ดาวค้างฟ้า....พระเครื่องวัตถุมงคลแบ่งกันไว้บูชาแบบกันเองครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย เพชรฉลูกัน, 8 กรกฎาคม 2011.

  1. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    องค์ที่ 4....400....ปิดรายการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP7384.JPG
      IMGP7384.JPG
      ขนาดไฟล์:
      381.1 KB
      เปิดดู:
      87
    • IMGP7386.JPG
      IMGP7386.JPG
      ขนาดไฟล์:
      382.9 KB
      เปิดดู:
      72
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2011
  2. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    องค์ที่ 5 สุดท้ายครับ....400....ปิดรายการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP7388.JPG
      IMGP7388.JPG
      ขนาดไฟล์:
      389.6 KB
      เปิดดู:
      68
    • IMGP7390.JPG
      IMGP7390.JPG
      ขนาดไฟล์:
      384.9 KB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2011
  3. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    พระผงบารมี81 หลวงพ่อเกษม ปี 35 สวยมากๆครับ รุ่นนี้ตำราวจสร้างถวายหลวงพ่ออธิษฐานให้เป็นกรณีพิเศษนานมากๆครับ น่าเก็บครับ
    ....300....ปิดรายการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP7354.JPG
      IMGP7354.JPG
      ขนาดไฟล์:
      387.2 KB
      เปิดดู:
      76
    • IMGP7357.JPG
      IMGP7357.JPG
      ขนาดไฟล์:
      384.9 KB
      เปิดดู:
      79
    • IMGP7359.JPG
      IMGP7359.JPG
      ขนาดไฟล์:
      389.3 KB
      เปิดดู:
      75
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2011
  4. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    พระผงรูปเหมือนหวงพ่อเกษม รุ่น นะหน้าทอง ปี 36 ตะกรุดเงินครับผม สวยเดิมๆ
    ...300...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP7350.JPG
      IMGP7350.JPG
      ขนาดไฟล์:
      377.3 KB
      เปิดดู:
      72
    • IMGP7352.JPG
      IMGP7352.JPG
      ขนาดไฟล์:
      388.9 KB
      เปิดดู:
      71
    • IMGP7361.JPG
      IMGP7361.JPG
      ขนาดไฟล์:
      385.6 KB
      เปิดดู:
      72
  5. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP7368.JPG
      IMGP7368.JPG
      ขนาดไฟล์:
      380.4 KB
      เปิดดู:
      80
    • IMGP7369.JPG
      IMGP7369.JPG
      ขนาดไฟล์:
      361 KB
      เปิดดู:
      78
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 สิงหาคม 2011
  6. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%"> [​IMG]

    อภิญญา-หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

    หลวง พ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้ายค่าย จ.ระยอง เกิดที่กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อประจงวาส ต่อมาเปลี่ยนเป็นประยุทธิ วรวุธิ นามสกุลอาภรณ์สิริ บิดาท่านคือพระพาหิรรัชฏพิบูลย์(ประวัติ อาภรณ์สิริ) นามมารดาคือนางพาหิรรัชฏพิบูลย์ สมัยเป็นฆราวาส ท่านได้สมรสกับนางประชุมศรี อาภรณ์สิริ มีบุตรชาย2 คน บุตรหญิง 2 คน
    หลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ต่อมาจึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โดยเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาเลือก จนจบชั้นม.6

    เพราะเหตุที่ภาษาอังกฤษของหลวงพ่อกัสสปมุนีอยู่ในขั้นดีมาก เมื่อเรียนจบ ท่านจึงเข้าทำงานที่บริษัทวินเซอร์ของอังกฤษ แต่บิดาท่านให้ย้ายออกมาทำที่กรมสรรพากร ซึ่งท่านก็อนุโลมตามใจบิดาท่านด้วยแรงกตัญญู ซึ่งท่านก็ได้เจริญในหน้าที่การงานและทางโลกด้วยดียิ่งตลอดมา จนกระทั่งได้รับการโอนย้ายไปอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม และได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบอันมีเกียรติยิ่ง แต่ท่านขอไม่รับ เพราะเริ่มมีดวงตาเห็นธรรมและเบื่อหน่ายในโลกียวิสัย ท้ายสุด ท่านก็ได้ขอลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุถึง 3 ปี

    หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านบวชเมื่ออายุ ๕๒ ปี สมัยที่ยังไม่บวชท่านทำงานอยู่ฝ่ายสรรพสามิต ท่านจะดื่มเหล้าเก่ง ตอนหลังท่านเห็นโทษของการดื่มเหล้า และเกิดเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้ลาออกจากราชการ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยได้โอนบ้านที่ดินและทรัพย์สินให้กับครอบครัวท่านจนหมดสิ้น จากนั้นท่านได้ไปฝากตัวอยู่กับสมเด็จ พระวันรัต (ต่อมาทรงได้รับสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช วัดโพธิ์ ท่าเตียน) โดยเป็นอุบาสก นุ่งขาวห่มขาว ถือศีลอุโบสถอย่างเคร่งครัด ในที่สุดจึงได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ แม้บวชได้เพียงพรรษาเดียว หลวงพ่อกัสสปมุนี ได้ออกธุดงค์ ไปบำเพ็ญเพียรภาวนา อยู่บนยอดเขาภูกระดึง อันแสนจะหนาวเหน็บ (เดือน พ.ย. ๒๕๐๖) หลังจากนั้นถัดมาอีกเพียง พรรษาเดียว ท่านก็ได้จาริกแสวงบุญ ไปบำเพ็ญภาวนาในแดนไกล คือเมือง ฤาษีเกษ ประเทศอินเดีย เมืองนี้เป็นที่ชุมนุม ของโยคี ฤาษี มุนีไพร ผู้ทรงตบะและฤทธาอันแก่กล้ามากมาย ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะอยู่ได้อย่างสันติอิสระ


    ***************************************************************************

    ** เมื่อหลวงพ่อกัสสปมุนีลากรถไฟขึ้นเขาด้วยพลังจิต**

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อออกพรรษา ปวารณาปี พ.ศ. ๒๕๐๗ แล้ว หลวงพ่อฯ ก็ได้เดินทางไปยังประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๐๗ โดยสายการบิน ซี.พี.เอ. ร่วมกับคณะทัศนาจรแสวงบุญ ซึ่งมีทั้งพระ และฆราวาส อาทิเช่น ท่านเจ้าคุณราชปัญญาเมธี เจ้าคณะจังหวัดยะลา ท่านเจ้าคุณสิริสารโสภณ เจ้าคณะอำเภอยะลา หลวงพ่อทิม วัดช้างไห้ ผู้สร้างพระเครื่อง หลวงพ่อทวด อันลือลั่นไปทั่วประเทศ และท่านเจ้าคุณ ญาณวิริยาจารย์ วัดธรรมมงคล ซอยปุณณวิถี พระโขนง ซึ่งเป็นศิษย์เอก พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ฝ่ายฆราวาสก็มี นายเอื้อ บัวสรวง ธ.บ. และ เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต นายน่วม นันทวิชัย นายกพุทธสมาคม สิงห์บุรี จุดมุ่งหมายของคณะจาริกแสวงบุญ คือจะพากันไปนมัสการ สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ด้วยความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธคุณ และ เพื่อปลงธรรมสังเวช หลวงพ่อกัสสปนั้น ต้องการจะเดินทางต่อไป เพื่อไปจำศีลภาวนาที่เมือง “ฤาษีเกษ” อันเป็นเมืองของนักพรต ฤาษีชีไพร นักบำเพ็ญตบะ พวกนุ่งลมห่มฟ้า (ฑิฆัมพร) และ นักบวชนิกายต่างๆ
    การเดินทางไปนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ไปชมเมืองราชคฤห์ หรือรัฐพิหารในปัจจุบัน ไปเมืองพาราณสี แล้วขึ้นรถไฟไปยังตำบลสารนาถ คือ ป่าอิสิปตน มฤคทายวัน อันเป็นสถานที่ พระบรมศาสดาทรงแสดงปฐมเทศนา เสร็จสิ้นไปตามลำดับ ต่อจากนั้นก็ไปยังตำบลกุสินาราน์ สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ซึ่งหลวงพ่อกัสสปมุนี เล่าถึงตอนนี้ว่า

    “รถได้พาคณะเรามาถึงเมือง กุสินาราน์ เวลาประมาณ ๙.๐๐ น. ความใฝ่ฝันของอาตมาภาพแต่อดีต ที่ใคร่จะได้เห็นเมืองกุสินาราน์ และสถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานยิ่งนัก บัดนี้ความใฝ่ฝันนั้น ความปรารถนาอันแน่วแน่นั้น ก็ได้บรรลุผลแล้ว ใครจะเดินล่วงหน้าไปแล้วก็ตาม อาตมาภาพยังคงยืนเหลียวไปโดยรอบ เพื่อพินิจพิจารณา บริเวณสถานที่นั้นให้เต็มตา

    แต่อนิจจา ! อันว่าป่าสาลวัน อันเป็นสวนที่แวะพักของเหล่ามัลละกษัตริย์ และเป็นที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระบรมศาสดาของเรา คงมีเหลืออยู่แต่ชื่อ อันเป็นที่หมายรู้เท่านั้น เพราะบัดนี้มีสภาพเป็นที่โล่ง มีต้นไม้เบาบาง ปราศจากหมู่ และกลุ่มไม้ ต้นสาละ หรือต้นรังอินเดีย มีอยู่ไม่มากนัก แต่ทางการอินเดียเขาได้จัดรักษา และบำรุงอย่างดีมาก แม่น้ำหิรัญญวดี ที่ได้กล่าวไว้ในพระสูตรก็มิได้มี นี้ก็เป็นอนุสสติให้ระลึกพิจารณา ถึงความแปรปรวนแห่งสังขาร เครื่องผสมปรุงแต่ง ว่าไม่เที่ยง ย่อมแปรผันเปลี่ยนไป อาตมาสลดใจจึงรีบเดินตามหมู่พวกไป เห็นพวกเรากำลังขึ้นบันได เข้าสู่อาคารหลังหนึ่ง ทำแบบวิหาร อาตมาภาพจึงตามติดเข้าไป ที่นี่เอง คือที่ตั้งพระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา

    ปางอนุฏฐานไสยาสน์ (คือปางเสด็จบรรทม โดยไม่ลุกอีกต่อไป) นายช่างปฏิมากรรม เขาปั้นเป็นพระพุทธรูปนอนตะแคงขวา แต่ไม่หลับพระเนตร เลยกลายเป็น พระพุทธปฏิมานอนลืมพระเนตร ช่างปั้นคงไม่ได้คิดถึงข้อนี้ เพราะเป็นช่างแขกอินเดีย ซึ่งพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าผิดความจริงอย่างยิ่ง แต่ก็ประหลาดอย่างยิ่งอีกเหมือนกัน เพราะขณะที่อาตมาภาพยืนอยู่นั้น รู้สึกเหมือนกับว่า ได้เข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ ซึ่งผิดกับสถานที่อื่นๆ เช่น ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ อันเป็นที่ตรัสรู้ และ ที่สารนาถที่แสดงปฐมเทศนา เอ๊ะ... นี่ยังไงกัน ? ที่นี่เหมือนมีแม่เหล็ก อาตมาจึงพิงไม้เท้าไว้ที่ประตู ปลดย่ามลงจากบ่า ทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับเพื่อนสพรหมจารี จุดธูปเทียนน้อมอภิวาทถวายนมัสการบูชา ด้วยหัวใจอันวังเวง ดูเหมือนว่ามีอะไรอบอุ่นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ และมีอะไรเย็นๆ พรมไปตามตัว มิใยใครจะลุกไปแล้ว อาตมาภาพก็ยังคงคุกเข่า พนมมือหลับตา ใจจดใจจ่ออยู่อย่างนั้น ช่างอบอุ่นร่มเย็น และสงบแท้ นี่เป็นความรู้สึกขณะนั้น จนคณะพากันออกไปหมด อาตมาภาพจึงได้ลุกขึ้นเดินเวียนประทักษิณ แล้วจะเดินออกประตู เห็นหลวงพ่อทิมวัดช้างไห้ กำลังยืนพนมมืออยู่ข้างมุมประตู ตาลืมจ้องดูที่พระพุทธรูป

    อาตมาจึงเอื้อมมือจะไปหยิบไม้เท้าที่พิงอยู่ ข้างประตู
    ทันใดนั้น อัศจรรย์ยิ่ง อัศจรรย์จริงๆ มีเสียงหนึ่งกระซิบที่หูเบาๆ แต่ชัดเจนว่า
    “ทำไมไม่กราบพระบาท! ทำไมไม่กราบพระบาท!”

    อะไรกัน อาตมาหันขวับไปดูหลวงพ่อทิมวัดช้างไห้ ก็เห็นกำลังยืนอยู่ไม่ห่างในท่าเดิม แล้วเป็นเสียงใคร? อาตมาจึงหันมาจะหยิบไม้เท้าอีก ก็มีเสียงกระซิบอีกอย่างชัดเจน อ่อนน้อมว่า
    “ ทำไมไม่กราบพระบาท! ทำไมไม่กราบพระบาท! ”

    อาตมาชะงัก ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง หันกลับเดินไป ทรุดคุกเข่าอยู่ที่ปลายพระบาทพระพุทธปฏิมา ปางไสยาสน์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน กราบแล้วกราบอีก แล้วพนมมือน้อมระลึกถึง พระพุทธคุณ และพุทธานุภาพ ที่ได้ทรงปกแผ่ไปเป็นอนันตเขต แม้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนานแล้ว แต่พุทธเกษตรนี้ยังกระจ่าง อีกนานไกล อาตมาภาพพนมมือ ค้อมตัวลงปลงธรรมสังเวช

    เสียงหลวงพ่อทิม วัดช้างไห้ สะอื้นเบาๆ อยู่ทางเบื้องหลัง ไม่ทราบว่าหลวงพ่อทิม มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร อาตมาลุกขึ้น ถามท่านว่า
    “หลวงพ่อสะอื้นทำไม ?”
    “เห็นแล้วมันตื้นตันใจ บอกไม่ถูก”
    หลวงพ่อทิม ตอบเสียงสะอื้น เป็นคำตอบที่กลั่นออกมาจากหัวใจของพระสาวก ถึงแม้จะเกิดทีหลัง ห่างไกล นานถึงสองพันปีเศษก็ตาม ความผูกพันในพระพุทธบิดา ย่อมมีอยู่แก่สมณศากยบุตรพุทธชิโนรส ด้วยประการฉะนี้”

    วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ คณะของหลวงพ่อกัสสป ฉันอาหารเช้าแล้ว ได้เวลา ๙.๐๐ น. จึงพาพวกอุบาสกและอุบาสิกาออกเดินทาง ไปยังสถานีเนาก้า เพื่อไปยังสวนป่าลุมพินีวันในแคว้นเนปาล อันเป็นสถานที่พระบรมศาสดาทรง ประสูติ ถึงสถานีเนาก้าเวลา ๑๑.๐๐ น. แต่เจ้ากรรมแท้ๆ ... ที่พนักงานรถไฟแขกอินเดียมันมักง่าย ตัดรถตู้คณะของหลวงพ่อกัสสปมุนีออกปล่อยทิ้งไว้ อยู่ห่างจากตัวสถานีเกือบสามร้อยเมตร ตรงที่รถตู้ถูกตัดออกนี้เป็นที่ลาดต่ำกว่าที่ตั้งสถานี และห่างจากที่รถบัสจอดเกือบครึ่งกิโลเมตร

    ในคณะแสวงบุญของหลวงพ่อ มีอุบาสิกาอยู่ในวัยชราหลายคนจะต้องเดินไกล ทั้งตัวรถตู้ก็สูง บันไดก็ยิ่งลอยสูงขึ้นไปด้วย เพราะรถถูกตัดทิ้งไว้ในที่ลาดต่ำ แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแรงอย่างนายเอื้อ บัวสรวง ก็ยังต้องเกร็งข้อโหนตัวลอยขึ้นไป ยิ่งเป็นพระ เป็นผู้หญิงยิ่งทุลักทุเลใหญ่ ทำให้นายสุวรรณ เจามหาสุข ผู้อำนวยการเดินทางในครั้งนี้ และนายเอื้อ บัวสรวงโมโหมาก ปัญหาจึงมีอยู่ว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ตู้รถแล่นขึ้นไปจอดบนชานชาลาเหนือสถานีได้

    ในที่สุดปรึกษาตกลงกันได้ว่า ให้คณะแสวงบุญที่ขึ้นไปก่อนลงมาจากรถเพื่อให้รถเบาขึ้น แล้วจ้างพวกแขกสองสามคน และเด็กแถวนั้นให้ช่วยกันดันรถ แต่เมื่อทำดูแล้วรถไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย เพราะตู้รถไฟใหญ่กว่าตู้รถไฟในบ้านเมืองเรามาก มีน้ำหนักเป็นตันๆ และจะต้องดันให้เคลื่อนขึ้นที่สูงเสียด้วย มันต้องใช้ช้างสารฉุดถึงจะเขยื้อนขึ้นไปได้
    ตอนนี้นายเอื้อ บัวสรวงเห็นหมดหนทางที่จะพึ่งแรงคน จึงคิดจะพึ่งแรงบารมีของพระเสียแล้ว จึงได้หันมาอาราธนาขอร้อง อาจารย์วิริยังค์ (ท่านเจ้าคุณญาณวิริยาจารย์) ช่วยให้รถเคลื่อนด้วยอานุภาพที่ท่านมีอยู่ เพราะมองไม่เห็นใครที่จะช่วยได้ ก็ต้องพึ่งพระกันบ้าง
    ท่านพระอาจารย์วิริยังค์ ได้เข้าไปยืนข้างตู้รถไฟภาวนาอยู่สักครู่ก็ทำท่าดัน แล้วบอกให้ทุกๆ คนช่วยกันดันรถ แต่ดันเท่าไหร่ๆ รถก็ไม่มีทีท่าจะเขยื้อน

    นายเอื้อจึงได้หันมาอาราธนาท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัด ยะลา ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะอำเภอยะลาและหลวงพ่อทิมวัดช่างไห้ ขอให้ช่วยแสดงอานุภาพทำให้ตู้รถไฟเคลื่อนที่ แต่ท่านทั้งสามองค์ก็ตอบตรงๆ ว่าไม่ได้ฝึกมาทางนี้ คือไม่ได้ฝึกทางอภิญญา สุดท้ายนายเอื้อ บัวสรวงหมดหนทางอับจนปัญญา จึงได้ขอร้องให้ หลวงพ่อกัสสปมุนี ช่วยด้วย

    “ยังเหลือแต่หลวงพ่อกัสสป องค์เดียวเท่านั้น ผมเชื่อว่าคงจะไม่สิ้นหวังเสียทั้งหมด”
    นายเอื้อ บัวสรวง พูดค่อนข้างเสียงดังเปิดเผย พลางพนมมือนอบน้อม หลวงพ่อกัสสป จึงเอ่ยว่า
    “ทำไมมาเจาะจงอาตมา ก็ท่านเหล่านั้นยังรับไม่ไหว แล้วอาตมาภาพจะรับได้ยังไง”
    นายเอื้อ บังสรวง ได้ยืนกรานว่า
    “ถึงอย่างนั้น ก็ขอให้หลวงพ่อเห็นแก่ญาติโยมผู้หญิง และคนแก่ เถอะครับ ที่จะต้องโหนตัวขึ้นรถ”ว่าแล้วก็ไหว้อีก หลวงพ่อกัสสปเห็นนายเอื้อมีความมั่นใจเช่นนั้น จึงจำเป็นต้องช่วยสงเคราะห์ จึงบอกเบาๆ ว่า
    “โยมบอกพวกนั้นให้ดันรถพร้อมๆ กัน พอเห็นอาตมาเดินขึ้นหน้ารถก็ดันเลย”

    นายเอื้อก็รับคำเตรียมอยู่ข้างตู้รถไฟ จากนั้นหลวงพ่อกัสสป ก็เดินขึ้นไปทางริมรั้วสถานี ครั้นพอถึงหน้ารถตู้ นายเอื้อก็ร้องบอกให้พวกนั้นดันรถ เสียงรถเคลื่อนดังครืด แล่นตามหลังหลวงพ่อกัสสปมาได้หน่อยหนึ่ง หลวงพ่อกัสสปจึงยื่นไม้เท้าให้นายเอื้อจับปลายไว้ นายเอื้อเอื้อมมือขวามาคว้าปลายไม้เท้าไว้ ส่วนมือซ้ายจับอยู่ที่ราวบันไดรถ หลวงพ่อจับหัวไม้เท้าไว้ข้างแล้วจูงนำหน้า เท่านั้นเอง ตู้รถไฟอันใหญ่โตหนักอึ้ง ก็แล่นปราดๆ ขึ้นไปตามรางสู่สถานีอย่างง่ายดายน่ามหัศจรรย์ สร้างความตะลึงงันให้แก่ญาติโยมอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายที่ได้เห็นเหตุการณ์ ดังกล่าวต่อหน้าต่อตา สุดที่จะกล่าวพรรณาเป็นอักษรภาษาใดๆได้

    นับว่าหลวงพ่อกัสสปได้ฝังรากความมั่นใจให้แก่นายเอื้อ และญาติโยมในที่นั้นว่า อานุภาพของพุทธศาสนานั้น เป็นของมีจริง ที่พระสาวกของพระพุทธองค์ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น หรือวาระอันสมควรจะพึงแสดงคณะแสวงบุญทัศนาจร ได้ท่องเที่ยวไปชมสถานที่ สำคัญๆ นอกเหนือจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่ง แล้วอีกหลายแห่ง จนฉ่ำชื่นใจสมปรารถนาทั่วหน้ากัน จากนั้นก็ได้ถึงวันเวลาที่จะต้องแยกทางจากกัน โดยหลวงพ่อกัสสปได้แยกทาง ลงที่เมืองปัตนะ (เมืองปาตลีบุตร ครั้งพุทธกาล) เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๗ เพื่อจะได้จาริกท่องเที่ยวไปตามลำพัง สององค์กับพระวิเวกนันทะ

    มีบันทึกเก่า ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2524 มีศิษย์ท่านหนึ่งกราบเรียนถามหลวงพ่อกัสสปมุนีว่า ตอนที่หลวงพ่อใช้พลังจิต
    "ลากรถไฟขึ้นเขาที่อินเดีย"นั้น หลวงพ่อทำอย่างไร.[​IMG]

    หลวงพ่อกัสสปมุนีตอบว่า
    "ใช้การรวมพลังเข้ามาเป็นหนึ่ง และออกเดินนำหน้าทันที ไม่เหลียวหลัง ไม่ใช่อิทธิวิธี หากเป็นการใช้"อาโลกสิน"(แสงสว่าง,ความว่าง)
    ดึงรถไฟขึ้นไป"
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2 align=middle></TD></TR><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%"></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top rowSpan=2 width="16%">

    </TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center>[​IMG]</TD><TD vAlign=center>Re: หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม - พระอรหันต์ผู้มากด้วยอภิญญา !
    « ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:33:30 AM »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom noWrap align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">[​IMG]

    หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ( 2 )

    หลวงพ่อกัสสปมุนีเคยว่า สกุล"กัสสปะ"สมัยพุทธองค์มี 7 ท่าน คือ
    1.มหากัสสปะ
    2.อุรุเวลกัสสปะ
    3.นทีกัสสปะ
    4.คยากัสสปะ
    5.กุมารกัสสปะ
    6.อเจลกัสสปะ
    7.จุลกัสสปะ

    ซึ่งเป็นที่รู้กัน"ภายใน"ก็คือ หลวงพ่อกัสสปมุนีนั้น ก็คือท่าน "จุลกัสสปะ"แต่กาลก่อนนั่นเอง มาในชาตินี้ สมเด็จพระอุปัชฌาย์(สังฆราชป๋า วัดโพธิ์) จึงประทานนามเป็นพิเศษว่า "กัสสปมุนี" แทนชื่อจริงด้วยประการฉะนี้

    ก็เมื่อท่าน"จุลกัสสปะ" ได้สิ้นชีพจากชาตินั้นแล้ว

    ในชาติต่อมา ท่านก็ได้เกิดมาเป็นจักรพรรดิที่เมืองจีนเมื่อ2,000 กว่าปีก่อน ซึ่งมีพระนามว่า "เม่งตี่อ้วงตี่" (หลวงพ่อเล่าไว้เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2524) ซึ่ง"เม่งตี่ฮ่องเต้"นี้ ได้ทรงสร้างคุณูปการแก่บวรพระพุทธศาสนาไว้เป็นเอนกปริยาย

    ประวัติวัฒนธรรมจีนกล่าวถึงการเผยแพร่พระพุทธศาสนาใน แผ่นดินจีนว่า เริ่มขึ้นใน สมัยราชวงศ์ฮั่นรัชกาลของพระเจ้าเม่งตี่ แม้ก่อนหน้านี้จะเริ่มมีราชบัณฑิตได้เคยฟังเรื่องพระธรรม จากพวกทูตจากแคว้นกุสินบ้างแล้ว แต่พระพุทธศาสนาก็ยังมิได้แพร่ไปถึงประเทศจีน
    ในสมัยกษัตริย์เม่งตี่นั้น จีนได้แผ่อิทธิพลทั่วไปทางภาคตะวันตก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พระพุทธ ศาสนาในอินเดียกำลังแพร่ขึ้นมาทางเหนือ พระเจ้าเม่งตี่โปรดให้อาราธนาพระสงฆ์พร้อมด้วยพระสูตรต่างๆ มายังประเทศจีน พร้อมด้วยพระสูตรต่าง ๆ มายังประเทศจีน พร้อมกับสร้างวัดม้าขาวให้เป็นที่พำนักใน พ.ศ. 610 ซึ่งถือว่าเป็นวัดพระพุทธศาสนาแห่งแรก หลังจากนั้นพระพุทธศาสนา ก็แพร่ไปทั่วประเทศและมีพระสงฆ์จากอินเดียเดินทางมา มากขึ้นได้แปลพระสูตรไว้เป็นจำนวนมาก ภายหลังเมื่ออนุญาตให้ชาวจีนบวชเป็นพระสงฆ์ได้แล้ว


    พระภิกษุจีนได้ศรัทธาออกจาริกไปเสาะ แสวงหาพระไตรปิฏกและท่องเที่ยวดินแดนพระพุทธภูมิหลายท่าน ทั้งนี้ได้เรียบเรียงบันทึก การเดินทางไว้เป็นประโยชน์แก่การศึกษาทั้งในส่วน ที่เป็นสาระที่เกี่ยวกับการพระศาสนา และสภาพบ้านเมืองดินแดนต่างๆ ที่อยู่ในเส้นทางอย่างน่าสนใจยิ่ง


    "...ที่จริงเซ็นมาก่อนแล้วในสมัยราชวงศ์ฮั่น พระเจ้าฮั่นเม่งตี่ ต้นตระกูลสามก๊ก อัญเชิญพระไตรปิฎก แล้วสร้างวัดม้าขาวเมื่อสองพันปีเศษ เป็นประวัติศาสตร์ที่ยอมรับกัน อันนั้นก็มีเซ็นปรากฏอยู่แล้ว และพวกฉันยังเชื่อว่าพุทธศาสนา เข้าสู่เมืองจีนตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ไปแบบพระธุดงค์ไม่เป็นทางการ มีประวัติศาสตร์อ้างอิงอยู่ อย่างในประวัติศาสตร์จีนสมัยเลียดก๊ก "เศ็กเกียม่อนี้ฮุดโจ้ว" นี้คือศากยมุนี สมัยเลียดก๊กทำไมถึงรู้จัก แสดงว่าชาติใหญ่มีความสัมพันธ์กันมาแต่โบราณ (ศาสนาพุทธ) จึงไปแบบพระธุดงค์ ไม่เป็นทางการ พระเจ้าฮั่นเม่งตี่อัญเชิญ (พระคัมภีร์) มาแปล เป็นเรื่องทางการ


    *************************************************************************************


    "ครู บาเหยียบศิลาเป็นรอย"(ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน ผู้ยิ่งด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์เป็นที่ยิ่งซึ่งเป็นสหธรรมิกสนิทอีกองค์ หนึ่งของหลวงพ่อกัสสปมุนี เคยรำพึงไว้เมื่อครั้งที่หลวงพ่อกัสสปมุนีละสังขารทีเดียวว่า"ต่อไปนี้ จะหาพระที่ฤทธิ์ดุจเดียวกับหลวงพ่อกัสสปมุนีไม่ได้อีกแล้ว"

    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม - พระอรหันต์ผู้มากด้วยอภิญญา !
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    ท่านใดสนใจบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลดีๆก็เรียนเชิญที่ดาวค้างฟ้าได้เลยครับ...
    โอนเงินที่ ธ.นครหลวงไทย สาขาสันป่าข่อย ออมทรัพย์เลขที่ 345-2-17273-1 ชื่อ Trin Paleeriam ครับ....

    ....กรุณาช่วยค่าจัดส่ง แบบEMS 50 บาทครับ....
    ....โอนแล้วลงที่อยู่จัดส่งได้เลยนะครับเพื่อนๆ....
    ...Tel.086-654-4766...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  8. peerasitg

    peerasitg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,557
    ค่าพลัง:
    +3,919
    ขอจองนิมนต์องค์นี้ครับ....
     
  9. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    รับทราบการจองครับท่าน:cool:
     
  10. rang551

    rang551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,363
    ค่าพลัง:
    +3,131
    กราบหลวงพ่อกัสสปมุณีครับผม
     
  11. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    ท่านที่โอนเงินมาแล้วผมจะจัดส่งให้สิ้นเดือนนะครับ เพราะติดภาระกิจต้องออกพื้นที่ครับผม
     
  12. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    เหรียญลป.สิม พุทธาจาโร ศิษย์สายลป.มั่น และเป็นหนึ่งในคณาจารย์ที่ลพ.ฤาษีนำลูกศิษย์ไปกราบและรับรองว่าเป็นพระดีจริงครับ...เหรียญนี้ออก ปี 18 ใช้มาหน่อยแต่ยังคงดูดีครับ ขอบอกว่าตอนนี้พระของท่านมาแรงมากๆครับ
    ....300....ปิดรายการครับผม




    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2011
  13. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    ยอดขุนพลแห่งเมืองเจียงใหม่เจ้า..<!-- google_ad_section_end -->


    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ประวัติการพบพระกรุนี้ จากคำบอกเล่าของลุงหนานสิงห์คำ ผู้ที่เป็นมรรคทายกของวัดหนองไคร้ได้เล่าว่า ราวปี พศ. 2527 ได้มีการปรับพื้นที่บริเวณป่าช้าหนองไคร้ ศรีทรายมูล เพื่อทำการฌาปนกิจศพท่านพระครูสถาพรธรรมรส (ตุ๊ลุงเมา) รถไถได้ทำการปรับพื้นที่บริเวณเนินดินที่เป็นซากเจดีย์เก่า แล้วจึงได้พบพระดินเผาจำนวนหนึ่ง และสุดท้ายก็ได้เรียกกันติดปากว่า พระพิมพ์ยอดขุนพล กรุหนองไคร้ จังหวัดเชียงใหม่

    เมื่อพิจารณาดูลักษณะพิมพ์ทรงของพระพิมพ์ยอดขุนพล กรุหนองไคร้ พระพิมพ์นี้เป็นพระที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก สามารถใช้ขึ้นคอพกติดตัวได้ ขนาดใหญ่กว่าพระเปิม ลำพูน ไม่มากนัก เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับองค์จตุคามแล้ว พระพิมพ์อะไรก็ดูจะเล็กไปเสียหมด รูปทรงที่ถูกต้องของพระพิมพ์นี้คือรูปทรงครึ่งวงรี แบบเดียวกับ พระซุ้มกอ ของกำแพงเพชร ฐานกว้าง 3ซม. สูง 4ซม. ทั้งนี้ขนาดทั้งความกว้างและความสูงสามารถเปลี่ยนแปลงได้บ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับขอบด้านข้างองค์พระว่ามีขอบด้านเหลืออยู่มากเท่าใด ตรงกลางมีรูปพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิอยู่เพียงองค์เดียว ส่วนองค์ที่มีการกดพิมพ์ได้คมชัดและลึก จะมองเห็นเส้นประภามณฑลครอบองค์พระเอาไว้เมื่อพิจารณาจากพิมพ์แล้ว จึงสันนิษฐานยุคสมัยการสร้าง เนื่องจากพระพิมพ์นี้เป็นพระพิมพ์ที่ไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก ทำให้สามารถพิจารณาอายุสมัยการสร้างได้จากการดูศิลปะขององค์พระเท่านั้น พระพุทธรูปที่ประทับนั่งอยู่ตรงกลางเป็นปางสมาธิ ลีลาการนั่งมีลักษณะอ่อนช้อย แต่...งถึงความสมส่วนขององค์พระพุทธรูป เพราะมีไหล่กว้างหน้าอกผาย ช่วงเอวคอดได้รูปทรง ช่วงขานั่งได้อย่างอ่อนช้อย รูปทรงสมส่วนเข้ากันกับช่วงบน เมื่อพิจารณาจากลักษณะของพระพุทธรูปที่ประทับนั่งปางสมาธิแล้วน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะล้านนา แบบลังกาวงศ์ ที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 เนื้อดินที่นำมาสร้างพระพิมพ์นี้มีลักษณะละเอียด แกร่ง แต่พระส่วนใหญ่ถูกเผาด้วยอุณหภูมิที่ไม่สูงนักจึงไม่ค่อยได้เห็นพระพิมพ์ เนื้อสีเขียว ค่านิยมพระพิมพ์นี้ยังอยู่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ในอนาคตรับรองว่าจะต้องเป็นพระพิมพ์ที่มีผู้คนนิยมเสาะหากันอย่างแน่นอน มีอย่างที่ไหนที่พระเครื่องพิมพ์หนึ่งที่มีพิมพ์ทรงสวยงาม ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป อายุราว 400 – 500 ปี
    ...องค์นี้เดิมๆจากกรุครับ...


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2011
  14. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    [​IMG]
    รูปของ หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน
    ประวัติ หลวงพ่อบุญมี อิสโร วัดเขาสมอคอน
    พระครูอาทรสิกขกิจ (หลวงพ่อบุญมี อิสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี เดิมชื่อ บุญมี จันทร์แจ่ม เกิดที่บ้านเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๒ (ตรงแรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน) บิดาชื่อ ผู้ใหญ่ต้น มารดาชื่อ นางทองม้วน มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๖ คน หลวงพ่อบุญมีเป็นบุตรคนที่ ๒ ปฐมวัย บิดาและมารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือและอักขระขอมกับ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง วัดเขาสมอคอน ซึ่งเป็นสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม
    ต่อมา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ได้บวชให้เป็นสามเณร และให้อยู่รับใช้อย่างใกล้ชิด โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ รวมทั้งได้ติดตามหลวงพ่อออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความสงบ และเจริญสมาธิอยู่เป็นประจำ
    เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมุจรินทร์ ต.โคกสลุด อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๖๓ โดยมี พระครูสังวรโสภณ (หลวงพ่อสาย) วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผ่อง วัดมุจรินทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการแขก วัดหนองมนต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อิสโร"
    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อบุญมี ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสมอคอน เพื่อปฏิบัติกิจตามหน้าที่ของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ คือ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติและปฏิปทาจากหลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋งไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
    หลวงพ่อบุญมี บวชได้ ๕ พรรษา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ก็ได้มรณภาพลง หลวงพ่อบุญมี จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลังจากนั้น หลวงพ่อบุญมี ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อสาย วัดเสือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน และยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดบาง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่ จากนั้นได้ศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อแขก วัดหนองมนต์ ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน
    ส่วนอาจารย์ที่เป็นสายฆราวาส หลวงพ่อบุญมีได้ศึกษากับ ผู้ใหญ่บุญรอด จันทร์แจ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านเอง เรื่องของ วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญมี ท่านได้สร้างเอาไว้หลายอย่าง ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้น คนที่มีอยู่มักจะหวงแหนกันมาก จึงไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก นอกจากลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเท่านั้น
    วัตถุมงคลในยุคแรกๆ คือ มีดหมอ หลวงพ่อได้เรียนวิชานี้จาก หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง โดยตรง (คนละสายกับของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ) หลวงพ่อบุญมีได้สร้างมีดหมอมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๐ เนื่องจากชาวบ้านแถววัดถูกผีเข้าบ่อยๆ ญาติจึงพามาหาหลวงพ่อ รักษาด้วยการรดน้ำมนต์ ซึ่งก็หายกลับไปทุกคน
    ต่อมามีคนเป็นกันบ่อย หลวงพ่อบุญมี จึงได้ทำมีดหมอขึ้นมาเพื่อแจกชาวบ้าน ไว้ใช้ป้องกันภูติผีปิศาจ และสัตว์ร้ายต่างๆ เมื่อชาวบ้านนำไปใช้ได้ผลดี จึงได้บอกกล่าว ปากต่อปาก ทำให้มีดหมอของท่านมีกิตติคุณเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายออกไป
    ...เป็นมีดหมอสำนักหนึ่งที่ทรงอานุภาพมากครับน่าเก็บขอบอก...
    ...1,400...
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    เหรียญนี้กะไหล่ทองเดิมๆอ.นอง ปลุกเสกและอารธนาบารมีลป.ทวดมาสถิตในพระรูปในเหรียญเองเลยครับ พุทธคุณครอบจักรวาลจริงๆมีลูกมีหลาน ลป.ทวดนะครับหาให้ติดตัวไว้เถอะครับหายห่วงจริงๆ

    ...250...






    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  16. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    รูปหล่อลพ.เงิน ปี 29 ออกวัดบางคลานครับ<!-- google_ad_section_end -->


    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    สร้างปี 2529 ปลุกเสกโดย หลวงพ่อเปรื่อง เจ้าอาวาสวัดบางคลาน พิจิตรและเกจิดัง อาทิ หลวงพ่อยิด หลวงพ่ออาคม
    ...400...
    <!-- google_ad_section_end -->


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]</FIELDSET>
     
  17. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    พระเนื้อดินผสมว่านพิมพ์พระรอด สร้างปี 2497 ครับพี่น้อง สวยเดิมๆพุทธคุณครอบจักรวาล....ของดีที่นานๆจะเจอทีครับ องค์นี้พิมพ์ใหญ่ครับ

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]

    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2011
  18. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    ท่านใดสนใจบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลดีๆก็เรียนเชิญที่ดาวค้างฟ้าได้เลยครับ...
    โอนเงินที่ ธ.นครหลวงไทย สาขาสันป่าข่อย ออมทรัพย์เลขที่ 345-2-17273-1 ชื่อ Trin Paleeriam ครับ....

    ....กรุณาช่วยค่าจัดส่ง แบบEMS 50 บาทครับ....
    ....โอนแล้วลงที่อยู่จัดส่งได้เลยนะครับเพื่อนๆ....
    ...Tel.086-654-4766...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  19. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,172
    ถวายแล้วครับ....หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา ณ.วัดพิชยญาติการาม ขอให้ทุกคนโมทนาด้วยนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    </FIELDSET>
     
  20. บังรอน

    บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,368
    ค่าพลัง:
    +1,788
    อนุโมทนาบุญด้วยคร๊าบ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...