พระเดชพระคุณ หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร วัดส้มเกลี้ยง จ.จตาก(เสกเหรียญท้าวเวสสุวรรณ)

แล้วพระของหลวงปู่มีคาถาหรือวิธีบูชาไหมครับพี่ปื๊ด..

 

ถ้าถามหลวงปู่ท่านก็จะให้ระลึกถึงและอธิฐานเอาครับ และเมื่อรับวัตถุมงคลจากท่าน ท่านก็ไม่ได้กำชับเรื่องนี้ครับ...จะลองเรียนถามท่านให้นะครับ

 

เปิดจองเมื่อตอนต้นปีครับ พิธีเสาร์๕ และได้หมดไปตั้งแต่เปิดจองแล้วครับ ....

 

มิต้องเสียใจท่านพี่ ผมเองก็ไม่มีเหมียนกัลลลลลลล...:'(

 

กราบๆ ๆ หลวงปู่ ดี ครับ

 

ผมขอยืนยันอีกครั้งครับ ว่ามวลสารที่บรรจุด้านหลังล็อกเก็ต หาไม่ได้ง่ายๆในยุคนี้แน่นอนครับ ท่านอาจารย์เบิ้ม ปากน้ำ ท่านคัดสรรบรรจุลงไปอย่างสุดๆ
รวมถึงฤกษ์ยามในการบรรจุมวลสารด้วย ละเอียดทุกๆขั้นตอนจริงๆครับ

 

เก็บไว้เป็นตำนานท่าน...555 สิ่งที่สำคัญมากกว่ามวลสารหรือรูปแบบก็คือเจตนาในการสร้างอ่ะครับ...

 

ขอบคุณครับผม

 

กราบ กราบ กราบ หลวปู่ดีครับ

แล้วมวลสารที่อุดลงในตะกรุดเงินเหมือนกันรึป่าวครับพี่ปื้ด

 

นี่ครับ เอามาให้ชมตามสัญญาอาจจะไม่ชัดเพราะใส่หลอดยางแล้ว
ดูๆแล้วตะกรุดบุบๆบี้ๆนิดหน่อยเนื่องจากการขนส่งของไปรษณีย์

 

บอกตรงๆว่าไม่เหมือนครับ ตะกรุดจะเป็นมวลสารที่ใช้ทำพระปิดตาของหลวงปู่ม่วงเป็นส่วนใหญ่ครับ ซึ่งผงแต่ละอย่างก็เป็นมงคลทั้งสิ้นครับ

 

ไม้ที่หลวงปู่นำมาม้วนตะกรุดมันไม่กลมครับ รู้ตะกรุดก็เลยเป็นเหลี่ยมๆแบบนั้น

 

สวัสดีครับ

ตะกรุดเป็นลักษณะนี้ตั้งแต่ตอนขอจากหลวงปู่ดีมา หลวงปู่ดีท่านหารอบๆตัวท่านแต่ไม่มีไม่เจอ ท่านเลยเอามือล้วงลงไปในย่ามที่ท่านใช้ติดตัวประจำ และคนๆหาอยู่แปล๊บนึงก็หยิบออกมาจากย่ามแล้วก็ส่งให้มา รอยบุบน่าจะเกิดจากตอนที่ท่านม้วนเสร็จแล้วนำใส่ย่ามหิ้วไปหิ้วมาเลยมีการกระทบกระแทกบ้างจึงทำให้ตะกรุดบุบๆเบี้ยวๆและส่วนนึงก็น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างขนส่ง

ขอบคุณครับ

 

หืมๆ สุดยอดครับควักจากในย่ามให้เลย เมตตามากจริงๆครับ
ถ้างั้นก็พกทั้งอย่างนี้ล่ะครับ เดิมๆขลังๆ ไม่ทำให้กลมๆแล้ว
กราบหลวงปู่ครับ

 

สวัสดีครับ

ตะกรุดหนังกลองตะโพนดอกใหญ่พอดีได้แผ่นหนังที่ใช้แล้วแบบเต็มใบมา๑แผ่นจากท่านมหาไพบูลย์ รองเจ้าอาวาสวัดท่านใน( ป๊ะ ) จึงนำไปให้หลวงหลวงปู่ดีท่านเมตตาจารให้แล้วนำมาม้วน ถักเชือกเองแลวจึงทำการทารัก พอเอาไปให้หลวงปู่ดีท่านดู หลวงปู่ท่านบอกว่าดีๆสวยดีแล้วท่านก็เมตตาจารให้รอบตะกรุดและเซ็นชื่อของท่านไว้ให้ครับ

ขอบคุณครับ

 

ทีเด็ดจริงๆ หลวงพี่ ระวังนะครับ กลองยิ่งตีก็ยิ่งดัง เดี๋ยวจะดังกันใหญ่ อิอิอิ...

 

สวัสดีครับ

ความใจบุญของคุณพี่เด็กด่านฯ

เมื่อวันที่ไปกราบหลวงปู่ดี (๒๖ กันยายน ๒๕๕๓)นอกจากเรื่องที่คุณพี่เด็กด่านฯช่วยประสานงานเรื่องค่ายาจำนวน ๖๐๐๐ บาท กับทางเว๊ปสวนขลังให้แล้ว คุณพี่เด็กด่านฯยังจ่ายเงินส่วนตัวค่าจ้างทำอาหารปิ่นโตกับป้าหมอไปเป็นเงิน ๓๐๐๐ บาท(คุณพี่เบญริสา เจ้าของเว๊ปสวนขลัง ช่วยเงินส่วนตัวสมทบมาอีก ๕๐๐ บาทในภายหลัง) ค่าอาหารเดือนที่ผ่านมาประมาณเกือบๆ ๒๕๐๐ บาท(จำตัวเลขไม่ได้) แต่คุณป้าหมอผู้ทำอาหารปิ่นโตไม่มีทอน คุณพี่เด็กด่านฯจึงบอกให้คุณป้าหมอเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยหักค่าใช้จ่ายกันในเดือนหน้า...ช่างใจบุญจริงๆ

อนุโมทนา...สาธุ

ขอบคุณครับ

 

ค่าอาหารเช้า-เพล สองมื้อ ตกวันละ 120.-บาทครับ ป้าหมอส่งปิ่นโตทุกวันโดยเดินข้ามสะพานมา มาทราบทีหลังว่าป้าหมอก็อายุมากแล้ว ตั้ง 83 ปีแล้วครับ ชาวบ้านแถวนั้นแซวกันว่า เดินให้ดีนะป้าฯ เดี๋ยวสะดุด หกล้ม หลวงปู่ก็อดฉันหร๊อก แต่ดูแล้วป้าหมอฯ ยังแข็งแรงดี เมื่อเทียบกับคุณพ่อผมอายุไล่ๆ กัน คุณพ่อผมก็เดินไม่ค่อยไหวแล้วเหมือนกัน และที่ผมเคารพและเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ เพราะว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งคุณพ่อของผมป่วยด้วยโรคชรา
ผมก็ทำใจไว้แล้วครับ พอดีทราบข่าวจากคุณปื๊ดฯ (ตอนนั้นก็ยังไม่รู้จักและสนิทกัน) ว่าจะทำล๊อคเก็ตไว้เป็นค่าหยูกค่ายาเพื่อไว้รักษาและถวายหลวงปู่ดี ซึ่งผมก็ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อของหลวงปู่ีดีมาก่อน ผมก็เลยร่วมทำบุญกับคุณปื๊ดฯ ผ่านทางเจ้าของเว๊ปสวนขลังและผมได้ตั้งจิตอธิฐานว่า ขอให้บุญกุศลที่ผมได้ทำกับพระชราภาพรูปนี้ส่งผลให้คุณพ่อของผมหายป่วยด้วยเถิด...หลังจากนั้นคุณพ่อของผมอาการดีขึ้นเรื่อยๆ และหายป่วยในที่สุดครับ ผมจึงได้ไปกราบหลวงปู่ที่กุฏิที่วัดเทพากรพร้อมๆ กับชาวคณะสวนขลัง หลังจากนั้นก็ไปทำบุญบ้าง ถวายเพลร่วมกับคณะสวนขลังบ้าง และได้เห็นความเป็นอยู่ของหลวงปู่ที่วัดเดิมค่อนข้างจะลำบากพอสมควร จึงร่วมกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวสวนขลังนิมนต์หลวงปู่มาอยู่ที่วัดราษฏร์ประคองธรรมแห่งนี้แหละครับ

 

สวัสดีครับ

บรรยากาศเก่าๆที่กุฏิหลวงปู่ดี เมื่อครั้งท่านอยู่ที่วัดเทพากร ส่วนภาพบรรยากาศกุฏิที่วัดเทพากรโดยรวมคงต้องรอคุณพี่ปื๊ดปู่นนท์หรือคุณพี่เด็กด่านฯ(น่าจะมีภาพเยอะ)มาโพสต์ให้ชม

ขอบคุณครับ

เครดิตภาพจาก : เว๊ปสวนขลังและคุณพี่เด็กด่านฯ

 

สวัสดีครับ

สาเหตุที่นิมนต์หลวงปู่ดีท่านย้ายวัด เพราะว่าที่กุฏิเดิมของท่านเป็นพื้นที่ต่ำและเป็นกุฏิแบบเปิดไม่มีประตูหรือกำแพงที่มิดชิด สัตว์มีพิษต่างๆสามารถเข้าไปได้ เมื่อถึงฤดูฝนน้ำก็จะท่วมพื้นกุฏิ หลวงปู่ท่านก็ต้องนั่งรอให้น้ำลดลงก่อนถึงจะลงมาจากเตียงของท่านได้ ท่านเล่าให้ฟังเมื่อครั้งไปทำบุญที่วัดเทพากรพร้อม เพื่อน พี่ น้อง ชาวเว๊ปสวนขลัง ว่า บางครั้งลืมตาขึ้นมาก็เห็นตะขาบขาแดงๆตัวใหญ่มาเกาะอยู่ที่มุ้งของท่าน บางครั้งท่านไม่มีอาหารขบฉันก็เอารากกระชายจิ้มน้ำพริกฉันเพื่อประทังชิวิตให้รอดและเป็นประจำที่เจอสภาพนี้แต่ก็เป็นการฝึกตนตอนอยู่ในป่าน่ากลัวกว่านี้ ตอนอยู่ในป่าท่านเคยเจอกระทั่งเสือ(ท่านเล่าให้ฟัง)โผล่ออกมาให้เห็น ตัวใหญ่ ตาแดง แต่ก็กระโดดหายไป เมื่อชาวเว๊ปสวนขลังเห็นความเป็นอยู่ของท่านก็เกิดความทุกข์ใจ เพราะไกล้ฤดูฝนอีกแล้วจึงหาวิธีแก้ไข ในคราวแรกชาวเว๊ปสวนขลังตั้งใจจะหาทุนบูรณะกุฏิหลวงปู่ดีใหม่แต่ต้องใช้ทุนจำนวนมาก แต่พอดีเหล่า ผู้ใจบุญต้นแนวคิด สามารถติดต่อที่วัดราษฏ์ประคองธรรมได้ก่อน จึงเป็นที่มาของหลวงปู่ดีในการย้ายมาจำอยู่ที่วัดราษฏ์ประคองธรรม

ขอบคุณครับ