พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณมากครับ คุณ SITHIPHONG สำหรับข้อมูลผู้อธิษฐานจิต
     
  2. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    กินสบายใจ สุขใจไร้โรคอ้วน

    วันอังคาร ที่ 03 พฤษภาคม 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    การกินเพื่อสุขภาพคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจ เพราะการกินไม่ใช่แค่การสนองความต้องการหรือให้อิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงผลที่มีต่อสุขภาพด้วย วันนี้มีเคล็ดลับการทานอาหารถูกหลักเพื่อสุขภาพที่ดี และไร้ความกังวลเรื่องโรคอ้วนมาฝาก

    1.ทานอาหารเช้าเป็นประจำ
    เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดและควรเป็นมื้อที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น

    2.เลือกอาหารจากธรรมชาติไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์(มอลต์) ถั่ว ข้าวสาลี (โฮลวีต) เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนที่ปราศจากคอเลสเตอรอลและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้

    3.เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารและทานเป็นประจำ เพื่อเพิ่มวิตามิน เกลือแร่และสารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยนำคอเลสเตอรอลและสารก่อมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย ทำให้ลดการสะสมของสารก่อมะเร็งบางชนิด และมีกากใยช่วยในการขับถ่าย ช่วยให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    4.ลดการทานขนมขบเคี้ยว เพราะมีแต่ไขมัน เกลือ น้ำตาลและสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากอยากทานขนมอาจหันมาทานขนมที่มีส่วนผสมของธัญพืชเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมที่มีประโยชน์น้อย อย่างไรก็ตาม ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น

    5.กินปลา ไข่และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างร่างกายในผู้เยาว์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสลายในผู้สูงวัย เป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง เป็นต้น

    6.ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แทนน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำผักผลไม้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุกว่า 50 ชนิด เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัน

    7.ดื่มน้ำและนมให้เป็นนิสัย ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและมีน้ำหล่อเลี้ยงในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็กๆ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  3. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สงสัยคืนนี้พี่ท่านคงกลับดึกอีกแน่ๆ งานเยอะจริงๆนะครับพี่ท่าน ยังไงอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7460 ข่าวสดรายวัน


    ชาดกับพระเครื่อง


    พันธุ์แท้พระเครื่อง
    ราม วัชรประดิษฐ์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แต่เดิมการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่อง และพระพิมพ์ เป็นคติมหาบุรุษตามคัมภีร์มหาปุริสลักขณะ รวมกับอิทธิพลของศิลปะกรีกที่นับถือรูปเคารพ จากการเข้ามาบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย จนเกิดเป็นศิลปะคันธารราฐขึ้นหลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์กว่า 500 ปี ซึ่งพระพุทธรูปจะทำจาก ศิลาทราย ไม้ สัมฤทธิ์ และดิน โดยยังไม่มีสีเป็นองค์ประกอบ

    ต่อเมื่อทฤษฎีมหาบุรุษในพระคัมภีร์ได้รับความนิยมแพร่หลาย จึงนิยมทาพระฉวี (ผิว) พระพุทธรูปด้วยสีทอง หรือนำแผ่นทองมาปิดที่เรียกกันว่า "การลงรักปิดทอง" เนื่องจากการจะทำให้แผ่นทองคำเปลวติดกับผิวองค์พระนั้นต้องมี "รัก" เป็นตัวกลาง ต่อมาเริ่มมีการลงสีในพระเครื่องและพระพิมพ์ สีที่ใช้ในชั้นแรกจะเป็นสีแดงที่เรียกว่า "ดินเทศ" ซึ่งนิยมเขียนเป็นลวดลายลงบนวัสดุตั้งแต่ยุคสำริด ก่อนประวัติศาสตร์

    ส่วนที่เราเห็นริมพระโอษฐ์ของพระพุทธรูปเป็นสีแดงนั้น เริ่มนิยมขึ้นที่กลุ่มชนชาวรามัญหรือชาวมอญแห่งอาณาจักรสิริธรรมวดี อันมีศูนย์กลางอยู่ที่หงสาวดีเป็นแห่งแรก เหตุด้วยเนื่องจากพระภิกษุสงฆ์ชาวมอญนิยมขบฉันหมากพลูอยู่เป็นประจำ เมื่อสร้างรูปจำลองพระพุทธองค์เลยพลอยนำวัสดุที่เรียกว่า "ชาด" ทาริมพระโอษฐ์ และผู้คนก็ยังนิยมถวายหมากพลูแด่องค์พระพุทธรูปเฉกเดียวกับการถวายภิกษุสงฆ์อีกด้วย

    เมื่อชาวพยูนำโดยอนิรุทธมหาราชหรืออโนร ธามังฉ่อ ขยายอิทธิพลเหนือมอญทำให้พุกามรับเอาศิลปะต่างๆ ของชาวมอญเข้าไปด้วย เมื่อสร้างพระก็ทาสีพระพักตร์พระพุทธรูปเป็นสีขาวเหมือนการประแป้งของชาวพยู และทาริมพระโอษฐ์ให้เป็นสีแดงยิ่งทำให้ดูโดดเด่นจึงนิยมกันเรื่อยมา จนเผยแพร่เข้ามายังล้านนา

    ในสยามประเทศนั้น อาจกล่าวได้ว่ารับเอาธรรมเนียมการทาริมพระโอษฐ์พระพุทธรูปให้เป็นสีแดงมาจากมอญซึ่งหนีพวกพยูเข้ามาบริเวณภาคกลางทางหนึ่ง และเมื่อพม่าเข้ามามีอำนาจเหนือล้านนาอีกทางหนึ่ง วัสดุที่นิยมนำมาทาริมพระโอษฐ์พระพุทธรูปนั้นเรียกว่า "ชาด" ซึ่งเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นก้อนคล้ายก้อนหิน มีชื่อเรียกกันหลายอย่าง เช่น ชาดหรคุณ ชาดจอแส นิยมนำมาบดเป็นผงอาจผสมดินเทศให้มีสีแดงเข้มขึ้นทาตามอาคาร ชาวจีน และชาวเขิน(ไทยเขิน) มักใช้ในงานศิลปะ เช่น งานปิดทองล่องชาด งานเครื่องฮักเครื่องหาง และงานทาบนพระพุทธรูป และพระพิมพ์ เป็นต้น

    ตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา สยามรับอิทธิพลและนำศิลปะจีนมาประยุกต์ใช้ในราชสำนักอย่างแพร่หลาย ก่อให้เกิดงานประณีตศิลป์ เช่น งานลงรักปิดทอง งานประดับมุก งานประดับกระจก การทำมุกแกมเบื้อ ซึ่งการลงชาดก็เป็นงานฝีมืออีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในการทำอาคารสถานที่ การทำตู้พระไตรปิฎก การทำตู้ลายกำมะลอ และการทาชาดลงบนพระพุทธรูปและพระพิมพ์

    ความนิยมดังกล่าวสืบเนื่องตั้งแต่สมัยล้านนามาจนถึงรัตนโกสินทร์ ที่นิยมสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่อง โดยปิดทองและทาชาด ทำให้พระพุทธรูปดูโดดเด่นงดงาม และนิยมมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในบางครั้งจะพบเห็นพระพุทธรูปเก่าๆ มีรอยกะเทาะจนเห็นริ้วสีแดงอยู่ภายในดูเผินๆ เหมือนเส้นโลหิต เป็นเหตุให้ร่ำลือไปต่างๆ นานา ซึ่งความจริงแล้วสีแดงที่เห็นเป็นสีของชาดซึ่งนำมาใช้แทนการใช้รักซึ่งมีสีดำ

    ดังนั้น วิธีการดูพระพุทธรูป พระเครื่อง และพระพิมพ์เก่าอีกประการหนึ่งก็คือ ให้ดูความเก่าของชาดให้เป็น ยิ่งพระที่นิยมในราชสำนักแล้วจะใช้ชาดหรคุณ หรือชาดหรคุณไทย ซึ่งมีสีแดงจัดจ้าน มีน้ำหนักในตัว และเกาะติดทนนาน ไทยเราเองมีสุภาษิตเปรียบเทียบถึงผู้ที่มีความดีงามอยู่แล้วในตัวว่า "ชาดดีไม่ต้องทาสี (ใส่สี) ก็แดง" ครับผม
    ที่มา ข่าวสด ออนไลน์
     
  5. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    เข้ามาอ่านกระทู้ บ่อยๆ ได้รับความรู้ เกี่ยวกับ พระวังหน้า เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ดีมากๆ ครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เฮ้ย ได้ฟังเรื่องราวจากลูกค้า บอกได้ว่า เหนื่อยใจแทน

    ยังมีคน(ชั่ว)ที่ทำนาบนหลังคน ปล่อยเงินกู้ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10

    ร้อยละ 10 ที่ว่า ร้อยละ 10 ต่อเดือน หากไม่มีดอกไปให้ นำดอกเบี้ยในเดือนนั้นไปรวมกับเงินต้น แล้วคิดดอกเบี้ย(ต่อ)อีก ร้อยละ 10

    ให้ไปทำงานที่บ้าน ทำความสะอาดตั้งแต่ชั้น 1 ถึง ชั้น 4 , ใช้ให้ล้างรถ ไม่จ่ายเงิน แต่ทำงานขัดดอกเบี้ย

    ทั้งๆที่เป็นถึง........ เป็นหัวหน้าหน่วยงาน มีเมีย(ที่อยู่ในที่ทำงานเดียวกัน) ทั้งผัวทั้งเมีย ปล่อยกู้คนงาน ปล่อยกู้พนักงานด้วยกัน ทำนาบนหลังคน ไม่ไหว

    เงินที่ได้ จะไม่ได้ใช้แน่ๆ

    กรรมเดี๋ยวนี้ ติดจรวดครับ

    ท่านผู้อ่าน อย่าไปทำนะครับ ทำนาบนหลังคน แบบนี้ พวกนี้ชั่วชาติ เสียชาติเกิดจริงๆ



    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    “นักคณิต-นักอุตุ” คลายกังวลสภาพอากาศไม่วิปริตในปี 2012 <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">3 พฤษภาคม 2554 10:30 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">สภาพ อากาศแปรปรวนเหนือศูนย์การบินอวกาศเคนเนดี ทั้งนี้ เราพบทั้งภัยธรรมชาติและสภาพอากาศที่แปรปรวน จึงทำให้หลายคนคิดถึงคำทำนายปี 2012 ที่โลกอาจจะเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ แต่นักอุตุนิยมวิทยาระบุว่าปีหน้าสภาพอากาศจะเข้าสู่ร่องปกติหลังผ่านปีเอ ลนิโญและลานีญามาแล้ว (รอยเตอร์)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ร่องรอยความเสียหายจากพายุพัดถล่มเมืองเบิร์กเลย์ในสหรัฐฯ (เอพี)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เวที เสวนาการคำนวณเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงและภาวะล่อแหลมของการแปรปรวนทางภูมิ อากาศ (ซ้ายไปขวา) ดร.กิตติศักดิ์ ชยันตราคม จากภาควิชาคณิตศาสตร์ มหิดล ผู้ร่วมเสวนา , ดร.บริบูรณ์ นวประทีป ผู้ดำเนินการเสวนา และ ดร.วัฒนา กันบัว</td> </tr> </tbody></table>


    สภาพอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว บางวันก็มีครบ 3 ฤดู ชวนให้หลายคนกังวลว่า ปี 2012 ที่ร่ำลือกันว่าโลกจะถึงกาลวิบัตินั้น จะเผชิญอากาศวิปริตสุดขั้วมากกว่านี้หรือไม่? ด้านนักอุตุนิยมวิทยาและนักคณิตศาสตร์ ซึ่งกำลังจะร่วมกันศึกษาสภาพอากาศด้วยตัวเลข ให้ความเห็นว่าปีหน้าสภาพอากาศจะเข้าภาวะปกติ แต่อาจช้าหน่อยเท่านั้น

    ดร.วัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยา สำนักเฝ้าระวังและเตือนสภาวะอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราไม่รู้จักปรากฏการณ์เอลนิโญ (El nino) และลานีญา (La nina) แต่การส่งดาวเทียมขึ้นไป จึงทำให้เราได้รู้จักปรากฏการณ์นี้มากขึ้น จากเดิมที่เข้าใจว่า เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้เฉพาะอเมริกาใต้ช่วงวันที่ 25 ธ.ค.ซึ่งเรียกกันว่า “ปรากฏการณ์พระเยซู”

    ทั้งนี้ กว่าจะผ่านไปถึงปีที่มีสภาพอากาศเป็นปกตินั้น ตามวัฏจักรจะเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญ ซึ่งจะเกิดความแห้งแล้งก่อน ตามมาด้วยปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์น้ำมาก โดยปี 2011 นี้ ดร.วัฒนากล่าวว่า เป็นลานีญาแบบอ่อนๆ เพราะไม่มีคนเสียชีวิตร้ายแรง และไม่มีการอพยพ เมื่อถึงปี 2012 สภาพอากาศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

    “ณ วันนี้คนเรียนรู้ถึงหายนะมามาก จึงรู้สึกว่ามีอะไรที่ต้องเจ็บปวดมากกว่านี้อีก แต่ระบบอากาศจะต้องเข้าในร่องเดิม” ดร.วัฒนากล่าว

    ด้าน ดร.กิตติศักดิ์ ชยันตราคม อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีแนวคิดที่จะร่วมกับ ดร.วัฒนาใช้คณิตศาสตร์ในการศึกษาทางด้านอุตุนิยมวิทยา ให้ความเห็นว่า ในปี 2012 สภาพอากาศจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ในความเห็นของเขาแล้ว ปัจจัยจากภาวะเรือนกระจกซึ่งมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้สงอาทิตย์เข้ามาแล้วออกไปไม่ได้ จนโลกร้อนขึ้นนั้น จะทำให้การเข้าสู่ภาวะปกติของสภาพอากาศล่าช้าออกไป

    ดร.วัฒนาให้ข้อมูลอีกว่า การพยากรณ์สภาพอากาศนั้น ต้องอาศัยข้อมูลจากสถานีตรวจวัดอากาศ ซึ่งยิ่งมีสถานีตรวจวัดหลายแห่ง ยิ่งทำให้ได้ข้อมูลในการพยากรณ์ได้แม่นยำขึ้น ซึ่งยุคแรกๆ นั้นจะประเมินผลกันทางสถิติ ด้วยข้อมูลที่เก็บจากสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ แต่ตอนนี้ไม่สามารถใช้ได้แล้ว เพราะมีปรากฏการณ์ซ้อนปรากฏการณ์ ดังนั้น ไม่สามารถใช้ชุดสมการสำหรับพยากรณ์อากาศปกติในปีที่เป็นลานีญาและเอลนิโญได้

    ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยระหว่างการเสวนา “การคำนวณเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงและภาวะหล่อแหลมของการแปรปรวนทางภูมิ อากาศ” เมื่อวันที่ 21 เม.ย.54 ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้ร่วมฟังการเสวนาดังกล่าวด้วย


    -http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000050094-


    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทวันวิสาขบูชา ชูหลักธรรมพระพุทธองค์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">3 พฤษภาคม 2554 17:26 น.</td></tr></tbody></table>

    “สมเด็จ พระสังฆราช” ประทานพระโอวาท วันวิสาขบูชา 2554 ชูหลักธรรมพระพุทธองค์ สร้างความร่มเย็นให้แก่โลกมากว่า 2,500 ปี ขณะที่วธ.ประกาศรายชื่อผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา 160 ราย จาก 10 ประเภท

    <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="218"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="218"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> วันนี้ (3 พ.ค.) เนื่องในวันวิสาขบูชา 17 พ.ค.สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทาน พระโอวาท วันวิสาขบูชา 2554 ใจความว่า วันวิสาขบูชา เป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานพระองค์ทรงเป็นพระบรมศาสดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ต่อทวยเทพ มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ เนื่องด้วยพระพุทธศาสนามีคุณูปการอันใหญ่หลวง ซึ่งอำนวยประโยชน์เกื้อกูลความเจริญรุ่งเรือง และความสงบร่มเย็นแก่นานาอารยชนมาตลอดระยะเวลากว่า 2,500 ปี ฉะนั้น เมื่อวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2554 มาถึง ควรที่เราทั้งหลายจะได้ทำการบูชาและน้อมรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรมและพระอริยสงฆ์ เพื่อน้อมนำมาเป็นที่พึ่งของตน เป็นแนวทางในการปฎิบัติดำเนินชีวิต เพื่อความสวัสดีและความสงบร่มเย็นแก่เพื่อนรวมโลกสืบไปขออำนาจคุณพระศรีรัตน ตรัยและบุญกุศล อำนวยให้ทุกท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลตลอดไปโดยทั่วกัน

    ขณะที่นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี 2554 ที่จะถึงนี้ คณะกรรมการฝ่ายคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาของกรมการศาสนา (ศน.) ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาที่สมควรได้รับการ ยกย่องเชิดชูเกียรติแล้ว จำนวน 160 รูป/คน ดังนี้ 1.ประเภทส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนา มี 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม แผนกบาลี 6 รูป/คน เช่น พระราชรัตนมุนี วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม พระครูโกศลวิมลกิจ วัดแสนสุข กทม. พระครูศีลวัฒนาภรณ์ วัดประยุรวงศาวาส กทม. พระมหาภิรมย์ สุจิตโต วัดบ้านส้อง สุราษฎร์ธานี สาขาการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อุดมศึกษา มี 4 รูป/คน เช่น พระราชรัตนวิมล วัดกาญจนบุรีเก่า กาญจนบุรี พระราชปริยัติวิมล วัดมิ่งเมือง ร้อยเอ็ด ส่วนสาขาการแต่งหนังสือทางพระพุทธศาสนาไม่มีผู้เสนอ

    2.ประเภทการศึกษาสงเคราะห์ มี 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาการศึกษาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จำนวน 7 รูป/คน เช่น พระสุขวโรทัย วัดสังฆาราม สุโขทัย พระครูวาปีคณาภิรักษ์ วัดไพรบึง ศรีสะเกษ สาขาการศึกษาศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด มี 2 รูป ได้แก่ พระครูพิทักษ์วารีวรเขต วัดสุจิตต์ธัมมาราม บุรีรัมย์ และพระครูภัทรกิตตยาทร วัดโพธาราม ชัยนาท 3.ประเภทส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา มี 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ มี 33 รูป/คน เช่น พระราชวราจารย์ วัดนพวงศาราม ปัตตานี พระมหามณเฑียร วรธัมโม วัดละหาร นนทบุรี พระสิริพัฒนาภรณ์ วัดทุ่งศรีเมือง อุบลราชธานี พระครูอดุลนวการ วัดแสมดำ กทม. สาขาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ มี 14 รูป/คน เช่น พระครูสุวัฒน์ชยาธร วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย พระครูมงคลธรรมวิเทศ วัดมงคลเทพมุนี สหรัฐอเมริกา พระออฟเฟอร์ ถิรจิตโต สำนักวิปัสสนากรรมฐาน อิสราเอล

    4.ประเภทส่งเสริมการปฏิบัติธรรม มี 26 รูป/คน เช่น พระโสภณธรรมสาร วัดป่าดาราภิรมย์ เชียงใหม่ พระครูปลัดสัวัฒนสมาธิคุณ วัดจันทราราม อุทัยธานี พระครูสุกิจวิธาน วัดเจริญร่มเมือง ตรัง พระครูภาวนาวิสุทธาภรณ์ วัดเนรมิตวิปัสสนา เลย 5.ประเภทส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์ 20 รูป/คน เช่น พระวีรชัยสุนทร วัดไพรีพินาศ ชัยภูมิ พระครูวิธานอมรกิจ วัดอมรินทราราม กทม. พระครูสารสีลคุณ วัดสารพัฒนึก อุบลราชธานี 6.ประเภทสงเคราะห์ประชาชนและส่งเสริมการพัฒนาชุมชนโดยใช้หลักธรรม มี 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาสงเคราะห์ประชาชนและชุมชน 15 รูป/คน เช่น พระครูสุวรรณศาสนคุณ วัดน้อยชมพู่ สพรรณบุรี พระครูปทุมวรกิจ วัดบางกุฎีทอง ปทุมธานี พระครูสาครวิริยาภรณ์ วัดใหญ่บ้านบ่อ สมุทรสาคร สาขาส่งเสริมอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม มี 1 คน ได้แก่ นางนิภากุล บัวรุ่ง กทม.7.ประเภทส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมมรดกไทยทางพระพุทธศาสนา มี 7 รูป/คน เช่น พระครูเกษมธรรมานุวัตร วัดเกษมสำราญ อุบลราชธานี พระครูบวรสังฆรัตน์ วัดจำปา ศรีสะเกษ 8.ประเภทสื่อมวลชนที่ส่งเสริมทางพระพุทธศาสนา มี 2 รูป ได้แก่ นายประสิทธิ์ บุตรศรี และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ

    9.ประเภทสมาคม องค์กร มูลนิธิฯ 7 หน่วยงาน เช่น มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และ 10.ประเภทผู้ประกอบอาชีพที่มีคุณธรรมและส่งเสริมทางพระพุทธศาสนา มี 16 คน เช่น นายเสริมวุฒิ สวรรณโรจน์ นายสุรัติ สุพิชญญางกูร นายบุญเลิศ พนากิจกุล โดยผู้ได้รับประกาศยกย่องจะเข้ารับพระราชเสาเสมาธรรมจักร พร้อมด้วยใบประกาศเกียรติคุณ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา ประจำปี 2554


    -http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000054476-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    อยู่อย่างไรให้รอด เมื่อครอบครัวต้องเผชิญวิกฤต! <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">2 พฤษภาคม 2554 16:59 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="250"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="250"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">มร.เมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ หลาย ๆ ครอบครัวต้องเผชิญกับสภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ ให้น่าปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งข้าวของก็ปรับราคาขึ้น ส่งผลให้ครอบครัวจำนวนไม่น้อยเกิดความหวาดหวั่น และไม่ไว้ใจกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีธุรกิจเป็นของตนเอง การเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤตจึงเป็นสิ่งที่ทุกบ้านจะต้องก้าวผ่าน หรือหากล้มลงแล้วก็ต้องกล้าที่จะยืนหยัดขึ้นใหม่ให้ได้

    วันนี้ ทีมงาน Life & Family มีโอกาสได้พบกับ มร.เมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการ ผู้จัดการ บริษัทสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งนักบริหารที่มีประสบการณ์ในการข้ามผ่านวิกฤต และมีเทคนิคดี ๆ มาฝากกัน โดยสำหรับครอบครัวที่ล้มเพราะพิษเศรษฐกิจ และไม่กล้าที่จะยืนขึ้นใหม่ คุณเมอร์เรย์ได้สรุปหัวใจสำคัญ และแง่คิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกอบกู้คุณภาพชีวิต ตลอดจนธุรกิจในครอบครัวที่ประสบวิกฤตให้ฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง ซึ่งมีอยู่ 5 หลักคิด ดังต่อไปนี้

    - ครอบครัวที่กำลังประสบปัญหา การแก้ปัญหาให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีทีมผู้นำ หรือหัวหน้าครอบครัวที่แข็งแกร่ง และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่สำคัญต้องแสดงให้คนในบ้านทุกคนรู้สึกมีความหมาย และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาอันสำคัญนั้น ๆ ร่วมกัน

    - ทั้งหัวหน้าครอบครัว และคนในบ้าน ต้องมีความเชื่อ และทุ่มเทแรงกายแรงใจ ร่วมกันเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ไม่ควรโทษว่าใครผิด หรือใครเป็นตัวปัญหา แต่ควรให้กำลังใจ และเชื่อมั่นว่า ทุกปัญหาเราต้องผ่านมันไปให้ เพราะปัญหาของคนในครอบครัวก็คือปัญาของทุกคน

    - มุ่งมั่นทำในเรื่องที่แต่ละคนถนัด และพยายามสร้างความถนัดให้โดดเด่นขึ้นมา พูดง่าย ๆ คือ ใครมีความเชี่ยวชาญด้านใด ควรใช้ความสามารถในเรื่องนั้นให้เกิดประโยชน์

    - อย่ายึดกฎเหล็กตายตัวในการแก้ปัญหา ต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ มอง และค่อย ๆ แก้ปัญหากันไป อย่าใจร้อนในการตัดสินปัญหาเด็ดขาด

    - ถึงแม้เศรษฐกิจในครอบครัว หรือธุรกิจที่ทำเกิดประสบปัญหา ควรให้ความสำคัญในสิ่งจำเป็นที่ต้องทำก่อน จากนั้นทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของปัญหาว่าเกิดจากอะไร จุดไหนที่ผิดพลาด หรือจุดไหนที่เชื่อว่าดีแล้ว แต่ยังดีไม่พอหรือเปล่า

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> "บางคนแก้ปัญหาอย่างมีสติ ขณะที่บางคนทำทุกทางออกให้มีปัญหา แต่สำหรับผม เมื่อครอบครัวคุณล้ม หัวหน้านำครอบครัวเป็นคนสำคัญที่จะต้องต้องลุกขึ้นยืนให้ได้ก่อนใครเพื่อน โดยกลับมาดูปัญหาที่ผิดพลาด และค่อย ๆ แก้ให้ตรงจุด ซึ่งวิธีแก้ควรเลือกทางออกหลาย ๆ ทาง จากนั้นมาดูว่าทางไหนเหมาะสมที่สุด และขอให้เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ" คุณเมอร์เรย์กล่าว

    อย่างไรก็ดี มร.เมอร์เรย์ ได้ฝากหลักคิดเสริมว่า หากปัญหาเดินทางมาถึงที่สุดแล้ว การถอยมาตั้งหลัก เป็นสิ่งจำเป็น อย่างน้อย ๆ เป็นการถอยไปข้างหน้าเพื่อกลับมาหาตัวตน และความต้องการที่แท้จริง โดยเฉพาะครอบครัวที่ประกอบธุรกิจขนาดย่อม หากเดินหน้าต่อไปไม่ไหว ลองชะลอ และหยุดเพื่อปรับกันก่อน เพราะหลาย ๆ ครอบครัว พอเกิดปัญหามักจะดันทุรังเดินหน้า แต่นั่นหารู้ไม่ว่า คุณกำลังพาตัวเองไปอยู่ในสภาวะเสี่ยงอย่างมาก

    "ในยุคที่ไม่แน่นอนนี้ ทุกครอบครัวต้องประมาณตน รู้จักออม ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือยืมเงินอนาคตมาใช้ โดยเฉพาะบ้านที่ใช้บัตรเครดิต คุณต้องรู้ว่าตัวเองมีความสามารถที่จะจ่ายได้ ดังนั้น ถ้าอยากได้ อยากซื้ออะไร หรือคิดจะลงทุนอะไร ควรเป็นทีละขั้นทีละตอน แล้วค่อย ๆ เก็บเงินเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา อย่ายืมเงินอนาคตมาใช้เลย เพราะมันทำให้เราใช้จ่ายอย่างไม่รู้คุณค่า" คุณเมอร์เรย์ทิ้งท้าย</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000053574-


    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    บาร์ซาเสมอชุดขาว 1-1 ลิ่วชิงยูซีแอล <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">4 พฤษภาคม 2554 03:34 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">เมสซี เลี้ยงบอลฝ่าผู้เล่น มาดริด</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">บัลเดส ออกมาตัดบอลก่อนถึง อีกัวอิน</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">มาร์เซโล ช่วยตามตีเสมอให้ มาดริด</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">โรนัลโด (ซ้าย) เบียดแย่งบอลกับ มาสเชราโน</td> </tr> </tbody></table>


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เปโดร (ซ้าย) เฮกับ บีญา หลังยิงประตูให้ บาร์เซโลนา


    บาร์เซโลนา ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2010-11 เป็นทีมแรก หลังเปิดบ้านเสมอ รีล มาดริด 1-1 ในเกมรอบตัดเชือก เลกสอง รวมผลสองนัดเอาชนะ 3-1 เมื่อคืนวันอังคารที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา

    ผลฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เลกสอง
    บาร์เซโลนา (สเปน) 1-1 รีล มาดริด (สเปน) [รวมผลสองนัด บาร์เซโลนา ชนะ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ]

    บาร์เซโลนา เปิดสนามคัมป์ นู รับมือ รีล มาดริด หลังจากเกมเลกแรกบุกเอาชนะก่อน 2-0 สำหรับแมตช์นี้ เป๊บ กวาร์ดิโอลา จัดทัพผู้เล่นเต็มสูบโดยเฉพาะเกมรุกที่มีทั้ง อันเดรส อิเนียสตา, ชาบี, ดาบิด บีญา และ ลิโอเนล เมสซี ทางฝั่งทีมเยือนของ โชเซ มูรินโญ ซึ่งถูกห้ามคุมทีมข้างสนามวาง คริสเตียโน โรนัลโด, กากา และ อังเคล ดิ มาเรีย สร้างสรรค์เกมโดยมี กอนซาโล อีกัวอิน ยืนหน้าเป้า

    ทั้งสองทีมเล่นบอลกันลำบากช่วงแรกเนื่องจากสภาพสนามมีน้ำขังจากฝนตก อย่างหนัก กล่าวจะตั้งเกมกันได้ต้องรอกระทั่งนาที 17 จึงมีจังหวะลุ้นประตูครั้งแรกของ บาร์เซโลนา จากลูกเตะมุม อันเดรส อิเนียสตา วางบอลมาในเขตโทษ กองหลังมาดริดไม่มีใครสกัดปล่อยให้ เซร์คิโอ บุสเกตส์ โหม่งคนเดียว แต่บอลตรงตัว อีเคร์ คาซิยาส รับติดสองมือ

    เจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้งในนาที 31 ชาบี เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ ลิโอเนล เมสซี ลากหาช่องจนได้ปั่นด้วยซ้ายถูก คาซิยาส พุ่งรับไว้ได้ อีก 2 นาทีถัดมา ดานี อัลเวส ลากบอลขึ้นไปจนสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดกลับมาให้ เมสซี แตะหลบกองหลังทีมเยือน ก่อนซัดด้วยซ้ายหลุดเสาสอง

    มาดริด ตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ข้างเดียว นาที 34 เมสซี ตัดบอลจากเท้าของ ลาสซานา ดิยาร์รา บริเวณกลางสนาม ก่อนเลี้ยงมาหน้าเขตโทษแล้วจ่ายให้ ดาบิด บีญา พยายามปั่นด้วยขวาติดมือ คาซิยาส หลังจากอีก 3 นาที บีญา ได้บอลทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนผ่านมาให้ เมสซี ยิงบริเวณเส้นเขตโทษไม่ผ่านมือ คาซิยาส อีก

    มาดริด ได้โอกาสหวาดเสียวที่สุดในนาที 40 คริสเตียโน โรนัลโด ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนผ่านเข้ากลาง บิคตอร์ บัลเดส ออกมาตัดไว้ได้ก่อนที่ อังเคล ดิ มาเรีย ตามมาชาร์จ หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูได้จบ 45 นาทีแรกเสมอ 0-0

    เริ่มครึ่งหลังมา 2 นาที โรนัลโด พยายามแหวกกองหลัง บาร์เซโลนา ถูก เคราร์ด ปีเก ชนล้มลง บอลมาเข้าทาง กอนซาโล อีกัวอิน หลุดเข้าเขตโทษซัดผ่านมือ บัลเดส ตุงตาข่าย แต่กรรมการเป่าว่าเป็นจังหวะฟาวล์ตั้งแต่ โรนัลโด ล้มไปถูก ฮาเวียร์ มาสเชราโร เป็นการขัดขว้างการเข้าสกัดของมิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์

    ทีมเยือนบุกกันอยู่ดีๆ กลายเป็น บาร์เซโลนา มาทำประตูออกนำ 1-0 ในนาที 54 จากจังหวะที่ อิเนียสตา แทงบอลให้ เปโดร เข้าเขตโทษแล้วซัดผ่านตัว คาซิยาส ตุงตาข่าย หลังเสียประตูราชันชุดขาวเปลี่ยนแปลงทีมส่ง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และ เมซุต โอซิล ลงมาแทน อีกัวอิน และ กากา ตามลำดับ

    ทีมของโชเซ มูรินโญ มีความหวังในนาที 63 หลังตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากจังหวะที่ ดิ มาเรีย ได้บอลหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ บอลไปชนเสาจังหวะแรกแต่กระดอนกลับมาเข้าทางปีกอาร์เจนไตน์ไหลมาหน้าประตู มาร์เซโล ซัดไม่เหลือผ่านมือ บัลเดส ตุงตาข่าย

    แต่หลังจากนั้น มาดริด ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับมาอยู่ฝั่งพวกตนได้ กลายเป็น บาร์เซโลนา ที่ครองเกมมากกว่ากระทั่งจบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 รวมผลสองนัดเป็นฝ่ายเอาชนะ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์โดยรอพบผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของอังกฤษ หรือ ชาลเก 04 จากเยอรมนี ในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้

    รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    บาร์เซโลนา : บิคตอร์ บัลเดส, เคคาร์ด ปีเก, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, คาร์เลส ปูโยล, ดานี อัลเวส, เซร์คิโอ บุสเกตส์, อันเดรส อิเนียสตา, ชาบี, ดาบิด บีญา, ลิโอเนล เมสซี, เปโดร
    รีล มาดริด : อี เคร์ คาซิยาส, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, ราอูล อัลบิโอล, มาร์เซโล, อัลบาโร อาร์เบลัว, ชาบี อลอนโซ, ลาสซานา ดิยาร์รา, คริสเตียโน โรนัลโด, อังเคล ดิ มาเรีย, กอนซาโล อีกัวอิน, กากา


    -http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000054639-




    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันพุึธสุขใจ ครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เผยภาพถ่ายยูเอฟโอ ที่ทะเลสาบอีรี่ สหรัฐฯ


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก [ame="http://www.youtube.com/watch?v=i0RYopHQ8Ok&feature=player_embedded"]Youtube.com โพสต์โดย LakeErieLights[/ame]

    เป็นที่ตกตะลึงกันไปทั่ว ภายหลังจากภาพถ่ายยืนยันรูปของยูเอฟโอปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนมากเข้าไป ทุกที และดูเหมือนว่าเรื่องยูเอฟโอจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป

    ทั้งนี้ ไมเคิล ลี ฮิลล์ ผู้ที่มีความสนใจและค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องยูเอฟโอ ได้เปิดเผยว่าเขาพบยูเอฟโอ และได้บันทึกภาพยูเอฟโอที่ทะเลสาบอีรี่ มลรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกาไว้ได้ โดยภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นแสงหลายสีกะพริบ ๆ อยู่เหนือทะเลสาบ

    โดย ไมเคิล ลี ฮิลล์ กล่าวว่า เขารอคอยที่จะถ่ายภาพมานาน พวกมันเคลื่อนเข้ามาใกล้ เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังนั่งรอถ่ายภาพพวกมันอยู่ และจากภาพที่บันทึกได้ ทำให้เขารู้สึกว่ายูเอฟโออยู่ใกล้โลกเข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว


    [​IMG]


    ก่อนหน้านี้ เคยมีผู้พบเห็นแสงประหลาดดังกล่าวเช่นกันเมื่อปีที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลของ Fox 8 News ก็ได้เปิดเผยรูปภาพแสงที่กะพริบเหนือทะเลสาบอีรี่ แต่องค์กรของกลุ่มผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับวัตถุประหลาดนอกโลกที่เครเวล แลนด์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1952 (พ.ศ.2495) ได้ลงความเห็นกันว่า รูปดังกล่าวเป็นเพียงเครื่องบินเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไมเคิล ลี ฮิลล์ ไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปดังกล่าว และตอนนี้เขามั่นใจมากขึ้นว่า มนุษย์ต่างดาวอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น

    ในขณะที่องค์การนาซาที่ทำการค้นคว้าวิจัยเรื่องยูเอฟโอในเครเวลแลนด์ ก็ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับภาพแสงประหลาดเหนือทะเลสาบอีรี่ อีกทั้งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของสนามบินนานาชาติฮอบกินส์ก็ไม่เชื่อว่า แสงดังกล่าวคือยูเอฟโอ พร้อมทั้งระบุด้วยเช่นกันว่า เครื่องบินจากอเมริกาและแคนาดามักจะบินเหนือทะเลสาบดังกล่าวเป็นประจำอยู่ แล้ว


    -http://hilight.kapook.com/view/58458-

    .

    http://hilight.kapook.com/view/58458
    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ่วม! สินค้าจ่อขึ้นราคา-เงินเฟ้อ เมษายน พุ่งสูง 4.04%



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

    กระทรวงพาณิชย์ เผยอัตราเงินเฟ้อ เดือนเมษายน พุ่งสูงถึง 4.04% ทุบสถิติในรอบ 15 เดือน จับตาสินค้า 198 รายการ จ่อขอขึ้นราคาอีก

    นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน 2554 ปรับตัวทะลุ 4.04% ซึ่งสูงขึ้นเกินเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ทั้งปี ที่ 3.2-3.7% และสูงที่สุดในรอบ 15 เดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะหมวดอาหาร และเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 8.59, ผักผลไม้ ร้อยละ 6.49, อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 2.58, เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ร้อยละ 8.86 และไข่ ร้อยละ 11.62 แต่ก็ยังถือว่าขยายตัวในระดับที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ

    ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า คาดว่าตั้งแต่เดือนหน้า อัตราเงินเฟ้อจะดีขึ้น ปรับตัวลดลง เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางกระทรวงพาณิชย์ จะกำหนดราคาแนะนำ หรือราคาควบคุมสินค้าบางชนิด โดยเนื้อหมู ต้องไม่เกินกิโลกรัมละ 140 บาท และไข่ไก่ คละหน้าฟาร์ม จากเดิม 3.10-3.20 บาท ให้ลดลงมาเหลือ 3 บาท นอกเหนือจากนี้ ก็จะขยายเครือข่ายและมิตรธงฟ้าให้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวสินค้า 198 รายการ เดินพาเหรดขอขึ้นราคา ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไป


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ครอบครัวข่าว 3 , สำนักข่าวไทย และ ข่าวสด

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/58454-



    http://hilight.kapook.com/view/58454








    .
     
  15. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ สมาชิกทุกท่าน สนุกกับงานนะครับ พรุ่งนี้ได้หยุดอีก 1 วัน
     
  16. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ปลูกต้นไม้เสริมดวง ตามวันเกิด

    วันพุธ ที่ 04 พฤษภาคม 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    เริ่มจากคนที่เกิด วันอาทิตย์ ไม้มงคลประจำวัน คือ มหาลาภ นำโชคลาภมาให้ โป๊ยเซียน ควรจะเป็นสีส้ม หรือสีเหลือง เป็นไม้ที่ปลูกแล้วจะนำโชคลาภมาให้กับผู้ปลูก ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ โกศล ช่วยคุ้มครองให้อยู่อย่างเป็นสุข จำปา นำโชคลาภมาให้ ชบา นำความสดใสมาให้ ราชพฤกษ์ หรือ คูน ทำให้มีเกียรติและศักดิ์ศรี กุหลาบ(สีเหลืองและส้ม) เพิ่มความสง่างาม

    วันจันทร์
    ไม้มงคลประจำวัน คือ ว่าน 4 ทิศ นำทางชีวิตที่ดี ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ วาสนา มีโชควาสนาเกิดความสุขสมหวังตามปรารถนา โกศล ช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข คิดและทำดี มะลิ สร้างความเป็นมงคล มีจิตใจที่บริสุทธิ์ มีความรักคนทั่วไป ราตรี เพิ่มความเป็นสิริมงคล กวนอิม มีฐานะดีร่ำรวย โป๊ยเซียน นำโชคลาภมาสู่ผู้ปลูก จำปี ทำให้มีชีวิตรุ่งเรืองการงานก้าวหน้า พลูด่าง เกิดความเจริญงอกงามในชีวิต

    วันอังคาร ไม้มงคลประจำวัน คือ เศรษฐีเรือนนอก ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ กุหลาบ (แดง-ชมพู) เกิดความสุขสบายใจ ความภาคภูมิ สง่างาม โป๊ยเซียน (แดง-ชมพู) นำมาซึ่งความโชคดี อัญชัน เป็นสิริมงคลแก่คนในครอบครัว โกศล อยู่เย็นเป็นสุข จิตใจดี เกิดคุณงามความดี เข็ม(แดง-ชมพู) เกิดความคิดความอ่านที่ดี พญายอ ชีวิตราบรื่นเป็นสุข

    วันพุธ ไม้มงคลประจำวัน คือ เสน่ห์จันทร์ขาว นำมาซึ่งความเมตตา ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ วาสนา มีวาสนา ความสุขความสมหวัง โป๊ยเซียน (สีเหลือง) นำโชคลาภมาให้ กุหลาบ (สีเหลือง) สุขสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน ชบา (ชบาสีเหลือง) ถูกโฉลกกับคนวันพุธ ขจัดอุปสรรค กล้วย ร่มเย็นเป็นสุขสบายใจ

    วันพฤหัสบดี ไม้มงคลประจำวัน คือ ธรณีสาร นำความโชคดีมาให้ ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ มะลิ มีจิตใจบริสุทธิ์รักผู้คน พุด มั่นคง แข็งแรงสมบูรณ์ กุหลาบ (สีขาว) มีความสูงค่า จิตใจบริสุทธิ์ ราตรี เป็นสิริมงคล จำปี รุ่งเรืองก้าวหน้า

    วันศุกร์ ไม้มงคลปะจำวัน คือ ว่าน 4 ทิศ อำนวยโชคมีลาภทั้ง 4 ทิศ ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ กุหลาบ (แดง-ชมพู) เกิดความสง่างาม ภาคภูมิ อัญชัน ประสบความสำเร็จในชีวิต เข็ม (แดง-ชมพู) ชีวิตก้าวหน้าไกลด้วยดี ชบา (แดง-ชมพู) เป็นสิริมงคลขจัดอุปสรรค โกศล สร้างคุณงามความดี อยู่เย็นเป็นสุข

    วันเสาร์ ไม้มงคลประจำวัน คือ เศรษฐีในเรือน นำความร่ำรวยมาให้ ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่เสริมดวงด้านต่างๆคือ วาสนา เกิดโชควาสนา มะลิ จิตใจบริสุทธิ์ รักผู้คน กวนอิม ฐานะดีร่ำรวย จำปี ชีวิตก้าวหน้ารุ่งเรือง จำปา นำโชค ราชพฤกษ์ หรือคูน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มะม่วง ร่ำรวย





    ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
     
  17. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    จริงๆแล้ว เป็นช่องว่างระหว่างสถาบันการเงิน กับบุคคลที่มีเงินและต้องการเงินโดยเร็ว ทำให้เกิดมีการกู้เงินนอกระบบเกิดขึ้น เพราะคนทั่วไปที่ต้องการใช้เงินเขาไม่มีหลักทรัพย์หรืองานประจำ หรือทำงานราชการ ดังนั้นเลยไม่มีอะไรมาค้ำประกันตามระบียบได้ ก็ต้องไปหาทางอื่น อย่างที่เราเห็น แต่คนทำงานพอมีเงินเดือนเยอะหน่อย ก็มีจะมีการโทรมาถามว่าสนใจเรื่อง personal loan ไหม


     
  18. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ผมไม่ได้หยุดนะครับท่าน อิอิ ทำงานต่อไปครับ
     
  19. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานเซน : สรรพสิ่งล้วนเกิดดับ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>4 พฤษภาคม 2554 08:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000054445&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพจาก nipic.com</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    《皆有生死》

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> อารามเซนแห่งหนึ่ง ยังมีเณรน้อยที่ฉลาดปราดเปรื่องผู้หนึ่ง พำนักอยู่กับอาจารย์เซน

    วันหนึ่งเณรน้อยพลาดพลั้งทำถ้วยชาล้ำค่าที่อาจารย์ของตนรักถนอมยิ่งตกแตกด้วยความไม่ตั้งใจ ในใจเกิดเป็นรสชาติสุดบรรยาย แต่ยังไม่ทันคิดอ่านอันใด พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของอาจารย์เดินเข้าห้องมา จึงได้แต่นำเศษถ้วยชาแตกบิ่นแอบไว้ด้านหลังของตน

    เมื่ออาจารย์เซนมาถึง เณรน้อยจึงรีบชิงเอ่ยปากถามว่า "ท่านอาจารย์ ทำไมคนเราต้องตายด้วยครับ?"

    อาจารย์เซนตอบศิษย์อย่างไม่ทราบเรื่องราวว่า "เป็นเรื่องธรรมชาติ สรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีเกิดและมีดับด้วยกันทั้งนั้น"

    ยามนั้น เณรน้อยจึงค่อยได้ที ยื่นมือที่ถือถ้วยชาใบโปรดของอาจารย์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นเศษถ้วยแตกบิ่น ออกมาให้อาจารย์ชมดู พลางกล่าวว่า "หากเป็นเช่นนั้น วันนี้ ถ้วยชาของท่านใบนี้ ก็ถึงอายุขัยของมันแล้วครับ!"

    อาจารย์เซนเมื่อได้ฟัง ได้แต่เงียบงันไร้คำกล่าว...

    เซน มีคำกล่าวที่ว่า
    "วสันตฤดูกำเนิดร้อยบุปผา คิมหันต์ปรากฏวายุ
    ฤดูสารทจันทร์กระจ่าง เหมันต์หิมะโปรย
    หากในใจไร้เรื่องราว ทุกวันล้วนเป็นฤดูที่ดีงาม"

    สรรพสิ่งตั้งอยู่บนความไม่เที่ยง มีเกิดย่อมมีดับ ใยต้องยึดมั่นถือมั่นให้มากความ

    ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4
    ที่มา Manager Online


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=25>วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:41:13 น. </TD></TR></TBODY></TABLE><!--End Date --><TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width=1000 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD class=b-left vAlign=top align=left width=630>มุ้งไทย "นาโน"ไปตลาดโลก เท่าไรก็ไม่พอ ความต้องการทั่วโลก 100 ล้านหลังต่อปี


    <!-- Start share facebook --><!-- Start share facebook --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=630 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=100>[​IMG]



    </TD><TD vAlign=top align=left width=530><!--[อ่านล่าสุด คน]--><STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นับเป็นอีกโครงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ใส่แนวความคิดในการวิจัยพัฒนา รวมทั้ง การมองหาช่องทางการตลาดใหม่ ๆ จากตลาดที่เราอาจจะมองข้ามไป แต่กลับเป็นตลาดที่มีความต้องการในตัวผลิตภัณฑ์ไม่น้อย

    บริษัท บางกอก เบดเน็ท อาร์แอนด์ดี มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ร่วมกับ สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ พัฒนามุ้งนาโนกันยุงภายใต้แบรนด์ "ไทเกอร์" ได้เป็นผลสำเร็จ

    นับเป็นการเริ่มต้นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีตลาดรองรับเรียบร้อยแล้ว

    ล่าสุดบริษัทบางกอก เบดเน็ทฯได้ส่งตัวอย่างมุ้งนาโนเข้ารับการประเมินผ่านมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ในคุณสมบัติด้านการเคลือบสารฆ่ายุง ที่คาดว่าจะทราบผลภายใน 1 ปีนับจากนี้ และจะสามารถใช้ช่องทางจำหน่ายผ่านองค์การอนามัยโลก และองค์การที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปแจกจ่ายในประเทศ ที่มีการระบาดของโรคมาลาเรียได้

    ศุภไช แพร่พีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เบดเน็ท อาร์แอนด์ดี มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงช่องจัดจำหน่ายนี้ว่า องค์กรต่าง ๆ เช่น องค์การอนามัยโลก ยูนิเซฟ ยูเอ็น เป็นต้น ได้ใช้งบประมาณมากกว่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยสัมพันธ์จัดซื้อมุ้งป้องกันโรคมาลาเรียให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศแถบแอฟริกาที่มีการระบาดของโรคมาลาเรียอย่างหนัก

    "ช่องทางการตลาดมีแนวโน้มดีจากการประเมินว่าผู้ติดเชื้อมาลาเรียมีมากกว่า 500 ล้านคน และมีความต้องการมุ้งทั่วโลกไม่น้อยกว่า 100 ล้านหลังต่อปี ขณะที่ผู้ผลิตมุ้งกันยุงทั่วโลกมี 7 บริษัท จาก 5 ประเทศ คือ เดนมาร์ก ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอังกฤษเท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก แสดงให้เห็นถึงโอกาสและความต้องการที่ยังมีอยู่อีกมาก"

    ด้าน ชูหวัง หัตถกิจโกวิท ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท บางกอก เบดเน็ท อาร์แอนด์ดี มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ให้ข้อมูลว่า การจำหน่ายมุ้งไทเกอร์แบ่งเป็น 3 ช่องทางหลัก

    ได้แก่ การส่งออกภายใต้แบรนด์ "โคซซี่เน็ต-ไลฟ์" (Cozynet-Life) จำหน่ายให้กับองค์การอนามัยโลกเป็นหลัก สำหรับนำไปแจกจ่ายให้ประเทศที่มีความต้องการ รองลงมาคือ ส่งออกให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว เป็นต้น และจำหน่ายในประเทศภายใต้แบรนด์ "ไทเกอร์" ซึ่งราคาจำหน่ายทั้งในและนอกประเทศเท่ากันคือ 370 บาท

    สำหรับการจำหน่ายในประเทศ ใช้วิธีการเสนอขายผ่านองค์การบริหารของแต่ละจังหวัดและตำบล เพื่อให้เขานำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ซึ่งภายหลังบริษัทผลิตมุ้งจำนวน 1,000 หลัง ช่วย ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.สุราษฎร์ธานีได้มีออร์เดอร์สั่งผลิตเพิ่มอีก 2,000 หลัง สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน จ.กาญจนบุรี ทำให้บริษัทเตรียมผลิต ในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจังมากขึ้น

    "จุดเด่นของมุ้งไทเกอร์คือ เราพัฒนาสินค้าสูงกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก คือทนการซักล้างได้ถึง 30 ครั้ง และหน่วงไฟได้นานถึง 5.4 วินาที หรือติดไฟได้ยากกว่าปกติ ในขณะที่บริษัทอื่นทำได้เพียงแค่ผ่านมาตรฐานเท่านั้น"

    หลังจากนี้ บางกอก เบดเน็ทฯจะค่อย ๆ ทยอยเปิดตัวสินค้ากันยุงในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์พักแรมกันยุง มุ้งลวดกันยุง ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยกันยุง จีวรพระกันยุง เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม แม้บางกอก เบดเน็ทฯจะสามารถผลิตมุ้งไทเกอร์ที่ได้มาตรฐานออกมาเป็นบริษัทที่ 8 จากทั่วโลก แต่ยังถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มีมากถึง 100 ล้านหลังต่อปี

    นี่จึงอาจเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ต่อยอดงานวิจัยเข้าสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ในการ เร่งพัฒนาศักยภาพให้ได้สินค้าที่มี ประสิทธิภาพ เพราะการขายผ่านองค์การอนามัยโลกเป็นช่องทางที่เรียกว่าเห็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้กรอบของการพัฒนาเดินหน้าไปอย่างมีเป้าหมาย และสามารถกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึง


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...