+++Premium พระเครื่องราคาพิเศษ(ปิดกระทู้ชั่วคราว)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 กันยายน 2009.

  1. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,075
    ค่าพลัง:
    +22,244

    จองเหรียญนี้เพิ่มครับ
     
  2. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 531 เหรียญหลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม

    หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้ายค่าย จ.ระยอง เกิดที่กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อประจงวาส ต่อมาเปลี่ยนเป็นประยุทธิ วรวุธิ นามสกุลอาภรณ์สิริ บิดาท่านคือพระพาหิรรัชฏพิบูลย์(ประวัติ อาภรณ์สิริ) นามมารดาคือนางพาหิรรัชฏพิบูลย์ สมัยเป็นฆราวาส ท่านได้สมรสกับนางประชุมศรี อาภรณ์สิริ มีบุตรชาย2 คน บุตรหญิง 2 คน
    หลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ต่อมาจึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โดยเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาเลือก จนจบชั้นม.6
    เพราะเหตุที่ภาษาอังกฤษของหลวงพ่อกัสสปมุนีอยู่ในขั้นดีมาก เมื่อเรียนจบ ท่านจึงเข้าทำงานที่บริษัทวินเซอร์ของอังกฤษ แต่บิดาท่านให้ย้ายออกมาทำที่กรมสรรพากร ซึ่งท่านก็อนุโลมตามใจบิดาท่านด้วยแรงกตัญญู ซึ่งท่านก็ได้เจริญในหน้าที่การงานและทางโลกด้วยดียิ่งตลอดมา จนกระทั่งได้รับการโอนย้ายไปอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม และได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบอันมีเกียรติยิ่ง แต่ท่านขอไม่รับ เพราะเริ่มมีดวงตาเห็นธรรมและเบื่อหน่ายในโลกียวิสัย ท้ายสุด ท่านก็ได้ขอลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุถึง 3 ปี
    หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านบวชเมื่ออายุ ๕๒ ปี สมัยที่ยังไม่บวชท่านทำงานอยู่ฝ่ายสรรพสามิต ท่านจะดื่มเหล้าเก่ง ตอนหลังท่านเห็นโทษของการดื่มเหล้า และเกิดเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้ลาออกจากราชการ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยได้โอนบ้านที่ดินและทรัพย์สินให้กับครอบครัวท่านจนหมดสิ้น จากนั้นท่านได้ไปฝากตัวอยู่กับสมเด็จ พระวันรัต (ต่อมาทรงได้รับสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช วัดโพธิ์ ท่าเตียน) โดยเป็นอุบาสก นุ่งขาวห่มขาว ถือศีลอุโบสถอย่างเคร่งครัด ในที่สุดจึงได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ แม้บวชได้เพียงพรรษาเดียว หลวงพ่อกัสสปมุนี ได้ออกธุดงค์ ไปบำเพ็ญเพียรภาวนา อยู่บนยอดเขาภูกระดึง อันแสนจะหนาวเหน็บ (เดือน พ.ย. ๒๕๐๖) หลังจากนั้นถัดมาอีกเพียง พรรษาเดียว ท่านก็ได้จาริกแสวงบุญ ไปบำเพ็ญภาวนาในแดนไกล คือเมือง ฤาษีเกษ ประเทศอินเดีย เมืองนี้เป็นที่ชุมนุม ของโยคี ฤาษี มุนีไพร ผู้ทรงตบะและฤทธาอันแก่กล้ามากมาย ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะอยู่ได้อย่างสันติอิสระ...

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    เมื่อหลวงพ่อกัสสปมุนีลากรถไฟขึ้นเขาด้วยพลังจิต!!!!!

    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อออกพรรษา ปวารณาปี พ.ศ. ๒๕๐๗ แล้ว หลวงพ่อฯ ก็ได้เดินทางไปยังประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๐๗ โดยสายการบิน ซี.พี.เอ. ร่วมกับคณะทัศนาจรแสวงบุญ ซึ่งมีทั้งพระ และฆราวาส อาทิเช่น ท่านเจ้าคุณราชปัญญาเมธี เจ้าคณะจังหวัดยะลา ท่านเจ้าคุณสิริสารโสภณ เจ้าคณะอำเภอยะลา หลวงพ่อทิม วัดช้างไห้ ผู้สร้างพระเครื่อง หลวงพ่อทวด อันลือลั่นไปทั่วประเทศ และท่านเจ้าคุณ ญาณวิริยาจารย์ วัดธรรมมงคล ซอยปุณณวิถี พระโขนง ซึ่งเป็นศิษย์เอก พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ฝ่ายฆราวาสก็มี นายเอื้อ บัวสรวง ธ.บ. และ เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต นายน่วม นันทวิชัย นายกพุทธสมาคม สิงห์บุรี จุดมุ่งหมายของคณะจาริกแสวงบุญ คือจะพากันไปนมัสการ สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ด้วยความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธคุณ และ เพื่อปลงธรรมสังเวช หลวงพ่อกัสสปนั้น ต้องการจะเดินทางต่อไป เพื่อไปจำศีลภาวนาที่เมือง “ฤาษีเกษ” อันเป็นเมืองของนักพรต ฤาษีชีไพร นักบำเพ็ญตบะ พวกนุ่งลมห่มฟ้า (ฑิฆัมพร) และ นักบวชนิกายต่างๆ
    การเดินทางไปนมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ไปชมเมืองราชคฤห์ หรือรัฐพิหารในปัจจุบัน ไปเมืองพาราณสี แล้วขึ้นรถไฟไปยังตำบลสารนาถ คือ ป่าอิสิปตน มฤคทายวัน อันเป็นสถานที่ พระบรมศาสดาทรงแสดงปฐมเทศนา เสร็จสิ้นไปตามลำดับ ต่อจากนั้นก็ไปยังตำบลกุสินาราน์ สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ซึ่งหลวงพ่อกัสสปมุนี เล่าถึงตอนนี้ว่า
    “รถได้พาคณะเรามาถึงเมือง กุสินาราน์ เวลาประมาณ ๙.๐๐ น. ความใฝ่ฝันของอาตมาภาพแต่อดีต ที่ใคร่จะได้เห็นเมืองกุสินาราน์ และสถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานยิ่งนัก บัดนี้ความใฝ่ฝันนั้น ความปรารถนาอันแน่วแน่นั้น ก็ได้บรรลุผลแล้ว ใครจะเดินล่วงหน้าไปแล้วก็ตาม อาตมาภาพยังคงยืนเหลียวไปโดยรอบ เพื่อพินิจพิจารณา บริเวณสถานที่นั้นให้เต็มตา
    แต่อนิจจา ! อันว่าป่าสาลวัน อันเป็นสวนที่แวะพักของเหล่ามัลละกษัตริย์ และเป็นที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระบรมศาสดาของเรา คงมีเหลืออยู่แต่ชื่อ อันเป็นที่หมายรู้เท่านั้น เพราะบัดนี้มีสภาพเป็นที่โล่ง มีต้นไม้เบาบาง ปราศจากหมู่ และกลุ่มไม้ ต้นสาละ หรือต้นรังอินเดีย มีอยู่ไม่มากนัก แต่ทางการอินเดียเขาได้จัดรักษา และบำรุงอย่างดีมาก แม่น้ำหิรัญญวดี ที่ได้กล่าวไว้ในพระสูตรก็มิได้มี นี้ก็เป็นอนุสสติให้ระลึกพิจารณา ถึงความแปรปรวนแห่งสังขาร เครื่องผสมปรุงแต่ง ว่าไม่เที่ยง ย่อมแปรผันเปลี่ยนไป อาตมาสลดใจจึงรีบเดินตามหมู่พวกไป เห็นพวกเรากำลังขึ้นบันได เข้าสู่อาคารหลังหนึ่ง ทำแบบวิหาร อาตมาภาพจึงตามติดเข้าไป ที่นี่เอง คือที่ตั้งพระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา ปางอนุฏฐานไสยาสน์ (คือปางเสด็จบรรทม โดยไม่ลุกอีกต่อไป) นายช่างปฏิมากรรม เขาปั้นเป็นพระพุทธรูปนอนตะแคงขวา แต่ไม่หลับพระเนตร เลยกลายเป็น พระพุทธปฏิมานอนลืมพระเนตร ช่างปั้นคงไม่ได้คิดถึงข้อนี้ เพราะเป็นช่างแขกอินเดีย ซึ่งพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าผิดความจริงอย่างยิ่ง แต่ก็ประหลาดอย่างยิ่งอีกเหมือนกัน เพราะขณะที่อาตมาภาพยืนอยู่นั้น รู้สึกเหมือนกับว่า ได้เข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ ซึ่งผิดกับสถานที่อื่นๆ เช่น ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ อันเป็นที่ตรัสรู้ และ ที่สารนาถที่แสดงปฐมเทศนา เอ๊ะ... นี่ยังไงกัน ? ที่นี่เหมือนมีแม่เหล็ก อาตมาจึงพิงไม้เท้าไว้ที่ประตู ปลดย่ามลงจากบ่า ทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับเพื่อนสพรหมจารี จุดธูปเทียนน้อมอภิวาทถวายนมัสการบูชา ด้วยหัวใจอันวังเวง ดูเหมือนว่ามีอะไรอบอุ่นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ และมีอะไรเย็นๆ พรมไปตามตัว มิใยใครจะลุกไปแล้ว อาตมาภาพก็ยังคงคุกเข่า พนมมือหลับตา ใจจดใจจ่ออยู่อย่างนั้น ช่างอบอุ่นร่มเย็น และสงบแท้ นี่เป็นความรู้สึกขณะนั้น จนคณะพากันออกไปหมด อาตมาภาพจึงได้ลุกขึ้นเดินเวียนประทักษิณ แล้วจะเดินออกประตู เห็นหลวงพ่อทิมวัดช้างไห้ กำลังยืนพนมมืออยู่ข้างมุมประตู ตาลืมจ้องดูที่พระพุทธรูป อาตมาจึงเอื้อมมือจะไปหยิบไม้เท้าที่พิงอยู่ ข้างประตู
    ทันใดนั้น อัศจรรย์ยิ่ง อัศจรรย์จริงๆ มีเสียงหนึ่งกระซิบที่หูเบาๆ แต่ชัดเจนว่า
    “ทำไมไม่กราบพระบาท! ทำไมไม่กราบพระบาท!”
    อะไรกัน อาตมาหันขวับไปดูหลวงพ่อทิมวัดช้างไห้ ก็เห็นกำลังยืนอยู่ไม่ห่างในท่าเดิม แล้วเป็นเสียงใคร? อาตมาจึงหันมาจะหยิบไม้เท้าอีก ก็มีเสียงกระซิบอีกอย่างชัดเจน อ่อนน้อมว่า
    “ ทำไมไม่กราบพระบาท! ทำไมไม่กราบพระบาท! ”
    อาตมาชะงัก ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง หันกลับเดินไป ทรุดคุกเข่าอยู่ที่ปลายพระบาทพระพุทธปฏิมาปางไสยาสน์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน กราบแล้วกราบอีก แล้วพนมมือน้อมระลึกถึง พระพุทธคุณ และพุทธานุภาพ ที่ได้ทรงปกแผ่ไปเป็นอนันตเขต แม้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนานแล้ว แต่พุทธเกษตรนี้ยังกระจ่าง อีกนานไกล อาตมาภาพพนมมือ ค้อมตัวลงปลงธรรมสังเวช
    เสียงหลวงพ่อทิม วัดช้างไห้ สะอื้นเบาๆ อยู่ทางเบื้องหลัง ไม่ทราบว่าหลวงพ่อทิม มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร อาตมาลุกขึ้น ถามท่านว่า
    “หลวงพ่อสะอื้นทำไม ?”
    “เห็นแล้วมันตื้นตันใจ บอกไม่ถูก”
    หลวงพ่อทิม ตอบเสียงสะอื้น เป็นคำตอบที่กลั่นออกมาจากหัวใจของพระสาวก ถึงแม้จะเกิดทีหลัง ห่างไกล นานถึงสองพันปีเศษก็ตาม ความผูกพันในพระพุทธบิดา ย่อมมีอยู่แก่สมณศากยบุตรพุทธชิโนรส ด้วยประการฉะนี้”

    วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ คณะของหลวงพ่อกัสสป ฉันอาหารเช้าแล้ว ได้เวลา ๙.๐๐ น. จึงพาพวกอุบาสกและอุบาสิกาออกเดินทาง ไปยังสถานีเนาก้า เพื่อไปยังสวนป่าลุมพินีวันในแคว้นเนปาลอันเป็นสถานที่พระบรมศาสดาทรงประสูติ ถึงสถานีเนาก้าเวลา ๑๑.๐๐ น. แต่เจ้ากรรมแท้ๆ ... ที่พนักงานรถไฟแขกอินเดียมันมักง่าย ตัดรถตู้คณะของหลวงพ่อกัสสปมุนีออกปล่อยทิ้งไว้ อยู่ห่างจากตัวสถานีเกือบสามร้อยเมตร ตรงที่รถตู้ถูกตัดออกนี้เป็นที่ลาดต่ำกว่าที่ตั้งสถานี และห่างจากที่รถบัสจอดเกือบครึ่งกิโลเมตร
    ในคณะแสวงบุญของหลวงพ่อ มีอุบาสิกาอยู่ในวัยชราหลายคนจะต้องเดินไกล ทั้งตัวรถตู้ก็สูง บันไดก็ยิ่งลอยสูงขึ้นไปด้วย เพราะรถถูกตัดทิ้งไว้ในที่ลาดต่ำ แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแรงอย่างนายเอื้อ บัวสรวง ก็ยังต้องเกร็งข้อโหนตัวลอยขึ้นไป ยิ่งเป็นพระ เป็นผู้หญิงยิ่งทุลักทุเลใหญ่ ทำให้นายสุวรรณ เจามหาสุข ผู้อำนวยการเดินทางในครั้งนี้ และนายเอื้อ บัวสรวงโมโหมาก ปัญหาจึงมีอยู่ว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ตู้รถแล่นขึ้นไปจอดบนชานชาลาเหนือสถานีได้
    ในที่สุดปรึกษาตกลงกันได้ว่า ให้คณะแสวงบุญที่ขึ้นไปก่อนลงมาจากรถเพื่อให้รถเบาขึ้น แล้วจ้างพวกแขกสองสามคน และเด็กแถวนั้นให้ช่วยกันดันรถ แต่เมื่อทำดูแล้วรถไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย เพราะตู้รถไฟใหญ่กว่าตู้รถไฟในบ้านเมืองเรามาก มีน้ำหนักเป็นตันๆ และจะต้องดันให้เคลื่อนขึ้นที่สูงเสียด้วย มันต้องใช้ช้างสารฉุดถึงจะเขยื้อนขึ้นไปได้
    ตอนนี้นายเอื้อ บัวสรวงเห็นหมดหนทางที่จะพึ่งแรงคน จึงคิดจะพึ่งแรงบารมีของพระเสียแล้ว จึงได้หันมาอาราธนาขอร้อง อาจารย์วิริยังค์ (ท่านเจ้าคุณญาณวิริยาจารย์) ช่วยให้รถเคลื่อนด้วยอานุภาพที่ท่านมีอยู่ เพราะมองไม่เห็นใครที่จะช่วยได้ ก็ต้องพึ่งพระกันบ้าง
    ท่านพระอาจารย์วิริยังค์ ได้เข้าไปยืนข้างตู้รถไฟภาวนาอยู่สักครู่ก็ทำท่าดัน แล้วบอกให้ทุกๆ คนช่วยกันดันรถ แต่ดันเท่าไหร่ๆ รถก็ไม่มีทีท่าจะเขยื้อน
    นายเอื้อจึงได้หันมาอาราธนาท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดยะลา ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะอำเภอยะลาและหลวงพ่อทิมวัดช่างไห้ ขอให้ช่วยแสดงอานุภาพทำให้ตู้รถไฟเคลื่อนที่ แต่ท่านทั้งสามองค์ก็ตอบตรงๆ ว่าไม่ได้ฝึกมาทางนี้ คือไม่ได้ฝึกทางอภิญญา สุดท้ายนายเอื้อ บัวสรวงหมดหนทางอับจนปัญญา จึงได้ขอร้องให้ หลวงพ่อกัสสปมุนี ช่วยด้วย
    “ยังเหลือแต่หลวงพ่อกัสสป องค์เดียวเท่านั้น ผมเชื่อว่าคงจะไม่สิ้นหวังเสียทั้งหมด”
    นายเอื้อ บัวสรวง พูดค่อนข้างเสียงดังเปิดเผย พลางพนมมือนอบน้อม หลวงพ่อกัสสป จึงเอ่ยว่า
    “ทำไมมาเจาะจงอาตมา ก็ท่านเหล่านั้นยังรับไม่ไหว แล้วอาตมาภาพจะรับได้ยังไง”
    นายเอื้อ บังสรวง ได้ยืนกรานว่า
    “ถึงอย่างนั้น ก็ขอให้หลวงพ่อเห็นแก่ญาติโยมผู้หญิง และคนแก่ เถอะครับ ที่จะต้องโหนตัวขึ้นรถ”ว่าแล้วก็ไหว้อีก หลวงพ่อกัสสปเห็นนายเอื้อมีความมั่นใจเช่นนั้น จึงจำเป็นต้องช่วยสงเคราะห์ จึงบอกเบาๆ ว่า
    “โยมบอกพวกนั้นให้ดันรถพร้อมๆ กัน พอเห็นอาตมาเดินขึ้นหน้ารถก็ดันเลย”
    นายเอื้อก็รับคำเตรียมอยู่ข้างตู้รถไฟ จากนั้นหลวงพ่อกัสสป ก็เดินขึ้นไปทางริมรั้วสถานี ครั้นพอถึงหน้ารถตู้ นายเอื้อก็ร้องบอกให้พวกนั้นดันรถ เสียงรถเคลื่อนดังครืด แล่นตามหลังหลวงพ่อกัสสปมาได้หน่อยหนึ่ง หลวงพ่อกัสสปจึงยื่นไม้เท้าให้นายเอื้อจับปลายไว้ นายเอื้อเอื้อมมือขวามาคว้าปลายไม้เท้าไว้ ส่วนมือซ้ายจับอยู่ที่ราวบันไดรถ หลวงพ่อจับหัวไม้เท้าไว้ข้างแล้วจูงนำหน้า เท่านั้นเอง ตู้รถไฟอันใหญ่โตหนักอึ้ง ก็แล่นปราดๆ ขึ้นไปตามรางสู่สถานีอย่างง่ายดายน่ามหัศจรรย์ สร้างความตะลึงงันให้แก่ญาติโยมอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายที่ได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวต่อหน้าต่อตา สุดที่จะกล่าวพรรณาเป็นอักษรภาษาใดๆได้...!!!!!!
    นับว่าหลวงพ่อกัสสป ได้ฝังรากความมั่นใจให้แก่นายเอื้อ และญาติโยมในที่นั้นว่า อานุภาพของพุทธศาสนานั้น เป็นของมีจริง ที่พระสาวกของพระพุทธองค์ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น หรือวาระอันสมควรจะพึงแสดง! คณะแสวงบุญทัศนาจร ได้ท่องเที่ยวไปชมสถานที่ สำคัญๆ นอกเหนือจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่ง แล้วอีกหลายแห่ง จนฉ่ำชื่นใจสมปรารถนาทั่วหน้ากัน จากนั้นก็ได้ถึงวันเวลาที่จะต้องแยกทางจากกัน โดยหลวงพ่อกัสสปได้แยกทาง ลงที่เมืองปัตนะ (เมืองปาตลีบุตร ครั้งพุทธกาล) เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๗ เพื่อจะได้จาริกท่องเที่ยวไปตามลำพัง สององค์กับพระวิเวกนันทะ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลวงพ่อกัสสปมุนีเคยว่า สกุล"กัสสปะ"สมัยพุทธองค์มี 7 ท่าน คือ
    1.มหากัสสปะ
    2.อุรุเวลกัสสปะ
    3.นทีกัสสปะ
    4.คยากัสสปะ
    5.กุมารกัสสปะ
    6.อเจลกัสสปะ
    7.จุลกัสสปะ
    ซึ่งเป็นที่รู้กัน"ภายใน"ก็คือ หลวงพ่อกัสสปมุนีนั้น ก็คือท่าน "จุลกัสสปะ"แต่กาลก่อนนั่นเอง มาในชาตินี้ สมเด็จพระอุปัชฌาย์(สังฆราชป๋า วัดโพธิ์) จึงประทานนามเป็นพิเศษว่า "กัสสปมุนี" แทนชื่อจริงด้วยประการฉะนี้


    ครูบาเหยียบศิลาเป็นรอย"(ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน ผู้ยิ่งด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์เป็นที่ยิ่งซึ่งเป็นสหธรรมิกสนิทอีกองค์หนึ่งของหลวงพ่อกัสสปมุนี เคยรำพึงไว้เมื่อครั้งที่หลวงพ่อกัสสปมุนีละสังขารทีเดียวว่า
    "ต่อไปนี้ จะหาพระที่ฤทธิ์ดุจเดียวกับหลวงพ่อกัสสปมุนีไม่ได้อีกแล้ว!!?!"
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    “หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านเก่ง ท่านเหาะเหินเดินอากาศได้”
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    ขอบคุณข้อมูลจาก

    http://www.gmwebsite.com/Webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-080428102525883

    ให้บูชา 749 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0083.jpg
      scan0083.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.1 KB
      เปิดดู:
      104
    • scan0084.jpg
      scan0084.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.7 KB
      เปิดดู:
      108
  3. RainyWindy

    RainyWindy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,888
    ขอจองรายการที่ 531 ครับ
     
  4. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 532 พระชัยวัฒน์เนื้อผง เจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์

    พระชัยวัฒน์รุ่นนี้ได้ถอดแบบมาจากพระชัยวัฒน์เนื้อโลหะปี 2483 วัดสุทัศน์ โดยใช้พิมพ์ด้านหน้าด้านเดียว ส่วนในด้านวัสดุ มวลสารที่นำมาจัดสร้างนั้น ท่านได้รวบรวมผงพุทธคุณต่าง ๆ มากมาย รวมทั้วนำพระกรุโบราณที่แตกชำรุดมาบดเป็นผงละเอียดมาเป็นมวลสารหลัก สำหรับสีนั้นมีด้วยกันหลากสี เช่น สีเทา สีดำ สีขาว เกิดจากส่วผสมของมวลสารแต่ละชนิดมากน้อยไม่เท่ากัน ด้านหลังจะมีฟองอากาศ อันเกิดจากส่วนผสมของปูนมากเกินไป พระชุดนี้จะใส่ตัวประสาน(กล้วยน้ำว้าหรือน้ำมันตังอิ๋ว)ไว้น้อยเกิน ทำให้เนื้อหาแห้งจัด ขาดความหนึกนุ่ม แบบสภาพสวยๆสมบูรณ์จะหาได้ยากมาก

    จากการศึกษาค้นคว้า พระชุดนี้กับพระที่หลวงปู่พริ้งได้จัดสร้างไว้ รูปทรงและเนื้อหามวลสารเหมือนกันมาก สันนิษฐานว่าร่วมกันสร้างและปลุกเสกแล้วแบ่งกันไปแจกจ่าย หลวงปุ่พริ้งสนิทสนมกับพระสังฆราชแพวัดสุทัศน์มาก ได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกพระกริ่งทุกร่นของทางวัดสุทัศน์ ส่วนท่านเจ้าคุณศร๊(สนธิ์)เป็นลูกศิษย์หัวเรียวหัวแรงในพิธีปลุกเสกทุกๆพิธี ย่อมต้องรู้จักและสนิทกับหลวงปุ่พริ้งพอสมควร

    ที่แน่ๆคือพระชุดนี้ได้เข้าร่วมพิธีปลุกเสกพระกริ่งวัดสุทัศน์หลายครั้งหลายพิธีก่อนนำออกมาแจกจ่ายให้ญาติโยมลูกศิษย์ลูกหา ตามที่รู้ๆกันอยู่ พระกริ่งสายวัดสุทัศน์ยุคต้นๆหลักหมืน หลักแสนกันหมดแล้ว ***ของดีที่คนมองข้าม*** ราคาย่อมเยาว์กว่ากันมาก


    ให้บูชา 800 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0087.jpg
      scan0087.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.2 KB
      เปิดดู:
      131
    • scan0088.jpg
      scan0088.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.8 KB
      เปิดดู:
      103
  5. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 533 ปางป่าเรไลย์เนื้อดิน หลวงปู่นาค วัดหัวหิน

    [​IMG]
    หลวงพ่อนาค ปุญญนาโค พระครูวิริยาธิการี วัดหัวหิน ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์เลื่องชื่อทางไสยเวทแลพุทธเวทในยุคกระนั้น เป็นผู้ดำเนินการสร้างและปลุกเสกโดยนิมนต์พระคณาจารย์ระบือนามแห่งยุค เข้าร่วมพิธีปลุกเสกอย่างคับคั่ง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2466 เพื่อพระราชทานให้กับข้าราชบริพารและชาวบ้าน ในวโรกาสเสด็จประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤทายวัย ที่ตำบลห้วยทรายเหนืออำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยพระองค์ท่านกำหนดให้ “พระมฤคทายวัน” แห่งนี้ เป็นเขตอภัยทานคืองดเว้นจาการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อถวายเป็นพุทธาบูชา ในการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพราณสี ประเทศอินเดีย เมื่อ 2580 กว่าปีล่วงมาแล้ว เนื่องจากคำว่า “มฤค” นั้น มีความหมายว่า เนื้อ, ทราย ซึ่งมีอยู่ชุกชุมในสถานที่แห่งนี้ คล้ายคลึงกับสถานที่ในพุทธประวัติ หลวงพ่อนาค วัดหัวหิน ท่านมีพื้นเพเป็นชาวเพชรบุรี โดยกำเนินเมื่อปี 2400 และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ 19 ปี จนอายุครบอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดหลังป้อม ซึ่งมีเจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงพ่อเป็นผู้ที่ใฝ่ในการศึกษา ได้พยายามศึกษาพระเวรวิทยาคมต่างๆ โดยไปฝากตัวเป็นศิษย์กับคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในแถบนั้น อาทิเช่น หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง, หลวงพ่อเอี่ยม วัดสันด่าน, หลวงพ่อภู วัดบางกระพร้อมและหลวงพ่อสุก วัดหลังป้อม เป็นต้น

    ต่อมาท่านได้สาสิขาออกมาเป็นฆราวาส มีครอบครัว และเกิดการเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาสจึงได้หวนกลับไปอุสมบทอีกครั้ง ที่วัดโตนดหลวง เพชรบุรี ต่อมาได้รับนิมนต์จากญาติโยมชาวบ้าน ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหัวหิน เนื่อวจากเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ขมังเวททรงคุณวิทยา และเป็นนักพัฒนา ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2477 สิริรวมอายุได้ 77 ปีวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงพ่อ ที่ขึ้นชื่อลืมชาเป็นที่แสงหาต้องการชนิดแรกก็คือเหรียญรูปเหมือนครึ่งองค์ ทรงเสมา บอกสมณศักดิ์พระครูวิริยาธิการี ซึ่งมีความเชื่อกันว่า พระครูประสิทธิสมนการ (ต้าน เมนะจินดา) วัดจักรวรรดิ์ราชาวาส กทม. ผู้เป็นศิษย์สร้างถลาย เพื่อเป็นที่ระลึก ในการที่หลวงพ่อมีอายุครบ 6 รอบ คือ 72 ปี เป็นเหรียญยอดนิยมเหรียญหนึ่งของวงการ เสนอราคาอยู่ที่หลักหมื่น ปัจจุบันหาของแท้ชมยาก
    วัตถุมงคลในชุดต่อมาที่ลือลั่นตลอดกาลคือวัตถุมงคลในชุดผลน้ำมัน ที่กำลังกล่าวขวัญถึงคือ ชุดมฤคทายวัน ซึ่งหลวงพ่อเป็นผู้ดำเนินการ และได้รับพระราชทานมาส่วนหนึ่ง จึงแจกจ่ายให้กับผู้เลื่อมใส

    ภายหลังจากหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว ยังมีหลงเหลืออยู่พอสมควรบรรดาศิษยานุศิษย์จึงพากันขนไปจนหมดสิ้น พระมฤคทายวัน ที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้มีอยู่ด้วยกันหลายสิบพิมพ์ทรง เป็นเนื้อผงปูนปั้น ผสมน้ำมันทั้งหมด มีหลากสีคือ ขาว, ดำ, แดง, เหลือง, ส้ม แต่ทุกพิมพ์มีเอกลักษณ์เฉพาะคือ จะเป็นกรอบกระจก เช่นเดียวกันเกศไชโยและมีการตัดของสำเร็จในพิมพ์ ไม่มีการตัดนอกพิมพ์ เนื่องจากการสร้างแบบแม่พิมพ์ที่มารตฐาน ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือช่างหลวง เป็นการสร้างแบบแม่พิมพ์ของช่างผู้มีความรู้ในเชิงช่างชั้นครู อย่างแท้จริง เลอเลิศทั้งอักขระเลขยันต์ประทับด้านหลัง ดังได้นำภาพมาเสนอ ให้ท่านผู้ท่าน น.ส.พ. พระคณาจารย์ ได้ทีศนาพอเป็นแนวทางในการศึกษา นอกจากนั้นยังมีแบบหลังเรียบอีกด้วย แต่เนื้อหาจะอยู่ในประเภทแก่น้ำมันทั้งสิ้น
    ดังกล่าวว่า พระมฤคทายวัน มีหลายพิมพ์เท่าที่วงการยอมรับไม่ต่ำกว่า 20 พิมพ์ หากนำมาเสนอทั้งหมด หน้ากระดาษคงไม่เอื้ออำนวย โอกาสหน้าค่อยว่ากันชนิดเต็มรูปแบบฉบับนี้ว่ากันพอสังเขปก่อนคือ แบ่งเป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ ดังนี้
    1. พิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ มี 2 ขนาด คือ ใหญ่, เล็ก พิมพ์ใหญ่แยกเป็นพิมพ์ลึก, ตื้น
    2. พิมพ์สมเด็จ 3 ชั้น แบ่งเป็น 3 พิมพ์คือ ใหญ่, กลาง, เล็ก
    3. พิมพ์สมเด็จ 7 ชั้น แบ่งเป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่พิเศษอกร่อง, พิมพ์อกร่อง, อกตัน
    4. พิมพ์นางวัก เป็นพิมพ์ที่มีมากที่สุดแบ่งได้ 4 ขนาดใหญ่พิเศษ (จับโบ้) ใหญ่, กลาง, เล็ก, จิ๋ว
    5. พิมพ์ชินราช แบ่งเป็น 3 พิมพ์คือใหญ่, กลาง, เล็ก
    6. พิมพ์ 3 เหลี่ยม แบ่งเป็น 3 พิมพ์ คือ ใหญ่, กลาง, เล็ก
    7. พิมพ์พระศรีอาริย์ มีพิมพ์เดียว
    8. พิมพ์ป่าเลไลยก์ มีพิมพ์เดียว
    ตามที่กล่าวแล้วว่า พระมฤคทายวัน มีหลายพิมพ์หลายสี แต่สีขาวที่เรียกกันทั่วไปว่าเนื้อกระดูด เป็นเนื้อนิยมสูงสุด เนื่องจากมีความเชื่อว่ายากต่อการปลอมแปลง แต่ปัจจุบันเล่นรุ่นหลัง สามารถแยกเก๊-แท้ได้แล้ โดยอาคัญเอกลักษณ์ จากพิมพ์ทรงการตัดขอบและเนื้อหาที่ละเอียด หนึกนุ่ม ปกคลุมด้วยน้ำมันที่แห้งผาก ยากต่อการปลอมแปลง เนื้อสีอื่นจึงได้รับความนิยมตามมา โดยลำดับ
    ด้วยพระมฤคทายวัยมีอายุการสร้างเกือบ 80 ปี และใช้น้ำมันเป็นตัวประสานระหว่างปูนเปลือกหอยกับผงวิเศษ 5 ประการจึงทำให้เกิดความแกร่งและเปราะ ซึ่งเป็นจุดบกพร่องของพระชุดนี้ทำให้ขาดความสนใจจากนักเล่นในอดีตเท่าที่ควรทั้งๆ ที่เลอเลิศทั้งแบบ พิมพ์แลพุทธคุณ ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา มหานิยมโชคลาภ แคล้วคลาด ตามแบบฉบับของพระเนื้อผงทุกประการ




    ให้บูชา 250 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0089.jpg
      scan0089.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.9 KB
      เปิดดู:
      115
    • scan0090.jpg
      scan0090.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.8 KB
      เปิดดู:
      91
  6. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 534 พระปางรำพึง คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    ออกวัดอาวุธฯ ครับ ทันท่านอธิษฐานธรรม

    ที่วัดให้ทำบุญ 1000 บาท

    ผมขอ 1200 นะครับ องค์นี้สวยสมบูรณ์ครับ

    สำหรับคนที่อยากได้ พระพุทโธน้อย ที่สวยและราคาไม่สูงมาก เดี๋ยวผมจะนำมาลงสององค์ครับ รอถ่ายรูปใหม่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0085.jpg
      scan0085.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.3 KB
      เปิดดู:
      110
    • scan0086.jpg
      scan0086.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.8 KB
      เปิดดู:
      111
    • scan0091.jpg
      scan0091.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.5 KB
      เปิดดู:
      110
  7. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 535 พิมพ์โพธิจักร พระปลัดสุพจน์ วัดสุทัศน์

    ผสมผงวัดระฆัง (ในหนังสือบอกว่าเป็นผงวัดระฆังล้วน น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะสมเด็จวัดระฆังเริ่มนิยมตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และการสร้างพระยังไงต้องใช้ตัวประสาน)

    ให้บูชา 500 บาท

    ถ่ายด้านหลังไม่ได้นะครับ เจ้าของเก่าเลี่ยมหยดเทียนปิดตายครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0082.jpg
      scan0082.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.1 KB
      เปิดดู:
      106
  8. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 536 พระนาคปรก หลวงปู่หิน วัดระฆัง

    ให้บูชา 700 บาท ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0080.jpg
      scan0080.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.4 KB
      เปิดดู:
      122
    • scan0081.jpg
      scan0081.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.4 KB
      เปิดดู:
      88
  9. สุทธิธรรม

    สุทธิธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอจอง
    รายการที่ 536 พระนาคปรก หลวงปู่หิน วัดระฆัง
     
  10. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    รายการที่ 537 รายการแจกมาแล้วครับ ลูกอมผงจินดามณี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    ลูกอมวัดไผ่ล้อม ระยอง ปี 2514 ที่หลวงปู่ทิม เป็นประธานเสกนั่นเอง

    เนื้อผงหลักเป็นผงจินดามณีครับ
    สายเค้าเล่นกันเป็นพันครับ

    วันนี้มีมาแจก 6 ลูก


    กติกา

    1. บูชาวัตถุมงคลที่คงค้าง เกิน 1999 บาท
    2. โอนเงินตั้งแต่วันนี้จนถึงภายในวันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม เวลาไม่เกิน 10.00 น.
    3. วัตถุมงคลชุดนี้ ที่บูชาเกิน 5000 บาท รับส่วนลด 500 บาทครับ


    ลูกที่ 1 คุณ JUNYAPORN ครับ
    ลูกที่ 2 คุณสุทธิธรรม
    ลูกที่ 3 คุณ w.สุรพล
    ลูกที่ 4 คุณไวยวัฒน์
    ลูกที่ 5 คุณ Rainywindy
    ลูกที่ 6 คุณปัญจ
    ลูกที่ 7 คุณ j999

    ผมใส่ให้ครบๆเลยนะครับ เดี๋ยวจะมีปัญหากันทีหลัง
    1 ในนี้จะเป็นผู้โชคดีได้ลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ครับ




    *หมายเหตุ ผมต้องขออภัยพี่ๆที่ต้องรีบให้โอนเงินนะครับ เนื่องจากพอดีวันเสาร์อาทิตย์นี้อาจมีงานประกวดพระเครื่อง ผมต้องสำรองไว้บางส่วน เพื่อนำพระมาบริการพี่ๆที่ศรัทธาให้ดีๆยิ่งขึ้นต่อไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0092.jpg
      scan0092.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.6 KB
      เปิดดู:
      95
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2010
  11. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    รายการที่ 537 รายการแจกมาแล้วครับ ลูกอมผงจินดามณี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ขอรับ 1 ลูกครับ
     
  12. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ไปเล่นฟิตเนสก่อนนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมครับ
     
  13. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    รายการที่ 532 พระชัยวัฒน์เนื้อผง เจ้าคุณศรี(สนธิ์) วัดสุทัศน์<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ให้บูชา 800 บาท<!-- google_ad_section_end -->

    จองครับ
     
  14. สุทธิธรรม

    สุทธิธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +259
    ขอบคุณท่านdekdelta2 มากครับ
    สำหรับ
    รายการที่ 537 รายการแจกมาแล้วครับ ลูกอมผงจินดามณี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
     
  15. ไวยวัฒน์

    ไวยวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +887
    ขอรับ ลูกหลวงปู่ทิม 1 ลูกครับผม
     
  16. RainyWindy

    RainyWindy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,888
    ขอจองรายการที่ 537 ด้วยครับ
     
  17. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,973
    ค่าพลัง:
    +5,386
    รายการที่ 533 ปางป่าเรไลย์เนื้อดิน หลวงปู่นาค วัดหัวหิน<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]
    หลวงพ่อนาค ปุญญนาโค พระครูวิริยาธิการี วัดหัวหิน ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์เลื่องชื่อทางไสยเวทแลพุทธเวทในยุคกระนั้น เป็นผู้ดำเนินการสร้างและปลุกเสกโดยนิมนต์พระคณาจารย์ระบือนามแห่งยุค เข้าร่วมพิธีปลุกเสกอย่างคับคั่ง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2466 เพื่อพระราชทานให้กับข้าราชบริพารและชาวบ้าน ในวโรกาสเสด็จประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤทายวัย ที่ตำบลห้วยทรายเหนืออำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยพระองค์ท่านกำหนดให้ “พระมฤคทายวัน” แห่งนี้ เป็นเขตอภัยทานคืองดเว้นจาการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อถวายเป็นพุทธาบูชา ในการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพราณสี ประเทศอินเดีย เมื่อ 2580 กว่าปีล่วงมาแล้ว เนื่องจากคำว่า “มฤค” นั้น มีความหมายว่า เนื้อ, ทราย ซึ่งมีอยู่ชุกชุมในสถานที่แห่งนี้ คล้ายคลึงกับสถานที่ในพุทธประวัติ หลวงพ่อนาค วัดหัวหิน ท่านมีพื้นเพเป็นชาวเพชรบุรี โดยกำเนินเมื่อปี 2400 และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ 19 ปี จนอายุครบอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดหลังป้อม ซึ่งมีเจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงพ่อเป็นผู้ที่ใฝ่ในการศึกษา ได้พยายามศึกษาพระเวรวิทยาคมต่างๆ โดยไปฝากตัวเป็นศิษย์กับคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในแถบนั้น อาทิเช่น หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง, หลวงพ่อเอี่ยม วัดสันด่าน, หลวงพ่อภู วัดบางกระพร้อมและหลวงพ่อสุก วัดหลังป้อม เป็นต้น

    ต่อมาท่านได้สาสิขาออกมาเป็นฆราวาส มีครอบครัว และเกิดการเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาสจึงได้หวนกลับไปอุสมบทอีกครั้ง ที่วัดโตนดหลวง เพชรบุรี ต่อมาได้รับนิมนต์จากญาติโยมชาวบ้าน ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหัวหิน เนื่อวจากเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ขมังเวททรงคุณวิทยา และเป็นนักพัฒนา ท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2477 สิริรวมอายุได้ 77 ปีวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงพ่อ ที่ขึ้นชื่อลืมชาเป็นที่แสงหาต้องการชนิดแรกก็คือเหรียญรูปเหมือนครึ่งองค์ ทรงเสมา บอกสมณศักดิ์พระครูวิริยาธิการี ซึ่งมีความเชื่อกันว่า พระครูประสิทธิสมนการ (ต้าน เมนะจินดา) วัดจักรวรรดิ์ราชาวาส กทม. ผู้เป็นศิษย์สร้างถลาย เพื่อเป็นที่ระลึก ในการที่หลวงพ่อมีอายุครบ 6 รอบ คือ 72 ปี เป็นเหรียญยอดนิยมเหรียญหนึ่งของวงการ เสนอราคาอยู่ที่หลักหมื่น ปัจจุบันหาของแท้ชมยาก
    วัตถุมงคลในชุดต่อมาที่ลือลั่นตลอดกาลคือวัตถุมงคลในชุดผลน้ำมัน ที่กำลังกล่าวขวัญถึงคือ ชุดมฤคทายวัน ซึ่งหลวงพ่อเป็นผู้ดำเนินการ และได้รับพระราชทานมาส่วนหนึ่ง จึงแจกจ่ายให้กับผู้เลื่อมใส

    ภายหลังจากหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว ยังมีหลงเหลืออยู่พอสมควรบรรดาศิษยานุศิษย์จึงพากันขนไปจนหมดสิ้น พระมฤคทายวัน ที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้มีอยู่ด้วยกันหลายสิบพิมพ์ทรง เป็นเนื้อผงปูนปั้น ผสมน้ำมันทั้งหมด มีหลากสีคือ ขาว, ดำ, แดง, เหลือง, ส้ม แต่ทุกพิมพ์มีเอกลักษณ์เฉพาะคือ จะเป็นกรอบกระจก เช่นเดียวกันเกศไชโยและมีการตัดของสำเร็จในพิมพ์ ไม่มีการตัดนอกพิมพ์ เนื่องจากการสร้างแบบแม่พิมพ์ที่มารตฐาน ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือช่างหลวง เป็นการสร้างแบบแม่พิมพ์ของช่างผู้มีความรู้ในเชิงช่างชั้นครู อย่างแท้จริง เลอเลิศทั้งอักขระเลขยันต์ประทับด้านหลัง ดังได้นำภาพมาเสนอ ให้ท่านผู้ท่าน น.ส.พ. พระคณาจารย์ ได้ทีศนาพอเป็นแนวทางในการศึกษา นอกจากนั้นยังมีแบบหลังเรียบอีกด้วย แต่เนื้อหาจะอยู่ในประเภทแก่น้ำมันทั้งสิ้น
    ดังกล่าวว่า พระมฤคทายวัน มีหลายพิมพ์เท่าที่วงการยอมรับไม่ต่ำกว่า 20 พิมพ์ หากนำมาเสนอทั้งหมด หน้ากระดาษคงไม่เอื้ออำนวย โอกาสหน้าค่อยว่ากันชนิดเต็มรูปแบบฉบับนี้ว่ากันพอสังเขปก่อนคือ แบ่งเป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ ดังนี้
    1. พิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ มี 2 ขนาด คือ ใหญ่, เล็ก พิมพ์ใหญ่แยกเป็นพิมพ์ลึก, ตื้น
    2. พิมพ์สมเด็จ 3 ชั้น แบ่งเป็น 3 พิมพ์คือ ใหญ่, กลาง, เล็ก
    3. พิมพ์สมเด็จ 7 ชั้น แบ่งเป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่พิเศษอกร่อง, พิมพ์อกร่อง, อกตัน
    4. พิมพ์นางวัก เป็นพิมพ์ที่มีมากที่สุดแบ่งได้ 4 ขนาดใหญ่พิเศษ (จับโบ้) ใหญ่, กลาง, เล็ก, จิ๋ว
    5. พิมพ์ชินราช แบ่งเป็น 3 พิมพ์คือใหญ่, กลาง, เล็ก
    6. พิมพ์ 3 เหลี่ยม แบ่งเป็น 3 พิมพ์ คือ ใหญ่, กลาง, เล็ก
    7. พิมพ์พระศรีอาริย์ มีพิมพ์เดียว
    8. พิมพ์ป่าเลไลยก์ มีพิมพ์เดียว
    ตามที่กล่าวแล้วว่า พระมฤคทายวัน มีหลายพิมพ์หลายสี แต่สีขาวที่เรียกกันทั่วไปว่าเนื้อกระดูด เป็นเนื้อนิยมสูงสุด เนื่องจากมีความเชื่อว่ายากต่อการปลอมแปลง แต่ปัจจุบันเล่นรุ่นหลัง สามารถแยกเก๊-แท้ได้แล้ โดยอาคัญเอกลักษณ์ จากพิมพ์ทรงการตัดขอบและเนื้อหาที่ละเอียด หนึกนุ่ม ปกคลุมด้วยน้ำมันที่แห้งผาก ยากต่อการปลอมแปลง เนื้อสีอื่นจึงได้รับความนิยมตามมา โดยลำดับ
    ด้วยพระมฤคทายวัยมีอายุการสร้างเกือบ 80 ปี และใช้น้ำมันเป็นตัวประสานระหว่างปูนเปลือกหอยกับผงวิเศษ 5 ประการจึงทำให้เกิดความแกร่งและเปราะ ซึ่งเป็นจุดบกพร่องของพระชุดนี้ทำให้ขาดความสนใจจากนักเล่นในอดีตเท่าที่ควรทั้งๆ ที่เลอเลิศทั้งแบบ พิมพ์แลพุทธคุณ ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา มหานิยมโชคลาภ แคล้วคลาด ตามแบบฉบับของพระเนื้อผงทุกประการ




    ให้บูชา 250 บาท<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    ขอจองครับ
     
  18. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,973
    ค่าพลัง:
    +5,386
    ขอบคุณท่านdekdelta2 มากครับ
    สำหรับ
    รายการที่ 537 ครับ
     
  19. JUNYAPORN37

    JUNYAPORN37 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +607
    จองรายการที่ 527 , 530

    ขอบคุณรายการแจกนะค่ะ อนุโมทนาจ้า

    :cool:
     
  20. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,337
    ค่าพลัง:
    +88,031
    จองพุทโธน้อยล่วงหน้า 1 องค์ครับ
    แล้วจะโอนพร้อมกับที่จองไว้ทั้งหมดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...