พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

.

นิสัยไม่ดีอีกแล้วครับ ต้องถูกอบรมสักหน่อย

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 49 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 46 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

เห็นแล้วอยากกินกันล่ะสิ เหอๆๆๆ

สมัยก่อน(สัก 4 - 5 ปีที่แล้ว) กินข้าวเหนียวต้องเกือบโล หรือ 1 โล มะม่วงต้องอกร่อง 5 ลูก กินต่อมื้อ บางครั้งอยากกินแต่ไม่ได้กิน ถึงกับมือสั่น ด้วยความอยากกินมาก

เดี๋ยวนี้ ไม่เป็นแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย

.

 

ซำบายดีมีแฮงหลายครับ ขอให้มีแฮงหลายๆคือกันเด้อ

ขากลับคันสะดวกกะอัญเชิญพระบรมฯ ไปถวายวัดทางบ้านเฮานำแหน่..เอาไว้สูงๆหรือกอดไปกะได้ หุหุ

มักคือกันข้าวเหนียวบักม่วงนี่

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 47 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 44 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>พรสว่าง_2008, psombat, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

อันนี้สงสัยเรียงตามอายุ(ความรู้เรื่องพระวังหน้า จากน้อยไปหามากสุด) ล่ะมั่งเนี่ยะ....อิอิ
ผมมิบังอาจเหรอครับ ผมมีความรู้แค่ 0.000000001 % ของคุณสมบัติและพี่หนุ่มครับ...บอกตรงๆ

 

เรื่องพระวังหน้า ... ความรู้ผมน้อย แต่ศรัทธานำครับ หุหุ

 

ไปพักผ่อนก่อนนะครับ

น้องพรสว่าง ถ้ามาเมื่อไหร่ โทร.มาหาพี่ก่อนนะครับ

จะไปรับที่สถานี้รถไฟฟ้า BTS ครับ

 

ขอบคุณครับท่านพี่ที่เป็นห่วง ตอนนี้ยังพอทนได้

ท่านพี่หนุ่มอย่าเสียใจไปเลยครับ ถามถึงน้องก็ต้องกระทบถึงลูกพี่อยู่ดี อิอิ

 

...

เอ่อ ว่าแต่ว่า จะให้ขึ้น BTS เลยเหรอครับ...เอ่อ...กลัวหลงอ่ะครับ ผมกลัวว่าพี่หนุ่มอาจจะต้องตามหาผมจนวุ่นหรือเปล่าครับเนี่ย ไม่รู้ว่าจะไปหลงอยู่สถานนี้ไหนก็ไม่รู้

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 75 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 74 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat</TD></TR></TBODY></TABLE>

ผมได้อ่านเจอกรณีการหลอกขายวัตถุมงคลในเวป ก็ครุ่นคิดถึงสาเหตุต่างๆนานา ว่าเพราะอะไรหนอถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่เนืองๆ ... แค่เพราะความโลภคงไม่ใช่ ...

ผมไม่ได้สนใจคนออกวัตถุมงคลต่างๆนั้นเลยแม้แต่นิด เพราะเชื่อว่า"กรรม"จะจัดสรรให้เขาผู้นั้นอย่างเหมาะสมทีเดียว แต่ผมคิดถึงและเป็นห่วงคนทั่วไป เหยื่อ อย่าง เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ที่เชื่อ ศรัทธามากเกินไปก็อาจทำให้เราอ่อนแอ อ่อนซึ่งภูมิคุ้มกัน(ความเชื่อ)

ในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น ของดีมีอยู่มากมาย หาได้ง่าย เมื่อบุญบารมีเรามีและหาเจอแล้ว จะอยากหยุดแสวงหา เราจะอิ่ม เราจะเต็ม เราจะพอ เราจะมีเวลา เราจะมีพลัง ในการกระทำหรือแสวงหาความดีด้านอื่นๆต่อไป

... ขออวยพรให้ทุกคนที่ผมห่วงและมีห่วงอยู่สถานะดังกล่าวมานั้นเร็วๆ..แล้วคนไม่ดีข้างต้นเหล่านั้น จะดับไหม้ไปเอง ผมเชื่อเช่นนี้

ทุกวันนี้...ผมห้อยพระวังหน้า 2 องค์ประกบกัน องค์แรก...ไม่บอก ส่วนอีกองค์คือพระพิมพ์ผงยาวาสนา อ่อ..มีเศษพระปัญจสิริที่แตกหักชิ้นเล็กๆสีฟ้าเท่าฟันเด็ก 1 องค์...เจาะรูหน้า-หลัง มีความรู้สึกว่าห้อยแล้วจะไม่ค่อยกลัวอะไร สงสัยคงต้องห้อยองค์ที่ Soft ลงมากว่านี้เยอะๆๆๆหน่อย เพราะเดี๋ยวอนาคต(งาน)ไม่รุ่ง หุหุ

ด้วยรักและปรารถนาดีต่อหมู่เฮาชาวพุทธะทุกคน ราตรีสวัสดิ์ 00:01

 

โปรดระวัง หลอกลวงต้มตุ๋นจาก 0atitaya0
โพสโดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เฮียปอ ตำมะลัง<!-- google_ad_section_end -->

 

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง(ในหลายๆเรื่อง) ที่ผมเองไม่รับบุคคลอื่นๆเข้าชมรมรักษ์พระวังหน้าได้ง่ายๆ ขนาดรู้จักกัน ผมก็ยังโดนมาเลย และโดนมาเยอะแล้วครับ

สิ่งที่ผ่านมาในอดีต จะเป็นบทเรียนและพื้นฐานสำหรับปัจจุบันและอนาคตครับ

เพราะฉะนั้น อย่างที่ผมบอก ขอให้ท่านร่วมทำบุญพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไปก่อน แล้วมาพูดคุยในกระทู้พระวังหน้าฯ อยู่บ่อยๆ เมื่อถึงเวลาผมจะ pm ไปขอเบอร์ท่านเอง

.

 

เรามาคุยกันต่อสำหรับเรื่องงานบุญ

ในวันประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้า ในเดือนหน้า (ผมขอความกรุณาท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า อย่านำวันที่ประชุมชมรม มาลงหน้าบอร์ดครับ) เราจะมีกิจกรรมงานบุญให้ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ที่สนใจจะทำกันก็คือ

กิจกรรมงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัด

1.การนำพระพิมพ์ของวังหน้า บรรจุลงในกล่องสเตนเลส 2 - 3 กล่อง

และ 2.ต้องการท่านที่ลายมือสวยๆ เขียนเรื่องราวของพระวังหน้าลงในแผ่นทองเหลือง (ที่จะบรรจุไว้ในกล่องสเตนเลส(ที่บรรจุพระวังหน้า) ด้วยครับ

การบรรจุในข้อ 1. ผมบอกได้ว่า ใช้เวลาค่อนข้างเยอะครับ เพราะผมต้องการเรียงให้สวยงาม ไหนๆจะทำกันแล้วก็ทำให้เรียบร้อย

ส่วนการดูพระวังหน้า ผมจะนำไปเพียงนิดหน่อย ให้ชม ให้ศึกษากัน ไม่มากครับ

.

 

ถวายพระบรมฯเพิ่ม ณ วัดแม่สวด

เมื่อเช้า(20 เม.ย.2553)
หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดแม่สวด อ.สบเมย โทรมาหาผมแต่เช้าว่า
...ท่านอยากได้พระบรมฯเพิ่มเพื่อนำไปถวายอีกวัดที่เป็นสหธรรมิกกัน วัดนั้นสร้างพระเจดีย์ฐาน 9 เมตร
หลวงพ่อท่านบอกผมอีกว่า
...พระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับการถวายมานั้น งดงามมาก ท่านมั่นใจในตัวผู้ถวาย มีที่มาที่ไปชัดเจน ท่านจะอัญเชิญขึ้นบนเกศพระประธานหยก ในวันวิสาขะบูชานี้ แล้วจะทำการเฉลิมฉลองเป็นประจำมิให้ขาด ท่านดีใจและโมทนาในบุญนี้
สำหรับพระพิมพ์นั้น ท่านก็เคยศึกษาพระเครื่องมา ท่านเรียนว่า
...เป็นของเก่าจริง ท่านอยากได้เพิ่มเพื่อสมนาคุณผู้ร่วมสร้างวัด สร้างพระอุโบสถไม้สัก ศิลปะล้านนา

ผมเลยกราบเรียนท่านว่าไม่ปัญหาครับหลวงพ่อ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องดูให้ดีว่าจะมอบให้ใคร ก็ให้เขาระวังเรื่องการเผลอปรามาสพระพิมพ์

สำหรับรายการที่ผมจะถวายเพิ่ม ณ เบื้องต้นมีดังนี้
- พระบรมสารีริกธาตุส่วนของพระเสโท จำนวน 1 โถกลาง
- พระบรมสารีริกธาตุรวม 9 สัณฐานใน 1 ผอบแก้ว
- พระพิมพ์วังหน้า-กรมท่า พร้อมประวัติ/บทอาราธนาแบบย่อ ทุกๆองค์ ประมาณ 100 องค์

โมทนาสาธุร่วมกันครับผม

 

• ภาพประกอบพึ่งมาครับ...
• ถวาย ณ เวลา : 17:59 ของวันที่ 14 เม.ย. 2553
• สถานที่: พุทธอุทยานชัยยะสุขังปางประทีป อ.ลี้ จ.ลำพูน
• แด่...พระป่านิกร ชัยยะเสน

"...เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆมีไม่มาก เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต เวลาเหลือน้อย จะทำอะไรก็ให้รีบทำ ... ครูบาเจ้าวงค์สั่งไว้"

และ "อย่าทำชั่วแข่งกับผี ให้ทำดีแข่งกับเทวดา"

 

__/|\__

โมทนาสาธุทุกประการครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat
เมื่อซักครู่ ราว 1 ทุ่มเศษ ผมได้มอบพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้านามกัสสปะ พระพุทธเจ้านามโคตมะ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตธาตุ และพระพิมพ์วังหน้ารวม 7 ชุด มอบให้กับญาติทางนี้ เพื่อนำไปถวายวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม (สายครูบาชัยวงศาฯ) และสาขา บรรจุพระเจดีย์กับพระนอน หรืออื่นๆตามแต่พระท่านจะเห็นสมควร

จะออกเดินทางมุ่งสู่จังหวัดลำพูนพรุ่งนี้เช้ามืดครับ

โมทนาสาธุร่วมกันอีกครั้งครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat
คณะผู้นำไปถวายพระบรมฯ แด่วัดของศิษย์เอกครูบาชัยวงศา อ.ลี้ จ.ลำพูน เพื่อบรรจุตามวัดตามที่ท่านเห็นสมควร โทรมารายงานไปถึงวัดราว 6 โมงเย็น โทร.แจ้งมาว่า ...

พระท่านทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุยังส่วนของหัวใจพระนอนพึ่งเสร็จวันนี้ ขาดแต่ส่วนของพระเศียร ก็พอดีได้รับการถวายจากคณะของเรา ท่านก็จะบรรจุยังส่วนพระเศียรต่อไป

อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ หุหุหุ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ยอดเยี่ยมอีกแล้วครับท่าน


โมทนาบุญกับ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->น้องpsombat<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3210152", true); </SCRIPT> และคณะกองทุนหาพระถวายวัด ด้วยครับ

.

 

มาย้ำคำที่อ่านติดใจมาก ต้องเก็บไว้กระทำตามครับ

"...เวลาเราก็มีไม่มาก เกิดมาชาติหนึ่ง เวลาสูญเปล่ามีมาก เวลาทำงานจริงๆมีไม่มาก เวลาสูญเปล่ามีตลอดชีวิต เวลาเหลือน้อย จะทำอะไรก็ให้รีบทำ ... " ครูบาเจ้าวงค์สั่งไว้



และ

"อย่าทำชั่วแข่งกับผี ให้ทำดีแข่งกับเทวดา"

.

 

คปภ.แนะซื้อประกันภัยจลาจล
Daily News Online > หน้าเศรษฐกิจ > คปภ.แนะซื้อประกันภัยจลาจล

เตือนภัยธุรกิจ-ม็อบแดงเจ็บ-ตายฟรีนักท่องเที่ยวต่างชาติคุ้มครองเต็มที่

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงความคุ้มครองการประกันภัยในการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ที่สี่แยกราชประสงค์ว่า คปภ.แนะนำให้สถานที่ประกอบการ ห้างร้านรวมถึงประชาชนในละแวกดังกล่าว ซื้อประกันภัยการจลาจลและภัยก่อการร้าย หรือกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยก่อการร้ายเพิ่มเติม เพื่อให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์์สิน ครอบคลุมจากภัยก่อการร้าย การถูกปาระเบิดหรือถูกวางระเบิดจากบุคคลภายนอก โดยในส่วนของห้างร้าน สถานประกอบการจะเสียค่าเบี้ย ประกันไม่เกิน 2% ของวงเงินเอาประกัน ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่คิดในเหตุการณ์ไม่สงบภาคใต้

ส่วนความคุ้มครองส่วนบุคคล ประเภทประกันวินาศภัยโดยทั่วไปมีข้อยกเว้นความเสียหายที่เกิดจากภัยจลาจลและภัยก่อการร้าย ดังนั้นหากต้องการความคุ้มครองจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม เติม ซึ่งในส่วนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล จะเพิ่มความคุ้มครองการนัดหยุดงาน การจลาจล การที่ประชาชนก่อความวุ่นวายลุกฮือต่อต้านรัฐบาล โดยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่ม 10-30 บาท และการก่อการร้ายจ่ายเบี้ยเพิ่ม 10-100 บาท ต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท

ขณะที่กรมธรรม์ประกันชีวิต ปกติให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี รวมถึงการเสียชีวิตจากเหตุการณ์การเข้าชุมนุมด้วย แต่ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลหากซื้อสัญญาเพิ่มเฉพาะประกันสุขภาพ จะไม่ได้รับความคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลในการเข้าร่วมชุมนุม เว้นแต่จะซื้อสัญญาเพิ่มเติมอุบัติเหตุขยายความคุ้มครองภัยฆาตกรรม จลาจลจะได้รับความคุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และค่ารักษาพยาบาลจากการชุมนุม โดยผู้เอาประกันภัยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเพียงเล็กน้อย เช่น หากซื้อวงเงินเอาประกัน 100,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มไม่เกิน 150 บาท

“การทำประกันภัยแบบต่าง ๆ ข้างต้น จะให้ความคุ้มครองตามมูลค่าความเสียหายที่แท้จริงเท่านั้น หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186”

ทั้งนี้ความคุ้มครองต่อชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับการประ ทับตราจากด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย หากสูญเสียหรือได้รับความเสียหายจะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติจากการจลาจลคนละไม่เกิน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้แยกเป็นกรณีเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพ ถาวรสิ้นเชิง ไม่เกินคนละ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายภายในประเทศไทย และค่าชดเชยสำหรับการบาดเจ็บที่ต้องรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในเกินกว่า 10 วัน รวมคนละ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และกรณีสูญเสียหรือความเสียหายจากการหยุดชะงักของการเดินทางคนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนการประกันภัยของฝ่ายทหาร กองทัพบกได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทไทยประกันชีวิต ประเภทกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบพิทักษ์พล กรณีเสียชีวิตหรือพิการทุพ พลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ในยามปกติ ทหารชั้นสัญญาบัตร 100,000 บาท ทหารชั้นประทวน 40,000 บาท พลทหารกองประจำการ 20,000 บาท และกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบภัยสงคราม กรณีเสียชีวิตหรือพิการทุพพลภาพจากการได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติราชการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทหารชั้นสัญญาบัตร 1,000,000 บาท ทหารชั้นประทวน 800,000 บาท พลทหารกองประจำการ 500,000 บาท.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คนไทยติดน้ำตาล
Travel - Manager Online
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 เมษายน 2553 17:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย คนไทยติดน้ำตาล มีการบริโภคน้ำตาลเกินกว่ามาตรฐานกำหนดถึง 3 เท่า คือ เป็นปริมาณสูงถึงคนละ 29.6 กิโลกรัมต่อปี หรือ เฉลี่ยวันละ 20 ช้อนชา ขณะที่ค่ามาตรฐานกำหนดให้บริโภคได้ไม่เกินคนละ 10 กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 6 – 8 ช้อนชา

ดร.นายแพทย์ สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลอย่างฟุ่มเฟือย โดยที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงที่ว่า "น้ำตาล" ไม่มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการเลย มีประโยชน์เพียงให้พลังงานสูงเท่านั้น ที่สำคัญร่างกายไม่จำเป็นต้องได้พลังงานจากน้ำตาล เนื่องจากมีอาหารอื่นๆ ที่สามารถให้พลังงานทดแทนได้ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน

ปริมาณน้ำตาลที่บริโภคเกินความต้องการ เมื่อใช้ไม่หมดจะเป็นพลังงานส่วนเกินและเปลี่ยนรูปเป็นไขมันเก็บสะสมในร่างกายอันเป็นสาเหตุของภาวะ"อ้วนลงพุง" ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดอุดตัน และโรคเบาหวานที่พบว่าปัจจุบันมีคนไทยป่วยเป็นโรคนี้ถึง 10 ล้านคนเลยทีเดียว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เลี้ยงลูกอย่างไร? ไม่ให้เป็น "โรคเอาแต่ใจตัวเอง"
Life & Family - Manager Online
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 เมษายน 2553 14:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี" </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เชื่อว่าหลายบ้าน คงต้องปวดเศียรเวียนเกล้า เมื่อต้องพาเจ้าตัวเล็กออกไปนอกบ้าน โดยเฉพาะศูนย์การค้า ที่พอเดินผ่านของเล่น หรือของถูกใจ เป็นอันต้องร้องกรี๊ด ชักดิ้นชักงอลงกับพื้น เพราะพ่อแม่ไม่ยอมซื้อให้ ถือเป็นภาพสะท้อนการเลี้ยงลูกของครอบครัวไทย ที่เกิดจากการตามใจจนเกินเหตุ ส่งผลให้เด็กติดนิสัยเอาแต่ใจ ขี้วีน ก้าวร้าว และไม่มีเหตุผล

ปัญหาข้างต้น ทำเอาพ่อแม่ส่วนหนึ่งหนักใจไม่น้อย "รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี" จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายให้ฟังถึงอาการเอาแต่ใจของเด็กว่า มีอยู่ด้วยกัน 3 ระดับ คือ ระดับปกติ (เหมือนกับเด็กทั่วไป) ระดับมีปัญหาเล็กน้อย และระดับที่มีปัญหารุนแรง (ป่วยเป็นโรค) ซึ่งระดับที่ 3 นี้ จิตแพทย์ทั่วโลกจะมีเกณฑ์การวินิจฉัยว่า เป็นโรค Oppositional Defiant Disorder หรือ "โรคเอาแต่ใจ" ส่วนใหญ่พบในเด็ก 3 ขวบขึ้นไป และเกิดในเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คิดเป็นสัดส่วน 9:1

"เด็กที่เป็นโรคเอาแต่ใจ จะมีอาการดื้อต่อต้านอย่างรุนแรง ทำอะไรก็หงุดหงิด โมโหง่าย ต่อต้านทุกอย่าง พ่อแม่พูดอะไรก็ไม่ฟัง บางครั้งก็อาละวาด หมายปองเจตนาร้าย รังแกผู้อื่น ทำลายข้าวของในบ้าน หากว่าเด็กคนไหนที่มีอาการดังกล่าวอย่างน้อย 4 ข้อ ในระยะเวลานาน 6 เดือน ถือว่าป่วยเป็นโรคเอาแต่ใจแล้ว" จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นกล่าว

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ลูกเป็นโรคเอาแต่ใจนั้น จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น บอกว่า เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งทางด้านชีวภาพ เช่น บางคนเลี้ยงง่าย บางคนเลี้ยงยาก ซึ่งเกิดจากสมองส่วนหน้าที่ควบคุม ยับยั้งอารมณ์ และพฤติกรรมทำงานผิดปกติ จึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ และปัจจัยด้านการเลี้ยงดู ที่ทำให้สภาวะจิตใจของเด็ก แสดงพฤติกรรมต่อต้าน ดื้อ และก้าวร้าว โดยเฉพาะพ่อแม่ยุคใหม่ ที่ยังขาดทักษะ และแนวคิดที่ถูกต้องในการเลี้ยงลูก กลัวว่า ถ้าขัดใจ จะทำให้ลูกเครียด หงุดหงิด ก้าวร้าว ตลอดจนการใช้ความรุนแรง ทำให้เด็กมีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจ

"พ่อแม่ส่วนใหญ่มีเวลาให้กับลูกลดลง ความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่จะต้องอาศัยความใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็ก 2-3 ขวบ พ่อแม่บางคนคิดว่าลูกยังรับรู้ และจดจำได้ไม่ดี จึงมองข้ามช่วงเวลานี้ไป ปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์ตามลำพัง ให้เล่นกับพี่เลี้ยง ตรงนี้เป็นการใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่ตัว แต่ใจไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือบางคนชดเชยด้วยสิ่งของ ทำให้เด็กคิดว่าความรักคือสิ่งของที่ได้มา พอวันหลังอยากได้ความรัก ก็จะเรียกร้องเอาสิ่งของ ส่งผลให้ความมั่นคงทางอารมณ์ของเด็กตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเอาใจแต่ได้" จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นเผย

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ทางที่ดี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น แนะนำว่า พ่อแม่ต้องหาสาเหตุของการเกิดโรคก่อน เช่น การกิน พ่อ แม่จะมีปัญหาในเรื่องนี้มาก ช่วงปีแรกเด็กจะสามารถกินได้มาก แต่พอเริ่มเข้าปี 2-3 เด็กจะกินได้น้อยลงเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจ บังคับให้ลูกกิน กลัวลูกหิว ก็จะตามป้อนข้าวอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นการเลี้ยงลูกที่ไม่ได้ดูความต้องการของลูกเลย ซึ่งมันทำให้เด็กหงุดหงิด ส่งผลให้มีอาการดื้อเงียบ

"พ่อแม่จะต้องใช้ความพยายามในการสังเกตความต้องการของลูก ทั้งด้านกายภาพ และด้านจิตใจ ด้วยการสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้เกิดความผูกพันระหว่างกันและกัน สร้างเวลาคุณภาพ ที่พ่อแม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูก รวมทั้งเน้นกิจกรรมร่วมกัน ที่สำคัญฝึกใช้เหตุผลกับลูกจนเกิดเป็นนิสัย ควรใช้คำพูดที่สามารถเข้าใจง่าย ไม่ควรเน้นหลักการมากเกินไป"

สุดท้าย คุณหมอฝากแง่คิดไปถึงพ่อแม่ทุกคนว่า "ควรระลึกอยู่เสมอว่าสิ่งที่ลูกต้องการไม่ใช้สิ่งของหรือของเล่นราคาแพง แต่สิ่งที่ลูกต้องการ คือ ความรัก ความผูกพันที่พ่อแม่มอบให้กับลูก แม้ว่าสมองของลูกจะทำงานผิดปกติ อย่างไรก็ตามหากมีการดูแลของพ่อแม่อย่างใกล้ชิดและถูกต้อง เด็กๆ จะห่างไกลจากโรคนี้อย่างแน่นอน"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>