พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับการประชุมในเดือนหน้านี้


    ผมจะมีกิจกรรมงานบุญให้ท่านสมาชิกได้ร่วมกันลงแรง ทำบุญกัน ผมจะมีพระวังหน้า และนำกล่องสเตนเลสไป 2 กล่อง จะให้ทุกๆท่านได้ช่วยกันเรียงพระวังหน้าลงในกล่องสเตนเลส เพื่อที่จะไว้ในการบรรจุตามพระเจดีย์หรือฐานพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ

    งานนี้ ไม่ต้องเสียเงิน เพียงแต่ลงแรงกาย แรงใจ ท่านก็ได้บุญกันแล้วครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  2. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    คุณหนุ่มครับ
    ผมโอนเงินไปให้แล้วนะครับ ผมเลือกแบบที่ 2
    คือโอนไปที่เดียวครับ 2,000 บาทครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2010
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตร.ทางหลวงแนะ 11 เส้นทางลัดเที่ยวสงกรานต์ชุ่มฉ่ำ
    ตร.ทางหลวงแนะ 11 เส้นทางลัดเที่ยวสงกรานต์ชุ่มฉ่ำ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์


    [​IMG]

    ตร.ทางหลวงแนะทางเลี่ยงสายหลักกลับบ้าน-เที่ยวทั่วสงกรานต์ให้ฉลุย ชี้อาจจะเพิ่มระยะทาง แต่ประหยัดเวลา ย้ำเมาไม่ขับและง่วงต้องหลับ ด้านขนส่งบริการเช็กรถฟรี...

    หลังจากเพิ่งผ่านเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้ไม่นาน ไม่กี่วันจะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ อีกช่วงหนึ่งของปีที่มีวันหยุดยาวติดต่อกัน โดยเฉพาะปีนี้รัฐบาลประกาศให้วันที่ 16 เม.ย. เป็นวันหยุดราชการพิเศษ ทำให้สงกรานต์นี้ จะมีวันหยุดยาวติดต่อกัน 6 วัน ไม่นับบางคนที่เตรียมลางานวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งจะทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกันนานถึง 9 วัน
    โอกาสแบบนี้ใน 1 ปีหาได้ไม่ง่ายนักสำหรับมนุษย์เงินเดือนจึงเป็นธรรมดาที่หลายคนได้วางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยว เล่นสงกรานต์ หรือ กลับบ้านในต่างจังหวัดเพื่อรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ตามประเพณีไทย ดังนั้น จึงไม่ใส่เรื่องเกินความคาดหมายที่ถนนสายหลักมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯ หรือ ไปจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ การจราจรจะติดขัด และใช้เวลามากกว่าปกติหลายชั่วโมง

    [​IMG]



    งานนี้ พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รอง ผบก.ทล. ในฐานะโฆษก บก.ทล.กล่าวว่า ตำรวจทางหลวงโดยการ นำของ พล.ต.ต.สมยศ พรหมนิ่ม ผบก.ทล. พร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเต็ม ที่เช่นที่ผ่านมา แผนงานไม่แตกต่างจากปีใหม่ หลักๆ ได้แก่ ตรวจวัดความเมาและยาเสพติด จัดจุดพักรถและระบายรถให้เร็วที่สุด โดยมีบูรณาการร่วมกับตำรวจท้องที่และอาสาสมัครหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การควบคุมจากผู้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด

    [​IMG]

    [​IMG]

    เส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือมี 2 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทางถนนเพชรเกษม-นครปฐม ถนนวงแหวนตะวันตก ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี อ.หันคา-จ.ชัยนาท จ.นครสวรรค์ และ 2. เส้นทางถนนเพชรเกษม-นครปฐม ถนนวงแหวนตะวันตก-ถนนรัตนาธิเบศร์ ขึ้นด่วนอุดรรัตยา-ลงด่วนบางปะหัน ใช้ทางหลวงสาย 347 ออกสายเอเชียที่ต่างระดับบางปะหันกิโลเมตรที่ 35 มุ่งหน้า จ.อ่างทอง จ.ชัยนาท จ.นครสวรรค์
    เส้นทางมุ่งหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี 4 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทางถนนวงแหวนตะวันออก-ลงต่างระดับธัญบุรีผ่าน อ.องครักษ์ ถึงแยก อ.บ้านา เข้าบ้านนา-แก่งคอย-ถึงต่างระดับแก่งคอยใช้ถนนมิตรภาพ ผ่าน อ.มวกเหล็ก-อ.ปากช่อง มุ่งสู่ จ.นครราชสีมา 2. เส้นทางถนนรังสิต-นครนายก ผ่าน อ.ธัญบุรี อ.องครักษ์ อ.ปากพลี อ.ประจันตคาม อ.กบินทร์บุรี ใช้ถนน กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ผ่าน อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย
    [​IMG]

    3. เส้นทางถนนสุขุมวิท ผ่าน อ.บางบ่อ อ.บางปะกง ใช้ถนน กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ผ่าน อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย มุ่งหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 4.เส้นทางถนนพหลโยธิน บายพาส จ.สระบุรี ถนนพุแค-หล่มสัก มุ่งหน้าสู่ จ.ชัยภูมิ หรือ มุ่งหน้า จ.เพชรบูรณ์ และ จ.พิษณุโลกเพื่อเข้าสู่เส้นทางสายเหนือได้
    เส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก มี 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทางขึ้นด่วนบางนา ขึ้นยกระดับบูรพาวิถี ผ่าน อ.บางพลี อ.บางปะกง จ.ชลบุรี มุ่งสู่ภาคตะวันออก 2. เส้นทางด่วนศรีนครินทร์ ถนนมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก และ 3. เส้นทางถนนวงแหวนตะวันออก ถนนสุขุมวิท ถนนวงแหวนตะวันตก อ.พระประแดง ถนนพระราม 2 แยกวังมะนาว ถนนเพชรเกษม มุ่งสู่ภาคใต้ได้
    [​IMG]

    เส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคใต้มี 2 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทางถนนบรมราชชนนี ถนนพุทธมณฑล แยกนครชัยศรี ถนนเพชรเกษม สู่ภาคใต้ 2. เส้นทางด่วนดาวคะนอง ถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แยกวังมะนาว และถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ภาคใต้

    พ.ต.อ.พินิต กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดการเดินทางช่วงสงกรานต์ทั้งขาไปและกลับตำรวจทางหลวงมีจุดบริการประชาชน 217 จุดทั่วประเทศ พร้อมให้บริการผู้ใช้รถใช้ถนน เช่น ชา กาแฟ น้ำเย็นและน้ำดื่มฟรี ส่วนกรณีฉุกเฉินขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยขอให้ทุกคนยึดกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เมาไม่ขับและง่วงอย่าขับเพื่อให้ป้องกันความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

    ด้าน นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก แจ้งว่า กรมฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาและภาคเอกชนกว่า 2 พันแห่งทั่วประเทศ จัดกิจกรรม ตรวจก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน เพื่อให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถเบื้องต้นฟรี แก่ประชาชน ซึ่งเปิดให้บริการบนถนนสายหลักและสายรองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 24 มี.ค. ถึง 8 เม.ย. 300 จุด และระหว่างวันที่ 9-18 เม.ย. 250 จุด

    ทั้งนี้ แต่ละจุด จะให้บริการตรวจเช็กระบบเครื่องยนต์ สภาพเบรก คลัตช์ เกียร์ สายพาน ที่ปัดน้ำฝน ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ รวมทั้งระบบไฟส่องสว่างต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทาง ส่วนการใช้บริการรถสาธารณะนั้น จะส่งผู้ตรวจการออกตรวจความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถอย่างเข้มงวด โดยพนักงานขับรถสาธารณะแอลกอฮอล์ต้องเป็น "0" เพื่อร่วมรณรงค์ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุทางถนน

    ส่วนกรณี ผู้โดยสารที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือ ถูกเอาเปรียบจากการให้บริการของรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ โทร 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง.

    ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
     
  4. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ขออภัยในความผิดพลาดนะครับ
    เนื่องจากผมยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าวครับ
    ขออภัยคุณหนุ่มนะครับ
     
  5. 0atitaya0

    0atitaya0 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2010
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +2,728
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่เป็นไรครับ

    โมทนาบุญทุกประการ

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พิธีอัญเชิญพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ขึ้นมณฑป ในวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2553

    กำหนดการ
    <O:p</O:p
    พิธีอัญเชิญพระพุทธเจ้าห้าพระองค์<O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑป ๕ ทิศ ณ พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง<O:p</O:p
    สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    ******************************************
    <O:p</O:p
    วันจันทร์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    เวลา ๐๗.๓๐ น. : ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เวลา ๐๙.๐๙ น. : เริ่มพิธีบวงสรวง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : ประธานพิธี พระเดชพระคุณพระเทพวราลังการ<O:p</O:p
    (เสงี่ยม นนทากโร) รองเจ้าคณะภาค ๑๑ (ธ) <O:p</O:p
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพ ฯ<O:p</O:p
    จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : พระสงฆ์ ๙ รูป เจริญพระพุทธมนต์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : พิธีอัญเชิญพระกกุสันโธพุทธเจ้า <O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑปที่ ๑ ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : พิธีอัญเชิญพระโกนาคมพุทธเจ้า<O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑปที่ ๒ ด้านทิศใต้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : พิธีอัญเชิญพระกัสสปะพุทธเจ้า<O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑปที่ ๓ ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : พิธีอัญเชิญพระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า<O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑปที่ ๔ ด้านทิศเหนือ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    : พิธีอัญเชิญพระศรีอาริยะเมตไตรย์พุทธเจ้า<O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑปที่ ๕ ด้านทิศตะวันออก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เวลา ๑๑.๐๐ น. : ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์<O:p</O:p
    : ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระภิกษุสงฆ์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หมายเหตุ : พิธีอัญเชิญพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ขึ้นประทับบนมณฑปทั้งห้า จะเริ่มจากมณฑปที่ ๑ ถึงมณฑปที่ ๕ ตามลำดับ ซึ่งอาจใช้เวลาเกินกว่า ๒ ชั่วโมง<O:p</O:p
    ในการนี้เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหารเพล เจ้าภาพจะนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ <O:p</O:p
    รับถวายภัตตาหารเพล ณ ศาลาด้านล่างก่อน ส่วนการอัญเชิญองค์พระขึ้นมณฑป <O:p</O:p
    เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจนกว่าจะแล้วเสร็จ<O:p</O:p


    รายนามพระเถรานุเถระ<O:p</O:p
    นิมนต์เข้าร่วมพิธีอัญเชิญพระพุทธเจ้าห้าพระองค์<O:p</O:p
    ขึ้นประทับบนมณฑป ๕ ทิศ ณ พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ***********************************************<O:p</O:p
    <O:p
    <O:p
    ๑. พระเทพวราลังการ ( เสงี่ยม นนฺทากโร )<O:p</O:p
    รองเจ้าคณะภาค ๑๑ ( ธรรมยุต )<O:p</O:p
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพ ฯ<O:p</O:p
    ( รับนิมนต์แล้ว )<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๒. พระครูสุวิมลภาวนาคุณ ( พระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>พนฺธมุตโต )<O:p</O:p
    เจ้าอาวาสวัดเขาตาเงาะอุดมพร อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ<O:p</O:p
    ( อยู่ระหว่างประสานงาน )
    <O:p</O:p
    ๓. พระครูปภสฺสรวรพินิจ ( พระอาจารย์<st1:personName w:st="on" ProductID="ไพโรจน์ ปภสฺสโร">ไพโรจน์ ปภสฺสโร</st1:personName> )<O:p</O:p
    เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์<O:p</O:p
    ( อยู่ระหว่างประสานงาน )<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๔. พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ<O:p</O:p
    เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี<O:p</O:p
    ( รับนิมนต์แล้ว )<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๕. พระครูปลัดสมปอง สุธมฺมสนฺตจิตโต<O:p</O:p
    สำนักปฏิบัติธรรมบ้านสบายใจ จังหวัดอุทัยธานี<O:p</O:p
    ( อยู่ระหว่างประสานงาน )<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๖. พระสมมาศ คุณาธิโก<O:p</O:p
    วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี<O:p</O:p
    ( รับนิมนต์แล้ว )<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๗. พระครูวินัยธร ( พระอาจารย์พชร ฐานกโร )<O:p</O:p
    เจ้าอาวาสวัดประยงค์กิตติวราราม เขตหนองจอก กรุงเทพ ฯ<O:p</O:p
    ( อยู่ระหว่างประสานงาน )

    ขอขอบพระคุณพี่แอ๊วที่แจ้งความคืบหน้ามาครับ
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านทุกประการ<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พรสว่าง_2008 [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรสว่าง_2008<!-- google_ad_section_end -->

    แจ้งการโอนเงินครับพี่หนุ่ม (ผมโอนวิธีที่ 2 ครับ 100%) วันที่ 09/04/53 เวลา13.10 A04276 KTB ยอดโอน 2,500 บาท แยกดังนี้
    1. พระกริ่งปวเรศ จำนวน 1 องค์ จำนวนเงิน 2,000 บาท
    2. ร่วมทำบุญองค์พยามัจจุราชจำนวน 1 องค์ จำนวน 200 บาท
    3.ร่วมทำบุญกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน100 บาท
    4.ร่วมทำบุญทุนนิธิสงฆ์อาพาธฯ ปู่ประถม จำนวน100 บาท
    5.ร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ชัยผาผึ้ง จ.ชัยภูมิ จำนวน100 บาท
    โมทนาสาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรสว่าง_2008<!-- google_ad_section_end -->

    พี่โอนเงินร่วมทำบุญให้น้อง <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรสว่าง_2008 ตามนี้ครับ

    1. พระกริ่งปวเรศ จำนวน 1 องค์ จำนวนเงิน 2,000 บาท

    พี่ได้โอนเงินร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ จำนวน 1,000 บาท
    และโอนเงินเข้ากองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 1,000 บาท

    2. ร่วมทำบุญองค์พยามัจจุราชจำนวน 1 องค์ จำนวน 200 บาท

    พี่ได้โอนเงินเข้ากองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 200 บาท


    3.ร่วมทำบุญกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน100 บาท

    พี่ได้โอนเงินเข้ากองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 100 บาท


    4.ร่วมทำบุญทุนนิธิสงฆ์อาพาธฯ ปู่ประถม จำนวน100 บาท

    พรุ่งนี้พี่จะนำเงินจำนวน 100 บาท ไปมอบให้พี่ใหญ่ครับ

    5.ร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ชัยผาผึ้ง จ.ชัยภูมิ จำนวน100 บาท

    พี่ได้โอนเงินร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศจำนวน 100 บาท

    โมทนาบุญทุกประการครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    วันนี้พี่ได้นำเงินจำนวน 100 บาทที่น้อง<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรสว่าง_2008<!-- google_ad_section_end --> ร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ ไปมอบให้กับพี่ใหญ่(ในการทำบุญกับทุนนิธิสงเคาะห์สงฆ์อาพาธ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร เรียบร้อยแล้วครับ

    โมทนาบุญทุกประการ


    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ลูกติดเว็บโป๊ทำอย่างไรดี/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 เมษายน 2553 15:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันมีเวปเกี่ยวกับเรื่องเพศ ภาพคลิปโป๊ต่างๆซึ่งเป็นเวปที่เป็นอันตรายต่อเด็กเป็นอันมาก และเนื่องจากโลกปัจจุบันนี้เป็นยุคของสังคมออนไลน์ จึงเป็นการเสี่ยงสำหรับเด็กๆต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมในการข้องแวะกับสื่อที่ไม่สมควรดังกล่าวไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม

    จากข้อมูลของเวปป้องกันความรุนแรงทางเพศหรือป้องกันการติดสื่อลามกต่างๆพบว่าเด็ก อายุระหว่าง 10-17 ปี 1 ใน 5 คนได้รับสื่อหรือภาพโป๊ผ่านทางอินเตอร์เนต เด็ก 1 ใน 4 คนที่ใช้อินเตอร์เนต เข้าไปข้องแวะกับเวปโป๊ทั้งที่โดยเจตนาและไม่เจตนา อีเมล์ที่ส่งติดต่อหากันในปัจจุบัน มากกว่า 2 หมื่นล้านฉบับเป็นเวปโป๊ เด็กวัยรุ่น 21 % ยอมรับว่าเข้าไปดูเวปโป๊โดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้

    จากเหตุผลดังกล่าวทำให้คุณพ่อคุณแม่หนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองในการช่วยให้เด็กสามารถห่างไกลจากสื่ออันตรายดังกล่าวได้

    1.แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ สอนและให้ความรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา การคุมกำเนิด อย่าให้เวปต่างๆเป็นผู้สอนลูก แต่เราเป็นผู้ใกล้ชิดกับลูกมากกว่า ควรพูดคุยและให้ความรู้ที่ชัดเจน เมื่อลูกเข้าใจแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นก็จะลดน้อยลง

    2.อายุของเด็กและพัฒนาการของเด็กในแต่ละคนก็เป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง หากเป็นเด็กเล็ก เด็กอาจดูโดยไม่มีความเข้าใจอะไรมากนัก แต่เผอิญเปิดไปเจอ แต่หากเป็นช่วงวัยรุ่น ต้องให้ความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน การปกปิดเรื่องเพศทำให้เด็กสงสัยและอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

    3. คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งกฎให้ชัดเจนกับลูกในการสืบหาข้อมูลในอินเตอร์เนตทุกครั้ง บอกลูกถึงอันตรายของเวปต่างๆที่อาจเข้ามารบกวนขณะที่เรากำลังสืบหาข้อมูลที่อินเตอร์เนต อาจเขียนเป็นข้อตกลงและลงชื่อกำกับร่วมกันเพื่อความชัดเจน

    4. กฎนี้ต้องใช้ได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพราะในโรงเรียนหรือห้องสมุดอาจมีโปรแกรมป้องกันการเข้าไปดูเวปที่ไม่สมควรแต่บางครั้งอาจเด็กไปที่บ้านเพื่อนหรือญาติอาจไม่ได้มีโปรแกรมดังกล่าว ดังนั้นต้องเตือนเด็กๆว่ากฏการใช้อินเตอร์เนต ครอบคลุมทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วย

    5. คุณพ่อคุณแม่ควรมีโปรแกรมป้องกันเวปที่ไม่สมควรดังกล่าว ซึ่งอาจหาข้อมูลได้จาก cybersitter

    6. ในกรณีเด็กแอบดู หรือเริ่มติดโดยไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ อาจใช้วิธีการเปิดกว้างโดยการให้เด็กดูไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะธรรมชาติของเด็ก อยากรู้อยากเห็น ดังนั้นการยิ่งห้ามอาจเหมือนยิ่งยุ การสอนและหาวิธีให้ความรู้ต่างๆจะอาจช่วยให้เด็กลดความสงสัยหรือลดความอยากรู้อยากเห็นได้

    7. อย่าจัดให้ในห้องของลูกมีคอมพิวเตอร์ แต่ควรจัดไว้ในที่ๆคุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

    ปัจจุบันสื่อต่างๆมากมายที่อยู่รอบตัวเรามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องฉลาดในการป้องกันลูกให้พ้นจากสื่อที่เป็นอันตรายต่อเด็ก โดยการให้ความรัก ความเข้าใจ และให้ความรู้ควบคู่กันไป ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสร้างเด็กให้เป็นคนฉลาดในการแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นสิ่งดีและอะไรเป็นสิ่งไม่ดีที่ควรหลีกเลี่ยง อย่าใช้วิธีวัวหายล้อมคอก เพราะนั่นอาจจะสายเกินไป</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "นางสงกรานต์"ขี่ลาถือเหล็ก ข้าวของจะแพง-เดือดร้อน

    ˹ѧ

    "นางสงกรานต์"ขี่ลาถือเหล็ก ข้าวของจะแพง-เดือดร้อน

    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB4TVE9PQ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ประเพณีสงกรานต์ เป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ของไทย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ในช่วงดังกล่าวนอกจากจะมีการทำความสะอาดบ้านเรือน การทำบุญให้ทาน การสรงน้ำพระ การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำ และการละเล่นรื่นเริงแล้ว

    อีกสิ่งหนึ่งที่มักเห็นคู่กับเทศกาลนี้เสมอ คือ "นางสงกรานต์" ปัจจุบัน กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของงานไปแล้ว

    นางสงกรานต์ เป็นนางฟ้าในตำนานสงกรานต์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) เป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของวันสงกรานต์ อันเป็นอุบายเพื่อให้คนโบราณ ผู้ไม่รู้หนังสือได้รู้ว่า วันมหาสงกรานต์ คือวันที่พระอาทิตย์เคลื่อนตัวสู่ราศีเมษ ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสุริยคติตรงกับวัน-เวลาใด โดยสมมติผ่านนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์

    เนื่องจากวันมหาสงกรานต์แต่ละปีจะไม่ตรงกัน ดังนั้น ทางราชการจะออกประกาศที่เรียกว่า "ประกาศสงกรานต์" ของปีนั้นๆ ไปป่าวประกาศแจ้งให้ราษฎรได้ทราบถึงวัน เวลาเปลี่ยนศักราชใหม่ วันมงคล วันอวมงคลที่ควรไม่ควรประกอบกิจการ และเกณฑ์น้ำฝนของแต่ละปี เป็นต้น

    ซึ่งประกาศสงกรานต์ดังกล่าว มีสารประโยชน์ยิ่ง ต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนสมัยก่อน ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อย่างไรก็ดี แม้ปัจจุบันจะไม่จำเป็นต้องใช้ประกาศสงกรานต์ เช่นอดีตที่ผ่านมา แต่คนจำนวนไม่น้อย ก็ยังสนใจใช้ประกาศสงกรานต์เพื่อดูฤกษ์ยาม ดูวันมงคล อวมงคล รวมไปถึงการดูลักษณะนางสงกรานต์เพื่อการพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    สำหรับความเชื่อคำทำนายโบราณเกี่ยวกับนางสงกรานต์และวันสงกรานต์ หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่านางสงกรานต์จะขี่สัตว์ตามปีนักษัตร เช่น นางสงกรานต์ปีขาล จะขี่เสือ ปีกุนจะขี่หมู แต่จริงแล้ว นางสงกรานต์ที่มีเพียง 7 นาง แต่ละนางจะมีนาม อาหาร อาวุธ และสัตว์ที่เป็นพาหนะ แตกต่างกันตามแต่ละวันในสัปดาห์



    "ประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช 2553"

    ปีขาล (เทวดาผู้หญิง ธาตุไฟ) โทศก จุลศักราช 1372 ทางจันทรคติ เป็น อธิกมาส ทางสุริยคติ เป็น ปกติสุรทิน

    วันที่ 14 เมษายน เป็น วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 เวลา 07 นาฬิกา 19 นาที 19 วินาที

    นางสงกรานต์ ทรงนามว่า มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนม เนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืนมาเหนือ หลังคัสพะ (ลา) เป็นพาหนะ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันที่ 16 เมษายน เวลา 11 นาฬิกา 18 นาที 36 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1372

    ปีนี้ วันอังคาร เป็น ธงชัย วันพฤหัสบดี เป็น อธิบดี วันจันทร์ เป็น อุบาทว์ วันเสาร์ เป็น โลกาวินาศ

    ปีนี้ วันอังคาร เป็นอธิบดีฝน บันดาลฝนให้ตก 300 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า ตกในมหาสมุทร 60 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 90 ห่า ตกในเขาจักรวาล 120 ห่า นาคให้น้ำ 7 ตัว

    เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ 5 ชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในภูมินาจะเกิดกิมิชาติ (ด้วงกับแมลง) จะได้ผลกึ่ง เสียกึ่ง

    เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีเตโช (ไฟ) น้ำน้อย



    จากประกาศสงกรานต์ปีนี้ จะเห็นว่า วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันพุธ วันเนาตรงกับวันพฤหัสบดี วันเถลิงศกตรงกับวันศุกร์ เขาบอกว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ ผลไม้จะแพง ราชตระกูลจะมีความร้อนใจ แต่พ่อค้าคหบดีจะทำมาค้าขึ้น มีผลกำไรมาก

    นอกจากนี้ การที่นางสงกรานต์มีอิริยาบถยืนมา จะทำให้เกิดความเดือดร้อนเจ็บไข้

    ส่วนทางล้านนา มีคำพยากรณ์ว่า ถ้ามหาสงกรานต์ตรงกับวันพุธ ปีนั้นฝนตกบ่ทั่วเมือง หัวปีมีมาก กลางปีน้อย ข้าวในนาจะได้ครึ่งเสียครึ่ง ของบริโภคจะแพง ขุนนางขุนเมืองจะตกต่ำ คนเกิดวันศุกร์มีเคราะห์ คนเกิดจันทร์และวันเสาร์มีโชค

    ส่วนนางสงกรานต์ ประจำปีนี้ คงรู้สึกว่าไม่ดุเท่าใด โดยเฉพาะคำพยากรณ์ ก็ดูเหมือนจะตรงกับสภาพบ้านเมืองอยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องของแพง การเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งสองสามปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เดือดร้อนกันทั่วโลก สาเหตุหนึ่งก็มาจากการทำลายธรรมชาติของมนุษย์ ทำให้โลกขาดสมดุล จึงเกิดภัยพิบัติมากมาย

    ดังนั้น นางสงกรานต์ จึงเป็นเสมือนสัญญาณเตือนให้เราตระหนักว่า ปีนี้ควรระมัดระวังการสื่อสารให้ดี อย่าหลงผิดด้วยความเขลาหรือดื้อรั้นดันทุรัง (เหมือนลา) ขณะเดียวกัน ต้องมีเหล็กแหลม (สติ-ปัญญา) คอยกำกับ และมีไม้เท้า (สัมมาทิฐิ-ความเห็นชอบ/ความคิดที่ถูกที่ควร) เป็นสิ่งช่วยพยุง เพื่อให้เรารอดปลอดภัย

    สงกรานต์ เป็นเทศกาลที่เราสื่อแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำขอพรจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ผู้ที่เราเคารพนับถือ การสรงน้ำพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ

    ดังนั้น จึงควรถือโอกาสนี้ แสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินถิ่นเกิด

    เป็นนิมิตหมายของการเริ่มต้นปีใหม่ไทยที่ดีต่อไป

    สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพุทธธรรมวิเชฏฐศาสดา วัดประยุรวงศาวาส กทม.

    คอลัมน์ เดินสายไหว้พระ

    ˹ѧ��;��������ʴ�͹�Ź� : �ú�ء�� ʴ�ء����ͧ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>"วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร" แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุง เทพฯ เป็นวัดที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่กรมท่าและสมุหพระกลาโหม ได้อุทิศสวนกาแฟสร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2371 ซึ่งมีอาณา เขตติดกับบ้านสมเด็จเจ้าพระยาฯ

    ครั้นเมื่อ พ.ศ.2375 ได้ถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า "วัดประยุรวงศาวาส"

    ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดรั้วเหล็ก ด้วย มีรั้วเหล็กเป็นกำแพงวัดอยู่เป็นบางตอน รั้วเหล็กนี้สูงประมาณ 3 ศอก ทำเป็นรูปอาวุธ คือ หอก ดาบ และขวาน (ขวานสามหมื่น ปืนสามกระบอก หอกสามแสน) มีลักษณะเป็นกำแพงและซุ้มประตูเล็กๆ เป็นตอนๆ วัดจากมุมวิหารคดข้างพระอุโบสถไปจรดกำแพงประตูวัดด้านตะวันออกยาว 148 เมตร ล้อมบริเวณอุทยานเขามอ (เขาเต่า) อีก 2 ด้าน ด้านตะวันตกยาว 48 เมตร ด้านใต้ยาว 43 เมตร ล้อมเป็นกำแพงหน้าวัด ตอนขวามือเข้ามายาว 40 เมตร ตอนซ้ายมือเข้ามายาว 20 เมตร

    มีเรื่องเล่าว่า รั้วเหล็กนี้เดิมสมเด็จพระเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ สั่งเข้ามาจากประเทศอังกฤษเพื่อน้อม เกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้ล้อมเป็นกำแพงในพระราชวัง

    แต่พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรด สมเด็จเจ้าพระยาจึงขอรับพระราชทานมาใช้ล้อมเป็นกำแพงในวัด โดยใช้น้ำตาลทรายแลกเอา หนักต่อหนัก คือ เหล็กหนักเท่าใด น้ำตาลทรายก็หนักเท่านั้น

    ในคราวเดียวกันนั้นยังน้อมเกล้าฯ ถวายพรมผืนใหญ่ 1 ผืน กับโคมกิ่งแก้ว 3 โคม ซึ่งไม่ทรงโปรดฯ จึงได้ทูลขอพระราชทานโคมไปประดับในพระอุโบสถวัดแห่งนี้

    ในปี พ.ศ.2423 เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เดินทางไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในฐานะเป็นอัครราชทูตพิเศษ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา

    เมื่อกลับถึงเมืองไทยในปีเดียวกัน ได้เล่าว่า ตนพบรั้วเหล็กล้อมเป็นกำแพงเมืองหลายแห่งในกรุงลอนดอนรั้วเหล็กเหล่านั้นมีรูปลักษณะเช่นเดียวกับรั้วเหล็กที่วัดประยุรวงศาวาส

    หน้าบัน ลายดอกบุนนาค พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมไทยสถาปัตยกรรมทรงไทย หน้าบันเป็นลายดอกบุนนาค ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ส่วนพระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมทรงไทยเช่นกัน

    สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ยังได้สร้างพระบรมธาตุมหาเจดีย์ทรงกลมองค์ใหญ่ ถือว่าเป็นเจดีย์แบบลังกาองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2398

    ต่อมา พ.ศ.2425 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้ให้ซ่อมพระวิหาร เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา ปิดทองประดับกระจกใหม่ ซ่อมศาลาและพระอุโบสถใหม่ ซึ่งในปีถัดมาพระองค์ได้เสด็จมาพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ พระอุโบสถวัดประยุรวงศาวาส

    ส่วนการสร้างวัดได้เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2371 สร้างอยู่ 8 ปี จึงสำเร็จในปี พ.ศ.2379 ได้มีการฉลองวัดในวันที่ 13 มกราคม 2379 ตรงกับวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 7 ค่ำ

    วัดประยุรวงศาวาส มี "พระพุทธนาค" เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐาน ณ พระวิหารวัดประยุรวงศาวาส ที่มีพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวจีน ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเข้ามาบูชาสักการะในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธนาคเป็นอย่างยิ่ง

    นอกเหนือไปจากพระพุทธนาคแล้ว พระอุโบสถวัดประยุรวงศาวาส ยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธธรรมวิเชฏฐศาสดา" พระพุทธรูปประธาน ปางมารวิชัย วัสดุโลหะลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอกหย่อนนิ้ว หรือ 1.99 เมตร ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์

    สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อ ส่วนการลงรักปิดทอง ได้สั่งช่างจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกล่าวกันว่ามีฝีมือและกรรมวิธีการปิดทองดีเยี่ยม มาปิดทองพระพุทธรูป

    ประทานพระนามว่า "พระพุทธธรรมวิเชฏฐศาสดา" เป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่เป็นฝีมือช่างปิดทองเป็นชาวต่างชาติที่มาจากประเทศญี่ปุ่น

    ศิลปกรรมและถาวรวัตถุของวัดประ ยุรวงศาวาส นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทย อันเป็นประจักษ์พยานถึงความรุ่งโรจน์แห่งพุทธศิลปะและพลังแห่งศรัทธาในบวรพุทธศาสนา
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สับปะรดสารพัดประโยชน์
    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > สับปะรดสารพัดประโยชน์

    [​IMG]

    ทราบหรือไม่ว่าสับปะรดเป็นผลไม้มีประโยชน์หลากหลาย วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก...

    - ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อ และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ และต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

    - ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

    - ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

    - ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และยังช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

    - ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

    รู้อย่างนี้แล้ว หันมารับประทานสับปะรดกันดีกว่า.
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้พระ 9 วัด รับมงคลชีวิต

    ท่องเที่ยวไทย ไหว้พระ 9 วัด



    [​IMG]


    ไหว้พระ 9 วัด (คู่หูเดินทาง)

    "เดือนปีเคลื่อนคล้อยผ่านไปไวเหมือนโกหก" หลายคนคงเผลอนึกเช่นนั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่มัวแต่เงื้อง่ายัง
    ไม่ทันจะลงมือ เจ้าปีเก่าก็หอบพาเอาเวลาส่วนที่เหลือเผ่นผลอยหายไปในม่านควันอันวิกฤตของบ้านเมืองเสียแล้ว ไม่เป็นไร...ยังไม่สายที่จะรวบรวมกำลังใจทั้งกำลังกายเพื่อเริ่มต้นใหม่

    ก็อย่างที่ใครสักคนว่าไว้ "ท้อได้แต่อย่าถอย" เมื่อเป็นเช่นนี้เพื่อให้แฟน ๆ คู่หูเดินทาง ของเราไม่ตกเทรนด์ แถมได้บุญหนุนนำไว้เป็นกำลังใจ เราจึงเลือกสรรค์วัดเด่นจากทุกภูมิภาคในประเทศไทยจำนวน 9 แห่ง พร้อมประวัติย่อ ๆ ไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่เหล่านั้นเมื่อยามสบโอกาส



    [​IMG]



    [​IMG] 1. วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

    ที่ตั้ง : ถนนศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200 เว็บไซต์ หน้าหลัก - ยินดีต้อนรับสู่ เว็บไซต์วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่

    ประวัติย่อ :ต้นพุทธศตวรรษที่ 19 พระเจ้ากือนา ได้ทรงสร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารไว้บนยอดเขาดอยสุเทพโดยได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า ที่พระมหาสวามีนำมาจากเมืองปางจา จังหวัดสุโขทัยบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร



    [​IMG]


    [​IMG] 2. วัดพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน

    ที่ตั้ง : บ้านหนองเต่า หมู่ 3 ตำบลม่วงตี๊ด กิ่งอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน

    ประวัติย่อ :พระบรมธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน สันนิษฐานว่ามีอายุราว 600 ปี พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัยระหว่าง ปี พ.ศ.1891-1901



    [​IMG]


    [​IMG] 3. วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี

    ที่ตั้ง : 46 หมู่ 10 บ้านพงสว่าง ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี 34192

    ประวัติย่อ :หลวงพ่อชา สุภทโท เป็นผู้มีจิตฝึกใฝ่ในธรรมตั้งแต่เด็ก ศึกษาปริยัติธรรมและวิปัสสนาจากหลายสำนัก ท้ายสุดเดินทางจารึกไปพบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เกิดความศรัทธาเลื่อมใสและยึดถือแนวปฎิบัติหลวงพ่อชาได้ทดลองปฎิบัติภาวนาในสถานวิเวกต่าง ๆ รวมระยะเวลาการออกธุดงค์เป็นเวลา 8 ปี และในปี พ.ศ.2497 จึงได้ออกมาตั้งวัดหนองป่าพงขึ้น



    [​IMG]


    [​IMG] 4. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม

    ที่ตั้ง : ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เว็บไซต์ www.phrathatpanom.com

    ประวัติย่อ :พระธาตุพนมประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ตามตำนานกล่าวว่าสร้างมานานไม่น้อยกว่า 2,300 ปี ผู้ที่สร้าง คือ พระมหากัสปะ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ได้นำพระอุรังคธาตุหรือกระดูกหน้าอก ของสมเด็จพระสัมมนาพุทธเจ้ามาเพื่อบรรจุไว้ในพระธาตุ



    [​IMG]


    [​IMG] 5. วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

    ที่ตั้ง : วัดจันทาราม (ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 61000 เว็บไซต์
    ที่ตั้ง : วัดจันทาราม (ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 61000 เว็บไซต์ www.watthasung.com

    ประวัติย่อ : แรกเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ได้มาบูรณะวัดท่าซุงนับตั้งแต่ ปี พ.ศ 2511 ขณะนั้นวัดอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมมาก มีพื้นที่เพียง 6 ไร่เศษ (เดิมเคยมีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณริมแม่น้ำสะแกกรังถึง 370 ไร่) ต่อมาท่านได้ค่อย ๆ ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง มีเนื้อที่กว่า 289 ไร่ ทั้งยังได้ก่อสร้างอาคาร วิหาร และมณฑปต่าง ๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์ฝากไว้มากมาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • g1.jpg
      g1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.1 KB
      เปิดดู:
      3,904
    • g2.jpg
      g2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.4 KB
      เปิดดู:
      2,163
    • g3.jpg
      g3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.5 KB
      เปิดดู:
      2,187
    • g4.jpg
      g4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117 KB
      เปิดดู:
      2,115
    • g5.jpg
      g5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.9 KB
      เปิดดู:
      2,090
    • g6.jpg
      g6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.1 KB
      เปิดดู:
      2,705
    • g7.jpg
      g7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.3 KB
      เปิดดู:
      2,161
    • g8.jpg
      g8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.8 KB
      เปิดดู:
      2,035
    • g9.jpg
      g9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      137 KB
      เปิดดู:
      2,173
    • g10.jpg
      g10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.3 KB
      เปิดดู:
      2,025
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2010
  14. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันนี้ช่วงเช้า ผมได้มอบพระบรมสารีริกธาตุ พระวังหน้า ปัจจัย ให้กับคนขับรถใน Office เพื่อนำไปถวายวัดป่าในเขตอำเภออุ้มผาง จ.ตาก ชายแดนไทย-พม่า อีกฟากหนึ่ง จำนวน 2 ชุด

    โมทนาสาธุร่วมกันครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้พระ 9 วัด รับมงคลชีวิต (จบ)

    [​IMG]

    6. วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม

    ที่ตั้ง : ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

    ประวัติย่อ :สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่งสมณทูตมาเผยแผ่พระศาสนา นักปราชญ์ทางโบราณคดีเห็นพ้องกันว่า พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นสมณทูตและมาตั้งหลักฐานประกาศหลักธรรมคำสอนที่นครปฐมเป็นครั้งแรกในพุทธศตวรรษที่ 3 และได้สร้างพระเจดีย์ทรงบาตรคว่ำแบบเจดีย์สาญจิในประเทศอินเดียไว้




    [​IMG]


    [​IMG] 7. สวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    ที่ตั้ง : 68/1 ถนนเพชรเกษม หมู่ 6 ตำบลเสม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84110

    ประวัติย่อ :ท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นผู้ริเริ่ม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 เพื่อเป็นสถานที่แสวงหา ความสงบและศึกษาธรรม



    [​IMG]



    [​IMG] 8. วัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้) จังหวัดปัตตานี

    ที่ตั้ง : ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

    ประวัติย่อ :เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐานปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พ เดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่งช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งแล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทนแล้วให้ชื่อว่า "วัดช้างให้" แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า "ท่านลังกา" หรือ สมเด็จพะโคะมาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก




    [​IMG]


    [​IMG] 9. วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร

    ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600

    ประวัติย่อ :เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า "วัดมะกอก" ตามชื่อตำบลบางมะกอกซึ่งเป็นตำบลที่ตั้งวัด ต่อมาใน พ.ศ.2310 เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารค ถึงหน้าวัดมะกอกนอกแห่งนี้ในเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัดนี้ในยามรุ่งอรุณ




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 26 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 23 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, tawatd+, มูริญโญ่ </TD></TR></TBODY></TABLE>


    สวัสดีตอนมืดๆครับ


    [​IMG]
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • thai 1.JPG
      thai 1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137 KB
      เปิดดู:
      267
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนนั่งรถตู้เถื่อนกลับบ้านช่วงสงกรานต์เสี่ยง โชว์เฟอร์ไม่ชินทาง มักง่ายเสริมเบาะไร้ความปลอดภัย
    Quality of Life - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 เมษายน 2553 13:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=255 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=255>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “นักวิชาการ” เตือนเลือกนั่งรถตู้เถื่อนกลับบ้านช่วงสงกรานต์เสี่ยงสูง ชี้คนขับไม่ชินเส้นทาง มักง่ายเสริมเบาะเพิ่มผู้โดยสาร ในรถไร้อุปกรณ์ความปลอดภัย แนะผู้โดยสารหากเลี่ยงไม่ได้ต้องดูพฤติกรรมคนขับก่อนขึ้น วอนเจ้าหน้าที่เข้มมาตรการคุมเหล้า หวังลดอุบัติเหตุ

    ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก หัวหน้าหน่วยสืบสวนอุบัติเหตุ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ โดยการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐ อาทิ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่มีจำนวนรถและเที่ยวรถไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน จนทำให้มีรถตู้ รถโดยสารที่ไม่ได้รับอนุญาตมาฉวยโอกาสวิ่งให้บริการ ซึ่งรถตู้โดยสารมี 2 ประเภท คือรถตู้โดยสารที่วิ่งให้บริการบนเส้นทางหลัก คือรถตู้ที่วิ่งในระยะใกล้ๆ เช่น กรุงเทพฯ-อยุธยา, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี เมื่อวิ่งประจำก็จะเกิดความคุ้นเคยในเส้นทาง และ 2.รถตู้ที่ไม่ได้วิ่งให้บริการในเส้นทางประจำ หรือรถตู้ประเภทรับเหมา เมื่อเดินทางไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะเส้นทางที่คดเคี้ยวยิ่งอาจเกิดอันตรายมากขึ้น

    “จากการศึกษาเรื่องรถตู้เพื่อการเดินทาง ของหน่วยสืบสวนอุบัติเหตุ ร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า รถตู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และไม่ชินกับเส้นทาง จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากกว่ารถประจำทางของรัฐ เนื่องจากภายในรถตู้ไม่มีอุปกรณ์พร้อมใช้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ อาทิ ค้อนทุบกระจก อุปกรณ์ดับเพลิง ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตราย นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร เพราะมีการเสริมที่นั่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้บรรทุกผู้โดยสารได้มากขึ้น ซึ่งการเสริมที่นั่งจะไม่มีสายรัดนิรภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ถ้ารถเสียหลักจะทำให้ผู้โดยสารโยกไปตามแรงกระแทก ยิ่งถ้าเป็นรถตู้เพดานต่ำ จะทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะมากกว่ารถทั่วไป” ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ กล่าว

    ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ไม่สามารถเลี่ยงการใช้บริการรถตู้โดยสารที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ ผู้โดยสารต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมากขึ้น ก่อนขึ้นรถต้องสังเกตดูคนขับว่ามีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ และในขณะที่นั่งโดยสารไปจะต้องสังเกตคนขับ เช่น หลับในหรือไม่ ขับรถเร็วผิดปกติหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยควรนำของแข็งติดกระเป๋าไปด้วย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางของแข็งนั้นจะช่วยทุบกระจกรถและทำให้ออกจากรถตู้ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควรเพิ่มจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์และต้องมีการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่ามีการขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ตามข้างทางหรือใส่รถแล้วเร่ขายให้กับประชาชนที่เดินทาง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า จำนวน 8 โถ(กลาง) , พระสมเด็จ (กรมท่า) จำนวน 1,000 องค์(เพื่อไปถวายพระภิกษุในการมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญตามวัดต่างๆ) และโถแก้ว(เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ) ให้พี่เขย<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ท่านลูกน้อง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3179154", true); </SCRIPT> อัญเชิญไปให้กับ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ท่านลูกน้อง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3179154", true); </SCRIPT> เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ

    มาโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2010
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สงกรานต์

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->[​IMG]
    สงกรานต์ตามคตินิยมโบราณ นิยมสรงน้ำพระและผู้เฒ่าผู้แก่อันเป็นการแสดงความเคารพนับถือแสดงความกตัญญูและเพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข


    สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"
    สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี
    พิธีสงกรานต์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริมจนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ
    การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
    <TABLE class=toc id=toc><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

    [ซ่อน]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>[แก้] วันในเทศกาลสงกรานต์

    ปฏิทินไทยในขณะนี้กำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการ อย่างไรก็ตาม ประกาศสงกรานต์อย่างเป็นทางการจะคำนวณตามหลักเกณฑ์ในคัมภีร์สุริยยาตร์ ซึ่งแต่โบราณมา กำหนดให้วันแรกของเทศกาล เป็นวันที่พระอาทิตย์ย้ายออกจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เรียกว่า "วันมหาสงกรานต์"<SUP class="noprint Template-Fact">[ต้องการอ้างอิง]</SUP> วันถัดมาเรียกว่า "วันเนา" และวันสุดท้าย เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชและเริ่มใช้กาลโยคประจำปีใหม่ เรียกว่า "วันเถลิงศก" โดยมึสูตร หา หรคุณจูเลียน (JD) <SUP class="noprint Template-Fact">[ต้องการอ้างอิง]</SUP> วันมหาสงกรานต์ และ วันเถลิงศกดังนี้
    <DL><DD><DL><DD>JD วันมหาสงกรานต์ = ปัดลง[(292207* (พ.ศ.-1181) -559)/800] + 1954167 <DD>JD วันเถลิงศก= ปัดลง[(292207* (พ.ศ.-1181) +1173)/800] + 1954167 </DD></DL></DD></DL>จากหลักการข้างต้นนี้ ทำให้ปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์มักตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน<SUP class="noprint Template-Fact">[ต้องการอ้างอิง]</SUP> (ยกเว้นบางปี เช่น พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2555 ที่สงกรานต์กลับมาตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน) ซึ่งบางปีก็อาจจะตรงกับวันใดวันหนึ่ง
    [แก้] ตำนานนางสงกรานต์

    ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม<SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP> กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย
    ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน
    ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้
    ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกาพระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ
    จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้
    1. ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ
    2. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)
    3. ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)
    4. ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)
    5. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)
    6. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)
    7. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)
    สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า
    1. วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี
    2. วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา
    3. วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี
    4. วันพุธ ชื่อ นางมันทะ
    5. วันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ
    6. วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท
    7. วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี
    [แก้] กิจกรรมในวันสงกรานต์

    • การทำบุญตักบาตร ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้ตัวเอง และ อุทิศส่วนกุศลนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การทำบุญแบบนี้มักจะเตรียมไว้ล่วงหน้า นำอาหารไปตักบาตรถวายพระภิกษุที่ศาลาวัด ซึ่งจัดเป็นที่รวมสำหรับทำบุญ ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำบุญเสร็จแล้ว ก็จะมีการก่อพระทรายอันเป็นประเพณีด้วย
    [​IMG]
    การสรงน้ำพระ


    • การรดน้ำ เป็นการอวยพรปีใหม่ให้กันและกัน น้ำที่รดมักใช้น้ำหอมเจือด้วยน้ำธรรมดา
    • การสรงน้ำพระจะรดน้ำพระพุทธรูปที่บ้านและที่วัด และบางที่จัด สรงน้ำพระสงฆ์ ด้วย
    • บังสุกุลอัฐิ กระดูกญาติผู้ใหญ่ที่ตายแล้ว มักก่อเป็นเจดีย์ แล้วนิมนต์พระไปบังสุกุล
    • การรดน้ำผู้ใหญ่ คือการไปอวยพรให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ครูบาอาจารย์ ท่านผู้ใหญ่มักจะนั่งลงแล้วผู้ที่รดก็จะเอาน้ำหอมเจือกับน้ำรดที่มือท่าน ท่านจะให้ศีลให้พรผู้ที่ไปรด ถ้าเป็นพระก็จะนำผ้าสบงไปถวายให้ท่านผลัดเปลี่ยนด้วย หากเป็นฆราวาสก็จะหาผ้าถุง ผ้าขาวม้าไปให้
    • การดำหัว ก็คือการรดน้ำนั่นเอง แต่เป็นคำเมืองทางภาคเหนือ การดำหัวเรียกกันเฉพาะการรดน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้สูงอายุ คือการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว หรือ การขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ ของที่ใช้ในการดำหัวส่วนมากมีผ้าขนหนู มะพร้าว กล้วย และ ส้มป่อย
    • การปล่อยนกปล่อยปลา ถือเป็นการล้างบาปที่ทำไว้ เป็นการสะเดาะเคราะห์ร้ายให้มีแต่ความสุขความสบายในวันขึ้นปีใหม่
    • การนำทรายเข้าวัด ทางภาคเหนือนิยมขนทรายเข้าวัดเพื่อเป็นนิมิตโชคลาภ ให้มีความสุขความเจริญ เงินทองไหลมาเทมาดุจทรายที่ขนเข้าวัด
    [แก้] สงกรานต์ในแต่ละท้องที่

    [แก้] สงกรานต์ 4 ภาค

    • สงกรานต์ภาคเหนือ (สงกรานต์ล้านนา) หรือ"ประเพณีปี๋ใหม่เมือง" อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เริ่มตั้งแต่"วันสังขารล่อง"(13 เม.ย.) ที่มีการทำความสะอาดบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล "วันเนา"หรือ"วันเน่า"(14 เม.ย.) วันที่ห้ามใครด่าทอว่าร้ายเพราะจะทำให้โชคร้ายไปตลอดทั้งปี "วันพญาวัน"หรือ"วันเถลิงศก" (15 เม.ย.) วันนี้ชาวบ้านจะตื่นแต่เช้าทำบุญตักบาตรเข้าวัดฟังธรรม ก่อนจะไปรดน้ำดำหัวขอขมาญาติผู้ใหญ่ในช่วงบ่าย"วันปากปี"(16 เม.ย.) ชาวบ้านจะพากันไปรดน้ำเจ้าอาวาสตามวัดต่างๆเพื่อขอขมาคารวะ และ"วันปากเดือน"(17 เม.ย.) เป็นวันที่ชาวบ้านส่งเคราะห์ต่างๆออกไปจากตัวเพื่อปิดฉากประเพณีสงกรานต์ล้านนา
    • สงกรานต์ภาคอีสาน นิยมจัดกันอย่างเรียบง่าย แต่ว่ามากไปด้วยความอบอุ่น โดยคนอีสานจะเรียกประเพณีสงกรานต์ว่า "บุญเดือนห้า" หรือ"ตรุษสงกรานต์" บางพื้นที่จะเรียกว่า “เนา”และจะถือฤกษ์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เวลาบ่าย 3 โมง เป็นเวลาเริ่มงานโดยพระสงฆ์จะตีกลองโฮมเปิดศักราช จากนั้นญาติโยมจะจัดเตรียมน้ำอบหาบไปรวมกันที่ศาลาวัดเพื่อสรงน้ำพระพุทธรูป แล้วต่อด้วยการรดน้ำดำหัว ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติผู้ใหญ่ เพื่อขอขมาลาโทษจากนั้นก็จะเป็นการเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน
    • สงกรานต์ภาคใต้ ตามความเชื่อของประเพณีสงกรานต์แบบดั้งเดิมที่ภาคใต้แล้ว สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งการผลัดเปลี่ยนเทวดาผู้รักษาดวงชะตาบ้านเมือง พวกเขาจึงถือเอาวันแรกของสงกรานต์ (13 เม.ย.) เป็น"วันส่งเจ้าเมืองเก่า" โดยจะทำพิธีสะเดาะเคราะห์สิ่งไม่ดีออกไป ส่วน"วันว่าง"(14 เม.ย.) ชาวนครจะไปทำบุญตักบาตรที่วัด และสรงน้ำพระพุทธรูป และวันสุดท้ายเป็น"วันรับเจ้าเมืองใหม่"(15 เม.ย.) จะทำพิธีต้อนรับเทวดาองค์ใหม่ด้วยการแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามส่งท้ายสงกรานต์ประเพณีสงกรานต์
    • สงกรานต์ภาคกลาง เริ่มขึ้นในวันที่ 13 เมษายน เป็นวัน"มหาสงกรานต์" วันที่ 14 เป็น"วันกลาง"หรือ"วันเนา" วันที่ 15 เป็นวัน"วันเถลิงศก" ทั้ง 3 วันประชาชนจะประกอบพิธีทางศาสนา มีการทำบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ การสรงน้ำพระ การขนทรายเข้าวัดก่อพระเจดีย์ทราย
    [แก้] สงกรานต์ตามประเพณีที่แตกต่าง

    • สงกรานต์ผูกสายสิญจน์เชื่อมโยงพระธาตุสองแผ่นดิน หรือสงกรานต์นครพนม รื่นรมย์ บุญปีใหม่ไทย-ลาว ณ อ.เมือง และ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ในงานจะมีการฮดสรง หรือสรงน้ำพระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 7 แห่ง ที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย
    • สงกรานต์อุ้มสาวลงน้ำ หรือประเพณีสงกรานต์อุ้มสาวลงน้ำเกาะสีชัง และเกาะขามใหญ่ จ.ชลบุรี ภายในงานมีกิจกรรมเช่น พิธีทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ พิธีกองข้าวบวงสรวง รดน้ำดำหัว การก่อพระเจดีย์ทราย การละเล่นพื้นบ้าน แข่งขันเรือกระทะ เรือชักกะเย่อ มวยตับจาก ปาลูกดอก แข่งขันตะกร้อลอดบ่วง การแสดงดนตรี และประเพณีอุ้มสาวลงน้ำ
    • สงกรานต์นางดาน หรือเทศกาลมหาสงกรานต์เมืองนครศรีธรรมราช จัดขึ้น ณ สวนศรีธรรมาโศกราช สนามหน้าเมือง หอพระอิศวร สำหรับกิจกรรมภายในเทศกาลสงกรานต์เมืองนครนี้ จะมีมหกรรมขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง กิจกรรมนั่งรถชมเมือง เล่าเรื่องลิกอร์ นั่งสามล้มโบราณชมเมืองเก่า พิธีพุทธาภิเษกน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 6 แหล่ง จตุคามรุ่นสรงน้ำ 50 เป็นต้น
    [แก้] สงกรานต์แปลกแหวกแนว

    • สงกรานต์ปาร์ตี้โฟม มีพื้นที่ปาร์ตี้โฟมที่ปิดล้อมด้วยพลาสติกใส
    • สงกรานต์ล่องเรือสาดน้ำ เช่นที่ตลาดน้ำตลิ่งชัน นักท่องเที่ยวสามารถพบความสนุกสนานจากการนั่งเรือหางยาวสาดน้ำสงกรานต์กับชุมชนริมสองฟากฝั่งคลอง และยังได้ชมสวนกล้วยไม้ ทำบุญให้อาหารปลา หรือแวะซื้อขนมหวาน ผลไม้จากแพ และมีไกด์คอยบรรยายและอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
    • หาดใหญ่ มิดไนท์ สงกรานต์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีการจัดกิจกรรมสงกรานต์และการสาดน้ำในยามค่ำคืน ณ ถนนเสน่หานุสรณ์ และถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ตั้งแต่เวลา 18.00 – 23.00 น. โดยเทศกาลนี้ได้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547
    [แก้] สงกรานต์ในต่างประเทศ

    [แก้] พื้นที่เด่นในการจัดงานสงกรานต์ในประเทศไทย

    [แก้] ภาคเหนือ

    [แก้] ภาคอีสาน

    [แก้] ภาคกลาง

    [แก้] ภาคใต้

    แม่งานใหญ่ของงานเทศกาลตามพื้นที่เหล่านี้ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และทางจังหวัด
    [แก้] สังคมวิจารณ์

    [​IMG]
    ประเพณีสงกรานต์สมัยใหม่ ณ ถนนข้าวสาร


    วันสงกรานต์เสมือนกับวันครอบครัวที่สมาชิกกลับมารวมตัวกัน นอกจากนั้นยังมีการเล่นน้ำเพื่อความสนุกสนานและคลายร้อน อย่างไรก็ตามในการเล่นน้ำในหลายกรณีมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เช่น การสาดน้ำใส่ผู้ที่ไม่ต้องการเล่นสงกรานต์ การลวนลามสตรีโดยการปะแป้งถูกเนื้อต้องตัว ฯลฯ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้
    [แก้] คำทำนายเกี่ยวกับสงกรานต์

    ตามตำราพรหมชาติ ฉบับหลวง<SUP class=reference id=cite_ref-3>[4]</SUP> ได้ให้คำทำนายเกี่ยวกับวันสงกรานต์ไว้ดังนี้
    [แก้] วันมหาสงกรานต์

    • ถ้าปีใดวันมหาสงกรานต์เป็นวันอาทิตย์ ปีนั้นไร่นาเรือกสวน เผือกมัน มิสู้แพงแล
    • ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ จะแพ้เสนาบดี ท้าวพระยาและนางพระยาทั้งหลาย
    • ถ้าวันอังคารและวันเสาร์ เป็นวันมหาสงกรานต์ จะเกิดอันตรายกลางเมือง จะเกิดเพลิงและโจรผู้ร้าย และจะเจ็บไข้นักแล
    • ถ้าวันพุธ เป็นวันมหาสงกรานต์ ว่าท้าวพระยาจะได้เครื่องบรรณาการมาแต่ต่างเมือง แต่จะแพ้ลูกอ่อนนักแล
    • ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ จะแพ้ข้าไท พระสงฆ์ราชาคณะจะได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจกันแล
    • ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ ข้าวน้ำ ลูกหมากรากไม้ทั้งหลายจะอุดม แต่จะแพ้เด็ก ฝนและพายุชุม จะเจ็บตากันมากนักแล ฯ
    [แก้] วันเนา

    • ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันเนา ข้าวจะตายฝอย จะได้ยินเสียงคนต่างภาษา ท้าวพระยาจะร้อนใจนักแล
    • ถ้าวันจันทร์เป็นวันเนา เกลือจะแพง นางพระยาจะร้อนใจ มักจะเกิดความไข้ต่าง ๆ
    • ถ้าวันอังคารเป็นวันเนา หมากพลู ข้าวปลาจะแพง จะแพ้อำมาตย์มนตรีทั้งปวง
    • ถ้าวันพุธเป็นวันเนา ข้าวจะแพง คนทั้งหลายจะได้รับความทุกข์ร้อน แม่หม้ายจะพลัดที่อยู่
    • ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันเนา ลูกไม้จะแพง ตระกูลทั้งหลายจะร้อนใจนักแล
    • ถ้าวันศุกร์เป็นวันเนา ข้าวจะแพง แร้งกาจะตายห่า สัตว์ในป่าจะเกิดอันตราย
    • ถ้าวันเสาร์เป็นวันเนา ข้าวปลาจะแพง จะเกิดเพลิงกลางใจเมือง ขุนนางจะต้องโทษ ข้าวจะตายฝอย น้ำจะน้อยกว่าทุกปี สมณชีพราหมณ์จะร้อนใจนัก ผักปลาจะแพงแล ฯ
    [แก้] วันเถลิงศก

    • ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันเถลิงศก พระมหากษัตริย์จะรุ่งเรืองด้วยพระเดชานุภาพ จะมีชัยชนะแก่ศัตรูทั่วทิศาทั้งปวงแล
    • ถ้าวันจันทร์เป็นวันเถลิงศก พระราชเทวี และหมู่นางสนม ราชบริพาร จะประกอบไปด้วยสุขและสมบัติทั้งปวง
    • ถ้าวันอังคารเป็นวันเถลิงศก อำมาตย์มนตรีทั้งปวงจะอยู่เย็นเป็นสุข แม้จะต่อยุทธ์ด้วยปัจจามิตร ณ ที่ใด ๆ ก็จะมีชัยชนะทุกเมื่อแล
    • ถ้าวันพุธเป็นวันเถลิงศก ราชบัณฑิต ปุโรหิตโหราจารย์ จะมีสุขสำราญเป็นอันมาก
    • ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันเถลิงศก สมณะพราหมณาจารย์จะปฏิบัติชอบด้วยธรรมวินัยอันประเสริฐแล
    • ถ้าวันศุกร์เป็นวันเถลิงศก พ่อค้าพานิชทั้งหลาย อันไปค้าขายในประเทศต่าง ๆ จะประกอบไปด้วยพัสดุเงินทอง และมีความสุขเป็นอันมากแล
    • ถ้าวันเสาร์เป็นวันเถลิงศก หมู่ทแกล้วทหารทั้งปวง จะประกอบไปด้วยความสุข และวิชาการต่าง ๆ แม้จะกระทำยุทธ์ด้วยข้าศึก ณ ทิศใด ๆ ก็จะมีชัยชนะทุกเมื่อแล ฯ
    [แก้] คำขวัญวันสงกรานต์

    [แก้] อ้างอิง

    1. <LI id=cite_note-0>^ อุระคินทร์ วิริยะบูรณะ และคณะ, พรหมชาติ ฉบับหลวง, กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส. ธรรมภักดี, ม.ป.ป., หน้า 512-513 <LI id=cite_note-1>^ ประชาชนชนชาติไตของสิบสองปันนาของมณฑลหยูนหนานฉลองเทศกาลสาดน้ำ <LI id=cite_note-2>^ เขตสิบสองปันนาจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่ของชนชาติไต <LI id=cite_note-3>^ เรื่องเดียวกัน, หน้า 514
    2. ^
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าทุกๆท่าน

    ตามที่ผมได้ส่งเรื่องของการโหวตวันประชุมชมรมไปให้ทุกๆท่านทางEmail แล้วนั้น ผมรบกวนขอให้ท่านสมาชิกได้ช่วยโหวตวันประชุมให้ด้วย ในการโหวตล่าสุดมีเพียง 6 ท่านที่โหวตเข้ามาแล้ว

    เรื่องของการโหวต ขอให้แจ้งผลการโหวตมาให้ผมทาง Email ด้วยครับ

    สิ้นสุดการโหวตก่อนวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2553นี้ครับ

    ขอบคุณครับ

    .

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...