ปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เมเฆนทร์, 25 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ท่าทางทำสมาธิจริงจังน่าดู
    แล้วไม่เป็นอวิชชาซ้อนเหรอ คือสงสัยจริงๆ นะคะ
    ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่น
     
  2. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -กำลังคุยกันคนละตอน นิพพานหมายถึงการจบการปฎิบัติ แต่ว่าที่คุยๆกัน ว่าจะปฎิบัติอย่างไร คนละตอนกัน นะครับ
    -การ Post ขอแบบแลกเปลี่ยน แต่อย่าสบประมาท ปรามาทกัน เพราะเข้าข่าย สบประมาท ปรามาส ผู้ปฎิบัติธรรม (องค์คุณองค์ธรรมครูบาอาจารย์ อย่าวิจัย วิจารณ์ บารมีสะสมมาต่างกัน จึงมีการแสดงออกที่ต่างกัน)จะทำให้บังนิพพาน บังธรรมที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป ทำให้ธรรมไม่ทะลุทะลวง ติดขัด ข้อง คา แช่ แป๊ค
    -จะไขข้อข้องไจ ขอแบบ "ขอขมาขอความกระจ่างในธรรมข้อ....." เป็นการนอบน้อมแล้วกลับมาวิเคราะอย่าวิจัยตรงนั้นเดี๋ยวไม่ไหลลื่น
    -การว่ากล่าวกัน เน็บแนมกัน จาบจ้วงสถาบันกัน ไม่น่าจะอยู่ในวิสัยผู้เดินทางธรรม
    -แก้ตัวว่านำให้เป็นลัทธิ มาจะพาไปดูวัดที่ ผมได้ร่วมปัจจัยสร้าง อะไรบ้าง สร้างโบสถ์กับคณะลูกศิษย์ และวันที่ 6เมษา 54 นี้ก็จะถวายพระอีก 7 องค์(สมเด็จโต หลวงปู่ทวด หลวงปู่มั่น หลวงปู่คง พระแก้วมรกต พระพุทธยอดฟ้า)พร้อมคณะ ที่สระแก้ และเคยไปเริ่มก่อฐานเจดีย์บรรจุพระธาตุพระพุทธเจ้า อีกที่สกลนคร ไปกราบนมัสการที่ 4 สังเวฯ มีนาคม ปีที่แล้ว ไม่ได้อวดนะ(กลัวมิจฉาจะเน็บแนมเลยต้องออกตัวก่อน)คับ หมายถึงว่าจะพิสูจน์ว่าผมก็คือชาวพุทธ ที่เดินทางธรรมแล้วก็สร้างด้วย บอกบุญด้วย มิได้รู้ตำรามากมาย
    สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2011
  3. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53


    .......................................................................

    จะเป็นอวิชชาซ้อนหรือไม่
    ต้องไปถามคนที่กล่าวข้อความนี้ไว้เองครับ
    อรหันตะเว่ยหล่าง.....เป็นคนกล่าวข้อความนี้ครับ



    ท่านกล่าวว่า

    การบำเพ็ญ “สมาธิที่ถูกวิธี” นั้น
    ได้แก่ การทำเป็นระเบียบตายตัว
    เพื่อให้เราเป็นคนตรงแน่วในทุกโอกาส
    ไม่ว่าคราวยืน นั่ง หรือนอน

    ...<O:p</O:p

    การนั่ง เพื่อการกัมมัฏฐานภาวนา?
    การนั่ง หมายถึง<O:p</O:p
    การได้รับอิสรภาพอันเด็ดขาด
    และ
    มีจิตสงบได้ในทุกๆกรณีที่แวดล้อมเข้ามาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข้างดี หรือเป็นอย่างใดมา

    การกัมมัฏฐานภาวนานั้น หมายถึงการเห็นชัดแจ้งในภายใน ต่อ “ความแน่วไม่หวั่นไหว” ของจิตเดิมแท้.<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->






    .................................................


    ต้องไปถามท่านเอาเอง
    ว่า
    ท่านทำไมถึงกล่าวเช่นนี้




    คุณปุณฑ์
    คงเก่งกว่าท่านสินะ
     
  4. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    พระอัลเลาะห์ นี่ใช่พระเจ้าหรือเปล่า
    โลกอุดร คือ ภาคหนึ่งของอัลเลาะห์

    คุณเป็นลูกศิษย์โลกอุดร
    คุณมีอภิญญา อะไรบ้าง เล่าให้ฟังได้ไหม[/QUOTE]




    .............................................................................


    คุณเอง
    ก็ยังอ่อนด้อยเรื่องกรรมวิสัย
    เกมส์ข้างบนรุนแรงกว่าที่คุณคิด



    มีเทวา..........หลายกลุ่ม
    หมายมั่นปั้นมือ
    ว่าจะมีจะเป็นอะไรต่ออะไรในยุคนี้

    เทวาหลายกลุ่มนี้
    เริ่มปรากฎตัวแสดงตัวมากว่า 5000 ปีแล้ว
    เริ่มแสดงตัว มาก่อนที่พระพุทธองค์จะลงมาจุติประกาศธรรมเสียอีก


    แต่แล้ว
    ชาวดาวดึงส์ก็อาราธนา สันตดุสิตบรมมหาโพธิสัตว์ลงมาตรัสรู้ เมื่อกาลเวลา ล่วงมา 2500 ปีนี้เอง


    เมื่อ
    ตรัสรู้แล้ว
    ก็เกิดการไม่ยอมรับ
    ในเทวาหลายกลุ่ม
    ว่า.....ท่านลงมาตรัสรู้ในกาลไม่เหมาะสม


    แต่ในฝ่ายดาวดึงส์
    และในฝ่ายของสันตดุสิตบรมมหาโพธิสัตว์
    ต่างรู้ดีว่า.....เป็นกรรมพิสดาร
    ของพระพุทธองค์เอง.....ที่ต้องลงมา
    จุติเพื่อประกาศธรรม
    แบบเส้นยาแดงผ่าแปด


    เมื่อ
    ไม่ได้อย่างหนึ่งก็ต้องเอาอย่างหนึ่งครับ
    พวกที่อกหักในยุคนี้


    ใครได้ใครเสีย
    ผมไม่ขอพูดนะครับ
    เพราะเป็นเรื่องกรรมวิสัย



    โลกอุดร
    ไม่ใช่อัลเลาะห์ครับ


    แต่อัลเลาะห์เคยใช้ชื่อของโลกอุดร
    ใช้ชื่อเอามาเล่นให้เสียน่ะครับ
    เสียรูปทรง




    ความมีความเป็น
    ในอภิญญา...........ไม่มีหรอกครับ
    ผู้ที่เข้าถึงธรรมชาติ
    มีแต่ความว่างเปล่าจากความหมายแห่งความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนอยู่อย่างนั้น
    ในความว่างไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะ เกิดขึ้น
    หรือ ดับไป หรอกนะครับ




     
  5. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    พระพุทธองค์ตรัสไว้ครับว่า
    เมื่อจิตปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้น
    ก็ให้รู้ชัดว่าจิตที่ปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้นนั้น มันก็มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา





    ไม่เคยได้ยินนะแบบนี้ เคยเห็นแต่แบบล่างค่ะ
    เพราะการจะพิจารณาว่า จิตหลุดพ้นนั้น ต้องออกมาจากสภาวะนิพพาน และพิจารณาธรรมที่เข้าไปพบมา
    เมื่อจิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้น เมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตยังไม่หลุดพ้น

    [๔๔๗] ก็ภิกษุ พิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในและภายนอกเนืองๆ อยู่ เป็นอย่างไร
    ภิกษุในศาสนานี้ เมื่อจิตมีราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีราคะ เมื่อจิตปราศจากราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากราคะ
    เมื่อจิตมีโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีโทสะ เมื่อจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโทสะ
    เมื่อจิตมีโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีโมหะ เมื่อจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโมหะ
    เมื่อจิตหดหู่ ก็รู้ชัดว่า จิตหดหู่ เมื่อจิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ชัดว่า จิตฟุ้งซ่าน
    เมื่อจิตเป็นมหัคคตะ ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นมหัคคตะ เมื่อจิตไม่เป็นมหัคคตะ ก็รู้ชัดว่า จิตไม่เป็นมหัคคตะ
    เมื่อจิตเป็นสอุตตระ ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นสอุตตระ เมื่อจิตเป็นอนุตตระ ก็ รู้ชัดว่า จิตเป็นอนุตตระ
    เมื่อจิตตั้งมั่น ก็รู้ชัดว่า จิตตั้งมั่น เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ก็รู้ชัดว่า จิตไม่ตั้งมั่น
    เมื่อจิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้น เมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตยังไม่หลุดพ้น
    ด้วยอาการอย่างนี้ ภิกษุ ชื่อว่าพิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในและภาย นอกเนืองๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัส เสียได้ในโลก



    ........................................................................................



    สัจจธรรมจริงๆแล้ว
    ทุกอนูธรรมธาตุ
    ไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวเป็นตนเลย
    คงไว้ซึ่งแต่ธรรมชาติแห่งความไม่มีตัวตน
    อนัตตาถ้วนทั่วอยู่อย่างนั้น
    นี่คือธรรมชาติ



    แต่เมื่อ
    อวิชชาพาหลงยึด
    จนเกิดตัวตนขึ้นมา


    ตถาคตก็ตรัสว่า
    สิ่งนั้น.....แท้จริงในธรรมชาติย่อมไม่มี
    หากยึดว่ามีสิ่งนั้น
    สิ่งนั้นย่อมไม่เที่ยง
    แปรปรวนไปเป็นธรรมดา.....



    คำว่า
    ก็รู้ชัด
    หมายถึง
    สัมมาสติหรือสติตามธรรมชาติ
    ที่รู้ว่า
    สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่หลงเข้าไปยึดนั้น
    แท้จริงตามธรรมชาติย่อมไม่มี
    และสิ่งหนึ่งนั้นย่อมดับไปแปรปรวนไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว


    เป็นสัมมาสติ
    ที่ประกอบไปด้วย
    ธรรมตัวอื่นๆในมรรคาแห่งความหลุดพ้น
    เช่นสัมมาสมาธิและปัญญา.......


    แล้วคุณแปล
    ก็รู้ชัด
    อย่างไรเล่า



    ครูบาอาจารย์ผมน่ะ
    แปลความหมาย
    ออกมาตรงต่อสัจจธรรม
    แล้วครับ














     
  6. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
  7. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    อย่างนั้น คุณก็ยืนยันนะ ว่าท่านเว่ยหล่างพูดดังนี้
    ส่วนที่คุณเคยกล่าวมามากมาย
    ว่าการเจริญ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นอวิชชาซ้อน
    ก็ไม่เกี่ยวกับท่านเว่ยหล่างใช่ไหม??
    ข้างล่างนี้ ยกมาพอประมาณ
    แต่ในกระทู้นี้ พูดเรื่องนี้ไว้มาก


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2011
  8. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    พวกดาวดึงส์
    อาราธนาพระสันตดุสิตบรมมหาโพธิสัตว์มาตรัสรู้ที่ดาวดึงส์หรือ
    แล้วพวกเทวดาหลายกลุ่มไม่ยอมรับท่าน ว่าตรัสรู้ในกาลไม่เหมาะสม
    หรือว่า พระสันตดุสิต คือพระพุทธเจ้าของเราในกาลปัจจุบัน
    แล้วเหล่าเทวดาหลายกลุ่มไม่ยอมรับพระองค์ท่าน
    การอุบัติของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม ที่ไม่เหมาะสมก็คือพวกที่คิดเอง
    ขนาดพวกของพระพุทธเจ้าและพวกดาวดึงส์ ก็ยังรู้อีกว่าเป็นเพราะกรรมพิศดารยาแดงผ่าแปดของพระองค์ ..แล้วอาราธนาพระองค์มาทำไม ตั ว เ อ ง ?????? งงไหมนี่

    พระอัลเลาะห์เอาชื่อโลกอุดร มาเล่นให้เสียรูปทรง
    (อัลเลาะห์นี่พระเจ้าหรือเปล่า)

    เราถามคุณว่าเป็นศิษย์โลกอุดรมีอภิญญาไหม
    คุณว่า ผู้เข้าถึงความว่าง ความมีความเป็นในอภิญญาไม่มี
    คุณจะว่าคุณเป็นผู้เข้าถึงความว่างหรือ
    คุณไม่ปรุงแต่งแล้วหรือ หยุดสร้างภพแล้วหรือ
    (แต่ไม่ถามดีกว่า เพราะกลัวจะยิ่งไม่รู้จบ)

    กรรมวิสัยของพวกคุณ เราคงอ่อนด้อยจริงๆ
    ยิ่งถามก็ยิ่งงงด้วย ไม่ถามดีกว่าเนอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2011
  9. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    เมื่อจิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้น
    เมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตยังไม่หลุดพ้น
    เรายก พระสูตรอย่างที่เคยเห็นมาค่ะ ว่าเป็นดังนี้
    โดยอธิบายเพิ่มว่าเพราะในสภาวะนิพพานคิดไม่ได้ คิดได้หลังจากนั้น
    (ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้(คิดได้)ไม่จริง)


    พระพุทธองค์ตรัสไว้ครับว่า
    เมื่อจิตปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้น
    ก็ให้รู้ชัดว่า จิตที่ปรุงแต่งว่าจิตหลุดพ้น มันก็มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
    อย่างที่คุณโพสต์ ไม่เคยเห็น ลองยกมาให้ดูเต็มๆ ได้ไหม หากเป็นพุทธพจน์


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2011
  10. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    -ธรรม ไม่มีอะไร ถ้ามีอะไรก็ตัญหา
    -ธรรม ว่าง อย่างเดียว
    -ทุกเส้นทุกสาย ทุกเส้นทาง ต้องประมวลลงสู่ สุญญตา วิหารธรรม
    -ผู้นำพาให้ติดขัด ข้อง คา หลง วน ก็รับผลที่ได้กระทำไปทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ต่อกัลป์ต่อกัปป์ฺ ไปจนว่าจะได้พบพุทธอรหันต์ชี้แนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  11. lnwมาs

    lnwมาs สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    55555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    55555555555555555555555555555555555
    5555555555555555555555555555555555
    555555555555555555555555555555555
     
  12. lnwมาs

    lnwมาs สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +1
    ตกลงจะมีอะไรหรือไม่มีอะไร เอาสักอย่าง ทำไปทำมาล่อฤทธิ์เข้าซะแล้ว
    จะออกแขกหรือจะเล่นงิ้วเอาสักอย่าง 5555555555555555555
     
  13. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    ธรรมที่ลงไว้
    ค่อนข้างมีหลักเกณฑ์ที่สมบูรณ์
    ขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้อ่าน



    การที่เห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เที่ยงดับไปเอง
    เป็นการเจริญ สติ สมาธิ ปัญญา ไปในตัว

    ไม่ใช่เป็นการใช้จิตปรุงแต่ง เข้ามาทำทีละอย่างๆ
    แบบเป็นขั้นเป็นตอน



    ธรรมอันหลุดพ้น
    เป็นธรรมสมังคีแล้วครับ
    มันสมังคีด้วยความที่เข้าใจในธรรม
    แล้วปล่อยให้ทำนั้นไปสู่ระบบธรรมชาติของมัน


    แต่ที่คุณค้านเข้ามา
    ของพวกคุณมันเริ่มจากการฝึกทีละตัว
    มันไม่ผิดหรอกครับ
    แต่มันยังเป็นธรรมของ กัลยาณชน
    ไม่ใชอริยชน


    ธรรมอันสมังคี
    เป็นธรรมบนเส้นทางหลุดพ้นแท้จริงแล้วครับ





    ขี้เกียจอธิบายแล้ว
    เอาเป็นว่า
    คุณไปทำกิจของคุณให้จบดีกว่า


    เรื่องนิพพาน
    คุณยังมาโพสต์แบบเดาในความน่าจะเป็นของคุณเลย



    ผมนำเสนอในส่วนที่ผู้ที่เข้ามาอ่านด้วยความสนใจ
    ในวิถีธรรมชาติแห่งธรรมเท่านั้นครับ



    คุณเข้ามาค้านด้วยเหตุผลที่ว่า
    เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
    แล้วถ้าแนวทางธรรมชาติเป็นแนวทางที่ถูกต้องล่ะ
    คุณเองจะอยู่ในฐานะใหนดี


    คุณเองนั่นแหละ
    ที่ทำลายพระพุทธศาสนาซะเอง



    ก็รู้ชัดในสติปัฏฐาน
    คุณยังแปลไม่ออกแปลไม่ตรงเลย



    ตัวเอง
    กิจยังไม่จบเลย

    กระทู้นี้เป็นธรรมปรมัถต์
    แต่คุณใช้ความรู้ของคุณที่ยังกระพร่องกระแพร่ง
    ผมว่า....ผู่ที่เค้าอ่านด้วยความสนใจ
    เขาคงพิจารณาออก





    ก็นะ
    แค่นั้นแหละ
    ส่วนเรื่องอภิญญา
    คุณเองน่าจะประมาณว่า ยังไม่เคยได้ลิ้มลอง
    แต่คุณก็ตำหนิเข้ามา



    พระอรหันต์ผู้หลุดพ้น
    ท่านกินข้าวได้ฉันท์ใด
    ท่านกินข้าวได้ด้วยความที่จิตดับสนิทไม่มีเหลือ
    ท่านก็ใช้จิตอันประกอบไปด้วยอภิญญา
    แบบคล่องแคล่วไม่มีติดขัด ฉันท์นั้น






     
  14. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    ศิษย์ของเว่ยหลาง
    ก็ล้วนเป็นผู้ที่มืดบอดทั้งสิ้น
    ที่เข้ามาศึกษาธรรมกับท่าน
    แต่ท่านก็มีความเมตตาที่จะสอนศิษย์
    ให้เรียนรู้ธรรมแบบตรงๆที่ตรงต่อสัจจธรรม




    ท่านกล่าวว่า

    การบำเพ็ญ “สมาธิที่ถูกวิธี” นั้น
    ได้แก่ การทำเป็นระเบียบตายตัว
    เพื่อให้เราเป็นคนตรงแน่วในทุกโอกาส
    ไม่ว่าคราวยืน นั่ง หรือนอน

    ...<O:p</O:p

    การนั่ง เพื่อการกัมมัฏฐานภาวนา?
    การนั่ง หมายถึง<O:p</O:p
    การได้รับอิสรภาพอันเด็ดขาด
    และ
    มีจิตสงบได้ในทุกๆกรณีที่แวดล้อมเข้ามาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข้างดี หรือเป็นอย่างใดมา

    การกัมมัฏฐานภาวนานั้น หมายถึงการเห็นชัดแจ้งในภายใน ต่อ “ความแน่วไม่หวั่นไหว” ของจิตเดิมแท้.<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->






    .................................................





    ธรรมที่ท่านสอนลูกศิษย์
    มันเป็นธรรมที่สมังคีแล้วครับ
    ท่านไม่ได้ให้ลูกศิษย์เข้าไปทำธรรมทีละตัวๆ
    อย่างที่พวกคุณเข้าใจ


    ศิษย์ใหม่ศิษย์เก่าของท่าน
    ท่านก็สอนแต่ธรรมแบบนี้


    สอนแบบมิให้หลง



    ตรงแน่วในทุกโอกาส
    หมายถึง
    การที่คุณจะยืน นั่ง เดิน นอน
    จิตก็อยู่ในสภาพธรรมชาติแห่งความว่างอยู่ทุกขณะ



    การกัมมัฏฐานภาวนานั้น หมายถึงการเห็นชัดแจ้งในภายใน ต่อ “ความแน่วไม่หวั่นไหว” ของจิตเดิมแท้




    ลองศึกษาธรรมตามแนวธรรมชาติที่ครูเว่ยหล่างกล่าวไว้สิครับ


    ผมไม่เห็นด้วย
    ในการที่จะต้องฝึกแบบที่ละขั้นทีละตอน
    เพราะเคยหลงฝึกมาเป็นเวลานานมากแล้ว


    ส่วนใหญผู้ที่ศึกษาธรรมมาแบบขาดๆเกินๆ
    ก็จะลงมือปฏิบัติแบบนั้น


     
  15. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    กระทู้นี้
    ขอจบลงเพียงเท่านี้
    ไม่ขอตอบกระทู้แล้วนะครับ
    ธรรมที่ลงกระทู้ก็หลากหลายพอสมควรแล้ว
    ผู้ที่ค้านก็ค้านไป
    ผู้ที่ศึกษาด้วยความสนใจก็อ่านแล้วกรองเอาแต่ธรรม
    ที่เป็นประโยชน์


    ตาดีได้ ตาร้ายเสีย



    ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความสนใจในกระทู้นี้ครับ
    กระทู้ใหม่ที่จะโพสต์ต่อ
    คือ
    คำสอนของครูเว่ยหลางครับ
    ลองติดตามอ่านดูนะครับ




    THE END.
     
  16. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    การสมังคี ด้วยความเข้าใจในธรรม (ความคิด)
    มันต่างจากอริยมรรคสมังคีดับขันธ์ห้า (ดับความคิด ดับปฏิจจฯ)
    ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติทีละขั้นตอน อันนั้นมันส่วนจริต
    เพราะไม่ว่าจริตไหน ย่อมมีที่หมายอันเดียวกัน

    คุณสรุปว่าผู้อื่นไม่ทราบอภิญญา ทั้งยังตำหนิพระอรหันต์
    ยกมาจากตรงไหนไม่ทราบ
    จิตพระอรหันต์ ดับกิเลส ไม่ใช่ดับสนิทไม่เหลือ
    ถ้าฉันท์ข้าวอยู่แสดงว่ากลับมาทรงขันธ์อยู่
    เมื่อเข้าไปเห็นสภาวะนิพพาน(ขันธ์ห้าดับ) ปัญญาญาณเกิดขึ้นแล้ว
    วิชชาเกิดขึ้นแล้ว อยู่ด้วยขันธ์ห้าของวิปากเก่า แต่ไม่สร้างเหตุปัจจัยใหม่
    เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว(ตัดสังโยชน์สิบ)

    ส่วนแนวทางของใครก็ตาม
    ตีความพุทธพจน์ หรือคำครูบาอาจารย์ ไปในทางที่คาดคิดเอาเอง
    มันย่อมเป็นเหตุให้ผู้ไม่เห็นด้วยเข้ามาแย้ง



    ผู้ที่ศึกษาด้วยความสนใจก็อ่านแล้วกรองเอาแต่ธรรม
    ที่เป็นประโยชน์
    ตาดีได้ ตาร้ายเสีย

    เราชอบตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำอ้างมาจากใครก็ตาม
    (คำพูดไม่ผิด แต่คนพูดก็แล้วแต่การกระทำของตนนะ)
    เพราะเป็นหน้าที่หลักของผู้ที่ต้องเดินทางทุกคน สุดท้ายต้องทำให้แจ้งด้วยตน ใครจะชี้ทางไหน หากมีวิจารณญาณเลือกทางถูก ย่อมเกิดสัมมาทิฏฐิขึ้น ไม่เช่นนั้นคงต้องหลงอยู่อีกเนิ่นนาน

    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  17. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -ให้เดินทางเก็บกุศโลบายไปกินให้อิ่นก่อนค่อยรู้ว่าอ้าว นี่ที่เดินทาง ไม่ใช่หรือนี่
    -ลำบากมาซะนาน เหนื่อยมานาน เมื่อยมานาน เลยไม่กล้า เพราะข้อมูลไม่พอ หรือยังไม่เจอครูบาอาจารย์ที่เมตตา มหาเมตตา กว่าจะเห็นของจริง ก็อีกนาน นั่งกินน้ำชารอไปก่อนดีก่า
    -ว่างๆ นัดทานกาแฟกัน แล้ัวจับฉับพลันให้หมดเลย ดื้อนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    คุณว่าตัวเองอยู่หรือ.. เรื่องช่างสบประมาทน่ะ ใครกันแน่นะ
    ทำไมเอาแต่ว่าคนอื่น
    ฝึกสติซิ จะได้ทราบความจริง ตามความเป็นจริง (ระลึกรู้เกิดปัญญาเห็นตามจริง)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    อันนี้พูดทั่วไปนะ
    แค่ขั้นเลือกแผนที่ก็ต้องตรองให้มาก แล้วยังต้องขั้นเดินทางอีก ก็ยังหลงได้อีก บางคนทิ้งแผนที่ถูก ไปเอาแผนที่อะไรมาแทนอีกก็มี
    ในธรรมต่างๆ เรื่องหัวใจ หรือประเด็นควรทำความเข้าใจก็สำคัญ
    ประเด็นใดสำคัญ ประเด็นรอง ประเด็นเสริม ถ้าแยกไม่ได้ เอาประเด็นที่ไม่ใช่ประเด็น มาเป็นหลักใหญ่ ก็อาจจะพากระบวนที่ต้องตามมา ล้มทั้งกระบวนได้

    สติปัฏฐานสี่ ทางสายเอก ไม่ใช่ทางอ้อม รวดเร็วฉับพลันสำหรับผู้เอาจริง อย่างน้อยก็ทุกขณะที่มีสติทัน(ตัดภพชาติทันที)
    การทำสมาธิโดยเจริญสติ เป็นสัมมาสมาธิ เมื่อบางท่านกล่าวถึงการเจริญสัมมาสมาธิ ก็คือการเจริญสตินี่เอง เพราะการเจริญสัมมาสมาธิต้องมีอริยมรรคองค์เจ็ดทั้งหมดเป็นส่วนประกอบ การเจริญสติปัฏฐานเป็นการเจริญอริมรรคองค์แปดไปในตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  20. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    -เข้าไปขอเมตตาครูบาอาจารย์แล้วบอกว่า ขอ ของจริง ของจริง ของจริง กระพี้ไม่เอา เอาของจริง ของจริงๆ ของหลอกเด็กไม่เอา ครูบาอาจารย์ก็คงจะเมตตาเปิดให้สัมผัสของจริงบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...