ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ชัดเจนเลยครับ ^^ เต็มๆ

 

จับตามองท้องฟ้าบ่อยๆ ใครๆก็มีโอกาสเห็น
อาจมีการแสดงครั้งยิ่งใหญ่ ("เร็วๆนี้!") ให้เห็นกันจริงๆก็ได้
บินกันทั่วถึงเลยครับช่วงนี้...

 

สุดยอดมากครับ ของจริงครับ แท้ตาเปล่า ไม่ต้องเข้ากล้อง

 

wel lcome_mokey UFO ja'

But R you sure that ,UFO are not Satan( Illminati ) ? catt19

 

ชัดเจนครับ
ช่วงนี้ผมก็พยายามมองท้องฟ้าบ่อย ๆ เผื่อจะเจอบ้าน อิอิ

 

เข้ามาอ่าน

น่าสนใจจริงๆ

 

คุณ ละเมียด ครับ

ก่อนเขาจะมาเปิดเผยตัว หากติดต่อเขาได้ ช่วยบอกบวกเขาว่า กระผมม่อยากให้พวกเขาเข้ามาในบ้านผม ครับ (ไม่เคยถามเจ้าของบ้านเลย) แย่จริงๆ 55555555

กระผมอ่านชื่อคุณถูกหรือเปล่าหนอ อิอิ (f)

 

สวัสดีครับ คุณละเมียด ชื่อเหมือนๆ คุณครูยังไงก็ไม่รู้

 

รอทีมแปลคร๊าบ อิอิ ^^

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ

 

Illuminati Bloodline.......สายเลือดอิลลูมินาติ
วันนี้วันอาทิตย์เรามาดูเรื่องเบาๆ กันดีกว่าครับ หลายวันก่อนผมเห็นมีเพื่อนของเราท่านหนึ่ง ให้เกียรติที่จะนำข้อมูลบางส่วนไปเผยแพร่ต่อครับ ในนามของกลุ่ม Anti Illuminati Thailand ใน Facebook ซึ่งผมก็ยังคงหาไม่เจออยู่ดีครับ...555 คงจะต้องรบกวนอีกครั้งว่าต้องทำตรงไหนอย่างไร เผื่ออาจจะมีเพื่อนๆ เราอีกหลายท่านจะเข้าไปดูข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง

สัญญลักษณ์ของกลุ่มอิลลูมินาติ
ซึ่งดวงตาด้านบนสื่อถึงเทพเจ้า Horus
ซึ่งก็คือ "ลูซีเฟอร์" หรือ "ซาตาน" นั่นเอง

"อิลลูมินาติ" (Illuminati)........ถูกกล่าวถึงในหนังสือหลายเล่มของแดน บราวน์ ครับ หนึ่งในนั้นก็คือ Angels and Demons จึงทำให้เรื่องของอิลลูมินาติ กลายเป็นเรื่องของจินตนาการในโลกภาพยนตร์ไปโดยส่วนใหญ่ สำหรับผมคิดว่ามันเป็นกลยุทธหนึ่งในการพลางตัวครับ และดูเหมือนจะได้ผลอีกต่างหาก



ยิ่งเค้าสามารถทำให้คนทั่วไปคิดอย่างนั้นได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำงานทุกอย่างได้สะดวกขึ้นในมุมมืดของพวกเค้าต่อไปครับ แต่เบื้องหลังของเสียงหัวเราะของคนที่คิดว่า เป็นเรื่องแต่งหรือเป็นเพียง "หนัง" เรื่องหนึ่งเท่านั้น มันมีอะไรลึกลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลังมากมายครับ สำหรับกลุ่มต่อต้านอิลลูมินาติที่ก่อตัวขึ้นทั่วทุกมุมโลก ณ ขณะนี้ ควรจะ "ต้อง" รู้ครับว่าพวกเค้าคืออะไร เป็นใคร มีตระกูลไหนบ้าง มีโครงสร้างอย่างไร ทำงานผ่านองค์กรไหนบ้าง และสุดท้ายเพื่อให้เรารู้ว่าเราจะปรับตัวอย่างไรเพื่อให้อยู่ในโลกใบนี้อย่างมีความสุข สันติและไม่ตกเป็นทาสไปซะก่อน


ส่วนบนสุดของ "อิลลูมินาติ" ประกอบด้วย 13 ตระกูลหลักของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นยิวปลอมผู้มั่งคั่งและทรงอำนาจ โดยจะส่งตัวแทนขึ้นมา 10 คนจาก 13 ตระกูล หรือที่เรียกว่า "Supreme Council of the TEN Wise Man" หน้าที่ของคณะทำงานนี้ก็คือ "บริหารจัดการ" โลกของเรานี่แหละครับ จะให้ประเทศไหนรวยหรือจน จะดันประเทศไหน จะทุบประเทศไหน จะเอาใครมาเป็นประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีของประเทศไหน "ทั่วโลก" ครับ ( ในความเห็นของผม ทฤษฏี "เศรษฐกิจพอเพียง" จึงเป็นทฤษฏีที่เหมาะสมกับเราในสถานการณ์โลก ณ ขณะนี้ ก็เพื่อให้เราพึ่งพาหรือยืนอยู่บนขาของเราเองได้ ยิ่งเราพึ่งพาต่างชาติมากเท่าไหร่ เราก็จะตกเป็นทาสมากเท่านั้น ดูตัวอย่างกรณีของ IMF )

ผมจะไม่พูดถึงนะครับว่ามีตระกูลไหนบ้างเพราะมีอยู่ในภาพทั้งหมดแล้ว โดยสายเลือดอิลลูมินาติเกือบทั้งหมด เป็นเชื้อสายของกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ เจ้านายระดับสูง รวมทั้งชนชั้นสูงและชั้นปกครองจากทวีปยุโรปซะโดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ "นักบวช" ชั้นผู้ใหญ่ของบางศาสนา ซึ่งทั้งหมดสืบทอดกันมานับร้อยปีครับ ซึ่งถ้าเราศึกษาจะลึกลงไปอีกเราจะสังเกตุเห็นครับ ว่าการเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นการ "สืบทอดกันโดยสายเลือด" ในลักษณะของ Dynasty หรือลักษณะของราชวงศ์ แล้วจากจุดนี้ก็กระจายโครงสร้างสู่ฐานล่างของปิระมิดด้วยบริษัทข้ามชาติ องค์กรระดับโลกต่างๆ องค์กรการกุศล รวมทั้ง "ศาสนา" ใหญ่ของโลกศาสนาหนึ่ง "ที่เอาความเชื่อในเรื่องพระเจ้าขึ้นมาบังหน้า" แต่กลับไปบูชา " ปิระมิดและดวงอาทิตย์ 1 ,2 " ซึ่งดวงอาทิตย์ก็เป็น Symbol หรือสัญลักษณ์ที่สื่อถึง The Morning Star หรือ "ดาวประจำรุ่ง" ที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าในสมัยดึกดำบรรพ์และมีการจดบันทึกไว้ในพระคัมภีร์นั่นเอง

มีแทรกซึมลงไปทุกระดับชั้นทั้งการศาสนา ในเกือบทุกศาสนาจะมีการแทรกตัวอยู่ โดยการสนับสนุนทางด้านการเงินแล้วค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปเปลี่ยน"แก่น" หรือหลักคำสอนดั้งเดิมของศาสนาต่างๆ มีการนำ "เทคโนโลยีล้ำสมัย" และรูปแบบการนำเสนอใหม่ๆ เข้าไปใช้ในวงการศาสนาทั่วโลก ซึ่งจะเน้นหนักไปการสร้าง "สถานนมัสการ" หรือ "วัตถุขนาดยักษ์" เพื่อเป็นเครื่องดึงดูดผู้คนอีกจำนวนมหาศาลที่จะหลั่งไหลตามมา ตัวอย่างเช่น การสร้าง "Mega Church" ในต่างประเทศ หรือก็คือโบสถ์ขนาดยักษ์ที่จุคนได้หลายหมื่นคน เพียบพร้อมไปด้วยแสง สี เสียง จอโปรเจคเตอร์ขนาดยักษ์ ซึ่งก็ย่อมปลุกเร้า(ด้วยคำสอนที่ผิดแผกออกไป)ความรู้สึกของผู้ที่มีส่วนร่วมอย่างได้ผล และทั้งหมด "ปลอด" หรือได้รับการยกเว้นภาษีครับ



เป้าหมายสูงของพวกเค้าก็คือการสลาย "แก่น" ของศาสนานั้นแล้วนำ "หลักคำสอน" ของพวกเค้าเข้าไปแทนที่ (ต้องสังเกตุให้ดีครับ...อย่าหลงไป) ยิ่งถ้าสังเกตุในรายละเอียดจะมีการซ่อน SM หรือสัญลักษณ์ไว้ในการจัดกิจกรรมใหญ่ๆ หลายๆ ครั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการศาสนา ผมเชื่อว่าหลายๆท่านในนี้คงจะพอมองเห็นได้ ซึ่งวิธีการนี้แหละครับที่เป็นวิธีการที่อีกกลุ่มที่เหนือขึ้นไป ใช้ "กลืน" อีกศาสนาหรือความเชื่อหนึ่งที่เกิดขึ้นในปี คศ.1814 ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ครับ

มีการแทรกซึมทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการทหารโดยองค์กรจัดตั้งทางสังคมและการกุศลต่างๆ ใน 140 กว่าประเทศทั่วโลก ซึ่งจะลึกลงไปในระดับไหนเท่านั้นเอง ส่วนบ้านเราโดนเข้าไปลึกถึงกระดูกทั้งการเมืองและกองทัพ โดน "แซะ" ออกด้วย "รถถัง" ไปก็หลายครั้งด้วยข้อหา "เอื้อ" ต่างชาติและ "เปิดช่อง" จนน่าเกลียด แล้วถ้ายังขัดขืนอย่าง "พม่า" ในวันนี้ ประเทศเหล่านั้นจะต้องกลายเป็น "ผู้ร้าย" ในเวทีโลกไปในที่สุด หลายๆรัฐบาลของเราจึงต้องทำตัวเป็น "Good Boy" ของเค้าอย่างเช่นในอดีตและปัจจุบันครับ


และพวกเค้าทั้งหมดนี้กำลังเร่งผลักดัน Agenda วาระใหญ่หรือวาระสำคัญที่สุดของพวกเค้าและโลกใบนี้ครับ นั่นก็คือ New World Order หรือ New Age Movement หรือการจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งเป็น Master Plan หรือแผนแม่บทของเรื่องทั้งหมดที่กำลังดำเนินไปในโลกของเราใบนี้ และทั้งหมดนี้มีอยู่จริงครับ ไม่ว่าคุณจะเคยรับรู้หรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่า "สิ่งที่เราไม่เคยรู้มันต้องไม่เป็นจริง" เพราะความคิดเช่นนั้นมันเปรียบเสมือนการ "ฆ่าตัวตาย" ในทางความคิดครับ



มีความเชื่อและความพยายามพิสูจน์ว่า คนเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากพวก Reptilians หรือ Hybrid หรือเนฟริม หรือเนฟิริม ที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ และพวกเค้าเหล่านี้ก็เป็นชนชั้นปกครองเกือบทั้งหมด ซึ่งโดยข้อมูล "ตรง" ครับและมีความเป็นไปได้เช่นกัน แต่คงไม่ใช่เป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องไปพิสูจน์มากกว่าสิ่งที่พวกเค้ากำลังผลักดัน หรือจะพาให้โลกและชีวิตของพวกเราต้องเผชิญครับ



พอจะนึกภาพออกหรือยังครับว่า ภาพความมั่งคั่ง ร่ำ รวย ที่สุดในโลกของคนเหล่านี้มากจากไหน แล้วพวกเค้าเชื่อมโยงเครือข่ายและทำงานกันอย่างไร ตลาดทุน ตลาดเงิน ระบบการเงิน การธนาคาร ระบบการค้าเสรี ของโลกใบนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เศรษฐกิจตกต่ำ สงครามมาจากไหน ทำไมโลกไม่เคยมี "สันติภาพ" ที่แท้จริงซักที ตั้งแต่พวกเราเกิดมา ทั้งที่สร้างและขยายขอบเขตสงครามกันไปทั่วโลก โดยอ้างเหตุผลของการสร้าง "สันติภาพ.......ด้วยสงคราม" แต่นักร้องชื่อก้องโลกหลายๆคนที่ออกมาเรียกร้อง "สันติภาพ" และหยุดยั้ง "สงคราม" กลับต้องจบชีวิตอย่างปริศนา




ทั้งหมดทั้งสิ้นที่ผมกล่าวมาทั้งหมด เป็น "เรื่องจริง" ที่มีพยานหลักฐานทางประวัติศาสตร์รองรับอย่างแน่นหนามาตลอดนับร้อยปี แต่ด้วยเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ยังไม่ก้าวหน้าอย่างเช่นทุกวันนี้ และทั้งหมดถูกเขียนและถูกบันทึกไว้ในภาษาอังกฤษซึ่งถ้าไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอหรือเศรษฐีจริงๆ คงจะไม่มีโอกาสข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่ำเรียนมาได้อย่างทุกวันนี้ โดยเฉพาะการกำเนิดของ "อินเตอร์เนต" ข้อมูลเหล่านี้จึงมีโอกาสที่จะมาถึงอีกฟากโลกหนึ่งอย่างที่เป็นอยู่ครับ แต่อย่างที่ผมเคยพูดไว้เสมอๆครับว่า "อย่าเพิ่งเชื่อ" จนกว่าคุณจะพิสูจน์สิ่งเหล่านี้...ด้วยตัวคุณเอง เชื่อในสิ่งที่คุณจะเห็นหรือค้นพบด้วยตัวคุณเองแล้วคุณภูมิใจว่าคุณได้พบ Black Hole หรือหลุมดำจริงๆ บนโลกใบนี้แล้ว

และทั้งหมดเป็นเนื้อหาคร่าวๆ เท่านั้นที่จะทำให้เรารู้ว่า "ศัตรู" หรือ "ดวงตา(ตรา)ที่มองไม่เห็น" ในระดับโลกเป็นใคร เค้าต้องการอะไรหรือจะพาโลกใบนี้ไปทางไหน เราคงพอจะมองเห็น "อนาคต" ได้ ในอีกระดับหนึ่งนะครับ
....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri: Illuminati Bloodline.......สายเลือดอิลลูมินาติ


ปฏิบัติการมารครองโลก


หนังสือแนะนำโดยคุณ Civilcool ครับ เผื่อท่านใดที่สนใจศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับที่มาของกลุ่มอีลูมินาติและกลุ่มที่เกี่ยวข้องต่างๆ ว่ามีบทบาทอย่างไรในระดับโลก เหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในโลกในอดีตที่ผ่านมาและสิ่งที่ถูกวางไว้ให้เกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการที่พวกเค้าสร้างหรือก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ขึ้นมาอย่างไร การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศมหาอำนาจครั้งสำคัญๆของโลก ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศษ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา และ

หนึ่งในนั้นก็คือ "การล้มเจ้า" หรือความพยายามล้มระบบกษัตริย์ลงในทั่วทุกมุมโลก เพื่อหยิบยื่นสิ่งนึงที่เค้าเรียกว่า "ประชาธิปไตย" เข้าไปในหลายประเทศ และ "คอมมูนิสต์หรือสังคมนิยม" เข้าไปในอีกหลายประเทศ ซึ่งกระทำโดยคนกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างแนวทางความคิด รูปแบบการปกครอง และศาสนา เพื่อนำไปสู่สงครามระหว่างประชาชาติ เพื่อตักตวงผลประโยชน์จากสงครามและการยึดครองในที่สุด

ที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็น ภาพร่างและการก่อ "สงครามโลกครั้งที่่ 3" ซึ่งใกล้เข้ามาเต็มที และถูกกำหนดไว้แล้วให้เกิดขึ้นในอนาคตและสิ่งที่เราจะต้องพบเจอซึ่งจะตามมาหลังจากการสิ้นสุดของสงคราม

โดยส่วนตัวถ้าใครติดตามบล๊อกนี้มาตลอด ผมแนะนำว่า "ต้อง" อ่านครับ ลองเชื่อมต่อประวัติศาสตร์เหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อให้เรารู้จักพวกเค้า ขีดความสามารถของพวกเค้า ให้เรารู้ทันและกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเองให้ทันกับกระแสเหล่านี้ "เตือนคนรอบข้างและออกจากแมทริกหรือวิถี(ที่เราคิดว่านี่คือชิวิต)ที่เค้าสร้างให้เราอยู่" เพราะเมื่อเรารู้ก่อน เราจะได้เปรียบในการเตรียมพร้อมและเพื่อให้เราอยู่รอดได้อย่างไม่ลำบากเกินไป??? และสุดท้ายหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 1959 หรือ 51 ปีมาแล้ว ก็คือเรารู้เรื่องนี้ช้าไป 51 ปีแีล้วครับ


ด้วยพระนามแห่งพระเจ้า ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

หนังสือ เล่มนี้ พยายามที่จะชี้ให้เราเห็นว่า สาเหตุแห่งความปั่นป่วน วุ่นวาย การปฏิวัติ และการสงครามที่เกิดขึ้นในโลกนี้นั้น เป็นฝีมือของคนเพียงไม่กี่คน ซึ่งเป็นตัวแทนของสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า "อิลลูมินาติ" หรือ "ซาตาน" เนื้อหาในเล่มอาจจะยากในตอนแรก สำหรับผู้ที่ไม่สนในประวัติศาสตร์ แต่ถ้าหากว่าคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบแล้ว คุณจะต้องสนใจประวัติศาสตร์ขึ้นมาทันที...(บางส่วนจากคำนำ)

สารบัญ

บทที่ 1 ขบวนการปฏิวัติโลก
บทที่ 2 การปฏิวัติในอังกฤษ ค.ศ. 164-166
บทที่ 3 บุคคลผู้ก่อให้เกิดการปฏิวัติในฝรั่งเศส ค.ศ. 1789
บทที่ 4 การสิ้นอำนาจของ นโปเลียน
บทที่ 5 การปฏิวัติอเมริกา
บทที่ 6 กลเม็ดทางการเงิน
บทที่ 7 เหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติในรัสเซีย (เลนิน)
บทที่ 8 การปฏิวัติในรัสเซีย ค.ศ. 1917
บทที่ 9 แผนการทางการเมือง
บทที่ 10 สนธิสัญญาแวร์ซายส์
บทที่ 11 สตาลิน
บทที่ 12 การปฏิวัติในสเปน
บทที่ 13 สงครามกลางเมืองในสเปน
บทที่ 14 นายพลฟรังโก
บทที่ 15 ยุคแห่งความหวาดกลัวของการปฏิวัติ
บทที่ 16 เหตุการณ์นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
บทที่ 17 สงครามโลกครั้งที่ 2
บทที่ 18 อันตรายในปัจจุบัน
ฯลฯ

ISBN :9789749482384
ผู้ เขียน : วิลเลียม กาย คาร์
สำนักพิมพ์ : 14 พับลิเคชั่น 8/7 หมู่ 1 ซ.เสรีีไทย แขวงคลอกกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.10240
โทรศัพท์ : 02-234-1864 , 02-630-7102
โทรสาร : 02-234-1864

The Book.......ปฏิบัติการมารครองโลก ( Update 1 )

อัพเดตเกี่ยวกับหนังสือเรื่อง "ปฏิบัติการมารครองโลก" ครับ สำหรับท่านใดที่ยังหาซื้อไม่ได้ ผมได้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของสำนักพิมพ์มา ลองติดต่อดูครับ ผมอาจจะนำเนื้อหาบางส่วนที่สำคัญมาโพสต์ไว้ให้ครับ อย่างเช่นการก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าเค้าพล๊อตเรื่องกันไว้อย่างไร แบ่งขั้วแบ่งข้างกันไว้อย่างไร ก็คือเืรื่องที่เราเคยคุยๆกันในบล๊อกนี่แหละครับ แต่คุณจะเห็นความเชื่อมโยงที่ผ่านมาทั้งหมดในอดีต (บอกได้คำเดียวอาจจะว่าต้อง...อึ้ง!!!...ครับ) ทั้งระบบการเงินการธนาคารโลก สร้างเงินออกมาจากอากาศกันอย่างไร เข้ายึดครองประเทศด้วยการยึดครองระบบการเงินของประเทศนั้นๆ อย่างไร และอีกหลายๆ เรื่องที่จะช่วยให้เราได้มองเห็นว่าอะไรกำลังจะมา่ครับ

หนังสือ : ปฏิบัติการมารครองโลก (คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด)
ผู้เขียน : วิลเลียม กาย คาร์
ผู้แปล : สันติ ธรรมโณทัย
สำนักพิมพ์ : 14 พับลิเคชั่น 8/7 หมู่ 1 ซ.เสรีีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.10240 โทร.02-732-5563, 02-732-5564

ช่วยกระจายกันต่อไปครับ เพื่อคนไทยอีกจำนวนมากจะได้ตาสว่าง โดยเฉพาะนักปกครองหรือมีส่วนในการบริหารประเทศ อย่าเสียรู้ให้กับพวกเค้าครับ เพราะถ้าท่านเสียรู้ให้เค้าแล้ว เราจะเสียประเทศไทยให้กับเค้าด้วย!!! กับปัญหาการเมืองในวันนี้ว่าคนไทยบางส่วนกำลังทำอะไรกันอยู่ คนไทยอาจจะไม่ต้องมา "ฆ่ากันเอง" เพราะความไม่รู้ทันคนกลุ่มนี้ ถ้าได้อ่านแล้ว คุณจะเข้าใจถึงปัญหาการเมืองไทยในวันนี้ แล้วในที่สุดคุณอาจจะไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่งครับ แล้วอาจจะพูดได้ว่า "โอ เราโดนพวกเค้าหลอกให้ฆ่ากันเองแท้ๆ!!!"

ส่วนใครที่ซื้อและอ่านแล้วตรงไหนที่โดนใจ โพสต์คอมเมนต์ไว้ครับ เพราะอาจจะเป็นอะไรที่คนไทยทุกคนควรรู้ด้วยก็ได้...
....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri: The Book.......ปฏิบัติการมารครองโลก ( Update 1 )

วิลเลี่ยม กายคาร์

เมืองเคลียร์ วอร์เตอร์, รัฐฟอริด้า
13 ตุลาคม 1958

หากสิ่งที่ข้าพเจ้าจะเปิดเผยต่อไปนี้ ทำให้ท่านต้องตกอกตกใจแล้วละก็ ข้าพเจ้าต้องขออภัยท่านด้วย เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าจะเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ อาจทำให้หลายคนคาดไม่ถึง แต่มันก็เป็นความจริง ความจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นความจริงที่จะตอบปัญหาหลายอย่างให้แก่เราได้

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่ง ที่มีความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกนี้จึงไม่อาจจะอยู่กันได้อย่างสันติสุข ทั้งๆ ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานทรัพยากรต่างๆ เอาไว้ให้ใช้อย่างอุดมสมบูรณ์แล้ว ด้วยสาเหตุนี้เอง จึงทำให้ข้าพเจ้าพยายามค้นคว้าหาคำตอบข้อสงสัยดังกล่าว มาตั้งแต่ปี คศ.1911 จวบจนกระทั่ง คศ.1950

"ข้าพเจ้าก็พบว่า สงครามและการปฏิวัติต่างๆ ที่ฉุดคร่าชีวิตมนุษย์ และสร้างความวิบัติหายนะให้แก่มนุษย์นั้นมิได้มีสาเหตุมาจากสิ่งอื่นใด นอกจากการคบคิดกันก่อการร้ายของพวกซาตาน หรือพวกมารร้ายนั้นเอง"

ท่านยอมรับไหมว่า ปัญหาร้อยแปดพันประการที่เกิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินนี้ มีสาเหตุมาจากมนุษย์นั่นแหละที่เป็นตัวการสำคัญ ข้าพเจ้าหมายถึงมนุษย์ที่ยังมีชีวิต มีจิตวิญญาณ ซึ่งคนที่ตายไปแล้วไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว "วิญญาณ" นั่นแหละเป็นสิ่งที่ควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ ร่างกายของมนุษย์จึงเป็นเพียงถุงมือที่สวมอยู่ในมือแห่งวิญญาณเท่านั้น หากคิดกันตามแนวนี้แล้ว ความปั่นป่วนวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดขึ้นมานั้น มันก็มีสาเหตุมาจากวิญญาณ ที่อยู่ในตัวมนุษย์นั่นเอง และเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อตอนที่ ลูซีเฟอร์(มารร้าย) มันเริ่มท้าทายอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว

คัมภีร์ต่างๆ บอกเราไว้แล้วว่า แผนการร้ายของพวกลูซีเฟอร์ได้มาเกิดขึ้นในสวนเอเดนบนโลกนี้ได้อย่างไร และข้าพเจ้าก็ขอยอมรับว่า กุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้ข้าพเจ้าไขไปสู่คำตอบปัญหาที่ข้าพเจ้าสงสัยอยู่นั้น ก็มาจากใจความส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิ้ล

ดูเหมือนว่า น้อยคนนักที่จะตระหนักว่าลูซีเฟอร์เป็นวิญญาณที่ชาญฉลาดที่สุด และเป็นวิญญาณที่ไม่มีใครทำลายได้ คัมภีร์ต่างๆ บอกเราว่ามันมีอำนาจถึงขั้นที่สามารถจะล่อลวงวิญญาณต่างๆ ให้หันเหออกจากพระผู้เป็นเจ้ามาเข้าร่วมกับมันได้ มันอ้างว่าแผนการของพระผู้เป็นเจ้าในการปกครองจักรวาล เป็นแผนการที่อ่อนแอและปฏิบัติไม่ได้ เพราะแผนการของพระองค์นั้น อยู่บนพื้นฐานที่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ได้เรียนรู้ มีความรักและอาสาสมัครที่จะรับใช้พระองค์โดยเต็มใจ แต่อุดมการณ์ของพวกมารร้ายถือว่าอำนาจคือสิทธิ มันอ้างว่าคนที่เฉลียวฉลาดกว่า มีสิทธิที่จะปกครองคนที่ด้อยกว่า เพราะว่ามวลชนนั้น ไม่รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตน อุดมการณ์ของพวกมารร้ายที่ว่านี้คือ "ลัทธิเบ็ดเสร็จเผด็จการ" นั่นเอง

คัมภีร์เก่าเล่าเรื่องราวถึงความเป็นมาของซาตานว่า มันได้กลายมาเป็นเจ้าชายของโลก และเป็นสาเหตุที่ทำให้บิดามารดาคนแรกของเราหันห่างออกจากพระเจ้าได้อย่างไร นอกจากนี้ยังสาธยายถึงการด่อตั้งวิหารแห่งซาตาน ( Synagogue of Satan ) และการทำงานของมันเพื่อมิให้โลกมีการปกครองตามแผนการของพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย พระเยซูคริสต์มายังโลกนี้เมื่อแผนการร้ายของพวกซาตาน มาถึงขั้นที่พวกมันได้มีอำนาจแล้ว แต่พระองค์ได้มาเปิดโปงถึงวิหารแห่งซาตาน ( Rev 2:9, 3:9 ) และประณามว่าใครที่ไปเข้ากับพวกนี้ก็ถือว่าเป็นลูกแห่งซาตาน ซึ่งพระองค์ทรงเรียกพวกนี้ว่าเป็น บิดาแห่งความมดเท็จ ( John 8:44 ) และเจ้าชายแห่งการหลอกลวง ( 2 Cor 11:14 ) พระองค์ได้ระบุลงไปเลยว่า พวกที่รวมอยู่ในวิหารแห่งซาตานนี้ คือพวกที่โกหกและเรียกตัวเองว่ายิว แต่ไม่ใช่ ( Rev 2:9, 3:9 ) พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า พวกนักแลกเงิน (นายธนาคาร) พวกอาลักษณ์และพวกยิวฟาริสีเป็นพวก "อิลลูมินาติ" ( Illuminati )ในสมัยของพระองค์

อย่างไรก็ตาม มนุษย์ลืมความจริงที่ว่าพระคริสต์มายังโลกนี้ ก็เพื่อปลดปล่อยเราให้พ้นจากพันธนาการของพวกซาตาน ที่กำลังผูกมัดเราแน่นยิ่งขึ้นทุกๆ วัน พระคริสต์ทรงแก้ปัญหาให้เราโดยได้บอกแก่เราว่า เราต้องช่วยกันเปิดเผยความจริง เกี่ยวกับแผนการร้ายของพวกนี้ ( John 8:31:59 ) แก่ประชาชนทุกคนในทุกๆ ชาติ พระองค์ทรงสัญญาแก่เราว่า ถ้าหากเราทำเช่นนี้แล้วความจริงก็จะทำให้เราเป็นอิสระ ( Matt 28:19 ) ปัจจุบันแผนการร้ายของพวกมารร้าย ได้ดำเนินมาถึงครึ่งค่อนแล้ว ( Matt 24:15:34 ) ทั้งนี้เพราะว่าเราไม่นำเอาคำดำรัสของพระองค์มาปฏิบัติ

ในปี คศ.1784 ได้มีเหตุบังเอิญที่ทำให้หลักฐานที่พิสูจน์ถึงแผนการร้ายของพวกซาตาน ตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลบาวาเรีย โดยเริ่มตั้งแต่อาดัม ไวส์ฮอพท์ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์วิชากฏหมาย "นิกายเยซูอิต"(คลิก!) ได้หันไปรับอุดมการณ์ของพวกมารร้าย ขณะที่เขากำลังสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอิงโกลด์สตัดท์ ใน คศ.1770 พวกนายทุนเงินกู้ ( ผู้ซึ่งก่อตั้งธนาคารอตไชล์ด ) ได้ให้เขาคิดค้นและปรับปรุง "ปฏิญญา" ที่ร่างขึ้นไว้ เพื่อใช้เป็นแผนการครอบครองโลกขึ้นใหม่ให้ทันสมัย ทั้งนี้เพื่อที่ว่า พวกตนจะได้นำอุดมการณ์มารร้าย มาใช้ปกครองโลกและมนุษยชาติ งานของไวฮอพท์สำเร็จเรียบร้อยเมื่อ คศ.1776

แผนการดังกล่าว ต้องการที่จะทำลายรัฐบาล(รวมทั้งการปกครองโดยระบบกษัตริย์ในหลายๆ ประเทศ) และศาสนาที่มีอยู่ทั้งหมด และการที่จะบรรลุถึงเป้าหมายอันนี้ได้ ก็ต้องอาศัยวิธีการแบ่งแยกมวลชนที่เรียกว่า "โกยิม" (ฝูงวัวควายมนุษย์) ให้แตกออกเป็นสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ทั้งในด้านการเมือง เผ่าพันธุ์สังคม เศรษฐกิจและเรื่องอื่นๆและทั้งสองฝ่ายนี้ จะได้รับการติดอาวุธให้เข่นฆ่าประหัตประหารกัน ด้วยสาเหตุต่างๆ ที่สร้างขึ้น ทั้งนี้เพื่อที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้อ่อนกำลังลง ในขณะที่พวกตนกำลังทำลายรัฐบาลแห่งชาติและสถาบันศาสนาอยู่

ใน คศ.1776 ไวฮอพท์ รวบรวมพวกอีลูมินาติ ขึ้นมาเพื่อดำเนินแผนการ คำว่า อิลูมินาติ มาจากคำว่า ลูซิเฟอร์ ซึ่งหมายถึงดาวประกายพฤกษ์ ตัวมารซาตาน ไวฮอพท์ได้โกหกว่า จุดประสงค์ของเขาก็คือ ต้องการที่จะก่อตั้งรัฐบาลโลกขึ้นมา เพื่อทำให้คนที่มีความสามารถได้ปกครองโลก เขาได้กะเกณฑ์คนมาร่วมงานประมาณ 2,000 คน ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดที่สุด ในด้านศิลปะ วรรณคดี การศึกษา วิทยาศาสตร์ การเงินและอุตสาหกรรม แล้วก็ตั้ง "ลอดจ์แห่งแกรนด์โอเรียนท์" ขึ้นมาเป็นกองบัญชาการลับของตน

เพื่อที่จะทำให้แผนการดังกล่าวสำเร็จ ไวส์ฮอพท์ต้องการให้อิลูมินาติทำสิ่งต่อไปนี้

1.ใช้เงินและกามอารมณ์เข้าติดสินบน มอมเมาหรือผูกมัดบุคคลที่มีตำแหน่งสูงๆ ในระดับต่างๆ ของทุกรัฐบาล และทุกสาขากิจกรรมของมนุษย์เพื่อไว้ใช้ในการหักหลังเปิดโปงข่มขู่ คุกคามทำร้ายผู้ที่ตกหลุมพรางอันนี้

2.พวกอิลูมินาติในสาขาต่างๆ ของวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยจะแนะนำนักศึกษาที่มีความสามารถในตระกูลดีๆ ให้ไปอบรมพิเศษในลัทธิสากลนิยม

การฝึกอบรมนี้ จะทำโดยการให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกนักศึกษาเหล่านี้ จะถูกอบรมให้ยอมรับความคิดว่า รัฐบาลโลกอย่างเดียวเท่านั้น ที่สามารถยุติสงครามและความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ในขั้นแรก นักศึกษาพวกนี้จะย้ำให้เห็นว่า คนที่มีความสามารถและเฉลียวฉลาดเป็นพิเศษเท่านั้น ที่มีสิทธิปกครองคนที่ด้อยกว่า ปัจจุบันโรงเรียนที่ว่านี้ ตั้งอยู่ที่เมืองกอร์ดอนสเทาน์ ในสก๊อตแลนด์ เมืองซาเล็มในเยอรมัน และเมืองอานาพริตาในกรีก เจ้าชายฟิลลิปส์ สวามีสมเด็จพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งอังกฤษ เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนในกอร์ดอนสเทาน์ด้วยแรงหนุนของลอร์ด หลุย เมาด์แบตตันผู้เป็นลุง ซึ่งต่อมาได้เป็นแม่ทัพเรือของอังกฤษ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง

3.บุคคลสำคัญๆ ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอีลูมินาติ และนักศึกษาที่ได้การศึกษาอบรมมาเป็นพิเศษ จะถูกใช้เป็นตัวแทน และอยู่เบื้องหลังรัฐบาลต่างๆ ในรูปของ "ผู้เชี่ยวชาญ" เพื่อที่พวกนี้จะได้แนะนำผู้บริหารในระดับสูง ให้ยอมรับนโยบายที่จะรับใช้แผนการร้ายในระยะยาว และเพื่อทำลายรัฐบาลหรือศาสนาต่างๆ ที่คนเหล่านี้ถูกแต่งตั้งให้ทำงาน

4.พวกอีลูมินาติจะเข้าควบคุมหนังสือพิมพ์และสำนักข่าวอื่นๆ ทั้งหมดที่กระจายข่าวสารต่างๆ ไปยังประชาชน ข่าวต่างๆ จะถูก "แก้ไขเสียก่อน" ทั้งนี้เพื่อที่จะให้มวลชนเชื่อว่า รัฐบาลโลกเป็นหนทางเดียวเท่านั้นในการแก้ปัญหาต่างๆ

เนื่องจากอังกฤษและฝรั่งเศษเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ในตอนปลายศตวรรษที่ 18 ไวส์ฮอพท์ได้สั่งให้อีลูมินาติก่อสงครามอาณานิคมขึ้น เพื่อทำให้อาณาจักรอังกฤษอ่อนแอลง และก่อการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศษขึ้นมาเพื่อทำให้อาณาจักรฝรั่งเศษอ่อนแอลงเช่นเดียวกัน การปฏิวัติในฝรั่งเศษนั้น เขากำหนดเอาไว้ใน คศ.1789

นักเขียนเยอรมันคนหนึ่งชื่อสว๊าค ได้นำข้อความในแผนการที่ไวส์ฮอพท์ปรับปรุงใหม่ มาทำเป็นเล่ม และให้ชื่อว่า Einige Original-Scripten ในปี คศ.1784 สำเนาของเอกสารฉบับหนึ่งถูกส่งไปให้ยังอีลูมินาติกลุ่มหนึ่งซึ่งไวฮอพท์สั่งให้ไปก่อการปฏิวัติในฝรั่งเศษ แต่คนนำสาส์นถูกฟ้าผ่าตายเสียก่อน ขณะที่ขี่ม้าผ่านเมืองราตีสบองจากแฟรงค์เฟิร์ตถึงปารีส ตำรวจค้าพบเอกสารแผนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในตัวชายผู้นี้ และส่งให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาล

หลังจากที่มีการศึกษาแผนการดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว รัฐบาลบาวาเรีย ก็สั่งให้ตำรวจบุกเข้าที่ทำงานที่เพิ่งตั้งขึ้นของไวส์ฮอพท์และบรรดาบ้านของคนสนิท รวมทั้งที่วังของบารอน บัสซูสในแซนเดอร์สดอร์ฟด้วย หลักฐานที่ได้เพิ่มเติมมานั้น เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นสำเนาจริงของแผนการร้ายที่พวกวิหารแห่งซาตาน ที่ควบคุมพวกอีลูมินาติอีกทีหนึ่งได้วางไว้ โดยจะใช้สงครามและการปฏิวัติสร้างรัฐบาลโลกขึ้นมา

ใน คศ.1785 รัฐบาลบาวาเรียได้ถือว่า พวกอีลูมินาติเป็นพวกผิดกฏหมาย และสั่งปิดสำนักงานที่เรียกว่า "แกรนด์ โอเรียนท์" ของพวกนี้ในปี คศ.1786 มีการพิมพ์รายละเอียดของแผนการนี้เป็นภาษาอังกฤษ ใช้ชื่อว่า Original Writing of the Order and Sect of Illuminati คลิก! สำเนาของแผนการร้ายถูกส่งไปยังผู้นำรัฐบาลและศาสนจักรต่างๆ หลังจากนั้น พวกอีลูมินาติก็หลบลงใต้ดิน ไวส์ฮอพท์ได้สั่งให้พวกอีลูมินาติแทรกซึมเข้าไปในองค์กร "บลูเมสันรี" และจัดตั้งสมาคมลับซ้อนขึ้นมาอีกทีหนึ่ง

พวกเมสันที่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นพวกที่ปฏิเสธพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าเป็นสมาชิกอีลูมินาติได้ และพวกนี้จะใช้เสื้อคลุมของนักบุญสวมทับเพื่อปิดบังงานปฏิวัติของตน เพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปในพวกเมสันของอังกฤษ

โธมัส เจฟเฟอร์สัน (ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐ) ก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของไวส์ฮอพท์ และเป็นคนที่ปกป้องไวฮอพท์อย่างแข็งขัน เมื่อคราวที่ไวฮอพท์ถูกรัฐบาลถือว่าเป็นพวกผิดกฏหมาย เจฟเฟอร์สันเข้าไปแทรกซึมในหมู่พวกสก๊อตในอเมริกา ซึ่งตอนนั้นยังเรียกว่านิวอิงค์แลนด์อยู่

ในปี คศ.1789 จอห์น โรบินสัน เตือนพวกผู้นำเมสันว่าพวกอีลูมินาติได้แทรกซึมเข้าไปในองค์กรของพวกตนแล้ว

วันที่ 19 กรกฏาคม คศ.1798 เดวิด แพพเพน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ก็ออกคำเตือนเช่นเดียวกันนี้แก่นักศึกษาาที่กำลังจะจบ และบรรยายให้นักศึกษารู้ถึงอิทธิพลของพวกอีลูมินาติที่มีต่อการเมืองและศาสนาของคนอเมริกันด้วย

ในปี คศ.1829 พวกอีลูมินาติได้จัดการประชุมขึ้นที่นิวยอร์ค การประชุมครั้งนี้มีพวกอีลูมินาติชื่อไรท์ (Wright) เป็นผู้กล่าวปราศัย พวกที่เข้าร่วมประชุมได้รับการแจ้งให้ทราบว่า พวกอิลลูมินาติต้องการที่จะรวมพวกฮิลิสท์ (พวกที่ชอบทำลาย) พวกที่ปฏิเสธพระเจ้ากับองค์กรปฏิวัติอื่นๆ ให้เป็นองค์กรสากลเดียวกันโดยใช้ชื่อว่า "คอมมิวนิสต์" เพื่อที่่พวกอีลูมินาติจะได้นำเอาพลังนี้ มาใช้ในการก่อสงครามและการปฏิวัติในอนาคต คลินตัน รูสเวลท์, โฮแรซ กรีลี และ ดานา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการหาทุนที่ได้มานี้ส่วนหนึ่งได้ถูกนำมาช่วยเหลือ คาร์ล มาร์กซ์และแองเกล ขณะที่ทั้งสองคนนี้กำลังเขียนหนังสือเรื่อง "ว่าด้วยทุน" (Das Kapital) และ "คำประกาศของคอมมิวนิสต์" (The Communist Manifesto) ในโซโฮประเทศอังกฤษ



กำเนิดประชาธิปไตย ลัทธิฟาสซิสต์และลัทธินาซี
ตามแผนที่ดัดแปลงใหม่ของไวส์ฮอพท์ พวกอีลูมินาติจะจัดตั้งและให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ตลอดจนเข้าควบคุมองค์กรสากลทุกองค์กร ( สหประชาชาติ, ศาลโลก, ธนาคารโลก, ไอเอ็มเอฟ, องค์การอนามัยโลก และองค์กรการกุศลในระดับโลกต่างๆ ) และกลุ่มทุกกลุ่ม โดยการส่งตัวแทนให้เข้าไปมีตำแหน่งในระดับสูงสุดขององค์กรเหล่านั้น ดังนั้นขณะที่คาร์ล มาร์กซ์กำลังร่างนโยบาย "ลัทธิคอมมิวนิสต์" ภายใต้การชี้นำของพวกอีลูมินาตินั้น ศาสตราจารย์คาร์ล ริตเตอร์ แห่งมหาวัทยาลัยแฟรงเฟิร์ต กำลังเขียนทฤษฏีต่อต้านขึ้นมาอีกทฤษฏีหนึ่ง(ระบอบประชาธิปไตย) ทั้งนี้เพื่อที่ว่า พวกที่วางแผนระดับสูง จะได้ใช้ความแตกต่างในอุดมการณ์ทั้งสองนี้ แบ่งแยกเผ่าพันธุ์มนุษยชาติออกเป็น 2 ค่าย และให้ประหัตประหารซึ่งกันและกัน พร้อมๆ กับทำลายสถาบันทางการเมืองและศาสนาด้วย งานของริตเตอร์ได้รับการสานต่อโดยนักปรัชญาชาวเยอรมันชื่อฟรีดริก วิลเฮล์ม นิทเช่ ( คศ.1844-1900 ) ผู้ก่อตั้งทฤษฏีนิทเช่

หลังจากนั้นทฤษฏีของนิทเช่ก็รับการพัฒนาเป็นลัทธิฟาสซิสต์ และลัทธินาซีในที่สุด ซึ่งพวกอีลูมินาติได้นำไปใช้ในการก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

ในปี คศ.1834 ผู้นำปฏิวัติอิตาลี่ชื่อกุยชิปปี มาสซีนี ได้รับเลือกจากพวกอีลูมินาติ ให้เป็นผู้อำนวยการวางแผนงานปฏิวัติโลก มาสซีนีดำรงตำแหน่งนี้จนกระทั่งเขาตายในปี คศ.1872


ในปี คศ.1840 นายพลอัลเบิร์ต ไพค์ ได้ตกมาอยู่ในอิทธิพลของมาสซินี และเขาไม่พอใจที่ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน เดวิส ปลดเขาออกจากการเป็นผู้บัญชาการกองทหารอินเดียโดยเหตุผลที่ว่า ทหารพวกนี้ได้ปฏิบัติการฆ่าหมู่คนพื้นเมืองอย่างโหดเหี้ยมโดยอาศัยคำว่าสงครามที่ถูกต้องตามกฏหมาย

ไพค์ยอมรับแนวความคิดเรื่องรัฐบาลโลก และในที่สุดก็กลายมาเป็นหัวหน้าของนักเผยแพร่อุดมการณ์มารร้าย ในช่วงปี คศ.1859 และ คศ.1871 เขาวางรายละเอียดทางทหาร สำหรับสงครามโลก 3 ครั้ง และการปฏิวัติครั้งใหญ่หลายครั้ง (ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกในการล้มรัฐบาลและระบบกษัตริย์) ที่เขาเห็นว่ามันจะทำให้เป็นการบรรลุถึงขั้นสุดท้าย ภายในศตวรรษที่ 20

งานของเขาส่วนใหญ่ทำในคฤหาสน์ขนาด 13 ห้อง ที่เขาสร้างเอาไว้ในเมืองลิตเติ้ลร๊อค รัฐอาร์คันซอ ใน คศ.1840 เมื่อพวกอีลูมินาติและแกรนด์โอเรียนถูกสงสัยว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติของมาสซินีในยุโรป ไพค์ก็ได้ตั้งลัทธิพัลลาเดียน ขึ้นมา เขาได้ตั้งสภาสูงสุด 3 สภา สภาหนึ่งอยู่ในเมืองชาร์ลสตัน อีกสภาหนึ่งอยู่ในโรมและอีกสภาหนึ่งอยู่ในเบอร์ลิน เขาให้มาสซีนีตั้งสภาที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของสภาทั้งสามนี้อีก 23 สภา ในบริเวณยุทธศาสตร์ทั่วโลก
สภาเหล่านี้ได้เป็นกองบัญชาการลับของการปฏิวัติโลก ตั้งแต่นั้นมาก่อนมาร์โคนีจะประดิษฐ์วิทยุ พวกนักวิทยาศาสตร์ของอีลูมินาติได้คิดระบบสื่อสารลับ ให้ไพค์ได้ใช้ติดต่อกับพวกหัวหน้าสภาทั้งหลายของเขา หลังจากที่มีการพบระบบสื่อสารนี้เข้า บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจึงได้เข้าใจว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างสอดคล้องต้องกันทั่วโลก และเป็นชนวนให้เกิดสงครามหรือการปฏิวัตินั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ปฏิบัติการมารครองโลก.....สงครามโลกครั้งที่ 1-2 และ 3
แผนการของไพค์นั้นง่ายแต่ได้ผล เขาต้องการให้มีการนำเอาขบวนการของลัทธิคอมิวนิสต์ ลัทธินาซี ลัทธิไซออนิสต์และขบวนการสากลอื่นๆมาใช้เป็นเครื่องมือในการก่อการปฏิวัติ และสงครามใหญ่ 3 ครั้ง เขาวางแผนให้ตัวแทนพวกอีลูมินาติ สร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างอังกฤษและเยอรมัน เพื่อให้ทั้งสองประเทศนี้เปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น แล้วก็จะใช้สงครามโลกนี้ เป็นเครื่องมือให้พวกอีลูมินาติใช้โค่นล้มกษัตริย์ซาร์ในรัสเซียและเปลี่ยนประเทศนี้ให้เป็นฐานที่มั่นของพวกคอมมิวนิสต์ปฏิเสธพระเจ้า และหลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลง ลัทธิคอมมิวนิสต์ก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับทำลายรัฐบาลและศาสนาต่างๆ ที่กำลังเสื่อมลงอีกทีหนึ่ง

สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นโดยอาศัยความขัดแย้งระหว่างพวกฟาสซิสต์และพวกไซออนนิสต์ สงครามครั้งนี้จะดำเนินไปจนกระทั่งลัทธินาซีถูกทำลายลงไป และลัทธิไซออนนิสต์จะมีอำนาจมากขึ้น จนสามารถตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นได้ในปาเลสไตน์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ลัทธิคอมมิวนิสต์จะถูกสร้างขึ้นมาให้มีความแข็งแกร่งพอๆ กับ คริสตจักร และสภาพเช่นนี้จะถูกคงไว้ จนกว่าพวกนี้ต้องการจะให้มีกลียุคทางสังคมในขั้นสุดท้าย คนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จะปฏิเสธไหมว่า รุสเวลท์ (ประธานาธิบดีสหรัฐ) และเชอร์ชิล (นายกรัฐมนตรีอังกฤษ) มิได้นำนโยบายอันนี้ออกมาใช้


ประธานาธิบดีสหรัฐแฟรงกลิน ดี รูสเวล์ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษวินสตัน เชอร์ชิล
ทั้งคู่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มอีลูมินาติในการดำเนินนโยบายต่างๆ ในขณะนั้น

สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นโดยการใช้ตัวแทนของพวกอีลูมินาติ สร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างพวกไซออนนิสต์กับผู้นำโลกมุสลิม สงครามจะถูกกำกับให้ดำเนินไปในลักษณะที่อิสลาม (โลกอาหรับรวมทั้งมุสลิม) และพวกไซออนนิสต์ (รวมทั้งรัฐอิสราเอล) จะทำลายกันเอง ขณะเดียวกันกับที่ชาติต่างๆ ที่เหลืออยู่จะถูกบังคับให้ต่อสู้กัน จนอ่อนแอลงในทุกๆ ด้าน จะกล้าปฏิเสธไหมว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่ในตะวันออกใกล้ ตะวันออกกลาง และตัวันออกไกลในขณะนี้มิได้เป็นไปตามแผนดังกล่าวที่วางเอาไว้

วันที่ 15 สิงหาคม 1871 ไพค์บอกมาสซีนีว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 สิ้นสุดลง พวกที่ต้องการจะครอบครองโลก จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยมีมา คำพูดของพวกเขาหาอ่านได้จากจดหมายของพวกเขา ในห้องสมุดพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษ

เมื่อมาสซีนีตายใน คศ.1872 ไพค์ได้สร้างผู้นำปฏิวัติขึ้นมาอีกคนหนึ่งชื่ออาเดรียโน เลมมี ขึ้นมาสืบตำแหน่งต่อ และต่อจากเลมมีก็เป็น "เลนินและทร๊อตสกี้" กิจกรรมปฏิวัติของบุคคลเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากนายธนาคารสากลอังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมันและอเมริกันทั้งสิ้น ( กลุ่มร๊อตไชล์ดคลิก!) และท่านผู้อ่านจะต้องเข้าใจว่านายธนาคารในสมัยปัจจุบันนี้ ก็เหมือน กับนายทุนเงินกู้สมัยพระคริสต์ซึ่งเป็นเครื่องมือและตัวแทนของพวกอีลูมินาติเท่านั้นเอง

ขณะที่คนทั่วไปถูกทำให้เชื่อว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นขบวนการของชนชั้นแรงงานที่จะทำลายลัทธิทุนนิยมนั้น หนังสือเรื่อง "Pawns in the Game" และ "The Red Frog over America" ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทั้งของอเมริกาและอังกฤษ ได้รับหลักฐานเอกสารที่เชื่อถือได้ว่า พวกนายทุนสากลเหล่านี้ เป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ทั้งสองในการทำสงครามและการปฏิวัติทุกครั้ง ตั้งแต่ คศ.1776 โดยผ่านทางธนาคารของพวกตน คนพวกนี้ได้ใช้ดอกเบี้ยเงินกู้ควบคุมรัฐบาลสหรัฐ ให้ต้องต่อสู้สงครามและการปฏิวัติ เพื่อให้แผนการของไพค์บรรลุถึงขึ้นที่สามารถจะบังคับให้พวกคอมมิวนิสต์ปฏิเสธพระเจ้ากับคริสตจักรทั้งหมด ทำสงครามกันทั้งในระดับชาติและระดับสากลได้

ปฏิบัติการมารครองโลก.......ลัทธิซาตานนิยม

มีหลักฐานเอกสารมากมายที่พิสูจน์ว่า ไพค์เป็นหัวหน้าสอนลัทธิซาตานเหมือนกับไวฮอพท์ นอกจากจดหมายที่เขาเขียนถือมาสซีนีใน คศ.1871 แล้ว เขายังเขียนจดหมายอีกฉบับหนึ่งถือสภาแพลลาเดียน เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม 1889 อธิบายถึงคำสอนของพวกมารร้ายเกี่ยวกับการสักการะบูชาซาตานด้วย ส่วนหนึ่งของจดหมายกล่าวว่า


"สิ่งที่เรากล่าวแก่ฝูงชนก็คือ เราเคารพสักการะพระเจ้า แต่มันเป็นพระเจ้าที่คนเคารพโดยไม่ต้องมีความเชื่อ ศาสนาจะถูกรักษาไว้ในความบริสุทธิของคำสอนแห่งซาตาน.......ใช่แล้ว ซาตานคือพระเจ้า และอโดเน (ชื่อที่พวกซาตานเรียกพระเจ้าที่เราเคารพบูชา) ก็เป็นพระเจ้าด้วย เพราะความสมบูรณ์นั้น เกิดขึ้นได้จากพระเจ้า 2 องค์ ดังนั้นคำสอนของซาตานจึงนอกรีตนอกรอยศาสนาและความจริง และศาสนาแห่งปรัชญาอันบริสุทธิ์ ก็คือการเชื่อในเรื่องซาตานเท่ากับเชื่อในอโดเน แต่ซาตานพระเจ้าแห่งแสงสว่างและพระเจ้าแห่งความดีกำลังต่อสู้กับอโดเน พระเจ้าแห่งความมืดและความชั่วอยู่เพื่อมนุษยชาติ"

คำโฆษณาของพวกซาตาน ได้ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า ทุกคนที่คัดค้านศาสนาคริสต์เป็นพวกปฏิเสธพระเจ้า นี่เป็นการโกหกของพวกเผยแพร่ลัทธิมารร้ายระดับสูง เพื่อให้มนุษย์เห็นว่า มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะสถาปนาแผนการปกครองจักรวาลของพระผู้เป็นเจ้าบนโลกนี้ ดังที่มันได้พูดไว้กับพ่อแม่คนแรกของเราในสวนแห่งเอเดน ซึ่งคัมภีร์บทแรกหรือปฐมกาลกล่าวไว้

พวกนักเผยแพร่ลัทธิมารร้าย จะทำงานอยู่ในความมืด และมันจะอยู่หลังฉากตลอดเวลา พวกนี้จะปิดบังตัวเองและจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนไว้เป็นความลับ แม้แต่กับคนที่มันหลอกลวงให้มาทำงาน พวกนี้รู้ว่าความสำเร็จขั้นสุดท้าย ในการยึดอำนาจของรัฐบาลโลกนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปิดบังตัวเอง และจุดประสงค์ที่แท้จริงไว้เป็นความลับ จนกว่าพวกมันจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นราชาของโลกได้โดยเด็ดขาด

ใน คศ.1925 พระคุณท่านโรดิเควช อาร์คบิชอปแห่งซานติอาโก ประเทศชิลี ได้พิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "The Mystery of Freemasonry Unveiled" เพื่อเปิดโปงว่าพวกอีลูมินาติ พวกซาตานและพวกลูซีเฟอร์ตั้งสมาคมลับซ้อนสมาคมลับขึ้นมาอย่างไร ท่านได้แสดงหลักฐานมากมายที่พิสูจน์ว่า แม่แต่พวกเมสันระดับที่ 32 และ 33 ก็ยังไม่รู้ว่าในลอดจ์แห่งแกรนด์ โอเรียนท์และพวกแพลลาเดียนที่ปฏิรูปขึ้นใหม่ของไพค์ กำลังทำอะไรกันอยู่ ในหน้า 108 ท่านได้อ้างว่า ก่อนที่ไพค์จะเลือกเลมมีให้มารับตำแหน่งผู้นำขบวนการปฏิวัติโลกต่อจากมาสซีนีนั้น เลมมีเป็นพวกบ้าคลั่งและเป็นพวกซาตาน แต่หลังจากที่เค้าได้รับเลือกแล้วเขาก็ยอมรับอุดมการณ์ของพวกลูซีเฟอร์

สำหรับคริสเตียนโดยทั่วไปแล้วทุกคนต่างก็ยอมรับว่า โลกนี้มีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติอยู่ 2 อย่าง อย่างหนึ่งคือสิ่งที่เราเรียกว่าพระเจ้า ซึ่งคัมภีร์เรียกพระองค์ด้วยนามต่างๆ และอีกอย่างหนึ่งคือสิ่งที่เราเรียกว่ามารร้าย ซึ่งก็มีหลายนามด้วยเหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่จะต้องจดจำก็คือพระคัมภีร์บอกเราว่า บรรดาผู้ที่หันห่างออกจากพระผู้เป็นเจ้านั้น จะถูกพวกลูซีเฟอร์ ซาตานและมารร้าย สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย และพวกเขาจะเกลียดผู้ปกครองของตนเอง เกลียดตัวเองและเกลียดชังซึ่งกันและกัน และพวกเขาจะรู้ว่า พวกเขาถูกล่อลวงให้หันห่างออกจากพระเจ้า และสูญความรักและมิตรภาพไปตลอดกาล

เมื่อท่านอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ท่านจะเข้าใจว่าการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ มิใช่เป็นการต่อสู้ในโลกแห่งวัตถุ และมิใช่เป็นการต่อสู้ชั่วคราว มันเริ่มมาตั้งแต่ในส่วนของจักรวาลที่เราเรียกว่า "โลกแห่งสวรรค์" แล้วจุดประสงค์ของมันก็คือ เพื่อที่จะดึงจิตใจมนุษย์ให้หันห่างจากความดีงาม ความรัก หรือพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องเปิดเผยความจริงในเรื่องนี้ให้กับคนที่กำลังเดินไปสู่กับดักของมัน ได้ทราบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สงครามและการปฏิวัติทำให้พวกมารร้ายเก็บเกี่ยววิญญาณของมนุษย์ไปได้มาก เพราะ "หลายคนที่ถูกเรียกและน้อยคนนักที่ถูกเลือก" (มัธธิว 20:16, 22:14) เรามักจะได้ยินสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ว่าเป็น "สงความเพื่อความปราถนาของมนุษย์" นั่นเป็นความจริงเพียงครึ่งหนึ่งและมันเลวยิ่งกว่าการโกหกเสียอีก แผนการของไวฮอพท์ต้องการที่จะ

1.ทำลายระบบกษัตริย์รวมทั้งรัฐบาลแห่งชาติทั้งหมดที่มีอยู่
2.ทำลายมรดกหรือสิ่งที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น
3.ทำลายทรัพย์สินส่วนบุคคล
4.ทำลายความรักชาติ
5.ทำลายสถาบันครอบครัว ในฐานะที่เป็นหน่วยแรกสุดของการกำเนิดอริยะธรรม
6.ทำลายศาสนาทุกศาสนาที่มีอยู่ เพื่อที่จะสร้างอุดมการณ์ลูซีเฟอร์บนมนุษย์ได้

ปฏิบัติการมารครองโลก .......แผนการขั้นสุดท้าย
กองบัญชาการของพวกวางแผนการร้ายในตอนหลังจาก คศ.1700 นั้นอยู่ในแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน อันเป็นสถานที่ตั้งของธนาคารร๊อธไชล์ด ซึ่งใช้เป็นแหล่งติดต่อกับนักการเงินสากลอื่นๆ ที่ "ขายวิญญาณของตนให้แก่มารร้าย"หลังจากการเปิดโปงของรัฐบาลบาวาเรียเมื่อ คศ.1786 พวกพระชั้นสูงของลัทธิลูซีเฟอร์ ก็ได้ตั้งกองบัญชาการของพวกตนขึ้นใหม่ในสวิสตเซอร์แลนด์ แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา กองบัญชาการของพวกนี้ตั้งอยู่ในอาคารฮาโรลด์ แพรต ในเมืองนิวยอร์ค โดยมีร๊อคกี้เฟลเลอร์ ทำหน้าที่แทนร๊อธไชล์ด(ในสหรัฐอเมริกา) ในเรื่องเกี่ยวกับการเงิน

ในขั้นสุดท้ายของแผนการร้าย รัฐบาลจะประกอบด้วยกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจเด็ดขาด วิหารของพวกซาตาน มหาเศรษฐีสองสามคน พวกนักเศรษฐศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่่า อุทิศตัวให้กับแนวทางของลูซิเฟอร์ ที่เหลือทั้งหมดจะถูกรวมเข้าเป็นเป็นกลุ่มมนุษย์ลูกครึ่งโดยการผสมเทียมที่ทำกันทั้งโลก ในหนังสือ "The Impact of Science on Society" หน้า 49-51 ผู้เขียนเบอร์ทรันด์ รัสเซล ได้กล่าวว่าจะมีการใช้ ผู้หญิงไม่เกิน 30% ของจำนวนผู้หญิงทั้งหมด และผู้ชาย 5 % ในการผสมพันธุ์ การผลิตประชาชาติใหม่นี้ จะทำการเข้มงวดในด้านรูปแบบและจำนวนตามที่รัฐต้องการ

คำบรรยายที่ผู้นำระดับบริหารของพวกแพลลาเดียน (ก่อตั้งโดยไพค์) กล่าวกับที่ประชุมสมาชิกของแกรนด์ โอเรียนท์ ลอดจ์ แห่งปารีส เนื่องในโอกาสครบรอบศตวรรษว่า

"ภายใต้อิทธิพลของเรา นักกฏหมายของพวกโกยิม (ฝูงวัวความมนุษย์) จะถูกลดให้เหลือน้อยลง ความเชื่อถือในกฏหมายจะถูกทำลาย โดยอำนาจการตีความโดยอิสระเสรี ในเรื่องที่สำคัญๆ ศาลจะตัดสินตามที่เรากำหนดให้ พวกเขาจะปกครองกันเองและเป็นเครื่องมือให้แก่เรา โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขา แม้แต่วุฒิสมาชิก และฝ่ายบริหารระดับสูงกว่านั้นก็ยังยอมรับสภาของเรา..."

จะปฏิเสธไหมว่าแผนการร้ายที่ไวฮอพท์ปรับปรุงแก้ไขภายหลัง คศ.1800 ได้เป็นไปทุกอย่างตามที่กำหนดไว้แล้ว ดังจะเห็นได้จาก อาณาจักรรัสเซียและเยอรมันถูกทำลายลง ส่วนอังกฤษและฝรั่งเศษถูกลดฐานะลง กลายเป็นมหาอำนาจระดับสาม กษัตริย์ต่างๆ ก็ต้องมีอันหล่นจากบัลลังค์ราวกับผลไม้ที่สุกจนเต็มแก่แล้วและประชาชาติก็ถูกแบ่งให้เป็น 2 ค่ายให้เป็นปรปักษ์กัน เพราะคำโฆษณาที่พวกอีลูมินาติปลุกระดม สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผ่านมาเราได้เห็นคนคริสเตียนเดินหน้าเข้าห้ำหั่นประหัตประหารกันเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

การปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเซียและจีน ก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ลัทธิคอมมิวนิสต์ถูกสร้างขึ้น จนกระทั่งมันมีความแข็งแกร่งเท่ากับคริสตจักร วิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลางและทั่วโลกก็กำลังเป็นชนวนก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นมา หลังจากนั้น ด้วยความโง่ของคนความปั่นป่วนวุ่นวายครั้งใหญ่ก็จะเกิดขึ้น และการเป็นทาสทั้งร่างกาย ความคิดและจิตใจก็จะตามมา เว้นแต่เราจะหยุดมันเสียก่อนในขณะนี้

เราก็ได้เห็นแล้วว่า คอมมิวนิสต์กำลังโตวันโตคืนในประเทศเสรีนิยม หน่วยข่าวกรองของอังกฤษ แคนาดา และสหรัฐ สามารถที่จะจับผู้นำคอมมิวนิสต์ได้ภายใน 24 ชั่วโมงที่ได้รับคำสั่ง แต่ทำไมพวกนี้ถึงไม่ได้รับอนุญาตให้จัดการ คำตอบน้ั้นง่ายนิดเดียว

นั่นคือ เป็นเพราะนโยบายรัฐบาลประเทศดังกล่าว ได้รับการแนะนำจากพวกตัวแทนของอีลูมินาตินั่นเอง

ถ้าหากเอฟบีไอ หรืออาซีเอ็มพีจับกุมพวกคอมมิวนิสต์ ศาลสูงของประเทศเหล่านี้ก็จะหาเหตุปล่อยตัวพวกเหล่านี้ไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะไม่ให้เชื่อได้อย่างไรว่า พวกคอมมิวนิสต์ มิได้ถูกเลี้ยงไว้เพื่อสร้างหายนะในขั้นสุดท้าย
จาก
....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri: ปฏิบัติการมารครองโลก คำนำ 7.......แผนการขั้นสุดท้าย

 

;hi2-cool day-catt1catt9

 

ทีมแปลเพิ่งไปเที่ยวนครวัด - นครทม กลับมาเมื่อวานนี้เองครับ
เลยทิ้งกระทู้ร้างไปเลยครับ..

เดี๋ยวรอให้สะสางอะไรเสร็จก่อน
แล้วค่อยมาแปลให้อ่านกันต่อนะครับ

...........................................

 

นครวัด - นครธม
เอารูปมายันหน่อย

 

รับทราบครับ ^^ สู้ๆ อิอิ

 

มีโอกาสก็ลองแวะไปสัมผัสบรรยากาศ ที่นครวัด-นครธมกันดูครับ
สวยงามอลังการและมีมนต์ขลังจนบรรยายไม่หมด....

วันนั้นมีกล้องพวกเราถ่ายติดอะไรทางด้านหลังของนครวัดมาด้วย
เอาภาพมาลงคอมก็เพิ่งจะเห็นนี่แหละ อาจเป็นนกหรืออะไรสักอย่าง


แม่นายมลบอกว่าถ่ายติดไกลๆ
ส่งมาดูกันหน่อยสนุกๆครับ

 

ดูรูปไปพลางๆระหว่างรอการแปลของชยุตและเพื่อนๆครับ
ที่นั่นเค้าสมกับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางจริงๆ
โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ๆกว่า 3-4 คนโอบ และหินต่างๆที่บอกเรื่องราวและบันทึกข้อมูลเอาไว้จำนวนมากมายเลยทีเดียว
ถ้าเข้าไปเสียบแจ็คต่อสัญญาณ หรือดาวน์โหลดได้คงจะดีไม่ใช่น้อยเลย

 

ปราสาท และต้นไม้ ใหญ่โตมโหฬารเลยนะครับ
ทำเอา นายแบบ นางแบบ ทั้งหลาย ตัวเล็กกะจิดริดเลย

ไปเที่ยวมา เป็นยังไงบ้างครับ

 

ซัวซะได๋ ครับคุณเซลล์

เราเดินชมห้องสมุดหินขนาดใหญ่ มองหาอะไรต่ออะไรที่สนใจในนั้นกันครับ
แต่ความใหญ่โตมโหฬารของอังกอร์แต่ล่ะแห่ง ทำเอาหัวเข่าทำงานหนักหน่อย
วันเดียวก็คงไม่เที่ยวหมด โปรแกรมไปปิรามิดที่เกาะแกร์ก็เลยงดไป
คุณชยุตก็พาพวกเราขึ้นไปทำสมาธิกันตรงกลางของนครวัดด้วย
อากาศเย็นสบายดี แต่อยู่ๆก็มีฝนก็ตกเทลงมาจนแฉะไปหมด..


นั่งคุยกัน คุณชยุต คุณเดรด คุณ Falkman กับหลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจด้วย
ขอขอบคุณแม่นายมล+พ่อนายมล ที่ดูแลทุกอย่างตลอดทริปเป็นอย่างดีครับ

พ่อมลพาไปพบกับรองผูว่าที่เสียมเรียบด้วย
ท่านเองสนใจเรื่องราวลึกลับ รหัสตัวเลข แม้กระทั้งเรื่องต่างดาว และ UFO
เค้ารักในหลวงและพระเทพของเรามาก บอกว่าเป็นบ้านพี่-เมืองน้องกัน
เค้าอยากเห็นสันติภาพเกิดขึ้นโดยเร็ว และรู้สึกดีๆกับคนไทยมากๆ

ที่นู่น บ้านเมืองเค้าสะอาด ผู้คนที่เจอก็ยิ้มแย้ม แจ่มใส
เป็นเมืองที่น่าอยู่กว่าที่เราเคยรู้ข้อมูลซะอีกครับ...