ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    สกลนครน้ำท่วมหนัก ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 18 อำเภอ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สกลนครน้ำท่วมหนัก ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ อุทกภัยทั้งจังหวัด 18 อำเภอ หลังได้รับอิทธิพลร่องมรสุมฝนตกต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนในทุกพื้นที่

    นายวิชาญ แท่นหิน รักษาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสกลนคร ได้แจ้งเตือนประชาชนชาวจังหวัดสกลนคร ทั้ง 18 อำเภอ ให้ระมัดระวังอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก รวมถึงน้ำท่วมฉับพลันในช่วงนี้ หลังสถานีอุตุนิยมวิทยาตรวจพบร่องความกดอากาศต่ำ ประกอบกับตรวจพบพายุดีเปรสชั่น หรือพายุโซนร้อนจะพาดผ่านบริเวณอีสานตอนบน

    และในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจากร่องมรสุม ส่งผลให้ปริมาณฝนในเขตพื้นที่จังหวัดสกลนครในหลายอำเภอมีปริมาณสูงมาก อาทิเช่นที่ อำเภอพังโคน เมื่อคืนนี้วัดได้ถึง 100 มิลลิเมตร ทำให้ชาวบ้านในบริเวณอำเภอกังกล่าวได้รับผลกระทบน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

    ล่าสุดจังหวัดสกลนครได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ อุทกภัยทั้ง 18 อำเภอแล้ว ได้รับรายงานว่าพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายนั้น มีกว่า 84,558 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ไรนา 67,130 ไร่ อื่น ๆ 17,428 ไร่ นอกจากนั้นยังมีถนนหนทางที่เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของถนนลูกรังเสียไปแล้ว 685 สาย เขื่อนฝายขนาดเล็กเสียหาย 11 แห่ง รวมถึงถนนลาดยางในความรับผิดชอบของทางหลวงชนบท องค์การบริหารส่วนจังหวัด ทางหลวงแผ่นดินก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยตอนนี้อยู่ในขั้นการสำรวจความเสียหายอยู่

    ในส่วนของความช่วยเหลือจากทางภาครัฐนั้น โดยทางนายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ออกตรวจสอบความเสียหายพร้อมกับทำการช่วยเหลือในเบื้องต้น ผ่านทาง ปภ.จังหวัดสกลนคร ประสานภาคีเครือข่าย รวมทั้งนายกเหล่ากาชาดได้นำถุงยังชีพไปบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน จากนั้นในเรื่องเงินช่วยเหลือตามระเบียบราชการ เงินทดลองการคลัง ก็จะดำเนินการต่อไป

    ในส่วนของภาพรวมน้ำต้นทุนในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ณ ปัจจุบัน อยู่ในเกณฑ์ 77 % ซึ่งถืออยู่ในเกณฑ์ที่ดี หากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับกับปีที่ผ่านมา พบว่าน้ำในปีนี้มีปริมาณสูงขึ้นกว่า 20 % ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากภาคอีสานในช่วงฤดูฝนปีนี้ได้รับอิทธิพลจากร่องมารสุมและพายุพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง อย่างไรก็ตามได้ฝากไปยังพี่น้องประชาชนหากได้รับภัยพิบัติเดือดร้อนสามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1784

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2010
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนเหนือ-อีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ลักษณะอากาศทั่วไป

    ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ หนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ระวังอันตรายจากภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกในระยะนี้สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงในช่วงฝนฟ้าคะนอง ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

    ภาคเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดหนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง

    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก

    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก
    ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
    ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูลอุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 34 องศาลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ข้อมูลจาก
    กรมอุตุนิยมวิทยา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ยิงเอ็ม79ถล่มค่ายขุนเณร เชียงใหม่5ลูกซ้อน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สุดอหังการ มือมืดซัดเอ็ม 79 ถล่มกรมรบพิเศษค่ายขุนเณร อ.แม่ริม เชียงใหม่5ลูกซ้อน มทภ.3เต้นสั่งรปภ.เข้ม

    ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำ จ.เชียงใหม่ รายงานว่า

    เมื่อค่ำวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้านใกล้กรมรบพิเศษที่ 5 ค่ายขุนเณร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดหลายครั้ง จึงได้มีการสอบถามกันวุ่นวายตลอดทั้งวันว่าค่ายดังกล่าวถูกคนร้ายยิงระเบิด เอ็ม79 ถล่มหลายลูก แต่ พ.อ.สายันต์ เมืองศรี ผบ.กรมรบพิเศษที่ 5 ได้กล่าวปฏิเสธ อ้างว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ไม่มีการยิงระเบิดเข้ามาแต่อย่างใด

    ต่อมาเย็นวันนี้ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3

    ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กรมรบพิเศษที่ 5 จ.เชียงใหม่ว่า จากที่ได้รับรายงาน และจากการตรวจสอบทราบว่า เมื่อคืนวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลา 19.00 น. มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงเข้าไปในกรมรบพิเศษที่ 5 ค่ายขุนเณร อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ถึง 5 ลูก ตกบริเวณสนามหญ้า หน้ากองรักษาการ โดยกระสุนเอ็ม 79 ระเบิด 2 ลูก ส่วนที่เหลือไม่ทำงาน ส่งผลให้บริเวณสนามหญ้ากลายเป็นหลุมเล็กน้อย แต่สถานที่ส่วนอื่นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเบื้องต้นได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาตรวจสอบถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น


    อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ในระหว่าง การตรวจสอบว่า

    ผู้ก่อเหตุเป็นคนกลุ่มใด
    ส่วนการรักษาความปลอดภัยในหน่วยทหารต่างๆ จากที่มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยรักษาความปลอดภัยบริเวณกองรักษาการณ์อยู่แล้ว คงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เผย!ชาวมะกันมองสหรัฐฯยังไม่ปลอดภัยหลังเกิดวินาศกรรม11ก.ย.2001</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    เผย!ชาวมะกันมองสหรัฐฯยังไม่ปลอดภัยหลังเกิดวินาศกรรม11ก.ย.2001

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi] สำนักข่าวเอบีซีและหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ในสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกัน ครั้งแรกในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา พบว่ามีชาวอเมริกันเพียง 48% ที่คิดว่า สหรัฐในปัจจุบันมีความปลอดภัยจากการก่อการร้ายมากกว่าก่อนเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001

    ขณะที่ในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้วภายใต้การนำของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช พบว่า มีชาวอเมริกันถึงร้อยละ 49-67 ที่ตอบว่าอเมริกาในปัจจุบันมีความปลอดภัยจากการก่อการร้ายมากกว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ 11 กันยา

    ผลสำรวจล่าสุดพบด้วยว่า มีชาวอเมริกัน 14% ที่คิดถึงการถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายทุก ๆ วัน แต่อีก 50% ไม่ได้คิดเช่นนั้น
    [/FONT]
    <!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>
    กลับสู่หน้าแรก ​
    -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446

    ผลกระทบของการอยู่เเบบไม่พอเพียง
    เน้นเเต่ความรวย อยู่เเล้วไม่สุขใจ อยู่เเล้วมีภัยให้คิดตลอด
    ถ้าเมืองไทยสนับสนุนการอยู่อย่างพอเพียงจะเป็นประเทศที่มีความสุข เมืองในฝัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2010
  5. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    บ้านทรุดมีแทบทุกที่ เรียกว่าเจอได้ทั่วไป จนคนอาจจะไม่ใส่ใจ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระทึก! ทาวน์เฮาส์ทรัพย์ยั่งยืนเมืองปากน้ำทรุด 16 หลัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 กันยายน 2553 18:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สภาพทาวน์เฮาส์แฝด 16 หลังในหมู่บ้านทรัพย์ยั่งยืน จ.สมุทรปราการ เกิดรอยร้าว ทรุดตัว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผู้พักอาศัยขนทรัพย์สินออกจากตัวบ้าน เกรงเกิดอันตราย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ทาวน์เฮาส์บ้านแฝด 16 หลัง ในหมู่บ้านทรัพย์ยั่งยืน สมุทรปราการ ซื้ออยู่อาศัยไม่ถึง 5 ปี แตกร้าว ทรุดตัว ทำให้ผู้อาศัยตื่นตระหนกขนย้ายข้าวของหนีกันอลหม่าน ขณะที่หัวหน้าสนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผย เหตุทรุดตัว อาจเกิดจากแผ่นดินยุบตัวลง เพราะเดิมพื้นที่ใช้ก่อสร้างหมู่บ้านเป็นบ่อปลา ด้านผู้ว่าฯ สมุทรปราการ ชี้ เจ้าของโครงการต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น

    วันนี้(11 ก.ย.) เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีทาวน์เฮาส์แฝด 16 หลังในหมู่บ้านทรัพย์ยั่งยืน ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทรุดตัวลง จึงรุดไปตรวจสอบ

    ที่เกิดเหตุ อยู่ภายในซอย 22 และ24 ของหมู่บ้านดังกล่าว สร้างเป็นทาวน์เฮาวส์แฝด 8 หลัง ลักษณะ หันหลังชนกัน รวม 16 หลัง พบชาวบ้านกำลังขนของออกจากบ้านกันอย่างอลหม่าน เนื่องจากเกรงว่าไม่ปลอดภัย พบบริเวณโดยรอบของทุกบ้าน ได้รับความเสียหายอย่างมาก บางหลังฝาผนังกำแพงบ้านเป็นรอยทะลุโบ๋ พื้นบ้านแต่ละหลังได้ทรุดตัวลงจนเกิดรอยร้าว ยาวตลอดทั้งแถบ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

    จากการสอบถามนายธวัชชัย ฤทธิ์มนตรี เจ้าของบ้านเลขที่ 8/292 ม.6 ทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 9 กันยายน 53 ขณะที่ตนกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงเหมือนปูนลั่น ซึ่งขณะนั้นภรรยาของตนกำลังล้างจานอยู่ในครัว ก็ได้เดินสำรวจดู พบว่าบ้านมีรอยร้าวและทรุดตัวเล็กน้อย ก็ยังไม่ได้ตกใจอะไร เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอตื่นมาช่วงเช้าพบว่ารอยร้าวที่มีเพิ่มขึ้นอีกทั้งยังมีเศษปูนร่วงลงเป็นระยะ และพื้นบ้านก็ได้ทรุดลงไปประมาณ 1 ฟุตจนเอียงไปข้างหนึ่ง โดยเฉพาะภายในครัวจะเห็นรอยร้าวได้อย่างชัดเจน ส่วนบริเวณพื้นหน้าบ้านที่ปูด้วยกระเบื้องก็ทรุดลงจนแตกละเอียด ทั้งตนและเพื่อนบ้านจึงได้รีบขนย้ายของออกจากบ้านโดยเร็ว เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งบ้านอาจจะทรุดตัวมาอีกก็ได้ โดยบ้านหลังดังกล่าวได้ซื้อมา 3 ปีในราคาประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งก็ยังเหลือเวลาผ่อนอีก 29 ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าตนและเพื่อบ้านจะได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองสมุทรปราการ

    ทางด้านนายประทีป ยั่งยืน นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนทั้ง 16 หลังคาเรือน โดยชาวบ้านที่อยู่ในซอย 24 จะเดือนร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 8/292 ที่พบรอยร้าวเกือบทั้งหลัง ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นนั้นทางเทศบาลจะนำเต้นท์มากางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านก่อน และจะกันบริเวณดังกล่าวโดยจะนำเชือกมากั้นและติดประกาศไว้ ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้ามาในพื้นที่ เพราะตัวอาคารของบ้าน อาจเกิดการทรุดตัวลงมามากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาเข้ามาตรวจสอบอย่างระเอียดอีกครั้ง พร้อมจะเรียกเจ้าของโครงการเข้ามาตรวจแบบว่าได้ก่อสร้างตรงกับที่อนุญาตไว้หรือไม่

    ด้านนายพีรพล ยังขาว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สาเหตุของการทรุดตัว ของบ้าน อาจจะเกิดจากแผ่นดินยุบตัวลง เนื่องจากเดิมพื้นที่ที่ใช้สร้างหมู่บ้านนั้นเดิมเป็นบ่อปลา ขณะนี้ได้ประสานไปยังสำนักโยธาธิการและผังเมืองให้เข้ามาตรวจสอบแล้ว ส่วนด้านการช่วยเหลือต่างๆนั้นจะเป็นหน้าที่ของเทศบาลเป็นผู้ดูและประสานไปยังเจ้าของโครงการ

    ด้านนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ในเบื้องต้นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน จากบ้านทรุดตัว ทางเทศบาลได้เตรียมสถานที่ โดยใช้หอประชุมเป็นที่พักชั่วคราว พร้อมกับเก็บสิ่งของ บางส่วนก็จะตั้งเต้นท์ไว้ให้ที่หน้าบ้าน เพื่อให้ชาวบ้าน นำสิ่งของที่ขนออกมาเก็บไว้ในเต้นท์เป็นการชั่วคราว จากการสอบถามพบว่า ชาวบ้านดังกล่าวยังซื้อไม่ถึง 5 ปี อย่างไรก็ตามเจ้าของโครงการจะต้องแสดงความรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

    ต่อมาเมื่อเวลา 08.00 น. ชาวบ้านจำนวน10 คน ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมปอง ศรีเพ็ชร สารวัตรเวร สภ.เมืองสมุทรปราการ ว่า ทาวเฮ้าส์หมู่บ้าน ทรัพย์ยั่งยืน ม.6 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีนายไสว เกตุแก้ว เป็นเจ้าของโครงการ โดยบ้านที่พวกตนอาศัยอยู่ได้เกิดทรุดตัวเสียหายนับสิบหลัง โดยมีผู้เข้าแจ้งความประกอบด้วย 1.นางกัญญาภัค โคตรพัฒน์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 / 285 2.นายวันชัย สร้อยสังวาล อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 / 289 3. น.ส.บุณยานุช ศรีสิงห์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 / 291 4.น.ส.ดาหวัน จันทร์แก้ว อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 5.นางชนาการต์ ฤทธิ์มนตรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 /292 6.นางนงลักษณ์ อินทร์ทอง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 /286 7. นางโกสุม นันทพงศ์สง่า อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 /287 8.นางนนทชา เศรษฐภัทรกุล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 /290 9. นายชัยวิวัฒน์ ปานมาก อายุ 44 ปี 8 /266 10. น.ส.รุ่งนภา รุ่งรอด อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 /264 ทั้งหมดอยู่หมู่บ้านทรัพย์ยั่งยืน ม.6 ต.บางเมืองใหม่

    โดยทั้งหมดได้ให้การตรงกันว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.30 - 05.00 น ขณะที่พวกตนอาศัยอยู่ในบ้าน อยู่ๆก็มีเกิดเสียงดังสนั่น ตั้งแต่หลังคา ฝ้าเพดาน ผนังห้อง พื้นห้อง ทรุดตัวแตกร้าวตามจุดต่างๆ ทุกหลังได้รับความเสียหาย ด้วยความตกใจต่างคนต่างวิ่งออกจากบ้าน หนีตายเกรงความไม่ปลอดภัย บางคนก็รีบขนย้ายข้าวของออกมา โดยได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อต้องการให้เจ้าของโครงการแสดงความรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เพิ่งสังเกต บ้านที่ทรุด เป็นบ้านเลขที่ 8 เลขราหูหมดเลย

    เอาไว้สังเกตว่าบ้านทรุดหรือเปล่า

    บ้านร้าว บ้านทรุด ตึกแถวทรุด จะดูจากอะไร สังเกตได้อย่างไร

    ขอแนะนำการสังเกตุจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]1) ประตูหน้าต่างเริ่มปิด - เปิดไม่สะดวก[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]2) มีรอยร้าวเฉียงๆ 45 องศา ที่ผนังรอยร้าวเป็นแบบเส้นเดียว ร้าวไปเรื่อยๆ ไม่หยุด[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]3) มีเศษปูนหล่นร่อนจากพื้น, จากเสา, จากคาน[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]4) มีเสียงลั่นดัง ในเวลาที่เงียบๆ ลักษณะเหมือนบ้านร้องได้[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]5) มีรอยแตกร้าว ที่พื้นตามมุมเสา[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]6) งานระบบ ท่อประปา เริ่มมีการชำรุด[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] * ข้อสังเกต 6 ข้อ ดังกล่าวเป็นข้อสังเกตเบื้องต้นที่ดำเนินการด้วยตาเปล่า การวินิจฉัยหาสาเหตุร่วม ในรายละเอียด ต้องใช้เครื่องมือทางวิศวกรรม ใช้วิศวกรเป็นผู้วินิจฉัยหาสาเหตุ และ แนวทางแก้ไข โดยเฉพาะใน 3 ข้อแรก จะเป็นอาการหลักๆ ของบ้านที่ทรุด[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] * บ้านที่ทรุดตัว มีหลายสาเหตุต้องวินิจฉัยเป็นกรณี แล้วทำการซ่อมอย่างถูกวิธี หากการซ่อมไม่ถูกวิธีแล้ว บ้านก็จะทรุดตัวต่อไปเรื่อยๆ ถึงขั้นอันตรายมาก[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif][/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif] * บ้านทรุด ต้องเร่งแก้ไข เพราะเมื่ออาการทรุดเกิดขึ้น ย่อมมีความเสียหายที่ตามมา คือ ผนังร้าวน้ำเข้าบ้านได้ เศษปูนหลุดออกมามองเห็นเหล็ก เหล็กเป็นสนิม[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]กำลังโครงสร้างลดลง โดยเฉพาะเสา ถ้าเสาชำรุดมาก บ้านทั้งหลังอาจถล่มลงมาได้[/FONT]


    "
     
  7. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่ะ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "ไข้เลือดออก" กำลังระบาด
    มารู้จักสมุนไพรไล่ยุงกันครับ

    [​IMG]

    สมุนไพรไล่ยุงและวิธีทำสมุนไพรไล่ยุง มีมากมายดังนี้:-

    [​IMG]

    สะระแหน่

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Mentha arversis ลักษณะสะระแหน่เป็นพืชเลี้อยตามพื้นดิน ลำต้นสีแดงเข้ม ใบกลมขนาด หัวแม่มือ ใบค่อนข้างหนา ริมใบหยักโดยรอบและมีกลิ่นหอม ส่วนที่ใช้ ใบ วิธีใช้ ขยี้ใบสะระแหน่สดทาถูที่ผิวหนังโดยตรง

    [​IMG]

    กระเทียม

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium sativum ลักษณะกระเทียมเป็นพืชหัว ประกอบด้วยกลีบเล็กๆ เกาะกัน โดยมีเยื่อ บางๆ สีขาวหุ้มหัวไว้เป็นชั้นๆ ใบยาว แข็งและหนา ดอกเป็นช่อเล็กๆ สีขาวรวมกันเป็นกระจุก อยู่ที่ปลายก้านดอก ส่วนที่ใช้ หัว วิธีใช้ นำหัวกระเทียมสดมาโขลกผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้ว กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาทาผิวหนัง หรือจะใช้หัวกระเทียมสด ทาถูที่ผิวหนังโดยตรงก็ได้

    [​IMG]

    กะเพรา

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum sanotum ลักษณะกะเพราเป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นและใบมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ที่ นิยมปลูกตามบ้านมี 2 ชนิด คือ กะเพราขาว ใบสีเขียว และ กะเพราแดง ใบมีสีออกแดงเลือดหมู ส่วนที่ใช้ ใบ วิธีใช้ ขยี้ใบสดหลายๆ ใบวางไว้ใกล้ตัว กลิ่นน้ำมันกะเพราที่ระเหยออก มาจากใบจะช่วยไล่ยุงไม่ให้เข้ามาใกล้ หรือจะขยี้ใบสดแล้วทาถูที่ ผิวหนังโดยตรงก็ได้ แต่กลิ่นน้ำมันกะเพรานี้ระเหยหมดไปค่อนข้างเร็ว จึงควรหมั่นเปลี่ยนบ่อยครั้ง

    [​IMG]

    ว่านน้ำ

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Acorus calamus ลักษณะว่านน้ำเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามริมหนองน้ำหรือบริเวณที่ชื้นแฉะ เหง้า เป็นเส้นกลมหนา สีขาวออกม่วง เจริญงอกงามตามยาวขนานกับ ผิวดิน รากเล็กเป็นฝอย ใบแตกจากเหง้า ลักษณะเป็นเส้นตรง ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ เห็นเส้นกลางใบชัดเจน ช่อดอกทรง กระบอกสีเหลืองออกเขียว ส่วนที่ใช้ เหง้า วิธีใช้ หั่นเหง้าสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาโขลกผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาใช้ทาผิวหนัง

    [​IMG]

    แมงลัก

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum citratum ลักษณะ แมงลักเป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 60-70 เซนติเมตร ดอกสีขาว เป็นช่ออยู่ปลายกิ่ง ส่วนที่ใช้ ใบ วิธีใช้ ขยี้ใบสดทาถูที่ผิวหนัง

    [​IMG]

    ตะไคร้หอม

    ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon nardus ลักษณะ ตะไคร้หอมขึ้นเป็นกอ ลักษณะคล้ายตะไคร้บ้านแต่ใบยาวกว่าและ ลำต้นมีสีแดง ดอกเป็นพวงช่อฝอย ส่วนที่ใช้ ต้นและใบ วิธีใช้ นำต้นและใบสดมาโขลกผสมกับน้ำ ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 1 แล้ว กรองเอาแต่ส่วนที่เป็นน้ำมาใช้ทาผิวหนัง หรือนำต้นสด 4-5 ต้นมา ทุบแล้ววางไว้ใกล้ตัว กลิ่นน้ำมันตะไคร้หอมที่ระเหยออกมาจะช่วย ไล่ยุงไม่ให้เข้ามาใกล้

    ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/health-dd/2009/08/22/entry-1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 001290_m.jpg
      001290_m.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.7 KB
      เปิดดู:
      1,631
    • 1116360860.jpg
      1116360860.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.5 KB
      เปิดดู:
      1,763
    • 23072008105620.jpg
      23072008105620.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.9 KB
      เปิดดู:
      1,627
    • l21-235-6.jpg
      l21-235-6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.4 KB
      เปิดดู:
      1,641
    • mm.jpg
      mm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.1 KB
      เปิดดู:
      1,601
    • สมุนไพร.jpg
      สมุนไพร.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50 KB
      เปิดดู:
      1,535
    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86.2 KB
      เปิดดู:
      1,646
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2010
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ปก.ลป.jpg
      ปก.ลป.jpg
      ขนาดไฟล์:
      208.6 KB
      เปิดดู:
      1,415
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      175 KB
      เปิดดู:
      1,422
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      215.7 KB
      เปิดดู:
      1,469
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      527.2 KB
      เปิดดู:
      1,500
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      239.6 KB
      เปิดดู:
      1,420
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      547.3 KB
      เปิดดู:
      1,480
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      219.3 KB
      เปิดดู:
      1,444
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      886.4 KB
      เปิดดู:
      1,485
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.9 KB
      เปิดดู:
      1,420
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      742.5 KB
      เปิดดู:
      1,444
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      226.8 KB
      เปิดดู:
      1,380
  10. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตและขอบคุณในการเสียสละเวลาอันมีค่ายิ่งของทุกท่านที่ได้แบ่งปันความรู้และนำข้อความ ความรู้ต่างๆมาให้เสมอ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งขึ้นทั่วกันค่ะ

    บุญรักษาค่ะ
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พบซากเต่ากระ อาจกินถุงพลาสติก นึกว่าแมงกะพรุน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>

    พบซากเต่ากระ อาจกินถุงพลาสติก นึกว่าแมงกะพรุน

    ลอยเกยหาดบ่อนอก

    เมื่อ 10.00 น.วันที่ 11 กันยายน 53 นายบุญชู จงรักษ์ กำนัน ต.บ่อนอก ได้รับแจ้งจากนายจุ่น แซ่เตียว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่6 ต.บ่อนอก ว่า พบเต่าขนาดใหญ่ตายและลอยมาเกยชายหาดบ่อนอกบริเวณหมู่ที่ 5 ต.บ่อนอก หน้าร้านอาหารลมหวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นเต่าทะเลขนาดใหญ่ ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงได้แจ้งให้ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทราบ

    นายสว่าง ช้างนะ ประมงอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นางนิตยา รักษาราษฎร์ และนายสุริยา พันธ์แก้ว นักวิชาการประมง เดินทางมาตรวจสอบ พบว่าเป็นเต่ากระ สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 มีน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม อายุประมาณ 20 ปี คาดว่าจะตายมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะเนื้อเต่าเน่าเปื่อยกระดองหลุดร่อน ก่อนลอยมาเกยชายหาดบ่อนอก

    ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่า เต่ากระอาจจะไปกินถุงพลาสติกที่ลอยอยู่ในทะเลและคิดว่าเป็นแมงกะพรุน หรือ อาจจจะถูกเครื่องมือประมงขนาดใหญ่จากเรื่ออวนลาก หรือเรือคลานหอย จนได้รับบาดเจ็บและตาย ส่วนสาเหตุที่แท้จริง คงต้องนำเต่ากระไปผ่ากระเพาะเพื่อตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง


    นายสว่าง ช้างนะ ประมงอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวอีกว่า นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะเต่ากระหายากและ มีจำนวนน้อยกว่าเต่าชนิดอื่นๆ มีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยามาก จึงอยากรณรงค์ให้ชาวประมงได้ช่วยกัน หากพบเต่าติดอวนให้รีบปลดและปล่อยลงทะเล เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เต่าเสียชีวิต สำหรับเต่ากระนั้นก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 เดือน พบเต่ากระขนาดเล็กติดอวน ได้ช่วยกันนำส่งศูนย์วิจัยประมงคลองวาฬเพื่ออนุบาล เมื่อเต่าแข็งแรงสมบูรณ์ จะนำปล่อยสู่ทะเลต่อไป

    เต่ากระ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ERETMOCHELYS IMBRICSATA

    มีลักษณะเด่น คือ มีปากแหลมเป็นจะงอยคล้ายปากเหยี่ยว มีกระดองที่มีลวดลายงดงาม เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อโตเต็มที่จะวัดขนาดได้ประมาณ 60-100 เซนติเมตร และหนักประมาณ 120 กิโลกรัม

    เต่ากระเป็น 1 ใน 5 เต่าทะเลที่พบได้ในประเทศไทย ซึ่งเต่ากระจะขึ้นวางไข่ในราวเดือนตุลาคม-มีนาคม ใช้เวลาฟักเป็นตัวราว 45 วัน เป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 มักถูกล่าเพื่อนำกระดองมาทำเครื่องประดับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    11 ก.ย.53 รายงานข่าวอ้างจากสำนักข่าวเดอะการ์เดียนสื่อมีชื่อของประเทศอังกฤษ หลังนายเบน โดเฮอร์ตี้ ได้รายงานถึงสภาพความเป็นอยู่ของบรรดาสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์พาต้า
    โดยนายเบน ได้เผยว่าความเป็นอยู่ของสัตว์นั้น อยู่ในพื้นที่ที่แคบจนเกินไป อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเจ้าคิงคอง ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรงขนาด 15 X 10 เมตร และปราศจากต้นไม้ในกรง มีเพียงเชือกไม่กี่เส้น ไว้ให้มันคอยห้อยโหนเท่านั้น
    นอกจากนี้สัตว์อีกหลายชนิดยังอยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับความดูแล เช่น เพนกวิน ที่มีเหลืออยู่เพียงตัวเดียวจากทั้งหมด 10ตัว โดยเจ้าเพนกวินตัวดังกล่าวอาศัยอยู่ในห้องปรับอากาศที่มีสระขนาดเท่าอ่างอาบน้ำเท่านั้น ซึ่งทำให้มันไม่สามารถดำพุดดำว่ายได้ตามสัญชาตญาน
    ขณะที่ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าในประเทศไทย ได้เผยว่าการมีสวนสัตว์อยู่ในห้าง ก็เหมือนกับการติดคุกนั่นเอง เพราะพื้นที่มันคับแคบเกินไป อีกทั้งยังมีความสกปรกและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วย เนื่องจากไม่สามารถรับแสงได้เพียงพอ และถ้าหากมีคนไปชมสัตว์ต่างๆ มากและใกล้เกินไป ก็ส่งผลให้สัตว์อาจเกิดความเครียดได้
    สำหรับสวนสัตว์พาต้านั้น ถือว่าเป็นสวนสัตว์ที่ถูกกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ ใบรับรองก็ถูกต่ออายุออกไปแล้วด้วย

     
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146

    อากาศร้อนๆแบบนี้ เฮนรี่ขอนำเสนอ............


    ตอนนี้เรามักได้ยินคำว่า พายุสุริยะ บ่อยๆ ทั้งจากทีวี หนังสือพิมพ์ มีการนำเค้าโครงมาสร้างเป็นหนังให้ดูในหลายๆครั้ง พายุสุริยะคืออะไรทำไมถึงมีการพูดกันมากขึ้น มันน่ากลัวไหม...


    การที่เราได้ยินคำว่าพายุสุริยะบ่อยครั้งขึ้น อาจเป็นเพราะมันไปสอดคล้องกับคำทำนายหรือตำราบางเล่มที่กล่าวถึงกาลอวสานของโลกที่จะเกิดขึ้นในอีก3ปีข้างหน้า นั่นก็คือในปีค.ศ.2012..ซึ่งจะตรงกับที่นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณเอาไว้ว่ามันจะเกิดปรากฎการณ์พายุสุริยะพอดี..พายุสุริยะจะเกิดขึ้นทุกๆ11ปี และจะทวีความรุนแรงขึ้น มันจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีค.ศ.2012 แต่นักวิทยาศาตร์ก็คิดว่าพายุสุริยะจะไม่ส่งผลโดยตรงต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก เนื่องจากโลกมีบรรยากาศและสนามแม่เหล็กโลกคุ้มกัน จึงทำให้เราปลอดภัยจากพายุสุริยะ...


    **ดังนั้นมีเพียงกรณีเดียวที่โลกจะถึงจุดจบจากพายุสุริยะนั่นก็คือ มีการเคลื่อนตัวของสนามแม่เหล็กโลก***


    เรามาทำความรู้จักกับพายุสุริยะกันดีกว่า...




    [​IMG]


    ย้อนอดีตไปเมื่อ 300 ปีก่อนนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้รู้ว่า ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยก๊าซร้อนและความดันที่มีอยู่ในก๊าซนั้นมีค่าสูงพอที่จะรับ น้ำหนักของก๊าซที่กดลงมาได้ ดังนั้นดวงอาทิตย์จึงสามารถทรงตัว ทรงรูปร่างและทรงขนาดอยู่ได้


    และเมื่อ 100 ปีก่อนนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มรู้ว่า ดวงอาทิตย์มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก และมีฮีเลียมเป็นองค์ประกอบรอง และนอกจากธาตุทั้งสองนี้แล้วดวงอาทิตย์ก็ยังมีธาตุอื่นๆ เช่น คาร์บอน โซเดียม แคลเซียม และเหล็กบ้าง


    ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 นักดาราศาสตร์ได้พบว่า ในบางขณะผิวดวงอาทิตย์จะมีเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้มีเปลวก๊าซร้อน พุ่งออกจากผิว และในบางครั้งเปลวก๊าซอาจจะพุ่งไกลถึงล้านกิโลเมตร เหตุการณ์ระเบิดที่ผิวแล้วทำให้มีเปลวก๊าซร้อนพุ่งออกไปใน อวกาศนี้ เราเรียกว่า พายุสุริยะ (solar wind)
    การศึกษาพายุสุริยะในเวลาต่อมาได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า พายุนี้เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง เพราะเมื่อเรารู้ว่า เปลวก๊าซร้อนที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์นั้นนำอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าออกมากมายด้วย ดังนั้น เมื่ออนุภาคเหล่านี้พุ่งถึงชั้นบรรยากาศ เบื้องบนของโลก ถ้าขณะนั้นมีนักบินอวกาศร่างกายของนักบินอวกาศคนนั้นก็จะได้รับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าและรังสีต่างๆ มากเกินปรกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเป็นอันตรายได้


    พายุสุริยะคืออะไร?


    พายุสุริยะคือกระแสของอนุภาคพลังงาน สูงที่พัดมาจากดวงอาทิตย์ด้วยปริมาณและความเร็วสูงกว่าระดับปกติ อนุภาคนี้มีทั้งอิเล็กตรอนและโปรตอน เป็นตัวการทำให้เกิดแสงเหนือใต้ และพายุแม่เหล็ก ซึ่งส่งผลต่อดาวเทียม ยานอวกาศ และระบบสายส่งบนโลก
    พายุสุริยะมีผลกระทบต่อโลกอย่างไร?

    ปกติพายุสุริยะจะไม่ ส่งผลโดยตรงต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก เนื่องจากโลกมีบรรยากาศและสนามแม่เหล็กคุ้มกัน มีเพียงนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอวกาศเท่านั้นที่อาจได้รับ อันตราย ทั้งจากพายุสุริยะและรังสีจากดวงอาทิตย์
    ในอดีต พายุสุริยะเคยสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นแล้วหลายครั้ง เช่น ใน ค.ศ. 1859 พายุสุริยะทำให้สายโทรเลขลัดวงจรจนทำให้เกิดเพลิงไหม้หลายแห่งในยุโรปและ อเมริกา ส่วนใน พ.ศ. 2532 พายุสุริยะก็เคยทำให้หม้อแปลงของไฟฟ้าระเบิดจนทำให้ไฟดับทั่วทั้งจังหวัด ควิเบกของแคนาดามาแล้ว นอกจากนี้ดาวเทียมและยานอวกาศที่อยู่ในอวกาศก็อาจเสียหายจากพายุสุริยะได้ ในอดีตเคยมีดาวเทียมหลายดวงเสียหายจากเหตุการณ์นี้มาแล้ว เนื่องจากปัจจุบันชีวิตประจำวันของผู้คนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอวกาศมาก ทั้งโทรศัพท์ โทรทัศน์ การกระจายเสียงวิทยุ ระบบบอกพิกัด ฯลฯ ดังนั้นหากมีพายุสุริยะมาทำให้ดาวเทียมเหล่านี้เสียหายไป ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแน่นอน



    ในปี ค.ศ. 2012 จะเกิดพายุสุริยะโจมตีโลกจริงหรือ?

    จริง
    พายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา และส่งผลกระทบถึงโลก และมีระดับความรุนแรงผันแปรเป็นคาบ คาบละประมาณ 11 ปี คาบที่ชัดเจนนี้ทำให้นักดาราศาสตร์พยากรณ์ได้ว่าช่วงสูงสุดหรือต่ำสุดของ วัฏจักรสุริยะจะเกิดขึ้นเมื่อใด ช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะเกิดในครั้งถัดไปคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลาง ค.ศ. 2013
    ช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะกินเวลายาวนานข้ามปี ดังนั้นแม้ช่วงสูงสุดจะอยู่ใน ค.ศ. 2013 แต่พายุสุริยะก็เริ่มจะกระหน่ำโลกตั้งแต่ก่อน ค.ศ. 2012 แล้ว
    แม้ ช่วงปี 2013 จะอยู่ในช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะ แต่พายุสุริยะที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าที่เคยเกิดขึ้นในรอบก่อน ซึ่งเกิดในราวปี ค.ศ. 2000, 1989, และก่อนหน้านั้น ความจริงมีแนวโน้มว่าช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะมาถึงในปี 2013 จะอ่อนกำลังกว่าวัฏจักรก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำ


     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "อตฺตาหิ อตฺโนนาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    นิทานธรรมะบันเทิง
    เรื่อง ตาแช่ม นักขอพร
    โดย..พระมานะ จิรวฒฺฑโน “คิดดี ทำดี”

    ตาแช่ม เป็นคนที่..ไม่ชอบเข้าวัดฟังเทศน์ ฟังธรรมะ อะไรกับเขาหรอก แต่ชอบสวดมนต์ภาวนา ขอพรพระเจ้า ที่ตนเอง เคารพนับถือ กราบไหว้อยู่ในบ้าน ตาแช่มสวดมนต์ภาวนาขอพรพระเจ้าทุกวัน เพราะตาแช่มเชื่อว่าพระเจ้าจะคอยดูแลปกป้องให้ความช่วยเหลือ ตาแช่มในยามทุกข์ยากเสมอ

    อยู่มาวันหนึ่ง เกิดเหตุร้าย มีภัยธรรมชาติ น้ำกำลังจะท่วมบ้านเมืองเสียหาย ชาวบ้านต่างพากันรีบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด มีแต่ตาแช่มเท่านั้นที่ไม่ยอมหนีไป ตาแช่มบอกกับชาวบ้านว่า..”ข้าไม่ไปหรอก ข้าสวดมนต์ขอพรพระเจ้าทุกวัน ให้พระเจ้าคอยดูแลปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือข้าเสมอ พระเจ้าน่ะมีอิทธิฤทธิ์ท่านต้องมาไม่ทิ้งข้าให้ลำบากอยู่แล้ว ข้าจะโง่หนีทำไม เดี๋ยวพระเจ้าก็มา..”

    ชาวบ้านช่วยกันเตือนว่า..น้ำกำลังจะท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ ตาแช่มหนีเถอะ แต่ตาแช่มก็ไม่สนใจ เอาแต่นั่งสวดมนต์ภาวนา ขอพรพระเจ้าของตนบนบ้านต่อไปอย่างไม่ลดละ เพราะเชื่อว่าพระเจ้าที่ตนเองขอพรทุกวัน จะมาช่วยเหลือตนเอง ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้ แต่.รอแล้วรอเล่าก็ไม่มา ตาแช่ม จึงได้แต่บ่นพึมพำในใจตนเองว่า..“เอ้..ทำไมพระเจ้าไม่รีบมาช่วยเรา” หรือว่า.. “พระเจ้าติดธุระกำลังช่วยคนอื่นอยู่ โธ่..พระเจ้า รีบมาช่วยตาทีเถอะ” ตาแช่มก็ได้แต่นั่งสวดภาวนาขอพร ให้พระเจ้ามาช่วยเหลือตนเองอยู่อย่างนั้น น้ำก็ท่วมสูงขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงชั้นสองของตัวบ้านแล้ว

    ต่อมา..
    อยู่ๆก็มี คนพายเรือลำหนึ่งมา เขาร้องตะโกนเรียกว่า “ตาแช่ม ลงเรือหนีเถอะน้ำกำลังท่วมสูงมากแล้ว อีกไม่นานคงท่วมถึงหลังคา รีบหนีกันเถอะตาแช่ม” แต่ตาแช่ม ก็ยังไม่ยอมลงเรือ แถมยังขับไล่ ชายหนุ่มที่พายเรือมารับไปซะนี่ แล้วก็ตั้งใจสวดมนต์ขอพรพระเจ้าของตนเองบนบ้านต่อไป

    ต่อมา..
    น้ำก็ท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบถึงหลังคา ตาแช่มต้องปีนหลังคามานั่งสวดมนต์ภาวนาขอพรพระเจ้าให้มาช่วยเหลือตนเองอยู่ บนหลังคา อยู่ๆก็มี เฮรีคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมา มีคนทิ้งบันไดเชือก ลงมาจากเฮรีคอปเตอร์ แล้วร้องตะโกนบอกตาแช่มว่า“คุณตาขึ้นเครื่องเถอะ น้ำจะท่วมหมดบ้านแล้วเดี๋ยวจมน้ำตายนะตา” แต่ตาแช่ม ก็ยังไม่ยอมขึ้นเครื่อง แถมยังตะโกนบอก คนบนเฮรีคอปเตอร์ ว่า..คุณไปเถอะ ตาไม่ไปหรอก เดี๋ยวพระเจ้าก็มาช่วยตาแล้ว ท่านกำลังทดลองใจของตาดูเท่านั้นเอง เมื่อคนบนเฮรีคอปเตอร์พยายามตะโกนพูดกล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงต้องบินจากไป

    ต่อมา..
    น้ำสูงขึ้นเรื่อยๆจนน้ำท่วมหมดทั้งบ้าน ทำให้ตาแช่มต้องจมน้ำตาย พอตายแล้วยมบาลมารับตัวไปพิจารณาว่า ตาแช่มจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก แต่ท่านยมบาลยังไม่ทันได้พิจารณาคดี ก็ได้ยินเสียงตาแช่ม ด่าพระเจ้าต่างๆนาๆ ว่า.. พระเจ้าเลว อย่างนู้นอย่างนี่ ไม่ยอมมาช่วยเหลือตนเอง

    เทวดาผู้มีหน้าที่รับใช้พระเจ้าอยู่บนสวรรค์ได้ยินเข้า จึงรีบอาสาลงมาอธิบายให้ตาแช่มเข้าใจ แทนพระเจ้า พอมาถึงเทวดาจึงร้องตะโกนบอกตาแช่มว่า “เจ้าคิดผิดแล้วละ พระเจ้าไม่ได้ใจจืดใจดำทอดทิ้งตาแช่มเลยนะ ตรงกันข้าม ความจริงแล้วพระเจ้าได้ช่วยชีวิตตาแช่ม ตั้งแต่นาทีแรกที่ตาแช่มสวดมนต์ขอพรแล้ว” ลองคิดดูดีๆซิ..ตาแช่ม

    ครั้งแรก..
    พระเจ้าใช้อิทธิฤทธิ์ ดลใจให้ชาวบ้านมาบอกตาแช่มว่า น้ำท่วมให้รีบหนีไป แต่ตาแช่มก็ไม่ยอมไป ใช่ไหมละ

    ครั้งที่สอง..
    พระเจ้าใช้อิทธิ์ฤทธิ์ ดลใจให้คนพายเรือ มาช่วยรับตาแช่มให้หนีไปด้วย แต่ตาแช่มก็ไม่ยอมไปอีก ใช่ไหมละ

    ครั้งที่สาม..
    พระเจ้ากลัวตาแช่มจมน้ำตาย จึงใช้อิทธิ์ฤทธิ์ดลใจให้ คนขับเฮรีคอปเตอร์รีบมาช่วยรับตาแช่ม ให้หนีไปกับเขา แต่ตาแช่มก็ยังไม่ยอมไปอีกใช่ไหมละ

    ตาแช่มคิดตามเรื่องราวที่เทวดาพูด ก็ได้ฉุกคิด สำนึกในพระคุณของพระเจ้าได้แต่นั่งร้องไห้ เพราะสำนึกผิดที่ด่าว่าพระเจ้าต่างๆนาๆ

    เทวดาจึงพูดอีกว่า..
    เห็นหรือยังละ พระเจ้าช่วยตาแช่มไว้ถึง 3 ครั้งแล้ว แต่เพราะตัวตาแช่มเองต่างหากละ ที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพระเจ้าเลย จึงต้องจมน้ำตายอย่างนี้

    ยมบาลจึงพูดว่า เทวดาพูดถูกต้องแล้วละตาแช่มเอ๋ย จงอย่าโกรธพระเจ้าเลย คุณงามความดีที่ตาแช่มได้สร้างบุญกุศล สวดมนต์ภาวนาไว้ กำลังจะช่วยให้ตาแช่มได้ขึ้นสวรรค์แล้วนะ แต่เพราะตาแช่มด่าว่าพระเจ้า เพราะความไม่รู้นี่ละจึงทำให้ตาแช่ม ต้องตกนรกก่อนเพื่อชดใช้กรรมเก่านี้ จึงจะได้ขึ้นสวรรค์

    ตาแช่มก็พูดว่า ครับท่านยมบาล โปรดจงลงโทษข้า ตามเห็นสมควรเทอญ

    เทวดาจึงรีบพูดว่า..
    ท่านยมบาลไม่ต้องลงโทษตาแช่ม ให้ตกนรกหรอก พระเจ้าได้ทรงบอกกับเราไว้ว่า ท่านไม่โกรธตาแช่มเลย เพราะตาแช่มพูดไปเพราะความไม่รู้เท่านั้น จึงอยากขอให้ท่านยมบาลยกเว้นการลงโทษ ให้ตาแช่มได้ขึ้นสวรรค์

    ตาแช่มได้ฟังดังนั้น ก็ร้องไห้ก้มลงกราบเทวดาขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยเหลือตน
    ..จบ..

    นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า.. “ผู้ฉลาดย่อมรู้จักช่วยเหลือตนเอง ก่อนคิดจะพึ่งผู้อื่นเสมอ” เหมือนธรรมภาษิตว่า.. “อตฺตาหิ อตฺโนนาโถ คือ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน”

    ขอความเจริญในธรรม จงบังเกิดมีแก่ท่านสาธุชนทั้งหลาย ขอให้ท่านโชคดี มีความสุข ความเจริญ สมหวังในสิ่งดีงามทุกประการเทอญ

    ที่มา :http://www.dhammatoon.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2010
  14. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    12 ก.ย. 53

    เตรียมการ

    มีแนวร่วมถามผมว่า ทำไมคนถึงไม่เข้ามาร่วมกับเรา? ผมก็ตอบไปว่า สาเหตุ
    หลักคือ ฐานผาแบ่นเป็นพื้นที่ๆถูกกำหนดให้นำคนดีไปอยู่โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่
    ทานเนื้อสัตว์ซึ่งมีสัญญาณให้ผมต้องรับและต้องเข้าไปคลุกคลีอยู่ด้วยใน
    ปัจจุบัน (21 ส.ค. 51 ผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์) จำนวนคนก็ล้นอยู่แล้วเพียงแต่คอย
    เวลาให้สุกงอม(สถานการณ์บีบ)

    ผมเคยเข้าไปบอกเรื่องสัญญาณนี้กับหัวหน้ากลุ่มมากกว่าสองปีมาแล้วเมื่อเขา
    ไม่เชื่อหวังแต่จะพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวผมก็ต้องวางเฉย เมื่อถึงเวลาที่
    เหมาะสมกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะเข้ามาเองโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง หลังจากที่ได้เจอ
    หลานจิ๊บ (อติกานต์ หนุนภักดี)ซึ่งผมเข้าใจว่าหน่วยเหนือท่านจัดสรรให้ได้มา
    เจอกันเพื่อที่จะดำเนินงานต่อไปได้ ส่วนพื้นที่ก็ถูกกันไว้ไม่ให้คนที่ไม่เหมาะสม
    แทรกเข้ามา ส่วนเรามีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก็ทำไปตามหน้าที่ หน่วยเหนือมี
    หน้าที่ตรวจสอบคัดคนท่านก็ทำของท่านไป

    ที่ผมกล้ายืนยันเช่นนี้เพราะประสบการณ์ที่ได้พบมาตั้งแต่ได้รับสัญญาณอยู่
    เนืองๆในเรื่องภัยพิบัติร่วมสามปีมานี้ การไปซื้อที่ดินท่านก็ไปด้วยช่วยดลจิตให้
    เจ้าของที่ขายให้(องค์แม่แปดกร)จากเดิมไม่ยอมขายให้เลย ต่อมาก็ตัดสินใจ
    ขายให้ ราคาไร่ละหนึ่งแสนบาท ผมซื้อได้ในราคาขาดสามสิบตารางวาครบไร่
    ครึ่งในราคาหนึ่งแสนบาท เรื่องเจาะน้ำบาดาลก็ทำเสร็จไปแล้ว รอแต่นำแผ่น
    ปูนสำเร็จไปวางตามพื้นที่ต่างๆเพื่อรองรับผู้คน

    ที่ผมลงเชิญชวนเป็นบางครั้งก็เพื่อตรวจสอบหาคนที่มีบุญสัมพันธ์กันที่ตกหล่น
    หรือไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน? เข้ามาเพื่อที่จะนำคนเหล่านี้ไปอยู่ด้วยไปช่วยกันทำ
    งานเพื่อความอยู่รอดของทุกๆคน คนจะมากหรือน้อยไม่สำคัญสำหรับการหลบ
    หนี ยิ่งน้อยการบริหารจัดการก็จะสะดวก ยิ่งมากปัญหาก็มากตามตัว

    วันก่อนก็ได้พบกับสัปเหร่อหนุ่มที่ตลาดดอนเมือง ผมได้ไถ่ถามถึงลุงสน
    สัปเหร่อเก่าที่ผมเคยรู้จักคราวที่ผมเข้าไปช่วยทำไฟฟ้าให้กับวัดที่อยู่ท้าย
    ดอนเมืองว่าอยู่สุขสบายดีไหม? เขาบอกผมว่าลุงสนปลดระวางไปแล้วให้ลูก
    ชายทำแทนแล้วเขาเองก็อยู่ช่วยทำด้วย ที่ผมกล่าวถึงสัปเหร่อเพราะทุกที่ๆจะ
    หนีภัยไปอยู่ต้องมีคนเจ็บและคนตาย บุคคลากรเหล่านี้ต้องนำไปด้วย แต่ผมยัง
    ไม่ได้ชวนคงต้องรอดูสักพัก

    เมื่อคืนได้เจอหมออุ้มเพื่อนลูกสาวคนกลาง ผมได้เอ่ยชวนให้ไปช่วยทำงานที่
    ฐานผาแบ่นด้วยกันและให้ช่วยหาจิตแพทย์ร่วมไปด้วยเพราะต่อไปต้องมีคนป่วย
    โรคจิตเป็นจำนวนมากที่ต้องช่วยกันดูแล หมออุ้มเป็นแพทย์ทั่วไปที่เพิ่งจบใหม่
    หลังจากเรียนแพทย์จบก็ไปช่วยคุณพ่อที่เปิดโรงพยาบาลที่พัทยาอยู่สักพักก็
    ย้ายเข้ากรุงเทพฯรับจ๊อบทั่วไป ความจริงเรื่องหมอผมได้พูดคุยเชิญชวนอยู่สอง
    ราย(หมอมากประสบการณ์) ส่วนใหญ่ยังคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออยู่ ส่วนหมอ
    อุ้มคงต้องคุยกันอีกที




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เชียงราย-ประกาศห้ามเข้าพื้นที่บริเวณถนนสายแม่สรวย-ดอยวาวี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เหตุดินถล่มถนนสายแม่สรวย -ดอยวาวี ยังทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกว้างเกือบ 100 ม.ลึกกว่า 20 ม.ผู้ว่าฯเชียงราย ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวและโดยรอบเป็นเขตภัยพิบัติจากดินถล่ม ห้ามรถทุกชนิด และประชาชน เข้าใกล้อย่างเด็ดขาด

    นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายเชษฐา โมสิกรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย เดินทางเข้าตรวจสอบถนนแม่สรวย- ดอยวาวี บริเวณหมู่ที่ 8 บ้านทุ่งพร้าว อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งใช้สัญจรระหว่างอำเภอแม่สรวยกับดอยวาวี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงราย หลังฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้ดินและถนนทรุดตัวและพังถล่มจนทำให้ถนนขาดกว้างเกือบ 100 เมตร และ ลึกกว่า 20 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ซึ่งขณะที่คณะของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวก็ยังมีการพังถล่มของดินอย่างต่อเนื่องจนคณะของผู้ว่าฯ ต้องวิ่งหนีกันอลหม่าน

    ซึ่งหลังการตรวจสอบ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าถนนขาดจากกันเป็นรอยกว้างและอันตราย จึงได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวและบริเวณโดยรอบเป็นเขตภัยพิบัติจากดินถล่ม และจัดเจ้าหน้าที่ ชรบ.ประจำการทั้งสองฝั่ง ห้ามรถทุกชนิดและประชาชนเข้าใกล้จุดดินถล่มอย่างเด็ดขาด และจะเร่งของบประมาณจากกระทรวงคมนาคมมาสร้างสะพานอย่างเร่งด่วน เนื่องจากขณะนี้ถนนขาดทำให้ประชาชนกว่า 20,000 คน ใน 23 หมู่บ้านของตำบลวาวี ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่สามารถขนข้าวโพดออกสู่ท้องตลาดวันละ 300,000-500,000 กิโลกรัม ออกขายได้ ส่วนประชาชนหากจะเดินทางออกจากหมู่บ้านจำเป็นต้องอ้อมไปทางดอยช้างไกลกว่าปกติกว่า 30 กิโลเมตร ทำให้มีความลำบากมาก

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

    พะเยา-น้ำป่าดินโคลนถล่ม อ.จุน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เกิดน้ำป่าและดินโคลนถล่มในพื้นที่ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรและนาข้าวกว่า 10,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายและบ้านเรือนชาวบ้านมากกว่า 100 หลังถูกน้ำท่วม

    พื้นที่นาข้าวและพื้นที่ทางเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา กว่า 6 หมู่บ้านต้องถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร และได้รับความเสียหายหนัก หลังถูกน้ำป่าและเกิดดินโคลนถล่มจากห้วยป่าสัก ดอยป่าเมี้ยง ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน ทำให้พื้นที่ทางการเกษตรและนาข้าวในพื้นที่จำนวนกว่า 1 หมื่นไร่ถูกน้ำท่วม

    นอกจากนั้นบ้านเรือนชาวบ้านจำนวนมากกว่า 100 หลังยังถูกน้ำท่วม หลังฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงคืนที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้ ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้พื้นที่ที่อยู่ท้ายน้ำระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

    เพชรบูรณ์-ถนนหลายสายใน ต.วังชมภู เสียหายจากน้ำป่า

    [​IMG]

    น้ำป่าจากเขาวังทองไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.วังชมภู อ.เมืองเพชรบูรณ์ ทำให้ถนนหลายสายชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะคอสะพานเชื่อมต่อหมู่บ้านถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ชาวบ้านต้องช่วยกันนำไม้มาวางพาดเพื่อให้รถจักรยานยนต์วิ่งข้ามไปได้ ส่วนรถยนต์ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ซึ่งไกลออกไปอีก 5 กม.

    ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (11 ก.ย.) เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำป่าจากเขาวังทองไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านหมู่ที่ 7 และหมู่ 8 บ้านยางหัวลม ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ส่งผลให้ถนนหลายสายในหมู่บ้านชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะสายวังชมภู-ถ้ำน้ำบัง บริเวณหมู่ที่ 8 ถนนถูกน้ำกัดเซาะพังเสียหายเกือบ 2 เมตร ทำให้ใช้เส้นทางสัญจรได้เพียงเลนเดียว รวมไปถึงกำแพงวัดศิลาโมงถูกแรงน้ำพัดพังเสียหายไปทั้งแถบ ขณะที่สะพานเชื่อมต่อหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านใช้เดินทางติดต่อระหว่างหลายหมู่บ้าน และเป็นเส้นทางที่ใช้เดินทางเข้าไปทำการเกษตรในพื้นที่ หมู่ 8 ถูกน้ำป่ากัดเซาะจนคอสะพานขาด

    ชาวบ้านต้องช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการนำไม้มาวางพาดเพื่อให้รถจักรยานยนต์วิ่งข้ามไปได้ ส่วนรถยนต์ หรือรถขนาดใหญ่ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ซึ่งต้องเดินทางไกลออกไปอีกถึง 5 กิโลเมตร ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งซ่อมแซมให้ด่วน ขณะเดียวกันชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องเร่งนำรถแทร็คเตอร์ขนาดเล็กมาช่วยกันตักดินโคลนซึ่งไหลมากับน้ำป่า เข้าท่วมพื้นที่โรงเรียนบ้านยางหัวลม รวมทั้งทำความสะอาดสถานที่ เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเดินทางมาเรียนหนังสือให้ได้ในวันพรุ่ง ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนตามปกติ

    สำหรับหมู่บ้านดังกล่าวถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมซ้ำซากเป็นประจำ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้วในรอบปีนี้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    กระทู้ที่น่าสนใจ จากเว็บพันธุ์ทิพย์

    [​IMG]

    ทำไมคนมากมายกลัวความตาย แต่ไม่กลัวการนอนหลับ ความตายเหมือนการนอนหลับหรือเปล่าครับ?

    จากคุณ ๛กอล์ฟ 2 ก.ย. 53 10:50:25

    เจ้าของกระทู้ ไม่กลัวเหรอค่ะความตายน่ะค่ะ เรากลัวเพราะไม่รู้ว่าตายไปแล้วจะไปไหน เกิดมาได้อีกหรือเปล่า แล้วจะเจ็บไหม กลัวว่าต้องห่างคนที่รักไปนานแค่ไหน แล้วจะได้เจอกันอีกเปล่า เฮ้อกลัวไปหมดเลยล่ะ จึงทำบุญไว้เยอะๆๆๆๆๆๆ เผื่อจะได้เกิดมาเป็นคนอีกไง

    จากคุณ หมูอ้วนอยากไปเที่ยว 2 ก.ย. 53 10:57:33

    เพราะคนมากมายเคยนอนหลับ แต่ยังไม่เคยตายอ่ะสิครับ จะรู้ก็แต่ความสูญเสียจากการตาย รู้ว่าทุกคนต้องตาย...แต่ก็ไม่รู้ว่าตายแล้วเป็นยังไง เจ็บมั๊ย...ฯลฯ ก็เลยกลัวตายอ่ะครับ

    จากคุณ monkeynumber4 2 ก.ย. 53 11:04:38

    <!--MsgIP=4-->คนเรากลัวว่าจะตายแบบไหนด้วยว่าทรมาน ข้างถนน เจ็บปวด หรือ พิการก่อนที่จะตาย ทุกวันนี้อยู่เพื่อรอความตายกันทุกคน แต่ช่วงที่รอ ไม่รู้ ไม่มีกำหนด (นอกจากนักโทษประหาร) ว่าจะมาถึงเมื่อไร ก็ใช้ชีวิต ดำเนินชีวิตให้มีความสุขเถิดครับ อยู่อย่างมีความสุข แต่ต้องพร้อมที่จะรับ ความทุกข์ด้วย ทำอะไรอย่าประมาทกัน พระท่านว่าทำอะไรให้มีสติ..

    จากคุณ ผมชื่อต้อง 2 ก.ย. 53 11:08:39 <!--MsgIP=5-->

    เพราะเรา "ไม่รู้" เราจึงเกิด "ความกลัว" และเราจึงมี "ความเชื่อ" ว่าสิ่งที่เรา "ไม่รู้" มัน "น่ากลัว" มั๊งครับ...

    จากคุณ archparty 2 ก.ย. 53 13:25:42

    <!--MsgIP=12-->ก็คงเหมือนการนอนหลับแหละครับ แต่ผมมองว่ามันคือ "การเดินทางไกล" ที่คนทุกคนจะต้องเจอกับมันในวันหนึ่ง คนเราท้ายสุดมันก็เท่านี้แหละครับ มาจากดิน...แล้วก็ต้องกลับคืนสู่ดิน ทุกอย่างที่เรามีอยู่เป็นเรื่องสมมุติ หยิบยืมเขามากันชั่วครั้งชั่วคราวทั้งนั้น แม้แต่ร่างกายเราเองก็ตาม ถึงเวลา..ก็ต้องคืนกลับไปให้ธรรมชาติ

    ผมว่าความตายไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจเลย ตรงกันข้าม...มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นกับการที่เราจะออกเดินทางไปพบดินแดนใหม่ ที่อาจสวยงาม หรือ ทุกข์ทรมาน หรือสงบ หรือ อึกทึก ซึ่งก็คงต้องเป็นไปตามกรรมที่มากน้อยของแต่ละคน

    เราอาจได้พบญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนที่เราไม่เจอเขามานาน ในดินแดนแห่งนั้นก็เป็นได้ ผมเองตื่นเต้นทุกครั้ง ที่นึกถึงการได้ผจญภัยในอีกโลกหนึ่งและมันคงจะดีไม่น้อยเลย หากว่าสามารถกลับมาเล่าให้ใครต่อใครฟังได้ เมื่อวันนั้นของเรามาถึง บางทีมันอาจไม่ได้น่าสะพึงกลัวอย่างที่คิดก็ได้ครับ

    จากคุณ ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ 2 ก.ย. 53 14:43:51

    ท่านว่า "การพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจ....เป็นทุกข์" เมื่อสิ่งที่เรารัก พลัดพรากไป เรายังเป็นทุกข์ เมื่อเราเป็นฝ่ายพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักไป จึงทุกข์ยิ่งกว่า คนเราไม่ชอบความทุกข์ เราจึงกลัวความตายครับ

    จากคุณ เจียวต้าย 2 ก.ย. 53 19:44:53

    ส่วนตัว คิดว่าความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะคนเรายังไงก็ต้องตาย ไม่ช้าก็เร็ว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าการตายคือ กลัวความทรมานก่อนตายมากกว่า คือถ้าหลับแล้วตายไปเลย ก็ถือว่ามีบุญไม่ต้องมานั่งทรมานทรกรรม กลัวตายอย่างลำบากมากกว่า

    เพราะเช่นนี้ ทุกวันนี้พยายามสร้างแต่กรรมดี ไม่สร้างกรรมชั่ว คิดว่าอาจส่งผลให้เวลาสุดท้ายของชีวิตไปแบบสบายๆหน่อย แต่ถ้ามีกรรมเก่าก็คงทำอะไรไม่ได้...

    จากคุณ เค็มจังตังค์อยู่ครบ 5 ก.ย. 53 18:45:08

    ที่มา http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M9645366/M9645366.html<!--MsgIP=25--><!--MsgFile=25--><!--MsgIP=20--><!--MsgFile=4--><!--MsgIP=1--><!--MsgFile=1--><!--MsgIP=0-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2010
  17. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ไม่แน่ ไม่นอน ไม่นิ่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะมันเป็นธรรมดาของธรรมชาติ


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อ่างเก็บน้ำแตก!! ทะลักท่วมบ้าน 500 หลังคาเรือน ที่เชียงราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>13 กันยายน 2553 10:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ จ.เชียงราย ต.นางแล และ ต.ท่าสุด ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เจ้าหน้าที่รายงานว่า อ่างเก็บน้ำห้วยภู ในพื้นที่ของตำบลนางแล ได้แตก และน้ำมีปริมาณมาก ไหลลงสู่บ้านชาวบ้าน

    โดยในขณะนี้มีบ้านเรือนประชาชน ถูกน้ำท่วมไปแล้ว ประมาณ 500 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณน้ำในอ่างที่แตกลงมา มีปริมาณมากเช่นกัน

    นอกจากนี้ น้ำจากน้ำตกโป่งพระบาท ยังไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ของตำบลบ้านดู่ ซึ่งอยู่เป็นโซนเดียวกันในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ ได้ประกาศเตือนประชาชนให้เก็บข้าวของขึ้นอยู่บนที่สูง ในพื้นที่ของตำบลบ้านดู่แล้ว


    Manager Online -
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ทำไมกระทรวงสาธารณสุขต้องปิดบังเรื่องไข้หวัด 2009 กลับมาระบาด และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 10 ราย!!

    [​IMG]

    ทีแรกเลยคือตัวแทนขายประกันโทรมาบอกให้ระวังเรื่องไข้หวัด 2009 ที่กลับมาระบาดอีกแล้ว และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว ..(คือตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย เป็นหวัดง่าย) ก็ไม่เข้าใจทำไมกระทรวงสาธารณสุขไม่ออกมาเปิดเผยตัวเลขเสียเอง หรือ แจ้งเตือนอะไร หรือจะแบ่งกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายและเข้ารับการรักษาว่ามีกี่คนแล้ว และตัวเลขที่แท้จริงของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วล่ะค่ะ เพื่อที่ทางรพ.และประชาชนจะได้ระวังตัวเตรียมป้องกัน และจะได้ไม่มีการมาฟ้องร้องค่าเสียหายอะไรกันอีก หลังจากวินิจฉัยโรคผิดพลาด อ่ะค่ะ ..

    ความจริงกระทู้นี้น่าจะไปตั้งที่เรื่องเด่นประเด็นดัง แต่คิดว่ามันอาจโยงเรื่องการเมืองคะ ดูไปดูมาคล้ายกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลพยายามสร้างภาพที่ดีกันอยู่ว่าคุมได้ ไม่มีปัญหาอย่าตื่นตระหนก..... เราเข็ดแล้ว กับข้อมูลที่เค้าพยายามเมคมันขึ้นมา เช่นที่ผ่านมา ..ตอนนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วครับ อืม..มันฟื้นตรงไหน หันไปทางไหนรายได้ก็ลดลง คนตกงานเพิ่มขึ้น กิจการหลายแห่งเรื่มปิดตัว ธุรกิจท่องเที่ยวขาดทุนยับ ไกด์หันไปทำอาชีพอื่นกันเป็นแถวๆ มันดีตรงไหนอย่างไร ทำไมไม่บอกความจริงประชาชนน่ะค่ะ อย่างเรื่องโรคไข้หวัด 2009 เนื่ยน่ะค่ะ....

    โดย: soey30 เขียนเมื่อ 23:12 น. 11 ส.ค. 2010

    คงจะไม่ได้ปิดข่าวหรอกครับ แต่เรื่องนี้คงจะซาไปแล้ว กลายเป็นช่วงหลังการระบาดของโรค ประชาชนหันไปสนใจเรื่องอื่นกันมากขึ้น เลยไม่ได้ยินข่าวครึกโครม ทั้งๆที่โรคนี้ก็ยังระบาดเช่นเดิมครับ ถ้าอยากให้เป็นข่าวดังอีกก็ต้องมีคนมีชื่อเสียงซักคนป่วยเป็นไข้หวัด 2009 รับรองกลับมาดังอีกรอบแน่ครับ

    โดย: 5.56 เขียนเมื่อ <ACRONYM title="1 เดือน 1 วันที่ผ่านมา">19:52 น. 12 ส.ค. 2010</ACRONYM>

    มันกลายเป็นโีึีีรคประจำถิ่นไปซะแล้ว

    โดย: prame9 เขียนเมื่อ <ACRONYM title="1 เดือน 1 วันที่ผ่านมา">00:44 น. 13 ส.ค. 2010</ACRONYM>

    ที่มา http://talk.mthai.com/topic/124171
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2010
  19. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>กรมอุตุฯ เตือน 15 จว.เหนือ-อีสานฝนตกหนัก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศเตือน 15 จว. เหนือ-อีสาน ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน


    วันนี้ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันว่า ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ย้ำ6จว.อันดามันซ้อมใหญ่สึนามิเช้านี้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประกาศ 6 จว.อันดามันซ้อมใหญ่ระบบเตือนภัยสึนามิเช้านี้ เตือน ปชช.อย่าตกใจ!


    วันนี้ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 09.30 น. 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย พังงา ภูเก็ต กระบี่ ระนอง สตูล และตรัง จะมีการฝึกซ้อมระบบเตือนภัยสึนามิ โดยใช้จังหวัดพังงาเป็นศูนย์อำนวยการฝึกซ้อมใหญ่ มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ บริเวณอนุสรณ์สึนามิ บ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

    โดยมีประชาชนเข้าร่วมฝึกซ้อมกว่า 2,500 คน

    เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของระบบเตือนภัยให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ และจะทำการถ่ายทอดสดการฝึกซ้อมผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้ด้วย.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พายุเฮอริเคนอิกอร์แรงสู่ระดับ4 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นักพยากรณ์อากาศแห่งศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา

    รายงานวันนี้ว่า พายุเฮอริเคนอิกอร์ มีความแรงลมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเฮอริเคนระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับแล้ว แต่ตอนนี้พายุอิกอร์ยังไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนบนฝั่ง เนื่องจากพายุยังเคลื่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก

    โดยอิกอร์มีความเร็วลมสูงสุดอยู่ที่ 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    และคาดว่า ในอีก 2-3 วันข้างหน้า เฮอริเคนอิกอร์จะมีความแรงลมเพิ่มขึ้นจนน่ากลัวกว่านี้ โดยศูนย์กลางของพายุอยู่ห่างจากหมู่เกาะนอร์ทเทิร์น ลีวาร์ด ไปทางตะวันออกราว 1,800 กิโลเมตร.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    12 ก.ย. 53


    หลังจากที่ลูกสาวคนโตอาได้ออกเรือนไปแล้ว อาได้ขอเงินไว้หนึ่งแสนบาท
    เพื่อที่จะนำมาสร้างบ้านน็อคดาว์นจากกรุงเทพฯ ตอนแรกคิดว่าจะสร้างเป็น
    เรือนเล็กๆสักสามห้อง ห้องครัวหนึ่งห้องและห้องน้ำสองห้องแต่ด้วยเงินแสน
    เดียวคงไม่พอสร้าง อาจึงเปลี่ยนเป็นสร้างบ้านพักสองห้อง นอนได้ห้องละสี่ถึง
    ห้าคนมีห้องน้ำในตัว ส่วนครัวและโรงรถก็เอาผ้าใบขึงระหว่างหลังคาทั้งสอง
    ห้อง เท่านี้อาก็ตัดปัญหาไปทั้งหมด ส่วนหลานถ้าสนใจสร้างด้วยอาก็อนุญาต
    เพราะหลานมีน้ำใจและจิตใจงดงามที่คิดช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา

    เมื่อมีบ้านเป็นที่เรียบร้อย ถ้าแนวร่วมที่เข้ามาช่วยเหลืองานในช่วงต้นนี้รายใด
    เป็นห่วงคนสูงอายุจะนำไปอยู่ก่อนก็ได้โดยอาจะขอฝากพี่สาวอาที่อาศัยอยู่ที่
    บ้านไปอยู่ด้วยแล้วช่วยกันปลูกพืชสวนครัวรอไว้ก่อน คนที่จะไปอยู่ด้วยควรมี
    ผู้ชายที่มีรถยนต์หรือมอร์เตอร์ไซด์ไว้ใช้ซื้อของที่ตลาดเชียงคานด้วย ควรจะมี
    สักสี่ห้าคน(ชายและหญิง) เรื่องน้ำก็มีแล้วเพียงแต่รอตรวจสอบแต่อาคิดว่าดื่ม
    ได้เพียงแต่ต้มให้สุกหรือผ่านเครื่องกรองก่อน ส่วนไฟฟ้าก็เอาเครื่องปั่นไฟอา
    ขึ้นไปใช้ได้เลยเป็นระบบแก๊สหุงต้ม

    หลังจากนี้ก็คงต้องคอยแนวร่วมรายใหม่เข้ามาเพื่อที่จะนำเงินไปซื้อแผ่นปูน
    สำเร็จรูปมาวางตามพื้นที่ๆอากำหนดไว้อาจะเรียงลำดับความสำคัญดังนี้คือ
    อันดับแรกพื้นที่ตั้งเต็นท์นอนของแนวร่วมทั้งเก่าและใหม่โดยแนวร่วมรายใหม่
    ต้องช่วยออกเงินซื้อแผ่นปูนให้กับแนวร่วมเก่าที่มีอยู่สี่สิบคนด้วยเพราะแนวร่วม
    เก่าได้ช่วยกันออกเงินค่าโอ่ง อุปกรณ์ประปาและเจาะน้ำบาดาลซึ่งได้เสียสละ
    เพื่อส่วนรวมไปมากแล้ว สองปูแผ่นปูนพื้นที่ทำครัวรวม สามปูพื้นที่ตั้งห้องน้ำ
    ชายหญิง สี่ปูพื้นที่ซักล้างตากเสื้อผ้า ห้าปูพื้นที่ตั้งเต็นท์พยาบาล หกปูพื้นที่
    สำหรับทำสมาธิ สวดมนต์รวมทั้งทางเดินด้วย

    พื้นที่ๆต้องใช้เต็นท์คลุมคือห้องครัวรวมกับที่สวดมนต์ ห้องพยาบาลต้องใช้
    เต็นท์เป็นหลัง ส่วนนี้จะทำต่อหลังจากที่วางแผ่นปูนเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีการ
    สร้างศาลาหรือสิ่งยึดติดอยู่กับที่เพราะบางทีอาจจะต้องหลบขึ้นเขาสักพัก
    แล้วกลับลงมาใหม่

    อาเค



    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...