พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกท่าน

    ผมส่งรูป พระสมเด็จ เนื้อทองคำ , พระพิมพ์หลวงปู่ทวด เนื้อทองคำ และ พระกริ่งปวเรศ เนื้อทองคำ ไปให้ทุกๆท่านชมทาง Email แล้วนะครับ

    อ่า มีคำถามมาถามเหมือนเดิมว่า ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ อิอิ



    .
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่าผลสอบโดจิมาแล้วผ่านเรียบร้อยแล้วครับ หุ หุ


    ประกาศผลสอบวัดความพร้อมเพื่อพิจารณานักเรียนเข้าศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1
    <table width="493" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>

    ประกาศ ณ วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2554
    </td> </tr> <tr> <td>
    โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
    เรื่อง รายชื่อนักเรียนที่สอบวัดความพร้อมได้ตามเกณฑ์และมีสิทธิ์เข้าเรียน
    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2554
    </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> </tbody></table> <form name="_ctl0" method="post" action="main-1.aspx" id="_ctl0"> <input name="__EVENTTARGET" value="" type="hidden"> <input name="__EVENTARGUMENT" value="" type="hidden"> <input name="__VIEWSTATE" value="dDwtMTY1NTk4NDg2MTt0PDtsPGk8Mz47PjtsPHQ8O2w8aTwxPjtpPDM+O2k8NT47aTw3Pjs+O2w8dDxwPHA8bDxUZXh0Oz47bDxcZTs+Pjs+Ozs+O3Q8cDxwPGw8VGV4dDs+O2w8XDxiXD5cPGZvbnQgZmFjZT1tcyBzYW5zIHNlcmlmIHNpemU9Mlw+4Lic4Lil4Liq4Lit4Lia4Lin4Lix4LiU4LiE4Lin4Liy4Lih4Lie4Lij4LmJ4Lit4Lih4LmA4Lie4Li34LmI4Lit4Lie4Li04LiI4Liy4Lij4LiT4Liy4LiZ4Lix4LiB4LmA4Lij4Li14Lii4LiZ4LmA4LiC4LmJ4Liy4Lio4Li24LiB4Lip4Liy4LmD4LiZ4LiK4Lix4LmJ4LiZ4Lih4Lix4LiY4Lii4Lih4Lio4Li24LiB4Lip4Liy4Lib4Li14LiX4Li14LmIIDEg4Lib4Li14LiB4Liy4Lij4Lio4Li24LiB4Lip4LiyIDI1NTQgICBcPC9mb250XD5cPC9iXD47Pj47Pjs7Pjt0PHA8cDxsPFZpc2libGU7PjtsPG88dD47Pj47PjtsPGk8MT47aTwzPjtpPDU+O2k8Nz47PjtsPHQ8cDxwPGw8VGV4dDs+O2w8MDAwMTc7Pj47Pjs7Pjt0PHA8cDxsPFRleHQ7PjtsPOC4lC7guIouIOC4o+C4iuC4lSAgJm5ic3BcOyAmbmJzcFw7ICDguKrguLjguJfguJjguLTguJjguJnguLLguIHguLjguKU7Pj47Pjs7Pjt0PHA8cDxsPFRleHQ7PjtsPOC4nOC5iOC4suC4mTs+Pjs+Ozs+O3Q8cDxwPGw8VGV4dDs+O2w84Liq4Lit4Lia4Liq4Lix4Lih4Lig4Liy4Lip4LiT4LmM4Lin4Lix4LiZ4Lit4Liy4LiX4Li04LiV4Lii4LmM4LiX4Li14LmIIDMg4LmA4Lih4Lip4Liy4Lii4LiZIDI1NTQg4LmA4Lin4Lil4LiyIDEwLjAwIC0gMTIuMDAg4LiZLjs+Pjs+Ozs+Oz4+O3Q8cDxwPGw8VGV4dDs+O2w8MDk1OTM7Pj47Pjs7Pjs+Pjs+Pjs+nRZh1M5XUQkPoZAuWuAJA36bwjY=" type="hidden">
    ค้นหาข้อมูลจากเลขที่นั่งสอบ
    <center> <table width="515" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td></td> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr> <td width="143">เลขที่นั่งสอบ </td> <td width="157"> <input name="TxtSearch" id="TxtSearch" title="ค้นหาผลการสอบด้วยรหัสประจำตัวสอบ" type="text"> </td> <td width="215"> </td> </tr> <tr> <td colspan="3">

    หมายเหตุ :
    ใส่เลขที่นั่งสอบ 5 หลักแล้ว กรุณากด ENTER เพื่อค้นหาผลการสอบ
    และดูวันเวลาที่จะเข้ารับการมอบตัวต่อไป

    </td> </tr> </tbody></table>

    ===================================================================================================
    </center> <table width="567" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    <table width="95%" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td colspan="2">
    ผลสอบวัดความพร้อมเพื่อพิจารณานักเรียนเข้าศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2554
    </td> </tr> <tr> <td> </td> <td valign="bottom"> </td> </tr> <tr> <td width="128">เลขที่นั่งสอบ </td> <td valign="bottom" width="411"> 00000
    </td> </tr> <tr> <td>
    ชื่อ-นามสกุล
    </td> <td valign="bottom"> ด.ช. โดจิ
    </td> </tr> <tr bgcolor="#cccccc"> <td valign="middle">
    ผลการพิจารณา


    </td> <td>
    ผ่าน
    </td> </tr> <tr> <td>
    </td> <td valign="bottom"> </td> </tr> <tr> <td>หมายเหตุ </td> <td valign="bottom">

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></form>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแสดงความยินดีกับท่านโดจิด้วยครับ

    ว่าแต่ว่า อยากหอมแก้มอ่ะ

    สงสัยจะไม่ได้หอมแก้มอีกแล้ว เพราะว่า ท่านโดจิจะบอกว่า โตเป็นหนุ่มแล้วสิ :':)':)':)':)'(


    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหอๆๆๆๆ ส่งให้อีกรอบ สำหรับวัดไ..............

    ชมกันจุใจแน่นอน

    มีอยู่ 1 องค์ สร้างในสมัยทวาราวดี

    อีก 1 องค์ พระมหาธรรมราชา(เสด็จพ่อองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) เป็นผู้ให้สร้าง (สมัยอยุธยา)

    ตัวอย่างให้ชมกันเล็กๆน้อยๆ สำหรับท่านที่ไม่เคยไปวัดไ..........

    อ่า เหมือนเดิมครับ ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ vb vb


    .
     
  5. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    อัญเชิญพระศักดิ์สิทธิ์เสริมมงคลช่วงสงกรานต์

    วันศุกร์ ที่ 01 เมษายน 2554 เวลา 19:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    กรมศิลป์อัญเชิญพระพุทธรูปหยก -เทวดานพเคราะห์ 9 องค์ ให้ประชาชนสักการะ เสริมมงคล
    วันนี้ (1 เม.ย.) ที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรมเป็นประธานเปิดงาน "100 ปีกรมศิลปากร ขอพรพระคเณศ" พร้อมเปิด นิทรรศการพิเศษ "พระคเณศ เทพแห่งศิลปากร"

    โดย นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี 2554 กรมศิลปากรได้อัญเชิญพระคเณศ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 11 แห่ง จำนวน 32 รายการ มาจัดแสดงรวมกัน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เป็นครั้งแรกของประเทศ เพื่อให้ประชาชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และครอบครัว โดยจะเปิดให้เข้าชมและสักการะได้ ตั้งแต่วันที่ 2-24 เม.ย. ที่สำคัญทุกวันอาทิตย์จะเปิดโอกาสให้ประชาชน นำเครื่องสักการะประเภทข้าวตอกดอกไม้มาขอพรเป็นกรณีพิเศษด้วย

    นายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า นอกเหนือจากการจัดแสดงพระคเณศแล้ว กรมศิลปากรยังได้จัดกิจกรรม เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยอัญเชิญพระพุทธรูปหยกฝีมือช่างฟาแบร์เช่ ช่างฝีมือชั้นสูงที่ถวายงานราชวงศ์ไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยังได้อัญเชิญเทวดานพเคราะห์ 9 พระองค์ ตามแบบของเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ใช้ในการพระราชพิธีหลวง ประกอบด้วยพระอาทิตย์ ทรงราชสีห์ พระจันทร์ ทรงม้า พระอังคาร ทรงมหิงสา พระพุธ ทรงคชสาร วันพฤหัสบดี ทรงกวาง วันศุกร์ ทรงโค วันเสาร์ ทรงพยัคฆ์ พระราหู ทรงพญาครุฑ และ พระเกตุ ทรงนาค เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำ ณ ศาลาสำราญมุขมาตย์ ภายในพิพิธภัณสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.นี้

    รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า สำหรับประติมากรรมรูปเทวดานพเคราะห์ เป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ ประมาณรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หล่อขึ้นตามแบบเทวดานพเคราะห์ของเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ดังปรากฏภาพในสมุดไทย หมวดตำราภาพเล่มที่ 70 สำนักหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับภาพจิตรกรรมเทวดานพเคราะห์บนบานประตูหน้าต่างด้านใน ของพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) สำหรับความพิเศษของประติมากรรมชุดนี้ คือ การถ่ายทอดรูปแบบของเทวดานพเคราะห์ที่เคยเห็นปรากฏอยู่ในภาพวาด ให้ออกมาเป็นประติมากรรมแบบลอยตัว แสดงท่าทาง เอกลักษณ์ของเทวดานพเคราะห์ได้อย่างสมจริงและมีชีวิตชีวา ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และเอกลักษณะของเทพแต่ละองค์ไว้ได้ย่างสมบูรณ์

    "กรมศิลปากร มีความประสงค์อันยิ่งใหญ่ ที่ปรารถนาให้เทพยดาผู้มีฤทธิ์อำนาจช่วยเหลือป้องกัน และป้องกันทุกข์ภัยพิบัติทั้งปวง นำซึ่งความสุขในวันขึ้นปีใหม่ไทย รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างบารมีให้ดวงชะตาดีเด่น เพื่อนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าของชีวิตของคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต" นายเอนก กล่าว

    ด้าน พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถาน โบสถ์พราหมณ์ กล่าวว่า การบูชาเทพยาดานพเคราะห์ ถือเป็นเครื่องหมายของความเป็นสิริมงคล ถือเป็นการแสดงความกตัญญูต่อเทพยดาประจำวันเกิด ซึ่งถือเป็นผู้มีมหิทธิฤทธิ์อำนาจช่วยเหลือป้องกันและปลดเปลื้องทุกข์ภัยพิบัติทั้งปวง ซึ่งนิยมทำกันเป็นรอบ ๆ ละ 12 ปี เพื่อขอพรเทพยดาดาวพระเคราะห์ ซึ่งสถิตในดวงชะตาให้มาช่วยปัดเป่าทุกข์ภัย บันดาลให้เกิดสวัสดิมงคลในการดำเนินชีวิต

    ดังนั้นการจัดพิธีสรงน้ำพระเคราะห์ในเทศกาลสงกรานต์นั้น ประชาชนจะได้ร่วมกันสร้างบุญกุศลให้กับตนเองและร่วมกันขอพรให้ประเทศชาติสงบสุข และยังถือเป็นการสืบสานวัฒนธรรมโบราณให้คงอยู่ต่อไปด้วย.






    Daily News Online > หน้าสังคม > อัญเชิญพระศักดิ์สิทธิ์เสริมมงคลช่วงสงกรานต์
     
  6. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอขอบพระคุณพี่หนุ่มมากนะครับสำหรับความรู้ที่มอบให้ ผมตะลึงมองตาค้างตั้งแต่ พระหลวงปู่ทวดเนื้อทองคำแล้วละครับผม ยิ่งเข้าไปชมรูปพระบูชาบอกได้คำเดียวว่างามมากๆครับ ทุกองค์ ขอบพระคุณอย่างสูงนะครับพี่หนุ่มเป็นบุญตาจิงๆครับผม
     
  7. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ยินดีด้วยครับพี่น้องหนู
     
  8. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    Death claimพี่โคมฉายของกรุงไทยแอคซ่า ผมฝากพี่หนุ่มsitthiphong เดินเรื่อง วันนี้ทางพี่สาวพี่โคมฉายโทร มาแจ้งว่าได้รับเช็คแล้ว

    ขอบคุณมากครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    แล้วตกลงว่า ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ vb vb



    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ..

    [​IMG]

    [​IMG]


    "บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"..!


    "ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด

    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่ว ย
    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมี
    ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้
    บารมี ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..
    แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"...!

    "จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่ วยเจ้าไม่ได้....

    ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

    นี่ คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรมรังษี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไป แล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    ----------------------------------------------

    ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ มีเพียงแต่ต้นทุนบุญกุศล
    ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน แม้ร่างตนเขายังเราไปเผาไฟ
    เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
    เจ้ามามือเปล่าเจ้าจะเอาอะไรไป เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา



    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เลือกแปรงสีฟันใหม่อย่างไรดี



    ได้เวลาเปลี่ยนแปรงสีฟันอันใหม่แล้ว แต่ที่ร้านมีให้เลือกมากมาย จะหยิบอันไหนดี
    แปรง สีฟันเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มีความจำเป็นมาก ต้องใช้กันประจำทุกวัน ช่วยทำให้ฟันขาวสะอาด ลมหายใจหอมสดชื่น เวลาไปพูดคุยกับใคร ก็จะได้ไม่อายเขา แต่เคยไหมที่ไปยืนเลือกอยู่ตั้งนาน ก็ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะหยิบอันไหน เพื่อสุขภาพปากและฟันที่ดี วันนี้ เดลินิวส์ ออนไลน์ มีสิ่งที่ควรคำนึงถึง ในการเลือกซื้อแปรงสีฟันมาฝากกัน

    ไม่มีใครนอกจากตัวเราเองที่สามารถบอกได้ว่า แปรงสีฟันอันไหนเหมาะกับเรามากที่สุด หลักในการเลือกให้ลองใช้ดูจากหลาย ๆ รูปร่าง หลาย ๆ ขนาด ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด แปรงสีฟันที่คุณควรใช้ควรมีด้ามจับที่เหมาะมือเพื่อที่จะทำให้คุณแปรงฟันได้ อย่างนุ่มนวลและทำมุมได้เหมาะสม หัวแปรงและปลายขนแปรงควรมีลักษณะมน ถ้าสังเกตจากสลากคือมีคำว่า End Rounded และหัวแปรงต้องมีขนาดพอเหมาะคือความยาวครอบคลุมฟัน 2 ถึง 2 ซี่ครึ่ง เพื่อให้สามารถเข้าไปทำความสะอาดในช่องปากได้อย่างทั่วถึง อีกประการหนึ่ง ควรเลือกขนแปรงชนิดอ่อนนุ่ม ขนแปรงชนิดที่ทำจากไนลอนสามารถขัดหรือทำความสะอาดฟันได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงขนแปรงชนิดแข็ง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อเหงือกและทำลายสารเคลือบฟันได้ และอายุการใช้งานควรจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือน ไม่ควรรอให้ขนแปรงเปลี่ยนรูป เพราะแม้ขนแปรงยังรูปร่างดีอยู่ แต่วัสดุที่ใช้ทำก็อาจเสื่อมสภาพไปแล้ว.



    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > เลือกแปรงสีฟันใหม่อย่างไรดี


    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=130223

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อาหารจานเดียว...กินอย่างไรให้สุขภาพดี

    ฉบับที่แล้ว คอลัมน์ “หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพ” ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับภาวะที่มีไขมันหน้าท้องมากเกินไป หรืออ้วนลงพุง เชื่อเหลือเกินว่า แฟนคอลัมน์หลายท่านคงจะสำรวจตัวเองในเรื่องการกิน การอยู่ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น

    ดังนั้น คอลัมน์ของเราฉบับนี้ มาร่วมสำรวจอาหารการกินที่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่สำคัญของการดำรงชีวิตว่า การรับประทานอาหารจานเดียว ซึ่งเป็นอาหารที่คนส่วนใหญ่รับประทานอยู่ทุกวี่วัน ทำอย่างไรให้อาหารจานเดียวมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับตนเอง

    ก่อนอื่นเลย อาหารจานเดียว ควรประกอบไปด้วยสารอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนในหนึ่งจาน โดยมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50 ไขมันร้อยละ 30 และโปรตีนร้อยละ 20

    สำหรับพลังงานที่ได้รับจากอาหารแต่ละประเภทนั้นก็มีความแตกต่างกัน โดยอาหารประเภทไขมันให้พลังงานมากที่สุด เมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน ในปริมาณที่เท่ากัน ดังนี้

    คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี

    โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี

    ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี

    การบริโภคอาหารชนิดเดียวกันอาจให้พลังงานต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้าว่า เน้นส่วนประกอบใด มีวิธีปรุงอย่างไร และยังขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย การเติมเครื่องปรุงรสยิ่งมาก ก็จะทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หากเลือกรับประทานอาหารจานเดียวอย่างเหมาะสม นอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และสะดวกในการบริโภคอีกด้วย

    จึงมีคำแนะนำในการบริโภคอาหารจานเดียวแบบง่าย ๆ มาฝากกัน

    1) ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายเข้าไว้ หากมีอาหารประเภทปลา เช่น ปลาทู ปลาดุก ปลาสวาย ซึ่งมีโอเมก้า-3 ช่วยปกป้องสมอง ได้ด้วยก็จะยิ่งดี

    2) ควรทานผักและผลไม้สดเป็นประจำ

    3) หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสับ กระดูกหมู หนังหมู เป็นต้น

    4) อาหารที่ใส่กะทิ หรือปรุงโดยวิธีการผัด หรือทอด ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด เพราะมีปริมาณไขมันสูงมาก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ชุบแป้งทอด ปาท่องโก๋ โดนัท

    5) ส่วนของหวานจัด อาหารประเภทแป้ง หากรับประทานมากเกินไป จะมีผลทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง

    6) อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารอีกมื้อหนึ่งที่สำคัญ นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายไม่หิวมากในช่วงบ่ายแล้ว ยังควบคุมปริมาณอาหารในมื้อเย็นให้น้อยลงได้

    7) อาหารมื้อเย็น ควรทานให้ห่างจากเวลานอนไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เช่น หากเข้านอนเวลาสามทุ่ม ควรทานอาหารเย็นให้เรียบร้อยไม่เกินหกโมงเย็น เนื่องจากขณะหลับ ร่างกายกำลังพักผ่อน ก็จะไม่มีการย่อยอาหาร ทำให้เกิดการสะสมไขมันในช่องท้องมีมากขึ้น

    8) เลือกประเภทของอาหารที่ให้พลังงานเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เช่น ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ โดยทั่วไปจะให้พลังงานสูงกว่าเส้นเล็ก เส้นหมี่หรือวุ้นเส้น ส่วนก๋วยเตี๋ยวแห้งให้พลังงานสูงกว่าก๋วยเตี๋ยวน้ำ และอาหารประเภทเนื้อหมูและเนื้อวัวให้พลังงานสูงกว่าเนื้อไก่และเนื้อปลา

    9) การทานอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจ ควรเลือกที่มีปริมาณแป้งและไขมันแต่พอควร

    10) ข้อสำคัญ ควรชิมอาหารก่อนปรุงรสทุกครั้ง และพยายามไม่ติดอาหารรสจัดเกินไป

    11) ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าลืมว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลจะทำให้ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น และเครื่องดื่มบางชนิด เช่น กาแฟ ให้พลังงานเทียบเท่ากับอาหารหนึ่งจานเลยทีเดียว

    หากตัวคุณเองสามารถ เลือกรับประทานอาหารได้ดังนี้แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าสุขภาพดีจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับตัวคุณ แล้วอย่าลืมแนะนำวิธีการเลือกบริโภคอาหารจานเดียวให้กับคนรอบข้างที่คุณรัก ด้วยล่ะ.



    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=506&contentId=130383



    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ใบแปะก๊วย เสริมความจำ บำรุงสมอง จริงหรือ?



    [​IMG]

    ใบแปะก๊วย

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    อีกหนึ่งสมุนไพรที่คนกำลังกล่าวถึงกันมากในขณะนี้ก็คือ "ใบแปะก๊วย" ซึ่ง เป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศจีน และเชื่อกันว่า มีสรรพคุณบำรุงสมอง ป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ วันนี้กระปุกดอทคอม จะพาคนรักสุขภาพ ไปไขข้อข้องใจกันค่ะ

    สำหรับ "แปะก๊วย" (Ginkgo biloba : กิงโกะ บิโลบา) จะเรียกว่าเป็นพืชโบราณก็ว่าได้ เพราะถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 270 ล้านปีก่อน ในสมัยเดียวกับไดโนเสาร์ โดยคำภาษาจีน ออกเสียงว่า "หยินซิ่ง" ซึ่งแปลว่า ลูกไม้สีเงิน ต่อมาได้มีผู้นำ "แปะก๊วย" เข้าไปปลูกในประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า "อิโจว" หรือ "คินนัน" ซึ่งมีความหมายไม่แตกต่างกับประเทศจีน

    ทั้งนี้เมื่อพูดถึง "แปะก๊วย" คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักเม็ดสีเหลือง ๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวานหลาย ๆ ชนิด ไม่ว่าจะเป็นบะจ่าง แปะก๊วยนมสด แปะก๊วยต้มน้ำตาล ฯลฯ มากกว่า "ใบแปะก๊วย" ซึ่งมีหลายคนบอกว่า จริง ๆ แล้ว "ใบแปะก๊วย" นี่แหละที่มีประโยชน์มากกว่าผลแปะก๊วยเสียอีก


    [​IMG]


    ว่าแล้วเรามารู้จัก "ใบแปะก๊วย" กันเลยดีกว่า

    "ใบแปะก๊วย" มีลักษณะเป็นใบสีเขียวแยกเป็น 2 กลีบ คล้ายใบพัด มีลักษณะพิเศษคือจะผลัดใบไม่พร้อมกันทุกต้น แต่เมื่อผลัดใบแล้ว ใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วร่วงจากต้นภายในไม่กี่วัน ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ครั้งแรก ตั้งแต่ปี ค.ศ.1436 หรือเมื่อประมาณเกือบ 600 ปีที่แล้ว ในสมัยราชวงศ์หมิง ประเทศจีน ปัจจุบัน ใบแปะก๊วย เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งในเอเชีย ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา เพราะเชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ

    ทั้ง นี้ หากนำใบแปะก๊วยไปสกัดด้วยตัวทำละลาย จะได้สารสกัดไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) มีฤทธิ์้ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ และยังมีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานขึ้นตา ป้องกันการเกิดแผลเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน

    ส่วนผู้ป่วยโรคหอบหืด หากรับประทาน "ใบแปะก๊วย" ก็สามารถป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดลมได้ หรือใครที่มีอาการปวดขา การทาน "ใบแปะก๊วย" ก็ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังประสาทมือและเท้า ลดอาการปวดต่าง ๆ ได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ ในปี ค.ศ.1996 มีการทดลองพบว่า "ใบแปะก๊วย" สามารถช่วยป้องกันอาการผิดปกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูง (Asthma & Acute Mountain Sickness : AMS) ได้ รวมทั้งกำลังมีการศึกษาว่า "ใบแปะก๊วย" อาจมีสรรพคุณลดภาวะอาการหูอื้อลงได้ด้วย


    [​IMG]


    ขณะที่การโฆษณาสรรพคุณของใบแปะก๊วยส่วนใหญ่ จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของประสิทธิภาพในการเพิ่มความจำ และบำรุงสมอง หลังจากเคยมีการวิจัยทางคลินิกบางแห่งพบว่า การสกัดใบแปะก๊วยนอกจากจะได้สารไบโอฟลาโวนอยด์แล้ว ยังจะได้สารไบโลบาไลด์ (Bilobalides) และกิงโกไลด์ (Ginkgolides) ซึ่งเชื่อกันว่า มีผลต่อความจำ และบำบัดอาการสมองเสื่อม เพราะสารทั้งสองตัวนี้ จะไปเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตที่สมอง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น จึงช่วยเรื่องความจำได้ดี โดยเฉพาะในผู้สูงอายุอาจจะสามารถป้องกันโรคความจำเสื่อม สมองฝ่อ อาการขี้หลงขี้ลืม วิงเวียนหน้ามืด โรคซึมเศร้าได้ด้วย

    อย่าง ไรก็ตาม การวิจัยทางคลินิกหลายแห่งก็ยังไม่ได้สนับสนุนถึงสรรพคุณด้านนี้อย่างแน่ชัด โดยมีงานวิจัยบางแห่งกลับเห็นตรงกันข้ามว่า "ใบแปะก๊วย" อาจไม่มีความสามารถในการป้องกันอาการอัลไซเมอร์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพความจำได้ ขณะที่งานวิจัยที่ระบุว่า "ใบแปะก๊วย" ให้ผลดีต่อสมอง ก็ยังมีข้อมูลไม่มากนัก ฉะนั้นแล้ว จึงยังไม่มีสถาบันใดออกมายืนยันชัดเจนถึงสรรพคุณข้อนี้ของ "ใบแปะก๊วย" จึงคงต้องรอการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้ต่อไป

    แต่ถึงแม้สรรพคุณของ "ใบแปะก๊วย" ในด้านการบำรุงสมองจะยังไม่แน่ชัด แต่เราก็เห็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใบแปะก๊วย ใบแปะก๊วยแคปซูล วางขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในทวีปยุโรปเอง โดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน การจะรับประทาน "ใบแปะก๊วย" ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

    เช่นเดียวกับที่ประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ระบุข้อกำหนดในการใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วย ไว้ด้วยดังนี้

    [​IMG] 1.ในการใช้สารสกัดแปะก๊วยเป็นยาแผนปัจจุบัน จะต้องมีข้อบ่งใช้สำหรับผู้ที่เป็นโรคเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ รวมทั้งโรคของหลอดเลือดในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน และการไหลเวียนของเลือดบริเวณผิวหนังผิดปกติ โดยให้รับประทาน 40 มิลลิกรัม วันละ 3-4 เม็ด

    ทั้งนี้ สารสกัดจากใบแปะก๊วยจัดเป็นยาอันตราย ต้องขายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบัน และไม่ให้มีโฆษณาสรรพคุณต่อสาธารณะ

    [​IMG] 2.ในการใช้สารสกัดแปะก๊วยเป็นยาแผนโบราณ ให้ขึ้นทะเบียนในลักษณะผสมกับสมุนไพรตัวอื่น ๆ ว่ามีสรรพคุณบำรุงร่างกาย และอนุญาตสรรพคุณของตำรับเป็นยาบำรุงร่างกาย

    [​IMG] 3.ในการใช้สารสกัดแปะก๊วย เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จะต้องได้รับใบสำคัญการใช้ฉลากอาหาร โดยอนุญาตเฉพาะที่มีขนาดรับประทานไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม และจะต้องไม่ระบุสรรพคุณใด ๆ ในการบำบัดรักษาโรคเลย

    [​IMG]



    อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อแนะนำไม่ให้ใช้ "ใบแปะก๊วย" กับคน 3 กลุ่ม คือ

    [​IMG] 1.ผู้ที่ใช้สารป้องกันการเกิดลิ่มเลือด (Anti-coaggulant) เช่น ยา Warfarin , แอสไพริน , อิบูโพรเฟน และผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากใบแปะก๊วย มีผลทำให้เกิดเลือดออกตามร่างกายได้

    [​IMG] 2.ผู้ป่วยที่ความดันสูง หรือความดันต่ำกว่าปกติ หรือใช้ยาอยู่ เพราะใบแปะก๊วยจะไปทำให้หลอดเลือดขยาย และลดความดันลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ความดันต่ำลงมากเกินไปได้

    [​IMG] 3.สตรีมีครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

    นอกจากนี้ ในบางคนหากทานใบแปะก๊วยมากเกินไป อาจได้รับผลข้างเคียง เช่น มีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย ปั่นป่วนในระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจผิดปกติและหลอดเลือดผิดปกติ ผิวหนังมีอาการแพ้ เป็นต้น ซึ่งหากใครมีอาการลักษณะที่กล่าวมา ควรหยุดทานทันที

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

    http://www.consumerthai.org/old/behind_pro/notes/B2/b2-1.html

    http://en.wikipedia.org/wiki/Ginkgo_biloba



    [​IMG] [​IMG]

    - คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    - กรมอนามัย
    - thaifooddb.com


    .

    http://health.kapook.com/view24801.html


    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เบื้องหลังผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดัง

    เรา มักมีความเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพนั้นมี ประโยชน์ต่อร่างกายเราแท้ที่จริงแล้วเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กินแล้วมีประโยชน์จริงหรือ กินแล้วช่วยบำรุงสุขภาพได้จริงหรือไม่ ยังคงเป็นปัญหาที่นักวิชาการหลายท่านก็ยังไม่สามารถที่จะให้คำตอบและยืนยัน ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
    นอก จากเราไม่สามารถที่จะยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเหล่านี้มีประโยชน์ หรือไม่อย่างไรแล้ว เรากลับพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้กลับพกพาเอาโทษที่ร้าย แรงตามมาหากมีการใช้ที่ไม่ถูกต้องด้วย ผลิตภัณฑ์ที่เราอาจเรียกได้ว่ามีปัญหานั้นก็มีอยู่ หลายตัว ปัญหาในที่นี้อาจก่อเกิดมาจากตัวของสารสกัดในตัวผลิตภัณฑ์ก็ดี หรือจะเป็น ปัญหาที่เกิดจากตัวผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ก็นับว่าส่งผลเสียทั้งนั้น ต่อไปนี้ จะขอเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยังมีปัญหาและควรระมัดระวังในการบริโภค


    แป๊ะก๊วย

    [​IMG] แป๊ะก๊วย คืออะไร แป๊ะก๊วยคือไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออก เฉียงใต้ของจีน ได้มีการนำแป๊ะก๊วยมาใช้ในทางการยา ในตำราของจีน ใช้เป็นยาชง ซึ่งสามารถใช้รักษาโรคหืด โรคปอด และโรคหัวใจ ในปัจจุบันมีการผลิตในรูปแบบของ สารสกัดจากใบแป๊ะก๊วย เพื่อช่วยในการรักษาโรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน และ แสดงอาการความเสื่อมของสมอง โดยใช้สารสกัดนี้ช่วยในการบรรเทาอาการดังกล่าว
    การโฆษณาเกี่ยวกับสารสกัดจากใบแป๊ะก๊วยว่า ช่วยในการป้องกันหรือรักษาโรค สมองเสื่อมทำให้มีคำถามขึ้นมาว่า ช่วยได้จริงหรือเพราะว่า หลายคนที่กินก็ไม่สามารถ บอกได้ว่าความจำดีขึ้นหรือไม่
    แป๊ะก๊วย มีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไว้ 3 แบบ ได้แก่ ขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนปัจจุบัน ขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนโบราณ และขึ้นทะเบียนเป็นอาหาร
    [​IMG] ทะเบียนยาแผนปัจจุบัน มีขนาดความแรงของสารสกัดจากใบแป๊ะก๊วย 40 มิลลิกรัม รับประทานวันละ 3-4 เม็ด โดยมีข้อบ่งใช้คือ
    1. โรคเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
    2. การไหลเวียนของเลือดส่วนขอบผิดปกติ รวมทั้งโรคของเลือดในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
    3. การไหลเวียนของเลือดบริเวณผิวหนังผิดปกติ

    ทะเบียนยาแผนโบราณ ขึ้นทะเบียนในลักษณะผสมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ยาแผนโบราณเหล่านี้อนุญาตให้แสดงสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกายเท่านั้น
    การขออนุญาตใช้ฉลากอาหาร อนุญาตเฉพาะที่มีขนาดรับประทานไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม โดยมากที่มาขออนุญาต จะมีขนาดของสารสกัด 50 มิลลิกรัม หากขออนุญาตเป็นอาหารจะไม่อนุญาตให้แสดงสรรพคุณในลักษณะที่เป็นยา

    [​IMG] สารออกฤทธิ์ในใบแป๊ะก๊วย

    จากการนำใบแป๊ะก๊วยมาสกัดหาสารออกฤทธิ์สำคัญ สารที่ได้จากการสกัดเป็น สาร Terpene lactone ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด เช่น
    1. Flavoneglycosides
    2. Ginkgolidi
    3. Bilobalide
    4. Proanthocyanides
    5. Carboxillic acid
    6. Catechines
    7. อื่นๆ
    (ข้อสังเกต ใบแป๊ะก๊วยที่ปลูกต่างที่กันจะมีสารออกฤทธิ์ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ สภาพทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่เพาะปลูก เช่น เรื่องธาตุอาหารในดิน สภาพอากาศ ฯลฯ)
    สาร ในลำดับที่ 1-3 หากอยู่ร่วมกันจะมีผลในเรื่องการรักษา แต่หากแยกกันพบว่า ไม่มีผลในด้านการรักษา สารละลายที่ใช้ในการสกัดใบแป๊ะก๊วยนั้นประกอบด้วยน้ำและ สารละลายไขมัน ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้สารละลายในลำดับที่ 1-3 จำนวนมาก ดังนั้นผู้ผลิตจึงมีการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้สารละลายที่เหมาะสม ปัญหาคือผลิตภัณฑ์ที่มี จำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันมีความหลากหลายในคุณภาพของวัตถุดิบและกระบวนการ ผลิตทำให้คุณภาพน่าเป็นห่วง
    ข้อควรระวัง สารสกัด Ginkgolidi นั้นพบว่ามีผลต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ดังนั้น สารสกัดใบแป๊ะก๊วยจึงมีข้อห้ามใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) และสารสกัดบางตัวมีผลต้านฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ ซึ่งเชื่อกันว่าสารอนุมูลอิสระเป็นต้นเหตุของความชราและความเจ็บป่วย
    สารสกัดใบแป๊ะก๊วยที่ทำในรูปยา จะสกัดส่วนที่เป็นพิษซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ คือ anacardic acid และ ginkolic acid ให้ต่ำกว่า 5 ppm
    ดังนั้นสารสำคัญใบแป๊ะก๊วยในรูปยา จึงมักใช้สัญลักษณ์ EGb 761
    จากการศึกษาทางคลินิกและจากการรายงานการใช้ยานี้พบว่า มีผู้ป่วยจำนวนมาก มีอาการอันไม่พึงประสงค์ เช่น เกิดอาการปั่นป่วนในทางเดินอาหาร ปวดศีรษะ มึนงง มีความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด ผื่นแพ้ ง่วงซึม ความผิดปกติของระบบ ประสาท และการนอนหลับผิดปกติ
    สำหรับสรรพคุณอื่น ๆ ที่มีการกล่าวอ้าง เช่น รักษาโรคความจำเสื่อม สมองฝ่อ และการใช้สารแป๊ะก๊วย ในลักษณะที่เป็นใบในการชงกินแบบชา เพื่อช่วยในการบำรุงความจำหรือช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมนั้นพบว่าไม่มีผลอะไร จึงเข้าข่ายในการหลอกลวง ผู้บริโภคได้ เนื่องจากการสกัดใบแป๊ะก๊วยนั้น ต้องใช้สารละลายทางเคมี ดังที่กล่าวมา แล้วข้างต้น
    ดังนั้นการที่นำมาตากแดดแล้วนำไปชงกินจึงได้เพียงกลิ่นและรสเท่านั้น
    สรุปว่า การกินสารสกัดใบแป๊ะก๊วย ควรต้องคำนึงถึงขนาดที่จะใช้ต่อวัน ระยะ เวลาที่ต้องกินเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ ต้องไม่นาน คือประมาณ 2 - 3 เดือน เพื่อ ป้องกันการเกิดผลข้างเคียงข้างต้น อีกทั้งสารสกัดจากใบแป๊ะก๊วยยังมีราคาค่อนข้าง แพงอีกด้วย จึงควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการที่จะซื้อมากินด้วยว่ามันคุ้มกัน หรือไม่อย่างไร


    [​IMG]


    Foundation for Consumers

    http://www.consumerthai.org/old/behind_pro/notes/B2/b2-1.html


    [​IMG]
    .



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • goldbar.gif
      goldbar.gif
      ขนาดไฟล์:
      11.3 KB
      เปิดดู:
      326
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    10 รถการ์ตูนที่มีอยู่จริง



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก cafeterra.info

    เพื่อน ๆ ที่เป็นคอการ์ตูนและภาพยนตร์หลาย ๆ คน คงเคยคิดว่าจะเป็นอย่างไรน้า??? ถ้าเจ้าเหล่ารถต่าง ๆ ที่อยู่ในการ์ตูนและภาพยนตร์เรื่องที่ตัวเองโปรดปราน มีอยู่จริงและได้ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนกับเขาด้วยเหมือนกัน วันนี้ กระปุกดอทคอม ขอนำเสนอ รถ 10 คัน ที่เรียกได้ว่าถอดแบบแทบจะเหมือนกันอย่างกับแกะกับรถในการ์ตูนและภาพยนตร์ จะมีรถจากการ์ตูนและภาพยนตร์เรื่องไหนบ้าง เรามาดูกันดีกว่า...


    [​IMG]


    [​IMG]คันแรก เดอะ มีสเทอรี่ แมชชีน (The Mystery Machine) เป็นรถในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง สกูบีดู (Scooby-Doo) สร้างโดย ลู และ สตีฟ รากูส ซึ่งฝีมือการเพ้นท์รถแวนของทั้ง ลู และ สตีฟ นั้นดีมาก จนได้เพ้นท์รถลายดังกล่าวออกขายอีก 2 คันในช่วงฤดูร้อนของปี 2547


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 2 ภูมิใจนำเสนอรถจากภาพยนตร์การ์ตูน เรื่อง สปีด เรซเซอร์ (Speed Racer) มีชื่อรถว่า แมค 5 (Mach 5) ผลิตโดย มาร์ค โทเวิล (Mark Towle) รถคันนี้ มาร์ค หวงเอามาก ๆ แต่อนุญาตให้เช่ามาร่วมในงานที่พิเศษสุด ๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้นนะจ๊ะ


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 3 ต่อแถวเข้าคิวรถจากโลกการ์ตูน ขอเชิญพบกับ แบทโมบิล (Batmobile) จาก การ์ตูนยอดมนุษย์สุดฮิตอย่าง แบทแมน (Batman) รถแบทโมบิลนั้น หลังจากที่รถแบทโมบิลถูกนำออกมาขายในช่วงยุกซิกส์ตี้ (ช่วงค.ศ. 1960) สนนราคาถึง 233,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 7 ล้านกว่าบาท) ผู้จัดทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำรถแบทโมบิลขึ้นมาอีก แต่เป็นไปเพื่อการโปรโมทและแสดงภาพยนตร์เพียงเท่านั้น ไม่มีจำหน่ายอีกเลย


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 4 เป็นรถจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง บริษัทกำจัดผี (Ghostbusters) ที่มีชื่อว่า เอคโต-วัน (Ecto-1) เป็นการนำรถคาร์ดิแลคปี 2502 ที่เคยเป็นรถพยาบาล มาตกแต่งเพิ่มเติม ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ มลรัฐลอส แอนเจลลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 5 จากการ์ตูนต่อสู้สุดฮิต นินจาเต่า (Teenage Mutant Ninja Turtles) ในนาม รถเต่า (Turtle Van) อ๊ะ ๆ แต่ไม่ใช่รถโฟล์คที่เราชอบเรียกกันว่า รถเต่า แต่อย่างใดนะคะ เพราะรถเต่าคันนี้ดัดแปลงจากรถโฟล์คแวนที่ตกแต่รอบคันให้เหมือนรถคันนี้เป็น เต่าตัวหนึ่ง เป็นไงล่ะ สุดเท่กิ๊บเก๋เลยใช่ไหมล่ะ...


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 6 อันนี้ก็ดูจะไม่เหมือนซะทีเดียว ก็เล่นเป็นรถที่พยายามทำให้เหมือนกับเจ้า ออพติมัส ไพรม์ (Optimus Prime) ใน ภาพยนตร์เรื่องทรานสฟอร์เมอร์ส (Transformers) น่ะสิคะ ก็จะไปเหมือนได้ไงล่ะ ก็ในภาพยนตร์เล่นเป็นหุ่นยนต์ด้วย เป็นรถบรรทุกด้วย งานนี้ก็ยลโฉมแต่ในรูปรถบรรทุกไปก่อนละกัน


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 7 ดูน่ารักน่าเอ็นดู เพราะเป็นรถที่่ชื่อว่า เมท (Mate) จาก ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง คาร์ส (Cars) จากฝีมือของพ่อหนุ่มหัวศิลป์ เอดดี้ พอล (Eddie Paul) แต่เขาไม่ได้ทำแค่เจ้าเมทขึ้นมาเพียงคันเดียวนะคะ เพราะไม่ว่าจะเป็น เมเทอร์ รถพ่วง, แซลลี่ คาร์เรร่า รถพอร์ช 911 และ เดอะ ไลท์นิ่ง แมคควีน รถพอนทิแอค ทรานส์ แอม จากในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ก็ได้ออกมาโลดแล่นจริง ๆ บนท้องถนนกับเขาด้วยเหมือนกันด้วยฝีมือเจ๋ง ๆ ของพ่อหนุ่มพอลเขาล่ะ


    [​IMG]

    [​IMG]คันที่ 8 อันดับนี้ยกกันมาเป็นขบวนกันเลยทีเดียวสำหรับเหล่ารถแข่งทั้งหมด 11 คันจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง แว็คกี้ เรซ (Wacky Races) จากค่าย ฮานน่า-บาร์บาร่า (Hanna-Barbera) โดยรถทั้ง 11 คันได้มีโอกาสออกมาโลดแล่นบนถนนจริงในงานเทศกาลรถแข่งกู๊ดวู๊ดที่เมืองชิ คเชสเตอร์ มณฑลเวสต์ ซัสเซ็กส์ ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษด้วยล่ะค่ะ


    [​IMG]


    [​IMG]คันที่ 9 รถโดนัลด์ ดั๊ก (Donald Duck’s Car) จากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง โดนัลด์ ดั๊ก รถเปิดประทุนโบราณคันเล็กกะทัดรัดสุดน่ารักที่มีแผ่นป้ายทะเบียนเป็นเลข "313" ซึ่งคือเลขวันเกิดของ โดนัลด์ ดั๊ก ในวันที่ 13 มีนาคมอีกด้วย ขอบอกว่ารถคันนี้สามารถขับขี่ได้จริง แต่ถ้าตัวไม่เล็กพอก็อย่าหวังนะคะที่จะนั่งบนรถคันนี้ได่เกิน 1 คน อิอิ


    [​IMG]


    มาถึงคันสุดท้าย คันที่ 10 ส่งเข้าประกวดโดยบ้านมนุษย์หินฟลิ้นท์สโตน ที่ ถูกนำมาแสดงอยู่ในงานเมกะคอน 2010 มหกรรมรวมสิ่งของจากการ์ตูนทั่วโลก รถฟลิ้นท์สโตน (The Flintstones) ยังถูกผลิตขึ้นโดยผู้ผลิตเดียวกันกับแมคไฟว์ จากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง สปีด เรซเซอร์ อีกด้วย

    ว่าแต่...มีรถคันไหนกระโดดออกมาจากภาพยนตร์หรือการ์ตูนเรื่องที่เพื่อน ๆ ชอบบ้างไหมเอ่ย???




    .


    [​IMG]

    http://hilight.kapook.com/view/57591



    [​IMG]

    .
     
  18. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
     
  19. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]

    นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 299
    [​IMG]
    เทคนิคเลือกแตงโมหวานฉ่ำ

    อาทิ ไลโคพีน วิตามินเอ และวิตามินซี จากคุณป้านิดผู้ค้าแตงโมในตลาดถนนจันทร์ กรุงเทพฯ มานานนับสิบปี มาช่วยผ่อนคลายความร้อน ดังนี้ค่ะ

    1. ผิวแตงโม ควรไม่มีลักษณะเหี่ยว รอยจ้ำช้ำ หรือมีรู
    2. ใช้นิ้วดีดผลแตงโม ถ้าเสียงแน่น หมายความว่า แตงโมลูกนั้นเนื้อแน่นกรอบ ไม่ดิบ หรือสุกเกินไป แต่หากเสียงกลวง แสดงว่า เนื้อไม่แน่น ยังดิบ หรือสุกเกินไป
    3. สังเกตที่ขั้วแตงโม หากมีสีอ่อนเกินไป แสดงว่า แตงโมยังดิบ มีน้ำไม่เยอะ และไม่หวาน แต่หากขั้วมีสี
    ค่อนไปทางเข้มจนดำ นั่นแสดงว่า แตงโมสุกเกินไปจนใกล้เสีย จึงควรเลือกแตงโมที่มีขั้วสีเหลืองนวลพอค่ะ
    ไปตลาดครั้งหน้า อย่าลืมเลือกแตงโม มาดับร้อนกันด้วยนะคะ
    สังคมออนไลน์ของชาวชีวจิต ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่สนใจการแพทย์ทางเลือก
     
  20. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]

    นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 248
    [​IMG]
    สมุนไพรไทยหยุดเลือดกำเดาไหล

    อาการเลือดกำเดาไหลเกิดจากเส้นเลือดเล็กๆ ที่บุเยื่อจมูกฉีกขาด ทำให้มีเลือดไหลออกทางจมูกข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ส่วนมากมักเกิดขึ้นเฉียบพลัน พบบ่อยในเด็ก
    เลือดกำเดาไหลเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยมากมักไม่ใช่สาเหตุร้ายแรง ซึ่งจะมีเลือดออกเพียงเล็กน้อยและหยุดได้เอง แต่อาจเกิดจากความผิดปกติและโรคต่างๆ ได้ ดังนี้
    1. การบาดเจ็บของเยื่อบุจมูก ได้แก่ การแคะจมูก ผู้ที่มีนิสัยชอบแคะจมูกจะมีน้ำมูกแห้งกรัง เมื่อแคะออกจะเกิดแผลถลอก การสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือการเปลี่ยนแปลงความกดอากาศอย่างเร็ว เช่น ระหว่างขึ้นเครื่องบินหรือการดำน้ำ อาจมีผลให้เกิดเลือดออกในโพรงอากาศข้างจมูกและมีเลือดกำเดาไหล นอกจากนี้ยังเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะและใบหน้า อาจโดนที่จมูกโดยตรงหรือโพรงไซนัส ทำให้มีเลือดออกได้
    2. การอักเสบในช่องจมูก ได้แก่ ภาวะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน หรือโรคแพ้อากาศ อาการคือจะมีเลือดคั่งที่เยื่อบุจมูกและเยื่อบุโพรงอากาศข้างจมูก ถ้ามีการสั่งน้ำมูก อาจทำให้เลือดกำเดาไหล ส่วนภาวะอากาศหนาว ความชื้นต่ำ ทำให้เยื่อบุจมูกแห้ง เกิดการอักเสบ และเลือดออกได้ง่าย
    3. การผิดรูปของผนังกั้นช่องจมูก มีลักษณะโค้งงอหรือเป็นสันแหลม ทำให้มีน้ำมูกแห้งกรัง เมื่อแคะจะมีเลือดออกได้
    4. เนื้องอกในจมูกหรือโพรงอากาศข้างจมูก ทั้งชนิดร้ายและไม่ร้าย ก็อาจทำให้มีเลือดกำเดาไหลได้เช่นกัน
    5. โรคทางระบบอื่นๆ ได้แก่ โรคเลือดที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ การได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด โรคทางพันธุกรรมบางชนิดที่มีความผิดปกติของหลอดเลือด หรือความดันโลหิตสูง ทำให้เส้นเลือดแตกได้
    อย่างไรก็ตาม อาการส่วนใหญ่ที่พบมักไม่ค่อยมีอันตรายร้ายแรง และสามารถรักษาได้เองด้วยวิธีพื้นบ้านง่ายๆ ที่ช่วยหยุดเลือดกำเดาให้คุณได้ในเวลาไม่กี่นาที
    บีบจมูกหยุดเลือดไหล
    เมื่อมีเลือดกำเดาออก อย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกนะคะ นอกจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณสันจมูกที่หลายคนรู้จักกันดีแล้ว เมษามีวิธีหยุดเลือดกำเดาง่ายๆ ก็คือ การกดบีบจมูก เริ่มต้นจาก
    1. นั่งหลังตรง โน้มศีรษะมาข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ
    2. ต่อมาให้คุณสั่งน้ำมูกเบาๆ เพื่อไล่ลิ่มเลือดที่อาจไปขัดขวางการสมานรอยแตกของหลอดเลือด
    3. จากนั้นใช้นิ้วบีบจมูกเข้าหากันเบาๆ แล้วกดเข้าหาหน้า นิ่งอยู่ในท่านี้อย่างน้อย 10 นาที (ระหว่างนี้ให้หายใจทางปาก)
    4. ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ให้กดต่อไปอีก 10 นาที วิธีนี้มักได้ผลดี
    สมุนไพรเยียวยาเลือดกำเดาไหล
    นอกจากนี้เรายังมียาสมุนไพรไทยรักษาเลือดกำเดาไหลจาก คุณบุญยืน ผ่องแผ้ว หรือหมอน้อย หมอสมุนไพรประจำคลินิกหนองบงการแพทย์แผนไทย จังหวัดลพบุรี มาแนะนำกันค่ะ
    • ใบพลู ใช้ใบพลู 1 ใบ ม้วนให้กลมเหมือนมวนบุหรี่ ขนาดให้พอดีรูจมูก ขยี้ปลายข้างหนึ่งให้พอช้ำ นำปลายที่ช้ำสอดเข้าไปในจมูกข้างที่มีเลือดไหล ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เลือดจะหยุดไหล เพราะใบพลูมีสรรพคุณช่วยสมานแผลได้ดี
    • น้ำมะนาว ใช้มะนาวครึ่งลูกบีบใส่น้ำร้อน 1 แก้ว เติมเกลือครึ่งช้อนชา น้ำตาลทรายไม่ขัดขาวครึ่งช้อนโต๊ะ ชงดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหาร น้ำมะนาวมีวิตามินซีสูง แก้เลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด และเลือดกำเดาไหลได้
    • รากต้นข้าว ใช้รากข้าวที่เกี่ยวแล้ว 1 ต้น ถอนทั้งรากทั้งโคน ยาวประมาณ 1 คืบ (ตั้งแต่รากขึ้นไป) ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตร รอจนเดือด กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า-เย็น ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล
    • รากต้นฝรั่ง ใช้รากต้นฝรั่ง 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตร รอจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า-เย็น
    • รากหัวไชเท้า ใช้รากหัวไชเท้าหนัก 1 บาท หรือประมาณ 15 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ตำหรือคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้น้ำที่คั้นได้หยอดเข้าทางจมูกข้างที่มีเลือดไหล 1-2 หยด หัวไชเท้ามีสรรพคุณสมานแผลและห้ามเลือดได้
    • รากไพล ใช้รากไพล 7 ราก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่น้ำเปล่า 3 หยด ขยี้ให้เข้ากัน กรองเอาแต่น้ำ หยอดน้ำรากไพลในรูจมูกข้างที่เลือดไหล ไพลมีสรรพคุณช่วยแก้เลือดกำเดาไหลและฆ่าเชื้อ
    นอกจากนี้ หมอน้อยได้ให้ตำรับยาไทยสูตรโบราณ ซึ่งมีสรรพคุณสมานบาดแผล ห้ามเลือด และฆ่าเชื้อได้ดีมาฝากกันค่ะ
    ใช้ขมิ้นอ้อย 7 แว่น ขมิ้นชัน 7 แว่น เกลือตัวผู้ 3 เม็ด กระเทียม 3 กลีบ ตำทุกอย่างให้เข้ากันดี หลังจากนั้นนำยาทั้งหมดเคี่ยวกับน้ำมันพืชครึ่งลิตร เคี่ยวจนกระเทียมไหม้ดี แล้วจึงยกขึ้นและกรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำมัน หลังจากนั้นใส่เหล้า 3 หยด ใส่ภาชนะขวดแก้วเก็บไว้
    เมื่อมีเลือดออกในจมูก ให้นอนหงายและใช้คัตตอนบัด (สำลีปั่นหู) จุ่มน้ำมันทาภายในรูจมูกข้างที่มีเลือดออก คลึงจมูกเบาๆ ทำวันละ 1 ครั้ง หรือเวลาที่มีเลือดกำเดาไหล
    เพียงเท่านี้อาการเลือดกำเดาไหลที่หลายคนเคยตื่นตระหนกก็หยุดไหลด้วยดี แต่ถ้าทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลหรือเลือดยังไหลลงคอไม่หยุด ขอแนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์ที่อยู่ใกล้ๆ บ้านโดยด่วนค่ะ
    สังคมออนไลน์ของชาวชีวจิต ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่สนใจการแพทย์ทางเลือก
     

แชร์หน้านี้

Loading...