พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]

    [​IMG]
    ทำกระบองแบบพกพาอย่างง่าย
    ตอนนี้เรื่องรำกระบองกำลังเป็นที่นิยม มีผู้อ่านรุ่นใหม่เสียงใสๆ โทรศัพท์เข้ามาสอบถามมากมาย ท่ารำกระบองอย่างละเอียดมีอยู่ในหนังสือ สุขภาพดี ราคาถูก ด้วยชีวจิต หรือ เตะสุดชีวิต ที่มาพร้อมวีซีดีรำกระบอง วางขายตามร้านนายอินทร์ทุกสาขา ส่วนเรื่องกระบองที่ใช้รำนั้นไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน แค่เดินเข้าร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง และถามหาสิ่งเหล่านี้ เพื่อกลับมาทำเองง่ายๆ ดังนี้
    อุปกรณ์
    1. ท่อพีวีซีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาวประมาณเท่ากับความสูงจากพื้นถึงหน้าผากของเราเอง (ให้ที่ร้านตัดเป็น 3 ท่อนเท่ากัน)
    2. ข้อต่อแบบเกลียว 2 ชุด
    3. ฝาปิดท่อ 2 อัน
    4. กาวทาท่อ
    วิธีทำ
    ติดข้อต่อแบบเกลียวไว้ตรงส่วนปลายของท่อพีวีซี ดังนี้
    1. ท่อนที่ 1 ซึ่งจะเป็นท่อนตรงกลางนั้น ให้ติดข้อต่อแบบเกลียวตัวเมียไว้ตรงส่วนปลายทั้งสองข้าง
    2. ติดข้อต่อแบบเกลียวตัวผู้ไว้ตรงปลายท่อน 2 และ 3
    3. ติดฝาปิดท่อไว้ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของท่อน 2 และ 3
    เมื่อต้องการใช้กระบองก็ต่อกระบองท่อนที่ 2 และ 3 (ด้านที่ติดข้อต่อแบบเกลียวตัวผู้) เข้ากับท่อนที่ 1 (ด้านที่ติดข้อต่อแบบเกลียวตัวเมีย) ทั้งสองด้าน
    เท่านี้ก็ได้กระบองอย่างง่ายแบบพกพา ไว้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพดีแล้วค่ะ
    สังคมออนไลน์ของชาวชีวจิต ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่สนใจการแพทย์ทางเลือก
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เที่ยวอยู่ผิดที่ ‘ท้องผูก’ ดื่มน้ำ3ผักแก้ได้

    [​IMG]

    เห็น ว่าเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ คนจำนวนไม่น้อยเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ต้องพักค้างอ้างแรมในต่างถิ่น ซึ่งอาจทำให้บางคนที่ระบบขับถ่ายหวั่นไหว เมื่อไม่คุ้นชินกับสถานที่จึงไม่อาจถ่ายหนักออกมาได้ กักเก็บไว้รอกลับมาระบายออกในส้วมที่บ้านอันคุ้นเคย พาลเกิดปัญหาท้องผูก ยามเมื่อถ่ายได้ อุจจาระแข็งใหญ่ออกยาก เสี่ยงปากทวารหนักเป็นแผล หรือริดสีดวงกำเริบ

    เหตุสำคัญข้างต้น ‘มุมสุขภาพ-กินดี’ สัปดาห์นี้ขอส่งเครื่องดื่มสุขภาพ ช่วยแก้อาการท้องผูก และกระตุ้นการขับถ่ายให้ง่ายขึ้น ด้วยสารอาหารจาก ผัก-ผลไม้ 3 ชนิด อย่าง แครอต แอปเปิ้ลเขียว และส้ม

    คุณค่าของแครอต ช่วยเสริมประสิทธิภาพการย่อย กำจัดแบคทีเรียตัวร้ายในลำไส้ใหญ่ เพราะมีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ และคลอรีน

    ส่วน แอปเปิ้ลเขียว อันอุดมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 และบี6 โพแทสเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน เหล็ก และสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิก กรดแทนนิก เส้นใยเพ็กติน แอปเปิ้ลจึงช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้เล็ก แถมยังเป็นผลไม้ที่ช่วยลดความเครียดได้ด้วย

    สำหรับส้มนั้น กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกสดชื่น ช่วยในการขับถ่าย ในส้มจะมีวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์ เบต้าแคโรทีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี

    ส่วนผสมที่ต้องเตรียม คือ…

    * แครอต 1 ถ้วย
    * แอปเปิ้ลเขียว 1 ถ้วย
    * ส้ม 2 ผล


    ขั้น ตอนในการทำ หลังจากล้างทำความสะอาดส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ให้นำแครอตไปขูดเป็นเส้นเล็กๆ ส่วนแอปเปิ้ลเขียวหั่นขนาดสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ปอกเปลือกส้มและแกะออกเป็นกลีบ โดยไม่ต้องเลาะเมล็ดออก จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสามชนิดไปสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสร็จแล้วสามารถเติมน้ำแข็งเพิ่มความเย็นสดชื่นก่อนดื่มได้

    อยากขับ ถ่ายออกได้ไม่ต้องอึดอัด นอกจากดื่มน้ำผัก-ผลไม้นี้แล้ว ควรเน้นกินผักและผลไม้สดๆ ให้มาก รวมถึงนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ที่มีเส้นใยช่วยและจุลินทรีย์ที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com


    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > เที่ยวอยู่ผิดที่ ‘ท้องผูก’ ดื่มน้ำ3ผักแก้ได้


    .
     
  3. evonaga

    evonaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +702
    สงกรานต์ กลับจากไหว้ผู้ใหญ่แล้วก็ต้องไหว้ครู -อาจารย์ แม้แต่ครูที่ให้ความรู้

    บนบอร์ดนี้ ถึงแม้จะไม่เคยพบกัน ก็ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ คงจะเริ่มตั้งแต่

    ต้นสาย อ.จ ปู่ประถม อาจสาคร , พี่ใหญ่ , คุณสิทธิพงศ์ ,คุณเพชร ,คุณ

    nongnoo , คุณสิทธิพร , ฯลฯ คณะพระวังหน้าผู้ให้ความรู้เป็นวิทยาทาน

    ทุกๆท่าน : ผมเองถือเป็นผู้ได้รับความรู้จากกระทู้นี้โดยตรง ถึงแม้ไม่ได้อยู่ใน

    คณะพระวังหน้า แต่มีความรู้ความเข้าใจขึ้นมาได้ ก็ด้วยท่านเหล่านี้ทั้งสิ้น

    ผมจึงถือว่าตัวเองเป็นศิษย์นอกระบบ แต่ก็มีครูเหมือนกัน :
     
  4. evonaga

    evonaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +702
    ในโอกาสแห่งวันมงคล ปีใหม่ของไทย ผมขออารธนา บารมีแห่งพระสัมมาสัม

    พุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ บารมีแห่งบรมครู หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร พระธรรม

    ทูตทั้ง 5 พระองค์, บารมีแห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี และคณะพระ

    อภิญญาใหญ่ทุกพระองค์ และคณาจารย์ผู้ร่วมอธิฐานจิตพระวังหน้า ,เทพพรหม

    ทุกชั้นฟ้า รวมถึงหลวงปู่สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ แห่งวังหน้า และ

    พระมหากษัตรยาธิราชเจ้าแห่งสยามทุกพระองค์ที่เป็นต้นธารแห่งพระวังหน้า

    อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ขอบารมีท่านเหล่านี้ทุกพระองค์ได้โปรดแผ่พระบารมีปกป้อง

    คุ้มครองครูบา-อาจารย์ที่ให้ความรู้เหล่านี้แก่ข้าพเจ้า ให้มีแต่ความสุขความ

    เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม มีวาสนาบารมีอยู่ในพุทธศาสนา และกระแส

    ธารแห่งโลกอุดรไปทุกภพทุกชาติ ตราบจนถึงนิพพานเทอญ...ขอกราบขอบ

    พระคุณครูบา-อาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพ
     
  5. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สงสัยต่อไปผมคงต้องฝากตัวเป็นศิตย์ท่านอาจารย์พี่หนุ่มบ้างแล้วละ:cool:
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่กล้ารับเป็นอาจารย์ใครได้ครับ

    ความรู้ยังมีไม่มาก ยังเรียนรู้ได้ไม่เก่งครับ


    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันเสาร์ สุขสันต์ ครับ





    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กินกล้วย 3 เวลา ลดเสี่ยงหลอดเลือดสมองอุดตัน

    นักวิทยาศาสตร์แนะนำบริโภคกล้วยวันละ 3 เวลา โพแตสเซียมในกล้วยจะช่วยลดลิ่มเลือดในสมองประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์

    นักวิจัยชาวอังกฤษและชาวอิตาลีพบว่า การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยโพแตสเซียม เช่น ผักขม ถั่ว นม และปลา
    ถึงแม้จะมีการวิจัยพบว่าการบริโภคกล้วยจะช่วยควบคุมความดันโลหิตและ ป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ แต่ยังไม่มีผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันมากพอ

    ในผลวิจัยครั้งล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารสถาบันโรคหัวใจแห่งสหรัฐ อเมริกาได้รวบรวมผลการศึกษาที่แตกต่างกัน 11 การศึกษา ได้ข้อสรุปที่เหมือนกันคือการบริโภคโพแตสเซียมวันละ 1,600 มิลลิกรัม จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นหลอดเลือดหัวใจถึง 1ใน 5

    โดยเฉลี่ยกล้วยมีปริมาณโพแตสเซียมประมาณ 500 มิลลิกรัมต่อผล ที่จะช่วยลดความดันโลหิตและควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกาย หากโพแตสเซียมในเลือดน้อยจะส่งผลการเต้นของหัวใจผิดปกติ คลื่นไส้ และท้องร่วง

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวาร์วิคและมหาวิทยาลัยเนเปิลกล่าวว่าขณะนี้ ประชาชนบริโภคโพแตสเซียมต่อวันน้อยกว่าปริมาณที่แนะนำ ถ้าผู้บริโภครับประทานอาหารที่อุดมด้วยโพแตสเซียมเพิ่มขึ้นและลดการบริโภค เกลือลง ปริมาณการตายจากโรคหลอดเลือดสมองอุตันจะลดลงมากกว่า 1 ล้านคนต่อปีทั่วโลก

    โรคหลอดเลือดสมองอุดตันฆ่าชีวิตของชาวอังฤษกว่า 200 คนต่อวัน ซึ่งกระทรวงสาธารณะสุขของอังกฤษต้องสูญเสียค่ารักษาดูแลผู้ป่วยโรคเส้นเลือด ในสมองอุดตันราว 2.3 พันล้านปอนด์ต่อปี


    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1302868491&grpid=&catid=09&subcatid=0902

    .



    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table id="post4593704" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);">วันนี้, 05:40 AM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #2396 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> วัดบ่อเงินบ่อทอง
    นักบวช

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    ข้อความ: 103
    พลังการให้คะแนน: 65 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_4593704" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> ขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างยิ่งที่ คุณโยมสิทธิพงษ์ ช่วยดูแลกระทู้ของ โรงเรียนวัดบ่อเงินบ่อทองมาตลอด...ในวารวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ขอกราบอารธนาพระบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระอง พระพรหมทุกๆ พระองค์ พระอินทร์ ท่านเท้ามหาราชทุกพระองค์ เทวดาทุกชั้นฟ้า พระสยามเทวาธิราช พระบรมกษัรติย์ทุกพระองค์ ขอให้คุณโยมมีความสุขความเจริญ แคล้วคลาดจากภัยอันตราทั้งปวง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง เจริญในพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีความร่ำรวย ๆ ๆ ในชาติปัจจุบันนี้ เทอญ ขอเจริญพร คณะพระภิกษุสามเณรโรงเรียนพระ ฯ วัดบ่อเงินบ่อทอง สาธุ ๆ ๆ
    </td></tr></tbody></table>


    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วัดบ่อเงินบ่อทอง [​IMG]
    ขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างยิ่งที่ คุณโยมสิทธิพงษ์ ช่วยดูแลกระทู้ของ โรงเรียนวัดบ่อเงินบ่อทองมาตลอด...ในวารวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย ขอกราบอารธนาพระบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระอง พระพรหมทุกๆ พระองค์ พระอินทร์ ท่านเท้ามหาราชทุกพระองค์ เทวดาทุกชั้นฟ้า พระสยามเทวาธิราช พระบรมกษัรติย์ทุกพระองค์ ขอให้คุณโยมมีความสุขความเจริญ แคล้วคลาดจากภัยอันตราทั้งปวง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง เจริญในพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีความร่ำรวย ๆ ๆ ในชาติปัจจุบันนี้ เทอญ ขอเจริญพร คณะพระภิกษุสามเณรโรงเรียนพระ ฯ วัดบ่อเงินบ่อทอง สาธุ ๆ ๆ
    </td> </tr> </tbody></table>

    -------------------------------------------------


    กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ

    ขอบพระคุณครับ


    http://palungjit.org/threads/ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต-พระเณร.21733/page-120#post4593829

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    มะเร็งถุงน้ำดี


    เป็นอย่างไรกันบ้าง ในวันสงกรานต์ หลายคนคงจะเย็นชุ่มฉ่ำกันในช่วงเทศกาลที่ต่างรอคอยกันมา และอีกหลายคนก็คงจะได้กลับบ้าน รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ ขอพรอันเป็นมงคลปีใหม่ของไทย ยังไงก็ระมัดระวังในเรื่องอุบัติเหตุ และการไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันด้วย ด้วยความห่วงใยจากชาวคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

    ฉบับที่แล้วนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งอันตรายที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา จะยิ่งส่งผลเสียต่อระบบขับถ่ายของร่างกาย ฉบับนี้ขอลงรายละเอียดไปถึงอันตรายที่เกิดขึ้นต่อถุงน้ำดี ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อ นั่นคือ “มะเร็งถุงน้ำดี”

    “มะเร็งถุงน้ำดี” เป็นมะเร็งที่พบได้น้อย แต่ว่าเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศสหรัฐอเมริกา สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อมีการตรวจพบ ผู้ป่วยก็มักจะมีอาการลุกลามไปมากแล้ว อย่างเช่น อาการตาเหลือง ตัวเหลือง จากตัวมะเร็งลุกลามเข้าทางเดินน้ำดี หรือมีการกระจายไปที่อวัยวะอื่นแล้ว เช่น ปอด หรือต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง หรือเหนือไหปลาร้าด้านซ้าย

    เมื่อตรวจพบมักจะเป็นระยะสุดท้ายแล้ว จึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เนื่องด้วยในปัจจุบันการทำผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านการส่องกล้องนั้น มีการทำกันมากขึ้น จึงทำให้มีการตรวจพบมะเร็งถุงน้ำดีได้ตั้งแต่ในระยะแรก

    อาการของมะเร็งถุงน้ำดี ระยะแรกจะไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่เมื่อมีอาการแสดงแล้วมักจะพบว่าโรคได้ลุกลามไปมากแล้ว ซึ่งเมื่อโรคนี้ไม่แสดงอาการให้เห็นจะทำให้ยากต่อการวินิจฉัยในระยะแรก ๆ และจะไม่สามารถเจาะเลือดเพื่อหาค่ามะเร็งที่เฉพาะเจาะจงได้

    ส่วนอาการที่มักพบได้ในระยะกลาง เช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง คลำได้ก้อนที่ท้อง อาการปวดท้อง และในบางรายจะมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบ เป็นต้น

    ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งถุงน้ำดี มีดังนี้

    1) เป็นนิ่ว และมีขนาดมากกว่า 2.5 - 3.0 เซนติเมตร

    2) ถุงน้ำดีมีแคลเซียมเกาะที่ผนัง

    3) มีติ่งเนื้อในถุงน้ำดี ขนาดมากกว่า 1.0 เซนติเมตร

    4) เป็นโรคถุงน้ำในท่อน้ำดีแต่กำเนิด

    ในขั้นตอนการวินิจฉัย มักจะทำโดยการตรวจอัลตราซาวด์ และทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีที สแกน) หรือตรวจวินิจฉัยพบโดยบังเอิญหลังผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว

    ส่วนรูปแบบการรักษานั้น ต้องบอกก่อนว่า..

    การรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้นั้นมีอยู่วิธีเดียวคือ การผ่าตัด

    ซึ่งการผ่าตัดมีตั้งแต่การตัดแค่ถุงน้ำดีออกเพียงอย่างเดียว ไปจนถึงร่วมกับการผ่าตัดนำตับและอวัยวะข้างเคียงที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกร่วม ด้วย

    แต่ทั้งนี้ การรักษาแต่ละรูปแบบนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่ตรวจพบด้วย

    หากโรคนี้สามารถตรวจพบได้ในระยะแรก ขั้นตอนการรักษาเพียงแค่ตัดถุงน้ำดีออกก็มักจะทำให้การคาดการณ์โรคดี และโอกาสหายขาดอาจมีได้ถึงร้อยละ 80 ถึง 100

    แต่การตรวจพบได้ช้า ทำให้โอกาสที่จะผ่าตัดให้หายขาดได้นั้น มักจะน้อยลง หรือในบางกรณีก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากโรคลุกลามไปมากแล้ว ดังนั้นการตรวจพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ข้างต้น แล้วรีบดำเนินการรักษานั้น น่าจะเป็นแนวทางการรักษาที่ได้ผลดี.


    นพ.ณรงค์ศักดิ์ รุ่งสกุลกิจ



    Daily News Online > เสาร์สปอร์ต > แรงงาน-สาธารณสุข > หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพ > มะเร็งถุงน้ำดี

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    สงกรานต์วิ่งกันเกลื่อน'รถติดไซเรน'ที่'เถื่อน'แค่แฟชั่น?

    เทศกาลสงกรานต์ เดินทางไปทางไหนนอกจากจะพบเจอการเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ทั่วไปแล้ว อีกสิ่งที่มักจะได้เห็น ได้ยินคือ ’ไซเรน-เสียงไซเรน“ หรือที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเรียกกันง่าย ๆ ว่า “หวอ-เสียงหวอ” ซึ่งก็จะได้เห็น ได้ยิน ทั้งจากรถตำรวจ รถพยาบาล รถกู้ชีพ รถอาสากู้ภัย ฯลฯ จนเป็นอีกสิ่งที่ชาชินช่วงสงกรานต์

    ’ไซเรน“ มีหลายฝ่ายนำมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่

    แต่ในระยะหลัง ๆ ประเภทที่เป็น ’ไซเรนเถื่อน“ ก็มี

    ทั้งเป็นแฟชั่น ลักไก่หนีรถติด อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ฯลฯ

    ทั้งนี้ กับเรื่องของ “ไซเรน” นี้ ทาง พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านจราจร บอกว่า... ที่ผ่านมาทาง บช.น. ตำรวจ มีนโยบายกวดขันจับกุมรถติดไซเรนโดยไม่ได้รับอนุญาตมาตลอด เพราะถือว่าเป็นการก่อกวนประชาชน บางส่วนติดตั้งเพื่อความสวยงาม บางส่วนก็อ้างว่าใช้เพื่อการช่วยเหลือสังคม

    รถที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนั้น จะติดไซเรนตามสี ตามรถแต่ละประเภท โดยรถที่ติดไซเรน สัญญาณไฟสีแดง คือ รถตำรวจ, รถทหาร, รถดับเพลิง ที่มีอุปกรณ์ดับเพลิงประจำรถ เช่น สายสูบน้ำ หัวฉีด และ รถในราชการอื่น ๆ ที่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นสมควรเป็นกรณีพิเศษ เฉพาะรายไป

    รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถติดไซเรน สัญญาณไฟแดงและน้ำเงิน ได้ ซึ่งต้องเป็นรถที่มีหลังคาปกปิด มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องช่วยชีวิตฉุกเฉินประจำรถ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วน รถพยาบาล ประเภทอื่นที่ไม่ใช่รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ใช้ไซเรน สัญญาณไฟสีน้ำเงิน และ รถหน่วยกู้ชีพกู้ภัย รถมูลนิธิต่าง ๆ รถอื่น ๆ ติดได้เฉพาะ สัญญาณไฟสีเหลือง

    พล.ต.ต.ภาณุ ระบุต่อไปว่า... รถที่ติดสัญญาณไฟวับวาบแต่ละประเภทได้ ก็ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องเสียก่อน อย่างในกรุงเทพฯยื่นขออนุญาตได้ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ส่วนต่างจังหวัดยื่นได้ที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมามีการเชิญตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ หน่วยกู้ชีพ มูลนิธิ อาสาสมัครต่าง ๆ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบ การใช้สัญญาณไฟวับวาบที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ใช้รถใช้ถนน และเพื่อให้ประชาชนอำนวยความสะดวกให้เมื่อยามเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย ซึ่งทุกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือดี

    ’ที่ผ่านมามีคนนำสัญญาณไซเรนไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง เช่นใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับตัวเองในการขับรถ ขับฝ่าไฟแดง และใช้เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง รวมถึงเป็นช่องทางหนึ่งที่คนร้ายใช้หนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังนำพาหนะไปก่ออาชญากรรมแล้ว“

    ทางตำรวจที่ดูแลงานด้านจราจร บอกอีกว่า... สำหรับวัตถุ ประสงค์ในการขออนุญาต การอนุญาตติด “ไซเรน” หรือ “สัญญาณไฟวับวาบ” นั้น หลักใหญ่ใจความก็เพื่อการปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่ ใช้ในกรณีเกิดอุบัติภัยต่าง ๆ หรือในกิจการสาธารณ ประโยชน์ หรือกิจการสาธารณูปโภค อันเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน หรือการปฏิบัติงานเพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน อันเป็นกิจการเพื่อสาธารณประโยชน์

    ประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว...ผิดชัดเจน!!

    อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ภาณุ บอกว่า... การจะได้รับอนุญาตติดสัญญาณไฟวับวาบนั้น ก็ไม่ง่ายนัก การจะได้ใบอนุญาตต้องมีการพิจารณา ต้องอยู่ในระเบียบข้อกำหนด รวมถึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งรถที่ไม่ใช่รถตำรวจ ทหาร ที่ได้ใบอนุญาตส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถพยาบาล รถดับเพลิง กรมทางหลวง กทม. เป็นต้น

    ใบอนุญาตจะมีอายุ 3 ปี รถที่ใช้สัญญาณไฟวับวาบ ใช้ไซเรน โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 13 มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนกรณีที่รถยนต์ส่วนบุคคลบางคันนำสติกเกอร์เครื่องหมายสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ หรือหน่วยงานตำรวจต่าง ๆ มาติดโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดข้อหาใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งสำหรับพื้นที่ บช.น. ก็มีการเปรียบเทียบปรับข้อหาติดตั้งและใช้สัญญาณไฟในอัตราสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดเป็น ’กระแสนิยม-แฟชั่น“ ใช้ในทาง ’ผิดกฎหมาย“

    ส่วนความผิดเรื่องการใช้เครื่องหมายราชการ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีฟ้องศาล ไม่สามารถเปรียบเทียบปรับที่สถานีตำรวจได้ ดังนั้น ผู้กระทำผิดก็ให้รีบแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามกฎหมายทันที

    ’ปัจจุบันยังมีรถที่ติดไฟไซเรนโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่บ้าง แต่ก็น้อยลง หลังได้ทำความเข้าใจกับฝ่ายต่าง ๆ และจากนี้ไปทางตำรวจก็จะเข้มงวดกวดขันจับกุมผู้กระทำผิด“ …พล.ต.ต.ภาณุ ทิ้งท้าย

    ทั้งนี้ สำหรับประชาชนผู้ใช้รถทั่วไป ช่วงปลาย “สงกรานต์” นี้หลายฝ่ายยังมีงานหนักกับการ “กู้ชีวิต” ซึ่งหากพบรถที่ได้รับอนุญาตเปิดสัญญาณไฟ “ไซเรน” ก็ควรรีบให้ทาง เพราะ “ทุกวินาทีอาจหมายถึงชีวิตคน”

    ส่วนรถที่ติด ’ไซเรนเถื่อน“ เป็นแฟชั่น ใช้แบบผิด ๆ

    ก็เตรียมถูกจับ เตรียมรับโทษตามกฎหมายได้เลย!!!.


    Daily News Online > หน้าการเมือง > สกู๊ปหน้า 1 > สงกรานต์วิ่งกันเกลื่อน'รถติดไซเรน'ที่'เถื่อน'แค่แฟชั่น?


    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=23&contentId=132989

    .
     
  12. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระวัง “เมนูอาหาร 8 ชนิด” เสี่ยงโรคจู๊ดช่วงเทศกาลสงกรานต์ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 เมษายน 2554 10:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=274 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=274>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สธ.เตือนประชาชนให้ระวังภัยอาหารและน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อลดความเสี่ยงป่วยโรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ จากเมนูอาหาร 8 ชนิด อาหารปรุงจากกะทิ อาหารกล่อง แนะอาหารทะเลสดให้ปรุงสุก หลีกเลี่ยงวิธีลวก พล่าสุกๆ ดิบๆ ชี้ช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงแล้ว 3 แสนราย เสียชีวิต 16 ราย

    นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงหยุดฉลองเทศกาลสงกรานต์ 13-17 เมษายน 2554 นี้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานอาหารและน้ำดื่ม ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ปรุงเองที่บ้าน อาหารสั่งซื้อ หรือการออกไปรับประทานอาหารตามร้านนอกบ้าน ต้องระมัดระวังการเลือกซื้อและบริโภค อาหารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ โรคอหิวาต์ โรคบิด และไข้ไทฟอยด์ จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ได้แก่เมนูอาหาร 8 ชนิด ได้แก่ 1.อาหารปรุงด้วยกะทิ 2.ขนมจีน 3.อาหารทะเลสด 4.อาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ ก้อย ยำ พล่า 5.อาหารถุง อาหารกล่อง อาหารห่อ 6.ส้มตำ 7.อาหารค้างมื้อ และ8.น้ำดื่มและน้ำแข็ง โดยในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงแล้ว 3 แสนราย เสียชีวิต 16 ราย

    ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยจากโรคระบบทางเดินอาหาร ขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติให้เป็นนิสัย 3 ประการ คือ ให้ “กินอาหารสุกร้อน ใช้ช้อนกลาง และต้องล้างมือเป็นประจำ” สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ขอให้พ่อแม่ดูแลเรื่องการกินอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กวัยนี้นอกจากจะมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำแล้ว ยังดูแลตัวเองไม่เป็น กินและหยิบอาหารเข้าปากแบบไร้เดียงสา ดังนั้นโอกาสติดเชื้อจึงเกิดขึ้นง่าย

    ด้าน นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ ควรกินเฉพาะที่ปรุงสุกใหม่ หากเหลือแล้วไม่ควรเก็บไว้เพราะจะบูดเสียง่าย ส่วนเส้นขนมจีนที่ทำจากแป้งหมักมักจะเสียง่าย ไม่ควรทิ้งค้างคืน ผักสดที่กินกับขนมจีนต้องล้างให้สะอาด ในกลุ่มของอาหารทะเล ขอให้ปรุงสุก ไม่ควรกินแบบลวกหรือพล่าสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะ กุ้ง หอย ปลาหมึก เช่นเดียวกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หมู ไก่ และไข่

    ส่วนประเภทอาหารถุง อาหารกล่อง หรืออาหารห่อพร้อมบริโภค ในการบรรจุ ควรแยกกับข้าวออกจากข้าว และควรรับประทานภายในไม่เกิน 4-5 ชั่วโมงหลังจากปรุง สำหรับส้มตำซึ่งเป็นอาหารยอดฮิตทุกฤดูกาล แต่ในฤดูร้อนต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะความไม่ปลอดภัยในส้มตำมีมากมาย เช่น ปลาร้า ปูดองดิบหรือต้มไม่สุก มะละกอดิบ ผักดิบแกล้ม พริกขี้หนูที่ล้างไม่สะอาดหรือไม่ได้ล้าง ย่อมมีเชื้อโรคและสารเคมีตกค้าง ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ หากแม่ค้าที่ไม่ใส่ใจความสะอาดและขาดสุขนิสัยที่ดี ล้วนนำมาซึ่งสารพัดโรคได้

    สุดท้ายคือ เรื่องน้ำดื่ม และน้ำแข็ง ขอให้ดื่มน้ำบรรจุขวดที่มีเครื่องหมายอย.รับรอง และเลือกขวดที่มีฝาปิดสนิท ส่วนน้ำแข็งควรเลือกชนิดบรรจุถุงที่มีเครื่องหมาย อย. และขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านอาหาร ไม่ควรนำอาหารอื่นไปแช่ในถังน้ำแข็งที่ให้ลูกค้ากิน เพราะจะทำให้น้ำแข็งปนเปื้อนเชื้อโรคได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000046601]Quality of Life - Manager Online -
     
  13. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7443 ข่าวสดรายวัน


    เผยผลตรวจสุขภาพพระ-เณร พบร้อยละ55ป่วย-เสี่ยงต่อโรค



    นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ปัจจุบันพระสงฆ์หลายรูปอาพาธด้วยโรคต่างๆ ในขณะที่บางรูปยังไม่เคยตรวจสุขภาพ ทำให้ไม่รู้ว่ามีภาวะเสี่ยงต่อโรคใดบ้าง ทั้งนี้ จากผลการสำรวจสุขภาพของพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศประมาณ 350,000 รูป ล่าสุดปี 2550 พบว่าพระภิกษุ-สามเณรที่มีสุขภาพดีไม่ถึงครึ่ง หรือเพียงร้อยละ 45 เท่านั้น ส่วนร้อยละ 55 เป็นทั้งผู้ป่วยและผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเป็นผู้ป่วยประมาณร้อยละ 30 และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงร้อยละ 25 สาเหตุจากพฤติกรรมการดำรงชีวิตและการบริโภค

    ด้วยเหตุนี้มูลนิธิ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ และโรงพยาบาล 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ ในสังฆราชูปถัมภ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิพระรัตนตรัย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสมาคมศาสตร์การแพทย์แผนจีน ได้จัดทำโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุสามเณร ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 เพื่อถวายบริการด้านการแพทย์ ทันตแพทย์และความรู้ด้านสุขภาพแก่พระภิกษุ สามเณรทั่วประเทศ

    นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดสระแก้ว ปัจจุบันมีพระภิกษุสามเณรทั้งจังหวัด จำนวน 4,303 รูป จาก 582 วัด/สำนักสงฆ์ ในระหว่างวันที่ 6-7 สิงหาคม 2554 จะมีหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ มาให้บริการตรวจรักษาโรคทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทยและแพทย์แผนจีน ให้บริการทางทันตกรรม จัดนิทรรศการให้ความรู้สุขภาพ ณ วัดสระแก้ว (พระอารามหลวง) จังหวัดสระแก้ว

    ซึ่งในการตรวจสุขภาพพระภิกษุสามเณรในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสามเณรอายุน้อยกว่า 15 ปี จะตรวจสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ตามช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นประเมินภาวะโภชนาการ เฝ้าระวังภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก การขาดสารไอโอดีน ความผิดปกติทางสายตา ภาวะการได้ยิน และภาวะทันตสุขภาพ ในส่วนของพระภิกษุสามเณรอายุ 15 ปีขึ้นไป จะตรวจสุขภาพเหมือนผู้ใหญ่ปกติ ทั้งเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ เป็นต้น เพื่อตรวจค้นโรคระยะเริ่มแรก เพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ อันจะนำไปสู่การป้องกัน การดูแลรักษาในระยะแรกเริ่ม รวมทั้งการประเมินพฤติกรรมสุขภาพทั้งในอดีตและปัจจุบัน
    http://www.khaosod.co.th/view_news....onid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdOQzB4Tmc9PQ]
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    สวัสดีตอนค่ำมากๆ วันเสาร์สุขสันต์ครับ



    .

    [​IMG]


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pa.JPG
      pa.JPG
      ขนาดไฟล์:
      150.4 KB
      เปิดดู:
      48
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2011
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    [FONT=Tahoma,]"เมาไม่ขับ"เห็นภาพชัด หากฝ่าฝืนแล้วจะเป็นผี

    คอลัมน์ เป็นไปได้


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#e0e0e0" valign="top">[​IMG]
    </td></tr></tbody></table>"เป็นไปได้" วันนี้ครบ 7 วันอันตราย เทศ กาลสงกรานต์พอดี

    ช่วงเทศกาลหยุดยาวอย่างนี้ มักจะเฝ้าระวังเรื่องอุบัติเหตุอยู่เสมอ

    หลายพื้นที่ออกมารณรงค์ โดยเฉพาะเรื่อง "เมาไม่ขับ" ต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

    ที่นำไปสู่ "ความตาย" บาดเจ็บ พิการ สูญเสียทรัพย์สิน

    ปีนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะ"เป็นไปได้"ที่หลายหน่วยงานออกรณรงค์ ให้เห็น ภาพกันอย่างชัดเจน

    เริ่ม จากริมถนนสายโรจนะ หมู่ที่ 2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นถนนสายหลักที่มีอุบัติเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดของจังหวัด

    นาย ศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายกอบต.สามเรือน และนายนัธที บ่อสุวรรณ นายอำเภอ พร้อมใจกันทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานและบังสุกุลให้กับผีไม่มีญาติ

    นำโลงศพมาตั้งแล้วให้ผีที่ทาตัวเองสีดำทั้งตัว เขียนสีขาวเป็นรูปโครงกระดูก 3 ตัว

    นั่งฟังพระสวดอยู่บนโลง มีข้อความเขียนว่า "ที่อยู่ ผู้เมาแล้วขับ"

    บรรดาผีไม่มีญาติทั้ง 3 ตัว ออกมาขอส่วนบุญส่วนกุศล โบกรถบัสขอบริจาคเงิน

    พร้อมเตือนคนขับรถไม่ให้ประมาท เมาแล้วอย่าขับ จะได้เดินทางปลอดภัย

    นายศุภฤกษ์ เผยว่าเพื่อเตือนสติให้ระมัด ระวังและเคารพกฎจราจร

    หากประมาทจะเหมือนกับผีสามตัว

    และไม่ไกลจากนั้นริมถนนสายเอเชียและถนนพหลโยธิน

    ตร.ทางหลวง ขึ้นป้าย "เขตห้ามตาย" หวังลดการเสียชีวิตเช่นกัน

    ส่วนที่สน.ลาดกระบัง ก็เตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนกันอย่างแรง

    ขึ้นการ์ดเชิญไปร่วมงานศพ พร้อมทั้งนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุจริงมาตั้งไว้ใช้เห็นเป็นตัวอย่างอีกด้วย

    เรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้ ถ้า"เมาแล้วขับ"
    [/FONT]

    http://www.khaosod.co.th/view_news....nid=TURNeE13PT0=&day=TWpBeE1TMHdOQzB4Tnc9PQ==


    "
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ภาวะ 'เด็กโตเกินวัย' โรคผิดปกติจากต่อมใต้สมอง


    ครอบครัวใดที่มีลูกหลานเติบโตเร็ว สมบูรณ์ แข็งแรงกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ผู้เป็นพ่อ หรือแม่ ก็จะรู้สึกดีใจ และภูมิใจที่ลูกของตน มีร่างกายที่เติบโตเร็วกว่าวัยมาก ...

    แต่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่าเด็กอาจอยู่ใน ภาวะการเจริญเติบโตก่อนวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ พ่อแม่ ต้องใส่ใจและคอยหมั่นสังเกต เพราะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย ที่จะนำไปสู่ปัญหา เด็กเตี้ย ในอนาคตได้

    ปัญหา “เด็กเตี้ย” ทางการแพทย์ถือว่า มีความสัมพันธ์กับปัญหา “เด็กโตก่อนวัย” หรือสภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย พญ.นวลผ่อง เหรียญมณี กุมารแพทย์เด็กทั่วไปและการเจริญเติบโต โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวถึงสาเหตุที่เด็กโตก่อนวัยหรือสภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยว่า สำหรับ เด็กผู้หญิงเกิดจากการมีการพัฒนาของเต้านมก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 9 ปี ส่วนในเพศชายมีขนาดอัณฑะโตหรือมีลักษณะอื่น ๆ ประกอบให้เห็นชัดเจน อาทิ การแตกเสียงหนุ่ม หรือเสียงแหบห้าว มีกลิ่นตัว ปรากฏให้เห็นก่อนอายุ 9 ปี โดยอาการภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยจะพบในเด็กหญิงได้บ่อยกว่าเด็กชาย

    อุบัติการณ์ของภาวะดังกล่าวพบถี่ขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากที่ บิดา มารดา ได้รับความรู้จากสื่อต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีมากมายจากหลาย ๆ สื่อด้วยกัน กระทั่งสามารถสังเกตการณ์เห็นการเปลี่ยนแปลง เมื่อชัดเจนขึ้นทำให้เกิดความกังวลและพาเด็กมาพบแพทย์เร็วขึ้น

    พญ.นวลผ่อง อธิบายถึงภาวการณ์เจริญเติบโตก่อนวัยว่า เกิดจากการทำงานของต่อมใต้สมองที่อยู่บริเวณฐานสมองซึ่งมีหน้าที่สร้าง ฮอร์โมนมากระตุ้นต่อมเพศ นั่นคือ อัณฑะในเพศชาย และ รังไข่ในเพศหญิง ซึ่งมีการสร้างฮอร์โมนเพศเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ โดยพบว่า สาเหตุของโรคมาจากการปนเปื้อนของฮอร์โมนเร่งโต หรือสารเร่งโตในอาหาร ซึ่ง พบในไก่มากที่สุด อีกสาเหตุหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ที่พ่อหรือแม่เคยมีภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยมา ก่อน รวมทั้ง เรื่องโภชนาการสมบูรณ์ที่บริโภคมากเกินไปจนเข้าสู่ภาวะเด็กอ้วน ซึ่งมีผลต่อการโตเกินวัยได้ด้วยเหมือนกัน

    “การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เป็นไปอย่างรวดเร็วนี้ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ด้วย โดยในระยะท้ายของวัยนี้อัตราการเจริญเติบโตจะลดน้อยลงตามลำดับจนกระทั่งหยุด การเจริญเติบโต เมื่อมีการปิดเชื่อมของกระดูกบริเวณแขนและขา ทำให้เห็นได้ว่าการเติบโตในช่วงแรกของเด็กเป็นไปอย่างรวดเร็วซึ่งบางครั้ง เด็กอาจจะถูกล้อเลียนจากเพื่อน ๆ หรือภาวะที่เป็นสาวก่อนวัย อาจทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป อาทิ ไม่สนใจเรื่องเรียน ให้ความสำคัญกับการแต่งตัว เรื่องความสวยความงาม หรือสนใจเพศตรงข้าม ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อเด็ก ที่สำคัญเด็กจะหยุดการเจริญเติบโตก่อนเด็กปกติทั่วไป”

    พญ.นวลผ่อง กล่าวต่อว่า การจะบอกว่าลักษณะใดเรียกว่า เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ในเพศชายให้สังเกตขนาดของอัณฑะจะโตขึ้น นมแตกพาน เสียงแหบห้าว กล้ามเนื้อเป็นมัด มีกลิ่นตัว องคชาติมีขนาดใหญ่ขึ้น มีขนบริเวณรักแร้และอวัยวะเพศ ส่วนในเพศหญิงจะมีเต้านมโตขึ้น มีขนบริเวณรักแร้และอวัยวะเพศ มีกลิ่นตัว มีตกขาว และตามมาด้วยการมีประจำเดือน ซึ่งในเพศหญิงที่เป็นสาวก่อนวัยจะสูงได้อีกโดยเฉลี่ย 7-8 ซม. เท่านั้น จากนั้น จะมีการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป

    “จากข้อมูลพบว่า เด็กที่มีภาวการณ์เป็นหนุ่มสาวก่อนวัยพบได้ตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ แต่เป็นเด็กที่มีอาการผิดปกติจากเนื้องอกในสมอง แต่ในกรณีของเด็กที่โตก่อนวัยหรือเป็นสาวก่อนวัย ซึ่งเกิดจากมีฮอร์โมนเพศในปริมาณสูงกว่าเด็กปกติ จะทำให้เด็กโตเร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน ในขณะเดียวกันได้ส่งผลให้กระดูกปิดเร็วซึ่งสิ่งที่ตามมา คือ ระยะเวลาการเจริญเติบโตในวัยเด็กสั้นลงกว่าเด็กปกติ ทำให้เตี้ยเมื่อเข้าสู่ภาวะเป็นผู้ใหญ่

    ส่วนปัญหาทางด้านจิตใจ ในส่วนของเด็กผู้หญิงที่เป็นสาวก่อนวัย จะมีร่างกายเหมือนเด็กวัยรุ่น แต่จิตใจยังเป็นเด็กอยู่ ซึ่งตรงนี้เด็กอาจจะรู้สึกอายเมื่อถูกเพื่อนล้อ หรือบางรายอาจถูกล่วงเกินทางเพศและตั้งครรภ์ตั้งแต่ยังเด็กได้ จึงเป็นเรื่องที่ควรเฝ้าระวังด้วยหากเด็กอยู่ในภาวะนี้”

    สำหรับแนวทางการรักษา เมื่อพบว่า บุตรหลานมีอาการผิดปกติให้เข้าไปปรึกษากับกุมารแพทย์ โดยแพทย์จะเริ่มวินิจฉัยจาก การเอกซเรย์กระดูกก่อนว่า มีโครงสร้างกระดูกล้ำหน้าหรือไม่ หากมีแพทย์จะอัลตราซาวด์ ที่มดลูก รังไข่ หรือวัดขนาดของอัณฑะและอวัยวะเพศของเด็กว่ามีขนาดเปลี่ยนแปลงเหมือนกับได้ รับฮอร์โมนเพศกระตุ้นหรือไม่ หากมีภาวะ แพทย์จะทำการเอกซเรย์สมองต่อเพื่อตรวจหาสาเหตุ ซึ่งอาจมาจากความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ซึ่งถ้าหากตรวจพบ แพทย์จะทำการรักษา หรือหากเด็กมีประวัติได้รับฮอร์โมนเพศก็ต้องสั่งระงับยาชนิดนั้น

    ในกรณีที่ตรวจแล้วไม่พบสาเหตุ การรักษาจะทำได้เพียงการฉีดยาชะลอการเป็นสาว เพื่อให้เด็กสามารถเจริญเติบโตตามโครงสร้างที่ควรจะเป็น และลดความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น มะเร็งเต้านมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึง เรื่องของสภาพจิตใจของเด็กที่อาจยังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง รักษาด้วยการฉีดฮอร์โมนที่สังเคราะห์ขึ้นมาเข้ากล้ามเนื้อเดือนละครั้ง โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะช่วยยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง มีผลทำให้ฮอร์โมนเพศจากรังไข่ลดลง

    ทั้งนี้ฮอร์โมนดังกล่าวจำเป็น ต้องฉีดติดต่อกันไปจนอายุประมาณ 10-12 ขวบ และเมื่อหยุดฉีดเด็กจะเริ่มเป็นสาวภายใน 3-6 เดือน ทั้งนี้พบว่า การใช้ยาจะได้ผลก็ต่อเมื่อเด็กยังไม่มีประจำเดือนและควรรักษาก่อน 8 ปี ถึงจะได้ผลดี

    พญ.นวลผ่อง แนะนำ ทิ้งท้ายว่า การจัดสัดส่วนอาหารให้เด็กรับประทานอย่างเหมาะสม โดยไม่ให้เด็กกินของที่มีไขมันมากจนเกินไป มีการควบคุมอัตราการเพิ่มของน้ำหนักและความสูงควรให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตามวัย เนื่องจากเด็กอ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มาก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงถือเป็นปัญหาทางร่างกายซึ่งสามารถควบคุมปัจจัยจากภายนอก ได้

    รวมทั้ง การปรับพฤติกรรมการนอน ที่ ไม่ควรปล่อยให้เด็กนอนดึกจนเกินไป ซึ่งช่วงเวลานอนพักผ่อนที่ดี ควรจะเข้านอนก่อน 22.00 น. หรือสี่ทุ่ม เพราะช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนเจริญเติบโตออกมาขณะที่หลับ เมื่อร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยลดความเสี่ยงในภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยของเด็กลงได้

    นอกจากนี้ แม้ว่าจะเข้าสู่ภาวะการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย แต่ในส่วนด้านจิตใจ หากได้รับการเลี้ยงดูที่ดี การเข้าอกเข้าใจของพ่อแม่ ย่อมจะมีผลต่ออุปนิสัยเด็กอย่างแน่นอน และสื่อในปัจจุบันนี้ยังมีผลกระทบต่อเด็กมากหากผู้ปกครองเป็นตัวอย่างที่ดี ก็เสมือนเป็นเกราะป้องกันภัยหรือเป็นวัคซีนสังคมที่ดีให้แก่เด็กได้ด้วย.

    ดื่ม 'น้ำมะตูม' ชื่นใจดับกระหายแก้ร้อนใจ

    อากาศร้อน ๆ แบบนี้หลายคนคงกำลังมองหาเครื่องดื่มเย็น ๆ เพื่อช่วยดับกระหายคลายร้อนกันอยู่ใช่ไหมคะ เคล็ดลับสุขภาพดีวันนี้ พลาดไม่ได้กับเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ “มะตูม” สมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยดับกระหายแก้ร้อนในได้ดีอีกชนิดหนึ่ง พร้อมคำแนะนำวิธีทำน้ำมะตูมกลิ่นหอมหวานชื่นใจค่ะ

    ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก “มะตูม” ไม้ผลมหัศจรรย์จากธรรมชาติกันสักนิด เริ่มจาก ความสูงของ ต้นมะตูม ซึ่งมักอยู่ที่ประมาณ 10-15 เมตร เปลือกต้นมีสีเทา แตกเป็นร่องตามยาว ใบ เป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 3 ใบ ใบย่อยใบปลาย รูปไข่ กว้าง 2-6 ซม. ยาว 5-14 ซม. ปลายใบแหลม แผ่นใบบางเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบดอกมี 4 กลีบ โคนติดกัน ปลายแยกเป็น 4 แฉก รูปไข่กลับยาว ด้านนอกสีเขียวอ่อน ด้านในสีขาวนวล มีน้ำเมือก มีกลิ่นหอม ผล รูปรีกลมหรือยาว ผิวเรียบเกลี้ยง เปลือกหนา แข็ง ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกเป็นสีเขียวอมเหลือง เนื้อในสีส้มปนเหลือง นิ่ม มีเมล็ดจำนวนมาก

    สรรพคุณของผลมะตูมเมื่อโตเต็มที่แล้วจะช่วยแก้ท้องเดิน ท้องเสีย ท้องร่วง โรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก โดยวิธีรับประทานนำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแห้งคั่วให้เหลือง ชงรับประทาน ส่วนผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก นำมาเชื่อมรับประทานเป็นขนมหวานจะมีกลิ่นหอมและรสชาติชวนรับประทาน ช่วยบำรุงกำลัง รักษาธาตุ ช่วยขับลม และเมื่อผลสุกเต็มที่สามารถรับประทานเป็นผลไม้ จะช่วยเป็นยาระบายท้องและเป็นยาประจำธาตุของผู้สูงอายุที่ท้องผูกเป็นประจำ สำหรับใบสามารถนำมาใส่แกงบวด เพื่อแต่งกลิ่นจะได้กลิ่นหอมชวนรับประทานและรากสามารถแก้หืด หอบ แก้ไอ แก้ไข้ ขับลม

    สำหรับวิธีทำน้ำมะตูมดื่มให้ชื่นใจ เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมก่อนได้แก่ 1. มะตูมแห้ง 8 กรัม (ประมาณ 2 ชิ้น) 2. น้ำตาลทราย 15 กรัม 3. น้ำเปล่า 240 กรัม จากนั้นเริ่มทำโดยนำมะตูมแห้งมาล้างให้สะอาด ปิ้งไฟให้หอม นำไปใส่หม้อ เติมน้ำตั้งไฟ เคี่ยวสักครู่ยกลงกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทราย ตั้งไฟให้ละลาย ชิมรสตามชอบแล้วยกลงปล่อยให้เย็น สูตรนี้มีคุณค่าทางโภชนาการ คือให้พลังงาน 70.64 กิโลแคลอรี่ วิตามินเอและแคลเซียม 6.8 มิลลิกรัม โดยจะนำไปแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็งดื่มเพื่อดับกระหายคลายร้อนก็ได้ ส่วนคุณค่าทางยา เป็นยาระบาย ขับลม แก้ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงธาตุ ทำให้ขับถ่ายดีและเจริญอาหาร ขับเสมหะ แก้อาการร้อนในได้เป็นอย่างดีเหมาะสำหรับดื่มในหน้าร้อน

    เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับน้ำสมุนไพรไทยรสชาติดี หอมหวาน ชื่นใจ แถมมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเช่นนี้ อย่าลืมนำสูตรน้ำมะตูมไปลองทำดื่มดูหรือใครติดใจรสชาติและกลิ่นหอม ๆ ของน้ำมะตูมก็สามารถทำแช่เย็นไว้เป็นเครื่องดื่มประจำครอบครัวเลยก็ได้นะคะ จะได้สุขภาพดีกันทั้งครอบครัว.

    (ข้อมูลจาก กลุ่มสารนิเทศและวิเทศสัมพันธ์ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก )

    สรรหามาบอก

    - โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงานเสวนาเรื่อง “กระดูกพรุน ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม” ใน วันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 เวลา 08.30–12.00 น. ณ เวทีกิจกรรม ชั้น G โรงพยาบาลไทยนครินทร์ บางนา-ตราด กม. 3.5 สำรองที่นั่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โทร. 0-2361-2727 ต่อ 3042, 3056



    ทีมวาไรตี้

    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > ภาวะ 'เด็กโตเกินวัย' โรคผิดปกติจากต่อมใต้สมอง


    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .




    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    สวัสดียามเช้า วันอาทิตย์หรรษา ครับ


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อคืน ขอแสดงความยินดีกับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยครับ


    ดูไปอารมย์บ่จอยไป อิอิ



    --------------------


    เรือใบเชือดผี 10 คน 1-0 เข้าชิงเอฟเอคัพ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">17 เมษายน 2554 01:04 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"> "เรือใบสีฟ้า "แมนเชสเตอร์ ซิตี เฉือนชนะ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เหลือผู้เล่น 10 คน 1-0 จากประตูชัยของ ยายา ตูเร ช่วยให้ทีมทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2010/11

    ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"ยายา ตูเร" ฝ่าเข้าไปยิงประตูชัยให้เรือใบ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางทัพใหญ่ "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมตัดเชือกเอฟเอ คัพ แนวรับยังใช้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ แม้ดูเจ็บจากเกมยุโรป แนวรุกให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ประสานงาน หลุยส์ นานี ในการเปิดบอลให้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ยืนหอกตัวเป้าแทน เวย์น รูนีย์ ซึ่งติดโทษแบน ได้ล่าสกอร์ ด้าน โรแบร์โต มันชินี มีการปรับหมาก "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี โดยเฉพาะแผงหน้าใส่ ดาบิด ซิลบา ช่วย อดัม จอห์นสัน ปั้นเกมให้ มาริโอ บาโลเตลลี ซึ่งได้รับความไว้วางใจลุ้นเจาะตาข่ายแทน คาร์ลอส เตเบซ ที่บาดเจ็บพักเป็นเดือน

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"ปาร์ค" แย่งบอลกับ "กอมปานี"</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เริ่มเกมการแข่งขันช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองฝ่ายไม่ผลีผลามใส่กัน แต่เป็น แมนฯ ซิตี ได้ทักทายก่อนจากลูกยิงไกลของ อดัม จอห์นสัน ทว่าบอลถากเสาไป ห้านาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด ชวดประตูนำอย่างเหลือเชื่อ จังหวะแรก ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หลุดเข้าไปดวลกัน โจ ฮาร์ท แต่ยิงไปติดตัวนายทวารมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ ถัดมา หลุยส์ นานี กระชากไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนไหลใส่พานเข้ากลางให้ เบิร์บ แปจ่อๆ ระยะไม่ถึง 5 หลาข้ามคานไปอีก ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกเริ่มเป็น "ผีแดง" ที่ครองเกมบุกได้เหนือกว่า เนมันยา วิดิช เติมขึ้นมาโขกลูกเตะมุมโด่งเกินไป

    ครึ่งชั่วโมงพอดี เบอร์บาตอฟ ได้โหนโหม่งลูกเตะมุมบ้างบอลโค้งหลุดสามเหลี่ยมไปแบบได้ลุ้น จากนั้นโอกาสแรกของ "เรือใบสีฟ้า" ก็มาถึง แกเร็ธ แบร์รี หมุนตัวยิงในกรอบโทษด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย ถัดมา มาริโอ บาโลเตลลี เกือบแผลงฤทธิ์ตะบันเต็มข้อร้อนถึง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องชกบอลข้ามคานไป จากลูกเตะมุม โจลีออน เลสค็อตต์ เติมขึ้นมาแปบอลเหินหลุดกรอบ ท้ายครึ่งแรก แว็งซองต์ กอมปานี ลุยขึ้นมายิงบอลติดไซด์ผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ ทว่ายังหลุดเสาแบบฉิวเฉียด จบ 45 นาทีแรกสกอร์จึงยังอยู่ที่ 0-0

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"นานี" บู๊ "ซาบาเลตา"</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ลุยต่อครึ่งหลังได้ 4 นาที แมนฯ ซิตี ยังเดินเกมได้ต่อเนื่อง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลุยขึ้นมาทางซ้ายตบไปเสาแรก บาโลเตลลี ยิงบอลหลุดกรอบไป ถึงนาทีที่ 52 "เรือใบสีฟ้า" ก็ล่องนำ 1-0 จนได้ โดยเป็นความผิดพลาดของ ไมเคิล คาร์ริค ที่จ่ายบอลเสียหน้าประตูตัวเองโดน ยายา ตูเร ฉกไปแปลูกหนังลอดขา ฟาน เดอร์ ซาร์ ซุกก้นตาข่าย จากนั้นเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็รวนอย่างเห็นได้ชัด แมนฯ ซิตี เกือบฉวยโอกาสได้อีกหน ดาบิด ซิลบา เปิดให้ เลสค็อตต์ สอดเข้ามาขวิดบอลหลุดเสาสองไป แต่นาที 65 "ผีแดง" น่าตีเสมอได้เหมือนกันทว่า ฮาร์ท ไม่ปัดฟรีคิกของ นานี ไปกระแทกคานออกมา

    เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด มาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อไปยันใส่ ปาโบล ซาบาเลตา โดนใบแดงจากเชิ้ตดำ ทำให้ ท่านเซอร์ ต้องปรับทัพส่ง อันแดร์สัน กับ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ลงมาเล่นแทน อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ เบอร์บาตอฟ ซึ่ง "ชิชาริโต" ได้โอกาสสับในกรอบโทษทว่าโดนบล็อก ท้ายเกม "ผีแดง" พยายามฮึดอีกเฮือกแต่ทำไม่สำเร็จ หมดโอกาสลุ้น "ทริปเปิลแชมป์" ไปโดยปริยาย ขณะที่ แมนฯ ซิตี เข้าไปลุ้นแชมป์แรกตั้งแต่ปี 1976 ที่ซิวแชมป์ลีกคัพ ด้วยการกรุยทางสู่รอบชิงเอฟเอ คัพ กับผู้ชนะระหว่าง โบลตัน วันเดอเรอร์ส หรือ สโต๊ก ซิตี ต่อไป

    รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , พอล สโคลส์ , ไมเคิล คาร์ริค , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ปาร์ค จี ซอง , หลุยส์ นานี , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

    แมนฯ ซิตี : โจ ฮาร์ท , ปาโบล ซาบาเลตา , แว็งซองต์ กอมปานี , โจลีออน เลสค็อตต์ , อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ , ไนเจล เดอ ยอง , ยายา ตูเร , แกเร็ธ แบร์รี , อดัม จอห์นสัน , มาริโอ บาโลเตลลี , ดาบิด ซิลวา</td></tr></tbody></table>

    Sport - Manager Online -
     
  19. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    มีติดบ้านไว้ กินอร่อย ล้างพิษก็ได้

    • 17 เมษายน 2554 เวลา 11:10 น. |
    หลังหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ เรามีเมนูล้างพิษด้วยผักผลไม้ที่สามารถทำเองง่ายๆ ที่บ้านมาฝากกัน ทั้งถูก ดี มีประโยชน์ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการทำงาน
    เรื่อง อณุศรา ทองอุไร
    วันหยุดยาวๆ แบบเทศกาลสงกรานต์เช่นนี้ หลายคนเดินทางท่องเที่ยว กลับบ้านไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ต่างจังหวัด คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเตรียมอาหารจานโปรดไว้ให้ลูกหลานรอชิมอย่างเต็มที่ ไหนจะทั้งกิน ทั้งดื่ม กระเพาะ-ลำไส้ ทำงานหนัก หลายคนกลับมาบ่นว่าน้ำหนักขึ้น เพราะกิน กิน แล้วก็กิน จะทำอย่างไรดี ทั้งจุก ทั้งแน่น อยากจะพักพุง ล้างพิษ แบบง่ายๆ ที่บ้าน หลังจากตรากตรำมาหลายวัน
    จึงมีเมนูล้างพิษด้วยผักผลไม้ที่สามารถทำเองง่ายๆ ที่บ้านมาฝากกันค่ะ ทั้งถูก ดี มีประโยชน์อย่างแน่นอน ไม่ยากเลย หาของที่มีติดตู้เย็นในบ้าน เริ่มจาก
    1.กล้วย... มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกาย โดยช่วยขับของเหลวหรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย
    [​IMG]
    2.แอปเปิล...
    ประกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่ควรจะกินแอปเปิลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหารซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้
    3.ตำลึง... ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่ายและราคาไม่แพงนี้ ในสมัยก่อนมักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใส่เนื้อสัตว์น้อยๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าแกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบ และมีหมูสับเต็มไปหมด ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย
    4.กะหล่ำ... เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ และช่วยขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหารรักษาและปกป้องกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย
    5.กระเทียม... จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือด ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย
    6.ส้มโอ... เป็นผลไม้รสชาติดี สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อร่างกาย ช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
    7.แครอต... เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาทสายตา ผิวหนังที่ต้องสัมผัสแสงแดดเป็นประจำ จากการวิจัยพบว่าสารในแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็ง ช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น
    8.ขึ้นฉ่าย... ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือด และช่วยลดความดันโลหิตสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย
    9.มะนาว... ถือเป็นสุดยอดด้านช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน จะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย
    10.สาหร่าย... เป็นพืชสีเขียวในทะเล สาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกาย ปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆ จากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้ สาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้น และสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก
    โพสต์ทูเดย์ Lifestyle : มีติดบ้านไว้ กินอร่อย ล้างพิษก็ได้
     
  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left bgColor=#dadada><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center bgColor=#dadada border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10>[​IMG]</TD><TD background=images/corner_dg_top_line.gif></TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7444 ข่าวสดรายวัน[/FONT]

    [FONT=Tahoma,]ปณท.เปิดธนาคารคนจนพ.ค.นี้เริ่ม3พื้นที่[/FONT]

    [FONT=Tahoma,]น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ไปรษณีย์ไทยกำลังดำเนินการจัดตั้งธนาคารคนจนไปรษณีย์ เพื่อปล่อยกู้ให้กับกลุ่มรากหญ้าในพื้นที่ห่างไกล ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ โดยไปรษณีย์จะเริ่มให้บริการปล่อยกู้ได้ในเดือน พ.ค.นี้ ในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่, อ.ละงู จ.สตูล และอ.ปรางค์ กู่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องในการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ หลังจากไปรษณีย์ได้รวบรวมข้อมูลว่ากลุ่มคนในพื้นที่ ดังกล่าว ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]ทั้งนี้ จากเดิมไปรษณีย์ตั้งเป้าหมายจะเปิดให้บริการธนาคารคนจนหลังสงกรานต์หรือปลายเดือน เม.ย.นี้ แต่เนื่องจากคณะกรรมการธนาคารคนจนที่มี นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ เป็นประธาน ต้องการพิจารณาเรื่องความเสี่ยงอย่างละเอียด และช่วยกลั่นกรองเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ให้ชัดเจนก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียในภายหลัง จึงจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดให้บริการออกไปเป็นเดือน พ.ค.นี้[/FONT]

    [FONT=Tahoma,]"การให้กู้เงิน ไปรษณีย์จะปล่อยกู้รายละ 5,000-10,000 บาท โดยมีบุคคล 3 คน เป็นผู้ประกัน ซึ่งผู้ค้ำประกันจะต้องเป็นผู้หญิง สาเหตุที่เลือกผู้หญิง เพราะมีความซื่อสัตย์ อดทน ซื่อตรงต่อคำมั่นสัญญา ขณะเดียวกันจะให้ผู้นำชุมชนนั้น เป็นผู้คัดกรองคุณสมบัติอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้เกิดปัญหาการชำระหนี้ เพราะการชำระหนี้ตรงเวลา จะทำให้บุคคลอื่นๆ ที่ต้องการกู้เงิน สามารถยื่นเรื่องขอกู้เงินได้ด้วย จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบได้ โดยไปรษณีย์จะมีเงินหมุนเวียนในระบบธนาคารคนจน ประมาณ 10 ล้านบาท" น.ส.อานุสรา กล่าว[/FONT]

    [FONT=Tahoma,]น.ส.อานุสรา กล่าวว่า หลังจากดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ไปรษณีย์เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วนั้น ถือว่าธนาคารคนจน เป็นภารกิจที่ต้องเร่งทำให้สำเร็จตามนโยบายรัฐบาล เพราะต้องการให้ประชาชนคนรากหญ้าที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีวิตและสร้างโอกาสในชีวิตได้ ขณะเดียวกันไปรษณีย์จะเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับกู้เงิน การชำระเงิน เพราะหากชำระเงินตามกำหนดระยะเวลา จะมีส่วนลดค่าดอกเบี้ยให้ เป็นต้น[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.khaosod.co.th/view_news....onid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOQzB4Tnc9PQ]
    </TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY>
     

แชร์หน้านี้

Loading...