ผมอยากทราบวิธีการอ่านใจคนครับ

ไม่ทราบว่าต้องปฏิบัติเช่นไร นั่งสมาธินานไหม

รบกวนให้ครับปรึกษาด้วยครับ

ปล.ผมจะไม่ใช้การอ่านใจจากญาณที่ได้เพื่อหวังผลประโยชน์นะครับแต่ไว้ช่วยเหลือคนต่างหากครับผม

อนุโมทนากับธรรมทานครับ

 

ไอ้เรื่องนี้ผมไม่ทราบหรอกครับแต่บอกว่าจะช่วยคนก็อนุโมทนาด้วยครับ

 

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ มีอายตนะทั้ง 6

ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็เป็นทุกข์อย่างยิ่งแล้ว

หากรับรู้ความคิดของผู้อื่นอีก บางทีเป็นทุกข์ยิ่งกว่านะคะ

 

ตามความเห็นผม อายตนะที่ผมมีอยู่ไม่ทำให้เกิดทุกข์มันทำให้เกิดสุขเพราะผมใช้อายตนะนั้นช่วยเหลือคนและทำบุญและถ้ามีเพิ่มอีก 1 และได้เพิ่มโอกาสช่วยเหลือคนผมว่าจะดีกว่าครับ

 

กสินไฟ กสินสีขาว กสินแสงสว่าง

อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เข้าสู่อุปจารสมาธิ หรือไม่ก็ฌาน๔

ก็จะได้ทิพยจักษุญาน โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องฝึกอะไร

ถ้าได้ทิพยจักษุญาณ ก็จะได้ ญานในการอ่านใจเป็นอัตโนมัติ

 

ไม่ทราบว่ากสิณไฟ กสิณขาว กสิณแสงสว่าง นี่คือนั่งจ่องใช่ไหมครับ

แล้วการได้ญาน 4 คือการนั่งสมาธิจนตัวเรารู้ซึ้งถึงลมหายใจเข้า-ออกใช่ไหมครับ

ขอบคุณมากๆครับ

 

กสิน ขอให้เข้าใจซะใหม่ว่า มันแปลว่า จำภาพ

คำว่า จำภาพ คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ

ทำยังไงก็ได้ ให้จำภาพเอาไว้ให้ได้ และนึกถึงภาพนั้น

นึกถึงภาพที่จำได้เอาไว้ตลอดทั้งวัน ตื่นจนหลับ

ควบกับการรู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วย นึกภาพด้วยรู้ลมด้วย

สีภาพมันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นขาว มันเปลี่ยนของมันเอง

อย่าไปนึกให้มันขาวนะ มันจะขาวเอง ถ้าขาวแล้ว

แปลว่า เริ่มใช้ตาทิพได้ละ

 

เรื่องฌาน ลักษณะสมาธิ ดูในกระทู้นี้ละกัน

http://palungjit.org/threads/ฌาน-[อธิบายอย่างละเอียด].293298/

 

เรียกว่าเจโตรญาณใช่ไมครับถ้าได้เรียกว่าเราได้อภิญญาด้วยใช่ไม๊ครับได้แล้วใกล้บ้าเหมือนกันนะครับตอนนี้ใกล้ๆแล้วแหะๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันได้ตอนไหนถ้าใกล้ๆก็ประมาณ70-80%ตอนนี้อยากได้มโนมยิทธิมากยังไม่ก้าวหน้าเลยอยากอกกไปดูภพอิ่นๆบ้างต้องรอลุ้นเอาตอนเปลี่ยนภพเอาไม่รู้เหมือนกัน

 

ใช้ความรู้ทางจิตวิทยาก็อ่านใจคนได้ค่ะ ^^

 

อย่าอยากรู้สิครับ เพราะอยากคือ กิเลส

 

คุณ dark ครับเวลา มองดูเปลวเทียน แล้วหลับตา มันเห็นเป็นกลุ่มแสงเทียน ติดเข้ามาในลูกตา ผมพยายามจำ สักพักมันก็หายไป สักพักก็ลืมตาดู แบบนี้ถูกหรือไม่ครับ

 

กรรมฐานมุ่งการฝึกจิต ไม่ใช่ฝึกลูกตา

จำภาพ ก็หมายถึงจำภาพเอาไว้ในใจ ลางๆ

ภาพที่ติดตานั้น เป็นผลจากแสงมันส่องตา

ไม่นานนัก อาการแสงส่องตามันจะหายไป

กสินมุ่งจำภาพไว้ในใจ ลางๆ แต่จำไปจำมา หนักๆเข้า

ภาพในใจจะกลายเป็นภาพจิงๆ ชัดๆขึ้นมาในใจเอง

 

เรื่องกสิณ และ ทิพยจักษุญาณ นั้นถ้าทำได้จริง ก็สามารถได้แน่นอนครับ.....เรื่องนี้ให้ท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Darkever<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4767569", true); </SCRIPT> แนะนำนะ...โมทนาสาธุธรรมครับ....

และก็มีวิธีอีกวิธีหนึ่งคือ.....เมื่อใดก็ตามที่เราตามรู้จิตของตัวเองจนเข้าใจในสถาวะธรรมต่างๆได้อย่างช่ำชองแล้ว....เมื่อจิตมีสมาธิ....ไม่เป็นเรื่องยากอันใดที่เราจะรู้วาระจิตใจของบุคคลอื่น....เพราะพื้นฐานที่เราทำมาได้ดีแล้วนั้น....

 

ฝึกการสังเกตสีหน้าและแววตาครับ เข้าญาณไปก็อ่านใจชาวบ้านไม่ได้หรอกครับ เสียเวลาเปล่าๆ

 

ธรรมชาติของจิตทุกดวง มีสามัญลักษณะที่เหมือนกัน
หรืออาจจะพูดได้ว่ามาจากต้นกำเนิดเดียวกัน (อวิชชา)

ถ้าคุณเข้าใจจิตตนเองอย่างแจ่มแจ้ง รู้ทันสภาวะ ความคิด
ทั้งขณะจิตที่เคลื่อนออกจากฐาน และก่อตัวเป็นสังขาร
พร้อมที่จะสร้างภพสร้างชาติ ต่อไปอย่างชัดเจนแล้ว

การที่จะรู้จิตผู้อื่นได้นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่สิ่งที่ยากคือ การฝึกที่จะรู้ทันจิตตนนั่นเอง
เมื่อรู้ทันจิตตนเองได้ชำนาญแล้ว..
ต่อไปคุณก็ลองน้อมจิต หรือส่งจิตเข้าไปรับรู้จิตอีกดวงนึง
(จิตผู้อื่น) ซึ่งลักษณะก็คล้าย ๆ กับคุณกำลังเห็นความคิดตนเอง
อีกระลอกหนึ่งที่กำลังจะผุดขึ้นมาอีกนั่นเอง...

ขอให้ทำจริง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นโลกียะ ขอให้เป็นคนจริง ทำจริง ๆ
อย่าเอาแค่อยาก แต่พอได้แล้ว คุณจะไม่อยากจะไปดูจิตคนอื่นอีกเลย
ผลเสียมันมีเยอะกว่าดี กิเลสตนเองก็ดูกันแทบจะไม่ทัน
แล้วจะเอาเวลาไหนส่งจิตไปดูคนอื่น
ส่งจิตไปแต่ละครั้ง ยังมีของแถมติดกลับมาให้เปื้อนจิตตนอีกต่างหาก

................
อีกวิธีคือ ฝึกจิตทรงฌาน 4 ให้ได้
คำว่าทรงได้ กับได้ฌาน ไม่เหมือนกัน
แต่โดยอุปนิสัยของท่านผู้ตั้งกระทู้ ต้องใช้เวลา
นานหน่อย เพราะในจิตเป็นปัญญาชนอย่างเต็มที่
เต็มไปด้วยความคิด ฟุ้งกระจาย หมุนเวียนดังพายุพัดอยู่ในหัว
การจะบังคับจิตให้หยุดอยู่กับสิ่งใด อาจต้องใช้เวลา
หรืออาจจะต้องเล่นทางดวงกสิณช่วย

แต่ถึงอย่างไรก็ขออนุโมทนาที่มีจิตเป็นกุศลคิดจะช่วยผู้อื่น...สาธุ

 

....ลองฝึกมโนมยิทธิ และต่อยอดไปฝึกญาณ 8 ดูไหมค่ะ คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ได้

ถ้าไม่มีเวลาก็ ไปฝึกบ้านสายลม ดูก่อน ถ้ามีเวลาจริงๆ ก็แนะนำให้ไปวัดท่าซุงค่ะ

หารายละเอียดที่ห้องหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะคะ...อนุโมทนาค่ะ

 

จะสอนให้ ก็ได้ แต่จะเชื่อ และทำตามได้หรือไม่ ก็ลองทำดู

การจะอ่านใจคนได้ ก็ต้องรู้จักว่า ใจของคนนั้นมีอะไรได้บ้าง เพราะไม่เช่นนั้นเขาแสดงอาการออกมา เราไม่เคยรู้จัก เราจะรู้จักอาการนั้นได้หรือ

ทีนี้ การที่เราจะรู้จักใจทั้งปวง ก็ต้องรู้จักใจของตนเองก่อน ว่า ใจของตนเองนั้นมี ใจที่มีลักษณะใดได้บ้าง
ใจ ของคน มี โกรธ มีรัก มีชอบ มีปรุงแต่ง ต่างๆ นาๆ แม้กระทั่งให้เรารู้ใจตัวเอง เรายังรู้ไม่ครบ
แล้ว จะไปรู้ใจ คนอื่นได้อย่างไร

ดังนั้น ขั้นแรก ที่จะอ่านใจคนอื่นได้ ต้องรู้จักใจตนเอง ให้ครบอาการที่เป็นไปได้ของใจ
วิธีการคือ ต้องเจริญมหาสติปัฎฐานสี่ เพื่อที่จะดูว่า เวทนา เป็นอย่างไร จิตใจที่แตกต่างกันไปนั้น เป็นอย่างไร

เมื่อ เราเจริญจนช่ำชองดีแล้ว จิตใจเราเป็นอย่างไร เราก็รุ้ รู้เหตุ รู้ปัจจัย เมื่อชำนาญดีแล้ว ย่อมรู้ใจ กิริยา อาการของผู้อื่น ได้ตรง และที่สำคัญ คือ

รู้ตนเองได้ตรง รู้คนอื่นได้ตรง รู้ธรรมได้ตรง ก็จะไม่เอาไปใช้ในทางที่ผิด มีแต่เอาไปก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ไม่ใช่ไปอ่านใจคนอื่น แบบหนังแบบการ์ตูน เพราะรู้ว่า ใจที่ดีเป็นอย่างไร ใจที่เสียเป็นอย่างไร

 

- การทักทายใจคนหรือรู้วาระจิตเป็น ปาฎิหาริย์ อีกประเภท
- คนที่ทำได้ส่วนมากจะพิจารณา โลภะ โทสะ โมหะ จนเป็นปกติในตัว เห็นอาการเกิดของธรรมเหล่านี้ชัดเจน ธรรม เหล่านี้เกิดที่ ใจ วาจา กาย เมื่อใจกระเพื่อมก็ส่งมาทาง วาจา บ้าง กาย บ้าง หากสังเกตุดูที่พระอริยะเจ้าจะไม่มีเพราะเป็นกริยา แต่หากกับพวกเราๆท่านๆเจอแน่ครับ

 

ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้โพสกระทู้ และผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ