พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ขอบคุณมากครับสำหรับการจัดงานที่ดีพร้อมซึ่งผมคาดว่าคงจะเหนื่อยมากและขอบคุณการเสียสละแรงกายแรงใจรวมทั้งของคุณหนุ่มและทุกท่านด้วยครับ

    ขอบคุณที่มอบพระบรมสารีริกธาตุให้ครับผมอยากได้มานานมากจริงๆสำหรับสิ่งที่มอบให้ขอขอบพระคุณจริงๆครับ

    สุดท้ายขอขอบคุณความมีน้ำใจของพื่ๆน้องๆในชมรม ซึ่งเรามาเจอกันด้วยน้ำใจบริสุทธิ์ ขอบคุณครับ

    ส่วนที่จะลืมไม่ได้ ขอบคุณมากครับคุณ แหน่ง ที่มีน้ำใจมากจริงๆผมหวังว่า
    ประชุมคราวหน้าคงมีโอกาสชดเชยคืนบ้างนะครับ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมได้ไปหาพี่ใหญ่ ได้ไปมอบล็อกเก็ต(พิมพ์พิเศษ) ให้กับพี่ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

    อีกเรื่องก็คือ ผมว่าจะบูชา พระบูชา องค์พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9" มอบให้กับพี่ใหญ่ หากท่านใดสนใจที่จะร่วมมอบพระบูชา องค์พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9" ร่วมกับผม ขอให้ท่านแจ้งความจำนงที่จะมอบเงินให้ผมเพื่อจะบูชาพระบูชา องค์พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9"

    ขอให้ท่านแจ้งความจำนงและโอนเงินภายในวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2553 นี้ด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    www.yokeedam.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2010
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้า

    ผมจะส่ง Email ให้ทุกๆท่านช่วยเลือกวันในการประชุม สำหรับเดือนหน้านี้ เราจะประชุมกัน 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง เป็นการประชุมในเดือน พฤษภาคม , กรกฎาคม , กันยายน และจะจัดงานใหญ่กันอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน

    วันพรุ่งนี้ผมจะส่งการเลือกวันให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าให้ทุกๆท่านได้ทราบกัน และกรุณาช่วยตอบกลับมาด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ


    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานสอนใจ : "นางกัจจานี" ผู้ไม่ละทิ้งธรรมของผู้ใหญ่
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 เมษายน 2553 12:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ข้าพเจ้ามั่นใจว่า ธรรมสูญเสียแล้ว ส่วนที่ท่านกล่าวว่า ธรรมยังมีอยู่ ยังไม่สูญนั้น ข้าพเจ้ายังสงสัย ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่า เดี๋ยวนี้คนบาปมีชีวิตอยู่เป็นสุข"

    ข้อความนี้ ออกจากปากและออกจากใจของหญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งนั่งหุงข้าวในป่าช้าเพื่อเตรียมอุทิศให้แก่ธรรม ซึ่งเธอเข้าใจว่าตายเสียแล้ว โดยประสบการณ์ของนางเอง

    เรื่องเป็นมาอย่างไร ? เรื่องโดยย่อมีว่าอุบาสกหนุ่มคนหนึ่ง เลี้ยงมารดาอยู่ในเมืองสาวัตถี ประเทศอินเดียสมัยพุทธกาล เขาเคารพมารดาเหมือนเทพเจ้า จัดแจงน้ำล้างหน้า น้ำบ้วนปาก ไม้สีฟัน น้ำอาบ น้ำล้างเท้า น้ำมันสำหรับนวดเท้า (กันเท้าแตก) ข้าวต้ม ข้าวสวย พร้อมบริบูรณ์

    มารดาก็รักเขาประดุจแก้วตา ยาใจ มีความสุข เมื่อได้มองลูก ได้อยู่กับลูก วันหนึ่งนางพูดกับลูกว่า

    "ลูกรัก เจ้าทำงานเหน็ดเหนื่อยทั้งในบ้าน นอกบ้าน แม่คิดว่า น่าจะมีใครสักคนหนึ่ง มาช่วยทำงานในบ้าน บำรุงเลี้ยงแม่แทนลูก ลูกเองจะได้ทำงานนอกบ้านโดยไม่ต้องกังวล ลูกจะทำงานเพื่อความเจริญมั่นคงของตระกูลเพิ่มขึ้นได้อีกไม่น้อย"

    ชายหนุ่มมองดูแม่อย่างเข้าใจ แต่แย้งว่า

    "แม่ ลูกทำให้แม่ด้วยความเต็มใจ มีความสุขใจที่ได้ทำ ลูกหวังประโยชน์สุขสำหรับตน และบุญกุศลอันเกิดจากการบำรุงเลี้ยงมารดาอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ลูกอยากทำ แม่อย่าได้กังวลเรื่องนี้เลย อนึ่งเล่า ลูกไม่ต้องการครองเรือน เมื่อแม่หาชีวิตไม่แล้วลูกจะบวช"

    มารดาอ้อนวอนเรื่องนี้บ่อย ๆ แต่ไม่สำเร็จ ชายหนุ่มคงยืนยันเหมือนเดิม นางจึงทำไปโดยพลการ คือไปนำหญิงคนหนึ่งซึ่งมีตระกูลเสมอกันมาเป็นสะใภ้ ชายหนุ่มไม่ได้คัดค้าน เพราะความเกรงใจมารดา

    หญิงสะใภ้ เห็นสามีเคารพนบนอบบำรุงเลี้ยงมารดาด้ว
    ยอุตสาหะอย่างยิ่ง ก็ทำเช่นนั้นบ้าง อย่างสม่ำเสมอ จนสามีรักใคร่เห็นใจ เมื่อได้ของกินที่อร่อยมา ได้เสื้อผ้าที่ดีมา ก็มอบให้ภรรยาทั้งสิ้น ด้วยหวังว่าภรรยาจะให้ของนั้น ๆ แก่มารดาเอง

    นานวัน หญิงที่เป็นภรรยาเข้าใจผิดคิดว่า สามีรักตนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้รักแม่เลย เขาจึงต้องการขับไล่มารดา นางจึงเริ่มวางแผนที่จะไล่แม่ผัวออกจากบ้าน

    "พี่ เมื่อพี่ไม่อยู่ วันนี้แม่เขาด่าฉัน" นางฟ้องสามี

    แต่อุบาสกผู้หนักแน่น เคารพมารดาและรู้จักมารดาของตนดี นิ่งเสีย ทำให้นางผิดหวังมาก

    หลังจากวันนั้น นางก็ทำอุบายอื่น ๆ เพื่อใส่โทษผิดแก่แม่ผัว เช่น ให้ข้าวต้มที่ร้อนเกินไป เมื่อแม่ผัวบอกว่าร้อนเกินไป นางก็เติมน้ำเย็นลงไปเกินประมาณ จนเย็นเกินไป แม่ผัวก็บ่นว่าเย็นเกินไป แล้วนางก็โกรธว่า ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ถูกใจ เรื่องอาบน้ำก็เช่นกัน เรื่องความเค็ม ความจืดของอาหารก็เหมือนกัน นางทำให้เอียงสุดไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อหาเรื่องแม่ผัว ออกจากบ้านเที่ยวพูดให้เพื่อนบ้านฟังว่า แม่ผัวของตัวเอาใจยากแสนยาก

    วันหนึ่งแม่ผัวบอกว่า "ที่เตียงของแม่มีเรือดชุกชุม" นางก็ทำทีไปรื้อเตียงเคาะเตียง แต่เป็นเตียงของนางเอง แล้วบอกว่าทำเรียบร้อยแล้ว คืนนั้นแม่ผัวผู้เป็นอุบาสิกาต้องนั่งตลอดทั้งคืน ไม่อาจนอนได้ พอนอนบนเตียงก็ถูกเรือดกัด วันรุ่งขึ้นนางบอกกับลูกสะใภ้ แต่ลูกสะใภ้เถียงว่า เมื่อวานก็ทำให้เรียบร้อยแล้ว นางก็นิ่งเสีย

    แผนสุดท้าย ของลูกสะใภ้ ในวันหนึ่ง คือแกล้งบ้วนน้ำลาย สั่งน้ำมูก ให้เลอะเทอะทั่วบ้าน เมื่อสามีกลับมา ถามว่า

    "ทำไม น้ำลาย น้ำมูก จึงเลอะบ้านอย่างนี้"

    "ก็แม่ของพี่นะซิ ทำไว้ ห้ามอย่างไรก็ไม่เชื่อ"

    ชายหนุ่ม มองอย่างสงสัย

    "พี่เลือกเอาก็แล้วกัน จะให้แม่อยู่บ้านนี้หรือจะให้ฉันอยู่ ถ้าแม่อยู่ ฉันไม่อยู่ ถ้าจะให้ฉันอยู่ แม่ต้องไม่อยู่"

    นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า "เธอยังสาว ยังสวย จะไปอยู่ที่ไหน หรือหาสามีใหม่ก็คงได้ แต่แม่ของฉันแก่แล้ว จะไปไหนได้ เพราะฉะนั้น เธอนั่นแหละควรจะไป"

    เมื่อได้ฟังสามีพูดจริงเช่นนั้น นางลูกสะใภ้ก็เกิดความกลัวขึ้น คิดว่าสามีรักแม่เขามาก ถ้าเราไปเราต้องเป็นหม้าย คงได้รับความทุกข์อื่น ๆ อีกหลายอย่าง

    ตั้งแต่วันนั้นมา นางก็เลิกกลั่นแกล้งแม่ผัว ปฏิบัติตัวเป็นลูกสะใภ้ที่ดีอย่างเดิม ครอบครัวก็อยู่กันเป็นสุขตลอดมา

    วันหนึ่ง ชายหนุ่มผู้เป็นอุบาสก ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวัน พระศาสดาตรัสถามว่า ไม่ประมาทในบุญอยู่หรือ ยังบำรุงเลี้ยงมารดาอยู่หรือ เขากราบทูลว่า ยังทำอยู่ และได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทรงทราบ

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "เดี๋ยวนี้เธอไม่เชื่อคำของภรรยา แต่ในชาติหนึ่งในอดีตเธอเคยเชื่อ เคยไล่มารดาออกจากบ้าน แต่ได้อาศัยเรา จึงได้นำมารดากลับมาสู่เรือนบำรุงเลี้ยงอย่างเดิม"

    ตรัสเล่าเรื่องในอดีต ตอนต้น ๆ ก็เหมือนเรื่องในปัจจุบัน แต่พอภรรยายื่นคำขาดว่าให้เลือกเอาระหว่างแม่กับนาง สามีได้เลือกภรรยา แต่ไล่มารดาของตนออกจากเรือน

    หญิงชราออกจากบ้านลูกชายไปแล้ว ไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อนแห่งหนึ่ง ทำงานรับจ้างเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบาก ฝ่ายหญิงสะใภ้เมื่อแม่ผัวออกจากบ้านไปแล้วก็ตั้งครรภ์ นางได้พูดกับสามีและเพื่อนบ้านว่า แม่ผัวเป็นกาลกรรณี เพราะเมื่ออยู่ นางไม่ได้ตั้งครรภ์ พอแม่ผัวออกจากบ้านไป นางก็ตั้งครรภ์ ต่อมานางได้คลอดบุตรก็ได้เที่ยวพูดเช่นนั้นเหมือนกัน

    ฝ่ายหญิงชราผู้น่าสงสาร ได้ทราบข่าวเช่นนั้นรู้สึกสังเวชสลดใจคิดว่า "ธรรมคงได้ตายไปจากโลกนี้เสียแล้ว ไม่เช่นนั้นหญิงผู้โหดร้ายอย่างลูกสะใภ้ของเรา จะมีบุตรและมีความสุขในการครองเรือนได้อย่างไร"

    วันหนึ่ง นางได้ถืองา แป้ง ข้าวสาร ทัพพี และถาด เข้าไปในป่าช้า เอาศีรษะมนุษย์ที่ตายแล้ว 3 ศีรษะมาทำเตาไฟ ก่อไฟแล้ว ลงน้ำ สระผม บ้วนปาก สยายผม มาที่เตาไฟ เริ่มซาวข้าว เพื่อถวายมตกภัตต์ (อาหารเพื่อผู้ตาย) แก่ธรรม

    ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเรา เสวยพระชาติเป็นเทพ ทรงทราบว่า หญิงชรากำลังมีทุกข์ ต้องการช่วยเหลือด้วยความกรุณา จึงแปลงเพศเป็นพราหมณ์ ผู้เดินทางไกลเดินเข้าไปในป่าช้า ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถามนางว่า

    "กัจจานี ท่านสระผมนุ่งผ้าห่มผ้าขาว ยกภาชนะขึ้น สู่เตาอันทำด้วยกะโหลกศีรษะมนุษย์ ยีแป้ง ล้างงา ซาวข้าวสาร จะทำข้าวสุกคลุกงาเพื่ออะไรกัน"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ข้าวสุกคลุกงานี้ เราไม่ทำเพื่อกินเอง แต่เพื่ออุทิศให้ธรรม ธรรม คือ ความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ธรรม คือ สุจริต 3 (กาย วาจา ใจ) ได้สูญหายไปจากโลกนี้เสียแล้ว"

    เทพผู้แปลงกายเป็นพราหมณ์ยืนยันว่า ธรรมไม่ตาย ไม่หายสาบสูญไปไหน ธรรมยังมีอยู่ ธรรมนั้นอานุภาพหาที่เปรียบไม่ได้ ธรรมไม่เคยตายและจะไม่ตาย

    นางกัจจานี ตอบว่า "ที่ว่าธรรมสูญเสียแล้วนั้น ข้าพเจ้านึกมั่นใจเอาเอง ข้อที่ท่านว่า ธรรมยังไม่สูญนั้น ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่ เพราะเดี๋ยวนี้คนใจบาป มีชีวิตอย่างเป็นสุขได้ ดูแต่หญิงสะใภ้ของข้าพเจ้าเถิด นางไม่มีบุตร แต่พอทุบตี ไล่ข้าพเจ้าออกจากบ้านได้ กลับมีบุตรและมีความสุขเป็นใหญ่ในตระกูล บัดนี้ข้าพเจ้าถูกทอดทิ้งไม่มีที่พึ่ง ต้องอยู่คนเดียว"

    เทพกล่าวว่า "หญิงสะใภ้คนใด ทำเช่นนั้นแก่ท่าน ข้าพเจ้าจะทำให้หญิงนั้นพร้อมทั้งบุตรของนางเป็นขี้เถ้าทีเดียว"

    "ท่านผู้กรุณา" นางกัจจานีกล่าว "ข้าพเจ้าไม่ประสงค์ให้ท่านไปเบียดเบียนเขาหรอก เพียงแต่ถ้าข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปอยู่ร่วมกับลูกชาย ลูกสะใภ้และหลาน ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว"

    พราหมณ์ (คือเทพผู้แปลงกายมา) กล่าวว่า "ถ้าท่านพอใจเช่นนั้นก็ตามใจเถิด ท่านถูกทุบตี ถูกขับไล่เช่นนี้แล้ว ก็ยังไม่ละทิ้งธรรมของผู้ใหญ่ คือเมตตากรุณา ขอให้ท่านพร้อมด้วยบุตรหลานจงอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขเถิด"

    ด้วยอานุภาพของเทพ ดลใจให้ลูกและลูกสะใภ้ของนางกัจจานีระลึกถึงนาง เที่ยวเสาะแสวงหา ไปเจอนางที่ป่าช้า ร้องไห้คร่ำครวญขอโทษที่ประพฤติผิดต่อแม่ ให้แม่ยกโทษให้ และพาไปเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนเดิม

    พระศาสดาตรัสว่า เทพในครั้งนั้น คือพระองค์เอง ส่วนลูก ลูกสะใภ้ และแม่ในครั้งนั้น ก็คือแม่ลูกในบัดนี้ ทรงเป็นที่พึ่งของครอบครัวนี้ ทั้งในบัดนั้นและบัดนี้

    ในชีวิตจริงของคนเราแม้ในปัจจุบัน ก็มีเรื่องทำนองนี้อยู่ไม่ใช่น้อย ลูกสะใภ้ก็ไม่ดี สามีเชื่อภรรยาที่ใส่ร้ายแม่ตัว เพราะไม่อยากเลี้ยง หรือริษยาแม่ที่สามีรัก อยากให้ทุ่มเทความรักมาให้ตัวคนเดียว แต่พอมีลูกขึ้นเองบ้าง ตัวรักลูกอย่างไร ก็อาจทำให้หวนระลึกถึงพ่อแม่ว่า คงรักตัวเช่นนั้นเหมือนกัน จึงเคารพพ่อแม่ซาบซึ้งในน้ำใจของพ่อแม่ อนึ่งเกรงไปว่า เมื่อตนปฏิบัติต่อพ่อแม่ไปดีเช่นนั้น ต่อไปภายหน้า ถ้าลูกของตัว ทำกับตนเช่นนั้นบ้าง จะระทมสักเพียงใด เรื่องแบบนี้มักเป็นกำกงกำเกวียนอยู่ด้วย

    ในชีวิตของคนเรานั้น มีบ่อยไปที่คนซึ่งเราหวังว่า จะพึ่งได้ กลับไม่ได้พึ่ง คนที่หวังว่าจะนำความชื่นชมโสมนัสมาให้ กลับนำแต่ความทุกข์โทมนัสมาให้ คนที่เราหวังมาก รักมาก ทุ่มเทให้เราแต่ความผิดหวัง ซ้ำซอก แต่ในทางกลับกัน คนที่เราไม่เคยหวังว่าจะได้พึ่ง กลับให้ที่พึ่ง เราไม่เคยหวังว่าจะได้รับความชื่นใจจากเขา เขากลับนำแต่ความชื่นใจมาให้

    มีบ่อยไป ที่เราดูคนผิด แล้วเราต้องเสียใจไปนาน เราคบคนผิด บางทีทำให้เราก้าวพลาด กว่าจะก้าวกลับคืนต้องใช้เวลานานแสนนาน ตรงกับสุภาษิตภาษาอังกฤษที่ว่า A stitch in time saves mines แปลว่า สิ่งที่ส่องแสงแวววาว ไม่ใช่ทองเสมอไป (All that glitters is not gold) สิ่งที่ปรากฏให้เห็นมักหลอกลวงเราได้เสมอ (Appearances are often deceptive)

    ทางที่ดีก็คือ อย่าประมาท อย่ามั่นใจอะไรนัก จิตใจของคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แม้ใจของเราเองก็ไม่ได้ต่างไปจากใจของคนอื่น คนที่เคยรักเคารพนับถือเรามาก ๆ เขาอาจโกรธ เกลียดเรา เลิกเคารพ นับถือเราเมื่อไรก็ได้

    ประวัติศาสตร์โลก และข่าวต่าง ๆ ของโลก ที่แพร่ออกมาทางวิทยุหรือโทรทัศน์ทุกวันนั้น มีไว้เพื่อความสังเวชสลดใจ เพื่อปลงนั่นเอง

    เห็นคนจนแล้ว ก็หมดความอยากที่จะรวย เห็นคนแก่แล้ว ก็สูญสิ้นความภูมิใจในความเป็นหนุ่มสาวเพราะถึงอย่างไร เราก็ต้องแก่อย่างนั้นแน่นอนถ้ามีชีพยืนยาวไป

    เห็นคนแย่งชิงผลประโยชน์กัน ทำลายล้างกันด้วยวิธีต่าง ๆ แล้ว ไม่อยากเข้าไปแตะต้องสังคมใด ๆ เลย

    สำหรับใครที่ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ คงรู้ดีว่า การทำอะไรลงไปย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน เพราะชีวิตเป็นวัฎจักร กำกงกำเกวียนของชีวิตตามผลบุญและผลบาปที่ได้ก่อขึ้น และนอกจากนั้นความกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดเป็นเรื่องที่ลูก ๆ ทุกคนสมควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง กลับไปทดแทนพระคุณที่ท่านได้เลี้ยงดูเราให้เติบใหญ่ และแน่นอนว่าไม่มีใครดีไปกว่าพ่อแม่ของเราเป็นแน่แท้

    ขอบคุณนิทานดี ๆ จากหนังสือเพื่อเยาวชน ของสำนักพิมพ์คนรู้ใจค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"คนบ้านเดียวกัน" อยู่อย่างไร ให้เหนียวแน่นหนึบ
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 เมษายน 2553 19:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เดือนเมษายนของทุกปี ถือได้ว่าเป็นเดือนแห่งความสุขของคนไทย เพราะมีเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของคนไทย เป็นเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน และความอบอุ่น เพราะสมาชิกในครอบครัวได้กลับมาพบกันพร้อมหน้า อยู่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหาย นอกจากนี้ทางการยังได้กำหนดให้เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัว

    ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกบ้านระลึกถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว "นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย" จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ มีเคล็ดยืดอายุรัก (คนในบ้าน) ให้เหนียวแน่นหนึบมาฝากกัน

    กับสภาพสังคม ณ ปัจจุบันนี้ "นพ.ไกรสิทธิ์" สะท้อน และเล่าว่า สถาบันครอบครัวไทยอ่อนแอลงมาก สมาชิกในครอบครัวมีความสุขน้อยลง ผู้สูงอายุเปลี่ยวเหงา ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เด็กและเยาวชนซึ่งจะต้องเป็นอนาคตของสังคม ก็ขาดความอบอุ่น ถูกชักจูงไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นสมาชิกของสังคมที่ขาดคุณภาพ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการเอาใจใส่แก้ไขแล้ว อนาคตของชาติก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

    เพราะฉะนั้น สังคมจะดีได้ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในสังคมนั้น ๆ คุณภาพของคนจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพครอบครัวซึ่งเป็นฐาน มีครอบครัวจำนวนมากที่มีทรัพย์สินเงินทอง มีฐานะ สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่บรรยากาศครอบครัวไม่ดี สมาชิกในครอบครัวไม่สนใจกัน ไม่มีเวลาให้กัน ไม่เข้าใจกัน ใช้อารมณ์ ใช้ความรุนแรงต่อกัน ก็ไม่สามารถที่จะเป็นครอบครัวที่มีความสุขได้

    ขณะที่ครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย มีโรคมีความเจ็บป่วยอยู่บ้าง แต่คนในครอบครัวเข้าใจกัน เอาใจใส่กัน มีเวลาให้กัน สนใจความรู้สึกของกันและกัน ย่อมเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากกว่า คนเราทุกคนเป็นสภาพแวดล้อมของกันและกัน ถ้าเราปรารถนาจะมีความสุข ก็เป็นหน้าที่ของคนทุกคนในครอบครัว แต่ภาระหน้าที่หลัก มักจะอยู่กับผู้นำครอบครัว นั่นก็คือคุณพ่อหรือคุณแม่ ซึ่งจะเป็นตัวหลักในการจัดการกับบรรยากาศของบ้านของครอบครัว และสุขภาวะของเด็กหรือผู้สูงอายุ

    ตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่เป็นตัวตัดสินว่า คนในครอบครัวจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นเรื่องของความรู้สึก ความอบอุ่นใจ เป็นเรื่องของสุขภาพจิตมากกว่าสุขภาพกาย หรือเรื่องของวัตถุ ดังนั้น ถ้าเราต้องการที่จะมีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวต้องร่วมกันสร้าง และกระทำไปในทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่การมีเป้าหมายร่วมกัน การมีเวลาให้กัน มีกิจกรรมร่วมกันและมีการสื่อสารที่มีคุณภาพระหว่างกัน

    ตั้งเป้าหมาย "ความสุข" มากกว่าดิ้นรนหาวัตถุ

    สำหรับในเรื่องการมีเป้าหมายของครอบครัว คุณหมอแนะว่า น่าจะเป็นไปในทิศทางที่มุ่งสู่ความสุขทางใจของสมาชิกทุกคนมากกว่าความสุขที่ได้จากวัตถุ เพราะความต้องการทางวัตถุเพื่อตอบสนองความสุขทางกาย เป็นความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้การดิ้นรนไขว่คว้าหาวัตถุก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้แต่ละคนในครอบครัวไม่มีเวลาให้กัน ดังนั้นการลดความต้องการทางวัตถุ การใช้ชีวิตเรียบง่ายขึ้นก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้คนในครอบครัวมีเวลาให้กันมากขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากความปรารถนา ความสุขทางใจแก่กัน และการมีเวลาให้กันแล้ว สมาชิกในครอบครัวยังต้องรู้วิธีที่จะปฏิบัติต่อกันได้อย่างถูกต้องเหมาะสมจึงจะเกิดผลตามที่ตั้งใจไว้ เพราะถ้าหากไม่รู้วิธีก็อาจจะกลายเป็นการสร้างปัญหา ทำให้สถานการณ์แย่ลง ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ทุกคนย่อมรักและปรารถนาดีกับลูก แต่บางคนใช้วิธีเลี้ยงที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตามใจมากเกินไป หรือเข้มงวดกดดันมากเกินไป ก็สามารถทำให้ครอบครัวไม่มีความสุขได้ ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่มีความตั้งใจดี และให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่แล้ว

    ดังนั้น การจะสร้างให้คนในครอบครัวมีสุขภาพจิตดีได้ ทุกคนจำเป็นต้องมีเวลาให้กันเพื่อที่จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน เพื่อจะได้มีการสื่อสารให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันและกัน ถ้ามีครอบครัวแล้วไม่มีเวลาให้กัน ให้มีกิจกรรมร่วมกันคงจะหวังความสัมพันธ์ที่ดี ที่แข็งแรงได้ยาก

    บ้านฉัน...แคร์กันไว้ดีที่สุด

    อย่างไรก็ดี "การสื่อสาร" เป็นเรื่องสำคัญที่เรามักจะละเลย ลืมไปที่จะให้ความสำคัญ มีครอบครัวจำนวนมากที่แคร์ความรู้สึกคนนอกบ้านมากกว่าความรู้สึกคนในบ้าน ซึ่งอาจจะเกิดจากความรู้สึกว่าคนในครอบครัวเป็นคนกันเองมาก ใกล้ชิดกันมาก จนไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของกันและกัน ลืมที่จะชื่นชมเมื่อใครคนหนึ่งทำอะไรสำเร็จ ลืมขอบคุณ เมื่อคนในบ้านทำอะไรให้ ลืมขอโทษเมื่อตนเองทำอะไรผิดพลาดไม่ถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าหากเกิดขึ้นสะสมเป็นระยะเวลายาวนานเป็นปี ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดความเย็นชา เกิดช่องว่างระหว่างกัน ความรู้สึกดี ๆ ต่อกันในครอบครัวก็จืดจางไปได้

    นอกจากนี้ยังมีพ่อแม่จำนวนมากที่รักลูก ปรารถนาดีต่อลูก แต่ใช้วิธีสื่อสารเชิงลบ เด็กจะรู้สึกไม่อยากเข้าหา เพราะเข้าหาก็จะรู้สึกว่าวันนี้ฉันจะถูกตำหนิเรื่องอะไรอีก เข้าใกล้แล้วรู้สึกว่าเจ็บ เสียความรู้สึกทุกที ตัวฉันไม่มีอะไรน่าภูมิใจเลย บ้านไม่น่าอยู่ ออกไปแล้วหา ความภูมิใจจากนอกบ้านดีกว่า ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่พ่อแม่ว่ากล่าวตักเตือนเป็นความหวังดี เจตนาดีแท้ ๆ ดังนั้นวิธีสื่อสารที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญ

    เพราะฉะนั้น การทำให้ครอบครัวอบอุ่น บรรยากาศบ้านน่าอยู่ สิ่งที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นในจิตใจของสมาชิกแต่ละคนก็คือ ให้รู้สึกว่ามีฉันอยู่ในบ้านนี้ ฉันมีค่า ในบ้านนี้มีคนสนใจความรู้สึกของฉัน เป็นห่วงเป็นใยฉัน เข้าใจฉัน พูดกันรู้เรื่อง รู้สึกปลอดภัย ถ้าหากมีปัญหามีคนสนใจที่จะรับฟังปัญหาของฉัน สามารถจะขอความช่วยเหลือ พึ่งพิง ขอคำปรึกษาได้

    สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่คนในครอบครัวพูดจาสื่อสาร และปฏิบัติต่อกัน ให้เกียรติกัน เป็นการสื่อสารทางอ้อม ไม่ใช่เป็นการเอาแต่พูด แต่ไม่ได้ปฏิบัติ เพราะคนเราพิจารณาความจริงใจผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด

    ปัจจุบันนี้ สังคมไทยต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจสังคม ยาเสพติด การใช้ความรุนแรงต่อกัน การที่จะฝ่าฟันเอาชนะปัญหาทั้งหลายทั้งปวงได้ ต้องอาศัยชุมชน และสังคมที่เข้มแข็ง ต้องอาศัยสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง ครอบครัวดีไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ หรือตามยถากรรม แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่แน่วแน่ เกิดจากความรู้ ความเข้าใจ การเอาใจใส่กัน ความอดทนและการเสียสละของสมาชิกทุกคน

    สำหรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จึงอยากเชิญชวนคนไทยทุกครอบครัว นอกจากใช้เวลาสนุกสนานรื่นเริงแล้ว อยากให้ใช้เวลาทบทวนตนเอง และช่วยกันทำให้บรรยากาศในครอบครัวอบอุ่นน่าอยู่ โดยปรับปรุงวิธีสื่อสาร ระหว่างคนในครอบครัวให้มีคุณภาพ สร้างสรรค์และเกิดความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกันตลอดไป และทุกๆ ปี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้ดำเนินการส่งข้อมูลให้เรียบร้อยแล้วครับ

    ช่วยตอบกลับมาที่ผม ก่อนวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2553 นี้ด้วยครับ

    ขอบคุณครับ

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในวันงานสรงน้ำฯ คณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้มอบพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ (ไม่ทราบพระนาม) ,พระบูชาพระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก9" จำนวน 2 องค์ ให้กับพี่เปี๊ยก เพื่อให้พี่เปี๊ยกเป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ไปถวายตามวัดต่างๆ รายละเอียดของการถวาย ผมจะมาแจ้งให้คณะกองทุนหาพระถวายวัดและทุกๆท่านทราบอีกครั้งครับ

    และคณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้มอบพระบูชาพระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก9" จำนวน 1 องค์ เพื่อถวายที่วัดห้วยมงคล โดยมอบให้พี่แอ๊ว เป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ไปถวายที่วัดครับ รายละเอียดของการถวาย ผมจะมาแจ้งให้คณะกองทุนหาพระถวายวัดและทุกๆท่านทราบอีกครั้งครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด ,ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และท่านสมาชิกคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

    เรื่อง รูปหล่อลอยองค์ "พยามัจจุราชเจ้า"

    นับตั้งแต่วัน(จันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2553)นี้ ผมเปิดให้จอง รูปหล่อลอยองค์ "พยามัจจุราชเจ้า" องค์ละ 200 บาท ผมมีอยู่จำนวน 20 องค์ เพื่อที่จะนำเงินที่ท่านจองบูชา ไปร่วมทำบุญในกองทุนหาพระถวายวัด ทุกบาททุกสตางค์โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สิ้นสุดการจองในวันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2553 เวลา 18.00 น.

    หมายเหตุ รูปหล่อลอยองค์ "พยามัจจุราชเจ้า" เป็นเนื้อทองเหลือง และสร้างใหม่ โดยผมไปหาเช่ามาองค์ละ 30 บาท
    หมายเหตุ 1 ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรูปหล่อลอยองค์ "พยามัจจุราชเจ้า" หากท่านใดต้องการทราบ ให้โทร.มาสอบถามผมครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด ,ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และท่านสมาชิกคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

    เรื่อง พระกริ่งปวเรศ

    ผมขอนำพระกริ่งปวเรศ (รุ่นปี 2434) เนื้อสเตอร์ริง ซิลเวอร์ จำนวน 10 องค์ มามอบให้กับท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด ,ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และท่านสมาชิกคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน โดยผมให้ร่วมทำบุญองค์ละ 2,000 บาท

    โดยเริ่มตั้งแต่วัน(จันทร์ที่ 5 เมษายน 2553)นี้ สิ้นสุดในวันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2553

    หากท่านใดจองและโอนเงินก่อน มีสิทธิ์ได้ก่อนครับ

    เงินที่ท่านร่วมทำบุญทั้งหมด จะนำไปร่วมทำบุญในกองทุนหาพระถวายวัด 50% และร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งอีก 50% ครับ

    หมายเหตุ ผมให้สิทธิเฉพาะท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด ,ท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และท่านสมาชิกคณะพระวังหน้าทุกๆท่านเท่านั้นครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ

    หมายเหตุ หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 1
    พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ ผมได้ไปหาพี่ใหญ่ ได้ไปมอบล็อกเก็ต(พิมพ์พิเศษ) ให้กับพี่ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

    อีกเรื่องก็คือ ผมว่าจะบูชา พระบูชา องค์พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9" มอบให้กับพี่ใหญ่ หากท่านใดสนใจที่จะร่วมมอบพระบูชา องค์พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9" ร่วมกับผม ขอให้ท่านแจ้งความจำนงที่จะมอบเงินให้ผมเพื่อจะบูชาพระบูชา องค์พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9"

    ขอให้ท่านแจ้งความจำนงและโอนเงินภายในวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2553 นี้ด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    www.yokeedam
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เมื่อวานนี้ ผมได้ไปหาพี่ใหญ่ โดยนำเงินที่มีผู้ร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อาจารย์ประถม อาจสาคร

    ในงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์(พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธสิขีทศพลที่ 1 , พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กกุสันโธ , พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม โกนาคมน ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กัสสปะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์(สมัยพุทธกาล) 37 พระองค์) , พระธาตุพระอรหันต์(ไม่ทราบพระนาม) , พระธาตุหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า , ธาตุหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ,ธาตุสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี , พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า , พระบูชาพระสิวลีเถระเจ้า , พระบูชาพระมหากัจจายนะ ,พระบูชาหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร , พระบูชาหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , พระบูชาสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี , พระแม่ธรณี , พระแม่โพสพ , แม่นางกวัก)

    ของชมรมรักษ์พระวังหน้า ประจำปีพ.ศ.2553

    จำนวนเงิน 8,060.-บาท ไปมอบให้กับพี่ใหญ่เรียบร้อยแล้ว

    มาโมทนาบุญร่วมกันครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแก้ไขคำผิดในเรื่องของปางพระพุทธรูป หรือ พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า

    ตามที่ผมได้เคยลงว่า พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางฉันทกิจ

    จริงๆแล้วไม่ถูกต้อง

    ที่ถูกต้องคือ พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ

    ขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าอาวาสวัดป่าคลองกุ้ง ที่เมตตาขี้แนะนำในเรื่องนี้โดยผ่านคุณเพชรมาครับ

    ปางภัตตกิจ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->
    ปางภัตตกิจ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายประคองบาตรซึ่งวางอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาหย่อนลงในบาตร เป็นกิริยาเสวย
    [แก้] ประวัติ

    ในครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าได้โปรดยสกุลบุตรผู้หนีความวุ่นวายในเรือน ออกมา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน ต่อมาพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดบิดาของยสกุลบุตรได้แสดงตนเป็นอุบาสกขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง นับเป็นปฐมอุบาสกผู้ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคนแรกในพระพุทธศาสนา การเทศนาครั้งที่ 2 นี้ ยังผลให้ยสกุลบุตร ผู้นั่งฟังอยู่ด้วยบรรลุอรหัตผล พระพุทธองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ยสกุลบุตร วันต่อมาทรงรับนิมนต์ไปเสวยภัตตาหารที่บ้านบิดาพระยสะ นับเป็นครั้งแรกที่เสด็จไปเสวยภัตตาหารตามบ้านและได้ทรงแสดงธรรมโปรดมารดาและภรรยาเก่าของพระยสะ จนได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบันและขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเป็นอุบาสิกาคู่แรกในพระพุทธศาสนา
    [แก้] ความเชื่อและคตินิยม

    เป็นพระพุทธรูปประจำเดือน 9
    [แก้] อ้างอิง

    • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ตำนานพุทธเจดีย์. ธนบุรี : ศิลปาบรรณาคาร โรงพิมพ์รุ่งวัฒนา, 2513.
    • เรื่องพระพุทธรูปปางต่างๆ หลวงบริบาลบุรีรัตน์ และนายเกษมบุญศรี (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ขึ้นเพื่อพระราชทานในงานพระราชกุศลราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2500)
    • สกุลศิลปพระพุทธรูปในประเทศไทย อาจารย์จิตร บัวบุศย์
    • ศิลปในประเทศไทย ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิสกุล
    • ?Ð?ط?Ù??ҧ?蒧栭 Dharmathai.org : BUDDHISH INFORMATION NETWORK
    • at lekpluto.com
    • บ้านฝันดอทคอม : สำนึกความเป็นไทย
    <TABLE class=navbox cellSpacing=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 2px; PADDING-LEFT: 2px; PADDING-BOTTOM: 2px; PADDING-TOP: 2px"><TABLE class="nowraplinks collapsible autocollapse" id=collapsibleTable0 style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%; WIDTH: 100%" cellSpacing=0><TBODY><TR><TH class=navbox-title style="BACKGROUND: #8a9e49; COLOR: #fefefe" colSpan=3>


    ปางพระพุทธรูปต่าง ๆ
    </TH></TR><TR style="HEIGHT: 2px"><TD></TD></TR><TR><TD class="navbox-list navbox-odd" style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0px" colSpan=2>ขัดสมาธิเพชรขับพระวักกลิขอฝนจงกรมแก้วฉันสมอชี้มารชี้อัครสาวกชี้อสุภะถวายเนตรทรงจีวรทรงตัดเมาลีทรงทรมานช้างนาฬาคิรีทรงทรมานพระยาวานรทรงพยากรณ์ทรงพระสุบินทรงพิจารณาชราธรรมทรงรับผลมะม่วงทรงรับมธุปายาสทรงรับหญ้าคาทรงรับอุทกังทรมานพระยามหาชมพูบำเพ็ญทุกรกิริยานาคปรกนาคาวโลกปฐมเทศนาปฐมบัญญัติประดิษฐานรอยพระพุทธบาทประทับเรือขนานประทานเอหิภิกขุประทานธรรมประทานพรประทานอภัยประสานบาตรประสูติปรินิพพานปลงอายุสังขารปัจเจกขณะป่าเลไลยปลงกรรมฐานปาฏิหาริย์เปิดโลกโปรดพกาพรหมโปรดพุทธบิดาโปรดพุทธมารดาโปรดสัตว์โปรดสุภัททปริพาชกโปรดองคุลีมาลโจรโปรดอสุรินทราหูโปรดอาฬาวกยักษ์พระเกศธาตุภัตตกิจมหาภิเนษกรมณ์มารวิชัยรับสัตตูก้อนสัตตูผงรำพึงเรือนแก้วลอยถาดลีลาสนเข็มสมาธิสรงน้ำฝนเสด็จลงจากดาวดึงส์เสวยมธุปายาสแสดงโอวาทปาฏิโมกข์แสดงโอฬาริกนิมิตแสดงยมกปาฏิหาริย์ห้ามญาติห้ามพยาธิห้ามพระแก่นจันทร์ห้ามมารห้ามสมุทรอุ้มบาตรอธิษฐานเพศบรรพชิต

    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 2px; PADDING-BOTTOM: 0px; WIDTH: 0%; PADDING-TOP: 0px"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="CLEAR: both; BORDER-RIGHT: #90a0b0 1px solid; BORDER-TOP: #90a0b0 1px solid; FONT-SIZE: 90%; BACKGROUND: #fcfcfc; MARGIN: 10px 0px 0px; BORDER-LEFT: #90a0b0 1px solid; WIDTH: 100%; BORDER-BOTTOM: #90a0b0 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=3><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=40></TD><TD style="COLOR: #696969" align=left>ปางภัตตกิจ เป็นบทความเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
    <SMALL>ข้อมูลเกี่ยวกับ ปางภัตตกิจ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:พระพุทธศาสนา</SMALL>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- NewPP limit reportPreprocessor node count: 365/1000000Post-expand include size: 25720/2048000 bytesTemplate argument size: 20210/2048000 bytesExpensive parser function count: 1/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:58289-0!1!0!!th!2 and timestamp 20100405091057 -->ดึงข้อมูลจาก "ปางภัตตกิจ - วิกิพีเดีย".
    หมวดหมู่: ปางพระพุทธรูป | บทความเกี่ยวกับ พุทธศาสนา ที่ยังไม่สมบูรณ์
    หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุมเข้มยากลุ่มแก้ปวด-อักเสบเรื้อรัง

    กระทรวงสาธารณสุข คุมเข้ม ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบเรื้อรัง



    [​IMG]


    คุมเข้มยากลุ่มแก้ปวด-อักเสบเรื้อรัง (ไทยโพสต์)

    รมว.สาธารณสุขออกประกาศกระทรวงควบ คุมอันตรายจากการใช้ยากลุ่มแก้ปวด-อักเสบเรื้อรัง รักษาโรคข้อต่าง ๆ และอาการปวดประจำเดือน ต้องใช้อย่างระมัดระวัง และอยู่ในการดูแลจากแพทย์อย่างเคร่งครัด

    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้ลงนามในประกาศ สธ.เรื่องการแจ้งคำเตือนการใช้ยาเอ็นเสดส์ ซึ่งเป็นยาใช้รักษาอาการปวดข้อหรือไขข้ออักเสบไว้ในฉลาก และที่เอกสารกำกับยา เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ยา เนื่องจากยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการผลิต หรือนำเข้าจะต้องแจ้งคำเตือนการใช้ยาในฉลาก รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาในเอกสารกำกับยา เช่น ไตวาย เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ เป็นต้น โดยจะมีผลบังคับใช้หลังลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 180 วัน หรืออีก 6 เดือน หรือประมาณสิงหาคม 2553

    ทั้งนี้ ในระหว่างที่ประกาศกระทรวงฯ ยังไม่มีผลบังคับใช้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะทำหนังสือแจ้งเวียนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และโรงพยาบาลในสังกัด สธ. และแจ้งผู้ประกอบการที่ผลิตหรือนำเข้ายา เพื่อให้ยึดหลักปฏิบัติตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

    นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ยากลุ่มเอ็นเสดส์ (NSAIDs : Nonsteroidal anti-inflammatory drug) เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ใช้แก้ปวดได้ดี โดยเฉพาะอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบ โดยยานี้จะไปหยุดยั้งการสร้างสาร ที่เป็นสื่อกลางในการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ ยากลุ่มนี้ซึ่งมีมากกว่า 20 ชนิด รักษาอาการปวดข้อต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อเสื่อม โรคไขสันหลังอักเสบ โรคเกาต์ และรักษาอาการปวดประจำเดือนด้วย แต่ยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น ปัญหาไตวาย เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ เป็นต้น จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง

    เลขาธิการ อย.กล่าวว่า ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามนั้น มีผลใช้บังคับให้ยาในเอ็นเสดส์ทั้งหมด เช่น ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ยานาโปรเซน (Naproxen) ยาไพร็อกซิแคม (Piroxicam) ยาไดโคลฟีแน็ก (Diclofenac) ยาเมฟีนามิก เอซิด (Mefenamic acid) ยาซูลินแด็ก (Sulindac) โดยกำหนดต้องมีคำเตือนอันตรายบนฉลาก ได้แก่ ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยา หรือผู้ที่มีอาการหอบหืด ลมพิษ หรือโพรงจมูกอักเสบแบบเฉียบพลัน จากการแพ้ยากลุ่มแอสไพริน หรือกลุ่ม เอ็นเสดส์ สตรีมีครรภ์ไตรมาสสุดท้ายหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้นอกจากแพทย์สั่ง ห้ามใช้ใน ผู้ที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ หรือมีแผลทะลุ ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไตอย่างรุนแรง ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออก

    ส่วนในเอกสารกำกับยา กำหนดให้มีข้อความคำเตือนแก่ผู้ใช้ อาทิ การเพิ่มความเสี่ยงเกิดเลือดออกหรือแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ หลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เมื่อใช้ยาในขนาดสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ของภาวะบวมน้ำ จึงควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไตทำงานผิดปกติ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก หรือเกล็ดเลือดผิดปกติจากสาเหตุอื่น ๆ เนื่องจากยานี้มีผลต่อการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หยุดยาววันสงกรานต์..ถ้าเมาแล้วไม่ขับ!




    หยุดยาว
    วันสงกรานต์..ถ้าเมาแล้วไม่ขับ!


    http://hilight.kapook.com/view/47560


    [​IMG]


    หยุดยาว..ถ้าเมาแล้วขับ! มูลนิธิเมาไม่ขับรณรงค์ หวั่นสงกรานต์ตายพุ่ง (ไทยโพสต์)

    คาดสงกรานต์ปีนี้ประชาชนถือโอกาส หยุดยาว 10 วัน หวั่นอุบัติเหตุทางรถพุ่ง หมอแท้จริง ย้ำเมาไม่ขับ ไม่เช่นนั้นอาจหยุดยาวถาวรแถมพลอยทำชาวบ้านเดือดร้อน

    นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีวันหยุดยาวติดต่อกันมากที่สุด คือวันที่ 13 ถึง 18 เมษายน รวม 6 วัน แต่จากการคาดการณ์ของมูลนิธิเมาไม่ขับ เชื่อว่าประชาชนจะเริ่มหยุดและมีการเดินทางกันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป แม้ว่าวันจันทร์ที่ 12 เมษายน รัฐบาลไม่ได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ แต่เชื่อว่าประชาชนจะหยุดกันเองเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง จึงทำให้วันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะยาวนานถึง 10 วัน ถือว่าเป็นช่วงวันหยุดที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์

    เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับกล่าวว่า สิ่งที่มูลนิธิเป็นห่วงก็คือ สถิติอุบัติเหตุอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องดังที่กล่าวแล้ว ประกอบกับมีการเฉลิมฉลองสงกรานต์ด้วยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขับรถจักรยานยนต์เล่นน้ำควบคู่ไปด้วย โดยสถิติอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2552 พบว่ามีผู้ที่มีวันหยุดพักผ่อนยาวแบบถาวร หรือผู้เสียชีวิต 373 คน มีผู้ที่หยุดยาวกว่าคนอื่น ๆ หรือผู้บาดเจ็บ 4,332 คน ร้อยละ 81.90 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

    สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 40.66 ขับรถเร็ว ร้อยละ 19.69 ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 10.96 ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตและผู้บดาเจ็บส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 25 ปี ร้อยละ 43 โดยแยกเป็นกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 29.22 และอายุระหว่าง 20-25 ปี ร้อยละ 13.90 จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2522 จัดเป็นกลุ่มวัยรุ่นมากที่สุด

    "สงกรานต์ปีนี้หลายคนคงดีใจที่จะได้หยุดยาว เพื่อจะได้มีโอกาสไปทำบุญใส่บาตร รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมที่ดี แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายคนที่อาจจะมีวันหยุดยาวมากกว่าคน อื่น หรือมีวันหยุดยาวแบบถาวร สาเหตุเพราะการเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับไม่อยากให้มีใครต้องหยุดยาวตลอดไป จึงขอวิงวอนว่าถ้าไม่อยากหยุดยาวต้องเมาไม่ขับ" นพ.แท้จริงกล่าว

    สถิติอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ปี 2552 10 จังหวัด ที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 1.เชียงใหม่ 14 คน 2.กรุงเทพฯ 13 คน 3.ลพบุรี 13 คน 4.ร้อยเอ็ด 13 คน 5.บุรีรัมย์ 12 คน 6.พิษณุโลก 12 คน 7.นครศรีธรรมราช 12 คน 8.สุพรรณบุรี 11 คน 9.เชียงราย 10 คน 10.นครสวรรค์ 9 คน สาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุ 3 อันดับแรก 1.เมาสุรา ร้อยละ 40.66 2.ขับรถเร็ว ร้อยละ 19.96 3.ขับตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 10.96


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>มิจฉาชีพตุ๋นโอนเงินระบาด คล้อยหลัง ธปท.ประกาศ 2 วัน โดนไป 7 แสน
    Stock Markets - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 เมษายน 2553 04:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> แบงก์ชาติอึ้ง คล้อยหลังประกาศเตือนประชาชนเรื่องถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินทางโทรศัพท์ ปรากฏว่า 2 วันล่าสุด เจอร้องเรียนเพิ่งโดนสดๆ ร้อนๆ 3 ราย โดนตุ๋น 7 แสนกว่าบาท

    นายกำธร ประเสริฐสม หัวหน้าศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อ (ศปส.) เปิดเผยว่า แม้ ธปท.ได้ออกมาเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไประมัดระวังโทรศัพท์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่โทรเข้ามาหลอกลวง แต่ปรากฏว่า กลับก็มีประชาชนโทร.มาร้องเรียนกับ ศปส.เพิ่มขึ้น เพียง 2 วัน พบว่า มีประชาชนถูกหลอกลวงให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 3 ราย สูญเสียเงินกว่า 7 แสนบาท ผู้ที่เสียหายสูญเงินมากที่สุดถึง 5 แสนบาท อีกรายสูญเงินไป 1.8 แสนบาท และ 8 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ทำให้นับตั้งแต่จัดตั้ง ศปส.ขึ้นมามีประชาชนสูญเสียเงินจากโทรศัพท์หลอกลวงกว่า 4 ล้านบาทแล้ว

    “กลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้วิธีการโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างคนไทยและต่างชาติ และทำลักษณะเครือข่าย ซึ่งแม้ ธปท.จะเร่งประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเรื่องยากที่จะตามตัวกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ได้ และ ธปท.ก็พยายามประสานงานไปยังตำรวจเมื่อมีผู้ร้องเรียนเข้ามา พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อเป็นการแนะนำประชาชนอีกวิธีหนึ่ง”

    นอกจากนี้ การดำเนินการของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้จะเอาผิดได้ยากและไม่ใช่ความผิดในการทำธุรกรรมที่เกิดจากแบงก์พาณิชย์ ทำให้ประชาชนทั่วไปต้องระมัดระวังตัวเองเป็นดีที่สุด หรือหากมีโทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ธปท.แบงก์พาณิชย์ หรือแม้กระทั่งหน่วยงานรัฐอื่นก็อย่าหลงเชื่อและให้ตรวจสอบกลับไปยังหน่วยงานดังกล่าวก่อน

    สำหรับการดำเนินงาน ศปส.ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (18 พ.ค.52-26 มี.ค.53) พบว่า มีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนเรื่องต่างๆ ทั้งสิ้น 4,201 เรื่อง โดยเรื่องเรียนเข้ามามากที่สุด คือ โทรศัพท์หลอกลวงว่าเป็นหนี้สถาบันการเงิน และต้องไปดำเนินการแก้ไขผ่านระบบเอทีเอ็ม ซึ่งทำให้ประชาชนที่หลงเชื่อเสียทรัพย์มีจำนวน 1,394 ราย คิดเป็นสัดส่วน 33.18% ซึ่งมีประชาชนเข้ามาร้องเรียน เฉลี่ยในแต่ละวัน 30 รายและประชาชนที่ถูกหลอกลวงกระจายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

    รองลงมาเป็นเรื่องการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ที่ไม่ได้รับความพอใจจำนวน 946 ราย คิดเป็น 22.52% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการติดตามท้วงหนี้ของสถาบันการเงิน อันดับ 3 ปัญหาการไม่ปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินมีจำนวน 743 ราย คิดเป็น 17.69% อันดับ 4 ปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ 637 ราย คิดเป็น 15.16% และปัญหาอื่นๆ เช่น ติดปัญหาเรื่องเครดิตบูโรขอคำแนะนำภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้นร้องเรียนเข้ามาจำนวน 481 ราย คิดเป็นสัดส่วน 11.45%.

    ***เตือนแบงก์เลิกจ้าง บ.ทวงหนี้โหด
    สำหรับประเด็นที่เจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์มีการติดตามทวงหนี้ไม่เป็นไปตามไกด์ไลน์ของ ธปท.และมีกิริยาวาจาที่ไม่สุภาพนั้น นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.เปิดเผยว่า ได้ทำเรื่องแจ้งไปยังธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับร้องเรียนเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความเห็นว่า หากธนาคารพาณิชย์จ้างบริษัทรับช่วงไปดำเนินการแล้วได้รับการร้องเรียนเข้ามามาก ควรจะพิจารณาการว่าจ้างบริษัทดังกล่าวว่า ควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ ซึ่งได้รับรายงานกลับมาว่า ได้มีการตักเตือนจนถึงขั้นเลิกจ้างบริษัทรับช่วงไปหลายรายแล้ว

    ก่อนหน้านี้ ธปท.ยอมรับว่า การแจ้งเรื่องไปยังธนาคารพาณิชย์ เพื่อร้องเรียนการติดตามทวงหนี้ที่ไม่ดีของเจ้าหน้าที่ธนาคาร และบริษัทรับช่วงงานยังไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีพอ เพราะบางรายมีข้ออ้างต่างๆ นานา และไม่ยอมรับความผิด ธปท.จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มอำนาจ บทลงโทษหรือความเข้มของไกด์ไลน์การติดตามทวงหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรับผิดของบริษัทรับช่วงให้มากขึ้นหรือไม่ เพื่อให้การติดตามทวงหนี้ และพฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อลูกค้าเหมาะสมมากขึ้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    ขอขอบคุณท่านเลขาชมรมฯเป็นอย่างสูง ที่ได้นำพระบรมสารีริกธาตุและพระวังหน้าไปมอบให้กับผู้ร่วมพิธีสรงน้ำฯ และดีใจครับที่ได้พบปะกับสมาชิกชมรมและศิษฐ์ อจ.ประถมในครั้งนี้
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ยินดีครับนานๆพบกันครั้งครับ หุ หุ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    พระกริ่งปวเรศ มี 2 ท่านจองเข้ามาแล้วครับ


    ท่านแรก จอง 2 องค์
    ท่านที่สอง จอง 1 องค์

    คงเหลือพระกริ่งปวเรศอีก 7 องค์ครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...