พระเดชพระคุณ หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร วัดส้มเกลี้ยง จ.จตาก(เสกเหรียญท้าวเวสสุวรรณ)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย puedpunon, 5 กรกฎาคม 2010.

  1. ฟ้ามีดาว

    ฟ้ามีดาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +11
    ไม่ทราบว่ามีพี่ๆท่านใด เคยเห็นวัตถุมงคลชิ้นนี้ไหมครับ พอดีจำไม่ได้ว่าได้มาจากหลวงปู่ดี หรือ พระรูปอื่นๆ ? ได้มาสัก 2 ปีได้แล้วครับ ( ตอนนั้นก็ลืมจดไว้ว่าได้มาจากการทำบุญที่ใด -_-" )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    เท่าที่เคยจัดกรุพระของหลวงปู่ ไม่เคยเห็นนะครับ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า ท่านปลุกเสกให้กับลูกศิษย์ครับ
     
  3. ฟ้ามีดาว

    ฟ้ามีดาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +11
    องค์ในรูปไม่ได้อยู่ในลังไม้ของหลวงปู่ดีท่านครับ ... น่าจะเป็นของลูกศิษย์สร้างมาแล้วให้หลวงปู่ปลุกเสกไว้แจกญาติโยมอะครับ

    ถ้าผมได้มาจากหลวงปู่ดี ก็คงได้มาพร้อมเหรียญทองแดง รุ่น เจริญดี ตั้งแต่สมัยไปกราบทำบุญกับท่านที่วัดเทพากร ... คือ วันนั้นไปหลายวัดเลยจำไม่ได้ว่าได้มาจากวัดใด T^T
     
  4. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ก็อาจจะเป็นไปได้ครับผม
     
  5. ฟ้ามีดาว

    ฟ้ามีดาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +11
    สงสัยไปกราบหลวงปู่ดีคราวหน้า ... ต้องติดไปให้หลวงปู่ท่านดูให้ เผื่อหลวงปู่จะจำได้ว่าท่านเสกหรือไม่ได้เสก ^^
     
  6. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ครับ...หลวงปู่อาจจะจำได้ครับ ยังไงวันที่๓กรกฎานี้ หลังลงชื่อเลือกตั้งก็ไปกราบหลวงปู่เนื่องในวันทำบุญครบรอบวันเกิดหลวงปู่เลยสิครับ ไปร่วมรับประทานอาหารกันครับ
     
  7. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร<O:p</O:p


    “พระสุปฏิปันโนกลางกรุง ผู้แตะตรงไหนก็สว่าง<O:p</O:p


    วัดสุทธาราม ซอยตากสิน๑๙ สำเหร่ กรุงเทพฯ<O:p</O:p


    [​IMG]
    เรื่องโดย ปื๊ด ปู่นนท์
    มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับพระเกจิที่ว่ากันว่า ขลังอย่างวางใจได้ ในแต่ละพื้นที่แต่ละท้องถิ่น
    แต่ละที่แต่ละถิ่นก็มักจะมีเรื่องราวที่ชวนตื่นเต้นไม่ได้ด้อยหรือน้อยหน้าไปกว่ากัน
    อยู่ที่ว่าของขลังของใครจะแสดงอิทธิคุณได้โดนใจผู้ใช้ แบบไหน อย่างไร<O:p</O:p
    จากอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ในจังหวัดอ่างทองไม่เคยขาดเเคลนคณาจารย์ผู้ทรงความขลังเลยแม้แต่ช่วงเวลาเดียว
    ถ้าเอ่ยนามหลวงปู่หลวงพ่อต่อไปนี้ ท่านผู้อ่านคงจะทราบดีว่า หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านเหล่านั้นเก่งกล้าในเรื่องใด
    [​IMG]

    ถ้าเอ่ยถึงเรื่องเครื่องรางอย่างตะกรุดก็จะนึกถึงหลวงปู่ภู วัดดอนรัก ทั้งตำรวจและผู้ร้ายล้วนแล้วแต่ชอบตะกรุดท่านพอๆกัน,
    หลวงพ่อภักร์ วัดโบสถ์, หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ และหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง หรือเรื่องเบี้ยแก้สายอ่างทองก็ไม่เคยว่างจากผู้เชี่ยวชาญแม้สักเพลา
    ยังอีกหลายๆท่านที่ผู้เขียนไม่สามารถจะกล่าวได้หมด แม้จวบกระทั่งจนถึงในยุคปัจจุบันนี้ยังมีการสืบสายวิชากันมาอย่างต่อเนื่อง
    โดยคณาจารย์ที่ยังทรงขันธ์และความขลังอยู่สงเคราะห์ลูกหลานนั้นก็ยังมี เช่น หลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวาน, หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน,
    หลวงพ่อผาด วัดไร่, หลวงพ่อชวน วัดเขาแก้ว และหลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง เป็นต้น
    คณาจารย์ทุกท่านที่ผมกล่าวมานี้ท่านมีถิ่นเกิดและถิ่นพำนักอยู่ในจังหวัดอ่างทองทั้งสิ้น
    แต่ยังมีอีกหนึ่งท่านที่ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงในฉบับนี้ ถึงแม้ท่านจะไม่ได้พำนักจำพรรษาอยู่ในจังหวัดอ่างทองก็ตามที
    แต่ท่านเป็นลูกหม้อชาวอ่างทองโดยแท้ เกิดและเติบโตในจังหวัดอ่างทอง ร่ำเรียนสืบสายมาจากครูบาอาจารย์ที่อ่างทอง
    ท่านผู้นี้เป็นหลานหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง เกิดทันพอที่จะเห็นหลวงพ่อภักร์ ร่ำเรียนวิชามาจากหลวงพ่อจัน จันทะโชติ แห่งวัดนางหนู
    คณาจารย์ที่ผู้เขียนจะกล่าวถึงนั้นก็คือ หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร แห่งวัดสุทธาราม สำเหร่ กรุงเทพมหานคร อายุ๙๐ปี ๗๐ พรรษา คือปัจจุบันของท่าน
    [​IMG]
    <O:p</O:p
    ชาติภูมิ<O:p</O:p
    หลวงปู่ดีท่านเป็นชาวอ่างทองโดยแท้ ท่านถือกำเนิดขึ้นที่อำเภอโพธิ์ทอง เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน๘ ปีระกา
    หรือเมื่อเทียบเคียงแล้วก็คือ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ในครอบครัวของคุณพ่อเป้า คุณแม่ไทย นามสกุล มณีเนียม
    ท่านเป็นมีพี่น้องร่วมอุทรทั้งสิ้น ๓ คน หลวงปู่ดีท่านเป็นลูกคนกลาง อาชีพหลักของครอบครัวท่านก็คือทำนา
    ในวัยเด็ก เด็กชายทองดีได้ร่ำเรียนเขียนอ่านที่วัดใกล้บ้าน แต่ด้วยฐานะที่ยากจนจึงเรียนไม่ทันสำเร็จ
    ก็จำต้องออกมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพทำนาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ท่านช่วยครอบครัวของท่านอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    จึงได้กราบลาบิดามารดา มาบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๙ ปี
    [​IMG]

    บรรพชาและอุปสมบท<O:p</O:p
    เส้นทางธรรมเริ่มต้นจากบรรพชาเป็นสามเณร ณ.วัดศรีกุญชร อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยหลวงตาพริ้ง พระเกจิเรืองวิชาในสมัยนั้น
    สามเณรทองดีได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้จนท่านเมตตา จึงสอนสรรพวิชาต่างๆให้จนหมดไส้หมดพุง จวบจนอายุครบบวช
    ท่านได้เข้ารับการอุปสมบท ณ.วัดโพธิ์เกรียม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมี พระครูโพธิสารสุนทร (รอด) วัดโพธิ์เกรียม เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระครูจันทร์โพธิคุณ (หยวก) วัดโพธิ์เกรียม เป็นพระกรรมวาจา พระปลัดชิต วัดโพธิ์เกรียม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลังอุปสมบทได้รับนามฉายาว่า ธมฺมธีโร ซึ่งแปลว่า ผู้เป็นปราชญ์ในทางธรรม
    <O:p</O:p
    ชีวิตบรรพชิตและปลีกวิเวก<O:p</O:p
    อัตโนประวัติโดยคร่าวๆของหลวงปู่เท่าที่ได้กล่าวมานี้ ก็คงจะพอสำหรับการยืนยันความเป็นลูกหลานชาวจังหวัดอ่างทองได้ไม่น้อยนะครับท่านผู้อ่าน
    จริงๆแล้วชีวิตในเพศบรรพชิตของหลวงปู่ดี มีสิ่งต่างๆที่แปลกๆเกิดขึ้นมากมาย แปลกในที่นี้หมายถึงว่า
    ท่านเป็นชาวอ่างทองโดยกำเนิดแต่จับพลัดจับผลู มักจะต้องได้เดินทางไปต่างถิ่นและพำนักอยู่คราวละเป็นเวลานานๆทุกที<O:p</O:p
    เริ่มตั้งแต่หลวงปู่ดีท่านได้เดินทางไปอยู่กับหลวงพ่อผิว เกสโล วัดคลองสายบัว จังหวัดลพบุรี
    หลวงพ่อผิวนี้ท่านเก่งทางด้านทำนายทายทัก หลวงปู่ดีท่านเมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลวงพ่อผิวนั้นท่านเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่
    ทำนายทายทักแม่นนัก และไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ ได้วิชาอะไรมาเป็นต้องทดลองดูก่อนว่าได้ผลจริงหรือไม่
    อย่างเช่น ท่านได้วิชาเมตตามหานิยมมา ท่านก็ทดลองโดยสั่งให้ภิกษุทองดีในสมัยนั้นบริกรรมท่องบ่นไปเรื่อยๆ
    ท่องไปเดินไป จนกว่าจะได้ผลแล้วจึงกลับ พระภิกษุทองดีก็ปฎิบัติตามคำบัญชาของครูบาอาจารย์อย่างไม่ขัดข้อง เ
    ดินไปท่องไปไกลโขอยู่เหมือนกัน จนถึงต้นมะขวิดก็รู้สึกเหนื่อยจึงนั่งพักแต่ยังไม่ขาดการบริกรรม
    ก็มีผู้คนผ่านไปผ่านมาเข้ามาถวายจตุปัจจัยไทยธรรม จึงรู้ว่าได้ผลก็เดินทางกลับวัดมารายงานพระอาจารย์<O:p</O:p
    หลวงพ่อผิวนั้นท่านเป็นคนเสียงดังพูดจาฉะฉาน และมีอารมณ์ขำ ที่แปลกก็คือชอบแกล้งโยม มีครั้งหนึ่งหลวงปู่ดีเล่าให้ฟังว่า
    มีคุณหญิงคุณนายคณะหนึ่งเดินทางมาพร้อมด้วยอาหารคาวหวานมากมาย มาถึงก็กราบเรียนหลวงพ่อผิวว่า<O:p</O:p
    “อิฉันจะมาดูหมอเจ้าค่ะหลวงพ่อ” พูดไม่ทันจบหลวงพ่อผิวท่านก็แหวกหน้าอก แล้วบอกว่า<O:p</O:p
    “เอ้าดูซะ อยากดูหมอไม่ใช่รึ” หลวงปู่ท่านเล่าไปยิ้มไปแล้วบอกกับผู้เขียนว่า ข้าวปลาอาหารดีๆทั้งนั้น
    อดทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์ เพราะคณะคุณหญิงคุณนายนั้นไม่พอใจ หิ้วปิ่นโตเดินลิ่วกลับไปเลย
    [​IMG]
    หลวงปู่จัน วัดนางหนู
    <O:p</O:p
    อาจจะเป็นกุศลผลบุญที่สร้างมาแต่ปางก่อน หลวงพ่อผิวท่านได้นำหลวงปู่ดีไปถวายตัวร่ำเรียนวิชาจากหลวงพ่อจัน จันทะโชติ วัดนางหนู
    ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน พระภิกษุทองดีท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่จันนานหลายปี รวมถึงวิชาหมอดูที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมาด้วย <O:p</O:p
    หลวงปู่ดีท่านเล่าว่า สมัยนั้นไม่ค่อยได้เรียนกับตำรา แต่จะเป็นการเรียนแบบปฏิบัติ ให้รู้จริง เห็นจริง และทำจริง
    โดยหลวงปู่จันท่านจะชักชวนให้พระภิกษุทองดีเดินทางไปกับท่าน แล้วก็เริ่มค่อยๆถามไปเรื่อยๆ “ท่านดี ตอนนี้ยามอะไร?”
    หลวงปู่ท่านก็จับยาม กี่ยามก็กราบเรียนพระอาจารย์ไป “ยามนี้จะพบคนลักษณะไหน?” อ้วน ผอม ดำ ขาว หญิง ชาย
    ก็กราบเรียนพระอาจารย์ไป และก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ หลวงปู่ดีท่านจึงเชื่อและนำเคล็ดวิชาต่างๆมาใช้สงเคราะห์ญาตโยม<O:p</O:p
    หลังจากนั้นพระภิกษุทองดีได้กราบลาพระอาจารย์ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ แสวงหาความสงบวิเวกและสันโดดจนเข้าเขตพม่า
    ในเมืองพม่านั้นหลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนานว่า เดินผ่านป่าผ่านเขา ป่าในสมัยนั้นเป็นป่าจริงๆ
    มีสัตว์ดุร้ายมากมาย อันดับต้นๆย่อมเป็น “เสือ” หลวงปู่เล่าว่าเคยเห็นหลังลายๆของมันแว๊บๆ โอกาสที่จะเห็นมันเต็มๆตัวนั้นยาก <O:p</O:p
    พระภิกษุทองดีอาศัยความสงบวิเวกของป่าเขาปฎิบัติกรรมฐานจนรุดหน้าไปมาก จากนั้นจึงออกจากป่าเข้าเมือง
    ในประเทศพม่ามีสำนักพระปริยัติธรรมที่ขึ้นชื่ออยู่สำนักหนึ่ง ผู้เขียนต้องกราบเรียนท่านผู้อ่านก่อนว่า
    ในสมัยนั้นการศึกษาพระธรรมวินัยหรือพระปริยัติธรรมของทางพม่านั้นเขาเอาจริงเอาจัง
    รู้ลึกรู้จริงเป็นอย่างมาก พระเณรจะต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างมากถึงจะสำเร็จ
    หลวงปู่จึงได้เดินทาง ทั้งทางเท้าและทางเรือ ซึ่งแม่น้ำที่เรือล่องไปนั้น ต้นๆก็เป็นแม่น้ำธรรมดาแคบๆ
    พอล่องไปเรื่อยๆมันกว้างจนมองหาฝั่งไม่พบ เดินทางทางเรือ1วัน1คืนก็ถึง
    ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิดเมืองนี้ชื่อเมาะรำเมยหรือ เมาะลำแหม่ง
    นี่แหละ ที่ไม่แน่ใจนั้นก็เพราะช่วงที่หลวงปู่ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังนั้น
    ท่านอยู่ในอาการอาพาธด้วยโรคเส้นเลือดในสมองเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ริมฝีปากท่านมีอาการเบี้ยว
    จึงทำให้การออกเสียงไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ท่านเข้าไปปวารณาตัวขอศึกษาร่ำเรียนกับเจ้าสำนัก เวลาต่อมาก็สนิทสนมกันดี
    เป็นสหธรรมิกกันไปเลย เพราะอายุไม่ห่างกันมาก เจ้าสำนักท่านนี้บารมีท่านมาก
    หลวงปู่บอกกับผู้เขียนแบบนั้น จะสร้างจะทำอะไรชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือ ไม่ช้าก็สำเร็จ
    เจ้าสำนักถามหลวงปู่ดีว่า “ท่านมีข้าวของเงินทองมาเท่าไร”
    หลวงปู่ท่านตอบว่า “กระผมไม่มีเงินทองมาเลย ข้าวของก็มีเพียงหนึ่งย่ามเท่านี้”
    เจ้าสำนักก็รับหลวงปู่เข้าเล่าเรียนในสำนักทันที ส่วนพระภิกษุรูปอื่นที่ขนข้าวของเงินทองติดตัวมาด้วยนั้น
    ท่านเจ้าสำนักให้กลับไปได้ ไม่อนุญาตให้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนในสำนัก ท่านผู้อ่านพอจะนึกออกไหมครับว่า เจ้าสำนักท่านกำลังคิดอะไร <O:p</O:p
    หลวงปู่บอกว่าที่ท่านเจ้าสำนักรับหลวงปู่ไว้นั้นก็เพราะท่านเห็นว่าหลวงปู่เป็นพระไม่มีตังค์
    พระที่ไม่มีตังค์นั้นเป็นพระแท้ พระจริง ท่านจึงรับไว้ หลวงปู่ศึกษาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง
    ก็เดินทางกลับเข้าเมืองไทยทางด้านภาคเหนือ และพำนักอยู่ทางภาคเหนืออยู่นานพอสมควร
    ครูบาต่างๆท่านรู้จักเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นครูบาพรหมจักร ครูบาชุ่ม ครูบาผัด ครูบาชัยวงศา
    และมีลูกศิษย์ลูกหาทางภาคเหนือมากมาย ตัวผู้เขียนเองยังเคยพบลูกศิษย์หลวงปู่ที่เดินทางมาจากจังหวัดตาก
    เลยได้พูดคุยกันพอสมควร ทำให้ตัวผู้เขียนทราบว่าทางจังหวัดตากนั้น ลูกศิษย์ทุกคนล้วนเคารพศรัทธาในองค์ตุ๊ดีกันทั้งสิ้นครับ
    หลวงปู่เคยเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมให้กับพระเณรอยู่ระยะเวลาหนึ่งด้วย
    ถ้าใครสังเกตหลวงปู่ท่านอยู่ทางภาคเหนือนาน จนท่านติดคำทางเหนือ คำว่า “ก๊า” เป็นคำที่หลวงปู่ท่านมักต่อพ่วงท้ายประโยคเสมอๆครับ
    [​IMG]

    <O:p</O:p
    เข้าสู่เมืองกรุง<O:p</O:p
    หลวงปู่เมื่อเข้าสู่ปัจฉิมวัย ท่านก็งดธุดงค์วัตร เนื่องด้วยวัยที่สูงขึ้นและการใช้ชีวิตอย่างทรหดในสมัยหนุ่มๆ
    ทำให้หลวงปู่ท่านเกิดโรคประจำตัว ท่านเจ้าคุณไสว ฐิติธัมโม(มรณะภาพแล้ว) หรือ พระเทพวิริยาภรณ์
    สมณศักดิ์เมื่อครั้งครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพากร และหลังจากนั้นเมื่อย้ายไปครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดยานนาวา
    จึงได้เลื่อนเป็นพระธรรมราชานุวัตร ท่านได้นิมนต์หลวงปู่ให้มาอยู่ในความดูแลของท่าน
    และยังแต่งตั้งให้หลวงปู่เป็น “พระครูวินัยธร” พระฐานานุกรมในสมณะศักดิ์ของท่านด้วย <O:p</O:p
    ท่านจำพรรษาอยู่วัดเทพากรมาตลอดสี่สิบปี อยู่อย่างสงบเงียบและถือสันโดดโดยตลอด
    ขณะที่ท่านจำพรรษาในกุฏิไม้สองชั้นของท่านในบริเวณป่าช้าวัดเทพากร <O:p</O:p
    หลังจากนั้นหลวงปู่ก็มีโรคภัยรุมเร้า เริ่มจากมะเร็งหลอดลม จนถึงขนาดต้องผ่าตัด แต่ท่านก็หายมาได้
    เป็นเรื่องที่น่าแปลกครับ หลวงปู่ท่านบอกว่า “เราก็อย่าไปให้อาหารมัน เดี๋ยวมะเร็งมันก็อยู่ไม่ได้เอง”
    อันเป็นว่าจบกับมะเร็งนี้เมื่อประมาณสามปีที่แล้ว จากนั้นท่านได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกที่จังหวัดลำพูน
    ท่านเกิดอาพาธขึ้นมาอย่างกระทันหัน ด้วยโรคอัมพฤกษ์ อันเกิดจากลิ่มเลือดได้เข้าอุดตันในหลอดเลือดสมอง
    ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนและก็รักษาจนมาถึงปัจจุบันนี้
    จากอาการอาพาธนี้เอง ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาปรึกษาหารือกันว่าควรจะทำเช่นไรกันดี
    เพราะถ้าท่านยังจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพากร ก็จะขาดคนดูแล จึงกราบเรียนปรึกษาและได้นิมนต์ให้มาจำพรรษา ณ.วัดสุทธาราม (สำเหร่)
    ในความดูแลและปกครองโดย พระครูไพศาลประชาทร (หลวงพ่อดนัย)
    ซึ่งใกล้โรงพยาบาลศิริราชที่หลวงปู่ท่านรักษาตัวอยู่เป็นประจำ คงความสะดวกแก่หลวงปู่เป็นอย่างมาก
    อีกทั้งยังมีคลีนิคศรีรัตนโกสินทร์ตั้งอยู่ด้วย ทำให้ได้รับความสะดวกแด่พระชราที่ก้าวข้ามวัย๙๐ ปี ได้เป็นอย่างดี <O:p</O:p
    เมื่อพูดถึงหลวงพ่อดนัย และมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ แล้ว จึงอยากจะขยายตรงนี้ให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบเจตนาอันดีงาม
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อดนัยและมูลนิธิสักเล็กน้อย มูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ ก่อตั้งเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๑
    ใช้เวลา ๕ ปี ในการขอจดทะเบียนในนามมูลนิธิ เมื่อวันที่๑๔ กรกฎาคม ๒๕๒๕
    ปัจจุบันคลีนิคศรีรัตนโกสินทร์ได้ให้การรักษาแก่บุคลทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่า
    และยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกโรคที่คนจนๆหาเช้ากินค่ำ เกรงกลัวกันเหลือเกิน นั่นคือโรคไต
    เนื่องด้วยตามปกติแล้วสำหรับโรคนี้ค่ารักษาพยาบาลแต่ละครั้งนั้นเกินปัญญาที่คนหาเช้ากินค่ำจะหามาได้
    ทางมูลนิธิฯจึงเปิดห้องฟอกไต ล้างไต สำหรับผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายด้วย โดยคิดค่ารักษาตามฐานะของคนไข้
    ตั้งแต่ ๒๐๐-๑,๒๐๐ บาท พูดง่ายๆ มีมากจ่ายมาก มีน้อยจ่ายน้อย ตามแต่ฐานะ จึงดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันเองอย่างน่ารักครับ<O:p</O:p
    สำหรับหลวงพ่อดนัย ผมขออนุญาตมองท่านในมุมพระนักพัฒนา ที่ไม่ได้เพียงแต่พัฒนาวัด สร้างโบสถ์สร้างวิหารให้สวยงามเพียงอย่างเดียว
    แต่ท่านยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ยากไร้ด้วย พูดก็พูดนะครับคนยากไร้เมื่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ก็เหมือนกับชีวิตได้รับการซ้ำเติม
    ยากจนแล้วยังมีโรคภัยเบียดเบียนอีก ชีวิตช่างรัดทดเหลือคณา แต่ในความโชคร้ายนั้นก็มีความโชคดีที่พระอย่างหลวงพ่อดนัยผู้เล็งเห็นความทุกข์ยากเหล่านั้น
    ได้ก่อตั้งมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ขึ้นมา เพื่อบรรเทาความทุกข์ให้กับเราๆท่านๆครับ <O:p</O:p
    บางท่านอาจจะมองว่านี้คือกิจของสงฆ์หรือไม่ เป็นสงฆ์ก็น่าจะส่งเสริมในกิจกรรมของสงฆ์
    ผมขอยืมคำกล่าวของพระภิกษุน้ำดีท่านหนึ่ง หลวงพี่ช้าง พระนักสู้แห่งพรหมพิราม วัดกรับพวงเหนือ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
    ผู้เขียนจำคำที่ท่านกล่าวไว้ในรายการบัลลังก์คนดีได้อย่างขึ้นใจ ว่า “อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้สังคมนั้นดีขึ้น เป็นกิจของสงฆ์ทั้งสิ้น”
    ผู้เขียนได้ยินคำพูดประโยคนี้ รู้สึกสว่างไสวขึ้นมาทันที แล้วฉุกคิดได้ว่า จริงสินะ ถ้าเราคิดแต่ว่าหน้าที่ไม่ใช่
    สังคมก็คงจะเดินต่อไปด้วยความยากลำบาก ผู้เขียนเองอยากให้มีพระดีๆอย่างหลวงพ่อดนัยและหลวงพี่ช้างเยอะๆครับ <O:p</O:p
    เห็นถึงความดีงามที่เกิดขึ้น จึงอยากขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านร่วมบริจาคทำบุญกับทางมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ด้วยกัน โดยติดต่อได้ที่
    วัดสุทธาราม สำเหร่ ซ.ตากสิน๑๙ กทม. ๑๐๖๐๐ โทรศัพท์ ๐๒-๔๓๘-๔๕๗๕ , ๐๘-๑๔๓๘-๘๘๑๘ ครับ
    หรือจะบูชาเช่าวัตถุมงคล ทางวัดก็มีวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆตกค้างอยู่พอสมควร เช่น พระสมเด็จศาสดา
    ปลุกเสกโดยสมเด็จพระสังฆราช, พระพิมพ์สมเด็จหลวงพ่อเปิ่น ซึ่งหลวงพ่อเปิ่นปลุกเสกไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖
    หรือจะเป็นล๊อกเก็ตในหลวง ที่ระลึก๒๕ปี มุลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ ประกอบพิธีชัยมังคลาภิเษก ณ วัดพระแก้ว ของดีแบบนี้ไม่ควรพลาดครับ
    [​IMG]

    <O:p</O:p
    ธรรมะเตือนคน วัตถุมงคลเตือนใจ
    <O:p</O:p
    ธรรมะ เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ถ้าใครบอกว่าเขานั้นเก่งที่สุด อย่าไปเชื่อ ไม่มีใครเก่งเกินพระพุทธเจ้า”
    หลวงปู่ท่านเคยกล่าวกับคณะลูกศิษย์ไว้อย่างนี้ ท่านเทิดทูลพระพุทธเจ้าอย่างที่สุด
    ท่านมักจะยกบางช่วงบางตอนในพระไตรปิฏกมาขยายความ เทศน์ให้ญาติโยมฟัง หลวงปู่ท่านชอบเทศน์ชอบสอน
    ใครๆก็ว่า ธรรมะของหลวงปู่ เป็นธรรมะที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา นำไปใช้ได้ในชีวิต หาเยอะๆ เก็บมากๆ กินน้อยๆ
    อันนี้หลวงปู่มักจะสอนลูกศิษย์ที่ไปกราบขอคำแนะนำเรื่องการดำเนินชีวิต
    บางครั้งท่านเทศน์ตรงใจผู้ถูกเทศน์โดยไม่รู้ตัว อย่างเช่น กรณีคุณบุญเลิศ (ขออนุญาติเอ่ยนาม) ไปกราบหลวงปู่เป็นครั้งแรก
    หลวงปู่ท่านก็เทศน์ไปตามปกติวิสัยของท่าน แต่ดันไปตรงใจคุณบุญเลิศเข้าอย่างจัง หลวงปู่ท่านว่า
    “อย่าไปติดกับฤทธิ์กับอิทธิปาฏิหาริย์ ของพวกนี้สู้ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ได้หรอก
    เท่านั้น เพียงเท่านั้นจริงๆที่ทำให้คุณบุญเลิศต้องกลับมากราบหลวงปู่ดีอีกครั้ง
    เนื่องจากคุณบุญเลิศชอบที่จะขนขวายหาครูบาอาจารย์มีความเก่งกาจในทางอิทธิฤทธิ์อยู่เป็นประจำ
    หลวงปู่ท่านรู้ได้อย่างไร ? นี้คือคำถามที่อยู่ในใจคุณบุญเลิศ หรือธรรมะจะสร้างคน สร้างจริงๆครับ
    อย่างเช่น ครอบครัวพี่น้อย (ขออนุญาตเอ่ยนามอีกท่าน) พี่น้อยย้อนให้ฟังว่า สมัยพี่น้อยยังเด็กๆ ครอบครัวคุณแม่นั้นขัดสนพอกำลัง
    คุณแม่พี่น้อยได้เข้ามากราบขอข้อคติธรรมดำเนินชีวิตกับหลวงปู่ และก็ประพฤติปฏิบัติตามที่หลวงปู่ท่านให้มา
    จากชีวิตที่ลุ่มๆดอนๆก็ค่อยๆดีขึ้น ดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด จนฐานะครอบครัวมั่นคงเป็นปึกแผ่น
    คุณแม่พี่น้อยได้ปวารนาตัวอุปฐากหลวงปู่ในเรื่องของการรักษาพยาบาลมาตลอดหลายสิบปี
    จนทุกวันนี้พี่น้อยก็วัยเข้าสู่เลขสี่ เมื่อถึงเวลาที่หลวงปู่จะต้องพบแพทย์ก็จะขับรถมารับท่านไปหาหมอ
    ผู้เขียนขออนุโมทนาด้วยครับ <O:p</O:p
    ในภาคของวัตถุมงคลนั้นคงจะไม่พูดถึงไม่ได้ วัตถุมงคลไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง
    ที่หลวงปู่ท่านเมตตาอนุญาตลูกศิษย์กลุ่มต่างๆให้จัดสร้างนั้นมีมากมายหลายรุ่นครับ ไม่ว่าจะเป็น
    เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่ , พระผงรูปเหมือน , ล็อกเก็ต ,เบี้ยแก้, ตะกรุด ผู้เขียนจะขออนุญาตยกมาเฉพาะบางรุ่นบางวาระเท่านั้น
    เป็นวาระที่บริสุทร์ผุดผ่องครับ ไร้ข้อกังขาหาที่ติเตียนไม่มี และเป็นรุ่นที่ลูกศิษย์ลูกหานิยมหามาครอบครองเพื่อ
    ความเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว วัตถุมงคลบางรุ่นนั้นสร้างจำนวนน้อยจริงๆครับ เช่น ๙๙ องค์ หรือไม่ก็ ๑๐๘ องค์
    จึงเป็นที่ต้องการของศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมากและผู้ที่มีไว้ก็หวงแหนกันมากทีเดียว เกริ่นมาก็เยอะแล้ว
    ผู้เขียนขอแนะนำวัตถุมงคลของหลวงปู่สักสี่ห้ารุ่นพอสังเขปครับ
    [​IMG][​IMG]
    ภาพเหรียญรุ่นแรก หน้า/หลัง

    <O:p</O:p
    ๑.เหรียญรุ่นแรก(รุ่นดีบุก) พ.ศ.๒๕๒๐ สร้างสมัยเมื่อหลวงปู่ยังอยู่วัดเทพากร ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หน้าตรงครึ่งองค์
    ด้านล่างขอบเหรียญมีอักษรว่า หลวงพ่อดี ด้านหลังมียันต์นะหน้าทองประทับอยู่ ด้านล่างยันต์มีอักษรว่า ธมฺมธีโร
    ซึ่งเป็นฉายานามของหลวงปู่ ด้านเหนือยันต์มีคำว่า ดีบุก และด้านล่างแจ้งชื่อวัด เทพากร กรุงเทพมหานคร และเลข๑ ด้านล่าง
    ในพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๐ ได้นิมนต์คณาจารย์ต่างๆมาร่วมปลุกเสกมากมายครับ เป็นเหรียญดีราคาถูกอีกเหรียญที่น่าสะสมครับ

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    รูปเหมือนเนื้อผง รูปเหมือนเนื้อตะกั่ว สร้าง๙องค์

    ๒. พระผงรูปเหมือน เนื้อผงเกษร๑๐๘ พ.ศ.๒๕๕๓ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่นั่งขัดสมาธิเต็มองค์ ด้านล่างเขียนว่า หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร
    มีอักขระทั้งสี่มุม ด้านหลังเป็นยันต์นะหน้าทอง และกำกับสี่มุมด้วย นะชาลีติ ด้านบนเหนือยันต์มีอักษรว่า ที่รฤกสร้างอุโบสถ
    ด้านล่างยันต์แจ้งว่า วัดเทพากร บางพลัด กรุงเทพ หลวงปู่ท่านปลุกเสกเดี่ยว และที่คงค้างอยู่ที่หลวงปู่นั้นก็ผ่านพิธีมาแล้วทั้งสิ้น
    ไม่ว่าจะเสาร์๕ , ไตรมาส๕๓ และพิธีอื่นๆอีกพอสมควรครับ เป็นรุ่นที่น่าเก็บมากครับ

    [​IMG]
    ล็อกเก็ตเสาร์๕

    <O:p</O:p
    ๓. ล๊อกเก็ตข้ามหลามตัด เสาร์๕ พ.ศ.๒๕๕๓ ล็อกเก็ตรุ่นนี้กลุ่มลูกศิษย์ ซึ่งอยู่ในเวปสวนขลัง.คอม ขออนุญาตหลวงปู่สร้างเพื่อให้ผู้มีศรัทธาได้บูชา
    หาปัจจัยถวายหลวงปู่ เพื่อรักษาตัว ล็อกเก็ตที่สร้างขึ้นในวาระนี้มีทั้งหมด ๓ แบบ ได้แก่ ฉากทอง ๑๐๘ อัน ด้านหลังอุดผง เกศา จีวร ตะกรุดเงิน ,
    ฉากทองกรรมการ ๕ อัน ด้านหลังอุดผง พระชัยวัฒน เกศา จีวร ตะกรุดเงิน และฉากดำกรรมการ ๑๙ อัน ด้านหลัง อุดผง เกศา จีวร ตะกรุดเงิน
    และปิดทับด้วยเหรียญยันต์มหาจักรพรรดิเนื้อทองแดง พิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งตรงกับ วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ
    [​IMG]
    รูปเหมือนบูชา
    <O:p</O:p
    ๔.รูปเหมือนขนาดบูชา ๕ นิ้ว เนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ลูกศิษย์คณะเวปสวนขลัง.คอม ได้ขออนุญาตหลวงปู่สร้างขึ้นมาอีกเช่นกัน
    วัตถุประสงค์เพื่อหารายได้ตั้งกองทุนดูแลสุขภาพหลวงปู่ ลักษณะรูปเหมือน หลวงปู่นั่งขัดสมาธิ ยกฐานสูง ใต้ฐานบรรจุวัตถุมงคลหลายชนิด
    เช่น เกศา จีวร ลูกแก้ว เพชรหน้าทั่ง เบี้ยแก้ ตะกรุดนะหน้าทอง เป็นต้น จำนวนสร้าง ๑๐๘ องค์
    พิธีปลุกเสก หลวงปู่ปลุกเสกตามอัธยาศัยนานนับเดือน จนมาจัดพิธีปลุกเสกปิดท้ายเมื่อ วันที่๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔
    ในวันนั้นศิษยานุศิษย์มาร่วมพิธีอย่างคับคั่ง เป็นที่ปลื้มปิติอย่างยิ่งครับ
    [​IMG][​IMG]
    เบี้ยแก้ (รูปโดยคุณบัวฉัตร)

    <O:p</O:p
    ๕. เบี้ยแก้ สายอ่างทอง ที่หลวงปู่ท่านเรียนมาจากหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง เบี้ยแก้นี้นานๆท่านจะได้ทำออกมามาทีและก็ทำได้จำนวนไม่มากนัก
    ประกอบกับประสบการณ์ที่บอกกันปากต่อปาก จึงมีคนมาถามหากันมาก แต่ก็ผิดหวังกันไปเยอะ เพราะหลวงปู่ท่านไม่มีจะให้
    เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่แสวงหาของลูกศิษย์หลวงปู่กันทุกคน ใครมีไว้ก็หวงแหนเป็นพิเศษครับ


    [​IMG] [​IMG][​IMG]
    ตะกรุดนะหน้าทองฤกษ์จันทร์เพ็ญ ลายมือหลวงปู่ขนานแท้ ตะกรุดเนื้อทองคำและเงิน

    <O:p</O:p
    ๖. ตะกรุดนะหน้าทอง หลวงปู่ท่านจะจารยันต์ครูของท่านที่ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่จัน แห่งวัดนางหนู ลงไปบนแผ่นโลหะ
    จึงทำการม้วนและปลุกเสก โดยมากแล้วท่านจะทำไว้เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแด่ผู้ที่มากราบนมัสการท่านเป็นส่วนใหญ่
    ไม่ได้ตั้งมูลค่าเอาไว้ เพราะหลวงปู่ท่านบอกว่าจะให้หลวงปู่มานั่งขายของ เรียกร้องเงินทอง ท่านไม่เอา เพราะท่านเป็นพระไม่ใช่พ่อค้า
    ฉะนั้นถ้าท่านมีแผ่นตะกั่ว ท่านก็จะนั่งจารของท่านไปเรื่อยๆ จารแล้วก็เก็บเอาไว้ “เผื่อใครมาขอ จะได้มีให้เขา” ท่านว่าอย่างนั้น
    จะมีจำหน่ายก็เพียงแต่ตะกรุดที่สร้างมาในวาระพิเศษๆ เช่น ตะกรุดเสาร์๕ , ตะกรุดฤกษ์จันทร์เพ็ญ
    ซึ่งก็เพื่อนำปัจจัยไปใช้ดูแลหลวงปู่ในวัยที่ชราภาพมากแล้วนั่นเอง ล้วนดำเนินการโดยลูกศิษย์ทั้งสิ้นครับ
    [​IMG]
    ภาพผ้ายันต์ฝ่ามือ

    ๗.ผ้ายันต์ฝ่ามือ เป็นวัตถุมงคลในชุดของรูปเหมือนขนาด๕นิ้ว เนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ จำนวนการสร้าง๒๑ผืน
    โดยกลุ่มลูกศิษย์คณะสวนขลัง ได้นำผ้าขาวที่ใช้ปูรองวัตถุมงคลในพิธีเสาร์๕ มาดำเนินการจัดสร้าง
    รายได้ดำเนินการทั้งหมดนำเข้ากองทุนดูแลสุขภาพหลวงปู่ครับ
    <O:p</O:p
    วัตถุมงคลที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงในบทความข้างต้นนี้ เป็นที่เสาะแสวงหาของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก
    ใครมีไว้ต่างก็หวงแหนเป็นพิเศษ อาจจะด้วยจำนวนที่สร้างน้อย มวลสารดี วัตถุประสงค์ดี และที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ
    ผู้เสกท่านเป็นเนื้อนาบุญของบวรพุทธศาสนาโดยแท้ครับ ตัวผู้เขียนเองได้เข้าไปกราบหลวงปู่ดีได้ประมาณเกือบๆสามปีแล้ว
    เฝ้าสังเกตดูท่านมานาน ต้องยอมรับครับสำหรับพระสงฆ์องค์นี้ผู้ได้รับการกล่าวขานในหมู่ลูกศิษย์
    และผู้ที่ได้เคยไปกราบและได้สนทนาธรรมทั้งหลายว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่ “เเตะตรงไหนก็สว่าง”
    จากความเป็นพระแท้ เป็นพระดี เป็นพระที่ไม่มุ่งอามิสใดๆให้เป็นที่กังขา<O:p</O:p
    นี่ก็เป็นเรื่องของพระสงฆ์ที่ผู้เขียนขอแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังสิ้นหวัง ในอันที่จะหาพระแท้กราบสักองค์ ขอเชิญนะครับ
    หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร วัดสุทธาราม สำเหร่ กรุงเทพฯไปกราบแล้วทุกท่านหายสงสัย อิ่มบุญเป็นยังไง<O:p</O:p
    .....................................สวัสดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2011
  8. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    .......................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2011
  9. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดีครับ
     
  10. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    เอ...ทำไมรูปบางรูปไม่ขึ้นเอ่ย?
     
  11. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดีครับ

    วันที่๓ กรกฎาคานี้ ไปกราบหลวงปู่กันครับ
     
  12. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    วันนี้พี่หนูโอนปัจจัยให้แล้วนะคะ (ร่วมเป็นเจ้าภาพโต๊จีนถวายอาหารในวันงานวันเกิดหลวงปู่ดี 1,500 บาท) หลักฐานรายละเอียดการโอนจะส่งไปให้ทาง pm นะคะ ^^

    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในงานบุญครั้งนี้ด้วยค่ะ... สาธุ...
     
  13. G.sis.t

    G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดี ครับ
     
  14. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดีครับ

    สวัสดีครับทุกท่าน หากไม่ติดกิจใดวันที่ 3 คงได้เจอกันนะครับพี่ปื้ด พี่เด็กด่าน 1 ปีผ่านไปไวจริงๆ
     
  15. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    พี่หนูก็อยากไปแต่ตัวอยู่ไกลเหลือเกิน... งานรวมตัวกันอย่างนี้นานๆจะมีซะที...

    ยังงัยแล้วพี่ๆน้องๆอย่าลืมถ่ายรูปมาให้ชมกันด้วยนะคะ ^^
     
  16. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    คุณปื๊ด

    พอทราบ หรือรู้จักกับคณะที่ตอนนี้กำลังรวบรวมเงินเพื่อถวายแอร์ปรับอากาศหรือเปล่าครับ
    หรือเป็นคณะคุณปื๊ดกับคุณเด็กด่านเอง




    กลับมาพักวันไหนครับ





    ...
     
  17. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับพี่หนู
     
  18. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ไม่ทราบเรื่องเลยครับพี่ ไม่ใช่คณะสวนขลังมั้งครับ เดี๋ยวจะลองๆสอบถามดูครับ ผมกลับวันที่ ๒๔ นี้ครับผม
     
  19. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    คงได้พบกันนะครับ:cool:
     
  20. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ถึงตัวอยู่ไกล แต่ใจมาถึงนะครับพี่ เอาไว้จะถ่ายรูปมาให้ชมจนเต็มอิ่มเลยครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...