เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ยังไม่ได้พูดกับ ท่าน สักคำนะจาวา​

อย่า เริ่ม เพราะ เราไม่มีเวลาเล่นเป็น เด็ก ๆ

ว่างๆ ก็ไปอ่านเรื่อง โอเลี้ยง โอยั๊วะ แล้วกัน!!!​

 

พักนี้ มีเรื่องฮา ๆ เยอะแฮ๊ะ ...........เอาพอขำ ๆ น่ะพี่น้องครับ.....................555

 

แถม อียังส่งลูกน้องมาดักหน้าบ้าน
แต่ทำไรไม่ได้ อีก็เลย ถุยน้ำลายใส่ ถุงอาหาร ของกินที่ซื้อเข้าบ้าน
ใครกินเข้าไปก็จู๊ดๆ

แต่ไม่เป็นไร แก้ง่ายๆ จับเอาผีไปตากแดด เป็นผีแดดเดียว
แล้วย่างไฟพอเกรียม จิ้มกับแจ่ว กินแก้ท้องจู๊ดๆ ได้ดี

เฮ้อ..ตอนจับเอาไปแขวนไว้ยอดเสาไฟฟ้าตากแดดนี่ มันดิ้นกระแด่ว ๆ น่าซ่งจานนิ
แต่พอนึกถึง ผีแดดเดียวจิ้มแจ่วนี่ หื้อ น้ำลายหลายวุ้ย
ตากแดดสักพัก ก็เอาน้ำเกลือนะ แบบที่เขาเอาไว้โปรยล้างอาถรรณ์นะ ละลายน้ำข้นๆนะ
เอามาทา เอามาจุ่มไอ้ผีแดดเดียวนะ ให้พอเข้าเนื้อ เค็มๆนะ
หื้อ รสชาดอย่าบอกคราย

 

อื้อหือ... แต่หนูว่าคงกินม่ายลงล่ะค่ะคุณอา
เค้าว่า you are what you eat...
กลัวกินแล้วเป็นแบบแดดเดียว 555

 

555555555...พี่ชยามาขำๆแล้วววววว..!!

 

เราไม่ต้องทำไรมาก เพียงจับมันมาตากแดดสักพัก พอหมาดๆ ก็ ย่างบ้าง ทอดบ้าง แล้วจิ้มแจ่ว
ฮู้ ........ หย่อย
อ้อ...อย่าลืมทาเกลือนะ เดี๋ยวไม่หย่อย

 

..................ไม่ต้องถึงมือ อ. สุวิหรอก เดี๋ยวชยา จับมาใ่ส่ส้มตำแทนปูดอง...............555

 

เพลาๆ มือกันหน่อยน๊ะ ก๊าบบบ
หลบไปบวชดีกว่า อิอิ (k) (k) (k)

 

ฮื้อออ..................ส้มตำผีกรอบ

น่าหย่อยนิ

เอ..ถ้าจะทำผีดองนี่ ทำไงหว่า จาวาทำเป็นใหม๊

 

เค้าว่ากันว่า ส้มตำปูดองนี่ ถ้าได้ปูดองค้างปีนี่ ยิ่งแซบหลาย
แต่ๆๆๆๆ.....ถ้าเป็นส้มตำผีดองนี่ ยิ่งดองค้างไว้น้านนาน คงยิ่งน่าหย่อยนะ

หะฮ้า..... เพิ่งรู้นะเนี่ย มัมมี่ ก็คือผีดองนะเอง
ฮู้ งั้นๆ... ไม่ต้องรอทำผีดองแล้ว ไปจับเอามัมมี่มาทำส้มตำกินกันดีก่า

ฮู้ย.... (อีกที) บอดี้การ์ดข้างกายนี่ น้ำลายสอแล้ว
อุ้ย..น้ำลายหกด้วย แลปลิ้นเลียปากแผล๊บๆเลย
แนะมาสะกิดด้วย ขอ ๆๆๆๆๆ ลิ้มรสหน่อย

 

นี่ๆๆๆๆ....จากินกันจริงๆเย๋อคะ พี่ๆอาๆ

 

ใครทำกรรมอันใดไว้ มีว่าจะเป็นใคร คน วิญญาณ หรือ ต่างดาว ย่อมอยู่ในกฏแห่งกรรมอันเดียวกัน กรรมอันนั้นย่อมสนองไม่ช้าก็เร็ว เรา ต้องมีสติ ตลอดเวลา ต้องตั้งจิตให้อยู่ใน สมาธิเบื้องต้น สมาธิเบื้องต้นนั้น ย่อมก่อให้ออร่า เป็นเกราะป้องกันร่างกาย หากพลังที่จะมาทำร้ายเรานั้น ไม่หนักหนาสาหัสมาก ออร่าก็ย่อมป้องกันเราได้ มาแรงเท่าไร ก็กลับไปแรงเท่านั้น อันนี้เป็นเบื้องตัน แต่ถ้ายังไม่เลิก ..........อ. สุวิ ช่วยต่อหน่อยครับ.........555

 

สิ่งมีชีวิตต่างๆ แม้พวกต่างดาว ก็อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมใช่ไหมครับ แล้วเขามีพระเจ้าแบบเราไหม

 

ถูกต้องนะ ฮาาฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

 

อย่างนี้นี่เอง :z1

 

ช่ายนะจิ มันน่าเจี๋ย จิงๆนา
มานซ่านัก ต้องกินมานซะ
พอถูกย่อยนะ มันก็สูญสิ้นสลายปาย

ดวงจิตของไอ้ผีพวกนี้ ก็ต้องไปเริ่มวิวัฒนาการณ์ นับหนึ่งใหม่
น่าซ๋งจานนิ เหมือนถูกฟ้องล้มละลายเลย ต้องเริ่มต้นสะสมบารมีและความรู้ใหม่หมด

 

ผู้ที่ถือกำเนิดในชมพูทวีป ย่อมมีลิขิต ดีชั่วบันทึกไว้ ตั้งแต่ชีวิตเริ่มกำเนิดในชาติแรก
และในชาติต่อๆมา ก็เป็นไปตามกรรมและวิบากรรมที่ถูกลิขิตไว้
มีผู้คุมกฏ ให้เป็นไปตามกฏิกา

แต่พวกต่างดาวนี่ อยู่ๆก็โผล่เข้ามาในชมพูทวีป ไร้ซึ่งลิขิตต่างๆ แถมยังมีพลังชีวิตที่กล้าแข็งกว่ามนุษย์ทั่วไป
และบางท่านยังกล้าแข็งกว่า ผีและเทวดาบางตนด้วย

พอมีเรื่องราว หรือการทวงหนี้ อีก็เบี้ยวไม่ชำระหนี้ดื้อๆ ถ้าหนักหนาสาหัสอีก็หนีกลับบ้าน ถ้าไม่สาหัสนัก อีก็ใช้อำนาจส่วนตัวไม่จ่ายเอาดื้อๆ
ครายจาทำมาย
ผู้คุมกฏก็ทำอะไรไม่ได้ มีอยู่ทางเดียวต้องฟ้องไปที่กระทรวงต่างประเทศ ให้เขา ดำเนินการว่าด้วยกฏหมายกระทำผิดระหว่างประเทศ
กว่าเรื่องจะลงเอย ก็อีกนานโข และก็ไม่รู้ว่า เรื่องจะออกหัวหรือออกก้อย

แต่ก็มีผูคุมกฏบางท่านนะ(ที่กล้าๆและแข็งๆ) ใช้วิธี เข้าจับกุมในความผิดเฉพาะหน้า แล้วตัดสินลงอาญาเลย ไม่ให้ตั้งตัว
ไม่ให้มีโอกาศใช้สิทธิสภาพนอกอานาเขตได้ แล้วเรื่องอื่นๆก็ให้ใช้เรื่องการเมืองเข้าเจรจากันภายหลัง

 

โห อุตสาห์สั่งสมมา น่าเสียดายจัง

คุณอาคะ และอาจารยืทั้งหลายคะ ขอความรู้
เค้าพูดถึงกัมมันตภาพรังสีกันจัง
ถ้ามันมาจริง จะป้องกันยังงัยอะคะ

 

ส่วนเรื่องของออร่านะ
ออร่าเกิดจากการไหลเวียนของพลังชีวิตในร่างกาย
อุปมาอุปมัยง่ายๆ เหมือนกับเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหล ก็เกิดสนามแม่เหล็กขึ้น
กระแสไฟฟ้าก็คือพลังชีวิต ออร่าก็คือสนามแม่เหล็ก
ถ้าพลังชีวิตไหลติดขัด ออร่าก็ไม่สมบูรณ์ มีช่องว่างรอยโหว่

ผู้ฝึกสมาธิที่ดี พลังชีวิตก็จะดีขึ้น ออร่าก็หนาแน่นเป็นเกราะคุ้มครองตัวให้พ้นจากการเบียดเบียนของเหล่าอสูรกายและผีสางได้
ที่พวกเราเรียนรู้กันก็เป็นเช่นนี้ และเข้าใจว่าถ้าสามารถสร้างออร่าให้สว่างสดใส
เราก็จะปลอดภัยจากการเบียดเบียนทั้งปวง
ถ้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ก็เหมือนกับใส่เกราะกันกระสุนอยู่ตลอดเวลา

แต่หลังจากเข้าคลุกคลีกับวงการมากเข้า ทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น ความรู้ที่มีเหมือนกับความรู้เด็กๆ
พอเข้าวงการจริงเราจึงรู้ว่าพวกมืออาชีพนะ เขาไม่ใช้สว่าน มาค่อยๆเจาะค่อยๆไชเกราะ เข้ามาทำร้ายเราหรอก
แต่เขาใช้กระสุนเจาะเกราะเลยนะ
เกราะกันกระสุนนี่ก็มีลิมิตอยู่ เช่น เสื้อเกราะรุ่นนี้กันได้เฉพาะ 9 มม.
แต่ถ้าไปเจอ เอ็มสิบหก หรือ กระสุนเจาะเกราะเข้าก็หมดสิทธิ์ ป้องกันตัวได้
เขาใช้กันแบบนี้
จาว่า เจอเข้าถึงกะอึ้งกิมกี่ ลมปราณแตกซ่านเลย

ยิ่งไปกว่านั้น พอเขาเจาะเกราะได้นี่
ไอ้พวกหัวเก่า ที่ความคิดไม่ค่อยยาว มันก็เอาหลอดดูดนะ มาจิ้มเข้าไปแล้วดูดจ๊วบๆ ดูดกินพลังเราหมดสิ้น ดิ้นกระเด่วๆเป็นผีตายซากอยู่ตรงนั้น

แต่ถ้าไปเจอไอ้พวกหัวเสนะ มันไม่ใช้หลอดดูดหรอก
มันใช้ท่อต่อ แบบมีบอลล์วาวด์เลย
พอเจาะเกราะได้ปุ๊ป มันต่อท่อทันที มีวาวล์ปิดเปิดด้วย
และก็รีบแสดงตัวให้เราเห็น เราคารพอะไรมาก ก็แสดงเป็นไอ้นั่นแหละ
และสอน ๆๆๆๆๆ ให้เรารู้จักฝึก ให้ความเคารพต่อเขาดุจครูบาอาจารย์
สอนให้รู้จักสะสมพลังงาน พอมากพอควรเขาก็ต่อท่อเปิดวาวล์ดึงพลังงานไป
โอ้ยพวกนี้ ไม่โลภนะ เขาดูเอาแต่พอควร ให้เราพออยู่ได้
พอโดนดูดพลังไป ก็เพลียซิ เขาก็มาสอนวิธีฝึกขั้นสูงให้ พอได้ที่ก็มาดูดเอาไปอีก
เหมือนแม่วัวเลย โดนดูดนมทุกเช้า
และเขาจะหาของมาล่อหลอก ให้ติดอยู่ในฟาร์มโดนขุนจนอ้วนปี๋ หนีไปใหนไม่ได้

 

สลับ..ซับซ้อน..ซ่อนเงื่อน เหมือนจะสุขแต่น่าเศร้า...และยากต่อการเรียนรู้และแยกแยะได้ด้วยตนเอง...!