ใครมีประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อเณร วัดทุ่งเศรษฐีบ้างครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ura, 23 พฤศจิกายน 2010.

  1. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เดิมใช้ธนาณัตินั้นจะสะดวกกับทางวัดเพราะมีหลักฐานและดำเนินการง่าย ส่วนเรื่องโอนเงินผ่านบัญชีจะบอกทางวัดฯให้ครับ แต่ก็คงต้องส่งสำเนาการโอนมาด้วยเพราะต้องใช้เป็นหลักฐานจะสะดวกหน่อย จะให้พระไปคอยตรวจสอบ statement คงลำบาก

    ทางวัดกำลังทำเว็บไซด์ของวัดอยู่แต่ในเบื้องต้นไม่มีเว็บบอร์ดครับ เพราะไม่มีบุคคลกรถาวรมาคอยดูแล ใครทำได้ช่วยทำหน่อยก็ดีน๊ะ
     
  2. วีรวัช

    วีรวัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +5,030
    ทำไม่เป็นครับ .
     
  3. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123

    ตอบ
    การฝึกกรรมฐานนั้นสำคัญที่จิตและการวางจิต การอ่านหนังสือกรรมฐานต่อให้อ่านหมดเท่าที่มีขายกันอยู่ก็ไม่ช่วยให้สำเร็จได้ ยิ่งอ่านมากยิ่งรู้มากยิ่งอาจเป็นตัวขวางให้เราช้าเพราะมัวแต่กังวล ดังนั้นเราต้องปฏิบัติให้มาก รู้เพียงหลักบางอย่างที่สำคัญเพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นแล้วปฏิบัติให้มากก็พอ แล้วค่อยศึกษาต่อก็ได้เพราะถ้ายึดตามหนังสือต้องรู้ให้หมดก่อนทุกด้านคงไม่สำเร็จกันพอดี ไปหาหลวงพ่อเณรขอเรียนกรรมฐานสิ ลพ.จะได้แนะนำได้เหมาะกับจริตของเราหรือเรามีของเก่าอยู่หรือไม่ สมัยก่อนพี่ขอให้ลพ.สอน ท่านบอกเคล็ดสั้นๆแค่1-2 นาทีแล้วให้ไปทำดูเชื่อว่ายังไงก็ได้ด้วยตัวเอง บอกไม่ต้องอ่านเยอะเพราะชอบสงสัย ท่านไม่สอนพี่เหมือนสอนคนอื่นที่สอนแบบจริงๆจังๆเป็นขั้นตอน สำหรับพี่พอเราผ่านอะไรท่านก็จะบอก(กับคนอื่น) ว่า เออผ่าน..อันไหนแล้ว และก็ไม่บอกว่าเราจะเจออะไรต่อไป เคยถามว่าทำไมเข้าไม่ได้ดั่งใจนึกตลอดเวลา ท่านก็บอกว่า ทำโพชฌงค์ให้เกิดเพียงเท่านั้นตอบสั้นๆ เราก็หาอ่านต่อก็พบว่าที่เราเข้าถึงทุกครั้งก็เพราะมีองค์ประกอบเหล่านี้ครบนั่นเอง เราก็ปฏิบัติต่อ ฝึกให้ชำนาญ ให้ถามหลวงพ่อแล้วจะได้คำแนะนำที่เหมาะกับเรา

    กรรมฐาน
    ก็คือการฝึกอบรมจิตให้สูงขึ้น พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่ออบรมจิต (อันเป็นแนวทางแห่งการบรรลุสำเร็จมรรคผลนิพพาน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ออกไปได้) กรรมฐานมีทั้งหมด 40 วิธี (กอง) เราใช้วิธีไหนก็ได้ถ้าถูกจริตเรา หรือเคยฝึกฝนมาในอดีตชาติก็จะไวขึ้น แต่ละวิธีก็มีขีดขั้นความสำเร็จไม่เท่ากัน วิธีที่มีขีดขั้นความสำเร็จสูงๆก็คือ กสิณ 10, อสุภ 10, อานาปานสติ สามารถปฏิบัติได้จนถึง จตุตถฌาณ (ฌาณ 4) โดยกสิณ 10 นั้นถ้าปฏิบัติจนได้ฌาณ 4 สามารถเข้าออกได้คล่องสามารถที่จะอธิษฐานจิตเพื่อใช้ฤทธิ์จากกสิณนั้นๆได้ (แต่ผู้ที่ฝึกกสิณควรผ่านการฝึกอานาปนสติมาก่อน เพื่อให้สามารถควบคุมจิตได้ดี มิฉะนั้นอาจธาตุแตกเป็นบ้าได้ ยกเว้นผู้ที่มีของเก่าจากชาติก่อนมาแล้ว) และเมื่อฝึกกสิณจนได้ฌาณ 4 ก็จะสามารถไปฝึกกองที่เป็นอรูปฌาณได้


    อาณาปานสติ สะดวกที่สุดทำได้ตลอดเวลาอาศัยการหายใจเข้า-ออก เป็นตัวล่อจิตให้เป็นสมาธิ จะอยู่ในอิริยาบทไหนก็ได้ นั่ง เดิน ยืน นอน ได้ทั้งนั้น ทำตัวให้สบาย หลักสำคัญคือ การปล่อยวาง ไม่ว่าจะมีภาระหรือเรื่องให้คิดก็ไม่ต้องคิดตอนนั่งสมาธิส่วนการภาวนา-จะภาวนาอะไรก็ได้ ไม่ตายตัว แค่หายใจเข้ารู้-หายใจออกรู้ก็ได้ จะนับเลขเรื่อยๆก็ได้ ภาวนา พุทโธ สัมมาอะระหัง หรือภาวนาอย่างอื่นก็ได้ ลองสังเกตว่าอะไรถูกกับจริตเรา เราทำแล้วสบายที่สุด ความสำคัญมิได้อยู่ที่คำภาวนา แต่อยู่ที่จิตเมื่อปฏิบัติถึงขึ้นนึงแล้ว ลมหายใจละเอียดขึ้นจนแทบจะไม่หายใจ คำภาวนาจะหายไปเอง เมื่อลมหายใจละเอียดขึ้น เราไม่ได้สังเกต พอสังเกตุเห็นก็อาจตกใจกลัวว่านี่เราไม่หายใจจะตายแล้วหรือ ก็เลยตกใจออกจากสมาธิรีบหายใจแรงๆกลัวจะตาย อย่าไปกลัวนั่นแสดงว่าเรามีสมาธิขึ้นแล้วให้ทำไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเราก็ไม่ต้องสนใจ อาจจะมีคันตามร่างกาย รู้สึกกายพองโต ตัวลอยโอนเอน ปิติจนน้ำตาไหล ก็เป็นธรรมดาจะเกิดอะไรก็ปล่อยผ่านไปอย่าไปสนใจ

    ถาม จะเกิดนิมิตไหม เป็นอย่างไร ทำไมคนอื่นเกิดแต่เราไม่
    ตอบ จะเกิดนิมิตหรือไม่ไม่สำคัญ บางคนได้โดยไม่เคยเห็นนิมิตเหมือนคนอื่นเลยก็มี แม้คนที่เห็นนิมิตก็อย่าไปสนใจ ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง มีเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่ต้องสนใจ (อาจเกิดจากสัญญาคือความจำต่างๆผุดขึ้นมาเอง นิมิตที่เกิดขึ้นตอนแรกเริ่มปฏิบัติเราก็ยังแยกไม่ออกว่าเกิดนิมิตจริงหรือมารมาสร้างเพื่อให้เราติดแล้วจะไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติ) ปล่อยให้กระแสต่างๆผ่านไปอย่าไปจดจ่อ...กำหนดรู้แล้วปล่อย อย่ายินดี อย่ายินร้าย อย่าชอบ อย่าชังและอย่าตั้งเป้าหมาย อย่าไปติดอยู่ที่สภาวะใดสภาวะหนึ่ง เพราะถ้าเราไปติดอยู่สภาวะใด เราไปชอบตัวใดอยู่ประคองตัวใดอยู่ ตัวอื่นที่มันไหลผ่านมาเราจะไม่รู้มัน สภาวธรรมต้องอยู่กับปัจจุบันอย่าไปจับตัวใดตัวหนึ่งแล้วมองอยู่นั่น รักษาอยู่นั่นประคองอยู่นั่น..ไม่ได้ ชอบก็ผิดชังก็ผิด อย่ายึดไว้ (อุปาทาน) อย่าให้มีความอยากเกิดขึ้น ทั้งอยากนิ่ง อยากเห็น อยากก้าวหน้า ไม่ไปไหนสักที ความอยากจะทำให้ไม่ก้าวหน้า กรรมฐานแปลกมากแตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวันของเรา "ยิ่งอยากยิ่งมุ่งก็ยิ่งถอยหลัง ยิ่งหยุดกลับก้าวหน้า"

    ถาม แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงขั้นไหน ต่อไปจะเป็นอะไร
    ตอบ ...สภาวธรรมนั้นผู้รู้จริงจะไม่บอกเพราะจะไปสกัดกั้นผู้ปฏิบัติ จะไปจดจ้องคอยคาดหวังซึ่งเป็นตัณหา ถ้าตั้งเป้าไว้แล้วก็พลาดทันทีเลย เพราะมันไม่ตามใจใคร ถ้าเราตั้งเป้าจะไม่เข้าเป้า สภาวะจะชะงักงัน สะกัดกั้นทันที ... ความมหัศจรรย์ทางจิตจะเกิดขึ้นเองจะรู้เอง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้ามีผู้รู้คอยคุมก็จะดูเพื่อให้รู้ว่าเราถึงขั้นไหน ติดอะไรจะคอยแก้แต่ไม่ควรบอกว่าต่อไปจะเป็นอะไร

    นอกจากนี้ก็มีพื้นฐานที่ควรรู้คือ นิวรณ์ (อุปสรรคที่ทำให้ปฏิบัติไม่สำเร็จ) ฌาณ 4 (เพื่อแยกให้รู้ว่าเราอยู่ถึงไหน) โพชฌงค์ 7 (เพื่อให้รู้องค์ประกอบการตรัสรู้ เพราะเมื่อจิตเราเป็นสมาธิมันจะต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้เสมอ) ลองหาอ่านดูเบื้องต้นไม่ต้องถึงกับอ่านทุกอย่าง รายละเอียดปลีกย่อยเยอะ อ่านแค่พอรู้โดยสรุปก็พอ เน้นปฏิบัติก่อนแล้วจะรู้เอง มีคนเยอะที่ปฏิบัติจนได้โดยไม่เคยอ่านเลย

    นี่เป็นพื้นฐานของกรรมฐาน ให้ลองดู รายละเอียดมากกว่านี้ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง พยายามทำบ่อยๆให้คล่อง ที่สำคัญเมื่อปฏิบัติถึงขั้นใดให้จำอารมณ์เอาไว้ คราวหลังจะเข้าก็กำหนดอารมณ์นั้นได้เลย ไม่ต้องเริ่มใหม่ เราจะรู้เองว่าจิตเป็นสมาธิขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2011
  4. oOKongkehaOo

    oOKongkehaOo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +576
    ผมว่าสวยแบบคลาสสิคดีออกนะครับ : )
     
  5. pis_41

    pis_41 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    995
    ค่าพลัง:
    +1,701
    ขอบคุณมากครับ จะลองปฎิบัติดูครับ
     
  6. วีรวัช

    วีรวัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +5,030
    555 ขัดก็ไม่ออก นี่เลยวางไว้อีกไหนๆก็ให้มันดำสองด้านไปเลย
     
  7. ต้นบางปลา

    ต้นบางปลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2011
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +479
    หวัดดียามเช้าครับทุกๆๆท่าน
     
  8. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ขอให้ก้าวหน้านะ

    คำแนะนำเพิ่มเติม:
    ถ้านั่งแล้วไม่นิ่ง กระวนกระวาย อย่าเครียด อย่าบ่นว่าเราจะนิ่งทำไมไม่นิ่ง เพราะมันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น พยายามพยาทยามให้มีสติกำหนดรู้ตามดูลมหายใจนั่นแหละ เดี๋ยวก็นิ่งเอง อยากให้นิ่งมันไม่นิ่งหรอก

    ถ้าสถานที่นั่งไม่เงียบสงบ คนเปิดเพลงดัง คุยกันเสียงดัง ฯลฯ ก็ไม่ต้องสนใจ อย่าไปรำคาญ อย่าสนใจเพราะเสียงมันก็ดังของมันอยู่อย่างนั้นไม่เกี่ยวกับเรา ไม่ต้องหาที่ไหนที่เงียบ ถ้าเรามัววิ่งหาสถานที่ก็ไม่ต้องปฏิบัติกันสักที ความสงบเกิดจากภายในตัวเราไม่ต้องสนใจภายนอก แม้นั่งอยู่ข้างรางรถไฟก็สงบได้ เมื่อถึงจุดนึงหูจะดับไปเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2011
  9. hongparkk

    hongparkk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +10
  10. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ขอบคุณครับที่แชร์ข้อมูล
    ทำงานที่ร้อยเอ็ดนี่เองถึงบูชาของวัดฯทางไปรษณีย์
     
  11. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,552
    ค่าพลัง:
    +19,462
    แอบมาโชว์ แว๊บๆ เหรียญ บารมี 30 ทัศน์ ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0762.JPG
      IMG_0762.JPG
      ขนาดไฟล์:
      124.3 KB
      เปิดดู:
      118
    • IMG_0763.JPG
      IMG_0763.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.2 KB
      เปิดดู:
      115
  12. hongparkk

    hongparkk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +10
    ครับ ไกลมากมาย ผมทำงานโฆษณา การตลาด ควบงานบุคคลด้วย เฮ้อ
    ต้องติดต่อผู้คนคุยงานกับผู้ใหญ่ แถมคุมคนหมู่มากอีก ทั้งที่ผมยังไม่30เลย
    ต้องหาของดีมาไว้กับตัวครับ

    หลวงพ่อท่านมีโครงการจะเดินทางมาอีสานไหมครับ ได้กราบท่านสักครั้งคงเป็นบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2011
  13. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    เข้ามากราบ ลพ.เณร ยามเช้า เป็นมงคลกับตัวก่อนครับ....สาธุๆๆ
     
  14. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    เดินทางไปบ่อยครับไปเยี่ยมอาจารย์ เรียนวิชา

    คอยตามข่าวครับเวลาวัดมีงาน ถ้าว่างเดินทางไปที่วัดได้เลยครับถ้าไม่มีที่พักก็ขอพักที่วัดได้ครับ ขอให้สำเร็จดังที่หวังครับ
     
  15. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ถ้าว่างไปงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ครูบาสิงห์โต นะ เสาร์ที่ 2 เวลา16.00 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2011
  16. hongparkk

    hongparkk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +10
    พระอาจารย์หนุ่มท่านอายุมากรึยังครับ ท่านพูดจ๊ะด้วย แปลกหูจัง
    พระอาจารย์ท่านกำลังจะไปไปรษณีย์ ทั้งที่วันนี้มีงานประราชทานเพลิงศพด้วย รู้สึกเกรงใจท่านจังเลยครับจริงๆผมไม่ได้รีบนะ มองในแง่ดีไว้ท่านอาจจะมีธุระพอดี
     
  17. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    30 กว่าๆ คงจะกำลังอารมณ์ดี
     
  18. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    ...ขอขอบพระคุณมากๆครับ พี่ ผมเองก็อยากไปนะครับ แต่ผมมีเรียน ที่ มธ..เกรงว่าจะมาไม่ทันครับ...เสียดายจังครับ...

    ครั้งที่แล้ว งาน พ่อท่านเลิบ ก็ได้ไปแค่ 2 วันเองครับ...แต่ก็ยังดีที่ได้ไปกราบ พ่อท่านเลิบ แม้ว่า วันสุดท้ายไม่ได้ไปก็ยังดี.....สาธุๆๆ หวังว่าคงมีวาสนาได้กราบพระอริยเจ้าเยอะๆ กับเขาบ้าง.


    ปล.ผมว่างานนี้ ลพ.เณรท่านต้องมีอะไรให้กับ ลูกศิษย์อีกแน่ๆครับ ตาม แบบฉบับผู้มีแต่ให้ครับ.....ขอเชิญทุกท่านเลยนะครับ.....
     
  19. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    พี่อธิบายเหตุผลของการบูชาเทพ เทวดา ไปแล้วก่อนหน้านี้ -> จริงหรือที่ไม่ควรบูชาเทพ เทวดา?

    มีอีกคำถามคำพูดที่คนมักกล่าวเสมอว่า "ไหว้ฤาษีทำไม" "ห้ามกราบไหว้ฤาษี" "ห้ามนำฤาษีเข้าบ้าน" "ไม่ควรบูชาฤาษี" ฯลฯ อีกมากมาย โดยสรุปก็คือไหว้ฤาษีไม่ดีกับชีวิต

    ถาม ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นจริงหรือ
    ตอบ แล้วเมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์นึกถึงใครก่อน ไม่ใช่พระฤาษีทั้งสองหรือ (อาฬารดาบส,อุทกดาบส) และเมื่อทรงทราบว่าอาจารย์ทั้งสองได้ละสังขารแล้ว พระองค์ก็ทรงไปโปรดปัญจวัคคีทั้ง 5 (ก็ฤาษีอีกนั่นแหละ) ถามว่าทำไมต้องโปรดฤาษีก่อน เพราะได้ทรงพิจารณาแล้วว่าจะควรโปรดผู้ใดก่อนในการบรรลุธรรม ทำให้บังเกิดพระรัตนตรัย ครบ 3 องค์ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย อันเป็น "วันอาสาฬหบูชา"

    เพราะฤาษีก็คือนักบวชผู้บำเพ็ญพรต ตบะ รักษาศีล อย่างยิ่งยวด ผู้ที่กระทำจิตด้วยความเพียรและได้ตั้งปฏิธานไว้ทางใดทางหนึ่ง เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะฌานสมาบัติขั้นต่าง ๆ ผลนั้นจะก่อให้เกิดอำนาจทิพย์ญาณ ก่อเกิดอิทธิฤทธิ์ในด้านใดด้านหนึ่งแล้วแต่ผู้บำเพ็ญเพียรจะตั้งจิตอธิษฐาน ท่านสามารถใช้จิตที่ฝึกฝนมาดีแล้วมาใช้ประโยชน์ได้เช่นด้านฤทธิ์

    การที่พระพุทธองค์ทรงโปรดฤาษีก่อนแสดงให้เห็นอะไร? แสดงให้เห็นความกตัญญู เพราะได้รับการสอนจากพระฤาษีทั้งสอง พระองค์ ทรงเรียนจนบรรลุฌาณ ทั้งรูปฌาณและอรูปฌาณ เพียงแต่ว่าพระพุทธองค์ทรงเห็นแล้วว่าด้านฤทธิ์นี่ก็ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงหันมาเดินทางสายกลาง โดยใช้อำนาจจิตที่ผ่านการฝึกมานั้นมาใช้เพื่อกำจัดกิเลส

    ถาม แล้วมีตัวอย่างอื่นอีกไหม
    ตอบ

    • แล้วตำราแพทย์แผนสมุนไพรในอดีตใครเป็นคนคิด ก็ฤาษีอีกนั่นแหละ เช่น ปู่ชีวกโกมารภัจ
    • แล้วตำราฤาษีดัดตน ตำรานวดแผนไทย ก็ฤาษีอีกนั่นแหละ
    • วัตถุมงคลดังๆที่อยากได้กันทั้งบ้านทั้งเมือง สมัยก่อนก็ฤาษีปลุกเสกทั้งนั้น ทั้ง พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน, พระผงสุพรรณ ก็จัดสร้างเพื่อเป็นการสืบศาสนาโดยฤาษี
    • ตำหรับตำรา สรรพวิชา อาคมต่างๆก็มาจากฤาษีก็เยอะ ฯลฯ

    ฤาษีจึงถือเป็นบรมครูของสรรพวิชาต่างๆ พระพุทธองค์ยังทรงแสดงความกตัญญู แล้วเราล่ะเรียนวิชาต่างๆหรือรับผลของการใช้วิชาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยาสมุนไพร นวด ใช้วัตถุมงคล อาบน้ำมนต์ต่างๆ แล้วจะไม่นึกถึงบุญคุณครูบาอาจารย์เจ้าของตำราอย่างนั้นหรือ? เห็นทำยาสมุนไพรบ้าง รดน้ำมนต์บ้างแต่กลับไม่ไหว้ฤาษีซึ่งเป็นบรมครูเป็นเจ้าของตำรา

    ถาม แล้วพระห้ามไหว้ฤาษี ?
    ตอบ พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติให้พระต้องไหว้ฤาษี เพราะเลี่ยงที่จะไม่ให้พระที่ไม่มีฌาณหยั่งรู้ว่าฤาษีตนใดมีคุณธรรมสูงน่ากราบไหว้ เพียงแค่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ก็กราบไหว้ (ไม่ได้ดูที่จำนวนศีลที่ถือ มิฉะนั้นพระก็ต้องไหว้ภิกษุณีที่ถือศีลมากกว่า) ก็เพื่อที่จะไม่ให้เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา จึงบัญญัติไว้ว่าไม่ให้ไหว้ผู้ที่ไม่ได้อุปสมบทเท่านั้น

    ถาม กราบไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็พอ อย่ากราบไหว้บูชาฤาษี
    ตอบ บูชาสิ่งที่ควรบูชาเป็นมงคลแก่ชีวิต ก็เหมือนกับที่บอกว่าควรไหว้เทพเทวดา เพราะเรากราบไหว้ที่คุณความดีของท่าน ฤาษีก็เหมือนกันท่านมีคุณความดีมาก สมควรที่จะเคารพบูชาเช่นกัน
    สำหรับปู่ฤาษี (ที่เป็นกายทิพย์) อยู่ในภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ ท่านบำเพ็ญเพียรสั่งสมบุญบารมีมามาก สั่งสอนสรรพวิชามาก็เยอะ เป็นบรมครู เราก็ต้องแสดงความกตัญญูบูชาครู มิฉะนั้นก็ถือว่าอกตัญญู ส่วนที่ยังมีกายเนื้ออยู่ก็ต้องพิจารณากันต่อไปว่ามีคุณความดีหรือไม่อย่างไร

    ถาม มีคนเคยถามว่า "จริงหรือตำราหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว บอกว่าไม่ให้กราบไหว้ฤาษี ?"
    ตอบ พระเกจิอาจารย์ ที่มีบรมครูเป็นฤาษีจะเรียกว่าเป็นสายฤาษีก็ได้ เช่น สมเด็จโต ลป.ทอง วัดราชโยธา ลป.เผือก วัดกิ่งแก้ว ลพ.ทับ วัดสลุด ลป. ปาน วัดบางนมโค เป็นต้น ก็บวงสรวงไหว้ครูบูรพาจารย์ที่เป็นฤาษีทั้งนั้น ดูโองการบวงสรวงในงานไหว้ครูก็จะรู้ โองการทำน้ำมนต์ต่างๆก็มีการขอบารมีปู่ฤาษีองค์ต่างๆมาช่วยทำน้ำมนต์ให้ แล้วจะบอกว่าไม่ให้ไหว้ได้อย่างไร และที่สำคัญให้ดูยันต์ครูหลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ดูครับว่าเขียนว่าอะไร
     
  20. วีรวัช

    วีรวัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,622
    ค่าพลัง:
    +5,030
    พระเวลาพูดกับโยม ก็ จ๊ะลงท้าย เหมือนคำว่า ครับ ของฆราวาส แต่พระจะไม่ครับกับโยม จะครับ กับพระด้วยกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...