ความหมายของ นิพพานที่แท้จริง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย อินทร์ธนู, 20 มีนาคม 2011.

  1. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2
    นิพพานที่แท้จริง


    นิพพาน คือ ความไม่มีปรากฎแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับนั้น....เป็นการดับสนิทไม่มีเหลือปราศจากอวิชชาตัณหาอุปาทาน....<O:p</O:p
    การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป....นั้น เป็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปแห่งอวิชชาทั้งปวง <O:p</O:p
    เมื่อจิตเราเป็นอิสระอย่างเด็ดขาดต่อเครื่องขัดข้องคืออวิชชาทั้งหลาย การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปก็ย่อมไม่มีโดยสภาพแห่งธรรมนั้นแล้ว และไม่มีแม้กระทั่งความสิ้นสุดของการทำหน้าที่ของความเกิดขึ้น และความแตกดับ......เพราะเนื้อหาแห่งพระนิพพานคือธรรมชาติล้วนๆ....เป็นสภาพมันเองอยู่อย่างนั้นแบบนั้น......

    <O:p</O:p
    เป็นความอิสระอย่างเด็ดขาด “โดยที่ไม่ต้องอาศัยอะไรกับอะไร....เพื่ออะไร”<O:p</O:p
    นิพพานเป็นการแสดงออกของสภาพธรรมอันเป็นธรรมชาติล้วนๆ......การแสดงออกนั้นเป็นการแสดงออกโดยตัวมันเองโดยโดยสภาพมันเอง......จึงไม่ควรให้มีความเห็นใดๆเข้าไปบัญญัติอีกว่านี่คือการแสดงออก.....นี่ คือ ตถตา



    นี่คือนิพพาน นี่คือธรรมอันเป็นธรรมชาติล้วนๆ.....การมีความเห็นเช่นนี้ทำให้ ธรรมชาติอันแท้จริงในเนื้อหาแห่งธรรมนั้นหายไป และการมีความเห็นเช่นนี้กลายเป็นอวิชชาเข้ามาแทนที่<O:p</O:p
    หากจิตเราปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้น......เมื่อจิตชนิดนี้ดับไปโดยตัวมันเอง.....นั่นแหละ.....ถึงจะเป็นการหลุดพ้นโดยแท้จริงโดยเนื้อหาของมันเอง.....เป็นสภาพมันล้วนๆอยู่อย่างนั้น
    <O:p</O:p
    ไม่ว่าในขณะใดทั้งหมด นิพพานย่อมไม่มีปรากฎการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง หรือแห่งการเกิดดับ ไม่มีแม้กระทั่งความสิ้นสุดของการทำหน้าที่ของความเกิดขึ้น และความแตกดับ. นิพพานเป็นการแสดงออกของ..........ความหยุดได้โดยสมบูรณ์ และความสิ้นสุดของความเปลี่ยนแปลง....แต่แม้ในขณะแห่งการแสดงออกนั้น ก็ไม่มี ความเห็น ว่าเป็นการแสดงออก ดังนั้นจึงถูกเรียกว่า ความเปรมปรีดิ์อันไม่รู้จักหมดสิ้น ซึ่งไม่ต้องมีตัวผู้เปรมปรีดิ์หรือผู้ไม่เปรมปรีดิ์ แต่อย่างใด”
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ข้อความที่ขีดเส้นใต้นี่สุดยอดเลยครับ แต่งงเรื่องนิพพานเป็นการแสดงออกของ
    สภาพอันเป็นธรรมชาติล้วนๆ คืออะไรก็ตามแต่ธรรมชาติของมันไม่เที่ยงไม่ใช่
    หรือครับ แต่นิพพานนั้นเที่ยงจะแสดงออกถึงสภาพตามธรรมชาติยังไงอะครับ
     
  3. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2

    ก็เมื่อจิตของเรายังบัญญัติว่า นิพพานนั่นเที่ยง ก็ยัง
    แสดงว่า ยังมีสิ่งใดเกิดขึ้นและสิ่งนั้นก็ดับไปตามธรรมชาติ นี่ก็ยังเป็นอัตตาตัวสุดท้ายที่ยังคงมีอยู่ครับ

    นิพพาน คือ ความหยุดโดยสมบูรณ์ (ว่าง) โดยตัวของมันเองอยู่แล้วครับ มันปรากฏตัวของมันเองอยู่แล้ว หรือเรียกว่า ตถตา


    เมื่อเราหยุดบัญญัติว่าอะไรเป็นอะไรเกิดขึ้นและดับไปโดยตัวมันเองแล้ว นิพพานก็ปรากฏอยู่แล้ว





    การที่มีเราเข้าไป จับฉวย หรือ ยึดมั่นถือมัน ในสภาวะใด้ก็ตาม ก็เป็นการบังนิพพานเสียสิ้น จงใช้ปัญญา
    (ความเข้าใจในธรรมชาติ)พิจารณาธรรมชาติแล้วปล่อยจิตให้มุ่งไปสู่เส้นทางธรรมชาติล้วนๆ
    นิพพานย่อมบังเกิด


    ถ้ายังมีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามได้นะครับ ผมพร้อมที่จะแนะนำเสมอครับ
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ก็มีนะครับคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันพวก นิพพานเป็นอนัตตาหรือเปล่า
    หรือนิพพานเป็นอัตตา หรือนิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาและอนัตตาครับ อนุโมทนา
     
  5. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    นิพพานไม่ใช่ภาษาพูด

    นิพพานไม่ใช่ภาษาเขียน

    นิพพาน คือ การปฎิบัติตามมรรคมีองค์ ๘
     
  6. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2

    นิพพานเป็นทั้ง อนัตตาและ ตถตา ครับ
     
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ตถตา คือเป็นเช่นนั้นเองใช่ไหมครับ อย่างตถาคตนี่แปลว่าผู้ที่เป็นอยู่ด้วยความ
    เป็นเช่นนั้นเอง แต่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเช่นนั้นเองเท่าไหร่ครับ
     
  8. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2


    การปล่อยวางไปสู่ธรรมชาติแห่งธรรมก็เท่ากับมรรคมีองค์8โดยตัวมันเองอยู่แล้ว บริบูรณ์อยู่แล้วโดยตัวมันเอง โดยไม่มีเราเข้าไป จับฉวย หรือ ปฏิบัติอะไร
    นิพพาน ก็ บังเกิดโดยตัวมันเองอยุ่แล้วครับ
     
  9. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2
    พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เรื่อง อริยะสัจ4 คือ หนทางแห่งการพ้นทุกข์ คือ วิธีปล่อยวางไปสู้ธรรมชาติแห่งความว่าง


    ความว่าง หรือ นิพพานที่ปรากฏอยู่แล้วโดยไม่มีความเป็นเราเข้าไปทำหรือคิดแทนมัน


    นี่แหละถึงได้เรียกว่า ตถตา



    เมื่อกาลก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็ ตรัสรู้เรื่องนี้และเรื่องเดียว คือ ธรรมชาติแห่งความว่าง คร้บ
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เมื่อถึงนิพพาน อะไรทำให้รู้ว่านี่คือนิพานครับ
    เอาอะไรมาการันตรี
     
  11. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    สาธุ ท่านเจ้าของกระทู้อธิบายได้ชัดเจนและกระชับดี แต่น่าจะโพสผิดห้องนะครับเพราะห้องนี้ชื่อห้อง พระพุทธศาสนา สำหรับผู้เริ่มต้น เหมือนเอาปริญญานิพนธ์มา่สอนเด็กอนุบาล เดี๋ยวเด็กจะพากันไปนิพพานหมดเลยเลิกเรียนหนังสือเพราะคิดว่าจบด็อกเตอร์แล้ว
     
  12. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2


    ขอบคุณครับ แต่ผมคิดแบบนี้ครับ การสอนเด็กที่เพิ่งหัดเดินนี่นะครับ มันง่ายกว่าสอนผู้ที่เดินเก่งแล้วแต่เดินผิดท่าผิดทาง เดินไปแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง สู้สอนให้รู้ก่อนเลยว่าจุดหมายเป็นยังไงเลยทีนี้ก็การที่จะสอยทางที่ข้ามมาแล้วก็ง่ายเพราะรู้อยู่แล้วว่าจุดหมายเป็นยังไง


    ธรรมะไม่มีจุดเริ่มและจุดจบ
     
  13. อินทร์ธนู

    อินทร์ธนู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +2

    เมื่อจิตเราเข้าใจอย่างถ้วนทั่วแล้วว่าธรรมชาติแห่งความว่าง เป็นอย่างไร แล้วก็ปล่อยให้เป็นอยุ่เช่นนั่น ไม่เข้าไปบัญญัติว่านี่คือนิพพานเราบรรลุนิพพานแล้ว จงปล่อยให้ความว่างปรากฏอยู่เช่นนั้นภายในจิตเรา
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ในชีวิตประจำวันเราก็พบความว่างแซกอยู่เป็นขณะ อย่างนั้นคือ ว่างหรือ
    ทำสมาธิจนถึงจุดหนึ่ง ย่อมปรากฎความสงบ อย่างนั้นคือ ว่างหรือ

    ทำสมาธิจนเข้าสู่จุดดับ ว่างจากนิวรณ์ อย่างนั้นคือ ว่างหรือ

    เจริญปัญญาจนสู่จิตผ่องใส อย่างนั้นคือว่างหรือ

    ความว่าง ในคุณพระนิพพานเป็นอย่างไรหนอ
     
  15. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    คือ เพิ่งจะมาสนใจศาสนาพุทธได้ไม่นาน อยากทราบว่า นิพาน หมายถึง การศูนย์สลายหายไปของวิญญาณใช่หรือเปล่าคะ? เหมือนกับเวลาที่เราโดนหมอวางยาสลบและเราไร้ความรู้สึก? หรือว่า นิพานหมายถึง ยังมีวิญญาณอยู่แต่อยู่ในสภาวะว่าง....จิตอยู่ในสภาวะที่รู้ว่ามีความสุขและไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือ ความรู้อื่นๆใดเข้ามาแทรกได้อีก?
     
  16. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    สาธุ ท่านเจ้าของกระทู้เรื่องที่จะแนะนำสั่งสอนแม้พระพุทธองค์ยังทรงแบ่งบัวเป็น 4 เหล่า พุทธกิจยังทรงแบ่งเวลาเทศนาโปรดมนุษย์หรือเทวดาออกจากกัน ด้วยการแบ่งธรรมที่จะทรงแสดงเป็นลำดับ ส่วนเรื่องที่ว่าการสอนแสดงจุดหมายปลายทางให้กับคนที่ยังไม่ออกเดินทางหรือเพิ่งจะเริ่มเดินทางนั้นกลับจะยิ่งทำให้เกิดอุปาทานง่าย ขนาดผู้ปฏิบัติมาจนตลอดชีวิตยังอาจจะะหลงว่าตนเองสำเร็จแล้วจะไปนิพพานยังมีมากมาย สิ่งเหล่านี้อยู่ที่การฝึกจิต เอากิเลสออก แต่ความอยากที่จะไปนิพพานก็เป็นการเอากิเลสเข้ามาเช่นกัน

    ปล.เป็นความคิดเห็นที่แสดงเพื่อแลกเปลี่ยนกับท่านเจ้าของกระทู้มิได้จะขัดแย้งหรืออวดรู้แต่ประการใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  17. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สำหรับพระพุทธศาสนานั้นการมองวิญญาณไม่ได้มองว่ามันเป็นอมตะ
    แต่มองว่าเป็นความต่อเนื่อง เหมือนกับเราจุดเทียนตอนกลางคืนแล้ว
    ตอนเช้าเรามาดับมัน ถามว่าเป็นเปลวไฟอันเดียวกันหรือเปล่า ความ
    จริงมันเป็นคนละอันกัน เปลวไฟอันเก่ามันกลายเป็นควัน อันใหม่เข้า
    มาแทนอย่างรวดเร็ว คือมันเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วน เร็วจนเรามองไม่ทัน
    เหมือนกับว่ามันเป็นอันเดิมอยู่ ดังนั้นเราจะบอกว่าวิญญาณเป็นอมตะ
    ไม่ได้ แต่มันเป็นเกิด-ดับ ส่วนนิพพานมันก็เหมือนกับการหมดเชื้อไฟ
    เมื่อเทียนดับแล้วเปลวไฟมันก็ไม่ได้ไปไหนเลย ความจริงแล้วเปลวไฟ
    เกิดจากเชื้อไฟมันทำให้อากาศเปล่งแสงออกมา เมื่อหมดเชื้อไฟแล้ว
    อากาศก็กลับเป็นไม่มีแสงเหมือนเดิม ดังนั้นจะบอกว่ามันสูญสลายก็
    ไม่ได้เพราะมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนเรื่องมันเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า
    ไม่แน่ใจเพราะหลายๆ คนบอกว่านิพพานเที่ยงก็ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน
     
  18. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    ให้กำลังใจ
    คุณอินทร์ธนู
    ในการทำหน้าที่
    ที่พระอาจารย์มอบหมายให้ทำตราบชั่วนิจนิรันดร์




    ..................................................












    เรือจ้าง<O:p</O:p
    ปลาบปลื้มใจ.....ที่เห็นลูกศิษย์ทุกคน<O:p</O:p
    เหยียบหัวเรือก้าวขึ้นฝั่ง.....ได้อย่างปลอดภัย <O:p</O:p
    “ พวกเขาเก่งนะ เก่งมากๆ ”“ คนเหล่านี้มีบุญบารมีมากๆ ”<O:p</O:p
    นั่นคือความรำพึง....ในใจ ของนายเรือจ้างคนนี้ <O:p</O:p
    รำพึงทุกครั้ง......ที่ลูกศิษย์ทุกคนทำได้สำเร็จ.<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    และ......ยังห่วงอีกหลายๆคน<O:p</O:p
    ทั้งคนที่ใกล้ชิด ทั้งคนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปที่ยังมีความประมาทในชีวิตของตนอยู่<O:p</O:p
    เป็นงานที่ต้องช่วยกันตามเก็บ........แบบ ห้ามถอดใจ ห้ามท้อแท้และห้ามเหนื่อย.<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คนที่ผ่านแล้ว ก็ควรศึกษาเพิ่มเติมในเรื่อง “ ศิลปะ......ในการบอกธรรม ”<O:p</O:p
    คนที่ไม่ผ่าน ก็ควรศึกษาเพิ่มเติมและปล่อยวาง เพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน.<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เราลงมาเกิดชาตินี้ เพื่อทำหน้าที่.....และเราก็ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้แล้ว<O:p</O:p
    อยากให้ลูกศิษย์ทุกคนดำเนินรอยตามเรา ทุกย่างก้าว<O:p</O:p
    ย่างก้าวแห่งความเป็นเรือจ้าง ที่ต้องขนอีกหลายดวงจิตขึ้นฝั่ง..........<O:p</O:p
    อย่าทิ้งหน้าที่ของตัวเอง.....หน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือคนอื่น “ ตลอดไป “<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    สักกะ.


    ...............................................................................................................................................................



    [​IMG]
     
  19. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    อนุโมทนา
    นิพพาน ก็คือนิพพาน ไม่มีเที่ยง ไม่เที่ยงแล้ว

    เที่ยง ไม่เที่ยง อัตตา ไม่อัตตา ไม่มีแล้ว ไม่กล่าวแล้ว

    พุทธศาสนา สอนสืบสาวผลเข้าหาเหตุ เป็นเรื่องรู้ภายใน มิใช่ออกนอก

    มีทุกข์ ต้องมีเหตุเกิด มีมรรค ต้องมีผล
    หากสังเกตุให้ดี ทุกขั้นตอนเป็นสภาวะหนึ่งสู่สภาวะหนึ่ง

    ทันที่ที่หาเหตุเจอ มันก้เป็นผลของอีกเหตุหนึ่งในตัว
    เหมือนวงกลม ที่เป็นจุดอนันต ไม่มีจุดจบ
    สายปฏิจจสมุปบาทก็เช่นกัน หากไม่รู้วิชา มันก็มีเหตุเกิดอยู่ร่ำไป

    การณุ้เหตุทุกข์ แล้วสาวไปเรื่อยๆ ดับๆปเรื่อยๆ จนเป็นมรรค สู่ผล

    หากถามว่า นิพพานเป็นสภาวะไหม เป็นผลของมรรคไหม
    ถ้าอย่างนั้น นิพพานก็เป็นเหตุได้เช่นกันหรือไม่

    ตอบว่า นิพพานเปรียบสภาวะก็ได้ เพราะเรารู้ว่านี่คือนิพพาน
    เพียงนิพพานพ้นเหตุเกิดแล้ว กิเลสนิโรธแล้ว

    พระอริยะว่า จิตท่านไม่เกิดไม่ดับ อยู่ไปตามที่ขันธ์อำนวย
    ความหมายนี้ หากเข้าปรินิพาน คือหมดขันธ์ ก็หมดเชื้อหมดชาติ ไม่มีอะไรต่อไป นั่นแหละนิพาน

    ในทางอภิธรรม ท่านว่าเหตุเกิดมี จุติจิต ปฏิสนธิจิต ไปตามกรรม
    แต่นิพพาน ปิดหมด ไม่มีเหตุเกิด

    ตัวหนังสือแดง เป็นความคิดแบบตรรกะ เพราะพระอรหัตถ์ที่ปรินิพานไม่เคยปรากฏว่าอยู่เป็นเมืองแก้ว ในพระไตรปิฏกที่ตรงที่สุดใช้ยึดได้ ยังไม่พบว่าพิพานเป็นแดนเป็นเมือง
     
  20. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    นิพพานไม่ใช่แดนไม่ใช่เมื่องอยู่แล้วครับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าที่เป็นแดน
    เป็นเมืองไม่มีนี่ครับ อย่างสวรรค์นั้นเนื้อแท้แล้วเป็นประสบการณ์ ไม่ใช่สถานที่
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานที่แบบมีวิมาณทอง อะไรพวกนี้จะไม่มี แต่จะ
    บอกว่าสถานที่นั้นเป็นสวรรค์โดยเนื้อแท้ไม่ได้ เพราะคนที่มีความเป็นอยู่สุข
    สบายแต่ทุกข์ใจก็มี อย่างเทวดานี่ถ้าโกรธตกสวรรค์เลย สวรรค์โดยเนื้อแท้แล้ว
    เป็นประสบการณ์ภายในมันก็มีได้ในปัจจุบัน แต่นิพพานนี้ผมไม่รู้เรื่องเลยยังไม่
    อยากด่วนสรุปว่าวิมาณไม่มี
     

แชร์หน้านี้

Loading...