พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]




    อ่า หมดจริงๆครับ

    ต้องอร่อยแน่นอนเลย


    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    น่าอิจฉามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td>จังหวัดกำแพงเพชร :: ข้อมูลทั่วไป</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>กำแพงเพชร อยู่ทางภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทางทิศเหนือและทิศใต้ของจังหวัดเป็นที่ราบ ทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาสลับซับซ้อนและเป็นต้นน้ำของลำธารต่าง ๆ เช่น คลองสวนหมาก คลองวังเจ้า คลองขลุง และคลองแขยง ซึ่งจะไหลลงสู่แม่น้ำปิง ที่เป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านกลางพื้นที่ของจังหวัดตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุด</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>กำแพงเพชร เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าที่ปรากฎหลักฐานอยู่ในประวัติศาสตร์ไทยไม่ น้อยกว่า 700 ปี เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัย มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง และเป็นเมืองหน้าด่านทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ กำแพงเมืองและป้อมปราการจึงถูกสร้างอย่างแข็งแรงและยังเหลือร่องรอยอยู่จน ปัจจุบัน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ก่อนมีเมืองกำแพงเพชรเคยมีเมืองเก่ามาก่อน 2 เมือง คือเมืองชากังราว ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำปิง และเมืองนครชุม อยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำปิง</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>กำแพงเพชร จึงเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และธรรมชาติป่าเขา น้ำตก อันงดงาม มีอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 2534 และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ นก สัตว์ต่าง ๆ อาทิ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามอีกด้วย</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>จังหวัดกำแพงเพชร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 358 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 8,607.5 ตารางกิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>การปกครอง</td> </tr> <tr> <td>จังหวัดกำแพงเพชร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองขลุง อำเภอคลองลาน อำเภอไทรงาม อำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอพรานกระต่าย อำเภอลานกระบือ อำเภอปางศิลาทอง อำเภอทรายทองวัฒนา อำเภอบึงสามัคคี และอำเภอโกสัมพีนคร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>อาณาเขต</td> </tr> <tr> <td>ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอเมือง จังหวัดตาก และอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
    ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
    ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอโพธิ์ทะเล และอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร
    ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>การเดินทางจากอำเภอเมืองกำแพงเพชร ไปยังอำเภอต่างๆ </td> </tr> <tr> <td><table width="50%"> <tbody><tr> <td width="68%">- อำเภอเมือง </td> <td width="32%">- กิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอพรานกระต่าย </td> <td width="32%">25 กิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอไทรงาม </td> <td width="32%">42 กิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอคลองขลุง</td> <td width="32%">42 กิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอคลองลาน </td> <td width="32%">52 กิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอทรายทองพัฒนา</td> <td width="32%">53 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอลานกระบือ</td> <td width="32%">59 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอปางศิลาทอง</td> <td width="32%">70 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอขาณุวรลักษบุร</td> <td width="32%">79 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอบึงสามัคค</td> <td width="32%">90 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td width="68%">- อำเภอโกสัมพีนคร</td> <td width="32%">30 กิโลเมตร</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ</td> </tr> <tr> <td>ที่ว่าการอำเภอ โทร. 0 5571 1310
    เทศบาลเมือง โทร. 0 5572 0409
    ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5570 5011, 0 5570 5070
    โรงพยาบาลกำแพงเพชร โทร. 0 5571 1234, 0 5571 4223-5
    สำนักงานจังหวัด โทร. 0 5570 5004-7
    สถานีตำรวจภูธร โทร. 0 5571 1199, 0 5571 6868, 191
    สถานีขนส่งจังหวัด โทร. 0 5579 9103
    ศูนย์ประสานงานและรับแจ้งเหตุ สถานีตำรวจภูธร โทร. 0 5571 6868, 191
    สถานีบริการรถไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โทร. 0 5571 7275
    ททท. สำนักงานภาคเหนือ เขต 4 โทร. 055-514-341-3
    ตำรวจทางหลวง โทร. 055-511-340
    ตู้ยามแม่สอด โทร. 055-532-222
    รพ.กำแพงเพชร โทร. 055-711-232 , 711-234
    รพ.ทุ่งโพธิ์ทะเล โทร. 055-714-098
    รพ.คลองขลุง โทร. 055-781-007 , 711-006
    รพ.ไทรงาม โทร. 055-713-336
    รพ.คลองลาน โทร. 055-786-005
    รพ.ขาณุวรลักษ์บุรี โทร. 055-779-013
    รพ.พรานกระต่าย โทร. 055-761-014
    รพ.ลานกระบือ โทร. 055-769-085
    ไปรษณีย์จังหวัด โทร. 055-711-030</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>*** ข้อมูลต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ก่อนออกเดินทาง กรุณาตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ***</td></tr></tbody></table>


    -http://www.relaxzy.com/province/kamphaengphet/-



    .





    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    :: อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ::

    -http://www.relaxzy.com/province/kamphaengphet/maewong.html-

    <table align="center" border="0" width="100%"><tbody><tr><td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ข้อมูลทั่วไป ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอแม่วงก์ และกิ่งอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร ตามเทือกเขาสูงชันก่อกำเนิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม 4-5 แห่ง ทั้งเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำแม่วงก์ที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีแก่งหินทำให้เกิดน้ำตกเล็กๆ ตามแก่งหินนี้ ตลอดจนมีหน้าผาที่สวยงามตามธรรมชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 558.750 ไร่ หรือ 894 ตารางกิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ด้วย นายสวัสดิ์ คำประกอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือจากสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร 0104/9871 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2526 ถึงปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เถลิง ธำรงนาวาสวัสดิ์) ขอให้จัดพื้นที่ป่าแม่วงก์-แม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ซึ่งมีสภาพธรรมชาติและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง สภาพป่าอุดมสมบูรณ์และเป็นป่าต้นน้ำลำธาร กำหนดเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้มีคำสั่งกรมป่าไม้ที่ 1290/2526 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2526 ให้นายชัยณรงค์ จันทรศาลทูล นักวิชาการป่าไม้ 4 ไปดำเนินการสำรวจหาข้อมูล ปรากฏว่า พื้นที่ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำแม่วงก์ มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกแม่กระสาหรือแม่กี ซึ่งสูงประมาณ 200 เมตร และหน้าผาต่างๆ สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด เหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามหนังสือรายงานผลการสำรวจ ที่ กษ 0713/พิเศษ ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2526</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2528 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2528 เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าคลองขลุงและป่าคลองแม่วงก์ในท้อง ที่ตำบลปางตาไว อำเภอคลองขลุง (ปัจจุบันเป็นอำเภอปางศิลาทอง) จังหวัดกำแพงเพชร และป่าแม่วงก์–แม่เปิน ในท้องที่ตำบลแม่เลย์ และตำบลห้วยน้ำหอม อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ (ปัจจุบันเป็นตำบลแม่เลย์ อำเภอแม่วงก์ และตำบลแม่เปิน กิ่งอำเภอแม่เปิน) เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 104 ตอนที่ 183 ลงวันที่ 14 กันยายน 2530 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 55 ของประเทศ </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ลักษณะภูมิประเทศ ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>สภาพ ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเรียงรายกันอยู่ตามเทือกเขาถนนธงชัยลด หลั่นลงมาจนถึงพื้นราบ ประมาณ 40-50 ลูก ยอดที่สูงที่สุดคือ “ยอดเขาโมโกจู” สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,964 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารต้นกำเนิดของลำน้ำแม่วงก์ ส่วนพื้นที่ราบมีไม่มาก ส่วนใหญ่อยู่บริเวณริมแม่น้ำ และเป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญ เช่น แร่ไมก้า
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style25" bgcolor="#CCCCCC">:: ลักษณะภูมิอากาศ ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>สภาพภูมิ อากาศของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ในช่วงฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศค่อนข้างหนาวเย็น อันเนื่องมาจาก ลิ่มความกดอากาศสูง มาจากประเทศจีน แผ่ลงมาทางตอนใต้ เข้าสู่ประเทศไทยตอนบน และปกคลุมทั่วประเทศ ลมที่พัดสู่ประเทศไทยในฤดูนี้คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนช่วงฤดูร้อนเริ่มต้นจากเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม อากาศค่อนข้างร้อนจัดและมีฝนตกน้อย ทำให้สังคมพืชป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณผลัดใบ สำหรับฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน - เดือนตุลาคม มีปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ย 1,100 มิลลิเมตรต่อปี
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::</td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>สภาพป่าทั่วไปของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ประกอบด้วย
    ป่าเบญจพรรณ จะอยู่บริเวณที่ราบริมฝั่งห้วยและภูเขาที่ไม่สูงนัก พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ สัก เสลา ชิงชัน กระบก กระพี้เขาควาย มะค่าโมง งิ้วป่า ประดู่ป่า กาสามปีก ติ้ว ฯลฯ มีไผ่ชนิดต่างๆขึ้นอยู่หลายชนิด เช่น ไผ่ป่า ไผ่ไร่ ไผ่ซางนวล ไผ่รวก พืชพื้นล่าง เช่น หนามเค็ด ส้มเสี้ยว หนามคนฑา เป็นต้น

    ป่าเต็งรัง ขึ้นอยู่สลับกับป่าเบญจพรรณ พบในช่วงระดับความสูงตั้งแต่ 100-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง กราด มะเกิ้ม ประดู่ มะม่วงป่า มะค่าแต้ พะยอม มะขามป้อม สมอไทย ฯลฯ พืชพื้นล่างที่พบ เช่น ไผ่เพ็ก และปรง เป็นต้น

    ป่าดิบเขา พบขึ้นอยู่ในบริเวณที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,300-1,500 เมตร พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ก่อใบเลื่อม ก่อเดือย ก่อลิ้น ก่อแอบ ทะโล้ จำปาป่า กะเพราต้น หนอนขี้ควาย กำลังเสือโคร่ง ดำดง กล้วยฤาษี และมะนาวควาย เป็นต้น

    ป่าดิบแล้ง ประกอบด้วย ยางแดง ยางนา กระบาก ตะเคียนหิน ปออีเก้ง สมพง กัดลิ้น มะหาด พลอง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีไม้พุ่มและพืชพื้นล่างต่างๆ ที่ทนร่มอีกมากมายหลายชนิด เช่น เข็มขาว หนามคนฑา ว่าน พืชหัวต่างๆ อีกทั้งกล้วยไม้ต่างๆ อีกมากมาย

    ทุ่งหญ้า พบกระจัดกระจายไปตามป่าประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ เกิดจากการทำลายป่าของชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่เคยอยู่อาศัยในพื้นที่ สังคมพืชที่ขึ้นทดแทนในพื้นที่ได้แก่ หญ้าคา หญ้านิ้วหนู เลา สาบเสือ พง แขมหลวง มะเดื่อ ไมยราบเครือ ไมยราบต้น ลำพูป่า หว้า ติ้วแดง งิ้วป่า มะเดื่อหอม เป็นต้น

    เนื่องจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีอาณาเขตติดต่อกับ ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งสัตว์สามารถใช้เส้นทางเดินติดต่อกันได้ ได้แก่ สมเสร็จ เลียงผา กระทิง ช้างป่า เสือโคร่ง เสือดาว หมีควาย หมีหมา ชะนีธรรมดา ค่างหงอก ลิงกัง อ้นเล็ก กระรอกบินเล็กแกมขาว ค้างคาวปากย่น ไก่ป่า เหยี่ยวรุ้ง นกแว่นสีเทา นกกก นกเงือกกรามช้าง นกปรอดเหลืองหัวจุก นกเขาใหญ่ นกกะเต็นอกขาว นกจาบคาเคราน้ำเงิน นกแซงแซวสีเทา เต่าหก เต่าเหลือง เหี้ย ตะกวด งูเห่า งูแมวเซา ฯลฯ</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ที่ตั้งและการเดินทาง :: </td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
    ตู้ ปณ.29 อ. คลองลาน จ. กำแพงเพชร 62180
    โทรศัพท์ : 0 5576 6027, 0 5576 6024</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>รถยนต์</td> </tr> <tr> <td>จาก จังหวัดนครสวรรค์ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ถึงอำเภอขลุงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1242 ไปประมาณ 40 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1072 ไปอีก 10 กิโลเมตร จะพบสี่แยกคลองลาน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1117 ถนนคลองลาน-อุ้มผางประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: แหล่งท่องเที่ยว ::</td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td> อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานไว้ให้บริการเพื่อรองรับการท่องเที่ยว เช่น บริเวณปากคลองแม่กระสา ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 17 กิโลเมตร ได้จัดเป็นสถานที่กางเต็นท์เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาพักได้สัมผัสความ สมบูรณ์ของป่าดิบชื้นและพรรณไม้ป่านานาพันธุ์ และเป็นจุดพักก่อนเดินทางไปชมน้ำตกแม่เรวา ยอดเขาโมโกจู น้ำตกแม่กระสา และน้ำตกแม่กี นอกจากนี้ ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดให้มีทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ

    1) เริ่มต้นจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เดินลัดเลาะลำน้ำคลองขลุงไปสิ้นสุดที่ผาคอยนาง รวมระยะทาง 1.4 กิโลเมตร
    2) เริ่มต้นจากหลังป้ายอุทยานแห่งชาติ เดินผ่านสวนสัก ป่าเบญจพรรณ และมีทางแยกไปแวะชมน้ำตกเล็กๆ ชื่อ ธารบุญมี แล้วมาสิ้นสุดที่จุดเริ่มต้น รวมระยะทาง 3 กิโลเมตร
    3) เริ่มต้นจากหลังป้ายอุทยานแห่งชาติ แล้วมาพบกับเส้นทางที่ 2 ที่น้ำตกธารบุญมี ตลอดเส้นทางเป็นทางขึ้นเขาลงเขา มีจุดพักเป็นช่วงๆ รวมระยะทาง 7.4 กิโลเมตร

    ผู้สนใจเดินตามเส้นทางเหล่านี้ต้องติดต่อลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่ง ชาติที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน รายละเอียดการเข้าร่วม กิจกรรมการเดินป่าในแต่ละปี สามารถดูได้จากเมนูข่าว-กิจกรรม
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม :: </td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top">น้ำตกแม่กระสา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สูงที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ มีความสูงกว่า 1,000 เมตร มีชั้นลดหลั่นถึง 9 ชั้น มีบางชั้นที่มีความสูงถึง 270 เมตร น้ำไหลแรงสวยงามตลอดปี อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 21 กิโลเมตร ต้องเดินเท้าเข้าไป ใช้เวลาเดินไปกลับ 3-4 วัน
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกแม่รีวา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีแอ่งน้ำลักษณะเป็นอ่างกลมกว้างราว 30-40 เมตร รับสายน้ำที่ตกลงมาเป็นชั้นๆ มีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นที่ 3 มีความสูงที่สุดประมาณ 100 เมตร มีสภาพสวยงามมาก น้ำตกแม่เรวาอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 21 กิโลเมตร การเดินทางต้องเดินเท้าไปกลับ 3-4 วัน
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกแม่กี เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 200 เมตร แบ่งเป็นชั้นๆ ถึง 9 ชั้น น้ำไหลเกือบตลอดปี การเดินทางต้องเดินเท้าไปกลับ 3 วัน น้ำตกแห่งนี้ได้รับคำกล่าวชมจากหนังสือ ASEAN MAGAZINE เมื่อปี พ.ศ. 2518 ว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในเอเซีย
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">แก่งผาคอยนาง เป็นแก่งน้ำและแก่งหิน จากถนนคลองลาน-อุ้มผาง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ 1,400 เมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก 400 เมตร จะถึงบริเวณแก่งหินขนาดใหญ่ที่มีลำน้ำคลองขลุงไหลผ่าน ซึ่งเป็นลำน้ำสายหนึ่งในหลายๆ สายที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง จากบริเวณแก่งเดินขึ้นไปตามลำน้ำอีกประมาณ 350 เมตร จะถึง น้ำตกผาคอยนาง น้ำตกขนาดเล็กที่เด่นและสะดุดตา มีน้ำตก 4 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงประมาณ 20 เมตร

    นอกจากน้ำตกแล้วพื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ก็ยังมีแก่งหินปูนมีน้ำไหลลดหลั่นเป็นชั้นเหมาะแก่การท่องเที่ยวเพื่อการพัก ผ่อนในเวลากลางวันและเป็นที่ชมทิวทัศน์ พักรับประทานอาหาร ในบรรยากาศท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่นเย็นสบาย
    บริเวณแก่งผาคอยนางนี้ นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">จุดชมทิวทัศน์ กม.57-115 ตลอดเส้นทางคลองลาน-อุ้มผาง ระหว่างกิโลเมตรที่ 57 - 115 มีจุดชมทิวทัศน์หลายแห่ง เช่น จุดชมทิวทัศน์กิโลเมตรที่ 81 กิโลเมตรที่ 87 กิโลเมตรที่ 93 กิโลเมตรที่ 102 และกิโลเมตรที่ 115 แต่ละแห่งสามารถมองทัศนียภาพที่สวยงามมองเห็นทิวเขาไกลสุดสายตา และสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ โดยเฉพาะกิโลเมตรที่ 93 เป็นจุดที่มีความสูงที่สุดของถนนสายคลองลาน-อุ้มผาง กิโลเมตรที่ 102 มีน้ำตกริมทางสวยงาม มี 4 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงประมาณ 90 เมตร
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">ช่องเย็น (กม.93) เป็นจุดสูงสุดของถนนคลองลาน - อุ้มผาง และเป็นจุดสุดท้ายที่ยานพาหนะเข้าถึง มีความสูงประมาณ 1,340 เมตร จากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียล เนื่องจากบริเวณนี้เเป็นช่องเขาที่มีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา จึงถูกขนานนามว่า “ช่องเย็น” ตามสภาพภูมิอากาศของพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากช่องเย็นมีสภาพอากาศที่เย็นและชื้น จึงพบพันธุ์ไม้ที่ชอบความชุ่มชื้นบริเวณนี้ ได้แก่ กล้วยไม้ เฟิร์น มหัสดำ (Treefern) นอกจากนี้ช่องเย็นยังเป็นถิ่นอาศัยของนกหลากหลายชนิด จึงเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองไทย
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">ยอดเขาโมโกจู ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจูจึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแม่วงก์ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 4-5 วัน แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่โมโกจูก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลายๆ คน ที่จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกนางนวล น้ำตกนางนวลเป็นน้ำตกขนาดกลางที่สวยงาม มีทั้งหมด 4 ชั้น จากช่องเย็นเดินเท้าไปตามถนนสายคลองลาน-อุ้มผาง ประมาณ 6 กิโลเมตร แล้วเดินลงเขา 200 เมตร จะถึงน้ำตก ผู้สนใจติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติที่ช่องเย็น
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกเสือโคร่ง เป็นน้ำตกที่สวยงาม จากช่องเย็นเดินเท้าไปเส้นทางเดียวกับน้ำตกนางนวล โดยเดินต่อจากน้ำตกนางนวล ประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตก
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">บ่อน้ำอุ่น เป็นบ่อน้ำอุ่นที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ น้ำอุ่นมีอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส รัศมีความกว้างประมาณ 4 เมตร มีสัตว์ป่าชุกชุม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 1.5 กิโลเมตร
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: สิ่งอำนวยความสะดวก :: </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายไว้บริการ
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงไว้บริการ
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว
    - บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ รองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 150 คน
    - บริเวณแก่งผาคอยนาง รองรับนักท่องเที่ยวได้ 150 คน
    - บริเวณจุดชมวิวกิ่วกระทิง (ก.ม.81) รองรับนักท่องเที่ยวได้ 50 คน
    - บริเวณช่องเย็น รองรับนักท่องเที่ยวได้ 150 คน
    - บริเวณขุนน้ำเย็น รองรับนักท่องเที่ยวได้ 150 คน
    - บริเวณแก่งลานนกยูง รองรับนักท่องเที่ยวได้ 50 คน
    การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักเต็นท์ได้ กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ที่จอดรถ มีลานจอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>บริการอาหาร อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีร้านค้าสวัสดิการตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ บริการอาหารตามสั่ง และของใช้ที่จำเป็น หากต้องการสั่งอาหารเป็นหมู่คณะหรือจำนวนมาก ต้องสั่งล่วงหน้า ส่วนบริเวณแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่มีร้านค้าและร้านอาหาร
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ระบบสาธารณูปโภค ระบบไฟฟ้า มีใช้บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ส่วนบริเวณแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ยังไม่มีไฟฟ้าใช้
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>












    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    :: อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ::

    -http://www.relaxzy.com/province/kamphaengphet/klongwangjao.html-



    <table align="center" border="0" width="100%"><tbody><tr><td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ข้อมูลทั่วไป ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอคลองลาน กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร และกิ่งอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำปิง มีสัตว์ป่า นานาชนิด ตลอดจนจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตก ถ้ำ หน้าผา โป่งแก๊สธรรมชาติ เป็นต้น มีเนื้อที่ประมาณ 466,875 ไร่ หรือ 747 ตารางกิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ด้วย ฯพณฯ พันโทสนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ไปตรวจราชการ ในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร เกี่ยวกับการบุกรุกทำลายป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองวังเจ้า และป่าคลองสวนหมาก ท้องที่อำเภอคลองลาน และอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2531 ได้บันทึกสั่งการให้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ดังกล่าวเพื่อจัดตั้งเป็นอุทยาน แห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการป้องกัน อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ จังหวัดกำแพงเพชร ได้ประชุมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2531 มีมติเห็นสมควร กำหนดบริเวณป่าดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสภาพธรรมชาติให้อยู่คงเดิม</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>กองอุทยานแห่งชาติได้มี หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กษ 0713/1499 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2531 เสนอกรมป่าไม้มีคำสั่งที่ 1914/2531 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2531 ให้นายวิฑูรย์ อุรัชโนประกร นักวิชาการป่าไม้ 4 สำรวจจัดตั้งป่า บริเวณดังกล่าว และพื้นที่ใกล้เคียงในท้องที่จังหวัดตากเป็นอุทยานแห่งชาติ ผลการสำรวจ ตามหนังสืออุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าที่ กษ 0713(วจ)/11 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2532 รายงานว่าพื้นที่ป่าคลองวังเจ้า ป่าคลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร ได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 488 (พ.ศ. 2515) ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 89 ตอนที่ 175 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2515 และป่าประดาง-วังเจ้า อำเภอเมืองตาก ได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2507) ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 81 ตอนที่ 116 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2507 มีสภาพภูมิประเทศ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามเหมาะสมจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนด บริเวณที่ดินป่าประดาง และป่าวังก์เจ้า ในท้องที่ตำบลเชียงทอง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก และป่าคลองวังเจ้า และป่าคลองสวนหมาก ในท้องที่ตำบลโกสัมพี อำเภอเมืองกำแพงเพชร และตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 107 ตอนที่ 158 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2533 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 63 ของประเทศ </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ลักษณะภูมิประเทศ ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>พื้นที่ อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า อยู่ในเขตรอยต่อ ระหว่างบริเวณเขตเทือกเขาภาคตะวันตก กับบริเวณขอบที่ราบภาคกลาง สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในทิศเหนือ-ใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย ที่ราบอยู่ทางตอนกลางพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะเป็นอ่างกะทะขนาดเล็ก จำนวน 2 แอ่ง พื้นที่ 2,000-5,000 ไร่ แนวเทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เขาเย็น เขาสน เขาเต่าดำ เขาขนุน เขาขาแล้ง เขาอีโละโคะ เขาวังเจ้า เขาปั๋งใหญ่ ดอยลวก และเขาวุ๊งกะสัง เป็นต้น ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 200-1,898 เมตรโดยมียอดเขาเย็นที่อยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่สูงที่สุด พื้นที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ประกอบด้วย 2 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำคลองวังเจ้า ประกอบด้วย คลองแม่ยะมา คลองวังเจ้า คลองขุนหมาก คลองแขยง และลุ่มน้ำคลองสวนหมาก ประกอบด้วย คลองไพร คลองวุ๊งกะสัง คลองพลู คลองอีหมี คลองส้มโอ คลองปั๋งใหญ่ คลองสวนหมาก คลองเต่าดำ คลองผู้ใหญ่เลา คลองนายปู คลองขาแข้ง คลองจำปา คลองตะเนาะ และคลองปางขบ เป็นต้น
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style25" bgcolor="#CCCCCC">:: ลักษณะภูมิอากาศ ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยาน แห่งชาติคลองวังเจ้าได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม ทำให้มีความชื้นในอากาศสูง มีเมฆมาก ฝนตกหนัก มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,318 มิลลิเมตรต่อปี และได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลาง เดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีอากาศหนาวเย็น ท้องฟ้าโปร่ง มีอุณหภูมิต่ำสุดในเดือนมกราคม 14 องศาเซลเซียส และช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงรอยต่อระหว่างลมมรสุมทั้งสอง อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 26 องศาเซลเซียส
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::</td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าปกคลุมด้วยพื้นที่ป่า 5 ชนิด ประกอบด้วย
    ป่าเบญจพรรณ เป็นสังคมพืชที่ปกคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติมากที่สุดประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ พบกระจายตั้งแต่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 200-1,000 เมตร ชนิดไม้ที่พบได้แก่ สัก รกฟ้า แดง ประดู่ และมะกอกเกลื้อน รักใหญ่ เสลา โมกมัน สะทิบ กางขี้มอด ปอตูบหูช้าง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีไผ่ขึ้นปะปนอยู่ด้วย เช่น ไผ่ซางนวล ไผ่ไร่ เป็นต้น เป็นแหล่งอาศัยและหลบภัยของ กระทิง เก้ง กวางป่า เสือปลา หมูป่า สัตว์ฟันแทะต่างๆ ไก่ป่า เป็นต้น

    ป่าดิบเขา พบกระจายบนเขาสูงชันทางด้านทิศตะวันตก ตลอดแนวเหนือ-ใต้ ตั้งแต่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไป ชนิดไม้ที่พบได้แก่ ก่อเดือย ก่อใบเลื่อม ฝาละมี ค่าหด สารภีดอย พะวา โพบาย ก่อหม่น ทะโล้ ฯลฯ พืชพื้นล่างค่อนข้างแน่นทึบ เช่น เฟิน ปอ กระวาน อ้อ แขม หวาย เป็นต้น มีสัตว์ขนาดใหญ่เข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ในบางฤดู เช่น กระทิง และยังมีสัตว์ขนาดเล็กอาศัยอยู่ เช่น กระรอกบินเล็กแก้มขาว กระรอกบินจิ๋วท้องขาว นกพญาไฟใหญ่ นกพญาไฟเล็ก นกไต่ไม้ท้องสีเม็ดมะขาม เป็นต้น

    ป่าดิบแล้ง พบกระจายอยู่บริเวณแนวหุบเขาตอนกลางของพื้นที่ ในระดับความสูงประมาณ 400-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชนิดไม้ที่พบได้แก่ ชุมแสงแดง เสลา ยมหิน กระโดงแดง เติม สะบันงา กระทุ่มน้ำ ลำพูป่า มะเดื่อ ตาว เต่าร้าง ค้อ ฯลฯ เป็นแหล่งอาศัย แหล่งอาหาร และหลบภัยของ กระทิง กวางป่า กระจงหนู เสือไฟ แมวดาว พญากระรอกท้องดำ นกกก นกเงือกกรามช้าง และนกตั้งล้อ เป็นต้น

    ป่าเต็งรัง พบกระจายเป็นหย่อมๆ ตามบริเวณยอดเขาหรือเนินเขาเตี้ยๆ ทางด้านตะวันออกและตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติ ในระดับความสูงประมาณ 200-800 เมตร ชนิดไม้ที่พบได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง กระท่อมหมู ก่อนก ก่อแพะ ส้านใหญ่ มะม่วงหัวแมงวัน ฯลฯ พืชพื้นล่างที่พบเป็นจำพวกหญ้า เช่น หญ้าเพ็ก โจด หญ้าคา หญ้าหนวดฤาษีเล็ก เป็นต้น สัตว์ป่าที่พบได้แก่ หมูป่า เก้ง ตะกวด เต่าเหลือง เป็นต้น

    ป่าสนเขา พบกระจายเป็นหย่อมๆ ตามแนวสันเขาและบนยอดเขาบริเวณตอนกลางตามแนวเหนือ-ใต้ ที่ระดับความสูงประมาณ 900-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชนิดไม้ที่พบได้แก่ สนสามใบ มะก่อ ทะโล้ สารภีดอย ตำเสาหนู เป็นต้น มีสัตว์ป่าเข้าไปใช้ประโยชน์บางฤดู เช่น เลียงผา หมูป่า ลิงกัง ชะมดแผงหางปล้อง เม่นเล็กหางพวง หนูฟานเหลือง เป็นต้น บริเวณแหล่งน้ำและลำคลองต่างๆ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของ นกเงือกกรามช้าง นกหัวขวานเขียวป่าไผ่ นกกะเต็นหัวดำ นกเป็ดผีเล็ก เขียดว้าก กบหนอง กบห้วยขาปุ่ม อึ่งกรายห้วยเล็ก กบทูด อึ่งขาคำ จงโคร่ง อึ่งน้ำเต้า อึ่งอ่างก้นขีด คางคกแคระ เขียดจะนา ปลาจาด ปลาซิวควายแถบดำ ปลาตะเพียนน้ำตก ปลาพลวงหิน ปลาแขยงหิน ปลาช่อน ปลาสลาด ปลากด เป็นต้น</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ที่ตั้งและการเดินทาง :: </td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า
    ตู้ ปณ.69 ปณจ.กำแพงเพชร อ. กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร จ. กำแพงเพชร 62000
    โทรศัพท์ : 0 5571 9318-9, 0 5571 9200, 0 5571 9244 โทรสาร : 0 5559 3201</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>รถยนต์</td> </tr> <tr> <td>การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า มีความสะดวก สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง ดังนี้</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>- จากจังหวัดกำแพงเพชร ไปจังหวัดตากตามถนนสายเอเซีย (A1) ถึงสี่แยกตลาดวังเจ้า แยกซ้ายไปทางบ้านนาโบสถ์ ตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1110 ประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงสามแยกบ้านเด่นคา แยกซ้ายไปทางบ้านหนองแดน และแยกขวาตรงบ้านหนองแดนอีก 7 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ เข้าอุทยานแห่งชาติ ได้สะดวกตลอดทั้งปี</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>- จากจังหวัดกำแพงเพชร ไปจังหวัดตาก ตามถนนสายเอเซีย (A1) ก่อนถึงสี่แยกบ้านวังเจ้า ประมาณ 500 เมตร แยกซ้ายมือไปบ้านโละโคะ ผ่านบ้านหนองแดนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางรวม ประมาณ 30 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์เข้าอุทยานแห่งชาติได้สะดวกตลอดทั้งปี </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: แหล่งท่องเที่ยว ::</td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่ง ชาติคลองวังเจ้า มีเส้นทางเดินป่าเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาธรรมชาติ ดูนก ศึกษาพันธุ์ไม้ นักท่องเที่ยวสามารถแวะพักชมวิถีชีวิตและซื้อของที่ระลึก เช่น ผ้าทอมือ ของชาวเขาเผ่าต่างๆ ที่หมู่บ้านวุ๊งกะสัง หมู่บ้านโละโคะ หมู่บ้านป่าหมาก และหมู่บ้านป่าคา และท่องเที่ยวตามแหล่งท่องทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ดังนี้
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม :: </td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top">น้ำตกคลองวังเจ้า เป็น น้ำตกขนาดใหญ่ของอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า แนวเขตจังหวัดตาก-กำแพงเพชร เป็นน้ำตกชั้นเดียวไหลทิ้งตัวในแนวตั้งฉาก สูงประมาณ 60 เมตร ความกว้างประมาณ 100 เมตร ถือเป็นน้ำตกขนาดกลาง และเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของผืนป่าธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างจากถนนพหลโยธิน 29 กิโลเมตร บนถนนวังเจ้า-โละโคะ หลักกิโลเมตรที่ 29 การเดินทางสะดวก
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">ปากคลองนาคีรี เป็นแก่งน้ำตามธรรมชาติที่สวยงามไหลผ่านโขดหินแกรนิตสีขาวสะอาด สะท้อนแสง เป็นจุดบริเวณที่คลองนาคีรีไหลมารวมกับคลองวังเจ้า
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกคลองสมอกล้วย เป็นน้ำตกขนาดกลาง แต่มีลักษณะเด่นสวยงาม มี 5 ชั้น ชั้นที่ 1 มีความสูง ประมาณ 40 เมตร ทิ้งตัวลงมาในแนวดิ่ง ส่วนชั้นอื่นๆ มีความสูงแตกต่างกันไป เป็นน้ำตกที่มีสีบุษราคัม มีลักษณะสวยงามแฝงด้วยความน่ากลัวอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 800 เมตร เดินทางได้สะดวก
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกเต่าดำ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 3 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงมากกว่า 200 เมตร โดยเฉพาะชั้นที่ 3 มีความสูงประมาณ 270 เมตร มีความสูงรวมกันประมาณ 600 เมตร ชั้นที่ 3 ทิ้งตัวในแนวตั้งฉากสวยงามและยิ่งใหญ่มาก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 34 กิโลเมตร โดยไปทางบ้านโละโคะจนสุดทางที่ป่าไผ่ แล้วเดินลงเขาชันไปอีก 500 เมตร จะถึงน้ำตก การไปท่องเที่ยวน้ำตกเต่าดำหากไปในช่วงฤดูฝน ควรใช้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ เท่านั้น
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">โป่งแก๊สธรรมชาติ เป็นบ่อน้ำร้อน อยู่ห่างจากน้ำตกเต่าดำประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ เป็นโป่งน้ำที่สัตว์ป่าชอบมาอาศัยอยู่ เช่น หมูป่า เก้ง กวางป่า เป็นต้น อุณหภูมิประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">เขากระดาน เป็นหน้าผาของเขาเต่าดำ อยู่ใกล้น้ำตกเต่าดำ มีลักษณะเหมือนมีคนเอากระดานมาเรียงต่อกันเป็นหน้าผาสูงขึ้นประมาณ 300 เมตร
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">ผากลม เป็น หน้าผาสูงชันทุกด้าน 360 องศา มีลักษณะคล้ายเอาแท่งดินสอขนาดใหญ่มาปักไว้บนดินมีลักษณะเด่นงดงามมาก การเดินทางต้องใช้วิธีเดินเท้าห่างจากน้ำเข้ารู ประมาณ 3 กิโลเมตร
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำเข้ารู เป็นชื่อที่ชาวเขาใช้เรียกชื่อบริเวณหนึ่ง ที่มีลักษณะตรงตัว คือ ลำห้วยโละโคะไหลลงมา ถึงบริเวณนี้จะมุดหายเข้าไปในภูเขา เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ไปโผล่อีกด้านหนึ่งของภูเขา จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “น้ำเข้ารู”
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">ถ้ำเขาพนัง เป็นถ้ำขนาดใหญ่อยู่ริมคลองสวนหมากเป็นถ้ำหินงอกหินย้อยสวยงามมากมีความลึกประมาณ100 เมตร
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">ถ้ำเทพพนม เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีสภาพคล้ายถ้ำเขาพนัง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 17 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ วจ.5 (โละโคะ) ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกคลองโป่ง มีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า น้ำตกคลองน้ำแดง เป็นน้ำตกหินชนวนมี 4 ชั้น ชั้นบนสูง 100 เมตร จากบ้านโละโคะต้องเดินเท้าอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ผ่านป่าดิบแล้ง โดยพักแรมในป่าประมาณ 2 คืน ระหว่างทางมีน้ำพุร้อนธรรมชาติให้แวะชม และในฤดูที่มีความชื้นสูงจะพบกล้วยไม้ประเภทลิ้นมังกรขึ้นบริเวณตัวน้ำตก อย่างหนาแน่นสวยงาม
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกกระแตไต่ไม้ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 1.7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสวยงาม มีแอ่งให้เล่นน้ำ และลานหินกว้างสำหรับนั่งพักผ่อน ในบริเวณนั้นจะมีเฟินกระแตไต่ไม้ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตก เส้นทางการเข้าถึงเป็นเส้นทางเดียวกับน้ำตกคลองสมอกล้วย
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกนาฬิกาทราย ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 1.9 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 20 เมตร แต่มีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์สวยงาม มีแอ่งให้เล่นน้ำ บริเวณน้ำตกมีความร่มรื่นของต้นไม้ เส้นทางการเข้าถึงเป็นเส้นทางเดียวกับน้ำตกคลองสมอกล้วยและน้ำตกกระแตไต่ไม้
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">น้ำตกเขาเย็น เป็นน้ำตกชั้นเดียวขนาดใหญ่ มีความสูงเกือบ 1,000 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาเย็น ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติ การเข้าถึงต้องเดินทางจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปหมู่บ้านโละโคะประมาณ 29 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางไปน้ำตกเขาเย็นประมาณ 6 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร จึงจะถึงตัวน้ำตก ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทาง
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">โป่งน้ำร้อน เป็นบ่อน้ำร้อนที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน อยู่ห่างจากน้ำตกเต่าดำประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ เป็นโป่งน้ำร้อนที่สัตว์ป่าชอบมาอาศัยอยู่ เช่น หมูป่า เก้ง กวางป่า เป็นต้น อุณหภูมิประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">จุดชมทิวทัศน์ผาตั้ง อยู่ริมเส้นทางบ้านโละโคะ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 3 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเส้นทางที่จะไปบ้านโละโคะ เป็นจุดที่สามารถมองลงไปเห็นดอยผาตั้ง เหมาะแก่การชมสภาพป่าเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความงามของดวงอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมเขาในยามเย็น
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: สิ่งอำนวยความสะดวก :: </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายให้บริการ
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงให้บริการ
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่อง เที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักเต็นท์ได้ กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ค่ายเยาวชน มีเวทีกลางแจ้ง โรงประกอบเลี้ยง ห้องน้ำและห้องอาบน้ำ สามารถรองรับได้ไม่น้อยกว่า 400 คน
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ร้านขายของที่ระลึก มีร้านขายของที่ระลึก
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>






    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    :: อุทยานแห่งชาติคลองลาน ::

    -http://www.relaxzy.com/province/kamphaengphet/klonglan.html-


    <table align="center" border="0" width="100%"><tbody><tr><td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ข้อมูลทั่วไป ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติคลองลาน ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอคลองลานและอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ครอบคลุมพื้นที่ป่าคลองลานอันสมบูรณ์แหล่งสุดท้ายของจังหวัดกำแพงเพชร ประกอบด้วยภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของน้ำหลายสาย เช่น คลองขลุง คลองสวนหมาก ซึ่งไหลรวมกันลงสู่แม่น้ำปิงและเป็นต้นน้ำตกคลองลานไหลลงสู่คลองขลุง เนื้อที่ประมาณ 187,500 ไร่ หรือ 300 ตารางกิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>สืบเนื่องจากนายเทพ ไสยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีหนังสือ ที่ กส 0215/230 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2521 ถึงปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานผลการไปตรวจราชการที่จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2521 ว่า น้ำตกคลองลาน กิ่งอำเภอคลองลาน เป็นบริเวณป่าต้นน้ำลำธาร และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ขาดการดูแลรักษา และมีการลักลอบตัดไม้ไปใช้สอย หากปล่อยทิ้งไ ว้บริเวณป่าต้นน้ำลำธารก็จะถูกทำลายลงไป ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขา กรมป่าไม้จึงมีหนังสือ ที่ กส 0808/1114 ลงวันที่ 14 เมษายน 2521 แจ้งให้ ป่าไม้เขตนครสวรรค์ตรวจสอบ ซึ่งได้รับรายงานตามหนังสือ ที่ กส 0809(นว)/1596 ลงวันที่ 27 เมษายน 2521 ว่า ได้ทำการสำรวจสภาพพื้นที่บริเวณน้ำตกคลองลานไว้แล้ว เพื่อจะขออนุมัติกรมป่าไม้จัดตั้งเป็นวนอุทยาน เพราะเห็นว่ามีทิวทัศน์สวยงามเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ซึ่งน้ำตกคลองลาน อยู่ในพื้นที่สงวนไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ 40 เปอร์เซ็นต์ ของเขตพื้นที่ศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขากำแพงเพชร กรมประชาสงเคราะห์ ป่าไม้เขตนครสวรรค์จึงได้ประสานงานกับจังหวัดกำแพงเพชรและกรมประชาสงเคราะห์ ขอใช้พื้นที่บริเวณน้ำตกคลองลาน จำนวน 5,000 ไร่ ที่อยู่ในพื้นที่สงวนไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อจัดเป็นวนอุทยาน ซึ่งกรมประชาสงเคราะห์ไม่ขัดข้อง จังหวัดกำแพงเพชรจึงมีหนังสือ ที่ มท 0714/13/13438 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2521 แจ้งให้กรมป่าไม้ดำเนินการจัดตั้งวนอุทยานเพื่อสงวนป่าต้นน้ำลำธารแห่งนี้</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ต่อมากองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 192/2523 ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2523 ให้ นายปรีชา จันทร์ศิริตานนท์ นักวิชาการป่าไม้ 4 ไปทำการสำรวจและจัดพื้นที่บริเวณป่าคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นอุทยานแห่งชาติ ปรากฏว่า พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพป่าทั้งไม้สักและไม้กระยาเลยสมบูรณ์มาก เป็นภูเขาสูงมีธรรมชาติสวยงาม เป็นป่าต้นน้ำลำธารเหมาะสมที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติมีมติในการประชุม ครั้งที่ 1/2525 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2525 เห็นสมควรให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ป่าคลองลานเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินป่าคลองลานในท้องที่ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองลาน และตำบลคลองลานพัฒนา กิ่งอำเภอคลองลาน อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 99 ตอนที่ 191 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2525 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 44 ของประเทศ </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ลักษณะภูมิประเทศ ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>สภาพ ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบ ดินร่วนปนทราย ภูเขาแต่ละลูกเชื่อมโยงติดต่อกับขุนคลองลานซึ่งเป็นจุดสูงสุดในบริเวณนี้ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,439 เมตร สภาพป่าสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของแม่น้ำหลายสาย เช่น คลองขลุง คลองสวนหมาก ไหลรวมกันลงสู่แม่น้ำปิง
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style25" bgcolor="#CCCCCC">:: ลักษณะภูมิอากาศ ::</td> </tr> <tr> <td class="style8" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>สภาพภูมิ อากาศในเขตอุทยานแห่งชาติ ในฤดูร้อนค่อนข้างร้อน ในฤดูหนาวค่อนข้างหนาวอากาศเย็นสบาย ในฤดูฝนมีฝนตกชุก อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 38 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนธันวาคม 17 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ย 1,300 มิลลิเมตรต่อปี
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: พรรณไม้และสัตว์ป่า ::</td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>ป่าคลองลานยังมีสภาพสมบูรณ์เป็นแหล่งสุดท้ายในด้านทิศใต้ของภาคเหนือ ประกอบด้วยชนิดป่าต่างๆ คือ ป่าดิบแล้ง ซึ่งพบกระจายอยู่ทั่วไปที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 500 เมตรขึ้นไป เช่น ขุนคลองลาน ขุนคลองสวนมาก ขุนคลองขลุง ขุนน้ำเย็น ชนิดไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน สมพง ยมหอม พะยอม สมอพิเภก ฯลฯ สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในป่าประเภทนี้ได้แก่ ชะนีมือขาว ช้างป่า หนูหริ่งไม้หางพู่ ปาดลายพื้นเมืองเหนือ กบห้วยขาปุ่ม เต่าปูลู กิ้งก่าบินคอแดง ฯลฯ ป่าดิบชื้น จะพบอยู่ตามริมห้วยที่มีความชื้นสูง ป่าดิบเขา จะพบเป็นหย่อมๆ ป่าเบญจพรรณ สภาพป่าส่วนใหญ่จะเป็นป่าเบญจพรรณผสมป่าดงดิบ ชนิดไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สัก ประดู่ ตะแบก มะค่าโมง และไผ่ชนิดต่างๆ ฯลฯ สัตว์ป่าที่พบในถิ่นที่อยู่อาศัยประเภทนี้ ได้แก่ กระทิง วัวแดง กวางป่า เก้ง ตะกวด ฯลฯ และ ป่าเต็งรัง พบในระดับความสูงประมาณ 400-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชนิดไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง ยอป่า สมอพิเภก รกฟ้า และสมพง ฯลฯ สัตว์ป่าที่พบในป่าประเภทนี้ได้แก่ เขียดหลังปุ่มที่ราบ เขียดอ่อง อึ่งปากขวด เก้ง เป็นต้น</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ในบริเวณทางทิศตะวันตกเฉียง ใต้ของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่าต่างๆ แต่ปัจจุบันทางราชการได้อพยพชาวเขาเหล่านี้มาอยู่พื้นที่ราบที่ทางราชการจัด สรรให้ สภาพพื้นที่จึงถูกปล่อยให้รกร้างและกลายสภาพเป็นป่ารุ่นสอง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็กจำพวกกระแตธรรมดา ค้างคาวขอบหูขาว กระรอก หนูฟันขาว และหนูขนเสี้ยน ส่วนในบริเวณที่เป็นถ้ำ หลืบหิน และหน้าผา เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเฉพาะชนิด เช่น เลียงผา ค้างคาวปีกถุงเคราแดง ค้างคาวมงกุฎเล็ก ค้างคาวแวมไพร์แปลงใหญ่ และค้างคาวหน้ายักษ์ทศกรรณ์ เป็นต้น พื้นที่บริเวณริมลำห้วย และลำคลองที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เป็นแหล่งที่หลบซ่อนหรือถิ่นอาศัยหากินของสัตว์หลายประเภท ได้แก่ กบทูด อึ่งกรายลายเลอะ ตะพาบธรรมดา ปลาสลาด ปลาเวียน และปลาติดดิน เป็นต้น </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: ที่ตั้งและการเดินทาง :: </td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>อุทยานแห่งชาติคลองลาน
    ตู้ ปณ. 22 อ. คลองลาน จ. กำแพงเพชร 62180
    โทรศัพท์ : 0 5576 6022 โทรสาร : 0 5576 6023</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>รถยนต์</td> </tr> <tr> <td>จากกรุงเทพฯ เดินทางโดยรถยนต์ถนนสายเอเซียผ่านจังหวัดนครสวรรค์ก่อนถึงตัวจังหวัด กำแพงเพชร ตรงหลักกิโลเมตรที่ 346 เลี้ยวซ้ายที่ตลาดบ้านคลองแม่ลายเข้าไปตามถนนสายคลอง แม่ลาย-อุ้มผาง ระยะทาง 46 กิโลเมตร ถึงบริเวณสี่แยกตลาดคลองลานจะมีทางแยกขวามือ เข้าไปอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติคลองลาน ซึ่งอยู่ใกล้กับน้ำตกคลองลาน
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: แหล่งท่องเที่ยว :: ด้านธรรมชาติที่สวยงาม :: </td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td>น้ำตกคลองลาน เกิดจากเทือกเขาขุนคลองลาน ซึ่งมียอดสูง 1,439 เมตรจากระดับน้ำทะเล เหนือหน้าผาน้ำตกเป็นที่ราบกว้าง ในฤดูฝนสายน้ำจะไหลจากลำห้วยต่างๆ ประมาณ 5 สาย ลงสู่แอ่งน้ำกลางหุบเขา เกิดเป็นวังน้ำลึกและลำน้ำยาวประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วไหลผ่านหน้าผาลงมาเป็นน้ำตกคลองลาน สูง 100 เมตร กว้างประมาณ 40 เมตร บริเวณใต้น้ำตกเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ซึ่งสามารถลงเล่นน้ำได้ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 800 เมตร
    </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>น้ำตกคลองน้ำไหลหรือน้ำตกปางควาย อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 25 กิโลเมตร จากเส้นทางสายอุ้มผาง-คลองลาน ก่อนถึงอำเภอคลองลาน มีทางแยกด้านขวาเข้าสู่น้ำตก เรียกว่า “ถนนปางควาย” ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร ถึงน้ำตกคลองน้ำไหล ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดกลาง สายน้ำไหลลดหลั่นกันลงมา มีทั้งหมด 9 ชั้น แต่ละชั้นมีแอ่งน้ำและความสูงต่างกัน ลานหินที่นี่กว้างมากเป็นสีนิลวาววับเมื่อตัดกับสายน้ำ ลำธารสวยด้วยโขดหิน ในชั้นที่ 3 น้ำตกจะแยกเป็น 2 สาย ดูสวยงามทางฝั่งขวาไหลลงสู่แอ่งน้ำกว้างประมาณ 3 เมตร เหมาะสำหรับการเล่นน้ำตก
    </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>แก่งเกาะร้อย อยู่ในเส้นทางอุ้มผาง-คลองลาน เข้าทางถนนบ้านโป่งน้ำร้อนเข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร แก่งเกาะร้อยเกิดจากคลองสวนหมากเป็นลำธารสลับด้วยแก่งหิน และหาดทรายขาวสะอาด อยู่ท่ามกลางทิวทัศน์แห่งขุนเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วยแก่งหินตะปุ่มตะป่ำนับร้อยพันก้อนเรียงรายเป็นลานกว้าง ช่วงกลางมีลำธารน้ำใสไหลผ่านเกาะแก่งหินสีเทาหม่นดูสวยงามยิ่ง
    </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>น้ำตกเพชรจะขอ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่นับว่าสวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีความสูงเกือบ 100 เมตร สายน้ำไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ ในหน้าแล้งน้ำจะน้อย การเดินทางจากสามแยกที่เลี้ยวซ้ายไปคลองน้ำไหล ให้ตรงไปตามทางประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ คล.4 (คลองเพชรนิยม) จากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีก 1.5 กิโลเมตร
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td class="style20" bgcolor="#CCCCCC">:: สิ่งอำนวยความสะดวก :: </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#f3f3f3"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"> <tbody><tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>ห้องสุขาชาย มีห้องสุขาชายไว้บริการ
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ห้องสุขาหญิง มีห้องสุขาหญิงไว้บริการ
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ อุทยานแห่งชาติจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่อง เที่ยว การสำรองที่พักเต็นท์สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่พักเต็นท์ได้ กับอุทยานแห่งชาติโดยตรง
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ที่จอดรถ มีลานจอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
    </td> </tr> <tr> <td height="10">
    </td> </tr> <tr> <td>ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
















    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]



    .--------------------------------------------.

    รังแกตอนเย็นๆนะครับ

    หิวมากจริงๆตอนนี้

    เดี่ยวจะดูรูปไป กินไปครับ




    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันอาทิตย์ที่บางครั้งผมอยู่บ้าน อยากกินมาก ขนมจีนซาวน้ำ ผมไปซื้อร้านนี้หลายๆครั้งแล้วครับ อร่อยมากจริงๆ

    [​IMG]
    ขนมจีนซาวน้ำ
    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000087821-


    .----------------------------------------------------.
    .----------------------------------------------------.


    .
    “ขนมจีนบ้านผู้การ” สูตรโบราณ รสทีเด็ด
    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000087821-
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">17 กรกฎาคม 2554 14:36 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">บรรยากาศภายในร้านขนมจีนบ้านผู้การ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> จะทำการทำงานอะไรสมัยนี้ใครก็ว่าจะต้องมีเส้นไว้ก่อนเป็นดี แต่ “ผ่านมาแวะกิน” ก็ไม่รู้จะไปหาเส้นใหญ่เส้นโตได้ที่ไหน ที่พอจะหาได้ก็คงเป็นเส้นขนมจีนที่จะพาไปลองชิมกันในมื้อนี้

    เส้นขนมจีนที่ว่านี้อยู่ที่ร้าน “ขนมจีนบ้านผู้การ” ในละแวกบางลำพู ที่ตั้งขึ้นโดย พันเอกพิเศษรังสรรค์ สุขสโมสร โดยนำสูตรขนมจีนแบบโบราณมาจากคุณแม่มาปรุงให้ลูกค้าได้ชิมกัน ซึ่งภายในร้านก็มีให้ชิมทั้งขนมจีนน้ำพริก น้ำยา ซาวน้ำ และแกงเขียวหวาน รวมถึงยังมีอาหารไทยๆ เมนูอื่นอีกด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขนมจีนซาวน้ำ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ส่วนการตกแต่งร้านนั้นก็เน้นในแนวธรรมชาติ สบายตาและนั่งสบาย มีให้เลือกทั้งชั้นล่าง และชั้นบนที่เป็นห้องปรับอากาศ และยังมีมุมกาแฟสดให้บริการกับลูกค้าด้วย

    มาลองชิมเมนูเส้นๆ กันดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราเลือกสั่ง ขนมจีนซาวน้ำ (40 บาท) ที่เป็นสูตรแบบโบราณ คือนอกจากจะมีเครื่องเคราต่างๆ วางคู่มากับเส้นขนมจีนแป้งหมัก ทั้งสับปะรด กุ้งแห้งป่น ขิงซอย กระเทียมซอย และพริกขี้หนูซอยแล้ว ก็ยังใส่แจงลอนปลากราย ที่ใช้เนื้อปลากรายล้วนๆ มานวดพร้อมกับปรุงรส แล้วปั้นเป็นลูกๆ นำลงไปต้มจนสุกในน้ำกะทิ แล้วตักแจงลอนขึ้นมาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงอื่นๆ ราดด้วยหัวกะทิ เทคนิคในการกินให้อร่อยก็ต้องคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พอลองชิมแล้วแจงลอนนุ่มเด้ง ส่วนตัวขนมจีนนั้นได้รสหอมมัน ได้ความเปรี้ยวหวานจากสับปะรด ความเค็มเล็กน้อยจากกุ้งแห้ง และความเผ็ดจากขิงและพริกขี้หนู

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขนมจีนน้ำพริก</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เมนูถัดมา คือ ขนมจีนน้ำพริก (40 บาท) ทางร้านใช้ถั่วทองคั่วมาต้มแล้วผสมกับเนื้อกุ้งสดที่บดแล้ว นำมาเคี่ยวรวมกัน ใส่หอมแดง กระเทียม แล้วปรุงให้ออกสามรส ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม จากนั้นก็โรยหน้าด้วยหอมทอด และกระเทียมเจียว ลองชิมน้ำพริกจะได้รสชาติแบบสามรส ที่ความเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์มาจากน้ำมะกรูด น้ำมะนาว และน้ำมะขามเปียก กินคู่กับผักเรื่องเคียงอย่าง ถั่วฝักยาวต้ม ผักบุ้งต้ม และหัวปลีซอย ก็เข้ากันเป็นอย่างดี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขนมจีนน้ำยา</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูเส้น ขนมจีนน้ำยา (40 บาท) ที่ตัวน้ำยาจะใช้เนื้อปลาช่อนมาต้มกับสมุนไพรเพื่อไม่ใช้คาว จากนั้นก็แกะมาใช้แต่เฉพาะเนื้อ นำลงไปต้มกับน้ำกะทิ ใส่พริกแกงที่ทางร้านโขลกขึ้นมาเอง โดยใช้กระชาย พริก หอมแดง และกระเทียม นำไปต้มแล้วโขลกให้ละเอียด ก่อนจะนำมาใส่น้ำกะทิที่ต้มกับเนื้อปลา จากนั้นก็ปรุงรส ตักราดมาเสิร์ฟพร้อมกับผักต่างๆ อาทิ ใบแมงลัก ถั่วงอกลวก กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว และผักกาดดอง ลองชิมน้ำยารสชาติเข้มข้นแต่กลมกล่อม ไม่เผ็ดมากเกินไป

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ข้าวผัดปลาสลิด</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากเมนูเส้นๆ แล้ว ก็ลองมาชิมอาหารไทยจานอื่นดูบ้าง อย่างเช่นเมนูนี้ ข้าวผัดปลาสลิด (50 บาท) ที่ใช้ข้าวหอมมะลิมาผัดกับหอมแดงซอยและพริกขี้หนู จากนั้นก็ปรุงรสเล็กน้อย ส่วนปลาสลิดแกะเอาแต่เนื้อแล้วนำไปทอดจนกรอบ ก่อนจะวางมาบนข้าวที่ผัดเสร็จแล้ว เสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาและมะนาวหั่นเป็นชิ้น ลองชิมข้าวผัดรสชาติกลมกล่อมดี เข้ากับปลาสลิดกรอบที่เค็มเล็กน้อย ส่วนถ้าใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านก็บีบมะนาวเพิ่มเติมลงไปได้ตามชอบ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ห่อหมกเนื้อปลา</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ปิดท้ายกับเมนู ห่อหมก (เนื้อปลา 35 บาท พุงปลา 45 บาท) ทางร้านใช้ปลาช่อนมากวนกับพริกแกงที่โขลกเอง นำมาห่อใส่ใบตองที่รองด้วยกะหล่ำปลี โหระพา หรือใบยอ จากนั้นก็นำไปนึ่งด้วยเตาถ่าน ลองชิมห่อหมกก็ได้รสกลมกล่อมหอมมัน เครื่องพริกแกงไม่เผ็ดมาก และยังได้เนื้อปลาแบบเต็มคำ

    แต่ถ้าหากใครที่ยังไม่อิ่ม ทางร้านก็ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ ที่น่ามาลองลิ้มกันอีก อาทิ ข้าวหมูทอดน้ำมันหอย (40 บาท) แกงเขียวหวานไก่ (40 บาท) แกงเขียวหวานหมูพริกขี้หนู (40 บาท) หมี่กรอบ (60 บาท) และ ลอดช่อง (15 บาท) เป็นต้น

    ใครอยากจะมาเพิ่มเส้นอร่อยแบบนี้ให้กับกระเพาะของตัวเอง ก็ตรงกันมาได้ที่ร้าน “ขนมจีนบ้านผู้การ” รับรองว่าจะต้องอิ่มท้องกับขนมจีนอร่อยๆ อย่างแน่นอน

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ร้าน “ขนมจีนบ้านผู้การ” ตั้งอยู่ที่ 147/20 ถ.ไกรสีห์ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. การเดินทางจากเทเวศร์ ให้ตรงมาบนถนนสามเสน จนถึงสี่แยกบางลำพูแล้วตรงมาอีกเล็กน้อย สังเกตจะมีซอยทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าถนนไกรสีห์ แล้วตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดถนน ให้สังเกตทางขวามือร้านจะตั้งอยู่ริมถนน มีป้ายให้เห็นชัดเจน บริเวณหน้าร้านไม่มีที่จอดรถ แต่สามารถจอดได้ที่จอดรถของกทม. ฝั่งตรงข้าม (เสียค่าบริการ) ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00-16.00 น. โทร. 0-2280-7111, 0-2629-5745
    </td></tr></tbody></table>



    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000087821-

    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000087821

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    หลวงพ่อศิลา วัดทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินจำนวน ๑ ไตร
    ให้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงสุดสาคร ตู้จินดา
    เพื่อเชิญไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
    วันอาทิตย์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๐ น.
    ในโอกาสนี้ จึงขอเรียนเชิญท่านไปร่วมเป็นเกียรติ และอนุโมทนาโดยทั่วกัน



    หลวงพ่อศิลาเป็น พระพุทธรูปคู่บ้าน คู่เมืองทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย หลวงพ่อศิลา เป็นพระพุทธรูปศิลานาคปรก ปางสมาธิ ประทับนั่งขัดสมาธิราบอยู่บนฐานพญานาค ๓ ชั้น มี ๗ เศียร แกะสลักจากหินทรายสีเทา โดยฝีมือช่างศิลป์สมัยลพบุรี มีลวดลายแบบศิลปะลพบุรี สันนิษฐานว่ามีอายุกว่า ๘๐๐ ปี ได้ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ โดยชาวบ้านที่มีอาชีพเก็บมูลค้างคาวจากถ้ำเจ้ารามและในปีเดียวกันนั้นเองได้ อัญเชิญมาประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งเสลี่ยม จนถึงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๐ ได้ถูกโจรกรรมหายไปจากวัดและสามารถติดตามกลับคืนมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๓๙ ประชาชน มีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อศิลาในด้านต่างๆ เฉกเช่น ๑) ด้านการประสบผลสำเร็จในชีวิต ๒) ด้านการแก้ไขปัญหาชีวิต ๓) ด้านการขอโชคลาภ ๔) ด้านหน้าที่การงาน ๕) ด้านการเรียน ๖) ด้านการประกอบธุรกิจ หลวงพ่อศิลา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อยามเดือดร้อนด้วยเรื่องนานาประการ รวมทั้งที่ได้อธิษฐานขอพรให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต

    -http://www.luangporsila.com/-


    ------------------------------------------


    ประวัติหลวงพ่อศิลาวัดทุ่งเสลี่ยม

    [​IMG]


    หลวงพ่อศิลา เป็นพระพุทธรูปนาคปรก ปางสมาธิสลักจากหินทรายสีเทา.......... สวมมงกุฎเทริดติ่งหูทั้งสองประดับด้วยตุ้มหูทรงกรวย ต้นแขนทั่้งสองข้าง ประดับกำไล นั่งสมาธิบนฐาน 3 ชั้น มีพยานาค 7 เศียร ปรกอยู่เหนือเศียร หน้าตักกว้่้าง 44 ซ.ม. สูง 85.50 ซ.ม. ( จากฐานนาค ถึงเศียรนาค ) เป็นศิลปลพบุร ีแบบบายน สันนิฐานว่าสร้างประมาณปี พ.ศ. 1300-1800 มีชื่อเป็นทางการว่าพระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิ ( หลวงพ่อศิลา) ****** เดิม หลวงพ่อศิลาประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำเจ้ารามซึ่งเป็นถ้ำหินธรรมชาติ ขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีค้างคาวพันธ์บัวอาศัยอยู่เป็๋็นจำนวนมาก ถ้ำเจ้ารามอยู่บริเวณรอยต่อของอำเภอทุ่งเสลี่ยม อำเภอศรีสำโรง

    [​IMG]

    อำเภอบ้านด่านลายหอย อยู่ห่างจากอำเภอทุ่งเสลี่ยม ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 23 กิโลเมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ มีโบราณวัตถุและพระพุทธรูปเก้่าแก่อยู่ภายในมากมาย ในอดีตมีเรื่ิืื่องเล่าสืบกันว่า ได้มีชาวบ้านได้ไปหามูลค้างคาวในแถบ ถ้ำเจ้าราม ได้พบกับพระธุดงค์รูปหนึ่ง ซึ่งเล่าให้ฟังว่า ภายในถ้ำเจ้ารามมีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่หลายองค์ และมีองค์หนึ่งมีความงดงามโดดเด่นกว่าองค์อื่น เป็นพระพุทธรูปศิลานาคปรก เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน ก็นำเรื่องมาเล่าให้กับพระอภัยเจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยม จึงได้หารือผู้ใหญ่บ้านความ ได้ล่วงรู้ถึงครูบาก๋วน เจ้าอาวาส วัดแม่ปะหลวง จนเมื่อปี พ.ศ.2472 จึงได้รวบรวมผู้คนเดินทางไปถ้ำเจ้ารามได้้ทำพิธีอันเชิญ ถ้ำเจ้่าราม


    [​IMG]

    พระพุทธรูป ออกจากถ้ำ และนำอัญเชิญรอนแรมมาจากป่าด้วยความบากลำบาก ผ่านหนองปลาวซิว ( บ้านห้วยทรายปัจจุบัน) หนองส้มป่อย ( บ้านน้ำดิบปัจจุบัน ) เพื่อนำเอาพระพุทธรูปมาไว้ที่วัดจนกระทั่งถึงอำเภอทุ่งเสลี่ยมเมื่อชาวบ้าน อำเภอทุ่งเสลี่ยม รู้ข่าวจึงพากันจัดขบวนดนตรีพื้นเมือง และขบวนฟ้อนรำมาต้อนรับด้วยความปลึ้มปิติจวบจนขบวนอันเชิญพระพุทธรูปนาคปรกมาถึงบริเวณวัดทุ่งเสลียม ก็เกิดปาฎิหาริย์ขึ้น เมื่ื่อท้องฟ้าที่แจ่มใส แสงแดดที่ร้อนแรงของเดือนเมษายน ก็มืดคลึ้ม และเกิดฝนตกอย่างหนักเป็นเวลานาน
    เมื่อฝนหยุดตกก็มีฝูงค้างคาว บินมาวนเวียน เหนือบริเวณวัดแล้วจึงบินกลับ ถ้ำเจ้าราม ชาวบ้านได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของ พระพุทธรูป ศิลา จึงไม่ยอมให้ให้ครูบาก๋วนอัญเชิญกลับ ไปอำเภอเถิน เจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยม จึงได้ หารือเจ้าคณะอำเภอสวรรคโลก ซึ่งเจ้าคณะ อำเภอได้ตัดสินให้ประดิษฐานไว้ ณ วัดทุ่งเสลี่ยม ชาวบ้านจึงได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปนาดปรกองค์นี้ว่า หลวงพ่อศิลา

    วิหารวัดเดิม

    ต่อมาไดเกิดเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น วันที่ 29 ตุลาคม 2520พระพุทธรูปศิลา
    ได้ถูกโจรกรรม และหายสาปสูญไปอย่างไร้ร้่องรอย และต่อมาได้มีกลุ่มอนุรักษ์ชาวไทย ในลอนดอนได้พบภาพ พระพุทธรูปศิลาจากสถาบันการประมูลวัตถุโบราณจึงได้ส่งจดหมายพร้อมภาพถ่ายของพระสิลา ถึงนิตยสารศิลปวัฒธรรมและได้ ตีพิมพ์ฉบับวันที่ 6 เดือน เมษายน 2538พร้อมแสดงความคิดเห็นว่าน่าจะเป็น



    [​IMG]
    มณฑปประดิษฐานหลวงพ่อศิลา


    วัตถุที่ลักลอบนำมาจากเมืองไทย...... จากเบาะแสดังกล่าวทำให้ชาวทุ่งเสลี่ยม ตื่นตัวที่จะติดตามเอาคืน จึงเริ่มดำเนินการตรวจสอบ อย่างจริงจัง จากการดำเนินการ ติดตามที่จริงจังทั้ง จากภาค รัฐและเอกชน ที่ให้การสนับสนุนทำให้สามารถติดตาม เอาพระศิลากลับคืนมาได้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2539 คณะทำงานได้ ้อัญเชิญ ขึ้นน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีกาญจนาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2540 และพระองค์ทรง พราทานให้นำพระพุทธรูป กลับคืนไป ประดิษฐาน ณ วัดทุ่งเสลี่ยมดังเดิม ทำให้คนไทยเริ่มเป็นที่รู้จักพระศิลามากขึ้น และได้อัญเชิญหลวงพ่อกลับถึงวัดทุ่งเสลี่ยม เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2540 และทุกวันที่ 24 ของทุกปีจะมีการจัดงานฉลองสมโภช หลวงพ่อศิลาเป็นประเพณี.....................



    -http://tslpolice.com/room26.htm-





    .








    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>


    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันจันทร์แจ่มใสครับ




    .
     
  11. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ ครับ
     
  12. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    เหตุใกล้ตัว หมอนรองกระดูกทับเส้น

    วันจันทร์ ที่ 18 กรกฎาคม 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen4 style="LEFT: 0px; POSITION: relative; TOP: 0px; -webkit-border-horizontal-spacing: 2px; -webkit-border-vertical-spacing: 2px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY style="VERTICAL-ALIGN: middle"><TR id=ext-gen3><TD class=" on" id=ext-gen9 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 2px; FONT-SIZE: 12px; PADDING-BOTTOM: 0px; WIDTH: 72px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Verdana, Geneva, Arial, Helvetica, sans-serif">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    'หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท' เป็นอีกอาการป่วยที่ได้ยินกันบ่อยๆ ใครโชคไม่ดีได้เป็นแล้วก็จะปวดหลัง บางรายลามลงขา ถึงขั้นชาและหมดแรง เกิดจากหมอนรองกระดูกซึ่งมีหน้าที่รองรับแรงกระแทกของกระดูกสันหลังเกิดเสื่อมสภาพจนสูญเสียความยืดหยุ่น เมื่อมีแรงกระแทกก็จะทำให้หมอนรองกระดูกเกิดการนูนหรือฉีกปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาทที่อยู่ด้านหลัง

    สำหรับสาเหตุนั้น นพ.นันทเดช หิรัณยัษฐิติ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ รพ.บำรุงราษฎร์ เผยว่า หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทอาจเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมใกล้ตัวที่หลายๆ อาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน

    คุณหมอนันทเดช ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวมากๆ ให้ฟังว่า เพียงแค่การจามแรงๆ แบบไม่ทันตั้งตัว คนท้องผูกที่ออกแรงเบ่งเพื่อขับถ่ายจนเกิดความดันในช่องท้อง หรือแม้กระทั่งการเดินทางไกลที่ต้องนั่งหรือนอนนานๆ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า พอถึงที่หมายก็รีบยกกระเป๋าสัมภาระน้ำหนักมาก ทั้งๆ ที่ขณะนั้นกล้ามเนื้อหลังหรือแม้กระทังกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ยังคงอ่อนล้า ไม่พร้อมกับการใช้แรง ด้วยเหตุนี้อาจส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลังก็อาจเคลื่อนทับเส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวดแปลบๆ

    หากไม่อยากให้หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แสดงว่า ก่อนจะจามต้องตั้งตัวให้ดี หรือห้ามท้องผูก ห้ามยกของหนักๆ เด็ดขาดหรือ? คุณหมอนันทเดช ไขข้อสงสัยว่า พฤติกรรมใกล้ตัวดังตัวอย่างอาจทำให้หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ก็ต่อเมื่อร่างกายของคนๆ นั้นกำลังอ่อนแออยู่ด้วย

    กรณีที่โชคไม่เข้าข้าง เกิดป่วยด้วยอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจะทำอย่างไร ต้องผ่าตัดเปิดหลัง กลายเป็นเรื่องใหญ่เชียวหรือ? คุณหมอนันทเดช บอกแนวทางการรักษาว่า มีหลายวิธีทั้งกินยา ทำกายภาพ ฉีดยา ผ่าตัดผ่านกล้องเอ็นโดสโคป ที่มีรอยแผลเล็กแค่ 8 มิลลิเมตร และการผ่าตัดเปิดหลังแบบเก่า ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของโรคและความชำนาญของแพทย์ด้วย

    และนับจากนี้ไป คนไทยที่ป่วยจากหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หรือปวดหลังจากสาเหตุอื่นๆ คงพอเบาใจในด้านการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในประเทศ เนื่องจาก รพ.บำรุงราษฎร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ รพ.เซนต์ แอนนา ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเทคนิคใช้กล้องเอ็นโดสโคปผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลัง และบริษัท ริชาร์ด วูล์ฟ ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ระดับสูงของเยอรมนี ในการแต่งตั้งศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดกระดูกสันหลังผ่านกล้องฯ ของภูมิภาคเอเชียที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ให้แพทย์ในสถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์สามารถฝึกอบรมเทคนิคดังกล่าวให้กับแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ อย่างนี้แสดงว่า ต่อไปบ้านเราจะมีแพทย์รักษาหมอนรองกระดูกสันหลังด้วยเทคนิคเอ็นโดสโคปมากขึ้นนั่นเอง.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์





     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG]
    เจ้าของร้านฮกกี่เหลา ใจดีมากๆ ก่อนไปตรังผมแวะไปทานติ๋มซำ และบะกุ๊ดเต๋อีกครั้ง แต่หนนี้พิเศษตรงที่โกฮงเขาคงเห็นผมคุยถูกใจ เลยถามว่า ชอบทานกระเพาะหมูไม๊ ผมก็ว่า ได้ครับ เขาไปหยิบกระเพาะหมูใบใหญ่จากในหม้อต้ม ปรากฎว่า เขาเอาส่วนของ"โต๋วเจียม"มาให้ผม กระเพาะส่วนนี้เป็นส่วนต้นกระเพาะ ถือเป็นยารสเย็น บางแห่งจะแบ่งไว้ขายอีกราคาหนึ่งต่างหากจากกระเพาะหลัก โกฮงเขาให้มา ๒ ชิ้น แถมมาให้แบบเต็มใจเลย มื้อเช้านั้นเลยได้รู้สึกถึงอาหารที่มีพลังชีวิต ได้ลิ้มรสไปถึงจิตวิญญาณคนทำอาหารที่เป็นผู้ให้อีกคนหนึ่ง โกฮงได้พูดเปรยๆขึ้นมาถึงตัวยาจีนที่ใช้ และสรรพคุณที่เข้ากันของตำรับยาที่ใช้ปรุง บังเอิญว่า จำมาได้หมด และรู้ถึงเคล็ดลับน้ำซุปของร้านฮกกี่เหลา โกฮงใช้หลักอาหารเป็นยา ผมได้ลองไป search หาสูตรบะกุ๊ดเต๋ ก็ไม่มีร้านไหนเหมือนร้านนี้ ผมเชื่อว่า ที่สิงคโปร์ก็ไม่น่าจะมีสูตรนี้ ผมขอปิดความลับน้ำซุปเอาไว้ก่อน บ่ายนี้ผมเลยไปหาซื้อเครื่องยาจีนมาทำบะกุ๊ดเต๋สำหรับมื้อค่ำนี้ นี่ครับเครื่องยาจีน เย็นนี้ตุ๋นเสร็จ จะยกเสริฟในกระทู้อีกทีครับ...หุ...หุ........

    เครื่องยาจีนที่ส่วนมากปิดกัน มีตังกุย ฮ่วยซัว เก๋ากี้ ปั๊กคี้ เง็กเต็ก โต่วต๋ง ชวงเกียง กำเช่า โป๊ยกั๊ก แปะเจียก โอวเส็กตี่ อบเชยเทศ เนื่องจากตัวยาโป๊ยกั๊กหมด เลยใช้ผงเครื่องเทศยาจีนที่บดเรียบร้อยแล้วซึ่งมีโป๊ยกั๊กเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว เลยถือว่าครบถ้วน...

    ที่ผมนำมาบอกเล่านี้ อยากจะอุปมาว่า การบอกสูตรตำรับยา ก็เหมือนบอกตำหนิทรงพิมพ์ของพระพิมพ์สกุลวังหน้า แต่ลึกๆสิ่งที่ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้งก็จะขาดรายละเอียดสำคัญเฉกเช่นเคล็ดลับน้ำซุปที่ใช้ปรุงร่วมกับเครื่องยาจีน ซึ่งน้ำซุปนี้อาจจะเปรียบเป็นเช่นดั่งน้ำกระสายยา ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ หรือสรรพคุณของตัวยาให้ดีขึ้น ทานง่ายขึ้น รสชาดดีขึ้น เป็นต้น นี่แหละครับ ที่บางท่านบอกว่า พระพิมพ์ก็เหมือนๆกัน บางทีดูเหมือน แต่มันไม่ใช่ครับ!!!


    สิ่งที่ผมปรับจากของโกฮง และร้านอื่นๆคือ เขาใช้กระดูกอ่อน หรือซี่โครงหมูกัน ของผมใช้เนื้อขาหน้าที่มีส่วนคล้ายเอ็น แต่ก็ไม่ใช่เอ็น แทรกอยู่ในเนื้อ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010252.JPG
      P1010252.JPG
      ขนาดไฟล์:
      269.3 KB
      เปิดดู:
      46
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2011
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า เห็นแล้วอยากกินอีกแล้ว

    รอชมอยู่นะครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    7 ปัจจัยเสริมให้เกิดเรื่องลวงๆ จากท้องฟ้า <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">18 กรกฎาคม 2554 07:42 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ปรากฏการณ์ “หลุมเมฆ” ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด (Gary Beeler) </td> </tr> </tbody></table>

    แสงประหลาดจากท้องฟ้า สัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวหรือกองทัพเอเลี่ยนบุก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ และเมื่อค้นหาต้นตอและพิจารณากันดีๆ จะพบว่า เราสามารถอธิบายถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ โดย Life's Little Mysteries เว็บไซต์เครือข่ายของสเปซด็อทคอม ได้รวบรวมอันดับ 7 ปัจจัยที่เสริมให้เกิดเรื่องลวงๆ จากท้องฟ้า ดังนี้

    อันดับ 7 ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า
    ข่าวลือเรื่องพบยานบินยูเอฟโอที่เล่ากันปากต่อปากนั้น บางครั้งอาจมีต้นตอจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า “สไปรท์” (Sprite) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ฟ้าแล็บฟ้าผ่าในบรรยากาศชั้นสูงที่เกิดจากระหว่างฝนฟ้า คะนอง โดยสไปรท์เกิดขึ้นฉับพลันเมื่อฟ้าแลบฟ้าผ่าจากพายุฝนกระตุ้นสนามไฟฟ้าที่ อยู่เหนือขึ้นไป แล้วทำให้เกิดแสงวูบวาบที่สว่างไสว

    อันดับ 6 การทดสอบจรวดมิสไซล์
    เมื่อปี 2009 เคยมีแสงปรากฏลักษณะเป็นเกลียวอยู่เหนือท้องฟ้าทางตอนเหนือของนอร์เวย์ และมีลำแสงเขียว-น้ำเงินพุ่งออกจากใจกลางเกลียวแสงนั้น ให้ท้องฟ้าเกิดแสงสว่างเป็นริ้วคลื่นคล้ายหยดน้ำกระเพื่อมอยู่บนฟ้า บางคนจินตนาการว่าเป็น “รูหนอน” เปิดสู่มิติอื่น แต่แท้จริงแล้วคือปฏิบัติการยิงจรวดมิสไซล์ของรัสเซียที่ผิดพลาด กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมายอมรับเรื่องนี้

    อันดับ 5 เมฆรูปทรงแปลกๆ
    รูปทรงเมฆชวนให้เราจินตนาการไปได้ต่างๆ นานา และ “หลุมเมฆ” (hole-punch cloud) เป็นอีกปรากฏการณ์ที่หลายคนเข้าใจผิดเพราะมีลักษณะคล้ายจานบินมนุษย์ต่างดาว ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมฆเซอร์รัส (cirrus) ซึ่งเป็นเมฆชั้นสูง ภายในเมฆมีผลึกน้ำแข็งและละอองน้ำที่เป็นของเหลวแต่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุด เยือกแข็ง การรวมตัวขององค์ประกอบในก้อนเมฆเหล่านี้เป็นไปอย่างซับซ้อน และเมื่อถูกรบกวนทั้งจากลมหรือการเดินทางของเครื่องบิน จึงทำให้ละอองน้ำเหล่านั้นแข็งตัวหรือระเหิดในทันที แล้วกลายเป็นหลุมดังที่เห็น

    อันดับ 4 บอลลูน
    หลายครั้งความเข้าใจผิดว่ามีกองทัพมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกเกิดจาก บอลลูนที่ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแล้วทำให้เกิดแสงสะท้อนแปลกๆ ดังเช่นกรณีบอลลูนฮีเลียม 12 ลูกหลุดจากงานเลี้ยงเฉพาะให้ครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เมื่อปี 2010 ทำให้เกิดข่าวลือเรื่องพบยูเอฟโอตามมาในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลังเกิดเหตุ โดยบอลลูนได้ลอยไปไกลจากจุดเดิมกว่า 20 กิโลเมตร

    อันดับ 3 ดาวศุกร์
    เพราะดาวเคราะห์ในลำดับที่ 2 ของระบบสุริยะนี้มีความสว่างมากบนท้องฟ้า และเรามักจะเห็นดาวเคราะห์เพื่อนบ้านนี้ส่องแสงสว่างบนท้องฟ้าในช่วงพระ อาทิตย์ตกดิน ซึ่งดูคล้ายกับแสงที่ร่อนไปมาอย่างช้าๆ ในยามเย็น ทั้งนี้เนื่องจากดาวศุกร์อยู่ในวงโคจรด้านในถัดจากวงโคจรของโลกจึงทำให้ดู คล้ายดาวเคราะห์กำลังเคลื่อนไหวไวๆ อยู่ด้านใดด้านหนึ่งของดวงอาทิตย์

    อันดับ 2 เครื่องบิน
    บางครั้งแสงสะท้อนจากไอพ่นของเครื่องบินก็ชวนให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิด และถ้านักบินเป็นผู้พบเห็นปราฏการณ์แปลกๆ บนท้องฟ้า ย่อมปลุกเร้าให้เกิดความตื่นเต้น แต่บ่อยครั้งที่พบว่าแสงประหลาดที่นักบินเห็นนั้นเป็นเพียงแสงสะท้อนจาก เครื่องบินลำอื่นหรือเป็นแสงวาบจากเครื่องบินวิจัยสภาพอากาศ

    อันดับ 1 การทดลองทางการทหาร
    บ่อยครั้งที่ความเข้าใจผิดเกิดจากการทดลองทางการทหาร โดยเฉพาะช่วงปลายทศวรรษ 1940 ถึงต้นทศวรรษ 1950 เป็นช่วงที่มีรายงานการพบจานบินยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวในนิวเม็กซิโก สหรัฐฯ มากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเช่นนั้นเพราะกองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ทำการวิจัยลับสุดยอดในช่วงเวลาดังกล่าว ตัวอย่างเช่น โครงการโมกุล (Project Mogul) ที่สหรัฐฯ ปล่อยบอลลูนติดไมโครโฟนลอยขึ้นฟ้าเพื่อดักคลื่นเสียงที่เกิดจากการทดลอง ระเบิดปรมาณูของโซเวียต และการชนกันของบอลลูนเหล่านั้นเมื่อปี 1947 ทำให้เกิดเศษซากที่เชื่อกันว่าคือชิ้นส่วนยูเอฟโอ และเป็นจุดเริ่มต้นของ “เหตุการณ์ยูเอฟโอตกที่รอสเวลล์” (Roswell UFO Incident) เป็นต้น

    .

    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000086943-

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่ทราบว่า รัฐบาลไทย หลายๆสมัย ทำอะไรกันอยู่

    กี่ปีมาแล้ว ตั้งแต่การตัดสินว่า เขาพระวิหาร ตกเป็นของเขมร

    ตั้งแต่รัฐบาลชุดนั้น จวบจนรัฐบาลชุดล่าสุด

    ทำอะไรกันครับ

    ตายไปพบปู่ย่าตายายที่ช่วยกันรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ จะไปมองหน้าปู่้ย่าตายายที่ช่วยรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ด้วยชีวิตได้อย่างไร



    .------------------------------------------------------.

    ศาลโลกสั่งไทย-เขมร ถอนทหารพ้นเขาพระวิหาร


    [​IMG]

    ศาลโลกสั่งไทย-เขมร ถอนทหารพ้นเขาพระวิหาร (ไอเอ็นเอ็น)

    ศาลโลกมีมติให้มีการถอนกำลังทหารของทั้งไทยและกัมพูชา ออกจากพื้นที่พิพาท ใกล้กับปราสาทพระวิหาร

    นาย ฮิซาชิ โอวาดะ ประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ระบุ ศาลมีอำนาจรับคำร้องของกัมพูชา และไม่ติดใจมาตร 60 กรณีไทยท้วงกัมพูชาว่า ไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้อง แม้เวลาผ่านมานานเกือบ 50 ปี พร้อมประกาศมติ การตัดสินร่วมกันของคณะผู้พิพากษาศาลโลก ทั้ง 16 คน โดย...

    [​IMG]1. มีมติ 9 ต่อ 5 ให้ทหารทั้งประเทศออกมาตรการชั่วคราว เพื่อให้ทหารทั้งสองฝ่ายปฏิบัติร่วมกัน และออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร

    [​IMG]2. มติ 11 ต่อ 5 ให้สองฝ่ายถอนทหารจากพื้นที่รวมภูมะเขือ และครอบคลุม พ.ท.4.6 ตร.กม. ใกล้กับปราสาทพระวิหาร และต้องทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างสันติภาพในพื้นที่

    [​IMG]3. มติ 15 ต่อ1 ไม่ให้ไทยขัดขวางการดำเนินการของกัมพูชา

    นอกจากนี้ ศาลยังได้กำหนดเขตปลอดทหารตามแผนที่ที่ศาลแนบมา และให้คณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียดำเนินการโดยทันที

    ทั้ง นี้ หลังจากมีคำพิพากษาออกมาดังกล่าวทางวิทยุบายนต์ ประเทศกัมพูชา FM 95.00 MHz. รายงานข่าว การตัดสินของศาลโลก โดยการถ่ายทอดเสียงผ่านเครือข่ายกว่า 20 สถานีทั่วประเทศกัมพูชา ระบุว่า เป็น ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ที่ขับไล่ทหารไทยออกไปไทย ส่วนทหารกัมพูชาจะยังคงตรึงกำลังอยู่ในที่เดิม ขอให้พี่น้องประชาชนชาวกัมพูชา มั่นใจว่าปราสาทพระวิหารจะเป็นของเราแน่นอน

    ด้านนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศระบุว่า ตนพอใจในการกำหนดเขตปลอดทหารของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก เพราะเป็นการสั่งหยุดยิงถาวรระหว่างไทยและกัมพูชา

    อย่างไรก็ตาม บรรยากาศล่าสุด ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังมติศาลโลกออกมา แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีทั้ง 2 ฝ่าย แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เพื่อเล่นการพนันอยู่ในบ่อนคาสิโน ทั้ง 2 แห่งติดเขตชายแดนไทย ต่างทยอยเดินทางกลับอย่างรีบเร่ง โดยหวั่นว่า จะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น บางรายยังไม่สามารถซื้อสินค้ามาได้อย่างที่ตั้งใจ ทำให้หลาย ๆ คนเสียโอกาส ในขณะที่พ่อค้า แม่ค้า ชาวกัมพูชาที่ตลาดช่องจอมต่างทยอยปิดร้าน แล้วเดินทางกลับประเทศกัมพูชาทันที ก่อนที่ด่านฯ จะปิดในเวลา 20.00 น. โดยบอกต่อผู้สื่อข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่สั่งให้ปิดแล้วให้รีบกลับบ้าน เกรงจะเกิดเหตุการณ์สู้รบขึ้น


    กต.พร้อมรับมือ ศาลโลกตัดสินพระวิหาร

    รอง อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยหากศาลโลกสั่งไทยถอนทหาร ต้องรอรัฐบาลตัดสิน เตรียมท่าทีรับมือ คำตัดสินศาลโลกไว้แล้ว ด้าน โฆษก ทภ.2 ยันทหารไม่เพิ่มกำลังในพื้นที่ชายแดน พร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ สั่งคุมเข้ม - จับตาความเคลื่อนไหวกัมพูชาใกล้ชิด

    นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่า การ พิจารณาของศาลโลก วันนี้ (18 กรกฎาคม) ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะตัดสินออกมารูปแบบใด หากว่ามีการให้ถอนทหารไทยตามคำร้องของกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้นการดำเนินการอย่างไร จะต้องเป็นการตัดสินใจระดับประเทศ ก็คือ รัฐบาล ต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ ต่อไป แต่โดยหลักการแล้ว หากศาลโลกกำหนดไว้อย่างไร ในฐานะเป็นสมาชิกยูเอ็น ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง

    ส่วนสถานการณ์แนวชายแดนไทย-เขมรนั้น ทุกฝ่ายได้เตรียมท่าที ไว้รับมือข้อดีข้อเสียเอาไว้แล้วจึงไม่กังวล สรุปว่าต้องรอกระบวนการพิจารณาของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนหากว่ามีคำตัดสินของศาลโลก ต้องเข้าใจว่าครั้งนี้เป็นมาตรการชั่วคราวของศาลโลกเท่านั้น ส่วนคดีหลักนั้นยังไม่ได้เริ่มพิจารณา ซึ่งคดีหลักสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ สามารถเสนอให้ศาลได้ตลอเวลา นี่คือสาระของคดีหลัก แต่วันนี้เป็นแค่มาตรการคุ้มครองชั่วคราวเท่านั้น

    ด้าน พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาค 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดน ก่อนที่จะมีการตัดสินของศาลโลก กรณีที่ กัมพูชา ยื่นคำร้องให้ พิจารณาออกคำสั่งชั่วคราวให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ว่า ตามแนวชายแดน ประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย กำลังเฝ้ารอการตัดสินของศาลโลกในวันนี้ โดยที่ฝ่ายไทยไม่มีการเสริมกำลังแต่อย่างใด ยืนยันว่ากำลังที่มีอยู่เพียงพอกับการปกป้องอธิปไตย แต่มีการเข้มงวดเรื่องการเฝ้าเวรยามตามจุดต่าง ๆ มากขึ้น ขณะที่ ฝั่งเขมรมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียน เคลื่อนย้ายกำลังตลอดเวลา จึงได้สั่งการให้ทหารในพื้นที่ เฝ้าติดตามการเคลื่นไหวอย่างใกล้ชิด

    เบื้องต้นหากศาลตัดสินให้ถอย ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ก็จะยังคงมีทหารประจำการเพื่อปกป้องอธิปไตยต่อไป เพราะพื้นที่ดังกล่าว ยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน ยังมีความจำเป็นที่จะต้องตรึงกำลังต่อไป แต่หลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาล

    ทั้ง นี้ พ.อ.ประวิทย์ ยืนยันสอดคล้องกับ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ที่ได้ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า ทหาร ร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยยึดมั่นในคำสั่งของรัฐบาลเท่านั้น


    [​IMG]

    ขณะที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ทางกลุ่ม พันธมิตรฯ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลกมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว ซึ่งหากรัฐบาลไม่ฟังอะไรต่อไปนี้ รัฐบาลก็ต้องรอรับผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งทางทหารและรัฐบาล ด้านประชาชนจะทำอะไรก็ไม่ได้แล้ว ต้องรอดูว่า รัฐบาลจะมีจุดยืนอย่างไรในเรื่องนี้

    และ ขอบอกว่ารัฐบาลไทย ไม่ได้หยิบยกหลายเรื่องในการต่อสู้ทางคดี อาทิ ข้อสงวนที่เคยยื่นไว้กับศาลโลก ครั้งตัดสินเขาพระวิหาร เมื่อ 50 ปีก่อน ว่า ไทยไม่ยอมรับ หรือการที่ไม่สู้เรื่องอำนาจศาลโลก และไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกอยู่แล้ว และแผนที่ของกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยไม่ยอมรับอยู่แล้ว แต่ไทยไม่เคยต่อสู้ในประเด็นดังกล่าวเลย ทำให้ไทยเหมือนเสียเปรียบต่อการขึ้นศาลโลกครั้งนี้


    ศาลโลกเผยเริ่มอ่านคดีพระวิหาร 18 ก.ค. 15.00 น.

    แหล่งข่าวใกล้ชิดศาลโลกเผย ประธานศาลโลกเตรียมจะอ่านคำร้อง ขอถอนกำลังออกจากชายแดนพิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เวลา 15.00 น. ตามเวลาไทย

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ผู้พิพากษา ฮิซาชิ โอวาดะ ประธานศาลโลก หรือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) จะอ่านคำวินิจฉัยคำร้องดังกล่าว ในเวลา 10.00 น. (ราว 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลแห่งนี้ โดยผู้สังเกตการณ์ซึ่งใกล้ชิดกับไอซีเจ เผยว่า ในวันจันทร์ที่ 18 ก.ค. ศาลโลกจะมีคำสั่งตามคำร้องของกัมพูชา เพื่อให้ประเทศไทยยุติกิจกรรมทางทหารในบริเวณดังกล่าว โดย โอวาดะ จะดำเนินการตัดสินร่วมกับคณะผู้พิพากษาศาลโลกอีก 14 นาย และผู้พิพากษาเฉพาะกิจอีก 2 คน

    ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากในปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา กัมพูชาได้ยื่นคำร้องให้มีการตีความคำสั่งศาลระหว่างประเทศเมื่อปี 1962 เกี่ยวกับการครอบครองประสาทพระวิหาร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้พิพากษาอนุมัติมาตรการชั่วคราว ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ สั่งให้ไทยถอนกำลังทหารจากพื้นที่ดังกล่าว และห้ามกิจกรรมทางทหารของไทยทั้งหมดในทันที โดยทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาท กลายเป็นประเด็นโต้แย้งและเกิดการปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง จนในสิ้นเดือนพฤษภาคม รองนายกรัฐมนตรีฮอร์ นัมฮง ของกัมพูชา เรียกร้องให้ไทยถอนทหารจากบริเวณดังกล่าวในทันทีอย่างไร้เงื่อนไข รัฐบาลกัมพูชายังเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมหรือปฏิบัติการ ซึ่งอาจแทรกแซงสิทธิของกัมพูชา หรือทำให้ความขัดแย้งในประเด็นดังกล่าวเลวร้ายลงไปอีก

    ด้านนายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ออกมาตอบโต้ด้วยการดำเนินการเรียกร้องให้ศาลโลกยกฟ้องคำร้องดังกล่าวของกัมพูชา ทว่ารัฐบาลไทยก็ยืนยันว่าจะเคารพคำสั่งของไอซีเจ

    ที่มา ไอ.เอ็น.เอ็น.

    [​IMG]



    .

    -http://hilight.kapook.com/view/60885-



    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันอังคารเบิกบานครับ




    .
     
  18. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ไม่ได้มาซะนานเลยนะครับผม หวังว่าทุกท่านสบายดีนะครับผม ช่วงนี้งานเข้าพอควรเนื่องจากระบบใหม่
     
  19. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ คุณ Lee ระบบใหม่ คือ ระบบคอมพิวเตอร์เหรอ ครับ
     
  20. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ครับผม ขึ้นจากเป็นเดิมเป้น 2003 r2 มาเป้น 2008 r2 แบบว่ามีโปรแกรมบางตัว มีปัญหาในการพิมพ์งานจากระบบนิดหน่อยนะครับ แต่เป็นเครื่องที่เป้น วินโดว์ 7 เท่านั้น ถ้าเป็น xp ไม่มีปัญหาอะไรครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...