พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    รอยช้ำโผล่ไม่รู้สาเหตุ ระวังมะเร็ง!

    วันจันทร์ ที่ 20 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    รอยช้ำเป็นจ้ำที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวหนัง ทั้งๆ ที่ไม่ได้ถูกกระแทกหรือบีบรัด หากถูกพบหลังจากตื่นนอน ความเชื่อเรื่องผีอำก็จะถูกยกมาเป็นสาเหตุของรอยช้ำปริศนา ทว่าระหว่าง 'ผี' กับ 'มะเร็ง' กลัวอะไรมากกว่ากันล่ะ?

    'สารพันวันละโรค'
    วันนี้มีคำอธิบายรอยช้ำที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุบนผิวหนัง และคงไม่ใช่เพราะผีอำ แต่เป็นสัญญาเตือนภัยสุขภาพว่า อาจเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาก็มีโอกาสเสียชีวิตได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่รอยช้ำไม่รู้ที่มาเท่านั้นที่จะสรุปว่า เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยังต้องมีอาการอื่นๆ ปรากฏร่วมด้วย อาทิเช่น อ่อนเพลีย มีไข้อ่อนๆ หลายวันก็ยังไม่ลดไม่หาย เลือดออกตามไรฟัน ส่วนรอยช้ำที่เกิดขึ้นนั้นก็ยิ่งขยายใหญ่กว่าเดิมอีกเท่าตัว

    สำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคิเมีย มีทั้งชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง โดยชนิดเฉียบพลันจะพบได้บ่อยกว่า โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ซึ่งมีเม็ดเลือดอยู่ 3 ชนิด คือ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด

    โรคนี้ถ้าเป็นแล้วจะส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณมากกว่าปกติ แต่กลับไม่สามารถเจริญเป็นเซลล์ที่แข็งแรง เหตุนี้เองทำให้ช่วงที่เม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวมากกว่าปกติจะทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน อันตรายต่อสมอง หัวใจ และปอด

    แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงที่เม็ดเลือดขาวลดจำนวนลงเพราะความไม่สมบูรณ์ของเม็ดเลือดขาว เมื่อนั้นร่างกายจะขาดตัวทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย อันเป็นหน้าที่หลักของเม็ดเลือดขาว ส่งผลให้คนๆ นั้นมีภูมิต้านทานน้อย เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ มีอาการไข้ และรู้สึกอ่อนเพลีย ขณะที่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นนั้น เกิดจากการที่เส้นเลือดปริแตกจึงมีเลือดออกอยู่ใต้ผิวหนังและไม่ยอมหยุด

    สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่อาจสรุปสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่ทางการแพทย์สันนิษฐานว่า เกิดจากภาวะผิดปกติของพันธุกรรม และคนที่เป็นโรคทางพันธุกรรมบางอย่างมีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนอื่นๆ ส่วนการรักษา หลังจากแพทย์เจาะตรวจนับเม็ดเลือด เพื่อสำรวจความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดแล้ว จะให้ผู้ป่วยรับประทานยา บางรายอาจต้องใช้เคมีบำบัดร่วมด้วย

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คือ ระวังอย่าให้มีบาดแผล ระวังการชนหรือกระแทก เพราะเลือดจะออกได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังต้องระวังการติดเชื้อเมื่อเป็นแผลด้วย.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  2. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    เรียนคุณหนุ่ม.........
    ผมโอนเงินไปร่วมด้วยครับ 1,500 บาท แยกเป็น ........
    ส่วนของผม 1,000 บาทครับ
    ของเพื่อน ... คุณชัชวาล เทอดผดุงชัย 500 บาท ครับ
     
  3. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, อนัตตัง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับคุณอนัตตัง ..............
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ คุณมูริญโญ่
     
  5. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” เนื้อนุ่มแน่น อร่อยเต็มคำ</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>19 มิถุนายน 2554 11:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : ผ่านมาแวะกิน (travel_astvmgr@hotmail.com)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>คุณมะลิ ชาแก้ว หรือเจ๊มะลิ เจ้าของร้าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เวลามีใครมาทักว่าดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น หลายคนก็จะรู้สึกสะเทือนใจ โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย แต่สำหรับ “ผ่านมาแวะกิน” แล้ว ไม่ค่อยเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ เพราะความสุขนั้นอยู่ที่การกิน ฉะนั้น ถึงน้ำหนักจะขึ้นบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือซะว่าเป็นผลพลอยได้จากความสุขทางปาก

    ในมื้อนี้ เราก็เลยอยากจะชวนกันมาเพิ่มเนื้อหนังให้ตัวเองกับเมนูขาหมูกันที่ร้าน “ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” ที่ขายกันมานมนานเกือบ 40 ปีแล้ว โดยคุณมะลิ ชาแก้ว หรือเจ๊มะลิ เจ้าของร้านอัธยาศัยดี ที่เสิร์ฟขาหมูอร่อยๆ ให้ลูกค้าได้ชิมกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศที่นั่งของร้าน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ความโดดเด่นของร้านนี้อยู่ที่กรรมวิธีการทำขาหมูที่ไม่เหมือนใคร โดยจะเคี่ยวบนเตาถ่าน ซึ่งใช้ถ่านแบบเดียวกันกับถ่านปิ้งหมูสะเต๊ะ ที่จะให้ไฟแรงกว่าถ่านทั่วไป และการเคี่ยวบนเตาถ่านนี้ก็จะให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เชิญชวนมาให้ลิ้มลองมากกว่าการเคี่ยวบนเตาแก๊สทั่วไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขาหมูเนื้อ-หนัง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มาลองชิม ข้าวขาหมู (จานละ 30 บาท) กันก่อนสักจาน เริ่มจากข้าวที่จะใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดีมาหุงไม่ให้แฉะหรือแข็งเกินไป ส่วนขาหมูนั้นจะเลือกใช้ทั้งขาหน้าและขาหลังปนกันไป นำมาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำไปทอดเพื่อให้ไขมันในขาหมูละลายออกไป แล้วค่อยนำมาต้มกับเครื่องพะโล้ ปรุงรสและเพิ่มสีสันด้วยซีอิ้วอย่างดี ใส่เหล้าจีนเพื่อลดกลิ่นคาวและเพิ่มความหอม เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนเนื้อเปื่อยนุ่ม ก็นำมาเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ได้เลย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไข่ต้มและเต้าหู้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถ้าไม่สั่งเป็นข้าวขาหมู จะสั่งขาหมูมาเป็นจานๆ ก็ตามแต่ความชอบ หรือจะสั่งเป็นทั้งขา (ขาละ 350-380 บาท) แล้วค่อยสั่ง ข้าวเปล่า (จานละ 7 บาท) หรือหากอยากจะเพิ่มโปรตีนด้วย ไข่ต้ม (ฟองละ 7 บาท) มากินคู่กันก็ได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ลิ้นหมู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากขาหมูแล้ว ที่ร้านก็ยังมีส่วนอื่นๆ ให้เลือกชิมตามชอบ อย่างเช่น ลิ้น (80 บาท) ไส้ (30-40 บาท) หาง (30 บาท) คากิ (50-70 บาท) เต้าหู้ (5 บาท) เห็ดหอม (5-10 บาท) ซึ่งทุกอย่างนั้นจะนำมาทำความสะอาด แล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำพะโล้เช่นเดียวกับขาหมู ทำให้ได้รสชาติความเข้มข้นเต็มที่ ออกรสเค็มมากกว่าหวาน เนื้อขาหมูเปื่อยนุ่ม ส่วนอื่นๆ ก็เปื่อย ไม่เหนียว เคี้ยวกันเต็มปากเต็มคำ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไส้หมู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เวลาที่นำขาหมูมาเสิร์ฟนั้น ก็จะมาพร้อมๆ กับเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ ผักฉ่ายกัว เป็นผักกาดแห้งหมักเกลือ เวลากินคู่กันจะได้รสออกเค็มๆ เล็กน้อย และที่ขาดไม่ได้สำหรับความอร่อยที่นี่ก็คือ น้ำจิ้มสูตรเด็ดของเจ๊มะลิ ที่ใช้พริกขี้หนูสวนมาตำเอง ปรุงรสชาติด้วยเคล็ดลับเฉพาะ ได้น้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด เข้ากันดีกับขาหมูที่ออกเค็มหวาน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หางหมู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถ้าหากว่าใครอยากจะมาลองลิ้มความอร่อยของขาหมูที่ร้านนี้ คงจะต้องรีบมากันแต่เช้า เพราะของดีก็มีน้อย ถึงแม้ว่าจะเปิดขายถึงเที่ยง แต่ถ้าขายดีบางวันก็หมดตั้งแต่เก้าโมงเช้า ฉะนั้นถ้าอยากจะมากินก็โทรศัพท์มาสอบถามเจ๊มะลิก่อนก็ได้ว่าหมดหรือยัง หรือหากจะสั่งทำขาหมูก็ควรสั่งล่วงหน้า 1-2 วันจะได้เตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย

    มากินขาหมูที่ร้าน “ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” กันอิ่มแล้ว ก็ไปเดินย่อยออกกำลังกายสลายไขมันกันต่อที่ตลาดโบ๊เบ๊ หรือจะไปเลือกซื้อผลไม้หลากหลายกันที่ตลาดมหานาคต่อก็ยังได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>คากิ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    “ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” ตั้งอยู่ในตลาดโบ๊เบ๊ สะพาน 4 การเดินทางจากแยกหัวเฉียว เลี้ยวเข้าถนนกรุงเกษม เลียบคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านโรงพยาบาลหัวเฉียว มุ่งหน้ามาทางตลาดโบ๊เบ๊ สังเกตสะพานข้ามคลองทางขวามือนับไปถึงสะพานที่ 4 (มีป้ายบอกชื่อสะพาน 4) ให้เดินตรงเข้าไปข้ามสะพาน 4 ตรงผ่านร้านขายผ้าต่างๆ จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวา จากนั้นตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงตรอกแรก จะมีตลาดสดอยู่ทางซ้ายมือ ให้เข้าไปในตลาด ร้านข้าวขาหมูเจ๊มะลิจะอยู่บริเวณกลางตลาด สามารถจอดรถได้ที่ตึกโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ แล้วเดินย้อนมาที่สะพาน 4 (ตรงสะพาน 4 นำรถเข้าไปไม่ได้) รับสั่งทำข้าวขาหมูกล่อง และขาหมูไหว้เจ้า ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-12.00 น. โทร. 08-1634-9119, 0-2249-9147
    ที่มา Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 20 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกๆท่าน

    วันนี้ ได้รับคำสั่ง(แบบไม่รู้ตัว)มา ผมย้ายที่ทำงานครับ

    สำหรับท่านน้องปฐม หรือหลายๆท่านที่ส่งของมาให้ผม ตามเลขที่ 247

    ในเดือนหน้า ไม่ใช่แล้วครับ

    เป็นเรื่องปกติ ที่มีเกิด มีดับ มีอยู่ ก็ต้องมีจากไปครับ


    .
     
  8. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ถ้าได้ย้ายไปที่ดีกว่า ก็ดีนะครับผม หรือย้ายจาการเลื่อตำแหน่งก็ดีเช่นกันครับผม
    ปกติจะไหว้ 5 ครั้งก่อนสวดมนต์ครับผม

    คุณหนุ่ม ว่างแล้ว ช่วยดูเรื่องทรายเสกด้วยนะครับผม

    ขอบคุณครับ
     
  9. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    วัตถุมงคลที่ ลป เทพโลกอุดร เสก กับ ที่องค์อภิญญาใหญ่เสก นั้น พิมพ์จะไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ มวลสารทีทำก็ไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ คุณหนุ่ม
    สมัยก่อนจะมีการสร้างพระเป็นสี แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห้นนะครับ แบบว่า อ่านจากหนังสือของ อ ประถม นะครับ อย่างผมนี่ตามหนังสือแล้ว ไม่ควรใส่พระสีน้ำตาล อิอิ ส่วนใหญ่จะสีน้ำตาลซะด้วยนะครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    นางกวักมหาเสน่ห์

    คมชัดลึก : “โอมปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียว งามเพียบพร้อมบุญหนัก โสภาอ่าโองยิ่งนัก เธอชื่อว่านางกวัก ใครเห็นใครรักหลุ่มหลง งามรูปงามใจ งามทั้งวาจาสูงส่ง ชวนให้พะวงง่วยงงตะลึงจังงัง”

    ฟังแค่บทกลอนเพลงแค่วรรคเดียว ยังชื่นชมแม่นางกวักถึงขนาดนี้ แม่นางกวักเป็นเทพที่มีชื่อเสียงมาก ด้านช่วยกวักโชคกวักลาภ กวักเงินกวักทอง แม้แต่เรื่องความรักความใคร่ แม่นางกวักท่านยังช่วยกวักให้รักนั้นสมหวังได้
    แม่นางกวักเป็น เทพที่มีเรื่องเล่าขานถึงท่านกันมานมนานตั้งแต่โบร่ำโบราณ และมีการปั้นหล่อเป็นรูปลักษณ์นั้น เท่าที่พบเจอว่ามีอายุเก่าที่สุด อยู่ในสมัยอยุธยาประมาณนั้น และส่วนมากพบเป็นขนาดบูชา มีทั้งที่สร้างจากเนื้อโลหะ เนื้อดินเผา และแกะจากเนื้อไม้ เป็นต้น
    หลวงพ่อเดิม ท่านได้สร้างแม่นางกวัก ปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยม และมีชื่อเสียงในลำดับต้นๆ ของเกจิอาจารย์ทั่วไปเลยทีเดียว นิยมสร้างโดยแกะจากเนื้องาช้าง ซึ่งงานั้นเราก็เชื่อกันว่ามีความขลังในตัวอยู่แล้ว งาช่วยกันภูตผีปีศาจ และช่วยกันคุณไสยได้ดีเยี่ยม เท่าที่พบมีการแกะด้วยกันหลายขนาด หลายฝีมือช่าง และที่แกะจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ กับที่สร้างเป็นเนื้อโลหะก็พอพบเห็นบ้าง แต่ไม่มากนัก
    แม่นางกวักของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว สำนักนี้ ถือว่าไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว แม้ท่านจะสร้างแม่นางกวักจากวัตถุมงคลหลายๆ ชนิดก็ตาม แต่สันนิษฐานว่า ท่านคงสร้างไว้จำนวนไม่มากนัก เพราะวัตถุมงคลแต่ละชนิดที่ท่านนำมาสร้างแม่นางกวักนั้น ล้วนแต่หามาด้วยความยากยิ่ง เช่น แม่นางกวักที่ ทำมาจากเนื้อชิน ก็เป็นดินขี้นกเขาเปล้า และที่ทำมาจากเนื้อผงก็ใช้ผงยาจินดามณี ซึ่งสูตรผสมสร้างยากมาก ส่วนที่แกะจากไม้มงคลก็ใช้ไม้โพธิ์ที่กิ่งตายพราย ซึ่งหันปลายยอดไปทางทิศตะวันออก เป็นต้น
    หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ท่านก็เป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งสาย จ.นครปฐม ที่มีชื่อเสียงมากในด้านสร้างเครื่องรางของขลัง แม่นางกวักที่ สร้างไว้ ไม่ว่าขนาดบูชา หรือที่มีขนาดพกพาได้รับความนิยมสูงมากเช่นกัน ส่วนมากท่านจะสร้างจากเนื้อดินผสมผงวิเศษ พุทธคุณยอดเยี่ยมมาก บางท่านเล่าว่า แม่นางกวักของหลวงพ่อเต๋ คงทอง ใช้แล้วเห็นผลทันตา
    แม่นางกวักของหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา และหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี แม่นางกวักของ ท่านทั้งสองนี้ ส่วนมากจะสร้างจากเนื้อโลหะ ประเภทเนื้อทองผสม ถึงแม้ราคาค่างวดจะไม่แพงรุนแรงเหมือนสำนักอื่นๆ อาจเป็นว่าพระสร้างค่อนข้างมากกว่า แต่ก็มีชื่อเสียงยาวนานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแม่นางกวักสำนักอื่นใด
    แม่นางกวักของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ส่วนใหญ่สร้างเป็นแบบขนาดบูชา เนื้อดินผสมผงวิเศษ ปิดทองร่องชาด สวยงาม พบเจอน้อยมาก
    แม่นางกวักของ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีวิชาอาคมขลัง มนต์คาถามหาเสน่ห์ ทำให้เรื่องร้ายๆ กลายเป็นเรื่องดี เยี่ยมยอดเป็นที่สุดหาอาจารย์อื่นใดเสมอเหมือนได้ยาก วัตถุมงคลของท่านส่านมากจะสร้างจากเนื้อกะลาที่มีตาเดียว นำมาแกะเป็นวัตถุมงคลรูปเครื่องรางศิลปะต่างๆ
    ส่วนหลวงพ่อเส็ง วัดศรีประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมเก่งกล้าหลายด้าน ท่านได้สร้างเหรียญโภคทรัพย์ ด้านหลังเป็นรูปแม่นางกวัก รุ่นแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ ปัจจุบันเป็นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ราคาค่อนข้างแพง และหาชมของแท้ได้ยากมากเช่นกัน
    ในปัจจุบันแม้ปรามาจารย์ผู้ทรงคุณเวทเหล่านี้จะไม่อยู่แล้ว ใช่ว่าวิชาอาคมของท่านจะสูญสิ้นไปไม่ ยังมีเหล่าศายานุศิษย์ของท่านอีกหลายๆ องค์ของแต่ละสำนัก ก็ยังได้รับการถ่ายทอดวิชา นำมาสร้างแม่นางกวักใน ยุคหลังๆ เรื่อยมา ซึ่งอาจารย์บางท่านก็ได้รับความนิยม มีชื่อเสียงโด่งดัง มิยิ่งหย่อนไปกว่าเกจิอาจารย์รุ่นเก่าบางองค์เลยทีเดียว เช่น หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ท่านเก่งมากคิดค้นวิชาสร้างผงวิเศษได้ ชื่อว่าเนื้อผงขมิ้นเสก ชึ่งท่านได้นำผงวิเศษนี้มาสร้างวัตถุมงคลชนิดต่างๆ จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก
    หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ศิษย์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ท่านก็ได้สร้างวัตถุมงคลเป็นประเภทเครื่องรางประเภทเดียวกันกับหลวงพ่อเดิม อยู่หลายอย่าง แม้กระทั่งแม่นางกวักที่แกะจากงาช้าง ปัจจุบันก็ได้รับความนิยมเป็นที่แสวงหาของนักสะสมเช่นกัน เพราะว่าแม่นางกวักของหลวงพ่อเดิมแท้ๆ นั้นนับวันก็เริ่มหาได้ยากมาก
    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี เป็นเกจิอาจารย์องค์หนึ่ง ลูกศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อมุ่ยจริงๆ แล้ว ท่านถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคค่อนข้างเก่าองค์หนึ่ง และมีวิชาแก่เกล้ามาก ศึกษาวิชาอาคมหลายแขนง มีอาจารย์สอนวิชามากมาย เล่ากันว่า หลวงพ่อมุ่ยท่านมีวิชามนต์เสน่ห์ปลุกเสกแม่นางกวักชะงักดีแล ไม่เป็นสองรองใครเลย
    นางกวักรัตนโกสินทร์
    ในสมัยรัตนโกสินทร์ยุคต้น ได้มีการสร้างรูปแม่นางกวักไว้ จำนวนมากเช่นกัน ซึ่งได้สร้างจากเนื้อโลหะ เนื้อดินเผา และแกะจากเนื้อไม้เช่นเดียวกันกับในสมัยอยุธยา ส่วนมากจะพบเป็นขนาดบูชา ส่วนที่เป็นขนาดเล็กแบบห้อยคอนั้นไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก จะเห็นบ้างก็มีขนาดค่อนข้างเขื่องๆ ไม่เหมาะที่จะพก หรือติดตัว ในสมัยรัตนโกสินทร์ยุคต้นนี้ แม่นางกวักที่เป็นขนาดบูชานั้นจะนิยมสร้างเน้นศิลปะความงดงาม มีการลงรักปิดทอง ร่องชาด จะเน้นลวดลายชุดอาภรณ์สวมใส่
    พอมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ยุคกลางๆ แม่นางกวักกลับ ได้รับความนิยมเพิ่มมากยิ่งขึ้น เกจิอาจารย์ทั้งที่เป็นพระสงฆ์ ทั้งฆราวาส มีการจัดสร้างกันทั่วไป ทั้งแบบบูชา และขนาดเล็กแบบห้อยคอก็นิยมสร้างกันมาก พบเจอเกือบทุกเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นที่สร้างจากเนื้อเขี้ยว งา กะลา เขา เนื้อดิน ชิน ผง หรือที่สร้างจากเนื้อของโลหะ ก็พบเจอโลหะหลายชนิด เช่น เนื้อทองคำ เงิน นาก ทองเหลือง ทองแดง สัมฤทธิ์ เมฆสิทธิ์ หรือเนื้อเมฆพัตร เป็นต้น
    ในสมัยรัตนโกสินทร์ยุคกลางนี้ ถือว่าเป็นยุคสูงสุดของแม่นางกวักที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งเกจิอาจารย์หลายๆ ท่านที่ได้ปลุกเสกเวทมนตร์คาถาสร้างแม่นางกวักเอาไว้นั้น แม่นางกวักไม่ ว่าจะสร้างจากเนื้อชนิดใด หรือขนาดแบบใดก็ตาม หากไค้รับการปลุกเสกมนต์คาถาที่ดีถูกต้อง เชื่อว่าความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ต้องยอดเยี่ยมแน่
    แม้ปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมยกย่องว่ายอดเยี่ยมด้านมนต์มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ใช้แล้วจะมีโชคมีลาภ ร่ำรวยเงินทอง ช่วยกวักเงินกวักทอง กวักโชคกวักลาภ เมตตามหาเสน่ห์ โภคทรัพย์ และช่วยดลบันดาลให้คนชังนั้นกลับมารัก ซึ่งมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายท่าน เช่น
    นุ เพชรัตน์


    -http://www.komchadluek.net/detail/20110620/100881/%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C.html-





    http://www.komchadluek.net/detail/20110620/100881/ชั่วโมงเซียนนางกวักมหาเสน่ห์.html

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    รอยช้ำโผล่ไม่รู้สาเหตุ ระวังมะเร็ง!


    [​IMG]

    รอยช้ำเป็นจ้ำที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวหนัง ทั้งๆ ที่ไม่ได้ถูกกระแทกหรือบีบรัด หากถูกพบหลังจากตื่นนอน ความเชื่อเรื่องผีอำก็จะถูกยกมาเป็นสาเหตุของรอยช้ำปริศนา ทว่าระหว่าง 'ผี' กับ 'มะเร็ง' กลัวอะไรมากกว่ากันล่ะ?

    'สารพันวันละโรค'
    วันนี้มีคำอธิบายรอยช้ำที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุบนผิวหนัง และคงไม่ใช่เพราะผีอำ แต่เป็นสัญญาเตือนภัยสุขภาพว่า อาจเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาก็มีโอกาสเสียชีวิตได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่รอยช้ำไม่รู้ที่มาเท่านั้นที่จะสรุปว่า เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยังต้องมีอาการอื่นๆ ปรากฏร่วมด้วย อาทิเช่น อ่อนเพลีย มีไข้อ่อนๆ หลายวันก็ยังไม่ลดไม่หาย เลือดออกตามไรฟัน ส่วนรอยช้ำที่เกิดขึ้นนั้นก็ยิ่งขยายใหญ่กว่าเดิมอีกเท่าตัว

    สำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคิเมีย มีทั้งชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง โดยชนิดเฉียบพลันจะพบได้บ่อยกว่า โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ซึ่งมีเม็ดเลือดอยู่ 3 ชนิด คือ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด

    โรคนี้ถ้าเป็นแล้วจะส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณ มากกว่าปกติ แต่กลับไม่สามารถเจริญเป็นเซลล์ที่แข็งแรง เหตุนี้เองทำให้ช่วงที่เม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวมากกว่าปกติจะทำให้ร่างกาย ขาดออกซิเจน อันตรายต่อสมอง หัวใจ และปอด

    แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงที่เม็ดเลือดขาวลดจำนวนลงเพราะความไม่สมบูรณ์ของเม็ด เลือดขาว เมื่อนั้นร่างกายจะขาดตัวทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย อันเป็นหน้าที่หลักของเม็ดเลือดขาว ส่งผลให้คนๆ นั้นมีภูมิต้านทานน้อย เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ มีอาการไข้ และรู้สึกอ่อนเพลีย ขณะที่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นนั้น เกิดจากการที่เส้นเลือดปริแตกจึงมีเลือดออกอยู่ใต้ผิวหนังและไม่ยอมหยุด

    สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่อาจสรุปสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่ทางการแพทย์สันนิษฐานว่า เกิดจากภาวะผิดปกติของพันธุกรรม และคนที่เป็นโรคทางพันธุกรรมบางอย่างมีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนอื่นๆ ส่วนการรักษา หลังจากแพทย์เจาะตรวจนับเม็ดเลือด เพื่อสำรวจความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดแล้ว จะให้ผู้ป่วยรับประทานยา บางรายอาจต้องใช้เคมีบำบัดร่วมด้วย

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คือ ระวังอย่าให้มีบาดแผล ระวังการชนหรือกระแทก เพราะเลือดจะออกได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังต้องระวังการติดเชื้อเมื่อเป็นแผลด้วย.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com





    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=458&contentId=145937-


    .

    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=458&contentId=145937


    .
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ไม่เป็นไรครับพี่ท่าน พี่ท่านอยู่ที่ไหนของก็ตามไปส่งที่ใหม่ได้ครับผม เหมือนบุญละครับตามส่งให้ถึงตัวคนไม่ใช่สถานที่ครับ เป็นกำลังใจให้นะครับพี่ท่าน สู้ๆ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของพิมพ์ จะมีความแตกต่างกัน รวมทั้งมวลสารและเนื้อหาด้วย

    บางรุ่น องค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอธิษฐานจิตกับ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่

    บางรุ่น สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านอธิษฐานจิตกับ องค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร

    บางรุ่น สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านอธิษฐานจิตกับ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่

    เนื่องจากมีความแตกต่างทั้งด้าน มวลสาร , พิมพ์ , องค์ผู้อธิษฐานจิต และ พระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวง อีกทั้งเรื่องของเจตนาของผู้ให้สร้าง , ผู้สร้าง , องค์ผู้อธิษฐานจิต และ พระราชพิธีหลวงบางอย่าง ทำให้พระวังหน้า ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อขายได้ และ เนื่องจากการสร้างมีเป็นจำนวนมาก ทำให้วงการซื้อขาย นำไปซื้อขายได้

    สำหรับผู้ที่นำไปซื้อขาย ก็ต้องแลกเปลี่ยนครับ แลกเปลี่ยนกับเงินด้วยการแลกเปลี่ยนด้วยเรื่องอะไร ผู้ที่นำไปขายต้องพิสูจน์เอง ผมเคยบอกในกระทู้พระวังหน้าฯ มาพอสมควรแล้ว

    เรื่องของทรายเสก ผมจะดำเนินการส่งให้ครับ

    ส่วนเรื่องย้าย ผมไปในตำแหน่งเดิมครับ


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ก็คงไปเริ่มต้นใหม่ ในหลายๆเรื่องครับ

    ต้องสู้กันต่อไปครับ

    ขอบใจในกำลังใจที่มีให้กันเสมอ


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของทรายเสก

    ผมเองได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ในวาระการสร้างผ้ายันต์ครอบจักรวาล

    สำหรับทหารที่ได้รับผ้ายันต์ครอบจักรวาลไป ปัจจุบันยังไม่มีผู้ที่ได้รับอันตรายเลย

    การอธิษฐานจิตผ้ายันต์ครอบจักรวาล องค์ผู้อธิษฐานจิตมากันถึง 3 สายครับ

    (ผ้ายันต์ครอบจักรวาลรุ่นพิเศษ )

    ผ้ายันต์ครอบจักรวาลนี้ ได้รับการอธิษฐานจิต จาก

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน) ,หลวงปู่สุภา กันตสีโล

    สำเร็จลุน , พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) ,พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม

    พระครูวิหารกิจจานุการ(หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)



    รูปผ้ายันต์

    [​IMG]

    ในการจัดสร้างครั้งนี้ พระอาจารย์นิล พร้อมด้วยคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,คณะศิษย์หลวงปู่สุภา และคณะศิษย์พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) เป็นผู้ที่พร้อมใจร่วมกันจัดสร้างขึ้น

    การอธิษฐานจิต

    พระอาจารย์นิล ท่านได้นำผ้ายันต์ชุดนี้ ไปขอความเมตตาหลวงปู่สุภา ท่านอธิษฐานจิต เมื่อหลวงปู่สุภาท่านเมตตาอธิษฐานจิตเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษก อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้เชิญคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สำเร็จลุน พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม ,พระครูวิหารกิจจานุการ(หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    การอธิษฐานจิตผ้ายันต์ชุดนี้ เป็นการอธิษฐานจิตถึง 3 สายด้วยกัน คือ
    1.สายหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (หลวงปู่สุภา ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นลูกศิษย์หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) )

    2.สำเร็จลุน พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม

    3.พระครูวิหารกิจจานุการ(หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

    ซึ่งการจัดสร้างนี้ ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการแจกทหารทางภาคใต้ไปเป็นจำนวนมากพอสมควร พระอาจารย์นิลท่านได้ติดตามความคืบหน้าในการแจกผ้ายันต์ และพระอาจารย์นิล ท่านได้มาบอกกับผมและอีกหลายๆท่าน (ในวันงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร จังหวัดชลบุรี) ให้ทราบว่า สำหรับทหารที่ได้รับแจกผ้ายันต์ครอบจักรวาล ยังไม่มีใครที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลย

    สำหรับท่านที่ได้รับไปแล้ว เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ หรืออาจจะนำมาใส่กรอบและแขวนไว้ที่ประตูบ้าน ดีมากๆครับ

    http://palungjit.org/forums/พம.ml#post2057294

    หน้าที่ 1521

    ...............................
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองว่าจะนำ พิมพ์พระแม่ธรณี และ พิมพ์แม่นางกวัก นำไปมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญ ในงานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง ในวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554 นี้ด้วย

    สำหรับการร่วมทำบุญ หากทำบุญเพื่อขอรับพิมพ์พระแม่ธรณี หรือ พิมพ์แม่นางกวัก 1 องค์ ผมให้ร่วมทำบุญ 2,000 บาท(การร่วมทำบุญต่อ 1 องค์)

    แต่หากว่า ทำบุญเพื่อขอรับพิมพ์พระแม่ธรณีและพิมพ์แม่นางกวัก (การร่วมทำบุญทั้งสององค์) ผมให้ร่วมทำบุญ 2,000 บาทครับ




    งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง

    เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

    กำหนดการ

    วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554

    ณ ศาลาข้างกุฎิ 7 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน กรุงเทพฯ

    [​IMG] [​IMG]


    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 หากท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญและรับพระ ให้ไปร่วมทำบุญในงานเท่านั้น

    ผมไม่ส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ

    [​IMG]


    <!-- google_ad_section_end -->

    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
    .


    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>


    สำหรับท่านใดที่ได้อ่านประวัติ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร เป็นผู้เขียน หากเห็นชื่อวัดนี้ คงพอทราบว่า เป็นอย่างไรครับ

    ขอไม่แจ้งบนบอร์ดครับ


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    รูปใหญ่

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    รูปจาก Google ครับ
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • l1.JPG
      l1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.9 KB
      เปิดดู:
      264
    • l2.JPG
      l2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.4 KB
      เปิดดู:
      241
    • l3.JPG
      l3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27.8 KB
      เปิดดู:
      230
  18. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีวันอังคารครับ สมาชิกทุกท่าน
     
  19. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    "ผลบุญ"

    วันอังคาร ที่ 21 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    สั่งสมผลบุญมาตลอด หลังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ โดนพระเพลิงเผาวอด จนสิ้นเนื้อประดาตัว เหลือเสื้อเป็นสมบัติติดกายเท่านั้น!!! ค่ะคุณขา แต่...ด้วยแรงฮึด!! ไม่ยอมแพ้โชคชะตา เฮือกใหญ่ ๆ “สรญา ชวาลดิฐ” กลับใช้สองมือปลุกปั้น เอสบี เฟอร์นิเจอร์ จนประสบความสำเร็จให้ได้เก็บ “ดอกเบี้ยผลบุญ” ในวันนี้

    ช่วงล้มลุกคลุกคลาน “คุณสรญา” ยังเจียดเงินแบ่งไปทะนุบำรุงการศึกษาเด็กไทย ให้นักเรียนยากจนได้มีรองเท้าใส่ ได้อิ่มท้อง ตลอดจนมีทุนไว้เรียน ไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงอุทกภัยก็นั่งเรือหอบหิ้วข้าวของไปแจกชาวบ้าน พอธุรกิจอยู่ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็ปันน้ำใจจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้แก่ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ รพ.รามาธิบดี อีกครั้ง

    ล่าสุดผลแห่งความดีตอบกลับ คุณสรญาปลื้มปีติเป็นล้นพ้นเพราะได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2553 ชั้นสายสะพายปฐมดิเรกคุณาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเครื่องราชฯ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน

    รางวัลแห่งชีวิตนี้ใหญ่หลวงนัก ถึงกับทำให้น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลพราก ๆ ๆ และขอมุ่งมั่นทำความดีต่อไป

    ถือเป็นแบบอย่างและกำลังใจให้คนอยาก “ทำดีแต่ท้อแท้” ได้ดีทีเดียวเชียวคร้า...





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อาหารตามสั่ง '10 บาท สู้แค่หมด' ปลดหนี้บนเส้นทาง “ศก.พอเพียง” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>21 มิถุนายน 2554 09:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร้านอาหารตามสั่ง ทุกอย่าง 10 บาท </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในภาวะที่ค่าครองชีพสูง สินค้าเครื่องใช้ไม้สอย อาหารการกิน ถีบตัวสูงขึ้น ในทางกลับกันรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ตามค่าครองชีพ ปัญหาตามมาก คือ ข้าวยากหมากแพง แต่ในเวลาทีมืดมนย่อมมีแสงสว่าง เมื่อมีแม่ค้าที่ยึดคติ ความสุขที่เกิดจากการเป็นผู้ให้ เปิดร้านอาหาร ที่มีชื่อว่า “ร้าน 10 บาท สู้แค่หมด”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นางสุทธิวา วงค์นุ้ย เจ้าของร้าน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นางสุทธิวา วงค์นุ้ย เล่าว่า ที่มาของร้าน 10 บาท สู้แค่หมด เกิดขึ้นมาจากตนเองและครอบครัว เป็นนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งยึดมั่นในแนวทางหลักคำสอนของศาสนามาตลอด และหนึ่งในคำสอนที่คนอิสลามยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาตลอด คือ การเป็นผู้ให้ ดังนั้น การประกอบอาชีพอะไร ก็ยึดแนวทางคำสอนมาใช้ด้วย แต่ที่มาของร้านจริงๆ ส่วนหนึ่งเหมือนกับชื่อร้าน “สู้แค่หมด” หมดในที่นี้คือ หมดหนี้สิน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไก่กระเทียม </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> โดยที่มาของหนี้สินที่เกิดขึ้น มาจากภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก เมื่อปี 2540 โดยกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องเรือนของเราก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะลูกค้าไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ และสินค้าขายไม่ได้ ขาดทุน จนต้องเลิกกิจการ ประกอบกับในช่วงนั้น เป็นหนี้จากการกู้เงินธนาคารมากว่า 4 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินที่เป็นมรดกของครอบครัวเก็บรักษาเอาไว้ ทำให้หนี้สินเพิ่มมากขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โรตีมะตะบะ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม การขายอาหารของร้านสู้แค่หมด ก็คงจะไม่สามารถใช้หนี้ได้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งที่ใช้หนี้ได้ก็มาจากการรับไก่สดจากกลุ่มบริษัท ซีพี มาส่งให้กับทางโรงเรียน ในโครงการอาหารกลางวันของทางโรงเรียน ในย่านหนองจอก และมีนบุรี และมีอยู่วันหนึ่ง อยากจะแบ่งปันของเล่นที่ซื้อให้กับลูกๆ เล่น ในวัยเด็ก อาทิ เช่น เรือถีบ และของเล่นม้าหมุนต่างๆ ที่ซื้อไว้ตอนที่มีรายได้ในช่วงนั้น จึงได้ตัดสินใจทุบรั้ว และเปิดบ้านให้เด็กมาเล่นฟรี พร้อมกับทำอาหารให้เด็กๆกิน ซึ่งค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ก็เลยตัดสินใจทำขายเด็กๆ ในราคาจานละ 3 บาท พ่อแม่ ผู้ปกครองตามมาดูแลลูกๆ ด้วยเกรงใจเพราะเขาจะได้กินด้วย ขอให้ขายในราคาจานละ 10 บาท ตั้งแต่นั้นมาจึงเป็นจุดกำเนิดให้ตัดสินใจเปิดร้านอาหาร โดยขายจานละ 10 บาท มาตลอด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผัดกระเพราไก่ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในวันแรกที่ตัดสินใจเปิดเป็นร้านอาหารแบบจริงจัง ก็ขายไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะคนในย่านคลองเก้า เขตหนองจอก นั้นเป็นชาวบ้านเหมือนชนบททั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะทำอาหารกินเองที่บ้านไม่ได้มาซื้อกินนอกบ้าน แต่ตอนหลังมาได้ลูกค้าเกิดจากการบอกกันแบบปากต่อปากเป็นกลุ่มของนักปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ซึ่งใช้เส้นทางขี่ที่ต้องผ่านหน้าร้าน ได้แวะเวียนเข้ามาชิมอาหาร และรู้สึกถึงความตั้งใจของเราที่ต้องการจะเป็นผู้ให้จริง โดยไม่ได้คาดหวังผลกำไร เพียงแค่ให้พอมีรายได้ คือ คนกิน และคนขาย ได้เหมือนกัน คนขายได้กำไรบ้างจากการขายจำนวนหลายชาม และคนกินก็ได้อิ่มในราคาที่เป็นธรรม

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ก๋วยเตี๋ยวไก่ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “โดยส่วนตัวมะมีความสุขมากกับการทำอาชีพตรงนี้ แม้ว่ารายได้จะไม่มากเหมือนในอดีต แต่มีความสุขที่เราได้เดินตามแนวทางของศาสนาอิสลาม เราไม่ได้ใช้เล่ห์กล หลอกลวงใคร ในราคาเท่านี้ และรสชาติแบบนี้ ถ้าพอใจเขาก็จะกลับมากินอีก และมะก็จะให้ลูกค้าได้คิดเงินเอง และบอกเราว่าทอนเงินเท่าไหร่ เราจะไม่ไปคิด หรือถ้ากินแล้วไม่จ่ายเงินเราก็ไม่ว่า เพราะถ้าเราไปทวงและเขาเกิดอายขึ้นมา ก็จะโกรธ และไม่กลับมากินอีก สู้เราไม่ทวงและให้เขาได้กลับไปคิดเอง และสุดท้ายก็กลับมากินอีก และยอมจะจ่ายเงิน ค่าอาหาร”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แม้ร้าน 10 บาท แต่คนกินก็มีสตางค์นะ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับร้านสู้แค่หมดนั้น กลุ่มนักปั่นจักรยาน ตั้งชื่อให้ หลังจากเล่าให้ฟังถึงที่มาของร้าน ซึ่งปัจจุบัน หนี้สินจำนวน 4 ล้านบาท นั้นก็หมดแล้ว และเงินจากการทำร้านอาหารตรงนี้ ยังทำให้เราสามารถส่งลูก 2 คนเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี จะเห็นว่า การขายอาหารเพียงแค่ 10 บาท สามารถทำกำไรได้ ไม่อยากให้ทุกคนมุ่งจะเอาแต่กำไร โดยเฉพาะในช่วงที่วิกฤตทุกอย่างขึ้นราคาหมด เช่นนี้ ยิ่งต้องเห็นใจกัน เพราะถ้าขายแพงและคนไม่มากิน สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ แต่ถ้าขายราคาถูก กำไรน้อย แต่ขายได้มาก กำไรก็มากตาม และมีลูกค้าสม่ำเสมอ ทำให้เรามีรายได้ทุกวัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> การเป็นผู้ให้ ของ คุณสุทธิวา ไม่ได้จบแค่การขายอาหารราคาถูกเท่านั้น แต่ทุกคนที่มากินอาหารที่ร้าน สามารถที่จะไปสอยมะพร้าว เก็บชมพู่ มะม่วง กล้วย กินฟรีได้เลย เพราะด้วยความที่ร้านของเธออยู่ภายในบ้าน ซึ่งโดยรอบจะปลูกผัก ผลไม้ไว้จำนวนมาก ถ้าใครอยากจะเก็บ หรือ อยากจะกินอะไรก็ได้ตามใจชอบ เธอบอกว่า ทุกวันนี้มีความสุข ที่เห็นคนที่แวะเวียนเข้ามา เหมือนมาแวะพักบ้านญาติ และทำอาหารกินกัน เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นคนต่างถิ่น ที่มาตั้งใจจะมา ก็รู้สึกดี เราก็เต็มที่และเต็มใจพร้อมจะทำสิ่งดีดี ให้ทุกคนได้กินกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คุณสุทธิวา เล่าให้ฟังว่า ส่วนหนึ่งที่ยังคงยืนหยัด และตั้งใจจะขายราคานี้ตลอดไป แม้ว่าปัจจุบันทุกอย่างจะปรับราคาขึ้นกันไป หมดแล้ว เพราะสามารถหาวัตถุดิบได้ในราคาที่ไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นพืชผักก็เป็นวัตถุดิบในท้องถิ่น ที่ปลูกเองบ้าง ซื้อมาจากคนในพื้นที่บ้าง หรือ เนื้อสัตว์ ใช้ของ ซีพี เพราะคุณภาพดี อีกทั้งสามารถซื้อได้ในราคาโรงงานที่ไม่แพง นอกจากนี้ ในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเส้นก๋วยเตี๋ยว ถ้าคิดหรือทำกันจริง ขาย 10 บาท ยังไงก็ได้กำไร

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รอบบ้านเป็นสวนและท้องนา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับเมนูอาหาร ที่ขายภายในร้าน ประกอบด้วย อาหารตามสั่ง เช่น ผัดกระเพรา ไก่กระเทียม ผัดซีอิ้ว ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยว ไก่ เป็ด เนื้อ และโรตีมะตะบะ ทุกอย่างจานละ 10 บาท ยกเว้นมีไข่ดาว หรือ ต้องการเพิ่มแบบพิเศษ ขายในราคาจานละ 20 บาท วันหนึ่งขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 จาน ถ้าเป็นวันเสาร์ - อาทิตย์ มากกว่า 100 จาน ลูกค้าส่วนใหญ่จะมาจากที่ต่างๆ คนในพื้นที่มีบ้าง ประมาณ 10%

    โทร. 02-988-6992
    ที่มา Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...