เริ่มงานสำรวจ + ทริปล่าสุดไปเยี่ยมไปเยือน..เขากะลา...

กิจกรรมพิเศษครับ..เขากะลา -วัดท่าซุง
นัดกันไป 3-4 ท่านเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาครับ
ไม่ได้แจ้งบอกใครล่วงหน้า ขออภัยด้วยครับ ปุบปั๊บก็เดินทางเลย

คุณคนานันท์ นำทีม มีผม แล้วก็สมาชิกพิเศษของเรา คุณวีนัสกับคุณอ๊อด
ตามไปดูกันครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีบางอย่างที่น่าเอามาเล่าให้ฟัง
โปรดติตตามสมาชิกพิเศษของเรามาเล่าแล้วกันครับ
ผมขอเปิดกระทู้ไว้ก่อนนะครับ..

 

อยากไปด้วยจัง

 

คือเราไป servey สำรวจดูสถานที่กันครับ เช็ดระดับความสูงจากน้ำทะเล ตั้งแต่กรุงเทพ จนถึงนครสวรรค์ ข้อมูลนี้ยกให้คุณคนานันท์มาเล่าให้ฟังนะครับ..ใช้นาฬิกา casio เช็ดระดับความสูงได้ครับ

 

แล้วคุณคณานันไปด้วยเหรอ แล้วคนไหนละ

 

อ๋อ ก็คนที่มีอุปกรณ์พร้อมที่สุดนั่นล่ะครับ scan ดูครับคุณ Boko
รู้จักกันไว้ครับ เราได้พบสมาชิกเราอีกท่าน คุณทิดหนึ่ง ตอนขากลับที่วัดท่าซุงด้วยครับ

 

ออกเดินทางศุกร์ 5 มกราคม 2550

ถึงเขาเวลาห้าโมงกว่าๆ แล้วขนสัมภาระจากรถขึ้นเขา แวะถ่ายภาพตามทาง ก็จะเห็นกลมๆ ในภาพ หลังจากนั้นเอารถไปเก็บ ขากลับถ่ายภาพเขากะลาจากถนนด้านล่างมีวงแหวนสีส้มติดมาข้างๆ รูป

 

หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ก็พักผ่อนมองดูดาวบนฟ้ากัน ซึ่งก็เห็นดาวที่วิ่งไปมาได้ บางทีสว่างเป็นช่วงๆ หรือวิ่งเป็นรูปเลข 8

ภูเขาที่อยู่ข้างๆ จะมีแสงไฟวาบๆ คล้ายๆ จะมีไฟป่า มีลูกละจุดสองจุด แล้วก็ค่อยๆ วาบหายไป พักไปอีกสักหน่อยมีมาอีกแล้ว คราวนี้เหมือนไฟป่าจะลุก มีควันด้วย แต่ก็เป็นอย่างนี้สัก 10-15 นาที ก็หายไปอีก

สักครู่พระจันทร์ขึ้นจากท้องฟ้า สว่างพอควร ไม่จำเป็นต้องอาศัยแสงตะเกียงอีกแล้ว เราก็นั่งคุยกันไป สนทนาธรรมะ ที่แต่ละคนปฏิบัติมาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แล้วอีกพัก็พากันไปเดินเล่นบริเวณรอบๆ ที่พัก ทีแรกเรากะจะนอนกันข้างนอก แต่ยุงเยอะมาก แล้วฝนทำท่าจะตก เมฆฝนเริ่มมาแล้วปิดแสงจันทร์เป็นครั้งเป็นคราว พวกเราเลยตัดสินใจกางเต้นท์ที่นำกันมา

เอาหล่ะเข้าไปนอนกัน เต้นท์ใครเต้นมัน นอนไปสักพัก ลมเริ่มพัดแรงขึ้น ลมตีเต้นท์เสียงดังมาก ตีสวนทางกันไปมา พวกเราเลยออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แสงจันทร์สาดสว่างมากตรงหัวพวกเราพอดี พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็น "พระจันทร์ทรงกลด"

โอ้โห ทำไมพระจันทร์ทรงกลดใหญ่ขนาดนี้ ท้องฟ้ามีเมฆมากคลื้มไปทั้งท้องฟ้า แต่ว่าพระจันทร์กลับสว่าง แล้วรอบรัศมีดวง ไม่มีเมฆเลย ราวกับว่ารัศมีของพระจันทร์ได้กันเมฆไม่ให้เข้ามา ช่างอัศจรรย์จริงๆ

พวกเราเฝ้ามองพระจันทร์อยู่นานทีเดียว (ประมาณตีหนึ่งถึงตีสามได้) พระจันทร์ก็ยังทรงกลดเช่นเดิม เงาของเราสั้นเหมือนยืนอยู่เที่ยงวันอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งลมพัดแรง รัศมียิ่งเด่นขึ้น เหมือนกับเมฆถูกกรองไว้รอบๆ ไม่ให้เข้ามาในรัศมีได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ในรัศมีมีดาว สี่ดวงเรียงกันเป็นเส้นตรง มีดาวสองดวงเรียงกัน ต่อด้วยพระจันทร์ แล้วดาวอีกดวง (ข้างนอกรัศมีมองไม่เห็นอย่างอื่นเลยเพราะมีแต่เมฆ)

ราวตีสาม ลมเริ่มมาอีกแล้ว ตอนนี้ยุงเริ่มมาด้วย พวกเราแยกย้ายกันไปนอน คุณคณานันท์ให้พวกเราทำสมาธิกัน และแล้วก็หลับกันหมด อิอิ

 

พอเช้าตื่นมาอากาศกำลังพอดี อากาศเย็นๆ ท้องฟ้าสวยเป็นสีฟ้า บนท้องฟ้ามีเครื่องบินบินไปมาหลายลำ (เป็นทางยาว) พวกเราก็นั่งดูกันอย่างเพลิดเพลิน

หลังจากนั้นเราก็เก็บเต้นท์เตรียมตัวกลับ ก่อนจะกลับก็เดินไปด้านล่างเขา เดินไปที่ถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วก็กลับ แบกสัมภาระกันกลับบ้าน

แล้วก็แวะไปบ้านคุณสุดใจ รับประทานอาหารกลางวันที่นั่น แล้วออกเดินทาง ไปแวะวัดท่าซุง กับเจอคุณทิดหนึ่งที่นั่น แล้วส่งคุณ Mead ที่นั่น

เดินทางต่อไปแล้วไปแวะสักการะพระพุทธบาทสระบุรี แล้วแวะทานข้าวที่สระบุรี (ร้านคนเห็น) ระหว่างทานข้าว คุณคณานันท์เห็นวัตถุบนท้องฟ้า เลยถ่ายรูปเอามาไว้ให้ชมกันเล่นๆ

แล้วกลับบ้านกันโดยสวัสดิภาพ

 

.....ดีใจ ที่เมื่อวาน ได้มีโอกาสพบ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุก ๆคน
..ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ร่วมงาน ร่วมเดินทาง ร่วมสำรวจหาข้อมูล ร่วมลำบาก
เหนื่อยยากกับพี่ ๆ แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุก ๆคนนะครับ...
...ขอบคุณ สำหรับไมตรีจิตรอันดี ที่มีให้....
...ขอให้การทำงานราบรื่นตลอดไปนะครับ..

 

แหม...แหม...
ไปเที่ยวไม่ชวนป้าเรยนิ "คุณมีด"

 

อยากชวนครับป้า แต่รถเต็มอ่ะ..ถ้าไปต้องเกาะหลังคาไปครับ..
ป้าปีนเขาไหวรึเปล่าล่ะครับ เที่ยวหน้าไปกัน ฟิตร่างกายกายรอไว้เลยครับ

คืนนั้นอากาศดีครับ ลมหนาวละลอกใหม่เข้าพอดี แต่พอเที่ยงคืนบนเขาลมแรงมากเต้นส์แทบปลิว พระจันทร์คืนนั้นทรงกลดขนาดใหญ่ ได้รับพลังกันเต็มที่ครับ เหมือนเปิดมิติกลางฟ้าทีเดียวครับ

รูปที่ คุณวีนัส ถ่ายไว้หน้าถ้ำบนเขากะลา เหมือนจะเป็น"รอยพุทธบาทบนหิน"ครับ มีขนาดใหญ่มากๆยาวราวๆ 1เมตร คืนนั้นก็แทบไม่ได้นอนครับแลกเปลี่ยน พูดคุยกันเรื่องธรรมเป็นส่วนใหญ่

กลุ่มเขากะลาเองตอนนี้ก็ฝึกพัฒนาจิตกันไปไกลแล้วครับ โดยเฉพาะเรี่องการละวางตัวตน และก็มีเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ลักษณะเหมือนระบบคลื่น ติดตั้งกับคนในกลุ่ม..ไว้ใช้สื่อสารแบบตัวต่อตัวจากระบบหลัก (เป็นเครือข่าย) ตามที่บอกจะมีราว 5000 คนทั่วโลกที่เป็นแบบนี้ คนเหล่านี้จะมีหน้าที่เยียวยาช่วยเหลือคนหลังภัยภิบัติผ่านไปแล้วครับ คือเขาจะนำคนเหล่านี้ไปซ่อนไว้อีกมิติหนึ่ง ในระหว่างเกิดภัย ข้าวก็ไม่ต้องกินด้วยครับใช้คลื่นสร้างสารอาหารให้อิ่มได้ด้วย
อืมม ก็รับฟังไว้ก่อนครับถึงเวลานั้นจะเป็นจริงหรือไม่ต้องตามดูต่อไปครับ ถ้ารอดนะครับ

ก่อนกลับถ่ายรูปกับครอบครับเขากะลาครับ ที่บ้านสันคู นครสวรรค์ครับ..

ขากลับหลงไปเข้า อำเภอทัพทัน เจอ ภูเขาหินรูปสฟิงส์ (ถ่ายรูปไม่ทันครับ) และ ภูเขาทรงปิรามิด ด้วยครับรู้สึกว่าจะมีวัดอยู่แถวนั้นด้วย ธรรมชาติงดงามทีเดียวครับแถวนั้น

 

สำหรับทริปนี้ เป็นการเดินทางแบบไม่ได้คาดหมายครับ ชวนกันวันเดียวก็ไปกันเลย

แต่ก็น่าแปลกใจที่ทุกคนในทริปต่างก็สนิทสนมให้ความคุ้นเคยกันราวกับรู้จักกันมานับสิบๆปี แถมรู้จักกันโยงไปโยงมากันอีก

-คุณจิตผ่องเป็นเพื่อนที่ทำงานเก่ากับพี่สุดใจแห่งเขากะลา ตั้งแต่ยังไม่มาสนใจในธรรมมะลึกๆขนดนี้

-คุณวีนัสก็เป็นเพื่อนกับคุณจิตผ่อง

-คุณวีนัสเกิดมีความรู้สึกว่าต้องชวนคุณ Mead ไปในทริปนี้ด้วย และปรากฏว่าคุณวีนัส และคุณMead ก็ต่างมีความสนใจในเรื่องพลังจิต ปิรามิด และดาราศาสตร์คล้ายๆกัน

-ส่วนคุณMead เองก็รู้จักกับพี่สุดใจและกลุ่มเขากะลาเป็นอย่างดี

-ส่วนผมก็"บังเอิญ" รู้จักกับทางกลุ่มเขากะลา จากงานวิทยาศาสตร์ทางจิตที่จัดขึ้นที่ม.รามคำแหง เมื่อเกือบสิบปีก่อน

-คุณทิศหนึ่งซึ่งตามมาเจอที่วัดท่าซุงก็บังเอิญรู้จักกันกับ จ่าเชิด คุณพ่อของทางพี่สุดใจ

ทริปนี้เรื่องบังเอิญค่อนข้างเยอะครับ

แต่ไม่มากเท่าเรื่องที่เป็นเหตุการณ์ประหลาดๆ หลายๆอย่างที่ทุกๆคนในทริปร่วมประสพพบเจอด้วยกัน

ผมขออนุญาตไม่เน้นหนักในเรื่องราวเหล่านี้จนเกินไป เพราะหลายๆเรื่องก็เป็นเรื่องราวที่ หลายๆท่านก็ยากที่จะเข้าใจหรือรับได้นอกจากจะมาสัมผัสและเจอกับเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ด้วยตนเองเป็นปัจจัตตังครับ

ดังนั้นผมจะขอสรุปเน้นๆในส่วนของงานของพวกเราที่มุ่งเน้นในเรื่องการเตรียมการเพื่อช่วยเหลือผู้คนในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติครับ

การออกทริปทุกครั้งของผม ผมจะใช้เครื่องมือวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล ที่เป็นฟังค์ชั่นในนาฬิกาจีช็อค ทริปเปิ้ลเซนเซอร์ ตรวจวัดความสูงของ จุด ตำแหน่งของสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบ แบบคร่าวๆ ในด้านความปลอดภัยในกรณี น้ำทะเลหนุนสูงครับ การวัดอาจมีเออเร่อร์บ้างแต่ขอให้อ้างอิงพอเป็นไอเดียครับ

-กรุงเทพ แถบฝั่งธน 0 เมตรจากระดับน้ำทะเล
-สระบุรี บนเส้นสายเอเชีย 25 เมตร
-ในตัวจังหวัด นครสวรรค์ 45 เมตร
-เชิงเขากะลา 65 เมตร
-บนเขากะลา 138 เมตร (ทางกลุ่มเขากะลาแจ้งว่าจากเดิมที่เคยวัดเมื่อ หลายปีก่อน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 145 เมตร ดังนั้นเป็นไปได้หรือที่ระดับน้ำทะเลได้หนุนสูงขึ้นมาอีก 7 เมตร ในปัจจุบัน)
-ที่วัดท่าซุงภายในวิหารร้อยเมตร ความสูง 15 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ต่อไปคือการทำงานด้านการประสานงานระหว่างกลุ่มเขากะลา กับการทำงานในเรื่องภัยพิบัติ

ทางกลุ่มเขากะลาเอง ได้ใช้ชื่อ"กลุ่มประสานงานเพื่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติเขากะลา" ซึ่งมีความหมายชัดเจนในตัวอยู่แล้ว

คืนที่พวกเราได้ขึ้นเขากะลาด้วยกัน ทางกลุ่มเขากะลาก็ได้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างครับ

รวมทั้งมีการสนนทนาธรรมกันโดย คุณวาสนา และคุณสุดใจ ชื่นสำนวน ได้เล่าเรื่องการปฏิบัติธรรมโดยเป็นการฝึกที่เน้นการปล่อยวางในทุกสิ่งให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวัตตถุทั้งหลายที่เป็นสิ่งภายนอก การปล่อยวางในร่างกาย อาการทางกาย รวมไปถึงการปล่อยวางทางความคิดทั้งปวง ความไม่ยึดติดในโลกธรรมทั้งแปดประการ เอที่จิตของเราจะได้สะอาดจากกิเลส และเมื่อจิตของเราสะอาดจากกิเลส "ความรู้ ความสามารถพิเศษ ต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาเอง อย่างน่าอัศจรรย์"

สิ่งที่ทางเขากะลาฝากมาบอกนั้น พี่สุดใจ ก็ยังบอกว่า

"ไอ้ความพิเศษ และความสามารถต่างๆนั้นที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของแต่ละคน ก็จงอย่าไปยึด ไปสำคัญว่าเราเก่ง เป็นความวิเศษของเรา ที่จริง สิ่งที่พิเศษทั้งหลายเหล่านั้น มีไว้เพื่อให้พวกเราทั้งหลายนำไปใช้เพื่อ ช่วยคน สงเคราะห์คน ในเหตุการณ์ภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลา คนที่มีหน้าที่ก็จะรู้หน้าที่ของตนเอง ทำได้เอง โดยอัตตโนมัติ ไม่ใช่เรื่องที่ยาก หรือเกินกำลังแต่ประการใด"

นอกจากนี้ทางกลุ่มเขากะลาก็ได้เมตตาเล่าเรื่องราวต่างๆ ประสบการณ์ประหลาดลี้ลับต่างๆให้ฟังเป็นจำนวนมาก ไม่นับเหตุการณ์ที่ทุกคนได้ประสบกันบนเขากะลาด้วยกันในคืนวันนั้น คุณวีนัสดูจะถ่ายภาพพิเศษๆ มาได้มากกว่าใครในทริปนี้ รู้สึกจะมีเกือบร้อยรูป ต่อมาคุณจิตผ่องก็เริ่มถ่ายติดบ้าง ก็นับเป็นกิจกรรมที่ทำให้มีกำลังใจในการทำงานของแต่ละท่านครับ

พอถึงตอนเช้า มีบางท่านได้ลงไปเที่ยวที่ถ้ำ และได้พบกับ "รอยพระพุทธบาท " เขากะลา และได้ถ่ายรูปนำมาให้ชมกันข้างต้น ซึ่งต่อไปผมคงขออนุญาตประสานงานแจ้งไปยัง หลวงพี่ชัยวัฒน์วัดท่าซุง ซึ่งท่านเป็นผู้รวบรวม ติดตาม หารอยพระพุทธบาททั่วโลก และจัดพิมพ์หนังสือตามรอยพระบาท จนเป็นเล่มที่สามแล้วครับ

การปรากฏรอยพระพุทธบาทที่เขากะลา นั้น เป็นนิมิตรหมายที่ดี ของสถานที่แห่งนั้นเนื่องจากเป็นเครื่องแสดงว่า สถานที่แห่งนั้น มีพลังแห่งพุทธานุภาพปรากฏอยู่ เพราะการที่พระพุทธองค์ท่านจะทรงอธิฐานประทับรอยพระพุทธบาทในแต่ละสถานที่นั้นย่อม มีเหตุ มีปัจจัยประกอบ เสมอ ดังนั้นสถานที่ที่มีพุทธานุภาพคุ้มครองย่อมเป็นที่ปลอดภัย

หลังจากลงมาจากเขากะลา พวกเราก็ได้ไปพักผ่อนกันที่บ้านของพี่สุดใจ ที่ตัวเมืองนครสวรรค์ ๆทุกคนเลี้ยงข้าวกลางวันคณะของพวกเราและเปิดวิดีโอเหตุการณ์ต่างๆที่มีการถ่ายเก็บรวบรวมไว้

ท่านที่สนใจในการเดินทางมาที่เขากะลา ทางทุกคนที่นั่นยินดีต้อนรับเสมอ หมายเลขติดต่อคือ พี่สุดใจ 086-0359220 แลบ้านของกลุ่มเขากะลา 056-224-695 ถ้าไปไม่ถูกโทรมาถามทางก่อนหรือจะให้ทางกลุ่มเขากะลาพาขึ้นไปก็ได้ครับ โดยเฉพาะท่านที่สนใจในเรื่องสิ่งบินลึกลับต่างๆ

หลังจากนั้นเราได้ไปเที่ยววัท่าซุงกัน เพราะทางคุณวีนัสและคุณ จิตผ่องยังไม่เคยไปมาก่อน ก่อนถึงเราได้โทรนัดหมายกับทางคุณทิศหนึ่งให้ช่วยไปพบที่วัด ภายในวิหารร้อยเมตร

ดังนั้นงานอีกส่วนหนึ่งก็ได้สำเร็จลุล่วงไปในส่วนของการเปิดการรวมตัวของกลุ่มทำงานในจังหวัดอุทัยธานี และความก้าวหน้าของกลุ่มอุทัยธานีก็คือ อีกสองสามเดือน ทางคุณทิศหนึ่งจะเริ่มเปิด สถานี วิทยุชุมชน เพื่อการเผยแพร่ธรรมมะสอดแทรกในรายการและบทเพลง เพื่อให้ประชาชนทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งความดี ธรรมมะ การปฏิบัติ ขอขอโมทนาและแสดงความยินดีล่วงหน้ากับ ความตั้งใจที่ดีของทุกๆคนด้วยครับ

 

ขอบคุณครับคุณคนานันท์ ที่มาเติมข้อมูลจนสมบูรณ์ครับ..ขอบคุณคุณวีนัสด้วยครับ ที่เตรียมเสบียงอาหาร พร้อมอุปกรณ์ดำรงชิวิตในป่าไปทดลองใช้..และก็ได้ประโยชน์มากด้วยครับ

การไปแต่ละครั้ง เหมือนเป็นการเรียนรู้ร่วมกันด้วยครับ จะมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆ มาปรับใช้ตลอด เช่นเรื่องของข้าวเหนียวครับ เรื่องเสบียงอาหารที่นำไป วางทิ้งไว้ไม่ถึง 15 นาที มดครับ มดขึ้นข้าวเหนียวทันที(ต้องทิ้งไป) ต้องดูแลให้ดีครับรีบเก็บหรือปิดทันที คุณวีนัสถูกมดกัด มาเล่าด้วยสิครับ (การเตรียมของแผนกเสบียงครับ)
ตะเกียงหลอด LED ให้ไฟที่สว่างดีมากทีเดียวและกินไฟน้อยมากจริงๆ อันนี้น่าใช้ครับ การป้องกันยุง ป้องกันความหนาว หลายๆท่านคงทราบรายละเอียดเยอะ แต่ภาคปฎิบัตินี่สิครับ..ไม่ลองไม่รู้ครับ

 

เห็นรูปพวกพี่ ๆ แล้ว รู้สึกอบอุ่นใจ ดีจังคะ

 

มาแถว(nogood)นี้ ทีหลังชวนมั่ง ซิ อยากนอนดูดาวบ้าง ครั้งหน้าคงมีคนตามมากันเต็มลานแน่ เลย ...

 

เชิญนะครับ คุณ *44* อบอุ่นครับ
อ้อ คุณคลิก ทราบว่ามีร้านกาแฟอยู่แถวสายเอเชียด้วยตรงไหนหรือครับ..

การไปอาจไม่น่าสนุกเหมือนไปเที่ยวนะครับ คืนนั้นน้ำท่าไม่ได้อาบหรอกครับบนเขาน้ำไม่พอ..การจะไปต้องพร้อมและอึดพอสมควรครับ..ยินดีครับ
คุณคนานันท์เองก็ออกกำลังสม่ำเสมอครับ เห็นเดินตัวปลิวนำหน้า
ทั้งๆที่แบกของเยอะๆแบบนั้น บางสถานที่ที่คงยิ่งกว่านี้ครับแบบที่ถ้ำวัวแดง
การเดินทางไปจะขึ้นเขาสูงกว่านี้มากๆ..คงมีโอกาสไปกันครับ
แต่พวกเราก็ okครับ ไม่รู้เอาแรงมาจากไหนกัน เดินแบกของไปเป็นกิโล
ไม่เหนื่อย ไม่บ่น มีใจมากันทุกคนครับ เชิญครับใครที่อยากไปทริปหน้า ^_^

อาจเพราะความอบอุ่นเป็นกันเองของกลุ่มเจ้าภาพด้วยครับ..
ช่วยเหลือดูแลกันเป็นอย่างดีครับ ทั้งขาไป- ขากลับ เป็นกันเองมากๆครับ
ก็ขอขอบคุณ พี่สุดใจ คุณวาสนา และคุณโต เป็นอย่างสูงด้วยนะครับ..
ถ้ามีเวลาก็มาสมัครเวปพลังจิตนะครับ เผื่อว่าจะมีข้อมูลบอกข่าวพวกเราที่นี่บ้างครับ

 

ขอบคุณครับที่นำภาพและเรื่องราวดีๆมาฝาก แม้จะไม่ได้ไปก็ยังได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้น ชื่นชมในความตั้งใจของเพื่อนๆครับ

 

รู้สึกดีจัง...

 

น่าไปด้วยจังแต่ไม่มีค่ารถค่ะ อิอิ