ไตรมาสแรกให้แอปเปิลไป แต่ก็ทวงตำแหน่งคืนได้ในไตรมาสที่สอง โดยกูเกิลรั้งตำแหน่งอันดับ 2 ของทั้งสองไตรมาส เพราะความแพร่หลายของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ทำให้นักสร้างไวรัสมองเป็น เป้าหมายสำคัญ

    นายคงศักดิ์ ก่อตระกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และผลิตภัณฑ์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เทรนด์ ไมโคร อิงค์ กล่าวถึงแนวโน้มของภัยคุกคามช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา (เมษายน-มิถุนายน 54) ว่าปัญหาอาชญากรไซเบอร์ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปจากเดิมที่แค่การก่อกวน เพื่อความสะใจ แต่วันนี้เริ่มที่จะเห็นลักษณะของการเขียนไวรัสื่อเพื่อหวังผลทางธุรกิจมาก ขึ้น โดยล่าสุดพบการว่าจ้่างให้เขียนไวรัส บนค่าจ้างที่แพงพอๆกับค้ายาเสพติด

    "ลักษณะการโจมตีเริ่มเน้นโจมตีเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เริ่มต้นจากการโจมตีเว็บไซด์ของโซนีเป็นต้น เทรนด์แบบนี้เริ่มเห็นมาก โจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในรูปแบบที่มีเป้าหมายหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถระบุจำนวนบริษัทและผู้ใช้ที่อาจได้รับผล กระทบจากอันตรายดังกล่าวในช่วงระยะเวลาก่อนสิ้นปีนี้ได้"

    ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จากการรวบรวมเทรนด์แล็บที่มีอยู่ 10 แห่งทั่วโลกที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ข้อมูลที่สรุปได้เกี่ยวกับการโจมตี การละเมิด การใช้ประโยชน์ช่องโหว่ และการหลอกลวงที่ติดอันดับสูงสุด คือการขโมยข้อมูลประจำตัวและข้อมูลสำคัญต่างๆยังคงเป็นปัญหาที่ยังคงมีอยู่ เช่นเดิม เช่นกรณี ของบริษัท เอพซิลอน (Epsilon) บริษัทการตลาดออนไลน์ซึ่งถูกโจรไฮเทคเจาะระบบเข้าไปขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ บริโภคที่เป็นลูกค้าขององค์กรยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯมากกว่า 50 แห่งเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภัยคุกคามดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ การเปิดดูอีเมล์ผ่านเว็บในที่ทำงานและการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เป็นโทรจัน ของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจยังคงมีความเสี่ยงเช่นกัน


    ***แอปเปิล-ไมโครซอฟท์ แชมป์ถูกโจมตีมากสุด

    ในไตรมาส 1 ปี 54 (มกราคม-มีนาคม) แอปเปิลเริ่มตกเป็นผู้ค้าที่ถูกโจมตีเป็นอันดับสูงสุด 89 ครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แอปเปิลเปิดตัว iPad2 เข้าสู่ตลาด แต่ในไตรมาส ที่ 2 แอปเปิลกลับไม่ได้ติด 10 อันดับแรก อย่างไรก็ตาม จำนวนช่องโหว่ในอุปกรณ์พกพา คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตของแอปเปิลที่เคยมีการระบุไว้ในโฆษณาของแอปเปิลเองนั้น เทรนด์ ไมโครขอยืนยันว่ามีจริง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มเห็นมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว และเริ่มเห็นมากขึ้นพร้อมกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้

    ไตรมาสที่ 2 (เมษายน-มิถุนายน) แชมป์การถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ต่างๆตกเป็นของไมโครซอฟท์เช่นเดิม โดยไมโครซอฟท์ยังคงเป็นผู้ค้าหมายเลขหนึ่งที่เป็นเป้าหมายการโจมตีผ่านช่อง โหว่บนสถิติจำนวนการโจมตีทั้งสิ้น 96 ครั้ง ขณะที่กูเกิลและอโดบีครองอันดับสองและสามด้วยจำนวนการโจมตี 65 และ 62 ครั้งตามลำดับ (เป็นแบบนี้ทั้ง 2 ไตรมาส)

    ส่วนหนึ่งที่กูเกิลรั้งอันดับสองของการโจมตี เนื่องจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ทั้ง บนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ใช้กูเกิลโครม รวมถึงแท็บเล็ตด้วยเป็นแนวโน้มที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยเทรนด์ ไมโครระบุว่าได้ตรวจพบการโจมตีอย่างน้อย 3 ครั้งในช่วงไตรมาส 2 เช่นเดียวกับมัลแวร์แอนดรอยด์ ที่พบก่อนหน้านี้ โดยการโจมตีทั้งสามครั้งเป็นการโจมตีในรูปแอปพลิเคชันลวงหรือการอัปเดทลวง ที่จะล่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด บนเป้าหมายการโจมตีที่ต่างออกไปจากช่วงก่อนหน้านี้ก็ตาม

    ที่สำคัญ การโจมตีเฟซบุ๊กถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการโจมตีที่เริ่มเห็นมากขึ้น โดยเป็นการโจมตีจำนวนมากในรูปของลิงก์อันตรายบนข้อความสแปม ผ่านเครื่องมือที่หลากหลายของเฟซบุ๊ก ทั้งหมดนี้มีความเสี่ยงนำไปสู่การขโมยข้อมูลที่สำคัญ

    ทั้งหมดนี้ เทรนด์ ไมโครระบุว่าได้เริ่มลงทุนค้นคว้าและวิจัยในภัยคุกคามที่ยังคงเกิดการ เปลี่ยนแปลงและมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา เทรนด์ ไมโครได้เข้าร่วมในการตรวจจับเซิร์ฟเวอร์สั่งการและควบคุม (C&C) ที่ชื่อว่า CARBERP ที่ได้ทำการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้ทั่วโลกมาเป็นเวลานานหลายเดือนนับ ตั้งแต่ต้นปี 2553 และยังมีบทบาทสำคัญในการบล็อก URL ที่เป็นอันตรายตลอดไตรมาสที่สอง ซึ่งทำให้บริษัทติดอันดับผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยของไมโครซอฟท์เป็น เดือนที่ 7 ติดต่อกัน

    Company Related Link :
    TrendMicro






    -http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000097579-


    http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000097579

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย


    คำชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องหูกระป๋อง



    จากการที่มีผู้สอบถามและนำ หูกระป๋องและฝาเครื่องดื่มบำรุงร่างกายมามอบให้แก่ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรม ไทย เพื่อทำชิ้นส่วนของขาเทียมจำนวนมาก ทางชมรมฯ ขอขอบคุณและชื่นชมในความเอื้ออาทรของทุกท่านเป็นอย่างยิ่งและใคร่ขอชี้แจง ข้อเท็จจริงในการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาผลิตขาเทียมให้ทุกท่านได้ทราบดังต่อไป นี้

    1.หูกระป๋องหรือฝาเครื่องดื่มเป็นโลหะประเภทอลูมิเนียม ดังนั้นอลูมิเนียมทุกชนิด เช่น กระทะ ขัน กะละมัง ที่เป็นอลูมิเนียมสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด

    2.การรณรงค์นำของเหลือใช้มาทำประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรบริโภคเพื่อหวังจะนำหูกระป๋องมาเพื่อทำขาเทียมช่วยเหลือผู้พิการเพราะหูกระป๋อง 4,200 อัน มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม มีมูลค่าเป็นเศษอลูมิเนียมเพียง 50 บาท จะหลอมได้ชิ้นส่วนเพียง 5 ชิ้น ในขณะที่เราต้องเสียเงินซื้อเครื่องดื่มอย่างน้อยถึง 42,000 บาท

    3.เหตุใดถึงเลือกเฉพาะหูกระป๋องหรือหูเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ถ้าต้องการอลูมิเนียมเพื่อทำขาเทียมจริง ๆ ก็ควรจะรับบริจาค หม้อ ขัน กระทะ เครื่องต่าง ๆ ที่มีส่วนของอลูมิเนียม จะได้ประมาณมากมาย (ถ้าท่านมีศรัทธาอยากจะช่วยเหลือผู้พิการส่งเงินบริจาคไปยังที่อยู่ของหน่วยงานที่ขอบริจาคจะดีกว่าที่จะรวบรวมหูกระป๋อง เพราะนอกจากไม่คุ้มค่าแล้วยังเสียความรู้สึกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้แก่นักฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ให้แก่ตน)

    4.เศษอลูมิเนียมทุกชนิดต้องนำมาหลอมที่อุณหภูมิ 800 C เพื่อจะแปรรูปเป็นอลูมิเนียมแท่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการหลอมอลูมิเนียมแท่งและค่าจัดส่งมากกว่าค่าวัตถุดิบ ถ้าหน่วยงานใดที่ต้องการชิ้นส่วนขาเทียม ทางชมรมฯ ยินดีจะผลิตให้พอกับความต้องการและไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

    5.ความสามารถในการประกอบขาเทียมจากเศษอลูมิเนียม100 กิโลกรัม เมื่อนำมาทำชิ้นส่วนของขาเทียมจะได้ชิ้นส่วนถึง 500 อัน ผู้ประกอบขาเทียมต้องใช้เวลาประกอบหลายปี ดังนั้นการรณรงค์เพื่อเก็บหูกระป๋องกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศจึงเป็นเรื่องการสร้างภาพของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และควรจะให้ประชาชนได้รู้ความจริง

    6.การดื่มน้ำกระป๋อง เป็นการสิ้นเปลือง เพราะแผ่นโลหะที่นำมาทำกระป๋องต้องนำเข้า และต้องจ่ายค่ากระป๋องเพิ่มจากน้ำขวดปรกติถึง3 บาท

    7.การสร้างศรัทธาและจิตสำนึกเพื่อช่วยเหลือคนพิการเป็นสิ่งที่ดี แต่การโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายและนำสถาบันเบื้องสูงมาอ้างเช่นนี้ทำให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก เรื่องอย่างนี้…ผู้คุ้มครองผู้บริโภคน่าจะดูแลให้ทั่วถึง



    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
    ชมรมนักพัฒนาอุตสาหกรรมไทย


    -http://www.thailegs.com/project01.htm-



    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    เปิดเคล็ดลับ สูตรเด็ด"แกงมัสมั่น"ตำรับอาหารไทยอร่อยสุดในโลก!!!






    [​IMG]รับชมข่าว VDO [COLOR=##005800](ชมคลิป-ภาพ การทำแกงมัสมั่นง๊ายง่าย อร๊อยอร่อย แบบวิถีไทยๆ)[/COLOR]





    มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
    ชายใดได้กลิ่นแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
    กาพย์เห่ชมเครื่องคาว - หวาน
    บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

    ขึ้นแท่นเป็นเมนูฮิต ติดอับดับต้นๆ ไปแล้ว สำหรับ "แกงมัสมั่น" สุดยอดอาหารไทยที่ได้รับการโหวตจากมวลมนุษยชาติทุกหนแห่งให้เป็นเมนูอาหารอร่อยที่สุดอันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น โก เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา จาก50 อันดับเมนูอาหาร นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยอื่นๆ ที่ครองใจชาวต่างชาติเป็นดั้งเดิมอยู่แล้วไม่ว่า จะเป็น น้ำตกหมู ส้มตำ หรือกระทั่งต้มยำกุ้ง เป็นต้น


    เมื่อแกงมัสมั่น โด่งดังมามากมายเสียขนาดนี้ คาดว่า ใครหลายคน คงนึกอยากจะซื้อหามารับประทานกันบ้างเสียแล้ว แต่ทว่า มัสมั่น หาใช่แกงที่หาซื้อรับประทานได้ง่ายๆ ตามตลาดทั่วไป(เสียเมื่อไหร่) เพราะคงมีไม่กี่ร้าน ที่เขาจะทำแกงชนิดนี้ขึ้นมาขาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายกับข้าวไทยไท๊ย เป็นทุนเดิม


    [​IMG]


    และหากใครคิดว่า แกงมัสมั่น ทำยากแล้วล่ะก็ ความจริงแล้วไม่เลยในขั้นตอนกระบวนการผัด ปรุง คลุกคล้า ให้ครบเครื่อง

    แต่ที่ยากเห็นจะเป็นทำอย่างไร ให้รสชาติ กลมกล่อม ผสมผสานครบรสทั้ง มัน หวาน เค็ม และเปรี้ยว ได้ที่ ถูกปาก สนองลิ้นมากกว่า



    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>มติชนออนไลน์ มิรอช้า ได้โอกาสไปเรียนรู้ เคล็ดลับการทำแกงมัสมั่นให้อร่อย และแสนง่าย จาก เชฟสุรศักดิ์ คงสวัสดิ์ หรือเชฟน้อย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทำอาหารไทย ทั้งพื้นบ้าน ชาววัง รวมถึงประยุกต์จากโรงแรมดุสิตธานี ที่ มาสอนพวกเรา(ชาวผู้อ่าน) ได้ฝึกทำ แกงมัสมั่น แบบไม่ยุ่งยาก ไว้รับประทานกินกันเองที่บ้าน โดยไม่ต้องง้อร้านอาหารไหนๆ กันเลย ที่สำคัญ ยังจะได้การปรุงอรรถรสถูกปากตามใจชอบตัวเอง รวมถึงคนในครอบครัวได้อีกนะ</td></tr></tbody></table>

    รู้จักกันสักหน่อย แกงมัสมั่น มีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง

    เริ่มแรก การเตรียมเครื่องปรุงแกงมัสมั่น ขาดไม่ได้เลยคือ เนื้อไก่ (หรือถ้าใครอยากจะเปลี่ยนให้เป็นหมู เนื้อ หรือแม้กระทั่งปลาต่างๆ ก็ย่อมดัดแปลงได้ตามความชอบ) เชฟน้อยแนะว่า เนื้อบริเวณสะโพกไก่นี่เอามาทำมัสมั่น เหมาะและอร่อยที่สุด ด้วยเพราะจะมีความนุ่มลิ้น ละมุนละไม และยิ่งติดกระดูก ติดหนังด้วยแล้ว ยิ่งได้ที่ มัสมั่นจานนี้ ใช้ไก่ 1 กิโลกรัม

    หัวใจหลัก คือ เครื่องแกง สมัยนี้ เพื่อความง่ายและสะดวกเราสามารถหาซื้อเครื่องแกงมาทำมัสมั่นได้จากร้ายที่ ขายทั่วไปตามตลาด จะได้ไม่ต้องมาโขลกเอง และให้ดูร้านที่ขายดีๆ เพราะนั่นจะการันตีได้อย่างหนึ่งว่า เครื่องแกงของร้านนั้นๆ จะทำมาสดใหม่ทุกวัน


    [​IMG]
    สิ่งสำคัญสุดๆ คือ หัวกะทิคั้นสด (หากคั้นเองจะดีสุด) ตามด้วย มันฝรั่ง หรือมันเทศก็ได้ หัวหอมใหญ่ ถั่วลิสงคั่ว(หรือถั่วอื่นๆ) ลูกกระวาน

    เครื่องปรุงรส ถ้าตามตำรับมัสมั่นดั้งเดิม ที่มีพื้นฐานมาจากพวกแขกเปอร์เซีย เขาจะเน้นรสเค็มและมัน เต่เมื่อคนไทยสมัยก่อนนำมาดัดแปลง ก็จะเน้นไปออกหวานๆ เมื่อถึงยุคปัจจุบันคนรุ่นใหม่ ไม่นิยมรสหวานมาก แกงมัสมั่นจึงกลายว่า มีความครบเครื่องด้วย 3 อรรถรส ทั้ง เค็ม หวาน และเปรี้ยว ดังนั้น ส่วนผสม จึงมีน้ำมะขามเปียกเพิ่มเข้ามา เพื่อให้ความเปรี้ยว หรือจะเป็นส้มซ่าก็ได้ หากใครชอบสัปปะรดก็แล้วแต่ นอกจากนี้ ยังมีน้ำตาลปี๊บ(หรือน้ำตาลอะไรก็ได้ แล้วแต่หาสะดวก) น้ำปลา และสารเพิ่มความหอมรสร้อนแรงคือ ยี่หร่าบดผง



    ได้เวลาแล้ว มาทำมัสมั่นไก่กันเถอะ!!



    [​IMG]
    ตั้งกระทะพอร้อน ตักหัวกะทิคั้นสด 2 ทัพพีลงไปเคี่ยวให้แตกมัน เป็นตัวต่อ เพื่อเอาน้ำมันก่อน

    [​IMG]
    ใส่พริกแกง 300 กรัม ที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้าที่



    [​IMG]
    เติมเนื้อไก่ 1 กิโลกรัม ลงไปผัดคลุกเคล้า จนเข้าเนื้อ


    [​IMG]
    ใส่หัวกะทิคั้นสด 500 กรัม ที่เหลือลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง



    [​IMG]
    เติมถั่วลิสง ลูกกระวาน ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก
    (หรือส้มซ่า หรือสัปปะรดก็ได้ ตามชอบ) น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา


    [​IMG]
    เมื่อความร้อนเริ่มระอุเดือด นำมันฝรั่ง หรือมันเทศ (หรือจะเพิ่มแครอทก็ได้)
    ใส่ลงไปผัด คลุกเคล้า ปิดท้ายความร้อนแรงด้วยยี่หร่าบด หรี่ไฟให้อ่อนๆ




    [​IMG]

    จากนั้นยกตักลงใส่ชามใบโต จัดเรียงให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟเป็นอันเสร็จสิ้นการทำแกงมัสมั่นแสนง่าย แถมใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ



    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    อ้อ! เชฟน้อยแนะเคล็ดลับการทำมัสมั่น คือ ต้องปรุงไม่ให้เนื้อสัตว์สุกมากจนเกินไป เพื่อให้เนื้อนุ่ม ไม่กระด้าง เมื่อปรุงเสร็จให้ทิ้งไว้บนกะทะ หรือยกใส่ภาชนะเพื่อให้ความร้อนที่ระอุภายหลังปิดเตาแก๊สได้ซึมลึกเข้าไปถึง ตัวเนื้อสัตว์เอง
    </td></tr></tbody></table>



    ถ้าจะให้แกงมัสมั่นอร่อยจริงๆ ถึงเครื่องจังๆ ต้องตั้งทิ้งไว้สัก 3-4 ชั่วโมงก่อน หรือค้างคืนไปเลย แล้วค่อยมาอุ่นเพื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือใครอยากจะเอาไปประยุกต์ทานกับเส้นขนมจีน สปาเก็ตตี้ ขนมปัง หรืออะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบ แต่ถ้าหากเราเก็บไว้ในตู้เย็น แช่ช่องฟรีซ เวลามาอุ่น ก็ให้เติมน้ำเปล่าลงไป ถ้าเก็บหลายวันก็อาจปรุงรสชาติเพิ่มเติมลงไปนิดหน่อย ตามชอบ แต่อรรถรสความเป็นมัสมั่นถึงเครื่องยังคงอยู่


    ทั้งทำง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนในการเตรียมหาวัตถุดิบ แถมยังถูกปากตามความอยากมากน้อยรสชาติของตัวเอง ด้วยระยะเวลาสั้นๆ ชั่วครู่เดี๋ยวอย่างนี้ คุณผู้อ่านลองนำเคล็ดลับการทำแกงมัสมั่นไปแสดงฝีมือทำกินเอง หรือให้คนที่บ้าน เพื่อนฝูง คนรัก หรือจะร่วมมือร่วมใจทำด้วยกันก็ได้(นะ) อาหารไทยๆ ครบเครื่อง ทรงคุณค่าแบบนี้ ไม่แปลกใจเลย ถ้าจะกลายเป็นเมนูอร่อยสุดในโลก อย่างที่คนทั่วโลกเขายกย่องกัน....






    ---------------

    [​IMG]


    [​IMG]
    เชฟสุรศักดิ์ คงสวัสดิ์ หรือเชฟน้อย จากโรงแรมดุวิตธานี ผู้สอนการทำแกงมัสมั่น เลิศรส


    [​IMG]
    วัตถุดิบ และเครื่องปรุงรส การทำแกงมัสมั่ส


    [​IMG]
    เชฟน้อย อธิบายแนะนำการทำแกงมัสมั่น ในแบบวิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก


    [​IMG]
    เคี่ยวกะทิให้แตกมัน


    [​IMG]
    ใส่พริกแกงลงไปผัด


    [​IMG]
    เติมเนื้อไก่ลงไปผัดคลุกเคล้า จนเข้าเนื้อ


    [​IMG]
    เติมกะทิคั้นสดที่เหลือลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง


    [​IMG]
    ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก (หรือส้มซ่า หรือสัปปะรดก็ได้ ตามชอบ) น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และยี่หร่าบด


    [​IMG]
    นำมันฝรั่ง หรือมันเทศ (หรือจะเพิ่มแครอทก็ได้) ใส่ลงไปผัด คลุกเคล้า


    [​IMG]


    [​IMG]






    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312435981&grpid=&catid=09&subcatid=0901-


    เปิดเคล็ดลับ สูตรเด็ด"แกงมัสมั่น"ตำรับอาหารไทยอร่อยสุดในโลก!!! : มติชนออนไลน์
    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ไวรัสตับอักเสบ เพชฌฆาตเงียบในตัวคุณ

    ศิราณี วงษ์โซ : เรื่อง

    [​IMG]


    ใครรู้บ้างว่า วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นวัน "ตับอักเสบโลก" ครั้งแรกในโลก !!

    ทั้งนี้ ที่ประชุมองค์การอนามัยโลกได้มีมติเมื่อเดือนพฤษภาคม 2533 กำหนดให้ทุกวันที่ 28 กรกฎาคมของ

    ทุกปี เป็นวันตับอักเสบโลก เช่นเดียวกับวันโรคหัวใจ หรือวันงดสูบบุหรี่ ที่มีต่อเนื่องกันทุกปี

    เพื่อแสดงถึงความสำคัญของ "ตับ" ซึ่งเป็นอวัยวะในร่างกายเพียงหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับ "หัวใจ" ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน

    สำหรับประเทศไทยแล้ว ตับอักเสบ ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของประชาชนชาวไทยได้อย่างที่หลายคนไม่รู้ตัว

    รศ.น.พ.ธีระ พิรัชวิสุทธิ์ นายกสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย และ

    ผู้ อำนวยการสถาบันโรคทางเดินอาหารและตับ เล่าถึงสถานการณ์ของโรคว่า ตับอักเสบ คือภาวะที่มีการอักเสบของเซลล์ตับ ซึ่งบ่อยครั้งมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเอ บี ซี ดี และอี

    ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค คือตับอักเสบเรื้อรังเกิน 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาจจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือการกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ดื่มสุรา ทานยา หรือมีไขมันสะสมในตับ โดยเซลล์ตับถูกทำลายต่อเนื่อง จะเกิดพังผืดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของตับแข็ง และเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ ตับวาย

    จากข้อมูลขององค์กรอนามัย โลกระบุว่า ประชากร 1 ใน 12 คน มีผลกระทบต่อไวรัสตับอักเสบ โดยจำนวนประชากรโลกในปัจจุบัน 6,000 ล้านคน มี 300-400 ล้านคน ที่ติดเชื้อตับอักเสบเรื้อรัง และในจำนวนนี้ 25-40% หรือประมาณ 160 ล้านคน ติดไวรัสตับอักเสบมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจะมีผลให้ตายจากโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้

    สำหรับเอเชีย-แปซิฟิกแล้ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึง 250 ล้านคน เนื่องจากประชากรในประเทศจีนและอินเดีย มีจำนวนผู้ป่วยสูงที่สุดถึง 120 ล้านคน โดยมีไวรับตับอักเสบบีและซี ที่มีผลกระทบกับภูมิภาคนี้มากที่สุด

    ในส่วนของเมืองไทย มีประชากร 67 ล้านคน 4.5 ล้านคน เป็นตับอักเสบเรื้อรัง โดยมีสาเหตุจากไวรัสบี ประมาณ 3.5 ล้านคน และไวรัสซี ประมาณ 1 ล้านคน

    ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องมาน มีน้ำในช่องท้องเยอะ มีอาการซึม และอาการทางสมอง ทำให้หลับบ่อย และยังมีเส้นเลือดดำในกระเพาะอาหารโป่งพอง ถ้าเส้นเลือดแตก ก็ทำให้เลือดออกในกระเพาะได้ สุดท้ายก็คือมะเร็งตับ

    สำหรับผู้ป่วย ชาวไทยนั้น ปัจจุบันมีคนไข้กว่า 6 หมื่นคนต่อปี ต้องตายจากมะเร็งตับ ซึ่งถือเป็นโรคอันดับหนึ่งของสาเหตุการตายจากโรคมะเร็งในชายไทย ส่วนผู้หญิงนั้นอยู่ในอันดับที่ 2-3

    โดยผู้ป่วยจะมีคุณภาพชีวิตที่ แย่มาก มีน้ำในท้อง ทำให้ท้องโต อาเจียนเป็นเลือด เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย เป็นภาระของครอบครัว และค่าใช้จ่ายที่

    สูญเสียไป นั่นแสดงให้เห็นว่า โรคตับอักเสบ ทำลายคุณภาพชีวิตได้เช่นเดียวกับโรคร้ายแรงอื่น ๆ

    ดัง นั้นทางสมาคมจึงพยายามกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับตับ อักเสบมากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยมาก แต่ยังขาดความตระหนักและความเข้าใจในเรื่องของโรค และคนไข้

    ส่วนใหญ่ ที่ติดเชื้อจะไม่ค่อยมีอาการ จึงไม่มีการตรวจรักษา ปล่อยให้โรคดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด นอกจากนั้นยังกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อในชุมชนโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

    "ผู้ ติดเชื้อกว่า 70% จะไม่มีอาการของโรค แต่อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ช่วงบ่ายจะไม่ค่อยมีสมาธิ หรือง่วงนอน โรคนี้จะแสดงอาการต่อเมื่อเป็นมากแล้ว และเมื่อตรวจวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งตับ ส่วนใหญ่จะรักษาไม่ได้ ถ้าเป็นแล้วจะอยู่รอดได้ไม่เกิน 4-6 เดือนเท่านั้น"

    สิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันจากโรคนี้ คือการตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง

    รวมทั้งการฉีดวัคซีนในเด็ก ซึ่งช่วยป้องกันได้ถึง 90% รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ

    นี่คืออีกหนึ่งภัยเงียบ...ที่กำลังคุกคามชีวิตโดยไม่รู้ตัว...

    ใน วันตับอักเสบโลก 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไวรัสตับอักเสบได้เริ่มกระตุ้นให้รัฐบาลและ ประชาชนภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกได้ตระหนักถึงภัยร้ายแรงของภาวะตับอักเสบ โดยมีการก่อตั้งกลุ่มเฉพาะขึ้นมา เรียกว่า "พันธมิตรเพื่อกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก" หรือ CEVHAP (Coalition to Eradicate Viral Hepatitis in Asia Pacific) เมื่อเดือนตุลาคม 2553 โดยมีแพทย์

    ผู้เชี่ยวชาญโรคตับอักเสบและไวรัสวิทยาที่มีชื่อเสียงของโลกมารวมตัวกัน เพื่อนำเสนอปัญหาที่องค์กรต่าง ๆ ขาดการรับรู้และความ

    ตั้งใจด้านนโยบายที่จะจัดการแก้ปัญหาโรคไวรัสตับอักเสบต่อไป






    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312359594&grpid=&catid=09&subcatid=0902-


    ไวรัสตับอักเสบ เพชฌฆาตเงียบในตัวคุณ : มติชนออนไลน์



    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    30 วันสำคัญของไทย ที่เยาวชนควรรู้

    -http://hilight.kapook.com/view/61483-


    [​IMG]


    30 วันสำคัญของไทย ที่เยาวชนควรรู้ (กระทรวงวัฒนธรรม)

    ในแต่ละปี ประเทศไทยเราจะมีวันสำคัญของชาติหลายวันด้วยกัน ทั้งที่เป็นวันสำคัญเกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และวันสำคัญทางประเพณี ซึ่งในจำนวนวัน เหล่านี้ รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นหยุดราชการ 16 วันด้วยกัน เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันมาฆบูชา วันจักรี วันสงกรานต์ และวันฉัตรมงคล เป็นต้น

    วันสำคัญ หมายถึง วันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆในอดีต และเพื่อเป็นการระลึกถึงความสำคัญของวันนั้น ๆ รัฐ - ชุมชน หรือหน่วยงานจึงได้จัดให้มีพิธีการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนหรือคนในสังคมได้ตระหนัก และระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันนั้นด้วยความภาคภูมิใจ หรือเพื่อเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติที่ดีงามสืบทอดต่อกันมา ซึ่งวันสำคัญนี้จะมีหลายระดับ เช่น ระดับบุคคล ได้แก่ วันเกิด วันแต่งงาน ระดับหน่วยงาน ได้แก่ วันสถาปนาของหน่วยงานนั้นๆ ระดับชาติ ได้แก่ วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันวิสาขบูชา และวันภาษาไทยแห่งชาติ เป็นต้น

    อนึ่ง เพื่อให้เยาวชนของเราได้รู้จักวันสำคัญของไทย กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอสรุปวันสำคัญ ๆ ที่ควรรู้จักในรอบปีให้ทราบดังนี้

    วันสำคัญเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ไทย

    1. วันยุทธหัตถี ตรงกับ วันที่ 18 มกราคม เป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 ยุทหัตถี หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการรบอย่างกษัตริย์สมัยโบราณ ถือป็นยอดยุทธวิธีของนักรบ เพราะเป็นการต่อสู้อย่างตัวต่อตัว กษัตริย์พระองค์ใดกระทำยุทธหัตถีชนะจะได้รับการยกย่องว่า มีพระเกียรติยศสูงสุด และแม้แต่ผู้แพ้ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นนักรบแท้เช่นกัน

    2. วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นวันประกาศยกย่อง และเชิดชูเกียรติศิลปินชั้นครูของไทยที่ได้รับการคัด เลือกจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น "ศิลปินแห่งชาติ" โดยยึดถือเอาวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 "พระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์" ผู้ทรงรอบรู้และเชี่ยวชาญในศิลปะทุกแขนงอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง เป็น "วันศิลปินแห่งชาติ"

    3. วันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม เป็นระลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 3 ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงบ้านเมืองทั้งในด้านการศาสนา การศึกษาและอื่นๆอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง ในสมัยของพระองค์ได้ทรงเก็บเงินบางส่วนใส่ "ถุงแดง" เอาไว้ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงนำมาใช้เป็นค่าปรับในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ.112 ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตการณ์ทางการเมืองและสงครามระหว่างประเทศไปได้

    4. วันจักรี ตรงกับวันที่ 6 เมษายน หมายถึง วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ พระปฐมบรมราชวงศ์จักรี เสด็จกรีฑาทัพถึงพระนคร และทรงรับอัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติดำรงราชอาณาจักรสยามประเทศเป็นวัน แรก ตลอดพระชนมชีพของรัชกาลที่ 1 ต้องทรงออกศึกใหญ่เพื่อกอบกู้อิสรภาพถึง 11 ครั้ง โดยทรงเป็นแม่ทัพถึง 10 ครั้ง และทรงร่วมกับพระเจ้ากรุงธนบุรี 1 ครั้ง และเมื่อทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ยังต้องออกศึกเพื่อปกป้องอิสรภาพของชาติไทยอีกถึง 7 ครั้ง นับว่าพระองค์ทรงเป็นพระกษัตริย์ยอดนักรบที่ยิ่งใหญ่และเก่งกล้าสามารถยิ่ง

    5. วันฉัตรมงคล ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม คือวันรำลึกถึงวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบันได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 และทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" (ซึ่ง ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 เมื่อพระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากพระบรมเชษฐาธิราชรัชกาลที่ 8 นั้น ยังไม่ได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษก เนื่องจากต้องเสด็จกลับไปศึกษาต่อ)

    6. วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง อันเป็นปรากฏการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปีอย่างแม่นยำ และได้เสด็จฯไปทอดพระเนตรที่ ตำบลหว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ในวันดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ. 2411


    [​IMG]


    7. วันเยาวชนแห่งชาติ ตรง กับวันที่ 20 กันยายน ด้วยถือว่าวันนี้เป็นวันที่เป็นสิริมงคลยิ่ง เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีถึง สองพระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งทั้งสองพระองค์นอกจากจะทรงครองราชย์สมบัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว ยังทรงพระปรีชาสามารถยิ่ง สมควรที่เยาวชนไทยจะเจริญรอยตามเบื้องยุคลบาท

    8. วันปิยมหาราช ตรง กับวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย พระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่ว่าจะเป็น การเลิกทาส การพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณูปการ การเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ฯลฯ ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความเจริญสืบต่อมาจนปัจจุบัน

    9. วันวชิราวุธ ตรง กับวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า " สมเด็จพระมหาธีรราช เจ้า " เพราะทรงเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวที่ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมประเภท ต่างๆ เป็นจำนวนมาก เท่าที่รวบรวมได้ในปัจจุบันมีถึง 1,236 เรื่อง นอกจากนั้นยังทรงบัญญัติศัพท์ และทรงตั้งนามสกุลพระราชทาน ซึ่งได้รวบรวมไว้ขณะนี้เป็นจำนวนประมาณ 6,432 นามสกุล

    10. วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรง กับ วันที่ 5 ธันวาคม วันนี้ถือเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" และ "วันชาติไทย" ด้วย ตลอดระยะเวลายาวนานร่วม 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย และพระสติปัญญาของพระองค์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันยังประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรของพระองค์มาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนนับพันโครงการ

    11. วันรัฐธรรมนูญ เป็น วันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร เป็นฉบับแรกให้แก่ปวงชนชาวไทย เมื่อปีพ.ศ. 2475 ภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบ ประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด

    12. วันพระเจ้าตากสินมหาราช ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นวีรกษัตริย์ไทยอีกพระองค์หนึ่งที่ได้รับการเทิดทูน และเคารพบูชาจากประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ไม่เพียงเพราะพระปรีชาสามารถในการรบที่กอบกู้ชาติไทยให้เป็นเอกราช และสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่บ้านเมืองของเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังเป็นผู้นำที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มีความกตัญญู และเสียสละต่อผืนแผ่นดินไทยอย่างยากที่จะหาผู้ใดเสมือนเหมือนอีกด้วย


    [​IMG]


    วันสำคัญหลัก ๆ ทางศาสนา จะประกอบด้วย



    [​IMG]

    13. วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 เป็นวันที่พระอรหันต์ที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้จำนวน 1,250 รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระพุทธองค์จึงได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ปัจจุบันเราถือว่าวันนี้เป็น "วันแห่งความรักทางพุทธศาสนา" ทั้งนี้ เนื่องจากวันดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์พิเศษที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" ขึ้น และเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศหลักการและอุดมการณ์ แห่งพุทธศาสนา อันมีเนื้อหาหลัก ว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นั่นก็คือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแพร่

    14. วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งในการบังเกิดพระพุทธเจ้าในโลกก็คือ "ธรรมะ" ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทรงเปรียบเสมือนบรมครูผู้มาสอน มาชี้แนะแก่มวลมนุษย์ มิฉะนั้นคนเราก็คงไม่รู้จักหนทางแห่งการปฏิบัติธรรมเพื่อล่วงพ้นความทุกข์ เป็นแน่แท้ และวันวิสาขบูชา นี้องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้ เป็นวันสำคัญสากล เมื่อปี พ.ศ.2542

    15. วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เป็นวันที่มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ครบเป็นองค์รัตนตรัยครั้งแรกในโลก ซึ่งพระสงฆ์องค์แรกคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ และปฐมเทศนาที่ทรงแสดงคือ ธรรมจักกัปวัตนสูตร หมายถึง พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป นั่นคือ ธรรมะของพระพุทธองค์เหมือนวงล้อธรรมที่ได้เริ่มเคลื่อนแล้วจากจุดเริ่มต้นใน วันนี้

    16. วันเข้าพรรษา เป็นวันเริ่มต้นที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องอธิษฐานจำพรรษาอยู่กับที่ ไม่เที่ยวจาริกไปยังที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ซึ่งการให้จำพรรษาในสมัยพุทธกาล ก็เพื่อป้องกันมิให้พระสงฆ์ไปเหยียบย่ำข้าว และพืชผลของชาวบ้านเสียหาย ต่อมาถือเป็นโอกาสดีที่พระภิกษุจะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อศึกษาธรรมะ ส่วนชาวบ้านก็ได้เข้าวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรม และเจริญภาวนาเพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลโดยมีพระภิกษุเป็นแบบอย่าง ครั้นต่อมาจึงเกิดประเพณีนิยมบวช 3 เดือน ขณะเดียวกัน ก็มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งนิยมถือเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันเริ่ม ต้นที่จะอธิฐานจิตลด ละ ความชั่วทั้งหลาย และทำความดีเพิ่มขึ้น สำหรับประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับวันนี้คือ การถวายผ้าอาบน้ำฝนและการแห่งถวายเทียนพรรษา

    17. วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เป็นวันที่พระภิกษุพ้นข้อกำหนดทางวินัยที่จะอยู่จำพรรษา นับตั้งแต่วันเข้าพรรษาเป็นต้นมา และสามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ ซึ่งจะมีประเพณีที่เกี่ยวข้อง คือ การตักบาตรเทโวโรหนะ คือวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน ซึ่งพุทธศาสนิกชนมักจะตักบาตรในวันนี้ ด้วยนิยมว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จไปโปรดพุทธมารดาอยู่ 3 เดือน และถัดจากออกพรรษา 1 เดือน ถือเป็น เทศกาลกฐิน ที่จะทำบุญถวายผ้ากฐินตามวัดต่าง ๆ


    วันสำคัญอื่น ๆ ของชาติ และวันสำคัญทางประเพณี

    18. วันขึ้นปีใหม่ ก่อน ที่ไทยเราจะมีวันปีใหม่แบบสากลเช่นปัจจุบัน เราได้มีการเปลี่ยนแปลงปีใหม่มาแล้วถึง 3 ระยะ คือ เริ่มแรก ถือวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ ระยะที่สอง เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 คือราวช่วงสงกรานต์ โดยใช้ปีนักษัตรและการเปลี่ยนจุลศักราชเป็นเกณฑ์ ระยะที่สาม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เมษายนอันเป็นนับวันทางสุริยคติ ซึ่งได้ประกาศใช้มาตั้งแต่พ.ศ. 2432 ระยะที่สี่ คือในปี พ.ศ. 2483 รัฐบาลได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ไทยให้เป็นไปตามแบบสากลนิยม คือวันที่ 1 มกราคม โดยมีเหตุผลว่า วันดังกล่าวกำหนดขึ้นโดยการคำนวณด้วยวิทยาการทางดาราศาสตร์ และเป็นที่นิยมใช้กันมากว่าสองพันปี อีกทั้งไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิศาสนา หรือการเมืองของชาติใด แต่สอดคล้องกับจารีตประเพณีของไทยแต่โบราณที่ใช้ฤดูหนาวเป็นต้นปี

    19. วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เด็กได้ตระหนักถึงความสำคัญของตน และขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ประชาชน และสังคมเห็นความสำคัญของเด็กที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ และเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่

    20. วันครู ตรงกับวันที่ 16 มกราคม จัดขึ้นเพื่อให้สังคมได้ระลึกถึงความสำคัญของ " ครู " ในฐานะผู้เสียสละและประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน โดยเฉพาะช่วยสร้างบุคลากรที่เป็นอนาคตของชาติ

    21. วันอนุรักษ์มรดกไทย ตรง กับวันที่ 2 เมษายน อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรในด้าน อนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่างๆ ทรงได้รับการถวายพระสมัญญาเป็น "เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย" และ "วิศิษฏศิลปิน" อันหมายถึง ผู้เป็นเลิศในทางศิลปะ ทรงเป็นเมธีทางวัฒนธรรม และทรงมีคุณูปการต่องานศิลปะวัฒนธรรม


    [​IMG]


    22. วันสงกรานต์ เป็นปีใหม่แบบเดิมของไทย ที่นับวันที่พระอาทิตย์ย่างเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเริ่มต้นปี โดยเรียกวันที่ 13 เมษายน เป็น "วันมหาสงกรานต์" และถือเป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ" ด้วย ส่วนวันที่ 14 เมษายน เรียก "วันเนา" และถือเป็น "วันครอบครัว" ส่วนวันที่ 15 เมษายน เรียกว่า "วันเถลิงศก" หรือ วันขึ้นจุลศักราชใหม่ ปีนี้นางสงกรานต์ชื่อ มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูรย์ เสด็จนั่งมาเหนือหลังนกยูง

    23. วันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ นอก จากจะเป็นพระราชพิธีโบราณเก่าแก่ที่จะทำเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเป็น สิริมงคลแก่การเกษตรกรรมแล้ว วันดังกล่าวยังถือเป็น "วันเกษตรกร" อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรได้ระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปจะได้ระลึกถึงความสำคัญของข้าวและธัญญพืชที่มีคุณเอนก อนันต์ในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตสมบูรณ์ทั้งกายใจ และเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่ทรงมีพระราชกรณียกิจอันเป็นแบบอย่างทางด้านเกษตรกรรมแก่ราษฎร ชักนำให้มีใจมั่นในการประกอบอาชีพและเป็นเหตุของความตั้งมั่นความเจริญ ไพบูลย์ของประเทศมาโดยตลอด


    [​IMG]


    24. วันสุนทรภู่ ตรง กับวันที่ 26 มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีผลงานประพันธ์มากมาย เฉพาะเรื่อง พระอภัยมณี วรรณกรรมชิ้นเอกของท่าน ก็มีความยาวถึง 12,706 บท ถือได้ว่าเป็นกวีนิพนธ์ที่ยาวที่สุดในโลก ในขณะที่บทประพันธ์เรื่องอีเลียต ( Iliad ) ) และโอเดดซี (Odyssey) ของฝรั่งที่ว่ายาวที่สุด ยังมีเพียง 12,500 บทเท่านั้น เมื่อปี พ.ศ. 2529 ท่านได้รับยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับ โลก

    25. วันภาษาไทยแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเสด็จฯ ไปทรงร่วมอภิปรายกับผู้ทรงคุณวุฒิทางภาษาไทยของชุมนุมภาษาไทยคณะอักษร ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับปัญหาการใช้คำไทย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2505 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ ความสนพระราชหฤทัย และความห่วงใยในภาษาไทยของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก


    [​IMG]


    26. วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ "วันแม่แห่งชาติ" ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงเปรียบประดุจ "แม่แห่งแผ่นดิน" ที่ทรงดูแลทุกข์สุขของราษฎรดังลูก ๆ ของพระองค์ และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อปวงชนชาวไทยเคียงคู่กับพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด โดยเฉพาะด้านศิลปาชีพ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของไทย


    [​IMG]


    27. วันพิพิธภัณฑ์ไทย ตรงกับวันที่ 19 กันยายน เป็นวันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงให้กำเนิด "พิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชน" ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่19 กันยายน พ.ศ. 2417 ณ ศาลาสหทัยสมาคม หรือ "หอคองคอเดีย" ในพระบรมมหาราชวัง

    28. วันมหิดล ตรงกับวันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ผู้ทรงมีคุณูปการต่อการแพทย์สมัยใหม่ จนได้รับการเฉลิมพระเกียรติว่าทรงเป็น " พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน "

    [​IMG]


    29. วันลอยกระทง ตรง กับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เป็นประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น ลอยเคราะห์ บูชาพระพุทธเจ้า แต่ปัจจุบันนิยมทำเพื่อขอขมา และระลึกถึงคุณแม่พระคงคา ที่ได้อำนวยประโยชน์ต่าง ๆ แก่มนุษย์

    30. วันกีฬาแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 16 ธันวาคม เป็นวันระลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทอง ในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค.ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2510 และเพื่อให้ประชาชน เยาวชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของกีฬาที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดี ทั้งกายและใจ

    ทั้งหมดนี้ คือวันสำคัญของไทยในรอบปีหนึ่ง ๆ ที่แม้จะมิใช่วันหยุดราชการทั้งหมด แต่ก็เป็นวันสำคัญของชาติที่เยาวชนไทยควรได้ทราบเพื่อเป็นความรู้ต่อไป




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    -http://www.m-culture.go.th/-

    [​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/61483-

     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    เอสแอนด์พีลดอันดับเครดิตสหรัฐฯครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    สหรัฐฯถูกปรับลดอันดับความเชื่อถือครั้งแรก เอสแอนด์พีประกาศลดเครดิตจากปัญหาหนี้-พิษการเมือง

    สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์( เอสแอนด์พี ) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐฯ จาก AAA เป็น AA+ แล้วเมื่อวันศุกร์ โดยให้เหตุผลถึงภาระการขาดดุลงบประมาณมหาศาล และกระบวนการกำหนดนโยบายที่อ่อนแอ นอกจากนี้ยัง คาดการณ์แนวโน้มทางลบอีกด้วยว่า มีโอกาสที่จะปรับลดเครดิตสหรัฐฯลงอีกใน 2 ปี หากยังไม่เห็นความคืบหน้าในตัดลดรายจ่ายตามสัญญา


    แถลงการณ์ของเอสแอนด์พีระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือสะท้อนความเห็นของบริษัทฯต่อประสิทธิภาพ เสถียรภาพและความสามารถในการคาดการณ์ถึงการดำเนินนโยบายสหรัฐ และว่าสถาบันการเมืองสหรัฐฯ มีความอ่อนแอในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเงิน
    "ความหมิ่นเหม่ทางการเมืองในสหรัฐฯช่วงหลายเดือนมานี้สะท้อนว่า การบริหารประเทศ มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพและคาดการณ์ได้น้อยลง
    เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สหรัฐฯ ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ นับจากได้รับสถานะ ทริปเปิลเอ จากมูดดี้ อินเวสเตอร์เซอร์วิสเมื่อปี 1917 และจากเอสแอนด์พี นับจากปี 1941

    ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า การวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯของเอสแอนด์พี มีช่องโหว่ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงเชิงลึก โดยโฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อ้างว่าการวิเคราะห์และคำนวณของเอสแอนด์พี มีความคิดพลาดถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่ได้ให้คำอธิบายกำกับ

    มูดดี้สฯ และฟิตช์ ระบุก่อนหน้านี้ว่าจะยังคงศึกษาแผนลดขาดดุลงบประมาณไปอีกระยะเพื่อดูผลงานสหรัฐฯว่าจะคงสถานะอยู่ในกลุ่มประเทศ AAA ได้หรือไม่
    ทำเนียบขาว ส.ส.พรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เพิ่งบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มเพดานหนี้ และประธานาธิบดีบารัก โอบามา ลงนามเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากเจรจาต่อรองกันอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาหลายเดือน จนสร้างความอกสั่นขวัญแขวนแก่เศรษฐกิจโลกขณะกำลังพยายามฟื้นตัวจากภาวะถดถอย เมื่อปี 2551
    การปรับลดเครดิตสหรัฐฯทำให้ประธานาธิบดีโอบามา รัฐบาลของเขาและสหรัฐอเมริกาต้องเสียหน้า และอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น
    ในทางทฤษฎี ยังอาจส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก เพราะเงินดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงเป็นสกุลเงินและตราสารหลักสำหรับการค้าและการเงินโลก ทั้งยังอาจซ้ำเติมตลาดการเงินโลกที่โกลาหลมากอยู่แล้วท่ามกลางความวิตกว่า วิกฤติหนี้สินยุโรปจะลามไปยังอิตาลีกับสเปน

    กระนั้น นักวิเคราะห์บางคนไม่แน่ใจว่าการปรับลดเครดิตสหรัฐฯ จะกระทบต่ออุปสงค์หนี้ในสหรัฐหรือไม่ ประกอบกับการมองสถาบันจัดอันดับว่ามีความน่าเชื่อต่ำ จึงยังต้องดูว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากเพียงใด
    มูดดี้ส และฟิตช์ ยืนยันให้สหรัฐฯ อยู่ในอันดับทริปเปิลเอ ไม่นานนักหลังประธานาธิบดีโอบามาลงนามในร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้เมื่อวัน อังคาร แต่เอสแอนด์พี ถือว่าเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทรงอิทธิพลสุดในสามสถาบัน
    ปัจจุบัน มี 17 ประเทศ และ 3 ดินแดนที่ได้อันดับความน่าเชื่อถือในระดับ AAA



    -http://www.komchadluek.net/detail/20110806/105151/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html-




    .
     
  14. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Pinkcivil, sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดียามสายครับ :cool:
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กสิกรคาดค่าบาทสัปดาห์หน้า30.20

    [​IMG]

    กสิกร คาด ค่าบาทสัปดาห์หน้า 29.80 - 30.20 ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลดลงตามภูมิภาค จับตาผลประชุมเฟด



    บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 8 - 11 ส.ค. 2554 ว่า มีโอกาสปรับตัวลดลงตามตลาดในภูมิภาค ขณะที่ประเด็นติดตาม ยังคงอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่จะประกาศออกมาในช่วงคืนวันศุกร์ที่ 5 ส.ค. การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่ของไทย ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (ในวันอังคาร) รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดค้าปลีก ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,077
    และ 1,060 ขณะที่แนวต้าน คาดว่าจะอยู่ที่ 1,106 และ 1,122 จุด ตามลำดับ

    สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาทของไทยในสัปดาห์หน้า มองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80 - 30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
    Link : http://www.innnews.co.th/กสิกรคาดค่าบาทสัปดาห์หน้า30-20--300785_02.html

    --http://www.innnews.co.th/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B230-20--300785_02.html--






    .
     
  16. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขอบคุณมากครับ สรุปอันนี้เห็นภาพชัดเจนเรยครับ อ่านดูแล้ว เวชกรรมนี่ท่าจะยากกว่า เภสัชกรรมหลายเท่า เป็นวิชาที่เหมือนทั้งศาสตร์และศิลป์ มาผสมกัน โดยใช้ไหวพริบ + ความละเอียดของผู้เรียน เป็นหัวใจสำคัญ ผมว่าเป็นอะไรเหมาะกับคุณเพชรมากเรยครับ :cool::cool::cool:
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ชาวบ้านเขาหยุดเสาร์-อาทิตย์นะพี่ pig_cryy2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2011
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, Pinkcivil</td></tr></tbody></table>

    ช่วงนี้ น่าจะประมาณ 2 เดือน ที่ต้องเคลียร์งานเก่าที่คนเก่าและผู้ที่อยู่ (ที่ควรทำงานให้เรียบร้อย)

    งานเยอะมากครับ






    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    เด็กนักเรียนในนครปฐมกว่า 200 คนดื่มนมบูดจนท้องเสียถูกหามส่งโรงพยาบาล <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">5 สิงหาคม 2554 19:20 น.</td></tr></tbody></table>

    นครปฐม - เร่งส่งเด็กนักเรียนในนครปฐฒกว่า 200 คนส่งโรงพยาบาลหลังดื่มนมบูดจนท้องเสีย คาดตู้เย็นความเย็นไม่ถึงช่วงขนส่ง

    วันนี้ (5 ส.ค.54) เวลา 10.30 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอพุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้รับแจ้งว่ามีเด็กดื่มนมโรงเรียนเกิดอาการปวดท้อง อาเจียน ต้องหามส่งรพ.พุทธมณฑล และรพ.ในพื้นที่ใกล้เคียง เป็นจำนวนมากจึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังรพ.พุทธมณฑล เพื่อติดตามสถานการณ์และเร่งประสานให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน

    จากการตรวจสอบพบมีนักเรียนกว่า 200 คนมีอาการปวดท้องและอาเจียน โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพฯได้ระดมกำลังลำเลียงเด็กนักเรียนทั้งหมดกระจาย ส่งรพ.ในพื้นที่อ.พุทธมณฑลและพื้นที่ใกล้เคียงประกอบด้วย รพ.ศาลายา ,รพ.พุทธมณฑล ,รพ.วัดหลวงพ่อเปิ่น,ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก, รพ.ราชพิพัฒน์สาย 3 และโรงพยาบาสศูนย์ยนครปฐม เพื่อทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

    นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอพุทธมณฑล กล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากรับรายงานก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังรร.ใน พื้นที่ที่รับนมในวันนี้ ให้ระงับการดื่มนมของนักเรียน พร้อมทั้งติดต่อไปยังรถที่นำนม รร.ดังกล่าวมาส่งให้ระงับการส่งนมไปยังรร.ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับนมอย่าง เด็ดขาด

    พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างนมที่นำมาแจกนักเรียนในวันนี้ ส่งตรวจยังสาธารณสุขเพื่อหาสาเหตุที่นักเรียนดื่มนมแล้วเกิดอาการปวดท้องและ อาเจียนในครั้งนี้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่และได้มีการระงับการส่งนมทั้งหมด ในพื้นที่ตั้งแต่วันนี้และวันต่อๆ ไป จนกว่าจะทราบผลตรวจที่แน่นอนว่านมที่ได้รับในวันนี้เป็นนมหมดอายุ หรือบูดกันแน่

    ต่อมา ดร.นพ.ถวัลย์ พบลาภ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ได้เดินทางมายังรพ.พุทธมณฑล เพื่อตรวจเยี่ยมเด็กนักเรียนที่มีอาการป่วยและได้คอยกำกับดูแลในการให้ความ เชื่อเหลือปฐมพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยจัดทีมประสานงานรายความคืบหน้าของอาการนักเรียนแต่ละโรงพยาบาล ซึ่งเบื้องต้นพบว่าแต่ละรายนั้นมีอาการปวดท้องอาเจียนแต่ไม่รุนแรง ซึ่งได้นอนพักฟื้นรอดูอาการและส่งกลับบ้านได้ในช่วงเย็นมีเพียงไม่กี่รายที่ ต้องรอดูอาการเท่านั้น

    โดยในเวลา 15.00 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอพุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อสืบหาข้อมูลในเหตุการณ์ดัง กล่าว โดยได้ตรวจสอบในกระบวนการต่างๆ เบื้องต้นพบว่า นมทั้งหมดที่นักเรียนในเขตอำเภอพุทธมณฑลได้รับมาก็มากจากที่เดียวกันคือ สหกรณ์โคนมนครปฐม ซึ่งส่งให้กับนักเรียนทั้งหมดในเขตจังหวัดนครปฐมเหมือนกัน

    แต่ชุดที่นำมาส่งในเขตอำเภอพุทธมณฑณนั้นคาดว่าจะมีการจัดเก็บในห้อง เก็บที่มีอุณหภูมิความเย็นที่ไม่เพียงพอ จึงเกิดลักษณะของการเริ่มบูด เพราะจากการสอบถามไปยังนักเรียนที่มีอาการป่วยและไม่ป่วยพบว่าก่อนดื่มนั้น ไม่ได้มีกลิ่นผิดปกติหรือลักษณะผิดปกติของเนื้อนมคาดว่าคงจะออกฤทธิ์ในกะ เพาะช่วงที่รอการย่อย ทำให้เกิดอาการและไม่ได้มีความรุนแรง

    ซึ่งในส่วนประเด็นที่จะมีความไม้โปร่งใส่ ขององค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ก็ไม่น่าจะใช่แต่ก็ยังต้องมีการเรียกมาสอบถามอีกครั้งว่ามีกระบวนการในการ จัดส่งอย่างไร แต่เชื่อว่าไม่น่าจะใช่การทุจริตเพราะนมโรงเรียนจะมีการส่งแบบวันต่อวันอยู่ แล้วเพราะหากมีการนำนมเก่ามาจากนักเรียนในเขตพื้นที่อื่นน่าเจะมีเด็กป่วย จากการดื่มนมเข้าไปอีกหลายแห่ง

    สำหรับสหกรณ์โคมนมนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 95 หมู่ 2 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แห่งนี้ก็เคยมีข่าวเกี่ยวกับนมบูดทั้งในเขตอำเภอเมืองนครปฐมและอำเภอกำแพง แสน ที่ต้องหามนักเรียนส่งโรงพยาบาลมาแล้วซึ่งสาเหตุที่พบคือ ตัวแทนที่มารับนมนั้นไม่ได้มีการจัดเก็บในอุณหภูมิที่พอเหมาะก่อนส่ง โรงเรียน และวันนี้อาจจะเกิดเช่นเดียวกกันเพราะอากาศมีสภาพร้อนกว่าทุกวัน

    -http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000097592-



    .-----------------------------------------------------------------------.
     

แชร์หน้านี้

Loading...