พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ฉับโผง
    [​IMG]
    ภาค ภาคใต้
    จังหวัด กระบี่
    • อุปกรณ์และวิธีเล่น
    ฉับโผง เป็นวัตถุประดิษฐ์ที่เด็กกระบี่ในสมัยก่อนนิยมเล่นกัน วิธีการประดิษฐ์นำไม้ไผ่ขนาดเล็ก มาตัดให้เหลือ ๑ ปล้องมีรูกลวงตรงกลางตลอดลำ (ยาวประมาณ ๑ คืบ) เรียกส่วนนี้ว่า "บอกฉับโผง"จากนั้นนำไม้ไผ่ความยาวประมาณ ๑.๕ คืบมาเกลาให้กลม ขนาดพอที่จะกระทุ้งเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ได้ พร้อมทั้งใช้ไม้ไผ่ขนาดเท่ากระบอกฉับโผงความยาวประมาณ ๐.๕ คืบ สวมโคนไม้ไผ่ส่วนที่ยาวเกินกระบอก ชิ้นส่วนนี้เรียกว่า "ด้ามจับ"
    วิธีการเล่น นำลูกพลา (ผลไม้ป่ามีลักษณะผลเป็นช่อคล้ายมะเขือพวงแต่ลูกเล็กกว่า) อัดเข้าไปในกระบอกฉับโผง แล้วมือข้างหนึ่งถือกระบอกมือข้างหนึ่งถือด้ามจับสอดปลายด้ามจับกระทุ้งไป ด้านหน้าแรงๆให้แรงอัดดันลูกพลาพุ่งออกไปนอกกระบอก
    • โอกาสและเวลาที่เล่น
    การเล่นฉับโผงไม่จำกัดโอกาสและเวลาที่เล่น สามารถใช้เล่นยิงกันแทนปืนหรือยิงวัตถุที่เป็นเป้าได้ทุกโอกาส

    • คุณค่าและแนวคิด
    การเล่นฉับโผงส่วนใหญ่แล้วนิยมเล่นกันเป็นกลุ่มๆก่อให้เกิดความสามัคคีใน หมู่คณะฝึกความแม่นยำและฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือและเป็นการฝึกให้ เด็กๆได้นำวัสดุจากธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นของเล่น
    ที่มา openbase.in.th
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    มาทำ "น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ" กันดีกว่า <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">30 มิถุนายน 2554 17:06 น.</td></tr></tbody></table>



    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="250"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แววตา เอกชาวนา </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เมื่อถามถึงสภาพอากาศในช่วง นี้ หลาย ๆ บ้านคงรู้สึกเช่นเดียวกันถึงความร้อน และความอบอ้าวที่เกิดจากฤดูฝนพรำจนทำให้คนส่วนใหญ่เกิดอาการหงุดหงิด อารมณ์เสีย และพาลไปยังคนรอบข้างได้ง่าย

    ดังนั้น เพื่อลดอารมณ์เหวี่ยงจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว คุณแว๋ว-แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้คำแนะนำผ่าน ทีมงาน Life & Family ว่า น้ำปั่นเย็น ๆ สักแก้วช่วยเติมพลังความสดชื่นให้กลับคืนมาได้ โดยเฉพาะน้ำปั่นจากผัก และผลไม้ ที่นอกจากจะเย็นชื่นใจแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ซึ่งมีสูตร และวิธีทำง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

    1. ฟรุ๊ตตี้มิกซ์

    เริ่มต้นกันด้วยน้ำปั่นสุขภาพสูตรแรก นักโภชนาการรายนี้ บอกว่า เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ก็สามารถทานได้ทั้งครอบครัว เพราะอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามิน A B C และ K รวมไปถึงเบต้าแคโรทีน โปแตสเซียม โปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก ถ้าดื่มเป็นประจำจะช่วยให้ผิวสวย มีความชุ่มชื้น ทั้งยังมีใยอาหารช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย

    ส่วนผสม

    สตรอเบอร์รี่สด 200 กรัม (ประมาณ 10 ลูก)

    มะเขือเทศ 100 กรัม (ถ้าเป็นมะเขือเทศราชินีใช้ 10-12 ลูก แต่ถ้าเป็นมะเขือเทศลูกใหญ่ใช้ 1 ลูก)

    โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 150 กรัม

    น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วยตวง

    น้ำแข็งบด 1 ถ้วยตวง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="250"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ฟรุ๊ตตี้มิกซ์ น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> วิธีทำ

    1. หั่นสตรอเบอร์รี่ และมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก เก็บในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

    2. นำส่วนผสมที่แช่เย็นไว้ใส่เครื่องปั่น

    3. ตามด้วยน้ำส้ม โยเกิร์ต และน้ำแข็ง

    4. ปั่นให้ส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

    5. รินใส่แก้วประดับด้วยใบสะระแหน่ และสตรอเบอร์รี่

    หมายเหตุ ส่วนผสมข้างต้นสามารถเพิ่ม-ลดได้ตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว

    2. ฟรุ๊ตตี้ไวโอเลต

    ตามมาด้วยสูตรที่สอง เป็นฟรุ๊ตตี้ไวโอเลต ที่คุณแว๋วบอกว่า เกิดจากการนำผลไม้สีม่วงทั้งหลายมาปั่นรวมกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้อง บลูเบอรี่อย่างเดียว แต่ผลไม้ไทยก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน เช่น ชมพู่ทับทิมจันทร์ เป็นผลไม้พลังงานต่ำที่มีวิตามินซี และสารแอนติออกซิเดนต์สูง มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงผิว ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดไข้หวัดในหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี

    นอกจากนี้ ยังรวมไปแก้วมังกรสีม่วง ผลไม้ที่นอกจากจะกินเพื่อดับร้อนให้ความชื่นใจแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดี ช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมในสตรี มีธาตุเหล็ก อุดมไปด้วยวิตามินซีและให้แคลอรี่ต่ำ

    ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยดูดซับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย ช่วยป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งสำไส้ และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายด้วย

    ส่วนผสม

    ชมพู่ทับทิมจันทร์ 1 ผล

    แก้วมังกรสีม่วง 1/2 ผลเล็ก

    มะเขือเทศลูกใหญ่ 1 ลูก

    นมสด 1 ถ้วยตรง

    น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

    น้ำแข็งบด 1 ถ้วยตวง

    วิธีทำ

    1. หั่นชมพู่ทับทิมจันทร์ แก้วมังกรสีม่วง และมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก เก็บในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

    2. นำส่วนผสมที่แช่เย็นไว้ใส่เครื่องปั่น

    3. ตามมาด้วยนมสด น้ำผึ้ง และน้ำแข็ง

    4. ปั่นให้ส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

    5. รินใส่แก้วรับประทานร่วมกันในครอบครัว

    หมายเหตุ ส่วนผสมข้างต้นสามารถเพิ่ม-ลดได้ตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว

    เอาเป็นว่า วันหยุดนี้ลองนำไปทำรับประทานกันดูนะครับ สำหรับบ้านไหนที่ทำในเช้าวันอาทิตย์ อาจถือโอกาสนี้นำใส่ขวด หรือแก้วพกพาไว้กินดับร้อนระหว่างเดินทางไปเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.54 นี้ก็ได้ครับ</td></tr></tbody></table>










    .


    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000079957-

    .
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันที่ 11-16 ก.ค.นี้ จะมีโอกาสได้ไปที่ตรัง-กระบี่อีกครั้ง หลังจากที่ไปมา 3-4 ครั้ง ล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน ไปเที่ยวตะรอนที่กระบี่ ไปพบเจอร้านขายของเก่าร้านหนึ่ง ตอนนั้นสะดุดตาคัมภีร์โบราณตับหนึ่งของวัดเขาอ้อ รู้สึกว่าจะเป็นตำรายา ตอนนั้นเจ้าของร้านให้บอกราคามา หากให้ได้ก็จะให้ ผมรึก็ไม่กล้าบอกไป เพราะประเมินไม่ถูกครับ ภาพนั้นยังฝังใจจนวันนี้ มาครั้งนี้มีเหตุให้ได้ไปอีกครั้ง และบังเอิญจัดของก็ไปพบนามบัตรของร้านขายของเก่าร้านนี้พอดี เหมือนตั้งใจจะให้ไปขอรับมา ไม่ทราบว่าคัมภีร์โบราณนี้จะยังอยู่หรือไม่...

    เล่าสู่กันฟังครับ ดูว่าจะเหลือเชื่อที่จะยังอยู่รอหรือ...
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ‘สลัดน้ำผึ้ง’ กินดียามฟื้นไข้

    วันศุกร์ ที่ 01 กรกฎาคม 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ตอนป่วยเป็นไข้หวัด นอกจากตัวร้อนเพราะพิษไข้ มีน้ำมูกคัดจมูกแล้ว ก็มักจะมีอาการเจ็บคอ และไอ เนื่องจากคออักเสบพ่วงตามมาด้วย อาหารที่จำเป็นต้องกินในช่วงป่วยอย่างนั้น คงหนีไม่พ้นโจ๊กอ่อนๆ กินให้คล่องคอ ครั้นใกล้หายหรือช่วงฟื้นไข้ อาหารที่กินก็ควรมีสรรพคุณทั้งบรรเทาอาการที่เป็นมาและช่วยฟื้นฟูสุขภาพไป พร้อมๆ กัน

    ‘มุมสุขภาพ-กินดี’ สัปดาห์นี้ ขอเสนอ ‘สลัดน้ำผึ้ง’ ที่มาพร้อมผักสลัดชนิดที่มีสรรพคุณเหมาะๆ อย่าง ‘ผักกาดแก้ว’ ช่วยให้หลับง่าย แก้ไอ หากกินบ่อบๆ ยังคอยป้องกันโลหิตจาง ‘แครอต’ เสริมประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ ขับพิษ และแก้ไอ ‘แตงกวา’ เติมความสดชื่นแก่ร่างกาย พร้อมทั้งขับปัสสาวะ และลดอาการบวมน้ำ

    ขณะที่ ‘กะหล่ำปลี’ กินแล้วสามารถแก้อาการเบื่ออาหาร แก้ท้องผูก รักษาแผลในลำไส้และกระเพาะอาหาร และ ‘หอมหัวใหญ่’ ให้สรรพคุณแก้หวัด

    นอกจากผักแล้ว ในสูตรยังมี ‘น้ำส้มสายชู’ ที่ช่วยย่อยอาหารได้ดี ‘ไข่ไก่’ โปรตีนสูง บำรุงร่างกายยามฟื้นตัวและแก้เจ็บคอ แต่ที่สำคัญเป็นส่วนผสมเอกของสูตรก็คือ ‘น้ำผึ้ง’ เสมือนยาบำรุงร่างกาย แก้ไอ บรรเทาอาการเจ็บคอและหลอดลมอักเสบ ไล่เสมหะไม่ให้เหนียวลำคอ

    ส่วนผสมต่างๆ เตรียมตามสัดส่วนต่อไปนี้...

    • ผักกาดแก้ว 1 ถ้วย

    • แครอต ¼ ผล

    • แตงกวา 1 ผล

    • กะหล่ำปลี ½ ถ้วย

    • หอมหัวใหญ่ 1 ผล

    • น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา

    • น้ำผึ้งแท้ 1 ถ้วยเล็ก

    • ไข่ไก่ต้ม 2 ฟอง

    ขั้นตอนในการทำ ล้างผักทั้งหมดให้สะอาด ผักกาดเด็ดเป็นชิ้นขนาดปานกลาง แครอตหั่นเป็นแท่ง แตงกวาฝานเป็นแว่น ส่วนหอมหัวใหญ่และกะหล่ำปลีนำไปหั่นซอยให้ละเอียด เสร็จแล้วนำผักเหล่านี้แช่ตู้เย็นเพื่อคงความสดไว้ก่อน จากนั้นหันไปต้มไข่ให้สุกราว 30 นาที แล้วกลับมานำผักที่แช่เย็นไว้จัดใส่จาน ราดด้วยน้ำส้มสายชู คลุกเคล้าเบาๆ อย่าให้ผักช้ำ ไข่ที่ต้มนำมาฝานเป็นชิ้นหรือหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ใส่เพิ่มลงไป ปิดท้ายด้วยการราดน้ำผึ้งแล้วเคล้าเบาๆ กินได้ทันที.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  5. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วิธีกำจัดมดขึ้นข้าวสาร

    วันศุกร์ ที่ 01 กรกฎาคม 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    บ้านไหนซื้อข้าวสารมาครั้งละมาก ๆ และเก็บไว้เป็นเวลานาน อาจจะเคยเจอปัญหามดขึ้น วันนี้มีวิธีแก้ปัญหานี้มาฝาก อยากรู้ทำยังไงต้องอ่าน

    ให้นำใบมะกรูดไปวางไว้ในภาชนะที่ใส่ข้าวสาร ประมาณ 4-5 ใบ แล้วฉีกเป็น 2 ส่วน ให้กลิ่นออก กลิ่นจากใบมะกรูดจะช่วยขับไล่แมลงต่าง ๆ ที่มาขึ้นข้าวสารได้ ควรหมั่นตรวจสอบไม่ให้ใบมะกรูดแห้ง เพราะจะทำให้กลิ่นจางไป ให้หาใบใหม่มาเปลี่ยน

    แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นมะกรูด ให้ใช้พริกสดประมาณ 8 เม็ด ผ่าเอาเมล็ดออกเหลือไว้แต่เปลือก นำเปลือกพริกใส่ไว้ในถังข้าวสาร สามารถขับไล่แมลงได้ด้วย หรือจะใช้พริกแห้งก็สามารถแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน

    อีกวิธี อาจเสี่ยงต่อการกินข้าวรสเค็ม แต่ก็ได้ผล คือ ใช้เกลือป่นโรยลงไปในถังข้าวสาร ในอัตราส่วน เกลือ 1 ช้อนชา ต่อข้าว 1 กก. สามารถไล่มดและแมลงได้ แต่ต้องระวังไม่ให้ใส่เยอะจนเกินไป

    แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือ หาภาชนะที่ปิดได้สนิท ไว้ใส่ข้าวสาร หรือถ้ามีปริมาณที่มากเกินกว่าจะหาที่ใส่ได้ ให้ลองวิธีที่เบสิกที่สุด คือหาน้ำใส่ภาชนะไว้รองขาโต๊ะ ที่ใช้วางถังข้าวสาร วางให้ห่างจากผนัง และคอยตรวจตราไม่ให้น้ำแห้ง เพียงเท่านี้ก็ตัดทางเดินของมดแล้ว.





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  6. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    หย่อนพุง - "ไอศครีมหม้อไฟ" ขายรสชาติให้ลูกค้าสนุกว้าว เทียบไอเดีย"สตีฟ จอบส์"
    วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 08:00:23 น.
    <!-- Start share facebook --><SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
    <!-- End share facebook -->

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=90>[​IMG]


    [​IMG]
    ไอศครีมหม้อไฟ


    [​IMG]
    เจ้าของร้านตักไอศครีมอย่างขะมักเขม้น


    [​IMG]


    [​IMG]
    กำลังผสมไอศครีมไว้ขายพรุ่งนี้


    [​IMG]


    [​IMG]


    </TD><TD vAlign=top align=left width=560>..หมีอิสระ


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>"พักผ่อนหย่อนพุง" อาทิตย์นี้ ขอดับอุณหภูมิเดือดทางการเมืองด้วยของเย็นๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง "ไอศครีม" ที่เราคุ้นชินกันมาแต่เด็ก

    ร้านไอศครีมแห่งนี้ มีชื่อว่า "Tongue Fun" ซ่อนตัวอยู่ในซอยยศเส หรือที่บางคนรู้จักในนามสวนมะลิ โดยมีคนคิดสูตร คนลงมือทำ คนตักไอศครีม และเสิร์ฟให้ลูกค้า คนเดียวกัน ชื่อ "พี่โช" หนุ่มมาร์เก็ตติ้งที่ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายไอศครีมโฮมเมดกว่า 3 ปีแล้ว บางวันอากาศดี เขาจะเข็นรถออกมาตั้งร้านริมถนน พร้อมตั้งโต๊ะขาวเป็นแนวให้ลูกค้านั่ง แต่บางวันบังเอิญฝนฟ้าไม่เป็นใจ ต้องเปลี่ยนทำเลไปตั้งตู้ไอศครีมขายในบ้าน อย่างเช่นวันนี้ที่เราไป

    พี่โช เล่าให้เราฟังว่า ไอศครีมแต่ละวันที่ทำขายหน้าร้านมีประมาณ 24-25 รสชาติ แต่ที่เคยทำผ่านมือมาทั้งหมดมีมากถึง 50 ชาติแล้ว มีทั้งไอศครีมผลไม้อย่าง สตรอเบอร์รี่ กระท้อน ลิ้นจี่ มะม่วง มะนาว มังคุด กล้วยเบอร์รี่ สลับผลัดเปลี่ยนหมุนกันไปตามฤดูกาลของมัน ส่วนไอศครีมที่มีส่วนผสมของนมที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นำมาด้วย รสกาแฟ ชาเย็น ชาเขียว รวมไปถึงรสชาติ "โคตรนม" ที่เจ้าของร้านบอกเราว่า รสนี้เป็นรสขายดีประจำร้าน ลูกค้าติดใจกันเป็นแถว

    ตระกูลชอคโกแลตก็เด่นไม่น้อยหน้ากัน มีทั้ง ชอคโกแลตบานาน่า ชอคโกแลตบราวนี่ และรสชาติใหม่ล่าสุด "ดาร์กชอคโกแลต บรั่นดี เชอรี่" เรียกว่าเพิ่งคิดค้นกันใหม่ๆ สดๆ

    แต่ที่เราไม่ค่อยได้เคยเห็น ต้องยกให้ "กระทิงแดงวอดก้า" พี่โชบอกว่าปิ๊งไอเดียตอนไปเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ที่กระดกเครื่องดื่มชูกำลังกันอย่างไม่สนใจคำเตือนข้างขวด พอกลับมาถึงบ้านรีบผสมกระทิงแดง กับแอลกอฮอล์ที่มี จนได้กระทิงแดงผสมกับวอดก้า รสชาติกลมกล่อมถูกปากที่สุด เช่นเดียวกัน"ไอศครีมรสเบียร์" ที่ลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขนาดได้สิทธิ์เข้าไปดูสูตรจากโรงเบียร์ต้นตำรับ สุดท้ายมาค้นพบด้วยตัวเองจนได้สูตรเด็ดมีเคล็ดลับของทางร้าน รับรองว่าไม่ซ้ำร้านไหน

    แต่ทุกรสที่กล่าวมาทั้งหมด มีราคาขายอยู่ที่ลูกละ 25, 28 และ 30 บาทเท่านั้น ถ้าเทียบกับคุณภาพของไอศครีมแต่ละลูก เรียกว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะบางรสชาติ พี่โชบอกว่าขาดทุน แต่อยากขายให้ลูกค้าได้กิน

    บางลูกไม่ได้กำไรแต่ก็ขาย เพราะพี่โชบอกว่า คอนเซปต์ร้าน "Tongue Fun" มีอยู่ว่า เป็นร้านไอศครีมขายความสนุกเป็นหลัก

    "ส่วนที่เราต้องการคือความสนุก ไม่ต้องกังวลว่าจะขายได้หรือเปล่า บางคนมาขอชิมโน่นนี่ พี่ก็เต็มใจตักให้ชิม บางคนสนิทกัน ก็ให้ตักเอาเองเลย ไอศครีมเป็๋นเพียงสื่อกลางเท่านั้น แต่สิ่งที่พี่และลูกค้าจะได้คือความสนุก พี่ต้องคิดว่ามีรสชาติอะไรบ้างที่ทำออกมาแล้ว พอบอกลูกค้า เขาจะร้องว้าว ที่ร้านจึงมีไอศครีมรสชาติแปลกใหม่อยู่เสมอ พี่เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เจอคำพูดของสตีฟ จอบส์ เจ้าพ่อแอปเปิ้ล ที่คิดเหมือนกันว่า ลูกค้าไม่มีหน้าที่บอกว่าอยากทำอะไร แต่พี่จะคิดว่าพี่อยากทำอะไรให้เขา"

    ว่าแล้วความสนุกก็เริ่มขึ้น เมื่อพี่โชให้เราเลือกรสไอศครีมมา 9 รสชาติ ก่อนนำหม้อที่เราเคยเห็นตามร้านข้าวต้มใส่ต้มยำ ออกจากตู้แช่ ตักไอศครีมทั้ง 9 ลูกนั้นเป็นลูกกลม วางซ้อนอยู่ในหม้อเหล็ก ก่อนใส่น้ำแข็งแห้งและน้ำลงไปสร้างเอฟเฟกต์ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ขัดกับไอศครีมก้อนกลมเกือบสิบลูกหลากหลายสีสัน

    "ไอศครีมหม้อไฟ" หนึ่งในเมนูขายดีของร้าน ถูกวางอยู่หน้าเรา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราเป็นอย่างมาก และแน่นอนพี่เขาทำสำเร็จตามคอนเซปต์ร้าน เขาทำให้เราสนุกได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงรสชาติ ขึ้นชื่อว่าไอศครีมโฮมเมดแล้ว ส่วนมากไม่เคยทำให้ผิดหวัง ซึ่งก็เป็นตามนั้นจริง ไอศครีมแต่ละลูกให้รสชาติเข้มข้น

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ไอศครีมกระท้อน" เหมือนทานกระท้อนสดๆ แต่ได้ความกลมกล่อมแทรกด้วยรสสัมผัสของไอศครีมเย็นนุ่ม ส่วน "ไอศครีมโคตรนม" สมชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องบรรยายอะไรมากไปกว่า "น๊มนม" เข้าใจแล้วทำไมรสนี้ถึงขายดี

    ไม่นานเราตักทานหมดทั้ง 9 ลูก ไม่ทันจะรอให้ไอศครีมละลาย เบ็ดเสร็จค่าเสียหายเมนูนี้ ถูกกว่าสั่งไอศครีมเดี่ยวๆ เพราะโปรโมชั่นร้านนี้คิดราคาเพียง 8 ลูกเท่านั้น ส่วนอีกลูกนั้นแถม!!

    ถูกด้วย อร่อยด้วย และสนุกด้วย จะมีที่ไหน นอกจากร้านนี้..

    (ร้านไอศครีมโฮมเมด Tongue Fun อยู่ในซอยยศเส ถนนพลับพลาไชย ใกล้กับวัดเทพศิรินทร์ เปิดบริการตั้งแต่ 1 ทุ่มจนถึง 5 ทุ่ม สอบถามเพิ่มเติมที่เบอร์มือถือพี่โช 089-111-6836 หรือ tonguefunicecream@gmail.com)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา มติชน ออนไลน์
     
  7. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7519 ข่าวสดรายวัน


    ชาวบ้านเฮไฟเขียวนั่งรถไฟ-เมล์ฟรี ภาคอุตฯอ่วมลอยตัวแอลพีจี-อุ้มไฟฟรี90หน่วย




    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในภาคอุตสาหกรรม ว่า การปล่อยลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจี ในภาคอุตสาหกรรมจะเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งจะมีผลในเดือนก.ค.นี้

    นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.หรือ เรกกูเลเตอร์) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า จะรับฟังความคิดเห็นเรื่องโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่จะปรับใหม่ โดยจะมีการนำภาระค่าไฟฟรี 90 หน่วย เข้าไปบวกในค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าขนาดกลางและใหญ่ ซึ่งจะเร่งจัดทำให้เสร็จ เพื่อนำมาใช้ในบิลค่าไฟฟ้างวดสิ้นเดือนก.ค.นี้ โดยในส่วนของค่าไฟฟรี 90 หน่วยเป็นมาตรการถาวรนั้นประกาศบังคับใช้ และมีผลในบิลค่าไฟฟ้างวดสิ้นเดือนก.ค.นี้เช่นกัน

    รายงานข่าวจากเรกกูเลเตอร์ กล่าวว่า ตัวเลขภาระค่าไฟฟรี 90 หน่วย อยู่ที่ระดับ 11-17 สตางค์/หน่วย

    รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงยังไม่สามารถดำเนินการเรื่องขึ้นราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมได้ เพราะนายกฯ ยังไม่ได้ลงนามคำสั่งเพื่อให้สอดคล้องกับมติกพช. เมื่อวันที่ 27 เม.ย.54 ที่เห็นชอบให้ทยอยปรับราคาขายปลีกแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมให้สะท้อนต้นทุนโรงกลั่นน้ำมันตั้งแต่เดือนก.ค.54 โดยปรับราคาขายปลีกไตรมาสละ 1 ครั้ง จำนวน 4 ครั้ง ครั้งละ 3 บาท/ก.ก. เพื่อลดการนำเข้า

    โดยการนำเข้าแอลพีจีตั้งแต่เม.ย.51 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องใช้เงินอุดหนุน 4.7 หมื่นล้านบาท

    ด้านนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการรฟท. เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้รฟท.ขยายระยะเวลารถไฟฟรีตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ต่ออีก 4 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-31 ต.ค.54 และเมื่อครบกำหนด 4 เดือนจะหารือร่วมกันอีกครั้งว่าจะให้รฟท.ดำเนินการต่อในลักษณะใด ภายใต้เงื่อนไขว่ากระทรวงการคลังจะต้องจ่ายชดเชยให้กับรฟท.ในส่วนที่เป็นภาระของรฟท. เพราะรฟท.ประสบปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด หากต้องสำรองจ่ายไปก่อนยาวติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง รฟท.อาจรับภาระนี้ไม่ไหว และไม่ว่ามาตรการรัฐบาลใหม่จะออกมาในรูปแบบใดจะไม่ให้กระทบต่อภาคประชาชนอย่างเด็ดขาด

    นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการเห็นชอบตามที่ขสมก. เสนอต่ออายุมาตรการลด ค่าครองชีพรถเมล์ฟรีให้กับประชาชนออกไปอีก 6 เดือน เริ่ม วันที่ 1 ก.ค.นี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขยายเวลามาตรการดังกล่าว เนื่องจากกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม เห็นชอบต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนของค่ารถเมล์และรถไฟฟรีอีก 6 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งทำให้ขสมก.มีภาระต้นทุนเดือนละ 180 ล้านบาท ส่วนรฟท.เดือนละ 30 ล้านบาท

    ที่มา ข่าวสด ออนไลน์
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    [​IMG]ปฏิทิน วันพระ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ปี 2554[​IMG]

    [​IMG] เดือนมกราคม

    วันอังคารที่ 4 มกราคม 2554 เป็นวันพระ แรม 14 ค่ำ เดือน 1
    วันพุธที่ 12 มกราคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 2
    วันพุธที่่ 19 มกราคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2
    วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 2

    [​IMG] เดือนกุมภาพันธ์

    วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นวันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 2 (วันตรุษจีน)
    วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3
    วันศุกร์ที่่ 18 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 (วันมาฆบูชา)
    วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 3

    [​IMG] เดือนมีนาคม

    วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2554 เป็นวันพระแรม 14 ค่ำ เดือน 3
    วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4
    วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4
    วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 4

    [​IMG] เดือนเมษายน

    วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2554 เป็นวันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 4
    วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 5
    วันจันทร์ที่่ 18 เมษายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5
    วันอังคารที่ 26 เมษายน 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 5

    [​IMG] เดือนพฤษภาคม

    วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2554 เป็นวันพระแรม 14 ค่ำ เดือน 5
    วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 6
    วันอังคารที่่ 17 พฤษภาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วันวิสาขบูชา)
    วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 6

    [​IMG] เดือนมิถุนายน

    วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2554 เป็น วันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 6
    วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7
    วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7
    วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2554 เป็น วันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 7
    วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2554 เป็นวันพระแรม 14 ค่ำ เดือน 7

    [​IMG] เดือนกรกฎาคม

    วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8
    วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2554 เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (วันอาสาฬหบูชา)
    วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2554 เป็นวันพระแรม 1 ค่ำ เดือน 8 (วันเข้าพรรษา)
    วันเสาร์ที่่ 23 กรกฎาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 8
    วันเสาร์ที่่ 30 กรกฎาคม 2554 เป็นวันแรม 15 ค่ำ เดือน 8

    [​IMG] เดือนสิงหาคม

    วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 9
    วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 (วันสาร์ทจีน)
    วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 9
    วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2554 เป็นวันพระแรม 14 ค่ำ เดือน 9

    [​IMG] เดือนกันยายน

    วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 10
    วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
    วันอังคารที่ 20 กันยายน 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 10
    วันอังคารที่ 27 กันยายน 2554 เป็นวันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 10 (เทศกาลกินเจ)

    [​IMG] เดือนตุลาคม

    วันพุธที่ 5 ตุลาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 11
    วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (วันออกพรรษา)
    วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 11
    วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2554 เป็น วันพระแรม 14 ค่ำ เดือน 11

    [​IMG] เดือนพฤศจิกายน

    วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12
    วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 เดือน 12 (วันลอยกระทง)
    วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 12
    วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2554 เป็นวันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 12

    [​IMG] เดือนธันวาคม

    วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1
    วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1
    วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554 เป็นวันพระแรม 8 ค่ำ เดือน 1
    วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2554 เป็นวันพระแรม 14 ค่ำ เดือน 1





    .

    -http://hilight.kapook.com/view/60341-

     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    แม่ค้าโวย! คุมราคาข้าวแกง 25 บาท จวกพาณิชย์คุมวัตถุดิบ




    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    แม่ค้าโวย! กระทรวงพาณิชย์ คุมราคาข้าวแกง 25 บาท ลั่นให้ไปควบคุมราคาวัตถุดิบ อย่ามาควบคุมที่ร้านค้าปลีก เพราะเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ

    หลังจากที่กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ประกาศควบคุมราคาอาหารจานเดียว อาทิเช่น ข้าวราดแกง ข้าวผัด ข้าวผัดกะเพรา ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๋ว ให้อยู่ในราคา 25-30 บาทนั้น วานนี้ (30 มิถุนายน) จากการสำรวจตามตลาดสด และร้านค้าตามแหล่งชุมชนพบว่า แม่ค้าส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงเรื่องดังกล่าว และสงสัยว่าทำไมไม่ควบคุมที่ต้นเหตุ กลับมาสั่งควบคุมราคาขายปลีกซึ่งเป็นปลายเหตุ

    โดยแม่ค้ารายหนึ่ง ย่านอาคารมาลีนนท์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องการควบคุมราคาอาหารตามสั่ง แต่ปัจจุบันอาหารตามสั่งของร้านตน ทุกอย่างจะมีราคา 25-30 บาทอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นอาหารทะเลจำพวก กุ้ง ปลาหมึก หรือเนื้อวัว หรือใส่ไข่เพิ่ม ตนจะคิดราคาเพิ่มอีก 5 บาท ถึงแม้ว่า ราคาเนื้อหมูกับเนื้อวัวในขณะนี้จะใกล้เคียงกันมาก แต่ก็ไม่สามารถขึ้นราคาอาหารจานเดียวจากเนื้อหมูได้ เนื่องจากเนื้อหมูมีคนบริโภคมากกว่า ถ้าขึ้นราคาเท่ากันอาจจะส่งผลต่อยอดขายได้

    แม่ค้าคนดังกล่าว ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทำไมทางกระทรวงพาณิชย์ถึงอ้างว่า ลดราคาวัตถุดิบลงแล้ว แต่ผู้ค้ารายย่อยไม่ยอมลดราคาอาหาร ซึ่ง ตนอยากถามว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงเอาข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน เคยลงมาสำรวจตลาดบ้างไหม หรือเพียงแค่เดินดูป้ายราคาสินค้าตามห้างเท่านั้น เพราะความเป็นจริงราคาต้นทุนวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นของสดหรือของแห้ง ก็ยังไม่ลดราคาลงเลย

    นอกจากนี้ แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง ในตลาดสดท่าเรือคลองเตย กล่าวว่า การแก้ปัญหาโดยการควบคุมราคาข้าวราดแกงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำไมถึงมองว่า ผู้ค้ารายย่อยจ้องจะเอาเปรียบแต่ผู้บริโภคเท่านั้น อยากให้มองกลับไปยังต้นตอของสาเหตุว่า ทำไมราคาวัตถุดิบถึงสูง ต้นทุนผู้ผลิต ผลิตกันอย่างไร ทำให้ราคาขายส่งขายปลีกจึงมีราคาอย่างปัจจุบัน ทั้งนี้เมื่อต้นทุนสูง จะให้ขายราคาถูกได้อย่างไร และเลิกโยนความผิดให้กับผู้ค้ารายย่อยได้แล้ว

    ทางด้านแม่ค้าตามสั่ง ย่านตลาดหน้า สน.บางมด กล่าวว่า ตนขายอาหารตามสั่งมากว่า 10 ปี แล้ว ปีนี้เป็นปีที่วัตถุดิบขึ้นราคามากที่สุด ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และพืชผักต่าง ๆ เนื้อหมูจากกิโลกรัมละ 80 บาท ตอนนี้เป็นกิโลกรัมละ 135-140 บาท พ่อค้าแม่ค้าที่ไหนจะขายในราคาเดิมได้ จากเดิมตนขายข้าวราคาที่จานละ 25 บาท แต่ตอนนี้ตนต้องปรับเป็น 30-35 บาท อย่างไรก็ตามตนก็ขอวิงวอนไปยังผู้เกี่ยวข้อง ให้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าด้วย

    ขณะ ที่ แม่ค้าขายข้าวมันไก่ ย่านตลาดท่าน้ำศิริราช กล่าวว่า ราคาต้นทุนในการขายแต่ละวันจาก 4,000 บาท เพิ่มเป็น 6,000 บาท แต่ได้ของเท่าเดิม จึงจำเป็นต้องปรับราคาจากจานละ 25 บาท เป็น 30-40 บาท ถ้าไม่ปรับราคาก็จะไม่ได้กำไรเลย อีกทั้งค่าจ้างลูกน้องในร้านอีก ทั้งหมดถือว่าเป็นต้นทุนการผลิตทั้งนั้น ตนจึงอยากฝากถามกระทรวงพาณิชย์ว่า ทำไมต้องมากำหนดราคาขายด้วย ทำไมไม่ไปควบคุมราคาวัตถุดิบแทน ทำไมจะต้องมาให้ผู้จำหน่ายอาหารมาแบกรับภาระความรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

    ส่วนแม่ค้าร้านข้าวมันไก่ชื่อดังในซอยวัชรพล กล่าวว่า อาหารแต่ละอย่างมันใช้ต้นทุนไม่เหมือนกัน ข้าวมันไก่ไม่เหมือนก๋วยเตี๋ยวที่ต้นทุนถูกกว่า ทุกวันนี้ตนซื้้อไก่จากฟาร์มไม่ใช่จากตลาดสด ไหนจะต้องเอามาต้มเอง ไหนจะค่าทำน้ำจิ้ม ไหนจะค่าเช่าตึกอีก อีกทั้งตอนนี้ตนไม่จ้างลูกจ้างแล้ว มาทำความสะอาดร้านเอง เพื่อประหยัดต้นทุน หากจะบังคับให้ขายในราคา 25 บาท ตนคงต้องหาทำเลใหม่ ไม่ก็เลิกขายไปเลย



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ข่าวสด
    [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/60328-










    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    -http://hilight.kapook.com/view/60311-


    คุณปู่ชาวมะกันเสียค่าปรับจอดรถ หลังโดนใบสั่ง 35 ปีก่อน

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    หลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่ต้องเสียเวลาไปจ่ายค่าปรับจากใบสั่ง ต่าง ๆ นา ๆ จนถึงกับปล่อยเวลาไว้หลายวันกว่าจะไปเสียค่าปรับนั้น ๆ แต่ไม่ว่าจะปล่อยเวลาไว้นานแค่ไหน รับรองว่าคงไม่นานเท่ากับคุณปู่ชาวอเมริกันที่เรานำเรื่องราวมาฝากกันวันนี้ แน่ ๆ เพราะแกเล่นเสียค่าปรับหลังจากวันที่โดนใบสั่งถึง 35 ปีเลยทีเดียว

    โดยคุณปู่คนนี้ ก็คือ คุณปู่สแตนลีย์ เบคเกอร์ วัย 89 ปี จากเมืองเพนท์วอเทอร์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ได้ส่งใบสั่งจากการจอดรถพร้อมกับเงินค่าปรับจำนวน 1 ดอลลาร์ไปให้โรงพักเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่แล้วเมื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดใบสั่งดูก็ถึงกับอึ้ง เพราะใบสั่งของคุณปู่ เป็นใบสั่งปรับจากการจอดรถที่ทางตำรวจออกให้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 1975 หรือเมื่อ 35 ปีที่แล้วเลยทีเดียว และไม่เพียงแค่นั้น คุณปู่ยังเขียนโน้ตสั้น ๆ แนบมากับใบสั่งอย่างหน้าตาเฉยอีกด้วยว่า "มาช้าดีกว่าไม่มานะครับ" จนทำเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขำไปตาม ๆ กัน

    จากเหตุการณ์ดังกล่าว ฟริตซ์ เบคเกอร์ ลูกชายของคุณปู่ได้ออกมาเปิดเผยว่า พ่อของเขาบังเอิญไปเจอใบสั่งใบนี้เข้าในหนังสือเล่มหนึ่ง และถึงแม้ว่ามันจะออกให้ตั้งแต่ 35 ปีที่แล้ว แต่พ่อของเขาก็ตัดสินใจส่งเงินค่าปรับไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับข้อความดังกล่าวนั่นเอง

    แต่ งานนี้ไม่รู้ว่าคุณปู่อยากจะปฏิบัติตามกฎอย่างจริงจัง หรือตั้งใจจะกวนตำรวจขำ ๆ กันแน่ ก็ดูข้อความที่แนบไปด้วยสิ มาช้าดีกว่าไม่มา เฮ้อ ทำไปได้..

    -http://hilight.kapook.com/view/60311-
    .
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พรุ่งนี้มีปฐมนิเทศ เปิดเทอมวันแรกครับ ช่วงนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจ รักษาสุขภาพกันนะครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันเสาร์สุขสันต์ครับ


    .




    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง

    เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

    กำหนดการ

    วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554

    ณ ศาลาข้างกุฎิ 7 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน กรุงเทพฯ

    [​IMG] [​IMG]


    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 หากท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญและรับพระ ให้ไปร่วมทำบุญในงานเท่านั้น

    ผมไม่ส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ

    [​IMG]




    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่อง ของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    .
     
  15. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    เครียดบ้างก็ดี

    วันเสาร์ ที่ 02 กรกฎาคม 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    "ความเครียด" ปัจจัยหนึ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการดำรงชีวิต เปลี่ยนวิธีคิดเพื่อให้วายร้ายมาเป็นพันธมิตรกันเถอะ

    ปัจจุบันเป็นยุคที่มีแต่ความเครียด ทำให้สังคมมีค่าเฉลี่ยการฆ่าตัวตายสูงขึ้น และก็มีคนไข้ไปขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์เพิ่มขึ้น และที่ปฏิเสธไม่ได้เรื่องหนึ่งคือ ความเครียดทำให้อาการของโรคต่าง ๆ รุนแรงขึ้นด้วย

    แต่ทราบไหมว่าการไม่มีความเครียดเลยนั้นใช่ว่าจะดี เพราะความเครียดแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 'แบบบวก' และ 'แบบลบ' ความเครียดแบบบวกเกิดขึ้นตอนเราหัวเราะหรือรู้สึกยินดีกับสิ่งต่าง ๆ ส่วนความเครียดแบบลบเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกโกรธ กังวล หรือทุกข์ใจ ซึ่งความเครียดทั้งสองจะไปกระตุ้นระบบประสาทให้มีความตื่นตัว และสร้างแรงต้านทานสิ่งกระตุ้นนั้น ความเครียดในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยความเครียดจะเป็นบวกหรือลบขึ้นอยู่กับตนเอง และอยู่ที่การรับมือกับความเครียดนั้น ๆ

    หากมีเรื่องที่ทำให้เครียด แล้วเราคิดแบบลบ เราก็จะสูญเสียความมั่นใจ ทำให้คิดแต่เรื่องร้าย ๆ ความคิดที่จะเปลี่ยนเรื่องที่ทำให้เครียดเป็นความเครียดแบบดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากเราลองเปลี่ยนความเครียดให้เป็นกำลังใจ และรู้สึกขอบคุณกับทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ให้เปรียบเสมือนพลังในการก้าวต่อไปได้แล้วล่ะก็ ความเครียดก็จะกลายมาเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของตนเอง.





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  16. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ขาวแตงกวา ชัยนาท ส้มโอคุณภาพ จีไอ สร้างชื่อ สร้างรายได้ ให้กับเกษตรกร

    วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 11:01:26 น.
    <!-- Start share facebook -->Share <SCRIPT src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type=text/javascript></SCRIPT>
    <!-- End share facebook -->

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width=90>[​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    </TD><TD vAlign=top align=left width=560><STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>สกู๊ปพิเศษ
    ธนวันต์ บุตรแขก

    ส้มโอขาวแตงกวา ถือว่าเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดชัยนาท ด้วยรสชาติความฉ่ำหวานซ่อนเปรี้ยวกำลังเหมาะ รับกับเนื้อส้มโอสีน้ำผึ้งทองและเนื้อแห้ง บ่งบอกได้ถึงความเป็นส้มโอเกรดดี จึงเป็นที่ถูกปากผู้บริโภคและเป็นที่ต้องการของตลาด จนทำให้บางครั้งปริมาณส้มที่ผลิตออกสู่ตลาดในแต่ละปีมีไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกเพื่อให้มีผลผลิตออกมารองรับให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสหวานแหลมนำ อมเปรี้ยวเล็กน้อย นุ่มไม่แฉะน้ำ ไม่มีรสขมติดลิ้น ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

    คุณลุงกลิ่น เหมือนกรุด เจ้าของสวนส้มโอขาวแตงกวา กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอขาวแตงกวา ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เล่าถึงการปลูกส้มโอว่า ส้มโอขาวแตงกวานั้นมีความยุ่งยากในการปลูกมากกว่าผลไม้อื่นๆ ผู้ที่คิดปลูกส้มโอขาวแตงกวาจึงต้องมีใจรัก ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งในส่วนของตนเองนั้นมีพื้นที่ปลูกส้มโออยู่ 10 ไร่ โดยเริ่มปลูกส้มโอมาตั้งแต่ปี 2532 แต่ตอนปี 2538 ประสบปัญหาน้ำท่วม สวนส้มโอเสียหายอย่างหนัก จึงเริ่มต้นใหม่ด้วยการรวมกันตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอขาวแตงกวากันขึ้น รวมพื้นที่ของสมาชิกทั้งหมดประมาณ 171 ไร่ และร่วมมือกันขุดคันกั้นน้ำขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมสวนที่มักจะเกิดขึ้นทุกๆ ปี

    พร้อมทั้งเรียนรู้การปลูกส้มโอให้ได้ผลผลิตดีจนเป็นที่ยอมรับในคุณภาพและได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Thai Geographical Indication หรือตราสัญลักษณ์ GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จึงเป็นการสนับสนุนให้เกิดการรักษาคุณภาพและพัฒนาผลิตผลให้มีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นชาวสวนส้มโอและผู้ประกอบการด้านสินค้าส้มโอให้พัฒนาศักยภาพด้านการผลิตและการตลาด ส้มโอขาวแตงกวาŽ ให้เป็นที่เลื่องลือ เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้กับชาวสวนมากยิ่งขึ้น

    คุณลุงกลิ่น บอกว่า วิธีการปลูกส้มโอในตอนแรกนั้น มีเกษตรตำบลเข้ามาแนะนำวิธีการปลูกให้ โดยในตอนนั้นเกษตรตำบลบอกว่า ให้ปลูกส้มโอโดยการขุดหลุมลึก 1 เมตร ซึ่งตอนนั้นคิดว่าน่าจะลึกไป จึงทดลองขุดหลุมลึกแค่ 50 เซนติเมตร แต่ก่อนจะขุดหลุม ก็จะทำให้ดินร่วนซุยก่อน โดยการปรับปรุงดินด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก 2 กำมือ ต่อ 1 ตารางเมตร แล้วใช้เศษวัชพืชคลุมดินทิ้งเอาไว้ 1 สัปดาห์ ก่อนขุดหลุม เพราะจะเป็นปัจจัยให้ส้มโอเจริญเติบโตได้ดี

    คุณลุงกลิ่น บอกว่า ที่ไม่เชื่อว่าต้องขุดหลุมลึก 1 เมตร เพราะจากการสังเกตส้มโอที่โตแล้วที่ให้ผลผลิตไม่ดีหรือบางกิ่งไม่ให้ผลผลิตพบว่า รากที่เจริญเติบโต คดงอทับซ้อนกันและรากไม่แพร่กระจายรอบลำต้น แต่จะแผ่กระจายในด้านใดด้านหนึ่งของลำต้นจึงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จึงได้ทดลองปลูกโดยใช้กิ่งตอนและจัดระเบียบรากให้กระจายรอบๆ ก็พบว่าส้มโอขาวแตงกวาเจริญเติบโตดี สามารถให้ผลผลิตได้มากขึ้น เพราะรากสามารถหาอาหารได้รอบลำต้น แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่การเตรียมหลุมปลูกที่ดีด้วยคือ ให้ขุดหลุม กว้างxยาวxลึก ประมาณ 70-80 เซนติเมตร ขุดตากแดดทิ้งไว้ให้หลุมแห้ง นำดินที่ขุดจากหลุมเตรียมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายแล้วประมาณ 1 ปี ผสมลงหลุมปลูกได้เลย

    สำหรับการปลูกส้มโอขาวแตงกวานั้น กิ่งพันธุ์ที่จะนำมาปลูกถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากถ้าใช้กิ่งพันธุ์ที่ไม่มีคุณภาพและได้จากต้นที่ให้ผลผลิตไม่ดี จะส่งผลให้ส้มโอที่ปลูกได้ผลผลิตไม่ดี ไม่ติดผล ผลเหลืองและร่วงหล่น จึงควรเลือกกิ่งพันธุ์ที่ได้จากต้นที่มีผลผลิตสูง ปลอดโรค จากสวนที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    หลังจากนำกิ่งพันธุ์ลงปลูกแล้ว ก็บำรุงต้นด้วยการให้ปุ๋ยหลังการปลูก โดยในช่วงระยะการเติบโตของทรงพุ่ม ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ควบคู่ไปกับการใช้ปุ๋ยเคมีและควรหยุดการให้น้ำเพื่อให้ดินแห้งก่อนใส่ปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 10 กิโลกรัม ต่อต้น ควบคู่กับการใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 จำนวน 2 กิโลกรัม ต่อต้น โดยคุณลุงกลิ่นจะใช้วิธีสังเกตที่ใบของส้มโอว่าถ้าใบบางเรียว แสดงว่าธาตุอาหารในดินไม่เพียงพอ ก็จะให้ปุ๋ยเฉพาะต้นที่มีปัญหา ส่วนต้นที่ดูว่าสมบูรณ์ดีก็ไม่ต้องใส่ปุ๋ยให้อีก เป็นการประหยัดต้นทุนไปด้วย

    ผมใช้ปุ๋ยชีวภาพส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องมีปุ๋ยเคมีด้วย ก็ใช้บ้างเป็นช่วงๆ ไป อย่างช่วงแตกใบอ่อนหนอนชอนใบ ก็ต้องใช้สารเคมีช่วยบ้างในปริมาณที่ปลอดภัย พร้อมกับให้อาหารทางดิน ปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยกระตุ้นด้วย สูตร 25-7-7, 15-15-15 นอกจากนั้น ก็ใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ การใช้ปุ๋ยหมักโรยรอบๆ โคนต้นจะทำให้ส้มโอยิ่งงาม แล้วเมื่อส้มออกดอกจะมีปัญหาเรื่องเพลี้ยไฟและพอส้มโอเริ่มติดลูกแล้วก็จะเป็นเรื่องของตัวไรที่ทำลายการออกดอก ดังนั้น จึงต้องเริ่มดูแลสองช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุด ถ้าพ้นจากช่วงนี้ไปแล้วก็เบาบางลง เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้งพอมีบ้างแต่ก็ไม่มากŽ คุณลุงกลิ่น บอก

    ในช่วงระยะแรกของการแตกใบอ่อน ให้หมั่นตรวจสอบสภาพของใบส้มโอ โดยเมื่อส้มโอแตกใบอ่อนได้ประมาณ 1 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ประมาณ 1 กิโลกรัม/ต้น และเว้นระยะไปอีก 15 วัน จึงใส่อีกครั้ง แล้วกระตุ้นการสะสมของตาดอกด้วยการฉีดพ่นสารสกัดจากสาหร่ายผสมอาหารเสริมทางใบ อัตรา 300-400 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อให้ส้มโอออกดอกสม่ำเสมอและง่ายต่อการดูแลรักษา

    หลังส้มโอติดผลได้ประมาณ 3 เดือน ก็ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 2 กิโลกรัม ต่อต้น โดยให้ทุกๆ 2 เดือน และใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-13 อัตรา 2 กิโลกรัม/ต้น เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลผลิตหลังส้มโอติดผลได้ 5 เดือน
    ส่วนการให้น้ำ ให้ตอนเช้าโดยเฉพาะเมื่อต้นส้มยังเล็กและงดการให้น้ำเป็นระยะเวลาหนึ่งในช่วงเมื่อต้นส้มโอใกล้ผลิตาดอก (หากต้นส้มโอแสดงอาการขาดน้ำ-ใบห่อ จึงให้น้ำ) เมื่อติดตาดอกจึงเริ่มให้น้ำใหม่ทีละน้อยและงดการให้น้ำอีกระยะเวลาหนึ่งก่อนเก็บผล

    พื้นที่ปลูกส้มโอที่เรารวมกลุ่มกัน รวมแล้วประมาณ 171 ไร่ ที่ได้ จีไอ เมื่อปีที่ผ่านมา 7 สวน จาก 13 สวน ที่เป็นสมาชิกกลุ่ม จำนวน 13 ราย ส่วนสวนที่เหลือประมาณเดือนเมษายนนี้ ก็คงได้ จีไอ ทั้งหมดŽ คุณลุงกลิ่น บอก

    สำหรับผู้ที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน จีไอ นั้น ก่อนที่จะได้รับการขึ้นทะเบียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบจะเข้ามาดูในสวนว่าเกษตรกรมีกระบวนการผลิตยังไงบ้าง ส้มโอขาวแตงกวานั้นมีลักษณะทางกายภาพ เช่น รูปทรง เปลือกผิว เนื้อ และรสชาติอย่างไร นอกจากนั้น ก็ดูตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ มีการจดบันทึกข้อมูลการใส่ปุ๋ย ให้น้ำหรือไม่ คือเราต้องจดบันทึกการดูแลในสวนทุกเรื่อง ดูตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ซึ่งกว่าจะได้ตรา จีไอ นั้น คุณลุงกลิ่น บอกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

    กว่าเราจะได้ จีไอ มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ผู้บริโภคยังไม่ค่อยรู้ก็เลยไม่ค่อยเชื่อถือ เช่นเดียวกับ GAP ผู้บริโภคก็ยังไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก เขาจะเลือกซื้อแต่สินค้าราคาถูกๆ อย่างเดียว แต่ จีไอ นี้ก็ช่วยในเรื่องการขายได้เยอะ ทำให้ได้ราคาดีกว่าส้มโอที่ไม่ได้ จีไอ แต่นั่นหมายถึงลูกค้าอีกกลุ่มที่เขาเข้าใจในความหมายของ จีไอ และ GAP นะครับŽ คุณลุงกลิ่น เล่า

    คุณลุงกลิ่นบอกว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้สารสกัดชีวภาพ แต่ก็ไม่ได้ผล ทำให้ได้ผลผลิตน้อย จึงต้องใช้สารเคมีช่วยบ้างจึงจะอยู่ได้ แต่ทั้งนี้จะงดการใช้สารเคมีเด็ดขาด ก่อนตัดผลส้มประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้แล้ว ทาง สกว. ได้เข้ามาแนะนำเรื่องการห่อผลส้มโอเพื่อให้ได้มาตรฐานการส่งออก โดยจะเริ่มห่อผลเมื่ออายุส้มโอได้ 3 เดือน เพื่อป้องกันแมลงเจาะและให้ผิวส้มโอมีสีสวยและได้น้ำหนักดี ซึ่งก่อนที่จะห่อผลนั้นต้องพ่นยาฆ่าแมลงกับเชื้อราเสียก่อน ซึ่งการห่อผลนั้นมีต้นทุนค่าจ้างห่อลูกละ 2 บาท ส่วนค่าถุงนั้นทาง สกว. ให้ฟรี คุณลุงกลิ่นบอกว่า ส้มโอที่ห่อนั้นจะมีผลและสีผิวสวยมาก ทำให้สามารถส่งออกไปจีนได้ในราคา 25 บาท ต่อกิโลกรัม (ในกรณีที่แวกซ์ให้ด้วย) แต่ถ้าเป็นส้มโอที่ไม่แวกซ์จะได้ราคา 23 บาท ต่อกิโลกรัม (การแวกซ์ คือการสะกิดผิวที่ไม่ดี ไม่สวยออก) นอกจากนั้น ก็แยกราคาเป็นอีกประเภทหนึ่งก็คือ ส้มโอที่ห่อกับไม่ห่อ ราคาจะต่างกัน ถ้าส้มโอไม่ห่อจะขายราคา 25 บาท/กิโลกรัม ถ้าห่อจะขายในราคา 30 บาท/กิโลกรัม แต่ส่วนมากแล้วลูกค้าจะเลือกแบบห่อ เพราะลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่เน้นผิวที่ต้องสวย ไม่มีรอยเจาะของแมลงเป็นสำคัญ

    ส่วนปัญหาในเรื่องของศัตรูที่รบกวนก็มี อย่างเช่น เรื่องของเชื้อราที่มักจะเกิดตอนส้มโอออกผล คุณลุงกลิ่นบอกว่า จะแก้ปัญหาด้วยการฉีดพ่นสารเคมีคาเบนดาซิม โดยฉีดพ่นประมาณ 2 ครั้ง ตามด้วยฉีดพ่นอาหารเสริม ทุกๆ 7 วัน ส่วนการป้องกันไรแดงรบกวนก็ฉีดพ่นด้วยสารเคมีมิทาด เมื่อผลส้มอายุได้ 3-4 เดือน

    นอกจากปัญหาของศัตรูพืชที่มารบกวนแล้ว ยังมีปัญหาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเมื่อส้มโอให้ผลผลิตแล้วปรากฏว่ามีเปลือกหนาเกินไป คุณลุงกลิ่นบอกว่า นั่นเกิดจากอายุของต้นส้มโอยังน้อย อายุของต้นยังไม่ถึง 5 ปี หรือเกิดจากการที่ใส่ปุ๋ยคอกมากเกินไป และช่วงระยะที่ส้มโอให้ผล ถ้าได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอ ก็ทำให้ส้มโอมีเมล็ดมากได้ นอกจากนั้น หากว่าส้มโอมีรสขมก็ให้แก้ไขด้วยการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอหรือเกษตรกรบางรายจะแก้ไขด้วยการใส่เกลือแกง 1 กำมือ หว่านรอบทรงพุ่ม และให้เก็บเกี่ยวผลส้มโอเมื่อมีอายุได้ 7-8 เดือน หลังการออกดอก และไม่ควรใช้มีดร่วมกัน ระหว่างมีดปอกผิวส้มโอกับมีดผ่าส้ม

    การทำสวนส้มโอนี่นะ เมื่อเราปลูกส้มโออายุประมาณ 4-5 ปีนั้น ก็มีรายได้พอเลี้ยงตัวได้ แต่พออายุส้มโอได้สัก 6-7 ปี เราก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 4-5 แสนบาท อย่างสวนผมนี่นะ พอเข้าปีที่ 11 ผมมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละเป็นล้านŽ คุณลุงพูดถึงรายได้

    ส้มโอขาวแตงกวาปลูกได้ตลอดทั้งปี ช่วงที่ออกผลมากที่สุดคือเดือนมกราคม สำหรับระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมนั้น ให้เก็บเกี่ยวเมื่อผลส้มโอขาวแตงกวา มีอายุ 6 เดือนครึ่ง ถึง 7 เดือนครึ่ง โดยให้สังเกตต่อมน้ำมันบนผิวส้มโอบริเวณก้นผลจะห่าง สีเปลือกรอบจุดสีน้ำตาลเป็นสีเหลือง วิธีการเก็บก็ให้ใช้กรรไกรตัดตรงขั้วผลแล้วนำไปวางขายได้เลย

    ปริมาณผลผลิตเราได้ประมาณ 150 ตันขึ้นไป ต่อปี รายได้ตกเดือนละประมาณ 2 แสนบาท ในช่วงฤดูกาล เบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 3-5 ล้านบาท ที่นี่จุดเด่นก็คือเกษตรกรจะผลิตอย่างเดียวและส่งให้แม่ค้าที่ขายตามริมถนนทั่วไป ส่วนที่เหลือมีพ่อค้ามารับไป รวมรายได้เฉพาะกลุ่มของพวกเราก็เกือบ 10 ล้านบาท ต่อปีŽ คุณลุงเล่า
    คุณลุงกลิ่น บอกว่า สำหรับต้นทุนในการปลูกส้มโอค่อนข้างสูง มีทั้งค่าสปริงเกลอร์ ค่าท่อที่วางระบบน้ำ รวมแล้วก็เกือบ 1 แสนบาท นอกจากนั้นแล้ว ยังมีค่าอาหารเสริมทางใบที่ต้องฉีดปีละ 3 ครั้ง ตกครั้งละ 3,000 บาท ต่อไร่ นับว่าเป็นผลไม้ที่มีต้นทุนสูงและปลูกไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ผลตอบแทนที่ได้ก็ไม่น้อย ส้มโอขาวแตงกวาจึงเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่น่าลงทุนไม่น้อยเลยทีเดียว

    ด้าน คุณอำนวย คุ้มชนะ รองประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอขาวแตงกวา ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ด้วยการพยายามแปรรูปผลผลิตของส้มโอเพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น ด้วยการทดลองนำส้มโอขาวแตงกวามาทำเป็นน้ำส้มโอปั่น แล้วสร้างจุดขายเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าด้วยการลงทุนซื้อรถตู้นำมาตกแต่งให้สวยงาม ตระเวนขายผลผลิตในสวนทั้งส้มโอผลสดและน้ำส้มโอปั่นตามงานต่างๆ จนได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก

    ผมตั้งใจตกแต่งทำรถตู้ขึ้นมา คาดหวังเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชัยนาทให้ได้ เพราะที่ผ่านมา พ่อค้าคนกลางได้นำส้มโอของจังหวัดอื่นเข้ามาขาย แล้วมาอ้างชื่อว่าเป็นส้มโอขาวแตงกวาจังหวัดชัยนาท ถึงแม้ว่าทางจังหวัดจะมีมาตรการในการตรวจตราและควบคุม แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องหาจุดเด่นด้วยการตั้งรถโมบายขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดด้วยทุนส่วนตัวของผม ที่ทำส่วนตัวเพราะเราต้องการนำเอาผลผลิตในสวนของเราและของสมาชิกในกลุ่มออกมาจำหน่าย และเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รู้จักส้มโอขาวแตงกวาที่มีคุณภาพ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยครับŽ คุณอำนวย บอก

    คุณอำนวยบอกว่า หลังจากทำรถโมบายเสร็จก็นำไปขายในงานสวนนกชัยนาทเป็นครั้งแรก ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี ซึ่งในตอนแรกเขาจะปั่นน้ำส้มโอให้ลูกค้าลองชิมรสชาติก่อน โดยน้ำส้มโอที่ปั่นขายในตอนนั้น จะขายในราคา 20 บาท ต่อแก้ว ในขณะที่มีต้นทุนแก้วละ 15 บาท ซึ่งถือว่าได้กำไรค่อนข้างน้อย

    ตอนนี้ถือว่าคนเริ่มให้ความสนใจน้ำส้มโอปั่นมากขึ้น แต่เมื่อกำไรได้น้อย แล้วผมต้องจ้างเด็กมาช่วยขายอีก ก็แทบไม่เหลือกำไร ยิ่งต้องวิ่งรถไปไกลๆ มีค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นก็ไม่เหลืออะไร จึงต้องขึ้นราคาเป็นแก้วละ 25 บาท ก็พออยู่ได้หน่อย ผมก็พยายามให้ความรู้กับลูกค้าว่า น้ำส้มโอ 1 แก้ว นั้นมีคุณค่าอะไรบ้าง เพื่อเป็นจุดขายในด้านคุณค่าของสารอาหาร เพราะจากการวิจัยพบว่า น้ำส้มโอมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ส้มโอปั่นจะมีรสที่ขมนิดนึง แต่ดื่มแล้วชุ่มคอ แล้วรสขมๆ ที่ว่านี้นั้น มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็ง มีแคลเซียมสูง ส้มโอของไทยจะมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าส้มโอในต่างประเทศ แล้วน้ำส้มโอปั่นของเราตอนนี้มีอยู่เจ้าเดียว ตอนนี้ยังอยู่ในระยะทดลองขั้นตอนต่างๆ ในการทำน้ำส้มโอปั่นจึงค่อนข้างยุ่งยากและมีต้นทุนสูง เหตุเพราะเมื่อนำส้มโอมาปั่นแล้วยังให้รสชาติขม แต่ผมเองก็พยายามค้นสูตรต่อไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้ดีขึ้นกว่านี้Ž คุณอำนวย เล่า

    คุณอำนวย บอกว่า ตอนนี้ทางกลุ่มกำลังหาแนวทางในเรื่องการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากส้มโอมีต้นทุนในการดูแลสูงมาก ระยะหลังสมาชิกทุกคนจึงหันมาใช้อินทรียวัตถุกันมากขึ้น พร้อมกับพยายามค่อยๆ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงไปทีละน้อย

    คนเป็นเกษตรกรโอกาสรวยยากมาก เพราะภาคเกษตรกรบ้านเราลงทุนสูง การควบคุมเรื่องปุ๋ย เรื่องยา ธรรมชาติและราคาควบคุมไม่ได้ ประเทศไทยเป็นเมืองเกษตรแต่ไปเน้นอุตสาหกรรม ทำให้เกษตรกรเราแย่ นี่ถ้าให้นักวิชาการมาทดลองศึกษาเชิงลึกก็อาจทำให้ภาคเกษตรของเราเข้มแข็งขึ้นได้Ž คุณอำนวย บอก

    ส่วน คุณเกรียงกมล เหมือนกรุด นักวิชาการสาธารณสุขที่หันมาปลูกส้มโอขาวแตงกวาตามแบบอย่างของคุณลุงกลิ่นผู้เป็นพ่อเพื่อสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่งเล่าว่า ตนเองมีพื้นที่ปลูกส้มโออยู่ 12 ไร่ ด้วยกัน เป็นสวนส้มโอ อายุ 5 ปี ที่เริ่มให้ผลผลิตแล้ว ที่หันมาปลูกส้มโอขาวแตงกวาเพราะอยากมีส่วนร่วมในการรักษาพันธุ์ส้มโอไว้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดและเพื่อสร้างรายได้เสริมด้วย โดยตั้งแต่เริ่มปลูกก็มีผู้เป็นพ่อเป็นพี่เลี้ยงช่วยแนะนำในเรื่องการปลูก การดูแลมาตลอด

    คุณเกรียงกมล บอกว่า ส้มโอขาวแตงกวาของชัยนาทมีความแตกต่างกับส้มโอในพื้นที่อื่น ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่มและการทับถมของตะกอนริมแม่น้ำเป็นเวลานาน ดินจึงเป็นดินร่วนปนทราย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุและอาหารเสริมมากมาย ทำให้ผลผลิตส้มโอขาวแตงกวาของชัยนาทมีความแตกต่างกับส้มโอพื้นที่อื่นคือผลจะมีรูปทรงกลม ไม่มีจุก ผิวเรียบสีเขียวเป็นมัน ต่อมน้ำมันละเอียด เนื้อสีขาวอมทอง เบียดเรียงกันค่อนข้างแน่น รสชาติหวานแหลมนำ อมเปรี้ยว อร่อยล้ำถูกปากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

    ผมเคยนำส้มโอของเราไปที่เวียดนาม ปรากฏว่าเขาชอบส้มโอของเรามาก แล้วติดต่อขอซื้อส้มโอขาวแตงกวาของเรา โดยให้เราส่งไปก่อนแล้วจ่ายเงินทีหลัง ผมก็ไม่เอา เพราะมันเสี่ยงเกินไป ก็เลยยังไม่ได้ส่งไปที่เวียดนาม แต่ตอนนี้เรากำลังเจรจาในเรื่องการตลาดกับเกาะมัลดีฟอยู่ โดยเขาจะให้เราส่งส้มโอไปอาทิตย์ละ 100 กิโลกรัม ซึ่งเราก็บอกเขาไปว่าเฉพาะส้มโอขาวแตงกวานั้น เราจะส่งไปให้เฉพาะช่วงที่ให้ผลผลิตตามฤดูกาล ส่วนในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลก็อาจเอาส้มที่อื่นไปให้ ผมก็เข้ามาช่วยทางกลุ่มดูแลในเรื่องการเจรจาเรื่องการตลาดด้วย เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ส้มโอขายได้กิโลละ 12 บาท จนต้องเข้ามาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นและจะพัฒนาอย่างไร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ทั้งปีอย่างยั่งยืนจากการขายส้มโอŽ คุณเกรียงกมล บอก

    คุณเกรียงกมล บอกว่า ปัญหาของเกษตรกรที่ปลูกส้มโอทุกวันนี้คือการเก็บส้มที่ยังไม่แก่ เป็นเพราะเกษตรกรรุ่นใหม่บางคนยังไม่ชำนาญในการดูผลว่าส้มโอแก่จัดพร้อมที่จะเก็บแล้วหรือไม่ โดยคุณเกรียงกมลแนะนำว่า วิธีดูว่าส้มโอพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้หรือไม่นั้น ให้ดูจากต่อมน้ำมันที่ผิวส้มโอจะขยายใหญ่มากขึ้นและผิวมีความมันนูน ตาถ่างออกกว้างขึ้น ก็เก็บได้เลยหรือถ้าจะเก็บส้มเพื่อรับประทานทันทีก็ให้ดูที่ตาให้ห่างถึงขั้ว ส้มโอที่ตัดเมื่อผลแก่ประมาณ 70% หลังจากเก็บแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ จะให้รสชาติที่อร่อย แต่ถ้าหากว่าตัดเมื่อผลแก่ 100% ก็สามารถรับประทานได้เลย

    ทุกวันนี้เกษตรกรตัดเมื่อผลแก่ประมาณ 70% ส่วนหนึ่งเป็นจิตวิทยาของแม่ค้าว่าเก็บไว้ได้นาน อีกอย่างความสูงของต้นก็เป็นปัญหากับการเก็บเพราะอาจจะมองผิดไป และถ้าปล่อยให้ผลส้มโอแก่เกินไปก็เป็นข้าวสาร จุดนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เกษตรกรจะชิงตัดก่อนดีกว่า เพราะถ้าเอาไว้ก็จะเสี่ยงเกินไปŽ คุณเกรียงกมล ให้แง่คิด

    คุณเกรียงกมล บอกว่า จากการที่ส้มโอขาวแตงกวาชัยนาทได้รับการคุ้มครองสิทธิในชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้น เป็นการช่วยให้ชาวสวนของที่นี่ได้รับการคุ้มครองจากการแอบอ้างชื่อของพ่อค้าจากท้องถิ่นอื่นๆ ว่าเป็นส้มโอขาวแตงกวาชัยนาทได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ชาวสวนและผู้ประกอบการมีความตื่นตัวในเรื่องการรักษาคุณภาพของส้มโอมากยิ่งขึ้น และคุณเกรียงกมลบอกทิ้งท้ายไว้ว่า ณ วันนี้เกษตรกรต้องการการส่งเสริมจากภาครัฐในการพัฒนาการเกษตรให้แกร่งยิ่งขึ้นเพื่อสู้กับคู่แข่งทางการตลาดที่มีมากขึ้น อีกทั้งเกษตรกรรุ่นใหม่ ยังมีความรู้เรื่องการทำเกษตรอย่างจริงจังมีน้อยมาก จึงอยากให้มีการสร้างศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ให้มากขึ้น เพื่อเป็นจุดเรียนรู้ให้กับเกษตรกรมือใหม่ ทั้งนี้ทางกลุ่มเองนั้น ที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาโดยจากที่เมื่อก่อนเคยใช้สารเคมีถึง 50% แต่ปัจจุบันจากการรวมตัวกันเพื่อระดมความคิดทำให้การใช้สารเคมีในสวนของเกษตรกรที่นี่เหลือแค่ 20% เท่านั้น และสิ่งที่ทางกลุ่มจะเดินหน้าต่อไปคือการลดต้นทุนที่ต้องทำควบคู่ไปกับการลด ละ เลิก การใช้สารเคมีให้ได้ 100% ในอนาคตต่อไป

    สนใจวิธีการปลูกส้มโอขาวแตงกวาให้ได้คุณภาพดีอย่าง คุณลุงกลิ่น ติดต่อได้ที่โทร. (086) 589-1244


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา มติชนออนไลน์
     
  17. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ วันเสาร์ ก่อนวันเลือกตั้ง
     
  18. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>:เจ้าชายโมนาโกเข้าพิธีเสกสมรสทางกฎหมายกับหญิงสามัญชน</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 กรกฎาคม 2554 02:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี/เอเจนซี - เจ้าชายอัลแบร์ ที่ 2 แห่งโมนาโกและชาร์ลีน วิตต์สต็อก พระคู่หมั้น อดีตนักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิกชาวแอฟริกาใต้ เข้าพิธิเสกสมรสทางกฎหมาย ณ พระราชวังเมื่อวันศุกร์(1) ท่ามกลางพสกนิกรที่มาเป็นสักขีพยานจำนวนมาก

    ชาร์ลีน วิตต์สต็อก กลายเป็นเจ้าหญิงแห่งโมนาโก หลังเข้าพระพิธีเสกสมรสทางกฎหมายกับเจ้าชายอัลแบร์ ที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องโถงของสำนักพระราชวังและมีการถ่ายทอดสดสู่จอยักษ์บริเวณด้านนอกเพื่อให้เหล่าพสกนิกรได้รับชมอย่างทั่วถึง

    ย้อนหลังไปเมื่อปี 1956 พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายเรเนียร์ที่ 3 แห่งโมนาโก กับดาราสาว เกรซ เคลลี ซึ่งเป็นพระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 ถือเป็นงานสังคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี โดยบางคนถึงกับยกให้เป็นที่สุดแห่งทศวรรษด้วยซ้ำ ทว่าสำหรับปีนี้ ตำแหน่งดังกล่าวตกเป็นของพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม กับ เคต มิดเดิลตัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาไปเรียบร้อยแล้ว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กระนั้นก็ดีพระราชพิธีนี้ก็มีพสกนิกรจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่รอบนอกพระราชวัง สถานที่จัดพระราชพิธี ในความหวังที่จะได้ยลคู่สมรสใหม่แม้เพียงชั่วครู่ ขณะที่จะมีการจัดพิธีเสกสมรสทางศาสนาและงานเลี้ยงฉลองเสกสมรสในวันเสาร์นี้(2)

    พิธีเสกสมรสทางกฎหมายเมื่อวันศุกร์(1)เจ้าชายอัลแบร์ ที่ 2กับเจ้าหญิงคนใหม่ ถือว่าเป็นงานรื่นเริงที่ชาวโมนาโกทั้งประเทศได้เฉลิมฉลองกันอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันมีแขกคนสำคัญ ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ และดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ตลอดจนนักธุรกิจ นางแบบระดับโลก รวมถึงนักกีฬา นักว่ายน้ำ และนักแข่งรถ ทั้งหมด 7,810 คนได้รับเชิญร่วมงานเลี้ยง ณ พระราชวัง โดยมี ฌอง-มิเชล ฌาร์ นักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศสผู้ริเริ่มแนวเพลงอิเล็กโทรป็อป มาให้ความเพลิดเพลินแก่แขกผู้มีเกียรติด้วย

    ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีแล้ว เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 และพระชายา เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งเล็กซัสแบบเปิดประทุนไปยังโบสถ์แห่งหนึ่ง เพื่อให้ ชาร์ลีน ทำการโยนช่อดอกไม้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา Manager Online</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7520 ข่าวสดรายวัน


    68ชาติโหวต"พีพี"มหัศจรรย์ไทย ททท.เปิดแข่งส่งอีการ์ด-ชิงเที่ยวไทยฟรี10วัน




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ประกาศผลสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยมาเที่ยวในเมืองไทย เพื่อค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมสูงสุด 100 อันดับ "amazing Places in Thailand" พร้อมทั้งเปิดตัวแคมเปญกิจกรรมการแข่งขันออนไลน์ "amazing 10 Days in Thailand" ชิงรางวัลเที่ยวเมืองไทยฟรี 10 วัน พร้อมเพื่อนอีก 1 คน

    สำหรับกิจกรรม "100 amazing Places in Thailand" และกิจกรรมการแข่งขันออนไลน์ "amazing 10 Days in Thailand" เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการสร้างการรับรู้แบรนด์ท่องเที่ยว AMAZING THAILAND : ALWAYS AMAZES YOU ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อสร้างกระแสและแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย โดยโครงการนี้มี 2 กิจกรรมหลัก คือ สำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของไทย ในหัวข้อ "You-amazing places in Thailand that always amaze you" โดยททท.จัดสำรวจผ่านระบบออนไลน์ไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เคยเดินทางมาเที่ยวในเมืองไทย 3,389 คน จาก 68 ประเทศทั่วโลก

    โดยเริ่มสำรวจตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.2554 โดยสรุปผลการโหวต สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองไทย 100 สถานที่ อาทิ 20 อันดับแรกคือ หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี พัทยา จ.ชลบุรี อัลคาซ่าคาบาเร่ จ.ชลบุรี หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เกาะเสม็ด จ.ระยอง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา ตลาดนัดสวนจตุจักร กรุงเทพฯ อ่าวมาหยา จ.กระบี่ หาดจอมเทียน จ.ชลบุรี เกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานี เกาะ สมุย จ.สุราษฎร์ธานี หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถ.ข้าวสาร กรุงเทพฯ เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี สระมรกต จ.กระบี่ ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ น้ำพุร้อนสันกำแพง จ.เชียงใหม่ อ่าวนาง จ.กระบี่ ฯลฯ

    นายประกิตติ์ กล่าวว่า ส่วนกิจกรรมที่ 2 ที่ททท.จะเปิดตัวในเดือนมิ.ย.นี้คือ กิจกรรมการแข่งขัน "amazing 10 days in Thailand" ที่ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกร่วมแข่งขันส่ง Interactive E-Card ชวนเพื่อนมาเที่ยวเมืองไทยให้ได้มากที่สุด ซึ่งผู้ชนะจะได้มาเที่ยวเมืองไทยฟรี 10 วัน พร้อมได้รับสิทธิ์ชวนเพื่อนมาร่วมด้วยอีก 1 คน เงินรางวัล 3,000 ดอลลาร์ ตั๋วเครื่องบิน 2 ท่าน พร้อมอาหารและที่พักระดับ 5 ดาว รวมมูลค่า 13,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ททท.ยังได้จัดเตรียมรางวัลไว้สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมอีก 2 รางวัลด้วย ซึ่งจะได้รับสิทธิ์ให้มาเที่ยวเมืองไทย 7 วัน และ 5 วัน โดยนักท่องเที่ยวเริ่มแข่งขันได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ส.ค. ประกาศผลวันที่ 2 ก.ย.2554 ทางเว็บไซต์ :: Amazing 10 Days in Thailand ::
    ที่มา ข่าวสด ออนไลน์
     
  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 12:22 น. ข่าวสดออนไลน์


    โชว์ตัวฮิปโปน้อย ชวนเด็กๆ แข่งตั้งชื่อ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อ 30 มิ.ย. ที่ศูนย์แสดงฮิปโปโปเตมัส สวนสัตว์นครราชสีมา นายวิชัย แสงรัตนชัย และนายธนชน เคนสิงห์ ผู้ช่วย ผอ.สวนสัตว์นครราชสีมา แถลงข่าวเปิดตัวสมาชิกใหม่เป็นลูกฮิปโปโปเตมัส เพศผู้ อายุ 16 วัน น้ำหนัก 50 ก.ก. ที่เกิดภายในสวนสัตว์นครราชสีมา เมื่อวันที่ 14 มิย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากฮิปโปตัวพ่อชื่อ "กระทง" อายุ 14 ปี 7 เดือน กับฮิปโป ตัวแม่ชื่อ "ติ่ง" อายุ 17 ปี 8 เดือน โดยทั้งคู่เคยให้กำเนิดลูกฮิปโป ในสวนสัตว์แห่งนี้ เป็นตัวที่สาม

    สำหรับลูกฮิปโป เกิดใหม่ตัวนี้ เมื่อแรกเกิดชั่งน้ำหนักตัวได้ 30 ก.ก. สุขภาพอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรงสมบูรณ์ ขณะนี้อยู่ในช่วงเรียนรู้ และเลียนแบบพฤติกรรมการกินอาหารจากแม่ นอกจากนี้ยังมีนิสัยขี้เล่น มักชอบเดินไล่บรรดาเก้ง และกวาง ที่มาแย่งอาหารกิน เจ้าหน้าที่ที่เป็นพี่เลี้ยงยังไม่สามารถเข้าใกล้ลูกฮิปโปได้ เพราะแม่ฮิปโปจะดุร้าย และหวงลูกมาก โดยพี่เลี้ยงต้องแยกฮิปโปตัวพ่อ ให้ไปอาศัยอยู่ในคอกอนุบาลสัตว์แทน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และการทำร้ายลูกตัวเอง โดยมีการเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด

    สวนสัตว์นครราชสีมา เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี มีส่วนร่วมตั้งชื่อลูกฮิปโปตัวนี้ โดยสามารถส่งชื่อเข้าประกวดได้ทางไปรษณียบัตร มาที่ สวนสัตว์นครราชสีมา 111 หมู่ 1 ต.ไชยมงคล อ.เมือง นครราชสีมา 30000 ตั้งแต่วันนี้ถึง 8 สค. ชิงเงินรางวัลทุนการศึกา 3,000 บาท พร้อมบัตรเข้าชมสวนสัตว์ฟรีเป็นเวลา 1 ปี และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ประกาศผลมอบรางวัลในวันที่ 12 สค. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 044 -934 537
    ที่มา ข่าวสด ออนไลน์

     

แชร์หน้านี้

Loading...