พระศรีอาริย์จะมาปรากฎพระองค์ในเมืองไทยระหว่างวันที26 พ.ย.นี้

พระศรีอาริย์จะมาปรากฎที่เมืองไทยวันที่ 26 พ.ย.นี้ ใครมีบุญก็จักได้พบพระองค์ พร้อมกับจะมีเหตุมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระหว่างวันที่ 26 พย.-3ธค

 

เอาข้อมูลนี้มาจากไหนเอ่ย ? ว่า พระศรีท่านจะมาปรากฎ ?
ส่วนเรือง เหตุมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ อันนี้ขอไม่เรียก มหัศจรรย์ดีกว่า
เรียกว่า อุทกภัย ที่ หนักหนา ดีกว่า

 

คุณเอาข้อมูลมาจากไหน?.....

 

ขอถาม

ท่านบำรุงเป็นพระสงฆ์ที่มีฐานะสูงในวัดพระธรรมกายหรือเป็นฆารวาส
เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับท่านเหล่านี้หรือเปล่า?
ท่านมีอภิญญาแก่กล้าอยู่ ขาดแต่ปัญญาที่สูงพอเทียบเท่ากับอภิญญา
ที่ท่านมีเท่านั้น ท่านรอพระศรีอาร์ฯ มาสะกิดให้ใช่หรือไม่?



หากใช่ ท่านไม่ต้องกลัว พระศรีฯ ท่านจะไปโปรดที่วัด โดยมีการสนับสนุน
ของอุบาสกผู้มีทรัพย์มากผู้หนึ่ง ให้ท่านเตรียมตัวเปิดใจรับฟังธรรมของท่านให้ดี เมื่อบุญกรรม เหตุปัจจัยพร้อม วันนั้น จะมาถึงเอง




หมายเหตุ: เราทดลองใช้จิตสัมผัสดู หากพลาดต้องขออภัย
(อยู่ในช่วงกำลังฝึกฝน ต้องขอทดสอบก่อน ว่าใกล้เคียงจริงหรือยัง)

 

No Comment ....

 

...ไม่เชื่อนะ...จะบอกให้...

 

คันกระดองใจ

ใครว่าอะไร อย่างไร ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าเมื่อวานไปกราบพระดีมาท่านหนึ่ง มีเพื่อน ไปถามเรื่องประเภทนี้เหมือนกัน และได้รับการอธิบายจากพระดีของเรา ท่านกล่าวไว้พอประมาณได้ว่า

"เรื่องของพระศรีฯ ท่านนั้น มีผู้คนเข้าใจผิดกันอยู่มาก ว่ากันว่าท่านจะลงมาเกิดทุก....ปี ว่ากันว่าท่านเป็นพระอริยะ องค์นั้น องค์นี้ บ้างก็ว่ามีท่านเป็นองค์ฯ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด


ความจริงนั้น ท่านรอการลงมาเกิดเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อจบยุคขององค์สมเด็จองค์ปัจจุบันครบ 5000 ปี แล้วก็จะเป็นยุค(อะไรหนอจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าจะเป็นยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า...เป็นช่วงต่อ เขาเรียกว่าไร หนอ ภัตกัลป์ รึป่าว ถ้าผิดขออภัยนะค่ะทุก ๆ ท่าน) แล้วถึงจะเป็นยุคของท่านค่ะ

ดังนั้น .... ด้วยที่ท่านนั้นทรงมีความเมตตาและบารมีสูง ท่านจึง..ประมาณว่า ช่างเขา เพราะเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้ไป ฆ่าใคร ปล้นใคร ทำร้ายใคร ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ไป ทำบุญ ทำทาน ส่วนไอ้ค่ายกครู ก็แล้วแต่ตกลงกัน ซึ่งก็จะเต็มใจกันทั้งสองฝ่าย"

ประมาณนี้นะค่ะ ผิดพลาดอย่างไร ลักยิ้มก็ขอน้อมรับไว้เพียงผุ้เดียวค่ะ ขอขมาต่อการขัดเคืองใจต่อหลาย ๆ ท่านด้วยใจ อันกระดำกระด่างของยิ้มด้วยค่ะ

 

การที่เราจะขจัดคนบ้าให้ออกไปจากเวป มันเป็นไปไม่ได้เพราะคนบ้า คนดี คนธรรมดา มีปะปนกันไป แต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้คนบ้า มาเพ่นพล่าน จนเป็นที่รำคาญของผู้อื่น สุนทรพจน์จากขุนท้าว (ผู้ที่ยังบ้าอยู่) (b-oneeye)

 

นานาจิตตัง........อมิตพุทธ

 

จะรอดูครับ

เรื่องอะไรที่มีความคิดเห็นแตกแยกเยอะๆแบบนี้ผมชอบติดตามดูครับ...แปลกดี..และอยากรู้ว่าจะเฉลยว่ายังไง

 

อย่าซีเรียสนะครับเรื่องนี้ ผมไม่มีอภิญญาอะไร และเป็นคนไม่ค่อยดีนักแต่.......

 

เรียนท่านบำรุง

ท่านสมบูรณ์ด้วย ทาน, ศีล และภาวนา ใยกล่าวว่าไม่ใช่คนดี?

อันธรรมดาคนเรานั้น หากไม่บรรลุอรหันต์ย่อมยึดติดกันทั้งนั้น
ธรรมกายสอนให้คนยึดติดพระ แล้วไม่ดีหรือไร? คนชั่วเหล่านั้น
ด่าท่านก็จากไปเพื่อทำชั่วต่อ ท่านก็ไม่หวั่นไหว นี่ละ สมาธิที่มั่น
คงแห่งวิชาธรรมกาย ไหนเลยจะกล่าวว่าอกุศลได้

บุคคลผู้กล่าวร้ายธรรมกาย เพื่อให้ตนทำชั่วได้สบายใจเท่านั้น
ท่านประเสริญยิ่งแล้ว วัดพระธรรมกายก็ประเสริญยิ่ง พาสรรพสัตว์
ดำรง ทาน, ศีล, ภาวนา อย่างดียิ่งเพื่อรอการมาของพระศรีอาร์ฯ
อันวิชชาธรรมกายขั้นสุดยอดของหลวงพ่อสดนั้นยังไม่มี ท่าน
มรณภาพไปก่อน ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจุบันมิได้นิ่งเฉย ท่านก็
บำเพ็ญเพียรและคิดค้นต่อ

อย่าได้กังวล พระศรีอารยเมตไตรย์ จะนำวิชชาธรรมกายขั้นสูงสุด
เพื่อให้เหล่าสานุศิษย์วัดพระธรรมกายเข้าถึงธรรม พระศรีอาร์ฯ
เห็นความตั้งใจจริง และความมั่นคงไม่หวั่นไหวนี้ของเหล่าสานุศิษย์
ธรรมกายแล้ว ท่านย่อมไม่ทิ้งแน่นอน



เมื่อท่านบำเพ็ญบุญถึงจุดหนึ่ง ย่อมได้ธรรมจากพระศรีอารยเมตไตรย์แน่นอน

 

เรียนท่าน ลักยิ้ม


อันพระดีที่ท่านกล่าวก็นับว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ผิดแน่นอน แต่
หากยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด ไม่สามารถระลึกชาติได้ ก็จะไม่ทราบ
เรื่องพระศรีอารยเมตไตรย์ ถึงแม้จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะระลึกได้แต่
เรื่องตอนดวงวิญญาณแรกที่ถือกำเนิดของท่านเท่านั้น ท่านจะไม่รู้เลย
ว่าแล้วใครสร้างดวงวิญาณของท่านมา

เรานี้จะตอบแก่ท่านเอง

พระพุทธเจ้ามิได้สอนเรื่องการกำเนิดของโลกโดยทั้งหมด เพราะ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระศรีอารยเมตไตรย์ ท่านเว้นไว้เพื่อให้พระศรี
อารยเมตไตรย์เป็นผู้บอกต่อ เรื่องมีอยู่ว่า

พระพุทธเจ้าและพระศรีอารยเมตไตรย์ร่วมกันสร้างจักรวาลนี้มา
ฝ่ายพระพุทธเจ้าเป็ฯผู้มอบกายอันเป็นมวลสาร คือ เป็นฝ่ายหยาง
หรือคือ เจ้าของพระศิวะลึงค์ นั่นแล ส่วนฝ่ายพระศรีอารยเมตไตรย์
เป็นผู้ใหญ่พลังวิญญาณ


เมื่อแรกที่พระพุทธเจ้าให้สสารธาตุ ท่านก็สร้างนั่นสร้างนี่ ไม่ดีได้
เสียที เพราะขาดวิญญาณ ส่วนพระศรีอารยเมตไตรย์คิดตรงข้าม
กับท่าน เมื่อเห็นท่านทำของไม่ดีพระศรีอารเมตไตย์ก็กลืนกินไปเรื่อยๆ
พระพุทธเจ้าก็สร้างให้เรื่อยๆ จนร่างเกือบสูญหมด

คราวนั้นเอง ทั้งสองฝ่ายหนึ่งหยิน ฝ่ายหนึ่งหยาง เกิดความแตกต่าง
ทั้งยังเสียความเป็นตัวตน ก่อเกิด "อนัตตา" ระหว่างสร้างก็เกิดความ
ไม่เที่ยง หรือ "อนิจจัง" สร้างไปถูกทำลายไป ท่านจึงได้กล่าวต่อกัน

พระพุทธเจ้าได้เห็นธรรม คือ "อนัตตา" ท่านก็กล่าวต่อพระศรีอาร์ว่า
เหตุใดท่านกลืนไปหมด ไม่ยอมปล่อยออกมา ท่านเสียความเป็น
"อัตตา" ความอมตะไม่มีอีก ย่อมต้องตายแน่แล้ว

พระศรีอารยเมตไตรย์ได้เห็นธรรม คือ "อนิจัง" ท่านก็ว่า เหตุใดท่านจึง
รั้งไว้ไม่ยอมให้สูญ สรรพสิ่งล้วนต้องสูญ ท่านนี้ทำบาปกำเนิด มิได้
ความอมตะอีกแล้ว ต้องตายแน่

ว่าแล้วทั้งสองก็บรรลุธรรม

ก่อนพระพุทธเจ้าจะดับสูญ ท่านจึงอธิษฐานจิตให้ไปเกิดเป็นผู้กำเนิด
ศาสนา เมื่อท่านจะบรรลุธรรม ท่านก็ยังเหมือนกรรมเก่า คือ ต้องเป็นผู้ให้ๆๆ
แม้นร่างกายก็ผ่ายผอมไม่เหลือ เหมือนตอนที่ท่านให้ร่างเนื้อมวลสสาร
ท่านจึงบรรลุธรรมด้วยความลำบาก เพราะก่อกรรมทาง "กาย" นอกจากนั้น
ยังต้องเดินเท้าเปล่าไปทั่วไม่รู้กี่แคว้น นี่คือกรรมของพระองค์


ยามพระองค์บรรลุธรรม จะเรียกว่า "นิพพาน" คือ ท่านกลับสู่สภาพแรก
ของท่าน คือ ท่านไม่มีวิญญาณมาก่อน เป็นเพียงมวลสาร ท่านจึงดับ
หมดก่อนตาย คือ ตายก่อนตาย มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่นิพพานได้ และ
พระศรีอารยเมตไตรย์จะนิพพานก็ชาติสุดท้ายของท่าน ท่านจะไม่สูญ
ดั่งตำนานพระแม่มารีนั่นแล ท่านมีวิญญาณที่จะกลับมาอีก ท่านมีกรรม
เช่นนี้ จนกว่าจะถึงกาลสิ้นจักรวาล

ส่วนพระศรีอาร์นั้น เมื่อพระพุทธเจ้าให้ร่างมวลธาตุหมด ร่างตนก็มีลักษณะ
ทั้งสสารและพลังงานหนักแน่น จนทนไม่ไหว รู้ว่าต้องแตกดับแน่แล้ว ท่านก็
อธิษฐานจิตว่า เรานี้จะตามไปให้ลูกที่เกิดแก่เรานี้ กลับคืนสู่ธรรมชาติให้หมด


ท่านก็ไปเกิดบรรลุธรรมทีหลังพระพุทธเจ้า


ท่านไปเกิดเป็นพระเยซู เพราะท่านเห็นคนทำบาปมาก ท่านก็แบ่งภาค
พระวิญญาณอันบริสุทธิ์มา แล้วกำเนิดโดยไม่รวมวิญาณใดไม่ได้ ฝืนกฏ
"อนัตตา" ที่ไม่มีตัวตนของตน อันเป็นกฏของธรรมชาติไม่ได้

แต่พระวิญญาณของพระองค์มาจากพระเจ้าจริง และบริสุทธิ์จริง ท่านได้
เอาดวงวิญญาณที่สกปรกและผิดบาปที่สุดเข้ารวมกับพระองค์ แล้วจุติมา
เป็นพระเยซูคริสตร์ แล้วท่านก็ใช้วิญญาณของพระองค์ชำระบาปแทนทั้งมวล

พระศรีอารเมตไตร์ท่านมีกรรม หากท่านไม่ฆ่าตัวตาย ก็ต้องถูกลูกท่านฆ่า

ตอนท่านเกิดมาสมัยพุทธกาล ท่านก็ฆ่าตัวตายพอเกิดเป็นพระเยซูท่านก็ถูกฆ่า
ซึ่งคนที่ฆ่านั้นก็เกิดมาจากท่านเองนั่นแหละ ท่านเลยไม่โกรธแค้นใครเลย
เพราะท่านรู้ ท่านมาชำระบาป และทุกสิ่งเป็นลูกท่านทั้งนั้น

พระเยซูจึงมากำเนิดเพื่อชำระบาป และกล่าวถึงการกำเนิดโลกเอาไว้
ซึ่งเป็นหน้าที่ของพระองค์ผู้แบ่งภาคมาจากพระศรีอาร์ฯ

พระศรีอาร์มีพลังวิญญาณสูงสุด และเป็นฝ่ายหยิน ท่านจะจุติใหม่เรื่อยๆ
จนกว่าจะถึงกาลสิ้นจักรวาลท่านจึงจะนิพพานได้จริง แต่ท่านจะบรรลุ
ธรรม หลุดพ้นเหนือ กายและจิต อันสอนธรรมให้คนบรรลุได้ แต่ท่านจะยัง
ไม่เหนือวิญญาณ ยังมีวิญญาณ ที่ต้องไปเกิด ตามคัมภีร์ไบเบิลนั้นแล

ท่านมาจุติเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม เพื่อยั้งสงครามที่จีนด้วย ทั้งยังสร้าง
ศาสนาลัทธิมหายานไว้ เพื่อรอวันนี้ ยักษ์หิน คือ ประเทศจีน ในคำทำนาย
จะถูกปลุกให้ตื่น และหลงไหลวัตถุนิยม จนฆ่ากันตายเป็นเบื่อเพื่อช่วงชิง
อำนาจ ประเทศจีนที่ไม่มีศาสนานี้ จะหันมาพึ่งเจ้าแม่กวนอิม

ตอนนี้ชาวเชื้อสายจีนหลายคนที่ปฏิบัติธรรม มีอภิญญาแก่กล้า ล่วงรู้การมา
ของท่านแล้ว ว่าเจ้าแม่กวนอินมจะมาโปรดสัตว์ ซึ่งเขาอาจไม่รู้ว่าองค์เดียว
กับพระศรีอาร์นี่แหละ

ส่วนพระที่มีอภิญาหลายรูป ท่านจะไม่รู้เรื่องราวหลังการเกิดของท่าน เพราะ
เป็นวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นมาภายหลัง ท่านเหล่านี้จะรู้ได้ เมื่อไปเฝ้าพระ
พุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์บนสวรรค์เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ธรรมกาย มีวิชชาเข้าถึงพระโพธฺสัตว์เหล่านั้น โดยเข้าไปในกลาง
กายตนเอง ท่านเหล่านั้น จึงรู้การมาของพระศรีอารยเมตไตรย์

ส่วนหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ท่านมีอภิญญาไปดูเอง ถอดจิตไปนรกสวรรค์ ท่านก็
สนทนากับพระโพธิสัตว์และเหล่าเทวดาต่างๆ ท่านจึงรู้การมาของพระศรีอาร์


ศิษย์สองสำนักนี้จึงรู้การมาของพระศรีอาร์ฯ ด้วยเหตุนี้



ส่วนศิษย์สำนักอื่น หากไม่บำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง ล้วนจะเป็นโมฆะบุรุษไป
แต่ไม่เป็นไร ท่านก็ได้บรรลุธรรมแน่นอน หลังทรมานหลายล้านชาติ หลายรอบ
พระศรีอาร์ฯ จะมาโปรดเรื่อยๆ แต่คนที่จะได้พบท่านต้องมีบุญจริงๆ ที่เหลือก็
อรหันต์ได้ด้วยการช่วยเหลือของพระอรหันต์รูปอื่นๆ จะไม่ได้เจอท่านโดยตรง



หากท่านบำเพ็ญเพียรจริง ของแบบนี้ ท่านย่อมเห็นได้เอง

 

เหลือจะกล่าวครับ

เหลือเกินจริงๆ...

ให้ตายเถอะโรบิ้น !!

 

เรียนท่านเจ้าของกระทู้

พระศรีอาร์ฯ ท่านจะมาช่วยคนทั้งหมดแหละ แต่ท่านมาเป็นจังหวะ
คนที่มีบุญถึงจะได้ฟังธรรมจากท่าน ไม่แค่นั้นนะ ท่านไม่เหมือน
พระพุทธเจ้าที่มีแต่ให้ เดินไปให้ถึงที่ ท่านจะอยู่กับที่แล้วใช้พลัง
เรียกคนมาเอง

ท่านนั้น หากเพียรอย่างขยันขันแข็ง จะได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องนิยายน้ำเน่า

หากท่านอรหันต์ชาติอื่นที่ไม่มีพระศรีอาร์ฯ ท่านอาจรู้จักตัวเอง
โดยย้อนระลึกได้ก็แค่ชาติเริ่มของท่าน ท่านจะนึกไม่ออกว่าใครสร้าง
ท่านมา เพราะผู้รู้มีสองท่าน คือ พระพุทธเจ้าซึ่งท่านไม่บอกมาก
เพราะท่านไม่ต้องการให้คนยึดติด ท่านจะสร้างศาสนาอย่างเดียว
คนที่บอกคือพระศรีอาร์ฯ


ส่วนท่านนั้น ไม่ได้แตกต่างมากหรอก คนเรายึดติดมีแบบเดียวกันนั่น
แหละ หากฟ้งธรรมแล้วสงสัยในธรรม ท่านก็ยังไม่โสดาบัน บรรดากิเลส
มีครบทุกตัวเลย รูปแบบแตกต่างไปกันหน่อยเท่านั้นเอง
คือพระศรีอาร์ฯ

ไปดูหมอดู หมอดูก็ทายท่านออก ไม่จำเป็นต้องใช้อภิญญาใดๆ
แล้วท่านก็ดูอภิญญาของเราไม่ออก เพราะท่านไม่มี



ท่านบำรุงทดสอบเราเรื่องอภิญาเสร็จ ก็ทดสอบเราต่อว่าจะอธิบายธรรม
ได้ง่ายดายดังที่ เทวดาและบรรดาพระโพธิสัตว์ต่างๆ บอกตอนไปดูองค์
พระในกายตนหรือเปล่า

เราได้อธิบายธรรมไปแล้ว
ถ้าท่านปฏิบัติถูกก็จะรู้เอง

 

ขอโทษทีท่านเจ้าของกระทู้ ที่โพสไว้หมายถึง เจ้าของกระทู้ก่อนหน้าเราตอบ
คือท่านชยุตนะ

 

อนุโมทนาธรรมกับท่านโกหกครับ (แต่อยากให้ท่านเปลี่ยนชื่อใหม่นะครับ)

 

โฮ้...ท่าน "คนโกหก"

อย่าว่าแต่ผมเลยนะครับ ที่จะต้องประหลาดใจกับสิ่งที่ท่านโพสต์ไว้เป็นอย่างมาก...เพราะ...

- ก็ไหนพระไตรปิฎกบอกไว้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีมากมายไงครับ แล้วทำไมคุณคนโกหกถึงกล่าวถึง เหมือนกับว่ามีแค่ 2 องค์คือพระพุทธเจ้ากับพระศรีอารย์
- แล้วเนื้อความที่โพสต์ให้อ่านนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย ดังนั้น มันก็ไม่แปลกที่คนทั่วๆไปจะต้องถามหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำยืนยัน หรืออ้างอิง ไม่ใช่เพียงคำที่บอกว่าถ้าบรรลุถึงขั้นไหนแล้วจะรู้เองเห็นเอง อย่างที่ใครๆเขาชอบใช้เอาคำนี้มาหากินกันอยู่บ่อยๆ

 

ไร้สาระ...