พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ผวาปลาดิบ

    คอลัมน์ รุ้งตัดแวง
    สปาย-กลาส

    ที่มา ข่าวสด

    ภัยของกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น แม้จะแผ่ไปไม่รอบโลก แต่อาหารญี่ปุ่นกำลังทำให้หลายชาติรวมทั้งคนไทย ผวาไปตามๆ กัน

    องค์การอนามัยโลกเตือนชาวญี่ปุ่นให้ระวังสิ่งที่กินและดื่มเข้าไปในช่วงนี้ เนื่องจากตรวจพบปริมาณรังสีปนเปื้อนในระดับเกินรับได้

    กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเพิ่งสั่งห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่มาจากจังหวัดฟูกูชิมะ ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว ที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นและเป็นแหล่งผลไม้ ผัก และข้าวอันดับต้นๆ ของประเทศ

    รวมทั้งสั่งห้ามจำหน่ายผักโขมที่มาจากจังหวัดอิบารากิ ทางใต้ของฟูกูชิมะ แหล่งส่งผักและผลไม้เข้ามายังกรุงโตเกียว อีกทั้งยังเป็นแหล่งเลี้ยงหมูขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ

    ตั้งแต่รัฐบาลไทยเปิดเสรีการค้ากับญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นเข้ามาตีตลาดไทยแบ่งรายได้ไปร่วม 2 หมื่นล้านบาทต่อปี

    ปัจจุบันไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นร้อยละ 10 จากทั้งประเทศที่มีอยู่ราว 3 แสนร้าน ประกอบด้วย ร้านอาหารไทย ร้านอาหารสไตล์อเมริกา จีน ญี่ปุ่น มูลค่าทั้งตลาด 3 แสนล้านบาทต่อปี

    บริษัทของไทยที่นำเข้าวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่อย่าง ฟู้ดโปรเจ็คท์ เผยว่า นำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นจริงๆ เพียง 10-20% นอกนั้นวัตถุดิบมาจากหลายประเทศ เช่น แซลมอนที่ใช้เยอะมาก 70 ตันต่อเดือน เอาเข้ามาจากชิลีและนอร์เวย์ ส่วนปลาหิมะมาจากแอฟริกาใต้ ทูน่าจากอินโดนีเซีย

    พร้อมวิเคราะห์ว่า ตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยไม่น่าห่วง ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนว่ากระทบต่อจิตวิทยาผู้บริโภค

    ต้องติดตามดูต่อไปว่า ผู้จำหน่ายอาหารญี่ปุ่นจะงัดกลยุทธ์หรือโปรโมชั่นใดมาเรียกคะแนนคืน


     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันนี้ ตอนบ่าย น้องปฐม ได้เป็นตัวแทนของคณะผม (sithiphongและครอบครัว , น้องปฐมและครอบครัว , พี่เปี๊ยกและครอบครัว , น้องฝนและครอบครัว , คุณPinkcivilและครอบครัว , คุณธวัชและครอบครัว , คุณเฉลิมพลและครอบครัว และ คุณณฑนนและครอบครัว) นำพระวังหน้า , หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร , หนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า , รูปคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตระ)(ที่น้องปฐมได้นำไปใส่กรอบ) , น้ำมนต์ 4 ขวด(น้องปฐมต่อน้ำมนต์จาก น้ำมนต์ 4 ขวดที่ผมได้มอบให้น้องปฐม) ไปถวายวัดที่จังหวัดสตูล

    ขอขอบใจน้องปฐม ที่ช่วยพี่เป็นธุระให้ในการงานบุญนี้


    นอกจากงานบุญต่างๆแล้ว อย่าลืมนั่งวิปัสนากรรมฐานกันด้วย ทำกันไปทั้งสองอย่าง สะสมแต้ม(ดี)กันครับ

    เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

    ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี

    อยากรวยให้ทำทาน อยากไปนิพพานให้ภาวนา

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ



    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เรียน ท่านประธานชมรมพระวังหน้า
    ท่านรองประธานชมรมพระวังหน้า
    ท่านผู้ช่วยเลขานุการชมรมพระวังหน้า
    ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า
    ท่านผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้า

    ผมเปิดประชุมชมรมพระวังหน้า รายละเอียดตาม Email ครับ

    รบกวนให้แสดงความเห็นกันด้วยครับ

    ขอบคุณครับ

    ขอแสดงความนับถือ
    sithiphong
    23/3/2554

    .
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ปลูกต้นไม้เสริมดวง ตามราศีเกิด

    วันพุธ ที่ 23 มีนาคม 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ราศีมังกร (16 ม.ค. – 15 ก.พ.) ไม้มงคลที่ควรปลูก ได้แก่ ต้นแก้ว วาสนา โป๊ยเซียน และกุหลาบ เพื่อเสริมความร่ำรวย รุ่งเรือง ทำให้เกิดโชคลาภ วาสนาให้กับตนเอง และเพื่อเสริมความมั่นคงแก่ลูกหลาน

    ราศีกุมภ์ (16 ก.พ. – 15 มี.ค.)
    ต้นไม้ที่เหมาะกับชาวราสีกุมภ์ คือ เฟื้องฟ้า บอนไซ และต้นเข็ม ซึ่งหากได้ปลูกไว้บริเวณหน้าบ้านแล้วล่ะก็จะยิ่งเพิ่มความมั่งคั่ง รุ่งเรือง และมีชีวิตที่ยาวนาน

    ราศีมีน (16 มี.ค. – 15 เม.ย.)
    ไม้ที่ช่วยเสริมความร่ำรวย รุ่งเรือง และให้โชคลาภแก่ชาวมีน ก็คือ กล้วยไม้ ต้นวาสนา ที่เชื่อว่าเมื่อปลูกไว้ได้สวยงามและมีการออกดอก จะยิ่งเพิ่มโชคและทำให้สมความปรารถนาในสิ่งที่หวัง

    ราศีเมษ (16 เม.ย. – 15 พ.ค.) มะยมและมะขาม คือไม้มงคลที่เหมาะสมกับผู้ที่เกิดราศีเมษ ต้นไม้สองนี้จะเป็นพลังช่วยหนุนให้ชาวราศีเมษประสบความสำเร็จในชีวิต นอกจากนี้ยังมีต้นเฟื้องฟ้าที่จะช่วยเสริมความรุ่งเรือง สว่างไสว

    ราศีพฤษภ (16 พ.ค. – 15 มิ.ย.) ไม้ดอกกลิ่นหอมอย่างโมกและแก้ว คือต้นไม้มงคลที่เหมาะกับผู้ที่เกิดในราศีพฤษภ ซึ่งหากปลูกในตำแหน่งที่เหมาะสม คือปลูกต้นโมกในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้าน และปลูกต้นแก้วทางทิศตะวันออก เชื่อกันว่าจะทำให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง มีโชคลาภ และอุดมสมบูรณ์ตลอดไป

    ราศีเมถุน (16 มิ.ย. – 15 ก.ค.) ต้นไม้เสริมดวงของชาวราศีเมถุน ได้แก่ โมก ที่จะทำให้เกิดความสุข สดใส ต้นเข็ม ที่หากได้ปลูกไว้บริเวณหน้าบ้านหรือทางเข้าบ้านแล้วจะทำให้เกิดความรุ่งเรือง ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไม่กล้ำกลาย ต้นทับทิมเพื่อสร้างความร่มเย็น

    ราศีกรกฏ (16 ก.ค. – 15 ส.ค.) ต้นไม้ถูกโฉลกกับชาวราศีกรกฏ ได้แก่ กล้วยไม้ ชมพู่ วาสนา พลูด่าง และเฟื่องฟ้า โดยเชื่อว่าเมื่อปลูกแล้วจะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง ความสุข ความสมหวัง ตลอดจนส่งเสริมให้ชีวิตนั้นสดใสเบิกบาน

    ราศีสิงห์ (16 ส.ค. – 15 ก.ย.) ชาวราศีสิงห์ควรปลูกขนุนซึ่งเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งของคนไทย เชื่อว่าจะช่วยหนุนเนื่อง มีคนเกื้อกูล นอกจากนี้ชาวราศีสิงห์ยังควรปลูกต้นจำปี โป๊ยเซียน กล้วยไม้ ด้วยเพื่อส่งเสริมให้การงานก้าวหน้า เจริญรุ่งเรือง และเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น

    ราศีกันย์ (16 ก.ย. – 15 ต.ค.) ต้นสนฉัตร คือไม้มงคลชนิดแรกที่เหมาะกับชาวราศีกันย์ โดยควรปลูกทางทิศเหนือและปลูกในวันเสาร์เพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังควรปลูกต้นมะยม ขนุน และราชพฤกษ์ไว้จะช่วยเสริมให้มีเกียรติและบารมี เป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนที่พบเห็น

    ราศีตุลย์ (16 ต.ค. – 15 พ.ย.) ไม้มงคลสำหรับผู้ที่เกิดราศีนี้ ได้แก่ หมากแดง ปาล์ม พลูด่าง โกสน เชื่อกันว่าปลูกไว้แล้วจะช่วยเสริมให้มีบุญบารมี อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งนอกพันธุ์ไม้ข้างต้นแล้ว ต้นไม้เพิ่มโชคของชาวตุลย์ยังประกอบด้วย จำปี จำปา และเฟิร์นข้าหลวง

    ราศีพิจิก (16 พ.ย. – 15 ธ.ค.)
    ต้นไม้ที่เป็นมงคลแก่ชาวราศีพิจิก ได้แก่ พวงแสด ปาล์ม เฟื่องฟ้า ซึ่งแสดงถึงความสว่างไสวในชีวิต นอกจากนี้ยังมีเบญจมาศ ขนุนที่ช่วยจุนเจือหชีวิตมั่นคง และว่านสี่ทิศ ที่เชื่อว่าเมื่อปลูกแล้ว เวลาเดินทางไปที่ไหนก็จะแคล้วคลาดปลอดภัย และมีแต่ผู้ให้ความช่วยเหลือ

    ราศีธนู (16 ธ.ค. – 15 ม.ค.) ต้นไม้สำหรับราศีสุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่า การเลี้ยงบัว ซึ่งจะทำให้เกิดความเบิกบาน สานสายสัมพันธ์ในครอบครัวให้เข้มแข็ง นอกจากบัวแล้วยังมีเฟิร์นข้าหลวงที่จะนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศแก่ผู้ปลูก ต้นแก้ว ช่วยขจัดอุปสรรคให้ออกไปจากชีวิต พลูด่างและโป๊ยเซียน ที่จะช่วยเสริมโชคลาภแก่ชาวราศีธนูอีกด้วย






    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > ปลูกต้นไม้เสริมดวง ตามราศีเกิด
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    มอเตอร์เวย์ฟรีรับ“สงกรานต์”

    ลดราคาตั๋วบิน “โสภณ ซารัมย์” เจ้ากระทรวงคมนาคม เปิดโปรโมชั่นรับ “เทศกาลสงกรานต์” อัดมาตรการประชานิยมแหลก เพิ่มความสุขคนไทย ทั้งเพิ่มเที่ยวรถไฟ บขส. เปิดวิ่งมอเตอร์เวย์ฟรี 8-18 เม.ย. แจกของชำร่วย ลดราคาตั๋วบินไทยเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ เที่ยวบินจากต่างจังหวัดกลับเข้าเมืองหลวง ย้ำห้ามมีผู้โดยสารตกค้าง พร้อมแจกสติกเกอร์พระเกจิดัง “หลวงพ่อคูณ” รุ่นมึงอย่าประมาท–กูขอให้ปลอดภัย

    ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 22 มี.ค. นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงแผนรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 8-18 เม.ย.ว่า ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงคมนาคม อำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยว กลับภูมิลำเนา โดยตั้งเป้าว่า ให้ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าปี 53 ที่เกิดอุบัติเหตุบนถนนในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม 1,039 ครั้ง รวมทั้งห้ามให้มีผู้โดยสารตกค้างตามสถานีต่าง ๆ และให้ตั้งศูนย์ความปลอดภัยถาวร ทั่วประเทศ

    “ปีนี้ได้ให้นโยบายแต่ละหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ทำอะไรก็ได้ที่เพิ่มความสุขให้ประชาชนในการเดินทาง เช่น ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปหาเที่ยววิ่งฟรีให้กับประชาชน 1 เส้นทาง ให้การบินไทยลดค่าโดยสารลง 50% สำหรับเที่ยวบินจากต่างจังหวัดที่จะกลับมากรุงเทพฯ นอกจากความสุขอย่างนี้แล้ว กระทรวงคมนาคม จะเพิ่มความปลอดภัย โดยจะแจกสติกเกอร์รุ่นมึงอย่าประมาท กับรุ่นกูขอให้ปลอดภัย ซึ่งปลุกเสกโดยหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ เพื่อเตือนสติผู้ขับขี่” นายโสภณ กล่าว

    สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวก โดยกรมทางหลวง ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรม เนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 และหมายเลข 9 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 8 เม.ย. ถึง 12.00 น. ของวันที่ 18 เม.ย. และให้คืนผิวจราจรงานก่อสร้างในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และได้ตั้งจุดบริการพักรถ ซึ่งจะให้บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น นวดผ่อนคลายในบางจุดให้บริการ ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ตั้งแต่เวลา 24.00 น.
    ของวันที่ 9 เม.ย.– 24.00 น. ของวันที่ 17 เม.ย. รวมทั้งเปิดให้บริการเก็บเงินค่าผ่านทางทุกช่องทาง และมีของชำร่วยแจกฟรี

    ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เพิ่มเที่ยววิ่ง เพื่อให้บริการประชาชน ไป-กลับ รวมกว่า 38 ขบวน จากเดิมสามารถให้บริการผู้โดยสารได้ 100,000 คนต่อวัน สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 15% ของที่ให้บริการหรือรองรับได้ เพิ่มอีก 10,000-15,000 คน รวมทั้งให้บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปพิจารณาปรับลดราคา 50% ให้กับผู้โดยสารสูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเริ่มปฏิบัติได้ในวันไหนนั้น บขส. จะแจ้งอีกครั้ง และ บขส.ได้จัดเที่ยวรถไป-กลับ 73,896 เที่ยว รองรับประชาชนได้ทั้งหมด เกือบ 2 ล้านคน เพียงพออย่างแน่นอน

    นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผอ.ใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัทการบินไทย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลดังกล่าว โดยเฉพาะเส้นทางบินในประเทศ การบินไทยได้เพิ่มเที่ยวบิน และ ขนาดเครื่องบินที่จะนำมาใช้บริการเพื่อขนผู้โดยสาร ซึ่งทำให้ขนส่งผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจากที่ให้บริการในวันปกติกว่า 5,000 ที่นั่ง หรือเพิ่ม 8% และในส่วนของเส้นทางบินในประเทศเที่ยวขาเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12-14 เม.ย. การบินไทยจะจัดโปรโมชั่น ลดค่าตั๋วโดยสารลง 45% เช่น เส้นทางบิน ขอนแก่น-กรุงเทพฯ จากราคา 3,440 บาทต่อคนต่อเที่ยว เหลือเพียง 1,810 บาทต่อคนต่อเที่ยว, เชียงใหม่-กรุงเทพฯ จากเดิม 3,890 บาทต่อคนต่อเที่ยว เหลือ 2,060 บาทต่อคนต่อเที่ยว, อุดรธานี-กรุงเทพฯ จาก 3,580 บาทต่อคนต่อเที่ยว เหลือ 1,890 บาทต่อคนต่อเที่ยว และเส้นทาง ภูเก็ต-กรุงเทพฯ จากเดิม 4,675 บาทต่อคนต่อเที่ยว เหลือ 2,490 บาทต่อคนต่อเที่ยว เชื่อว่า จะทำให้มีปริมาณอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 20% จากเดิมในช่วงเทศกาลจะมีปริมาณผู้โดยสารเพียง 50% เท่านั้น

    ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ได้จัดเดินรถร่วมกับ บขส. ในเส้นทางระยะใกล้ กรุงเทพฯ–อยุธยา และกรุงเทพฯ– สระบุรี และจัดเดินรถบริการฟรีไหว้พระ 9 วัด รอบเกาะรัตนโกสินทร์ตามโครงการ ขสมก. ร่วมใจไหว้พระทำบุญ น้อมแทนคุณมหาราชา ระหว่างวันที่ 13–17 เม.ย. สอบถามได้ที่ สายด่วน 184.

    ที่มา เดลินิวส์

    .

    Daily News Online > หน้าสังคม > มอเตอร์เวย์ฟรีรับ“สงกรานต์”

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันพฤหัส รื่นเริง ครับ


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  8. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583

    ผมว่าคุ้นๆนะครับไว้กลับบ้าน ผบทบ ที่ต่างจังหวัดจะลองดูให้ครับ
    ยังไม่การันตรีว่ามีนะครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ขอบคุณครับ

    กำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองครับ

    ว่าจะปลูกผัก(บางอย่าง) ทานเอง

    และหัดทานผักให้ได้ทุกอย่างครับ

    ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไร สารปนเปื้อนเยอะมากจริงๆครับ


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p1.JPG
      p1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 KB
      เปิดดู:
      251
    • p2.JPG
      p2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 KB
      เปิดดู:
      250
    • p3.JPG
      p3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3 KB
      เปิดดู:
      254
    • p4.JPG
      p4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      78 KB
      เปิดดู:
      52
    • k3.jpg
      k3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.3 KB
      เปิดดู:
      36
    • k1.jpg
      k1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.4 KB
      เปิดดู:
      35
    • k2.jpg
      k2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      36
    • k4.JPG
      k4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      31.8 KB
      เปิดดู:
      33
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันนี้ ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบทุนก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ ณ วัดป่าสามัคคีธรรม (งานมีในวันที่ 12 - 14 เมษายน 2554)

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 56.JPG
      56.JPG
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      73
    • to111.JPG
      to111.JPG
      ขนาดไฟล์:
      7.8 KB
      เปิดดู:
      279
    • P1011181.JPG
      P1011181.JPG
      ขนาดไฟล์:
      13.2 KB
      เปิดดู:
      61
    • p-1.JPG
      p-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3 KB
      เปิดดู:
      295
    • p-2.JPG
      p-2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 KB
      เปิดดู:
      308
    • A2.JPG
      A2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      8 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  11. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เรียนพี่หนุ่มที่เคารพและพี่ๆ ชมรมทุกท่านครับ
    เมื่อวานกระผมได้เป็นตัวแทนของชมรม ไปถวายพระวังหน้า หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร , หนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า , รูปคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรใส่กรอบ รวมถึงน้ำมนต์ที่พี่หนุ่มเมตตาส่งให้4ขวด ได้เดินทางไปถวายที่วัดโพธิ์เจริญธรรมและวัดถ้ำระฆังทอง จังหวัดสตูล ขอพี่หนุ่มและพี่ๆชมรมร่วมโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ
     
  12. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอโมทนาบุญทุกประการครับพี่ท่าน
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    .
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จากนครนายกสู่สระแก้ว ตามรอยทวารวดีสู่ขอม</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 มีนาคม 2554 16:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033771<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ตะลอนเที่ยว (travel_astvmgr@hotmail.com)


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปราสาทสด๊กก็อกธม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากความทรงจำครั้งเมื่อนั่งเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ง่วงบ้าง หลับบ้าง ก็เป็นธรรมดาของเด็กๆ ซึ่งอาจเห็นว่าการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านกระดานดำนั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่วันนี้ “ตะลอนเที่ยว” จะพามาย้อนรอยประวัติศาสตร์ ตามหาอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ที่ไม่น่าเบื่อ โดยเริ่มต้นตั้งแต่จังหวัดนครนายก มาถึงจังหวัดปราจีนบุรี และปิดท้ายด้วยจังหวัดสระแก้ว ทั้ง 3 จังหวัดนี้มีร่องรอยของประวัติศาสตร์สมัยทวารวีมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 - 16 และอาณาจักรขอมที่มีความเจริญรุ่งเรืองในพุทธศตวรรษที่ 16 - 17 โดยทั้งสองมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างน่าสนใจ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาสนสถานเมืองดงละคร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เริ่มกันที่จังหวัดนครนายกกันก่อน เมืองนี้เคยเป็นที่ตั้งของ “เมืองดงละคร” เมืองโบราณสมัยทวารวดีซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ดงละคร ปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งโบราณสถานบ้านดงละคร โดยกรมศิลปากรได้มีการสำรวจและขุดค้น ต่อมาจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ความน่าสนใจของเมืองดงละครนั้นเริ่มต้นในพุทธศตวรรษที่ 13 - 14 เริ่มมีคนกลุ่มคนอพยพเคลื่อนย้ายลงสู่พื้นที่ราบลุ่มบริเวณตำบลดงละคร เพื่อขยายการเพาะปลูก โดยบริเวณเมืองโบราณดงละครนั้นพบร่องรอยการอยู่อาศัยบนเนินดินขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ บริเวณเมืองชั้นใน เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ มีการขุดคูเมือง กำแพงเมือง เป็นปราการขนาดใหญ่ล้อมรอบ ภายในเมืองสันนิษฐานจำเป็นที่อยู่ของบุคคลสำคัญส่วนราษฎรจะอยู่อาศัยบริเวณชายขอบดงละครริมลำน้ำเก่ารอบๆ ดงละคร


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เสาหลักเขตใต้ดิน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 14 – 16 เริ่มมีการซึมซับเอาวัฒนธรรมจากทวารวดีเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด โดยเห็นได้จากหลักฐานของโบราณวัถตุจำพวกเสาหลักเขต ศิวลึงค์ โยนี ซึ่งเป็นที่เคารพของศาสนาฮินดู ศาสนาหลักของทวารวดีในสมัยนั้น ตลอดจนการก่อสร้างในสมัยทวารวดีที่ใช้ศิลาแลงและอิฐเผา แต่จะไม่ใช้หินเป็นวัตถุดิบเลย ซึ่งถ้าใครยังนึกภาพโบราณสถานสมัยศิลปะแบบทวารวดีไม่ออกก็ลองขับรถไปกราบไหว้พระปฐมเจดีย์ดูได้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สระแก้ว เมืองศรีมโหสถ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>โบราณสถานที่ยังคงหลงเหลือในปัจจุบันนั้น เป็นศาสนสถานขนาดกลาง ก่อด้วยอิฐเผาอย่างดี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาชมอาจจินตนาการถึงโบราณสถานที่นี่ว่าจะต้องเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่อลังการ แต่สำหรับโบราณสถานในสมัยทวารวดีส่วนใหญ่จะสร้างแบบเรียบง่าย ไม่ใหญ่โต จะเน้นให้คนได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติเสียมากกว่า นอกจากนี้ยังค้นพบเสาหลักเขตที่ฝังอยู่ใต้ดิน สันนิษฐานว่าคล้ายกับการวางศิลาฤกษ์ในปัจจุบัน เพราะว่าบนเสานี้เองพบรอยประทับคล้ายรอยหัวแหวนรูปปู ซึ่งน่าจะเป็นแหวนที่กษัตริย์หรือราชวงศ์ในสมัยนั้นสวมใส่


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แบบจำลองลายสลักรูปสัตว์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับพวกวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้จากที่นี่ก็จะมีจำพวกพระพุทธรูป ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน แหวนสำริดต่างๆ และหลังจากที่ที่เมืองดงละครนี้รุ่งเรืองในยุคทวารวดีแล้ว ย่อมมีการเสื่อมถอยเป็นธรรมดา ต่อมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 – 19 จึงเป็นช่วงที่อารยธรรมแบบขอมที่เข้ามา ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกันกับเมืองศรีมโหสถ ในจังหวัดปราจีนบุรี และก่อนที่จะเดินทางต่อ

    ทิ้งท้ายไว้สำหรับเรื่องเล่าของชาวบ้านเก่าแก่แถบนี้ที่เรียกเมืองดงละครนี้ว่า เมืองลับแล เมื่อถึงวันพระและวันโกน จะได้ยินเสียงบรรเลงของดนตรีไทยดังมาเป็นระยะ ใครที่ชอบท้าทายอาจหลงเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ ซึ่งทีมงานผู้ขุดค้นก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระวิษณุจตุรภุช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ข้ามมายังจังหวัดปราจีนบุรี มายังเมืองโบราณที่ชื่อว่า “เมืองศรีมโหสถ” ตั้งอยู่ในเขตตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ เป็นอีกเมืองใหญ่ที่มีอาณาเขตกว้างขวาง ถ้าดูจากความสัมพันธ์ทางอารยธรรมกับเมืองดงละครแล้ว จะอยู่ในช่วงรอยต่อที่คาบเกี่ยวกันระหว่างสมัยทวารวดีกับสมัยขอม และถูกเรียกว่า เมืองท่าแห่งลุ่มน้ำบางปะกง เหตุเพราะว่าเป็นเมืองที่รู้จักใช้เครื่องมือเหล็กและรู้จักวิธีการกักเก็บน้ำ ต่อมาสภาพสังคมและเศรษฐกิจมีความซับซ้อนขึ้นและขยายตัวจนเชื่อมสัมพันะไปยังเมืองท่าต่างๆ ในระแวกอ่าวไทย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทับหลังและกรอบประตู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>บริเวณภายในและภายนอกเมืองศรีมโหสถ มีโบราณสถาน เนินโบราณสถานเนินดิน บ่อน้ำ และสระน้ำต่าง ๆ กว่า 500 แห่ง กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ 3 หมู่บ้านด้วยกัน ได้แก่ บ้านสระมะเขือ บ้านโคกวัด และบ้านหนองสะแก แต่โชคไม่ดีที่คราวนี้ “ตะลอนเที่ยว” มาเจอกับพายุฝนกระหน่ำ จึงได้ชมความงามของโบราณสถานแห่งนี้ได้ไม่มากเท่าที่ควร การตามรอยเมืองศรีมโหสถนี้จึงจบลงที่ “สระแก้ว” เป็นสระโบราณ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขุดลงไปในพื้นศิลาแลงขนาดกว้าง 18 เมตร มีทางลง ที่ขอบสระด้านในมีการสลักศิลาแลงธรรมชาติเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้แก่ รูปช้าง รูปสิงห์ รูปมังกร รูปหมู และรูปกินรี

    คาดกันว่าน่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยทำพิธีภายในพลับพลาบริเวณที่เป็นแท่นยืนลงไปในสระ หรืออาจเป็นพิธีกรรมเนื่องด้วยความอุดมสมบูรณ์เพราะมีสัตว์รูปช้าง สิงห์ มกร และคชลักษมี ซึ่งล้วนแต่เป็นสัตว์มงคลและเป็นสัญลักษณ์ในสังคมเกษตรกรรมทั้งสิ้น


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทางเข้าปราสาทสด๊กก็อกธม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ลองสังเกตดีๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปัจจุบัน ถึงอย่างไรก็ตาม ยังถือว่ามาโดยไม่เสียเที่ยวเสียทีเดียว เราจึงย้ายสถานที่มายังแหล่งรวบรวมประวัติศาตร์หลังการขุดค้นอย่างที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี” ภายในจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุถูกขุดค้นได้จากแหล่งโบราณคดีต่างๆ ในภาคตะวันออก ที่สำคัญคือเมืองศรีมโหสถ ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นของพระวิษณุจตุรภุช ศิลปะทวารวดี หรือจะเป็นทับหลังเหนือกรอบประตูศิลปะแบบเขมร


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อีกมุมหนึ่งของปราสาท</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากนั้นเราเดินทางต่อมายังจังหวัดสระแก้ว เพื่อมาพบกับ “ปราสาทสด๊กก็อกธม” หรือ “สล๊อกก๊อกธม” ซึ่งยังไม่สามารถระบุที่มาของชื่อปราสาทได้อย่างแน่นอน โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อปี 2478 และได้มีการสำรวจและซ่อมแซมเพิ่มเติมต่อมา ความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของปราสาทแห่งนี้ถ้าเปรียบเทียบเทคโนโลยีในสมัยปัจจุบันยังนับว่ายากที่จะก่อสร้างในลักษณะนี้ได้ ทางเข้าปราสาทเองยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอยู่ แม้ว่าจะมีการตัดถนนเพื่อให่รถของนักท่องเที่ยวสัญจรได้อย่างสะดวกสบาย บางครั้งถนนคอนกรีตก็กลายเป็นทางเดินสำหรับวันควายของชาวบ้านไปโดยปริยาย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ถูกใจช่างภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เดินเข้ามาเราจะพบกับทางแยกไปสู่บารายหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เชื่อหรือไม่ว่า บารายของปราสาทแห่งนี้มีขนาดใหญ่เท่าๆ กับสนามหลวง แต่ปัจจุบันเป็นที่รกร้างขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงนำวัวควายมาเลี้ยงในบริเวณนี้ เดินต่อมาอีกแยกหนึ่งเราก็จะมาถึงตัวปราสาทซึ่งก่อสร้างด้วยหินและศิลาแลง เป็นศิลปะแบบคลัง -บาปวน โดยหลักของการสร้างปราสาทตามแบบขอมจะต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ ตัวปราสาทและบาราย ด้านนอกสุดของปราสาทเป็นกำแพงแก้ว ก่อสร้างด้วยศิลาแลง ตัวซุ้มประตูส่วนใหญ่จะสร้างสร้างด้วยหินทรายมีการสลักเป็นลวดลาย และด้านในสุดเป็นที่ตั้งของปราสาทประธาน แม้ในช่วงกลางวันแดดอาจจะร้อนไปบ้างสำหรับการมาเที่ยวชม แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ไม่หวั่น


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บางส่วนกำลังบูรณะ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในปราสาทนี้มีส่วนที่เป็นบานประตู และหน้าต่าง เป็นฉากในการถ่ายรูปได้เป็นอย่างดี เรียกว่า ต่างคนต่างจับจองช่องเล็กช่องน้อยถ่ายรูปกันยาวเหยียด และแม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่กำลังบูรณะซ่อมแซม แต่ก็ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาระหว่างประเทศอยู่บ้าง จำนวนนักท่องเที่ยวจึงดูบางตาลงไป ถ้าการบูรณะซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ ความยิ่งใหญ่อลังการของปราสาทสด๊กก็อกธม คงสามารถอวดโฉมดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปและผู้ที่หลงไหลในประวัติศาสตร์เข้ามาเรียนรู้พร้อมท่องเที่ยวได้ที่นี่


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทางขึ้นสู่ ปราสาทเขาน้อยสีชมพู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนโบราณสถานสุดท้ายที่ “ตะลอนเที่ยว” จะพาไปชมก็คือ “ปราสาทเขาน้อยสีชมพู“ อยู่ที่ ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ เป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ซึ่งคาดว่าได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู 2 ลัทธิ นั่นก็คือในช่วงแรกเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย ต่อมาเมื่ออารยธรรมขอมเข้ามาก็ได้เปลี่ยนมาสู่ศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีตัวปราสาททั้งหมด 3 องค์ เป็นทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมตั้งอยู่บนฐานบัว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปราสาทเขาน้อยสีชมพู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในการขุดค้นนั้นพบโบราณวัตถุหลายอย่าง เช่น ทับหลัง ประติมากรรมรูปบุคคล และตราประทับสำริดมีอักษรขอมจารึก โดยกรมศิลปากรได้จัดเก็บและสร้างทับหลังที่มีลักษณะเดิมมาตั้งไว้แทน เพื่อมิให้ถูกทำลายทั้งจากสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติและน้ำมือมนุษย์ ปัจจุบันศาสนสถานปราสาทเขาน้อยสีชมพูกลายมาเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวบ้านในระแวก


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ซากโครงกระดูกโบราณ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากร่องรอยเริ่มแรกสมัยทวารวดี สู่ช่วงที่คาบเกี่ยวกันเมื่ออารยธรรมแรกเริ่มเสื่อมถอย ก็จะมีอารยธรรมใหม่ๆ เข้ามาอย่างอารยธรรมขอม ทั้งนี้ในสมัยก่อนนั้นการรับอารยธรรมก็ไม่ต่างกับในสมัยนี้ พูดง่ายๆ ก็หมายความว่าเมื่อชาวบ้านเห็นว่าเพื่อนบ้านข้างเคียงมีสิ่งทำแล้วที่ดีกว่า สะดวกสบายกว่า ช่วยสร้างความเจริญให้กับชุมชนได้มากกว่า ก็จึงรับเอาอารยธรรมเหล่านั้นเข้ามา อาณาจักร์ทวารวดีจึงขยายอิทธิพลไปอย่างกว้างขวางได้อย่างไม่ยาก อย่างในเช่นปัจจุบันนั้นเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าโลกหมุนมาสู่ยุคทุนนิยม ซึ่งมีเงินเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ทั้งนี้เราก็ต้องอยู่กับทุนนิยมให้เป็น เพื่อมิให้เสียดุลยภาพทางสังคมไปเพราะเม็ดเงินด้วยเช่นกัน


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระนารายณ์ ศิลปะทวารวดี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้สนใจท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ นครนายก,ปราจีนบุรี,สระแก้ว และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆรวมถึง ที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครนายก โทร. 0-3731-2282, 0-3731-2284


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033771
    .



    .



    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    .
    เคล็ดลับอร่อย ทอดไก่ให้กรอบนอกนุ่มใน

    [​IMG]

    เริ่มต้นเราต้องนำเนื้อไก่ที่จะทำการทอดล้างแล้วนำมาผึ่งแดดไว้ จากนั้นตำกระเทียมพริกไทยเม็ดให้เข้ากันแล้วใส่เกลือลงไปนิดหน่อย นำไปหมักกับไก่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง จากนั้นเรียงใส่จานนำไปนึ่ง แนะนำว่าเวลานำลงนึ่งต้องให้น้ำเดือดก่อน นึ่งจนไก่พอสุกแล้วนำออกจากลังปล่อยให้ไก่เย็นตัวลงพร้อมทั้งผึ่งให้แห้ง

    ขั้นตอนต่อไปนำไก่คลุกกับแป้งสาลี (หรือจะใช้แป้งชุบทอด ที่ขายกันทั่วไปก็ได้) คลุกกับแป้งแห้งๆ จากนั้นชุบด้วยไข่ไก่ที่ตีเข้ากัน แล้วนำไปคลุกเกล็ดขนมปัง ต่อไปก็จัดการลงทอดในน้ำมันร้อนจัด ด้วยไฟปานกลาง พอเกล็ดขนมปังสุกเหลือง ค่อยช้อนขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน เท่านี้ก็จะได้ไก่ทอดกรอบนอกนุ่มในแล้ว

    ถ้าไม่ชอบ แบบชุบเกล็ดขนมปังทอด หลังจากนึ่งเสร็จรอจนไก่เย็นตัวลงแล้ว นำไปชุบกับแป้งทอดกรอบ เคล็ดลับสำคัญ อยู่ที่เวลาผสมแป้งกับน้ำ ให้ใช้น้ำเย็น ผสมให้แป้งข้นพอชุบติด จุ่มไก่ลงทอดในน้ำมันร้อนจัดเช่นกัน ก็จะได้ไก่ทอดกรอบ นอกนุ่มในอีกแบบหนึ่ง

    ง่ายๆแค่นี้อย่าลืมนำไปลองทำทานที่บ้านเพิ่มความอร่อยให้เมนูโปรดกันดู.



    [​IMG]

    .



    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > เคล็ดลับอร่อย ทอดไก่ให้กรอบนอกนุ่มใน
    .



    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    'แอพริคอต'ผสม'ส้ม' คู่หูต้านหวัด

    [​IMG]

    สภาพอากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงไว มีผลต่อสุขภาพของบางคนที่ปรับตามไม่ทัน ทำให้ระยะนี้หลายๆ คนป่วยด้วยโรคหวัดกันมาก 'มุมสุขภาพ-กินดี' อยากช่วยให้ผู้อ่านรักษ์สุขภาพรับมือกับความแปรปรวนของอากาศได้ด้วย เครื่องดื่มสุขภาพ 'น้ำแอพริคอตและน้ำส้ม' ให้ประโยชน์ช่วยคือ แก้โรคหวัด เสริมความแข็งแกร่งของภูมิต้านทาน แถมยังต้านอนุมูลอิสระได้อีก

    ขอบอกเล่าถึงสรรพคุณของ 'แอพริคอต' อันอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านความเสื่อมของเซลล์และเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังมีกรดมาลิก ช่วยทำความสะอาดลำไส้ เคล็ดลับเลือกแอพริคอต ควรใช้ผลสีเข้มๆ เพราะสารอาหารที่กล่าวไปจะอัดแน่นอยู่มาก

    ส่วน ‘ส้ม’ มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีน ไบโอฟลาโวนอยด์ สังกะสี โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส ดีต่อปอดและไต คุณประโยชน์ของส้มจะช่วยแก้หวัด แก้ไอ เป็นยาระบายอ่อน กระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังป้องเชื้อรา และเชื้อจุลินทรีย์

    ใครอยากดื่มน้ำผลไม้สูตรนี้ให้เตรียม...
    • แอพริคอต 2 ถ้วย
    • ส้ม 2 ผล
    • น้ำแร่หรือน้ำสะอาด 1 ถ้วย
    สำหรับขั้นตอนในการทำ ให้ล้างทำความสะอาดแอพริคอต แล้วผ่าครึ่งคว้านเมล็ดออก หั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนส้มให้แกะเป็นกลีบแต่ไม่ต้องเลาะเมล็ดออก จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสองชนิดสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสร็จแล้วเติมน้ำแร่หรือน้ำสะอาดเพื่อเจือจาง ดื่มได้ทันที หรืออยากเพิ่มความเย็นสดชื่นก็สามารถเติมน้ำแข็งได้.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com




    .

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > 'แอพริคอต'ผสม'ส้ม' คู่หูต้านหวัด

    .
     
  16. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618

    รูปในการถวายทั้ง2วัดผมได้ ส่งให้พี่หนุ่มทาง email เรียบร้อยแล้วครับผม
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พรุ่งนี้ พี่จะนำลงในกระทู้พระวังหน้าฯครับ

    แต่ขอปิดหน้าพระอาจารย์ ทั้งสองรูป และ หน้าน้องปฐม ครับ

    รูปน่าประทับใจมากจริงๆครับ

    โมทนาบุญกับคณะน้องปฐมด้วยครับ


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันศุกร์ แห่งชาติ ครับ



    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    .
    ข้อควรรู้เมื่อเกิดแผ่นดินไหว



    [​IMG]

    [​IMG] ก่อนการเกิดแผ่นดินไหว


    1. ควรมีไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉาย และกระเป๋ายาเตรียมไว้ในบ้าน และให้ทุกคนทราบว่าอยู่ที่ไหน
    2. ศึกษาการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
    3. ควรมีเครื่องมือดับเพลิงไว้ในบ้าน เช่น เครื่องดับเพลิง ถุงทราย เป็นต้น
    4. ควรทราบตำแหน่งของวาล์วปิดน้ำ วาล์วปิดก๊าซ สะพานไฟฟ้า สำหรับตัดกระแสไฟฟ้า
    5. อย่าวางสิ่งของหนักบนชั้น หรือหิ้งสูงๆ เมื่อแผ่นดินไหวอาจตกลงมาเป็นอันตรายได้
    6. ผูกเครื่องใช้หนักๆ ให้แน่นกับพื้นผนังบ้าน
    7. ควรมีการวางแผนเรื่องจุดนัดหมาย ในกรณีที่ต้องพลัดพรากจากกัน เพื่อมารวมกันอีกครั้งในภายหลัง
    8. สร้างอาคารบ้านเรือนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว

    [​IMG] ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว


    1. อย่าตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติอยู่อย่างสงบ ถ้าท่านอยู่ในบ้านก็ให้อยู่ในบ้าน ถ้าท่านอยู่นอกบ้านก็ให้อยู่นอกบ้าน เพราะส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเพราะวิ่งเข้าออกจากบ้าน

    2. ถ้าอยู่ในบ้านให้ยืนหรือหมอบอยู่ในส่วนของบ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรง ที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก และให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียง และหน้าต่าง

    3. หากอยู่ในอาคารสูงควรตั้งสติให้มั่น และรีบออกจากอาคารโดยเร็ว หนีให้ห่างจากสิ่งที่จะล้มทับได้

    4. ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า และสิ่งห้อยแขวนต่างๆ ที่ปลอดภัยภายนอกคือที่โล่งแจ้ง

    5. อย่าใช้ เทียน ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลวหรือประกายไฟ เพราะอาจมีแก๊สรั่วอยู่บริเวณนั้น

    6. ถ้าท่านกำลังขับรถให้หยุดรถและอยู่ภายในรถ จนกระทั่งการสั่นสะเทือนจะหยุด

    7. ห้ามใช้ลิฟท์โดยเด็ดขาดขณะเกิดแผ่นดินไหว

    8. หากอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง

    [​IMG] หลังเกิดแผ่นดินไหว


    1. ควรตรวจตัวเองและคนข้างเคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ให้ทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นก่อน

    2. ควรรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันที เพราะหากเกิดแผ่นดินไหวตามมาอาคารอาจพังทลายได้

    3. ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพราะอาจมีเศษแก้ว หรือวัสดุแหลมคมอื่นๆ และสิ่งหักพังแทง

    4. ตรวจสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ อย่าจุดไม้ขีดไฟ หรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว

    5. ตรวจสอบว่าแก๊สรั่วด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นให้เปิดประตูหน้าต่างทุกบาน

    6. ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาด และวัสดุสายไฟพาดถึง

    7. เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน อย่าใช้โทรศัพท์ นอกจากจำเป็นจริงๆ

    8. สำรวจดูความเสียหายของท่อส้วม และท่อน้ำทิ้งก่อนใช้

    9. อย่าเป็นไทยมุงหรือเข้าไปในเขตที่มีความเสียหายสูง หรืออาคารพัง

    10. อย่าแพร่ข่าวลือ


    ข้อมูลจาก
    กรมอุตุนิยมวิทยา

    ภาพประกอบจาก
    Stock science and specialist images and footage



    .


    http://hilight.kapook.com/view/23826



    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    .

    แผ่นดินไหวพม่า 6.8 ริกเตอร์ สั่นแรงถึงกทม.-พม่าดับแล้ว 10



    [​IMG]

    [​IMG]
    แผ่นดินไหวครั้งที่ 1


    [​IMG]
    แผ่นดินไหวครั้งที่ 1, 2 และ 3
    (กรอบสีฟ้าใหญ่สุดคือครั้งที่ 1 กรอบสีฟ้าอันเล็กคือครั้งที่ 2 และกรอบสีแดงคือครั้งล่าสุด)


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก earthquake.usgs.gov

    แผ่น ดินไหวพม่า 6.8 ริกเตอร์ เชียงใหม่-เชียงรายสั่นนานกว่า 5 นาที ชาวบ้านหวาดหวั่น แรงสั่นสะเทือนมาถึงกทม. ประชาชนหนีตายจากตึกสูงจ้าละหวั่น พร้อมมีอาฟเตอร์ช็อกแรง 4.8 และ 5.4 ริกเตอร์

    เกิดแผ่นดินไหวที่พม่าขนาด 6.8 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 20.55 น. ของวันที่ 24 มีนาคม 2554 โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่แขวงเมืองพยาค รัฐฉาน สาธารณรัฐสหภาพพม่า ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย อ.ปาย ส่งผลให้หลายจังหวัดในภาคเหนือ ทั้งเชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน รวมถึงเชียงใหม่ ในเขตอำเภอแม่ริม สันทราย สันกำแพง และอำเภอเมือง เป็นต้น ได้รับผลกระทบจากแรงสะเทือนดังกล่าว ทั้งของตกแตก-บ้านไหว หนีมาอยู่กลางถนน ด้านชาวกรุงเทพ ผู้อาศัยอยู่บนตึกสูงในหลายพื้นที่ ต่างระบุว่ารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้อย่างชัดเจน

    และเมื่อเวลา 21.23 น. ของวันที่ 24 มีนาคม 2554 ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกหนแรก ความแรง 4.8 ริกเตอร์ และในเวลา 22.54 น. ของวันที่ 24 มีนาคม 2554 ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกครั้งที่ 2 แรง 5.4 ริกเตอร์ ณ จุดเดิม ซึ่งส่งผลถึงกทม.เช่นกัน ประชาชนบนตึกสูงสามารถรู้สึกได้ถึงแผ่นดินไหว
    โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 รายที่จ.เชียงราย คือ นางหงส์ คำปิง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ม.10 ต. เวียงพางคำ อ.แม่สาย ที่โดนกำแพงล้มทับ ขณะหลบหนีออกมาจากบ้าน

    ล่า สุด เมื่อเวลา 00.21 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2554 มีรายงานเข้ามาว่า พบชาวพม่าดับแล้ว 10 ราย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว จากดินและอาคารพังถล่ม อันเนื่องมาจากอิทธิพลของแรงสั่นไหวในเมืองตาปิง จ.ท่าขี้เหล็ก ของพม่า ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉาน ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว

    ด้าน นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาดค่อนข้างรุนแรงที่ประเทศพม่า โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 56 ก.ม. โดยแรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ ในหลายจังหวัด ในเขตภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ในหลายอำเภอ, จ.เชียงราย, จ.อุตรดิตถ์ เป็นต้น ซึ่งประชาชนพากันแตกตื่นกันอย่างหนักในโรงพยาบาลบางแห่งได้อพยพคนไข้ออกจาก ตึกเพื่อความปลอดภัย ซึ่งแรงสั่นทะเทือนดังกล่าวรับรู้ถึงพื้นที่ในกรุงเทพมหานครด้วย โดยเฉพาะตึกสูงหลายแห่งย่านลาดพร้าวและรัชดารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่าง ชัดเจน และเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายแต่อย่างใด

    โดย ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนเรื่องแผ่นดินไหวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีศูนย์กลางที่ประเทศพม่า ขนาด 6.7 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 20.55 น. ที่ละติจูด : 20 ํ 52' 12'' เหนือ ลองจิจูด : 99 ํ 54' 36'' ตะวันออก ความลึกจากระดับผิวดิน 10 กิโลเมตร อยู่ห่างจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 56 กิโลเมตร, ห่างจากจังหวัดเชียงรายของประเทศไทย ประมาณ 89 กิโลเมตร และห่างจาก เชียงใหม่ 252 กิโลเมตร รู้สึกสั่นไหวได้หลายพื้นที่ของภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร

    ซึ่งขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว ในตัวอำเภอเมือง จ.ลำปาง ชาวบ้านทั่วทั้งจังหวัดลำปางกว่า 13 อำเภอ ต้องวิ่งหนีแตกตื่นออกมาจากบ้านอย่างโกลาหล ซึ่งแรงสั่นสะเทือนทำให้เปลเด็กในบ้านแกว่ง, กรอบรูปเคลื่อนไหวนานกว่า 20 วินาที อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางออกสำรวจความเสียหายในพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว

    ขณะที่จุดที่ใกล้ชายแดนพม่า เช่น ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงมาก เบื้องต้น ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความเสียหายแล้ว เนื่องจากมีบางพื้นที่ที่มีการสั่นรุนแรง จนทำให้ประชาชนต้องกอดเสาบ้านเพื่อความปลอดภัย ส่วนนักท่องเที่ยวและประชาชนที่อยู่ตึกสูงบางส่วนยังคงอยู่ด้านล่าง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก

    ส่วน ในกรุงเทพมหานคร ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อยู่ในตึกสูงต่างตกใจและวิ่งหนีกันลงมาอยู่ด้าน ล่างตึก เนื่องจากเตียงนอน, เสาไฟฟ้า และสิ่งของต่าง ๆ โยกไปมาอยู่เกือบ 10 วินาที ก่อนที่จะสงบลง

    ด้านนักวิชาการธรณีวิทยาเผยแรงสะเทือนในกรุงเทพฯ ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย เพราะในกรุงเทพฯ เป็นหินชั้นอ่อน ฐานรากอยู่ลึกกว่าดินอ่อน ที่ผิดปกติคือเกิดตื้นมากเพียงแค่ 10 กม.จากพื้นดิน

    ทั้ง นี้ มีนักวิชาการรายหนึ่งได้กล่าวเตือนว่า รอยเลื่อนสะแกง เป็นรอยเลื่อนในพม่า เป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง (ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้) และจะส่งผลกระทบกับรอยเลื่อนในบ้านเรา ด้าน อาจารย์เป็นหนึ่ง วานิชชัย ระบุว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อคเกิดถี่ในช่วง 1-2 วันนี้ ประมาณ 5 ริกเตอร์ แต่จะเป็นที่ตำแหน่งเดิม


    อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก คมชัดลึก , ไอ.เอ็น.เอ็น.

    [​IMG], [​IMG]

    .

     

แชร์หน้านี้

Loading...