พระปรอทหลวงปู่ละมัยของแท้ยังมีให้เช่า ที่วัดนะคร้บ

คติธรรมหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง

คนตายแล้วเดินได้ พูดได้ หายใจได้ ใครเคยเห็นไหม ใครเคยเห็นไหม
ตายทางจิต ตายทางสติปัญญา

ดูซิ..เราข้ามกันไปหมด พากันทำบุญ แต่ไม่พากันละบาป ผ้าสกปรกไม่ฟอก แต่อยากจะรับน้ำย้อมนะ

ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม เราคิดว่าจิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์ อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์ ฉะนั้นเราจึงต้องมาฝึกจิตใจให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ เรื่องแค่นี้เอง ที่เราต้องมาทำกรรมฐานกันยุ่งยากทุกวันนี้
การฝึกจิตไม่เหมือนการฝึกสัตว์ จิตนี่เป็นการฝึกยากแท้ๆแต่อย่าไปท้อถอยง่ายๆ ถ้ามันคิดไปทั่งทิศก็กลั้นใจมันไว้ พอใจมันจะขาดมันก็คิดอะไรไม่ออก มันจะวิ่งกลับมาเอง ให้ทำไปเถอะ
ที่มา:คติธรรมพระอริยเจ้า จัดทำโดยคณะลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด<!-- google_ad_section_end -->

เอาธรรมะมาฝากจ้า หลวงพ่อชา เป็นหลวงพ่อในดวงใจของเราอีกท่านหนึ่ง ธรรมะของท่านสอนฟังง่ายๆ เรามีแค่แผ่นเดียวก็ฟังซ้ำๆ
ท่านสอนดีจัง คุณตู่คุณอุดมลองไปหามาฟังนะคะ

 

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

ทุกข์กับความเพียรเท่านั้นที่มีค่ามากในโลกนี้ หากไม่มีทุกข์กับความเพียรเสียแล้วใครๆในโลกนี้จะไม่ทำความดีเพื่อพ้นทุกข์ในโลกนี้และโลกหน้าตลอดถึงพระนิพพาน

การเห็นความฟุ้งซ่านของจิตนั้น คือ ปัญญาเบื้องต้น

คนใดว่าตนดี คนนั้นยังไม่ดี ใครว่าตนวิเศษวิโส หรือฉลาดเฉียบแหลม คนนั้น คือคนโง่

แท้จริงความนึกคิดไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตนจึงเป็นทุกข์

ผู้ใดทำใจให้ถึงความเป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
ที่มา:คติธรรมพระอริยเจ้า จัดทำโดยคณะลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด<!-- google_ad_section_end -->

เอาลายแทงขุมทรัพย์ที่หลวงปู่ท่านบอก มาฝากกันจ้า
หลวงปู่เทสก์ท่านก็เป็นอีกหนึ่งหลวงปู่ในดวงใจของเราเช่นกัน

 

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์

คนเราทุกวันนี้ เป็นทุกข์เพราะความคิด

ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา

การปฏิบัติให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสำรวม เพื่อความละ เพื่อความคลายกำหนัดยินดี เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์วิมาน หรือแม้พระนิพพานก็ไม่ต้องตั้งเป้าเพื่อจะเห็นทั้งนั้น ให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆไม่ต้องอยากเห็นอะไรเพราะนิพพานมันเป็นของว่าง ไม่มีตัวตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง

การไปหลายสำนักหลายอาจารย์การปฏิบัติจะไม่ได้ผล เพราะการเดินหลายสำนัก คล้ายกับเป็นการเริ่มต้นใหม่เรื่อย เราก็ไม่ได้หลักธรรมที่แน่นอน บางทีเกิดความลังเล งวยงง จิตก็ไม่มั่นคง การปฏิบัติก็เสื่อม ไม่เจริญคืบหน้าต่อไป
ที่มา:คติธรรมพระอริยเจ้า จัดทำโดยคณะลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด<!-- google_ad_section_end -->

 

ปิดท้ายของวันนี้นะจ๊ะ
หลวงปู่ละมัย สวนป่าสมุนไพรของพวกเราจ้า
เป็นปริศนาธรรม คุณตู่เป็นผู้ถ่ายทอดมาให้เราฟัง ขออนุญาตถ่ายทอดไปอีกทีนะคะคุณตู่

ก่อนจะพูดถึงนิพพาน ต้องรู้จัก สี่ ห้า หก

ถ้าจะรู้นิพพาน ต้องรู้จัก สี่ สี่ เอี่ยว

อ่านแล้วก็ลองตีปริศนาธรรมกันนะคะ เเล้วสุดท้ายจะให้คุณตู่ผู้ถ่ายทอดมาเฉลยค่ะ

 

เลยเวลาทำภารกิจแล้ว ขอตัวไปก่อนนะคะ
พรุ่งนี้จะเข้ามาลงคติธรรมพระอริยะให้ต่อ พิมพ์ไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ อิอิ
คิดถึงพี่แจจังเลย ถ้าเข้ามาก็ทักน้องมั่งนะคะพี่ชาย

 

อูย มีปริศนาธรรมด้วย ตีไม่แตก หลับดีกว่า zzzzZZZZZ.....

 

พี่ๆ น้องๆ ท่านใดอยากทราบคำตอบ
ต้องเรียนถามหลวงปู่ เองดีกว่าครับ ถึงจะได้คำตอบ ที่ถูกต้องและหลวงปู่ท่านอาจชี้แนะถึงวิธีการปฏิบัติให้ด้วย

 

555 ถึงขนาดทำคุณง่วงเลยเหรอคะ อิอิ..หลวงปู่สุดยอดเลย

 

เห็นเงียบๆกัน ไม่รู้ชอบอ่านกันอ่ะป่าวสิ จะได้นั่งพิมพ์ให้อีก

 

อิอิ..เเสดงว่าที่คุณตอบเรามาก็เดาสุมอ่ะสิ 555 แต่เราก็พอใจคำตอบนะ อิอิ

 

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา

การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ศีลคือดิน สมาธิคือลำต้น ปัญญาคือดอกผล เราต้องการให้ต้นไม้เจริญงอกงาม ก็ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน และต้องคอยระมัดระวังมิให้ตัวหนอน คือ โลภ โกรธ หลง มากัดกิน

ให้พยายามภาวนาไว้เรื่อยๆไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ทำได้ตลอดเวลา ถ้าเราทำดีกว่านั่งร้องเพลง จะซักผ้า หุงข้าว ต้มแกง นั่งรถ ทำได้ทั้งนั้น เขาเรียกว่าพยายามเกลี่ยจิตใจให้เข้าที่ ถ้าจะรอเวลาปฏิบัติ(นั่งสมาธิภาวนา) ทีเดียวมันยาก เพราะจิตมันแตกมาตลอดวัน

ของดีอยู่ที่ตัวเรา ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต

ครูอาจารย์ดีๆมีอยู่มากก็จริง แต่สำคัญที่เราปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มากนั่นแหละจึงจะดี

การปฏิบัติ ถ้าอยากเป็นเร็วๆมันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็นมันก็ประมาทเสีย เลยไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่าไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลางๆ ตั้งใจแน่วแน่ในกรรมฐานที่ตั้งไว้ ภาวนาเรื่อยๆไปเหมือนเรากินข้าว ไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆกินไปมันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเราคือภาวนาไป ก็จะถึงของดีของวิเศษในตัวแล้วเราจะรู้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป

ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เหมือนรสแกงส้ม
ศีล เปรียบได้กับรสเปรี้ยว ความเปรี้ยวทำหน้าที่กัดกร่อนความสกปรกออก ทำนองเดียวกัน ศีลจะช่วยขัดเกลาความหยาบออกจากทางกาย วาจา ใจ
สมาธิ เปรียบได้กับรสเค็ม เพราะความเค็มช่วยรักษาอาหารต่างๆไม่ให้เน่าเสีย สมาธิก็เหมือนกัน สามารถรักษาจิตของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดีได้
ปัญญา เปรียบได้กับรสเผ็ด เพราะปัญญามีลักษณะคิดอ่าน ตริตรองโลดแล่นไป เพื่อขจัดอวิชชาความหลง
ที่มา:คติธรรมพระอริยเจ้า จัดทำโดยคณะลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด<!-- google_ad_section_end -->

เราไม่เคยได้อ่านธรรมะของหลวงปู่ดู่มาก่อนเลย แต่เมื่อมาได้อ่านคติธรรมของท่านแล้ว ที่สุดเลย..ธรรมะของท่านลึกซึ้งมาก แสดงให้เห็นถึงภูมิธรรมของท่านอย่างแท้จริง กราบหลวงปู่เจ้าค่ะ

 

อืม ธรรมะ มากหลาย

 

เเล้วชอบใจอ่ะป่าวล่ะ หาเรื่องเข้ามาป่วนไปวันๆอ่ะจ้า
ดึกแล้วคุณอุดมยังไม่นอนเหรอ หรือจะนอนเฝ้าหน้าเครื่องอีก

 

ไม่ได้เดาครับ
แต่อยากให้ได้ยินกับหูของตัวเองจะดีกว่า แต่อาจจะได้อะไรดี เพิ่มจากหลวงปูโดยตรงครับ

 

ชอบ ครับ

แหะ แหะ รู้ทันอีก

 

ถ้าบอกให้รู้ก่อน เวลาไปถามหลวงปู่ จะได้มีข้อสงสัยไปถามหลวงปู่ ไง ครับ
ถ้าไปคิดตอนคุยกับหลวงปู่ จะคิดไม่ทัน อ่ะ ครับ
แต่ก็ไม่รู้จะได้มีโอกาสได้ไปอีก หรือ เปล่า

 

ไม่ได้เข้าไม่กี่วัน บ้านคึกคัก
แถมมีปริศนาธรรมให้คิดอีก ดีจัง
เรื่องการคุยธรรม พูดธรรม ก็เป็นกุศลอย่างหนึ่ง
ได้เข้ามาบ้านแสนอบอุ่น มีบุญให้ได้ทำกันด้วย
อนุโมทนาสาธุครับ

 

สวัสดี สมาชิก ทุกท่าน ครับ

 

สวัสดีจ้าคุณอุดม
ทำงานหน้าเครื่องแล้วเปิดกระทู้ทิ้งเอาไว้ใช่อ่ะป่าว อิอิ

 

ก็หาเรื่องมาให้อ่าน แต่กว่าจะพิมพ์ได้ก็นานเหมือนกัน อิอิ
แบ่งปันธรรมะกัน สนุกสนาน