ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

คงใกล้ถึงเวลาแล้วกระมัง...?​

​

ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามที่ อ.ปริญญา ตันสกุล ได้บอกเอาไว้ น่าจะหมายถึงปี พ.ศ.2560-2561 ครับ ซึ่งจะตรงกับพุทธทำนายในศิลาจารึกที่ได้บอกเอาไว้ว่า เมืองมนุษย์จะตกอยู่ในความมืดมิดเป็นเวลา 7 วันในปีระกา ซึ่งก็หมายถึงปี พ.ศ. 2560-2561 ครับ

สรุปภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแบ่งได้เป็น 3 ระยะเวลาดังนี้ (สรุปได้ตรงกันหมดทุกคำทำนายแล้วครับ)

บทความ โดย Dr.G.G.Junior ​

สัญญาณจากจักรวาลบอกเราว่า เป็นการเริ่มนับเวลาจากนี้ไป ที่มนุษย์จะพบภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น จนประสบมหันตภัยล้างโลกในที่สุด ในเวลาอีก 12 ปีข้างหน้า คือ ประมาณต้นถึงกลางปี พ.ศ. 2562 ​

1. ช่วงแรก เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2550-2551 ระยะเวลา 2 ปีแรก เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ตามรอยต่อของแผ่นทวีปทั้งหมดที่แตกร้าวไปทั่วดาวดวงนี้ สัตว์ และมนุษย์มีวิธีทำร้ายกัน แบบดุร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น สัตว์ขนาดเล็กเตรียมปรับตัวรับวิกฤติดังกล่าวแล้ว และเตรียมปรับตัวเพื่อทำลายล้างมวลมนุษย์อีกด้วย โดยการสะสมถ่ายทอดโรค ที่ร้ายแรงมากขึ้น นอกจากนั้นทั่วโลกยังเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าเดิม และเกิดอุบัติเหตุที่แปลกๆ โดยมนุษย์หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ เช่น ระหว่างปีใหม่ ( พ.ศ. 2550) ที่ผ่านมาเครื่องบินภายในประเทศอินโดนีเซียสูญหายระหว่างบินอยู่เมืองสุราเวสี ไม่สามารถค้นพบได้จนบัดนี้ สาเหตุที่มนุษย์คาดไม่ถึง ก็คือ เกิดจุดตัดสนามแม่เหล็กโลก เกิดขึ้นบริเวณนั้นพอดี เนื่องจากความไม่สมดุล จึงดูดเอาเครื่องบินลำนี้ ออกนอกมิติของโลก เข้าสู่มิติมืดที่ว่างเปล่า หรือเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์เข้าใจแล้วว่า เสมือนสามเหลี่ยมเมอมิวดา ในแกนกลางมหาสมุทร นั่นคือหลุมมิติในน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีหลุมมิติในอากาศ (ที่เครื่องบินหายไปในช่องหลุมมิติ) และหลุมมิติบนพื้นโลก (ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเนื่องจากมิติซ้อนกันทำให้มองไม่เห็นกัน) เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยสมองที่มีแต่ความอยาก และความต้องการในวัตถุทั้งหลาย

2. ระยะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-2556 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมากกว่าเดิม และต่อเนื่องจนมนุษย์ทั้งโลกหวาดกลัว กลุ่มมนุษย์ที่มีจิตต่ำจะก่อกวนมนุษย์ด้วยความรุนแรงเหมือนไม่ใช่คน เกิดหลุมมิติมากมายเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึง มีการตายของมนุษย์เป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมาก ด้วยอุบัติเหตุและภัยพิบัติ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พื้นโลกบางส่วนยุบตัวลง เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด อากาศร้อนขึ้นอย่างมาก และอากาศหนาวก็มากขึ้นเช่นกันของแต่ละพื้นที่ จะเริ่มมีพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์น้อยลง ความแห้งแล้งมากขึ้น น้ำในทะเลยกระดับสูงขึ้นจากสาเหตุการยุบตัวของโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้สมทบด้วยอีกแรงหนึ่ง เริ่มเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ผุดมาจากดินที่ไม่เคยมีมาก่อน เชื้อเหล่านี้ทนทานต่อการทำลาย เพราะปรับตัวจากที่ที่เย็นจัดหรือปรับตัวจากที่ที่ร้อนจัดจึงทนต่อสภาวะที่เปลี่ยนไป

3. ระยะที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง พอที่จะละลายน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของขั้วโลกทั้งสอง เกิดน้ำท่วมโลก โดยที่พื้นที่อาศัยของมนุษย์จะหายไปอย่างน้อยก็ 2 ใน 3 ส่วน ได้แก่ ที่ริมทะเลปากแม่น้ำ และที่ราบลุ่มต่างๆ คงเหลือพื้นที่ราบสูงพื้นที่บนภูเขา ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับกับการเกษตรนัก จึงเกิดการขาดแคลนอาหาร เฉพาะพื้นที่ประเทศไทยนั้นเหลือเพียงภาคเหนือ ภาคอีสาน นอกจากนั้นที่เหลือก็มีสภาพเป็นเกาะแก่งเล็กๆ สรุปได้ดังนี้ บนพื้นดินที่อยู่ตรงกลางทวีปทั้งหลาย ก็จะแห้งแล้งด้วยความร้อนจากใต้ผิวดินประทุขึ้นมา พื้นที่ที่อยู่ริมบริเวณชายฝั่ง หรือค่อนมาทางริมขอบทวีปทั้งหลาย ก็จะถูกน้ำทะเลกลืนกิน บางที่ก็จะยุบหายไป บางที่ก็จะถูกเหวี่ยงออกไปแยกตัวเป็นอิสระ มีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ทั่วโลก มนุษย์จะเผชิญกับสภาพความแล้งจัด จนต้องอดตาย พบโรคใหม่กับสัตว์สายพันธุ์ดุร้าย และมีพิษ คร่าเอาชีวิตมนุษย์ทั่วไป ทั้งโลกนี้เช่นกัน

ต่อไปแผ่นทวีปที่เคลื่อนตัวก็ยังเคลื่อนตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ความร้อนภายใต้เปลือกโลก ยังดันขึ้นมาอยู่เสมอ หรือที่สุดของแรงบีบเค้นของเปลือกโลก มันอย่างนี้นะ ข้าไม่ได้สรรหาภาษาขึ้นมาเอง ข้าดึงเอาภาษาของมนุษย์มาใช้ มนุษย์เรียกมันว่า แรงเค้นของเปลือกโลก หมายถึง การชนกันและบีบอัดโดยน้ำหนักที่ทิ้งตัวและถ่วงลงไป เมื่อแรงเค้นบีบอัดจนเต็มที่แล้ว เกิดภาวะทำลาย จากแผ่นใหญ่เบียดอัดแผ่นเล็ก แตกออก หักออก การเหวี่ยงหมุนของโลกผิดปกติเนื่องจากแผ่นทวีปแต่ละแผ่นมิใช่ผืนเล็ก เป็นผืนใหญ่ทีเดียว การเคลื่อนน้ำหนักย้ายมวลจากองศาหนึ่งไปอีกองศาหนึ่ง ทำให้โลกมีแรงเหวี่ยงหมุนที่ผิดปกติไป แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้สัณฐานโลกผิดรูปไปจากเดิม

การหมุน คือ การทำให้ตัวเองคงสภาพ อยู่ในรูปทรงกลมแป้น การหมุนจึงจัดตัวเอง จัดน้ำหนัก จัดส่วนที่เป็นของเหลว กับส่วนที่เป็นของแข็ง เหมือนกับการที่เราเขย่าอะไรให้เข้าที่โดยการหมุน จะทำให้เกิดความสมดุลขึ้น พื้นโลกบางส่วนที่บอบบางก็จะยุบลงไป พื้นโลกบางส่วนที่แข็งและเบียดกัน ก็จะดันขึ้นมากลายเป็นภูเขา น้ำก็จะท่วม ส่วนของพื้นดินที่ถูกดันเข้าไปสูง ผู้คนรอดตายจากการทำลายของน้ำ แต่ภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงความร้อนใต้พื้นผิวโลกปะทุขึ้นมา ความแห้งแล้งจึงเกิดขึ้น

คนรอดตายอยู่บนที่สูงก็จะตายด้วยความอดอยาก พืชพรรณธัญญาหารที่ถูกทำลายลง จะเพาะปลูกขึ้นมาอีกได้ยากหนักหนาด้วยความแห้งแล้งของผิวโลก

คนที่อยู่ตามชายฝั่งก็จะตายด้วยน้ำที่โถมทับไม่ทันตั้งตัว บางส่วนอยู่บนพื้นแผ่นดินที่ยังทรุดลงไป ก็จะถูกกลืนกินด้วยธรณี

มนุษย์ที่เหลืออยู่ ก็คือมนุษย์ที่มีแรงบุญกุศลที่นำพาให้ตัวเอง มีชีวิตอยู่ได้ในโลกยุคใหม่ โลกที่มีแผนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากทีเดียว ประเทศต่าง ๆ จะต้องวาดแผ่นที่กันใหม่ วัดอาณาเขตกันใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่

มนุษย์เหล่านั้น อาจจะยังเหลือส่วนที่มีกรรมหนัก มีความหนักของจิตตกค้างอยู่ ยังไม่พอ การล้างโลกยังดำเนินการต่อไป ด้วยความผิดปกติของสารเคมีต่างๆ และสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนไป ทำให้สัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไป ตามแรงของสนามแม่เหล็กโลก พฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม

สัตว์บางอย่างไม่เคยกินเนื้อ กินเลือด หันมากินเนื้อกินเลือด สัตว์บางชนิดได้รับสารเคมีที่ผิดปกติไป ทำให้เกิดพิษขึ้นในตัว สิ่งที่เห็นร้ายแรงที่มนุษย์จะต้องดำรงชีวิตอยู่กับพวกมันให้อยู่รอดได้ ก็คือ แมลงตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงเป็นดุร้ายขึ้น ยุงก็จะนำพาเอาเชื้อโรคชนิดหนึ่งมาทำลายล้างมนุษย์ เมื่อกัด จะมีอาการตัวร้อน ร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ คนที่อ่อนแอจะตายภายใน 1 วัน อาการที่ปรากฏก็คือ เป็นไข้สูง ช็อก และหัวใจวายคนที่มีความแข็งแรง จะสามารถทนอยู่ได้ประมาณไม่เกิน 3 วัน

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="46%">

​

</TD><TD width="54%"></TD></TR><TR><TD>ยุง กินเลือดเป็นอาหาร และแพร่เชื้อโรคได้ </TD><TD>ตัวคุ่น หรือ black fly </TD></TR></TBODY></TABLE>​

ส่วนแมลงอีกชนิดหนึ่งที่มีพิษที่ต้องระวังมากๆ ก็คือ ตัวลิ้นทะเล ริ้นดำ หรือที่มนุษย์ทางภาคเหนือเรียกว่า ตัวคุ่น ตัวเล็กกัดแล้วจะทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นที่ผิวหนัง ต่อไปก็จะลุกลามเข้าสู่น้ำเหลือง เลือด และเข้าสู่หัวใจได้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ถูกกัดและมีอาการจนถึงเข้าสู่หัวใจจะใช้เวลา 7 วัน สิ่งที่ข้าเตือนสองอย่างนี้ คือ แมลงตัวนี้ กับยุง อย่าคิดว่าอีกนาน ขอให้รู้ไว้ว่า เวลานี้ ยุงได้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองแล้ว เพียงแต่พิษยังไม่ร้ายแรงมากนักเท่านั้น แต่มันจะเปลี่ยนแปลงและสร้างตัวเองอย่างรวดเร็วทีเดียว

ฉะนั้น เวลานี้ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ให้ระมัดระวังแมลง 2 ประเภทนี้ไว้ก่อน พิษเริ่มมากขึ้นกว่าปกติแล้ว อันนี้พิสูจน์ได้ เห็นได้ สิ่งที่ควรจะบอกกับมนุษย์ก็คือ ให้มนุษย์รู้ว่าการกระทำใดๆ ก็ตาม เริ่มตั้งแต่ ความคิดไปจนถึงพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ส่งผลในลักษณะพลังงานที่สะท้อนเชื่อมโยงกันไปทั้งหมด มนุษย์ควรรู้เรื่องกรรมดี เป็นกรรมเบาที่ช่วยปัดเป่าวิบากที่จะเกิดกับโลก อันเนื่องมาจากผลการกระทำของมนุษย์นั้น ให้เบาบางลงได้ และก็เชิญชวนมนุษย์ให้รู้จักสนามพลังแห่งมนุษยชาติ และร่วมกันอย่าได้ช้า สร้างสนามพลังงานที่ดีเพื่อลดวิบากของโลก
สามารถบอกกับมนุษย์ได้ว่า วิบากที่เราสร้างขึ้นนั้น กี่ภพ กี่ชาติ เราไม่สามารถเรียบเรียงได้หมด การร่วมกันสวดมนต์นอกจากจะช่วยโลกได้ ยังช่วยตัวเองได้เป็นประการแรกด้วยซ้ำ การสวดมนต์และแผ่เมตตาออกไป จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับผลอันนั้น แล้วอโหสิกรรมให้กับเรา ลด ละ เลิกการจองเวรกับเรา ใครยิ่งมีทุกข์มากยิ่งสวดมาก ยิ่งดีขึ้นเร็ว แล้วก็เป็นผลดีกับโลกไปด้วย อันนี้สามารถเชิญชวนได้แบบนี้ ใครอยากเห็นข้อพิสูจน์ให้เข้าไปดูข้อมูลที่ http://www.universal-signal.com หัวข้อ การสร้างสนามพลังแห่งมนุษยชาติและการแผ่เมตตา และมีข่าววิกฤติการณ์ของโลก ซึ่งจะมีข่าวสารที่นำเสนอขึ้นไปตลอดเวลา

การแสดงความคิดเห็นของบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถต่าง ๆ เราจะเอามาร่วมประชุมกันไว้ในเว็บไซต์นี้ โดยพวกเราจงช่วยกันหามาให้คนได้ขึ้นไปดู จะได้เห็นได้รู้ว่าโลกนี้ที่กว้างใหญ่เขารู้อะไรกันบ้างแล้ว มนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยนั้นล้าหลังเพียงใด ตอนนี้ควรจะรับรู้และช่วยกันได้แล้ว นี่แหละวิธีการพูดของข้า..สัญญาณจากจักรวาล สอนเจ้าด้วยพลังแห่งธรรมชาติ... จงตื่นพัฒนาจิตตนและรักษาสมดุลธรรมชาติ... ก่อนที่เจ้าจะเหลือแต่จิตที่ขุ่นมัว

Dr.G.G.Junior

ที่มา http://www.universal-signal.com/html/armagedon/diaster_theendofworld.htm

 

เตือนไปทุกประเทศ
ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ไม่เสพ ไม่สนับสนุนให้ผู้อื่นเสพ ****

ชาวไทยเรา น่าจะเลิกเสพสุขกันได้แล้ว
กรรมกำลังใกล้ถึงตัว ทุกวินาที
ขาดสติวินาทีเดียว กรรมก็ปรากฏ ตั้งตัวไม่ทัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

======================================


11 ส.ค. 53


4 ส.ค. 53 ข้ามสะพานไม้ที่หักตรงกลาง

ก่อนที่ผมจะขึ้นเชียงคานหนึ่งวัน ผมได้รับสัญญาณมาว่า ในภาพเพื่อนบ้านได้
ให้ผมนั่งรถยนต์แล้วพามาส่งที่ตีนสะพานไม้แห่งหนึ่ง ผมได้เดินขึ้นบนสะพาน
เพื่อที่จะข้ามไป ปรากฏว่าช่วงกลางสะพานหักกลาง แต่มีราวไม้สองอันอยู่ข้าง
บน สองอันอยู่ตรงพื้นสะพาน ผมจึงค่อยๆโหนตัวและก้าวไปตามแนวไม้สอง
อันที่อยู่ข้างล่างและข้ามพ้นสะพานไปได้

ความหมายคือเมื่อขึ้นไปแล้วจะเจออุปสรรคเล็กน้อย

เมื่อผมเดินทางถึงเชียงคาน สายหน่อย ผมก็โทรฯบอกคนเจาะน้ำว่าผมถึงแล้ว
คนเจาะนัดผมบ่ายโมงเจอกันที่ฐานผาแบ่น ผมได้โทรฯให้คุณทักเจ้าของที่มา
รับผมที่ตลาดเชียงคานแล้วพาผมไปส่งรีสอร์ตแถวแก่งคุ๊ดคู้และได้นัดหมายกัน
ให้มารับผมบ่ายโมง อุปสรรคเริ่มเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลานัด ผมโทรฯหาคุณทัก
เครื่องก็ปิดติดต่อกันไม่ได้ ผมเลยว่าจ้างมอร์เตอร์ไซด์ไปส่งบ้านคุณทักที่ผา
แบ่น ภรรยาคุณทักบอกว่าอยู่ที่สวนมะม่วง 12ไร่ ผมก็ยืมจักรยานถีบไปหาที่
สวนก็ไม่เจอ ขากลับจักรยานก็ทำพิษโซ่หลุด ผมใส่โซ่เข้าไม่ได้เพราะเป็นจักร
ยานเปลี่ยนสปีด ระยะทางจากสวนมาที่บ้านคุณทักร่วม 1กม. ช่วงออกจาก
ถนนใหญ่มาบ้านคุณทักจะเป็นเนินสูงพอสมควร ผมก็ขี่และให้จักรยานไหลลง
มา เมื่อถึงบ้านคุณทักคนเจาะน้ำก็โทรฯหาผม เขาถามผมว่าที่ดินอยู่ที่ปากชม
หรือที่เชียงคานแน่ เขาขับรถเลยไปถึงปากชมแล้ว (ปากชมจะเลยจาก
เชียงคานไปตามถนน211 ก่อนถึงอุดร)

ผมได้นัดให้มาเจอกันที่สี่แยกทางเข้าวัดพระพุทะบาทภูควายเงิน เมื่อเจอและ
ตกลงราคากันเป็นที่เรียบร้อย เขาขอเวลา 2-3วันแล้วจะเข้ามาเจาะน้ำให้ นี่
แหละคืออุปสรรคที่หน่วยเหนือได้กรุณาแจ้งให้ผมได้ทราบก่อนที่ผมจะขึ้นไป

7 ส.ค. 53 ร้องเพลงฝรั่งกับสาวน้อย

ช่วงคืนวันที่ 6ต่อ7 ผมได้รับสัญญาณเข้ามา ซึ่งมีความหมายว่า ผมจะสะบาย
ใจและงานจะราบรื่น ผมจึงฝากงานและเงินให้คุณทักช่วยจัดการให้ผม เพราะ
ผมไม่คอย ค่าใช้จ่ายการอยู่ที่รีสอร์ตพร้อมอาหารตกวันละหนึ่งพันบาท ถ้า
คอยอยู่คงต้องเสียอีกหลายพันบาทผมจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯเช้าวันที่ 7
เที่ยวรถ 8.00น. ถึงกรุงเทพฯเวลา 17.30น. ที่ผมกล้าวางใจเพราะหัวหน้าคน
เจาะคงมีหน้าที่ช่วยผมดำเนินการจากหน่วยเหนือเช่นกัน


องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

*** น้ำทะเลท่วม ****

น้ำทะเลสูงขึ้น หรือ แผ่นดินต่ำลง
หรือ ทั้งสองอย่างพร้อมกัน
หรือ ทั้งสองอย่างสลับกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

(deejai) ได้มา 5 เหมือนกัน

 

มาอัพข้อมูลจ้า~~
ขอให้ทุกท่านปลอดภัย ({)
ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปกปักรักษา ทุกท่านค่ะ
วันแม่ รักแม่มากๆนะคะ

 

======================================


11 ส.ค. 53


ก้าวต่อไปของฐานผาแบ่น

ก้าวแรก ผมได้จัดซื้อที่ดินไว้ 1ไร่ 1งาน 70ตารางวา ในราคา 100,000บาท (เงินส่วนตัว)

ก้าวที่สอง ได้จัดซื้อ จัดทำ โดยซื้ออุปกรณ์ประปา โอ่งน้ำจำนวน 16ใบ วาง
เป็นแนวหลักเขตที่ดิน 4มุม 4ใบ อีก12ใบไว้เก็บน้ำ ขุดบ่อเก็บมูล 12บ่อ แยก
เป็นของสุภาพสตรี 5บ่อ สุภาพบุรุษ 5บ่อ อีกสองบ่อ ถ้าผมมีเงินก็จะสร้างบ้าน
คิดว่าน่าจะเป็นระบบน็อคดาวน์ สร้างจากกรุงเทพฯแล้วไปประกอบที่ฐานผาแบ่น

ก้าวที่สาม ได้ว่าจ้างกรมทรัพย์ฯเมืองเลยเจาะน้ำบาดาลในราคา80,000บาท
ขณะนี้กำลังขุดเจาะอยู่ อีกสักพักคงได้ภาพออนไลน์จากบ้านผาแบ่น

ก้าวที่สองและสาม แนวร่วมสามรายได้ช่วยกันออกเงินรวม 105,000บาท
(ผมช่วยออก 10,000บาท) ค่าใช้จ่ายการเดินทาง ที่พักและอาหาร ในการ
ดำเนินการทุกครั้งผมใช้เงินส่วนตัวออกเอง

ก้าวสี่ที่จะทำต่อไป เมื่อมีแนวร่วมเข้ามาใหม่ เงินที่เข้ามาช่วยเหลือผมจะจัดซื้อ
แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปไปวางเป็นทางเดินและเป็นที่ตั้งเต็นท์นอนโดยใช้เข็มปูน
หกเหลี่ยมวางเป็นคานรองรับ พื้นจะยกสูงขึ้น เวลาฝนตกจะได้ไม่มีปัญหา ผม
คิดว่าเดือนตุลาคมน่าจะได้ทำ แนวร่วมท่านใดสนใจจะสร้างบ้านน็อคดาวน์ก็
เข้ามาคุยกัน


องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7195 ข่าวสดรายวัน


เซ็งมาสิบปี-ตี๋ดีใจผ่าทิ้งเต้าทรงโต!



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>ออเรนจ์นิวส์รายงานเมื่อ 10 ส.ค. ว่า นายเกา ชิงเป่า อายุ 53 ปี จากมณฑลชานตงทางเหนือของจีน ผู้ชายที่มีหน้าอกใหญ่โตที่สุดในโลกได้รับความช่วยเหลือผ่าตัดเอาหน้าอกออกแล้ว

ทีมผ่าตัด 2 ทีมจากโรงพยาบาลโรคทรวงอกในเมืองจื้อหนานช่วยกันผ่าตัดหน้าอกคนละด้านเพื่อลดระยะเวลาผ่าตัด โดยใช้เวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมง หลังจากระดมทีมผู้เชี่ยวชาญถึง 20 คน จาก 8 โรงพยาบาลช่วยกันวางแผนผ่าตัด โดยแพทย์เชื่อว่านายเกาป่วยเป็นโรคภาวะไขมันกระจายตัวผิดปกติ

นายเกา กล่าวว่า รู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่เพราะหลายปีที่ผ่านมาต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่กล้าออกไปไหน เพราะโดนชาวบ้านหัวเราะเยาะ เมื่อ 10 ปีก่อนหน้าอกขยายใหญ่ขึ้น แต่คิดว่าเพราะอ้วนขึ้นจึงไม่ใส่ใจ จากนั้นเมื่อ 2 ปีก่อน หน้าอกก็โตจนล้นออกมาเหมือนลูกฟุตบอล

แฉจีนทารุณเสือ-หมีเล่นละครสัตว์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 10 ส.ค. เอเอฟพีรายงานว่า มูล นิธิพิทักษ์สิทธิสัตว์ เอเชียในฮ่องกงประณามสวนสัตว์และสวนสัตว์ป่าซาฟารีของจีนว่า ทารุณกรรมสัตว์ บังคับให้สัตว์แสดงสร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมด้วยวิธีโหดเหี้ยม ใ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ทรมาน - มูลินิธิพิทักษ์สัตว์ในฮ่องกงแฉว่า สวนสัตว์จีนหลายแห่งทรมานสัตว์นานาชนิดทั้งเสือ ม้า และหมี ถูกบังคับให้แสดงละครสัตว์ ใช้ไม้และตะขอเฆี่ยนตีให้ทำตามคำสั่ง และอยู่ในกรงคับแคบแออัด เมื่อ 10 ส.ค. (เอเอฟพี)


</TD></TR></TBODY></TABLE>ช้ไม้และตะขอเฆี่ยนตีบังคับ รวมทั้งไม่จัดที่พักและอาหารให้เหมาะสม โดยให้อยู่ในกรงคอนกรีตขนาดเล็กแคบและมืดมิด ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลังเวทีการแสดง

รายงาน 28 หน้าได้จากการตรวจสอบสวนสัตว์ของจีน 13 แห่งระหว่างเดือนก.ย. 2552 - ส.ค. 2553 แฉหลักฐานว่า สวนสัตว์จีนเฆี่ยนตีทำร้ายสัตว์ บังคับให้พวกมันแสดงละครสัตว์ตามคำสั่งซึ่งขัดแย้งกับพฤติกรรมธรรมชาติ เสือและสิงโตจำนวนมากถูกถอนฟันและกรงเล็บทำให้พวกมันเจ็บปวดเรื้อรัง หมีถูกสั่งให้ชกกันและขี่จักรยานยนต์บนเส้นลวด เสือต้องกระโดดข้ามห่วงไฟและช้างต้องทำท่าทางที่ฝืนธรรมชาติเลียนแบบมนุษย์เช่นยืนด้วยหัวและหมุนตัวด้วยขาเดียว

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

จีนรอดใต้ซากโคลนถล่ม50ช.ม.



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
อึด - เจ้าหน้าที่กู้ภัยดึงร่างชายอายุ 52 ปีที่ยังมีลมหายใจออกจากใต้ซากที่ติดค้างอยู่นานเกิน 50 ชั่วโมงออกมาได้ ในเหตุอุทกภัยและโคลนถล่มร้ายแรงในมณฑลกานซู เมื่อ 10 ส.ค. (เอพี)


</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 10 ส.ค. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ภัยธรรมชาติร้ายแรงที่เกิดจากฝนตกน้ำท่วมและดินถล่มที่เกิดขึ้นในเอเชีย ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากดินโคลนถล่มในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่าเป็น 702 ราย และความหวังริบหรี่ลงเรื่อยๆ หลังหน่วยกู้ภัยประเมินว่ามีผู้สูญหายถึง 1,000 ราย มีเหตุการณ์ที่ให้ความหวังเพียงเล็กน้อย เมื่อหน่วยกู้ภัยช่วยชีวิตชายวัย 52 ปี ทราบชื่อภายหลังว่า นายหลิวหม่า สินตัน จากซากอพาร์ตเมนต์ที่ถูกน้ำและโคลนถล่มทับในเขตโจวฉู มณฑลกานซู หลังจากติดค้างอยู่นานเกิน 50 ชั่วโมง สภาพของนายหลิวหม่าอ่อนเพลียมาก โชคดีที่หน่วยกู้ภัยได้ยินเสียงอ่อนแรงที่ขอความช่วยเหลือ

ด้านนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ซึ่งลงพื้นที่เขตโจวฉู เขตเสียหายหนักที่สุด บ้านเรือนและถนนถูกดินโคลนทับหนา 2 เมตร กล่าวให้กำลังใจทหารและหน่วยกู้ภัยกว่า 7,000 นาย ปฏิบัติงานอยู่ ขอให้เร่งมือทำงานแข่งกับเวลา แม้ว่าการค้นหาและปฏิบัติงานทำได้ยากลำบาก ด้านประธานาธิบดีหู จิ่นเทา หารือในที่ประชุมสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อเพิ่มมาตรการรับมือวิกฤต เนื่องจากพยากรณ์อากาศเตือนว่า จะมีฝนตกหนักตามมาอีกในพื้นที่ประสบภัย

ส่วนที่แคว้นลาดักห์ของอินเดีย บริเวณเทือกเขาหิมาลัยและที่ราบสูงคาราโครัม ซึ่งเกิดน้ำท่วมฉับพลันเมื่อ 4 วันก่อน มีชาวบ้านเสียชีวิตหลายร้อยราย พบศพแล้วอย่างน้อย 165 ราย ระบุตัวได้แล้ว 150 ราย เจ้าหน้าที่ดำเนินการฝังศพ ส่วนที่เมืองเลห์ เมืองเอกของแคว้น หน่วยกู้ภัยยังค้นหาร่างผู้เสียชีวิตอยู่ขณะที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านปากีสถาน สหประชาชาติเร่งหาทางช่วยเหลือเหยื่อประสบภัยน้ำท่วม ด้วยการขอความช่วยเหลือทางการเงินจากนานาชาติ โฆษกสำนักงานกิจการความร่วมมือด้านมนุษยธรรมกล่าวว่า ผู้รอดชีวิต 6 ล้านคนจากผู้ได้รับผลกระทบ 14 ล้านคน ต้องการความช่วยเหลือเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

ถูกหลักภาษาเสียเวลา เหตุวัยรุ่น"เขียน-สะกด"ผิด

รายงานพิเศษ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>คงทราบกันดีว่าปัจจุบันนี้ สถานการณ์ของภาษาไทยเดินเข้าสู่ภาวะ "วิกฤต" เข้าไปทุกทีๆ โดยเฉพาะกับเหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มักอ่านภาษาไทยไม่ถูกต้อง ออกเสียงคำควบกล้ำ ร ล ว ไม่ชัดเจน และที่น่าเป็นห่วง เห็นจะเป็น ภาษาที่ใช้บนอินเตอร์เน็ต ที่นับวันจะผิดเพี้ยนไปจากหลักภาษาไทยมากขึ้นทุกขณะ

ยืนยันจากผลโพลวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี"53 ของกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง "ทัศนคติต่อการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง"

จากการสำรวจพบว่า ร้อยละ 34.5 ไม่เห็นด้วยกับการเขียนภาษาไทย ในการสื่อสารผ่านมือถือ อินเตอร์เน็ต ให้ถูกต้อง เพราะจะทำให้เสียเวลา ร้อยละ 38.7 ไม่เห็นด้วยกับ การพูดภาษาไทยไม่ชัด เช่น คำควบกล้ำ เสียงวรรณยุกต์ เพราะถือเป็นเรื่องปกติ และร้อยละ 36.2 ไม่เห็นด้วยกับประเด็นการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง

น่าเป็นห่วงไม่น้อย หากเหล่าวัยรุ่นคิดแบบนี้ เพื่อเป็นการสืบสานและรณรงค์ให้ประชาชนใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จึงดำเนินการสรรหา และคัดเลือกผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น เหมาะสมเป็นที่ยอมรับ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี

ในปีนี้ คณะกรรมการประกาศยกย่องผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น 41 คน แบ่งเป็น ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ชาวต่างประเทศ และผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น อาทิ น.พ.ประสพ รัตนากร พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พระมิตซูโอะ คเวสโก นายสลา คุณวุฒิ เป็นต้น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
1.หมอสอนภาษาไทย

2.พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

3.อ.นภาลัย สุวรรณธาดา

4.นางบุษยา พัฒน์ทอง

5.น.ส.อรุณพร โค้วถาวร


</TD></TR></TBODY></TABLE>

นางนภาลัย สุวรรณธาดา หนึ่งในผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น บอกว่า ภาษาไทยมีทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน ตอนที่ตนเป็นวัยรุ่นก็ใช้ภาษาวัยรุ่นเหมือนกัน เข้าใจว่าวัยรุ่นก็มีลักษณะเฉพาะของเขา อย่างไรก็ตาม ควรแยกให้ออกระหว่างภาษาที่ใช้สื่อสาร กับภาษาที่ใช้เป็นทางการ

"ศัพท์แปลกๆ ของวัยรุ่นนั้น ครู ผู้ปกครอง ต้องทำความเข้าใจว่าการพูดที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่หากสื่อสารกันเองก็เป็นเรื่องของเขา เพราะเป็นความเด่นในกลุ่ม แต่อยากให้คิดว่าการที่ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องก็เป็นความเด่นอย่างหนึ่งเหมือนกัน สิ่งที่ยากในปัจจุบันคือการแยกระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียน ดิฉันเป็นวิทยากรบรรยายในเรื่องการเขียนหนังสือทางวิชาการ พบว่าผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการเขียน เพราะระยะหลังเรามีสื่อหลายๆ อย่าง คนก็จะไปเสพสื่อต่างๆ โดยที่อาจละเลยกับการสนใจภาษาไทยที่ถูกต้อง" นางนภาลัย บอก

ด้าน นางบุษยา พัฒน์ทอง ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนหัวหิน บอกว่า สถาน การณ์ของการใช้ภาษาไทยในปัจจุบันน่าเป็นห่วง เนื่องจากเยาวชนตกอยู่ในวงล้อมของการสื่อสารหลากหลายทาง ขณะที่การสื่อสารดังกล่าวไม่ว่าจะจากช่องทางไหน ยังขาดการกลั่นกรองด้านการใช้ภาษา ซึ่งทำให้นักเรียนจำแต่รูปแบบการใช้ภาษาที่ผิดหลักจนเคยชิน และไม่รู้สึกว่าการใช้ภาษาผิดเป็นเรื่องที่น่ากังวล

"ภาษาไทยเป็นเรื่องใกล้ตัว หากใช้ผิดบ่อยๆ ก็อาจจะเกิดความเคยชินได้ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะใช้ให้ถูกต้อง ขณะเดียวกันวิชาภาษาไทยก็มักจะเป็นวิชาที่นักเรียนให้ความสำคัญน้อยที่สุด คือเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะส่งผลกระทบต่อการใช้ภาษาไทย ภาครัฐต้องให้ความสำคัญ หรือเห็นคุณค่ากับภาษาไทยมากกว่านี้ และต้องช่วยกันวางรากฐานให้รักการอ่าน โดยเฉพาะเด็กชั้นประถม ซึ่งหากเด็กกลุ่มนี้รักการอ่าน เมื่อเรียนชั้นที่สูงขึ้นก็จะเห็นความสำคัญของการใช้ภาษาได้ไม่ยาก" นางบุษยา บอก

ด้านเยาวชนอย่าง น.ส.อรุณพร โค้วถาวร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหัวหิน บอกว่า เรื่องการใช้ภาษาไทยผิดๆ ในชีวิตประจำวัน ในกลุ่มนักเรียนด้วยกัน เห็นว่าเกือบจะเป็นเรื่องปกติ เพราะการพิมพ์ให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทยนั้นมีส่วนทำให้สื่อสารถึงกันช้าลง เนื่องจากต้องกังวลเรื่องความถูกต้อง ขณะที่การสื่อสารระหว่างกลุ่มนักเรียนด้วยกันมีศัพท์เฉพาะรูปแบบ หรือแค่คำที่พิมพ์พ้องเสียง หรือพ้องรูป เช่น พิมพ์เสียงหัวเราะเป็น เลข 5 โดยไม่ได้วิตกไปถึงการสะกดที่ถูกต้องตามหลักภาษา แต่ก็สามารถสื่อสารกันได้

"แม้แต่ตัวเองซึ่งอาสามาเป็นหมอภาษา ในโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาภาษาไทย บางครั้งก็ใช้ภาษาแบบผิดๆ เวลาที่คุยกับเพื่อนผ่านโปรแกรม แช็ต แต่สิ่งที่ต้องไม่เพิกเฉยก็คือเวลาที่ต้องใช้ภาษาอย่างเป็นทางการ หรือต้องคุยกับผู้ใหญ่ ก็สามารถกลับไปใช้อย่างถูกต้องได้" น.ส.อรุณพร กล่าว

ขณะที่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี บอกว่า เราควรลุกขึ้นช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง โดยเฉพาะพิธีกรหรือนักแสดง เพียงแต่คิดให้ถูกต้อง พูดให้ถูกต้อง สื่อสารให้ถูกต้อง แค่นั้นคนไทยก็จะได้ต้นแบบในการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องโดยไม่ต้องใช้เงิน

"สำหรับเด็กและเยาวชนอยากแนะนำว่าให้รู้จักใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เพราะหากเราใช้ถูกต้องเราจะได้ชื่อว่ามีภูมิรู้ ภูมิธรรม ภูมิไทย เป็นอย่างดี ต้องไม่ลืมว่าสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ใครรู้จักใช้ภาษาให้ถูกต้องคนๆ นั้นก็ถือว่าเป็นอารยชน เด็ก และเยาวชนที่ใช้ภาษาในอินเตอร์เน็ต เฟชบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ เราอาจจะใช้พูดเล่นก็ได้ แต่ในการใช้งานจริงๆ หากเราใช้งานที่ถูกต้องก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตามแบบแผนทุกอย่าง ขอให้เรารู้จักกาลเทศะก็พอ"

ร่วมกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เพื่ออนุรักษ์ความเป็นไทย

ฝนถล่มเชียงราย น้ำท่วมตัวเมือง

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อ 11 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าได้เกิดฝนตกหนักทั่วพื้นที่ จ.เชียงราย ติดต่อกันมาร่วม 5-6 ชั่วโมง ส่งผลทำให้ท่อระบายน้ำภายในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง การระบายน้ำทำไม่ทันและเกิดการเอ่อล้นเข้าท่วมถนนหลายสาย ส่งผลทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาในช่วงเวลาเร่งด่วนประสบความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ถนนหน้าโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จนถึงสี่แยกหมอพีระ พบว่าระดับน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30 ซ.ม.ทำให้การเดินทางเข้าออกของผู้ป่วยเป็นไปด้วยความยากลำบาก น้ำยังไหลเข้าท่วมร้านค้าหลายแห่งจนต้องขนของหนีน้ำกันอย่างฉุกละหุก

ด้านเทศบาลนครเชียงรายเร่งใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากท่อน้ำหลักๆ หลายแห่ง เพื่อระบายลงไปสู่แม่น้ำกกอย่างเร่งด่วน ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาได้เป็นอย่างดี ระดับน้ำที่ท่วมขังได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามพบว่าฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ท่อระบายน้ำอาจจะรองรับน้ำไม่ได้และเกิดการท่วมขังตามถนนสายต่างๆ ที่อยู่ในที่ลุ่มได้ตลอดเวลา

ด้านสถานการณ์น้ำจากแม่น้ำคำและแม่น้ำจันเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขต ต.แม่คำ ต.แม่จัน ต.ป่าตึง และ ต.จันจว้า อ.แม่จัน พบว่าระดับน้ำได้ลดลงจนทำให้น้ำที่เคยเข้าท่วมบ้านเรือนกลับสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตามพบว่าบ้านเรือนจำนวนมากยังคงเปื้อนดินโคลนและวัชพืชที่ไหลไปเกาะช่วงน้ำท่วมบ้าน ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งทำความสะอาดบ้านแต่ก็ยังไม่มั่นใจเนื่องจากฝนยังคงตกลงมาและน้ำจท่วมเป็นรอบต่อไปได้ทุกเมื่อ

นายเชษฐา โมสิกรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย ได้ประสานงานกับฝ่ายปกครองอำเภอ แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระมัดระวังเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงนี้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ รถ เรือท้องแบน ฯลฯ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนในท้องที่ที่อาจประสบเหตุได้อย่างทันท่วงทีแล้ว

จับตาย"เข้ยักษ์" บุกไร่-มีอีก2ตัว!



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เดลี่เมล์รายงานว่า เมื่อ 6 ส.ค. ชาวบ้านในชุมชนชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองเขต นอร์ธเทิร์นเทอร์ริทอรี่ของออสเตรเลีย ปราบจระเข้ยักษ์ตัวยาว 6.7 เมตร ได้อยู่หมัดหลังจากที่จระเข้ออกอาละวาดทำร้ายและลอบกินวัวควายและแพะของชาวบ้าน แต่คาดว่าจะมีจระเข้ยักษ์อีก 2 ตัวในพื้นที่และอาจจะตัวใหญ่กว่าตัวที่ถูกยิงตายนี้เหลืออยู่อีก

มือปืนยิงจระเข้ยักษ์เป็นสมาชิกครอบครัวที่ทำไร่ในเขตมานังกูรา และปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ถูกจระเข้ทำร้าย โดยจระเข้ตัวนี้หนักมากต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันดึงขึ้นมาจากแม่น้ำวีไรอันซึ่งมีจระเข้ชุกชุม

ตี๋ซวยเข้าส้วมลื่นตกถังอึนาน2วัน



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ออเรนจ์นิวส์รายงานเมื่อ 6 ส.ค. ว่า เกิดเหตุหนุ่มจีนดวงซวยเดินตกบ่ออุจจาระ ร่างจมลงไปมิดถึงคอและติดอยู่นาน 2 วัน โดยไม่มีใครรู้เพราะไม่มีคนเข้ามาใช้สุขา กระทั่งมีคนที่เดินผ่านด้านนอกห้องส้วมและได้ยินเสียงร้องไห้จึงแจ้งให้หน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือขึ้นมาได้สำเร็จ

เหตุเกิดที่เขตอู๋หยวนแคว้นมองโกเลียเมื่อ พลเมืองดีที่เดินผ่านมาบังเอิญได้ยินเสียงคนร้องไห้จากส้วมสาธารณะและพยายามเข้าไปช่วยเองแต่ไม่สำเร็จจึงเรียกหน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่นำบันไดหย่อนลงไปในถังส้วม โดยชายหนุ่มซึ่งร่างกายอ่อนเพลียใช้เวลาไต่บันไดถึง 20 นาทีกว่าจะขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ พนักงานดับเพลิงนายหนึ่งกล่าวว่า หนุ่มคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ต้องรีบอาบน้ำด่วน พอขึ้นมาได้จึงรีบไปโรงอาบน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ด้านหนุ่มรายนี้บอกว่า ตนลื่นตกไปในถังส้วมเมื่อ 2 วันก่อน ทางครอบครัวแจ้งความคนหายไว้แล้วด้วย แต่ไม่มีใครตามพบ

จบข่าวแล้ว ข่าวบ้าๆๆบอๆๆ

 

เพชรบูรณ์-เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหลายหมู่บ้าน​

​

เกิดน้ำป่าไหลเข้าท่วมหลายหมู่บ้านใน 4 ตำบลรอบนอกของอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ชาวบ้านเดือดร้อนหลายร้อยหลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายหลายพันไร่ ถนนภายในหมู่บ้านหลายสายถูกน้ำท่วมขัง

จากกรณีที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 12 หมู่บ้าน ใน 4 ตำบลรอบนอกของอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ คือ หมู่ 1,2,3,4,11,15 ตำบลนายม หมู่ 7,9,11 ตำบลวังชมภู หมู่ 5 ตำบลบ้านโตก และหมู่ 9 ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมือง

โดยเฉพาะที่หมู่ 1 บ้านหนองผักบุ่ง และหมู่ 2 บ้านนายม บ้านเรือนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมกว่า 150 หลัง พื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมขังกว่า 3,500 ไร่ ถนนที่เชื่อมต่อภายในหมู่บ้านหลายสายถูกน้ำท่วมขัง ระดับน้ำสูงประมาณ 50- 80 เซนติเมตร ถนนสายนายม-ถ้ำน้ำบัง ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร เป็นระยะทางเกือบ 1 กม.ทำให้การสัญจรทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ เป็นไปด้วยความยากลำบาก

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

*** ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ****

คือ สงบสุขร่วมกัน
ไม่ต้องรบกันเอง ไม่ตกเป็นทาสผู้อื่นด้วยประการทั้งปวง
พัฒนาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยสัจจะ ชาวสุวรรณภูมิแผ่นดินเดิมเดียวกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

วีดิโอ crop circles น่าสนใจครับ เชื่อว่า เป็นการพยายามสื่อสารของมนุษย์ต่างดาวกับชาวโลก

<object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/nm6-EcScefA&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/nm6-EcScefA&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="640" height="385"></embed></object>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไต้ฝุ่น “เดียนมู” พัดถล่มเกาหลีใต้ สังเวยแล้ว 5 ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 สิงหาคม 2553 17:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ไต้ฝุ่น "เดียนมู" พัดถล่มเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

เอเอฟพี - ศูนย์จัดการภัยพิบัติแห่งชาติของเกาหลีใต้ เผย วันนี้ (11) สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหลังพายุไต้ฝุ่น “เดียนมู” พัดถล่มเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน และหลายเที่ยวบินถูกสั่งระงับ

ศูนย์จัดการภัยพิบัติแห่งชาติ เผยว่า มีนักท่องเที่ยว 2 คน จมน้ำเสียชีวิตขณะพยายามเดินข้ามสายน้ำที่เชี่ยวกรากทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโซล นอกจากนี้ ยังมีคนขับแท็กซี่เสียชีวิต 1 ราย ในเขตมาโปทางตะวันตกของกรุงโซล หลังรถของเขาถูกกระแสน้ำพัดพาไป

ผู้สื่อข่าวทีวีท้องถิ่นรายหนึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเมืองปูซาน วันนี้ (11) หลังพลัดตกลงไปในทะเลขณะกำลังรายงานข่าวพายุไต้ฝุ่นที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ในมณฑลนัมเฮทางตอนใต้ของประเทศ ชายชราวัย 53 ปี เสียชีวิต เนื่องจากรถยนต์ของเขาถูกน้ำพัดจมหายไปในทะเล

พายุไต้ฝุ่นส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรประมาณ 130 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้น้ำ เที่ยวบิน 74 เที่ยว และเรือโดยสาร 91 เที่ยวถูกสั่งระงับในทันที ไต้ฝุ่นเดียนมู ทำให้เกิดดินถล่มบริเวณชายหาดทางตอนใต้ของประเทศในเช้าวันนี้ (11) และทำให้มีฝนตกหนักขณะเคลื่อนตัวลงใต้ออกสู่ทะเลญี่ปุ่น

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000111488

 

ในความเป็นจริงหลายๆส่วนไม่ได้เป็นอย่างในข่าว
ชาวบ้านเดือดร้อนตั้งแต่ก่อนเที่ยง หน่วยราชการก็ปัญญาอ่อน ทำอะไรไม่เป็น
มีกลุ่มพลังประชาชนต่างหากที่รับรู้การเกิดน้ำทะเลขึ้นสูงผิดปกติและได้ขอกำลังทหารส่งทีมทหารไปลงพื้นที่ เพราะพวกผมนี่แหละที่ขอ ผู้บังคับบัญชา
ร.ต.สมบัติ ทองจันทร์ หน.ชุดตรวจเกาะสะระนีย์ อนุมัติความช่วยเหลือเร่งด่วนจากหน่วยเฉพาะกิจ
ส่วนเรื่องการให้ความช่วยเหลือเหรอตามมีตามเกิดจี้ก็ได้ไม่จี้ก็ไม่ได้
ส่วนวันชาติก็งั้นๆเวลาออกข่าวก็ฟังดูดี เป็นแบบนี้แหละหากินกับทุกข์ชาวบ้าน

หน่วยงาน ปภ ก็งั้นๆ ก่อนหน้านี้ฝนตกหนักน้ำท่วมเอ่อล้นจากคลองขึ้นมาประกอบกับทะเลหนุน กว่าจะออกทำงาน

สรุปว่า.
.ชาวบ้านประชาชนทำกันเองช่วยเหลือกันเอง..อย่าหวังพวกเช้าชามเย็น2ชาม
..ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฟอนเฟะ

 

น่าเห็นใจคนทางระนองครับ..โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ประเทศไทย ของเรา

ความสำคัญของ "ประชาชน" เป็นเพียงข้ออ้าง ของกลุ่มผู้แสวงหา
ผลประโยชน์ ไม่ว่าระดับล่างจนถึงระดับบน เพื่อมาปั่นงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง
สมคบคิดกับ พ่อค้าที่เห็นประโยชน์ส่วนตน.. สิ่งของ หรือบริการ ที่มาถึง
มือประชาชน ไม่ล่าช้าเกินการณ์..ก็ด้อยคุณภาพไม่สมราคาจัดหา..สุดท้าย

ประชาชนจะหวังอะไรได้กับ องค์กรภาครัฐที่พิกล พิการ มาแต่เกิดได้ละครับ


อยากร้องเพลง "วิญญาณปู่ จะร้อง ไอ้ลูกหลาน...(มัวไปทำอะ) ไร"

 

น้ำท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว ประเทศ ฟินเเลนด์

<object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/GrmIutAOooA?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/GrmIutAOooA?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="640" height="385"></embed></object>
​

 

มนุษย์ต่างดาว สื่อสารกับชาวอเมริกันชื่อ แนนซีมากว่า ๑๐ ปีแล้ว (อ่านได้ที่Zetatalk.com)

ประเทศฝรั่งเศสรับต่างชาติเข้ามาทำงานหลายเชื้อชาติ และให้เสรีภาพในการออกความเห็น ประท้วง ฯลฯ สภาวะการครองชีพที่ลำบากจะเกิดการประท้วงหรือเดินขบวนในประเทศฝรั่งเศส ในขณะที่ประเทศอื่นยังถูกควบคุมไม่ให้เกิด (ตรงนี้คล้ายที่หลวงพ่อฤาษีฯกล่าวว่าถ้ามีเหตุที่ฝรั่ง่ศสก้ให้ลูกหลานกลับประเทศไทยค่ะ)


จากนั้นบริษัทประกันภัยจะ จ่ายเงินไม่ได้ ภัยธรรมชาติก็หนักขึ้นๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอ่อนล้าทั้งแรงและการเงิน บริษัทต่างประกอบธุรกรรมไม่ได้ตามเป้าต้องปิดลงและล้มละลาย คนจะว่างงานและไม่ได้รับเงินเกษียณ รัฐบาลต่างๆ จะพิมพ์ธนบัตรมากขึ้นแต่มันจะไร้ค่า เพราะรัฐบาลใดๆ ก็ไม่สามารถเนรมิตอาหารขึ้นมาได้ และรัฐใดๆ ก็ไม่สามารถฝึกหัดคนมากู้ภัยแทนเจ้าหน้าที่ๆอ่อนล้าหรือล้มหายตายจากไปได้

" ปัจจุบันประเทศสิงค์โปร์ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่สามครั้งในเดือนกค. ที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยจะเลิกกรมธรรม์น้ำท่วมแล้วเพราะเบี้ยเดิมไม่คุ้มกับค่าเสียหายที่เกิดในปัจจุบัน"

ต้องช่วยตัวเอง ตามที่คุณ Lucky Friday และคุณนาคาทำอยู่ค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้กัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ

ใครว่างลองติดตามอ่านการวางอัตตาขันธ์ห้า เพื่อดำรงตนดำรงใจในยามเกิดภัยพิบัติ ที่ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) - Index ค่ะ