พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เคล็ดลับการออม ให้มีเงินพอใช้หลังเกษียณ
    Mutual Fund - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 มีนาคม 2553 13:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ในตอนที่แล้ว ได้แนะนำไปแล้วว่า เราจำเป็นต้องเริ่มออมเสียแต่วันนี้ เพื่อให้เกษียณอย่างสบาย แต่ในทางปฏิบัติ การออมเงินเป็นเรื่องที่ต้องฝืนใจตนเองอย่างมาก เราลองมาดูกันว่า มีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้เราสามารถออมเงินได้ตามเป้าหมาย

    1. ออมภาคบังคับให้เต็มกำลัง การออมภาคบังคับเป็นการสร้างวินัยการออมที่ดีที่สุด เพราะเรากำลังถูกบังคับให้ออมเงินด้วยการหักจากเงินเดือนโดยอัตโนมัติ และไม่ปล่อยให้มีเงินค้างในบัญชี ซึ่งจะล่อใจให้นำไปใช้จ่าย ระบบการออมภาคบังคับที่สำคัญของไทยคือ กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ ซึ่งท่านที่เป็นผู้ประกันตนหรือสมาชิกกองทุนที่มีจำนวนกว่า 9.2 ล้านคนทั่วประเทศในขณะนี้ ได้ออมอยู่แล้วทุกเดือนในอัตราร้อยละ 3 ของรายได้ นายจ้างช่วยสมทบอีกร้อยละ 3 ของรายได้ มีเพดานรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท เงินที่ท่านออมเหล่านี้จะได้รับกลับคืนไปในรูปของ “บำเหน็จ” หรือ “บำนาญ” เมื่อเกษียณ ท่านจึงได้ออมเงินกับกองทุนประกันสังคมอยู่แล้วทุกเดือน ดังตัวอย่างที่แบ่งตามกลุ่มรายได้ ดังนี้

    -รายได้ 7,000 บาทต่อเดือน ออมกับกองทุนประกันสังคม 210 บาท นายจ้างสมทบอีก 210 บาท รวม 420 บาท
    -รายได้ 10,000 บาทต่อเดือน ออมกับกองทุนประกันสังคม 300 บาท นายจ้างสมทบอีก 300 บาท รวม 600 บาท
    -รายได้ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ออมกับกองทุนประกันสังคม 450 บาท นายจ้างสมทบอีก 450 บาท รวม 900 บาท

    จะเห็นได้ว่า ในแต่ละเดือน ท่านออมกับกองทุนประกันสังคมเป็นจำนวนไม่มากนัก เช่น ท่านที่มีรายได้ 10,000 บาทต่อเดือน ท่านออมเพียง 300 บาท มีเงินเหลือให้ท่านนำไปใช้จ่ายอีก 9,700 บาท การออมกับกองทุนประกันสังคมจึงไม่ได้สร้างภาระทางการเงินแต่ประการใด แต่เป็นการสร้างระบบการออมแบบอัตโนมัติให้กับตัวท่านเอง เพื่อให้มีบำเหน็จหรือบำนาญใช้หลังเกษียณ

    นอกจากกองทุนประกันสังคมแล้ว ข้าราชการที่เป็น สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็จัดว่าอยู่ในระบบการออมภาคบังคับ โดยมีอัตราการออมเงิน 3% + 3% ของรายได้เช่นเดียวกัน ในปัจจุบัน กบข. ได้เปิดโครงการออมเพิ่มเพื่อให้สมาชิกสามารถสะสมเงินเข้ากองทุนได้สูงสุดถึงร้อยละ 15 ของเงินเดือน นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ออมเพิ่ม นอกจากนี้ หากที่ทำงานของท่านมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ ขอให้ใช้โอกาสออมเงินกับกองทุนเหล่านี้ให้เต็มกำลัง

    2. ออมก่อนใช้ไม่ใช่ใช้แล้วเหลือจึงออม ในกรณีที่ไม่ได้อยู่ในระบบการออมภาคบังคับ เราก็สามารถสร้างระบบการออมภาคบังคับได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ โดยธรรมชาติของคนเรานั้นมักจะขาดวินัยในการออม แม้ตั้งใจจะใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อจะออมให้ได้ ก็มักทำไม่สำเร็จ เช่น มีเงินเดือน 20,000 บาท ตั้งใจจะใช้จ่ายแค่ 15,000 บาท เพื่อจะออมให้ได้เดือนละ 5,000 บาท แต่เรามักทำไม่สำเร็จ พอใกล้สิ้นเดือนก็มีของล่อใจให้ซื้อ หรือเผลอใจไปสร้างภาระให้ตนเองด้วยการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโทรศัพท์มือถือด้วยเงินผ่อน ในที่สุดก็ไม่มีเงินเหลือออม วิธีการแก้ปัญหาการขาดวินัยนี้ ทำได้ด้วยการปรับแนวคิดใหม่ คือ ออมก่อนใช้ แทนที่จะใช้ก่อนออม นั่นคือ ทันทีเงินเดือนออก เช่น ได้เงินเดือน 20,000 บาท ให้โอนเข้าบัญชีเงินออมทันที 5,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 15,000 บาทในบัญชีคือส่วนที่นำไปใช้จ่ายได้ ทำแบบนี้ให้เป็นอัตโนมัติ จะช่วยให้เราตัดความรู้สึก “อยาก” ออกไป และเป็นการสร้างวินัยให้กับตนเองด้วยการออมเงินแบบอัตโนมัติ

    3. เปิดบัญชีเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ถึงแม้ว่าเราอยากจะประหยัด แต่ชีวิตคนเราเอาแน่ไม่ได้ครับ ในบางครั้งเราอาจจะมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน ถึงแม้ว่าท่านผู้อ่านที่เป็นผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมในทุกจังหวะชีวิตที่เดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับความคุ้มครองกรณี ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร หรือว่างงาน เป็นต้น ทำให้ไม่ต้องมีภาระทางการเงิน หรือช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินไปได้บ้าง แต่ในชีวิตคนเรามักจะมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เงินอยู่บ้าง เช่น จ่ายค่าเทอมลูก ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ค่าซ่อมรถ ค่าซ่อมบ้าน ฯลฯ เราจึงควรมีเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ผมขอแนะนำว่าให้เปิดบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินออมแยกต่างหากอีก 1 บัญชี และค่อยๆ “หยอดกระปุก” สะสมไว้เป็นเงินสำรอง การมีเงินสำรองนี้ช่วยให้เรามีเงินรองรับค่าใช้จ่ายพิเศษต่างๆ ได้โดยที่ไม่ต้องกู้ยืมเงินใครมาใช้

    จำนวนเงินในบัญชีสำรองนี้จะมีมากน้อยขึ้นอยู่กับความมั่นคงทางการเงิน ท่านที่มีหน้าที่การงานมั่นคง เช่น รับราชการ หรือเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ อาจจะสำรองไว้ประมาณ 2-3 เท่าของเงินเดือน ส่วนท่านที่ทำงานเอกชน หรือคาดว่ามีแนวโน้มอาจจะต้องเปลี่ยนงานในอนาคต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่มีภาระการผ่อนบ้านหรือผ่อนรถ ควรจะสำรองไว้ประมาณ 3 – 6 เท่าของเงินเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าในช่วงที่ไม่ได้ทำงาน จะยังมีความสามารถในการผ่อนชำระได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้สำคัญมากนะครับ เพราะหากอยู่ดีๆ เรามีเหตุต้องออกจากงาน แต่เรายังมีภาระการผ่อนบ้าน/ผ่อนรถอยู่ หากไม่มีเงินสำรอง เราก็อาจจะต้องไปขอยืมเงินคนอื่นหรือกู้เงินจากแหล่งอื่นซึ่งมักจะคิดดอกเบี้ยแพงกว่า สร้างภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกโดยไม่จำเป็น

    การ “หยอดกระปุก” เข้าบัญชีสำรองนี้เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก ท่านจะต้องมีวินัยในตัวเองสูงมาก ทันทีที่มีรายได้พิเศษ มีโบนัส หรือมีเงินเหลือ ต้องรีบโอนเข้าบัญชีสำรองนี้ทันที อย่าทิ้งไว้ในบัญชีที่ถอนไปใช้ได้ ง่าย หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ทำระบบการโอนเงินอัตโนมัติตามข้อ 2. เริ่มต้นแบบง่ายๆ สัก 2,000 – 3,000 บาทต่อเดือนเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้ บัญชีสำรองไม่ควรมีบัตรเอทีเอ็ม เพราะจะทำให้เบิกเงินมาใช้ง่ายเกินไป ทางที่ดี ควรเป็นเป็นบัญชีเงินฝากประจำ หรือซื้อหน่วยลงทุนกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น มีความมั่นคงและมีสภาพคล่องพอสมควร ที่มักเรียกกันว่า Money Market Fund ซึ่งสามารถขายคืนเพื่อเอาเงินมาใช้ได้เมื่อจำเป็น แต่ก็ไม่สะดวกมือจนเกินไป

    4. ใช้หนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล และกำจัดหนี้นอกระบบให้หมด เชื่อว่าเราจะไม่สามารถทำตามคำแนะนำเรื่องการออมทั้ง 3 ข้อข้างต้นได้เลย หากยังมีภาระหนี้สินดอกเบี้ยแพงพะรุงพะรัง ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล (Personal Loan) หรือหนี้นอกระบบ เพราะเรามีภาระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมกับหนี้สินเหล่านี้สูงมาก ประมาณ 15 – 25% ต่อปี ยิ่งปล่อยไว้ภาระหนี้ยิ่งพอกพูน ต้องยอมรับว่าเรื่องการใช้หนี้ดอกเบี้ยแพงให้หมดเป็นเรื่องที่ทำยากมากครับ เราจะต้องใช้ความอดทนสูงมากและต้องทำหลายอย่างพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้หมด เช่น หยุดซื้อเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เที่ยวกลางคืน ทานอาหารนอกบ้าน รวมทั้งเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ฯลฯ หารายได้เสริม ขายทรัพย์สินส่วนตัวบางส่วนเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และที่สำคัญคือต้องไม่ก่อหนี้ใหม่เด็ดขาด เราอาจจะต้องใช้เวลา 6 เดือน – 1 ปี หรือมากกว่านั้นกว่าจะทำสำเร็จ แต่หากทำได้ เราจะได้เป็นคนปลอดหนี้ที่มีความสุขมาก

    5. อยากได้อะไรให้เก็บเงินซื้อ อย่าตกเป็นเหยื่อเงินผ่อนดอกเบี้ย 0% ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์ทางการตลาดของสินค้าไฮเทคทั้งหลายล้ำเลิศมาก ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค, กล้องดิจิตอล, Blackberry, iPhone, LCD TV, Home Theater ฯลฯ เราจะถูกจูงใจด้วยข้อเสนอผ่อนชำระรายเดือน อัตราดอกเบี้ย 0% ดูแล้วเหมือนกับเราไม่ได้เสียอะไรเพราะเป็นการซื้อเงินผ่อนโดยไม่เสียดอกเบี้ย หารู้ไม่ว่าข้อเสนอแบบนี้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตนเองสามารถซื้อสินค้าราคาแพงเหล่านี้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อน และรู้สึกว่าอยู่ในระดับที่ตนเอง ซื้อได้ (Affordable) เช่น โทรศัพท์มือถือราคา 20,000 บาท ฟังดูแพงมาก และเราอาจจะไม่มีเงินเก็บมากพอในขณะนี้ แต่เมื่อได้รับข้อเสนอผ่อน 0% เป็นเวลา 10 เดือน ตัวเลขลดลงเหลือ 2,000 บาทต่อเดือน เรา เริ่มรู้สึกว่าน่าจะพอไหว ในที่สุดเราก็ต้องติดกับดัก ก่อหนี้ให้กับตนเอง และเป็นภาระต้องผ่อนส่งไปหลายเดือนกว่าจะหมด

    ขอแนะนำว่า ให้ตั้งเป็นกฎกับตนเองไว้ว่า อยากได้อะไรให้เก็บเงินซื้อ อย่าสร้างภาระให้ตนเองเป็นอันขาด ที่จริงโทรศัพท์มือถือราคา 20,000 บาท เก็บเงินไม่กี่เดือนก็ซื้อได้แล้ว ดีไปกว่านั้นคือ เมื่อเราเก็บเงินได้ครบ เราอาจจะได้ซื้อสินค้ารุ่นเดิมในราคาที่ถูกลง เพราะของพวกนี้ราคาตกเร็วมาก หรือไม่ก็ได้สินค้ารุ่นใหม่ที่ราคาเท่าเดิมแต่สเปกดีกว่าเดิม

    ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th หากท่านมี ข้อสงสัยเกี่ยวกับการออมเงินกับกองทุนประกันสังคมเพื่อให้ได้รับบำเหน็จหรือบำนาญชราภาพหลังเกษียณ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติ ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.

    อ่านต่อฉบับหน้า
    ข้อมูลที่มา : วิน พรหมแพทย์ สำนักบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การประกันชีวิต

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->การประกันชีวิต เป็นสัญญาระหว่างผู้ให้ประกัน ซึ่งมักเป็นบริษัทประกันชีวิต กับผู้เอาประกัน โดยผู้เอาประกันต้องจ่ายเบี้ยประกันให้ผู้รับประกัน หากผู้เอาประกันเกิดเสียชีวิตขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับภายในเงื่อนไขในกรมธรรม์ บริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้รับผลประโยชน์เรียกว่าเงินสินไหม
    [แก้] ชนิดของการประกันชีวิต

    • ประกันชีวิตแบบช่วงระยะเวลา (Term) เป็นกรมธรรม์ที่มีอายุจำกัด บริษัทจะจ่ายเงินสินไหมให้ผู้รับผลประโยชน์ หากผู้เอาประกันเสียชีวิตในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ แต่ไม่มีเงินคืนเมื่อครบอายุกรมธรรม์ ตัวอย่างการเลือกประกันประเภทนี้ เช่น เพื่อการประกันความเสี่ยงในการผ่อนบ้าน ถึงแม้ว่าผู้ที่เป็นรายได้หลักของครอบครัวเกิดเสียชีวิต สมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ จะได้เงินประกันสำหรับชำระค่าผ่อนต่อโดยไม่มีภาระทางการเงิน
    • ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ (Endowment) เป็นกรมธรรม์ที่มีอายุจำกัด บริษัทจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้รับผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต แต่หากมีชีวิตครบอายุกรมธรรม์ก็จะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้เอาประกัน
    • ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Wholelife) เป็นการรับประกันชีวิตตลอดอายุผู้เอาประกัน(ในทางการค้า 90-99 ปี)
    • ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity)คล้ายกับแบบออมทรัพย์ โดยบริษัทประกันชีวิตจะเก็บเบี้ยประกันจนถึงอายุระดับหนึ่งแล้วทยอยจ่ายคืนเงินให้กับผู้เอาประกัน
    [แก้] อ้างอิง

    <!-- NewPP limit reportPreprocessor node count: 7/1000000Post-expand include size: 0/2048000 bytesTemplate argument size: 0/2048000 bytesExpensive parser function count: 0/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:183450-0!1!0!!th!2 and timestamp 20100315030316 -->ดึงข้อมูลจาก "การประกันชีวิต - วิกิพีเดีย".
    หมวดหมู่: การเงิน | การบริหารความเสี่ยง

    <!-- end content -->
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>การประกันชีวิต คืออะไร
    การประกันชีวิตคืออะไร?


    </TD></TR><TR><TD>การประกันชีวิต เป็นวิธีการที่บุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยที่เมื่อบุคคลใดต้องประสบกับภัยเหล่านั้น ก็ได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัทประกันชีวิตจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการนำเงินก้อนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่ผู้ได้รับภัย

    (สรุปแบบง่ายๆ ประกันชีวิตคึอเงินสดก้อนหนื่งที่จะถูกส่งมอบให้บุคลใดบุคคลหนี่งในเวลาใดเวลาหนี่งที่คนเราต้องการ เช่น


    ตกงาน, ยามเจ็บป่วย,พิการ,เกษียนอายุ ,หรือครบสัญญาจ่ายให้ผู้เอาประกันและการจากไปก่อนวัยอันสมควร จ่ายให้

    ผู้รับผลประโยชน์)


    </TD></TR><TR><TD><HR SIZE=1>การประกันชีวิต แยกออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
    1. ประเภทสามัญ เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ในการพิจารณารับประกันชีวิตอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท และมีการชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือน

    2. ประเภทอุตสาหกรรม เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำ โดยทั่วไปตั้งแต่ 10,000 - 30,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ การชำระเบี้ยประกันภัยจะชำระเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ ฉะนั้นจึงมีระยะเวลารอคอย คือ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ บริษัทจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระมาแล้วทั้งหมด

    3. ประเภทกลุ่ม เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หนึ่งจะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ส่วนมากจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกันอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท การประกันชีวิตกลุ่มนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตจะต่ำกว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรม


    </TD></TR><TR><TD><HR SIZE=1>แบบของการประกันชีวิต
    การประกันชีวิตมีมากมายหลายแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไป แบบการประกันชีวิตพื้นฐานมีอยู่ 4 แบบคือ

    1. แบบตลอดชีพ เป็นการประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเมื่อใดในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์ วัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประกันภัยแบบนี้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับจุนเจือบุคคลที่อยู่ในความอุปการะเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายและค่าทำศพ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระของคนอื่น

    2. แบบสะสมทรัพย์ เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์ ส่วนของการออมทรัพย์ คือส่วนที่ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนเมื่อสัญญาครบกำหนด

    3. แบบชั่วระยะเวลา เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครอง การเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การประกันชีวิตแบบนี้ไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ำกว่าแบบอื่น ๆ และไม่มีเงินเหลือคืนให้หากผู้เอาประกันภัยอยู่จนครบกำหนดสัญญา

    4. แบบเงินได้ประจำ เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจำนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ


    </TD></TR><TR><TD><HR SIZE=1>ประโยชน์ของการทำประกันชีวิต
    รูปแบบของกรมธรรม์ จะมีหลายรูปแบบและตั้งชื่อเป็นนามเฉพาะของแต่ละบริษัท ทุกรูปแบบพร้อมอัตราเบี้ยประกันภัยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนประกันชีวิต (อธิบดีกรมการประกันภัย) ก่อนจะนำเสนอขายแก่ประชาชน แต่โดยหลักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์รูปแบบใดหรือชื่ออะไรก็ตาม จะอยู่ภายใต้แบบของการประกันชีวิตรวม 4 แบบคือ

    1. แบบชั่วระยะเวลา ให้ความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ โดยบริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ผู้รับประโยชน์ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้นั้น

    2. แบบตลอดชีพ บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ไม่ว่าจะเสียชีวิตเมื่อใดก็ตาม

    ** ทั้งแบบ 1 และแบบ 2 เป็นการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตแล้วเท่านั้น

    3. แบบสะสมทรัพย์ บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนที่เอาประกันภัยไว้ ให้แก่ผู้รับประโยชน์ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ หรือจ่ายเงินเอาประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันภัยในกรณีที่มีชีวิตอยู่รอดพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้

    4. แบบเงินได้ประจำ บริษัทจะจ่ายเงินได้ประจำ หรือเงินบำนาญให้แก่ผู้เอาประกันภัยโดยเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเนื่องจากความชรา ไปจนถึงวันที่กำหนดไว้ (อาจเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือตลอดอายุก็ได้)

    ** แบบ 3 ส่วนท้าย และแบบ 4 เป็นการจ่ายเงินโดยมีเงื่อนไขว่าผู้เอาประกันภัยต้องมีชีวิตรอดอยู่จนพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้


    </TD></TR><TR><TD><HR SIZE=1>ขั้นตอนดำเนินการ
    1. ติดต่อบริษัทประกันชีวิตได้โดยตรงหรือผ่านตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย
    2. เลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ
    3. วงเงินเอาประกันภัยที่ต้องการ โดยพิจารณาประกอบกับรายได้ประจำที่ได้รับ และกำลังความสามารถในการส่งเบี้ยประกันภัย
    4. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่านในแบบคำขอเอาประกันชีวิต โดยแถลงความจริงทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติการรักษาพยาบาลและคำแถลงเกี่ยวกับสุขภาพ เพราะการปิดบังในสาระสำคัญเหล่านี้จะเป็นเหตุให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์
    5. ในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้กรอกแบบคำขอเอาประกันชีวิตแทนท่าน ให้ตรวจสอบความถูกต้องก่อนลงชื่อในแบบคำขอเมื่อได้รับกรมธรรม์ ควรตรวจสอบความถูกต้อง หากพบข้อมูลที่ผิด เช่น ชื่อผู้รับประโยชน์หรือชื่อผู้เอาประกันภัยผิดพลาด ฯลฯ ให้ทักท้วงบริษัทเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง
    6. จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตตามกำหนดทุกครั้ง โดยติดต่อชำระที่บริษัท สาขา หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือผ่านธนาคารในกรณีชำระผ่านตัวแทนของบริษัท ให้เรียกใบเสร็จรับเงินตามแบบพิมพ์ของบริษัทเก็บไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
    7. แจ้งให้ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุชื่อในกรมธรรม์ หรือบุคคลในครอบครัวทราบ ถึงการทำประกันชีวิต และสถานที่เก็บกรมธรรม์
    8. ติดต่อกรมการประกันภัย สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต หรือสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกครั้งที่มีปัญหา


    </TD></TR><TR><TD><HR SIZE=1>ขั้นตอนและหลักฐานในการขอรับเงินผลประโยชน์ ตามกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
    ในการขอรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือที่เข้าใจกันทั่วไปว่าเป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนนั้น ให้ดำเนินการดังนี้

    1. ติดต่อบริษัทประกันภัยให้เร็วที่สุด
    2. กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต จะแยกเป็นกรณีตามสาเหตุของการเสียชีวิต ดังนี้
    2.1 เสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
    ** ต้องแจ้งให้ทราบภายใน 14 วัน และเตรียมหลักฐานประกอบด้วย
    (1) กรมธรรม์ประกันชีวิต (ถ้าหายให้แจ้งความแล้วนำสำเนา รายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายไปแสดงแทน)
    (2) ใบเสร็จรับเงินงวดสุดท้าย
    (3) ใบมรณบัตรของผู้เอาประกันภัย
    (4) ทะเบียนบ้านของผู้รับประโยชน์
    (5) บัตรประชาชนของผู้รับประโยชน์

    2.2 เสียชีวิตโดยฆ่าตัวตาย
    * เตรียมหลักฐานตาม 2.1(1) - (5) โดยเพิ่ม
    (6) สำเนาบันทึกประจำวันรับแจ้งเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    (7) ใบชันสูตรพลิกศพ

    2.3 เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
    * เตรียมหลักฐานตาม 2.1(1) - (5) โดยเพิ่ม
    (6) สำเนาบันทึกประจำวันรับแจ้งเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    (7) สำเนาบันทึกประจำวันหลังกลับจากสถานที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    (8) ใบชันสูตรพลิกศพ

    3. กรณีเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ และสูญเสียอวัยวะ
    * แจ้งบริษัททราบภายใน 10 วัน และเตรียมหลักฐานดังนี้
    (1) กรอกแบบฟอร์มใบเรียกร้องค่าทดแทนของบริษัท
    (2) ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลที่ระบุวันเริ่มต้น และวันสุดท้ายในการรักษาตัวในโรงพยาบาล
    (3) อื่น ๆ เช่น ฟิล์มเอ็กซซเรย์

    4. กรณีกรมธรรม์ครบกำหนด
    ในกรณีเป็นการประกันชีวิต ประเภทสะสมทรัพย์ที่มีเงินคืนเมื่อกรมธรรม์ครบกำหนด ให้ดำเนินการและเตรียมหลักฐาน
    (1) ติดต่อบริษัทประกันภัย
    (2) กรมธรรม์ประกันชีวิต
    (3) บัตรประชาชนของผู้เอาประกันภัย


    <HR SIZE=1>การยกเว้นการจ่ายเงินเอาประกันชีวิต
    ข้อจำกัดบางประการที่บริษัทประกันชีวิตยกเว้นการจ่ายเงินเอาประกัน จากสาเหตุการตายดังนี้
    1. ผู้รับประโยชน์ฆ่าผู้เอาประกันตาย
    2. ผู้เอาประกันฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย

    ความตายที่เกิดจากสาเหตุข้างต้นดังกล่าว บริษัทประกันชีวิตจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันชีวิตให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันชีวิตที่ได้ชำระมาแล้วทั้งหมดเท่านั้น


    <HR SIZE=1>หน้าที่ของผู้เอาประกันต้องชำระเบี้ยประกัน
    ถ้าหากตัวแทนของบริษัทประกันชีวิตยังไม่มาเก็บเงิน ตามกฎหมายจะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันชีวิตจะต้องไปชำระที่สาขาของบริษัทด้วยตนเอง หรือส่งเป็นธนาณัติ เช็คและเพื่อที่บริษัทจะได้ส่งใบเสร็จรับเงินมาให้อย่างถูกต้อง ท่านจำเป็นต้องเขียนที่อยู่ของท่านให้ถูกต้อง เพื่อมิให้เสียโอกาสและประโยชน์


    <HR SIZE=1>ระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกัน
    ผู้เอาประกันชีวิตมีสิทธิที่จะได้รับการผ่อนผันการชำระเงินได้ โดยการยืดระยะเวลาได้ประมาณ 30 หรือ 60 วัน

    <HR SIZE=1>เบี้ยประกันชีวิตกับการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลผู้เอาประกันชีวิตสามารถนำมาหักภาษีรายได้บุคคลได้โดยรัฐบาลได้เพิ่มจำนวนเงินเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำไปหักภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาท</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    • ประโยชน์ของการประกันชีวิต
    การประกันชีวิตมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินให้แก่บุคคล ...
    <CITE>www.thailife.com/elearning/pdf_file/13.doc </CITE>
    ความหมายของการประกันชีวิต
    อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ให้ความหมายของการประกันชีวิตไว้อย่างมากมาย ...
    <CITE>www.thailife.com/elearning/pdf_file/12.doc</CITE>


    ความหมายของการประกันชีวิต
    การประกันชีวิตคือการประกันความไม่แน่นอนให้เป็นสิ่งที่แน่นอนความแน่นอนในที่นี้ หมายถึง การมีรายได้ที่แน่ นอนตลอดไปไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตก็ตามเพราะบริษัทประกันชีวิตพร้อมที่จะรับผิดชอบตาม สัญญาหากมีภัยเกิดขึ้นแก่ผู้เอาประกัน


    อย่างไรก็ตามได้มีผู้ให้ความหมายของการประกันชีวิตไว้อย่างมากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
    • การประกันชีวิตเป็นวิธีการที่คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันขึ้นเพื่อช่วยกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องมาจากการตายก่อนเวลาอันสมควรและรวมถึงการสูญเสียรายได้ในยามชรา การสูญเสียอวัยวะ พิการและค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย<O:p</O:p
    • การประกันชีวิตเป็นวิธีการชดใช้ความสูญเสียอันเนื่องมาจากภัยโดยการเฉลี่ยเก็บเงินจากสมาชิกก้อนหนึ่งมอบให้กับสมาชิกหรือครอบครัวของสมาชิกผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน<O:p</O:p
    • การประกันชีวิตเป็นกลไกทางสังคมอย่างหนึ่งที่เป็นสื่อกลางในการให้ความคุ้มครองค่าทางเศรษฐกิจหรือรายได้ของผู้หาเลี้ยงครอบครัว<O:p</O:p
    • การประกันชีวิตเป็นแผนการของชุมชนที่สมาชิกร่วมกันจัดตั้งขึ้นเป็นระบบการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระอันเกิดจากทุกข์ภัย ที่สมาชิกของชุมชนได้รับโดยการรวบรวมเงินออมของสมาชิกเข้าเป็นกองทุนเมื่อสมาชิกรายใดประสบภัยพิบัติอันนำมาซึ่งปัญหาความเดือด ร้อนสมาชิกหรือครอบครัวของผู้ประสบภัยก็จะได้รับความช่วยเหลือจากเงินทุนนี้บริษัทประกันชีวิตทำหน้าที่เสมือนหนึ่งผู้ดูแลกองทุนนับแต่การชี้แจงแนะนำหาสมาชิกเข้าร่วมกองทุน รวบรวมเงินออมของสมาชิกจัดทำทะเบียนและออกใบรับรองสมาชิกภาพ (กรมธรรม์)และจ่ายเงินช่วยเหลือเมื่อสมาชิกประสบภัยรวมทั้งบริหารการเงินเพื่อนำดอกผลมาบริหารการเงินเพื่อนำดอกผลมาจ่ายคืนแก่สมาชิกในรูปของเงินปันผลและเงินช่วยเหลือดังกล่าว <O:p</O:p
    ความจำเป็นของการประกันชีวิต
    เพราะตระหนักในความไม่แน่นอนของชีวิตมนุษย์จึงหาหนทางสร้างหลักประกันให้แก่ชีวิตโดยเฉพาะในเรื่องของรายได้เมื่อครอบครัวต้องสูญเสียผู้นำ ขาดผู้อุปการะนั่นย่อมหมายถึงรายได้ที่เคยได้ประจำนั้นต้องหมดสิ้นลงทันที ภรรยาและบุตรหรือผู้ที่อยู่ในความอุปการะย่อมประสบปัญหาความเดือดร้อนในการดำรงชีพการประกันชีวิตจะช่วยพิทักษ์รายได้ของครอบครัวสานเป้าหมายในชีวิตของทุกคนต่อไปไม่ว่าผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวนั้นจะพบกับอุปสรรคของการดำเนินชีวิตจากการตกงาน การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุการตกเป็นบุคคลทุพพลภาพ ความชรา หรือเสียชีวิตก็ตาม

    อุปสรรคจากการตกงาน
    ค่าตอบแทนการทำงานในอาชีพต่างๆไม่ว่าจะได้รับเป็นเงินเดือนประจำ เงินรายวัน ค่าตอบแทนตามผลงานหรือแม้แต่ผู้ที่มีกิจการเป็นของตนเองหากวันใดวันหนึ่งเกิดความไม่มั่นคงในอาชีพหรือธุรกิจ การตกงานหรือออกจากงานจะด้วยกรณีใดก็ตามย่อมก่อความลำบากในการดำเนินชีวิตอย่างแน่นอนเพราะรายได้หลักที่เคยได้ประจำนั้นขาดหายไปและคนส่วนมากไม่สามารถออมเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้อย่างเพียงพอทั้งนี้เพราะการออมทรัพย์ นั้นขาดการบังคับให้ทำเช่นนั้นตลอดไปไม่มีกำหนดเวลาว่าเมื่อไรการออมนั้นจึงจะเพียงพอ

    การประกันชีวิตจะใช้วิธีการจูงใจให้สะสมเงินทุนไว้ใช้ยามฉุกเฉินโดยสามารถกู้เงินจากกรมธรรม์ และเมื่อมีรายได้ก็สามารถชำระเบี้ยประกันต่อไปได้เหมือนเดิม

    อุปสรรคจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ
    ความสามารถในการหารายได้ของคนเราอาจสะดุดหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุการประกันชีวิตช่วยพยุงรายได้ขณะเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติบริษัทจะจ่ายค่าทดแทนรายได้หรือค่า รักษาพยาบาลให้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์และในกรณีที่ผู้เอาประกันไม่สามารถส่งเบี้ยประกันได้ บริษัทจะทำการกู้ชำระเบี้ยประกันให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้กรมธรรม์ของผู้เอาประกันไม่ขาดผลบังคับ

    อุปสรรคจากการกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ
    หากบุคคลใดต้องตกเป็นบุคคลทุพพลภาพอย่างถาวรเมื่อนั้นรายได้ของเขาจะสิ้นสุดลงทันทีมีผลทำให้โครงการลงทุนต่างๆ ต้องยุติลงด้วย อีกทั้งยังเป็นภาระในการเลี้ยงดูของบุคคลในครอบครัว

    การประกันชีวิตช่วยบรรเทาความเสี่ยงในสาเหตุนี้ได้เพราะผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์หากผู้นั้นกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรไม่สามารถประกอบอาชีพใดๆได้ช่วยให้บุคคลผู้นั้นมีรายได้สำหรับตัวเองตลอดไป โดยไม่เป็นภาระของผู้อื่น

    นอกจากนี้บริษัทจะชำระเบี้ยประกันแทนซึ่งมีผลทำให้กรมธรรม์มีผลบังคับตลอดไปจนครบกำหนดสัญญา

    อุปสรรคจากความชรา
    เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราร่างกายจะไม่สามารถประกอบการงานได้อย่างเต็มที่แต่ความต้องการมีรายได้จะยังคงมีอยู่ เพราะวันใดที่รายได้หยุดลงการดำเนินชีวิตต่อไปก็จะเป็นภาระสำหรับผู้อื่นในครอบครัวซึ่งคงไม่มีใครต้องการให้เป็นเช่นนั้นการ ประกันชีวิตจะช่วยเก็บออมเงินทุนได้ดีที่สุดด้วยวิธีนี้ไม่ว่าจะมีอายุยืนยาวเพียงใดก็ตามรายได้ก็จะไม่มีวันขาดหายไป

    อุปสรรคจากการมรณกรรม
    ไม่มีผู้ใดหลีกหนีความตายได้และไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดเมื่อเวลา นั้นมาถึงพลังในการหารายได้จะสูญสิ้นไปจากครอบครัวทันทีแต่คนข้างหลังยังต้องต่อสู้ชีวิตต่อไปด้วยความยาก ลำบากและหวั่นไหวตลอดเวลามนุษย์ไม่สามารถหยุดยั้งความตายได้นอกจากเตรียมรับกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนั้นการประกันชีวิตจะสร้างสมเงินทุนเป็นกอบเป็นกำและมอบให้แก่ผู้รับผลประโยชน์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินเมื่อผู้เอาประกันถึงแก่กรรมลง<O:p</O:p
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    • ประโยชน์ของการประกันชีวิต
    การประกันชีวิตมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินให้แก่บุคคล ...
    <CITE>www.thailife.com/elearning/pdf_file/13.doc </CITE>
    ความหมายของการประกันชีวิต
    อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ให้ความหมายของการประกันชีวิตไว้อย่างมากมาย ...
    <CITE>www.thailife.com/elearning/pdf_file/12.doc</CITE>


    ·ประโยชน์ของการประกันชีวิต
    สามารถแยกประโยชน์ของการประกันชีวิตได้เป็น 3 ระดับ คือ
    1. ประโยชน์ต่อบุคคลและครอบครัว
    2. ประโยชน์ต่อธุรกิจ
    3. ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
    ประโยชน์ต่อบุคคลและครอบครัว
    ก.ประโยชน์ต่อบุคคลและครอบครัว
    การประกันชีวิตมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินให้แก่บุคคลและครอบครัวสร้างนิสัยการออมทำให้ มีเงินกองทุนไว้ใช้ในยามจำเป็นก่อให้เกิดความมั่นคงความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งจะแยกเป็นรายละเอียดได้ดังนี้ประโยชน์ในด้านให้ความคุ้มครอง เมื่อหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตสมาชิกทั้งหมดย่อมประสบกับความเดือดร้อน ทางการเงินแต่ถ้าหัวหน้าครอบครัวทำประกันชีวิตไว้ ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังก็จะไม่เดือดร้อนเนื่องจากเงินก้อนหนึ่งที่ได้รับจากการประกันชีวิตจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆในทางการเงินได้
    1) ช่วยปลดเปลื้องภาระครั้งสุดท้ายของชีวิต เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าพิธีกรรมเป็นต้นต่างๆ หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว
    2) ช่วยให้ภรรยาที่เป็นหม้ายมีเงินเลี้ยงชีพไปจนตลอดชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น
    3) ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในความอุปการะมีเงินก้อนพอที่จะแก้ไขปัญหาของตนไปได้ระยะหนึ่งและรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้รับประโยชน์เพื่อป้องกันการจับจ่ายใช้สอยไปในทางสุรุ่ยสุร่ายในกรณีที่ผู้รับประโยชน์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
    4) สร้างทุนการศึกษาให้กับบุตร
    5) ช่วยให้มีเงินก้อนสำหรับปลดเปลื้องภาระหนี้สิน
    6) กรณีที่ผู้เอาประกันได้รับอุบัติเหตุถ้าหากมีการประกันอุบัติ-เหตุควบคู่กับการประกันชีวิตก็จะมีเงินสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลหรือถ้าถึงกับทุพพลภาพถาวรจนไม่อาจประกอบอาชีพต่อไปได้ก็จะได้รับเบี้ยเลี้ยงชีพทำให้ไม่เป็นภาระแก่ผู้อื่น
    7) ช่วยแบ่งเบาภาระการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยการนำเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายในปีภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาทไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ ทั้งนี้เฉพาะกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไปและออกโดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น

    ข.ประโยชน์ในด้านการออม
    1) เป็นการเก็บออมที่สม่ำเสมอเพราะมีเงื่อนไขและสัญญาต่อกันระหว่างผู้เอาประกันกับผู้รับประกันเมื่อถึงกำหนดผู้รับประ กันจะมีใบเตือนการชำระเบี้ยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือมีพนักงานคอยให้ความสะดวกโดยบริการเก็บเงินถึงบ้านเป็นต้น
    2) มีเงินก้อนไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยสามารถกู้ยืมมาใช้ได้เมื่อกรมธรรม์มีอายุ 2-3 ปีขึ้นไป
    3) มีเงินก้อนสำหรับกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนยามชรากองทุนเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการสมรส กองทุนปรับปรุงฐานะครอบครัวกองทุนเพื่อดำเนินธุรกิจอิสระ กองทุนเพื่อพิทักษ์ธุรกิจ ฯลฯ
    4) ปลูกฝังให้เกิดนิสัยประหยัดรู้จักเก็บออมเพื่อให้ครอบครัวมีฐานะเป็นปึกแผ่นมั่นคง
    5) ปลูกฝังให้เกิดความรักความรู้สึกรับผิดชอบต่อครอบครัวและทำให้ครอบครัวมีโครงการทางการเงินที่สมบูรณ์

    ค. ประโยชน์ในด้านการลงทุน
    1) ไม่ต้องลงทุนก้อนใหญ่ซึ่งไม่เป็นการขัดกับค่าครองชีพประจำวัน
    2) มีหลักประกันอย่างสมบูรณ์ว่าต้นทุนจะไม่สูญหายเพราะบริษัทประกันชีวิตเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลงทุนและบริษัทได้รับอนุญาตให้นำไปลงทุนได้เฉพาะกิจการที่มั่นคงเท่านั้น
    3) ได้รับเงินปันผลตามสมควร หมายความว่า การประกันบางประเภท เช่น แบบสะสม-ทรัพย์ถ้าผู้เอาประกันอายุไม่มากเงินที่ได้รับเมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดมักจะมากกว่าจำนวนเบี้ยประกันที่ส่งรวมกันทั้งหมดการประกันบางประเภท ได้กำหนดไว้ว่าผู้เอาประกันจะได้รับเงินปันผลถ้าหากบริษัทมีกำไร
    4) เป็นหลักทรัพย์ที่แน่นอนไม่ว่าจะเป็นกรณีอยู่ครบกำหนดหรือเสียชีวิตระหว่างสัญญาเพียงแต่ชำระเบี้ยประกันให้ตลอดเท่านั้น

    ประโยชน์ต่อธุรกิจ
    การประกอบธุรกิจใดๆ ก็ตาม ผู้บริหารผู้ใช้แรงงาน ตลอดจนหุ้นส่วนของบริษัทเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการประกอบธุรกิจทั้งในด้านการวางแผน การผลิตสินค้าตลอดจนความเชื่อถือในผู้ถือหุ้นของบริษัทซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อตัวสินค้าของบริษัทหากต้องสูญเสียพวกเขาเหล่านี้ไปแม้เพียงคนเดียวก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทได้การประกันชีวิต จึงมีส่วนช่วยส่งเสริมธุรกิจอย่างมาก กล่าวคือ

    ก.สร้างศรัทธาด้านการเงินการประกันชีวิตช่วยคุ้มครองธุรกิจไม่ให้ได้รับผลกระทบในด้านการเงินและศรัทธานิยมอันเนื่องมาจากความมรณะของผู้เป็นเจ้าของความเจริญของธุรกิจย่อมขึ้นอยู่กับจำนวนเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินงานและความสามารถของผู้เป็นเจ้าของความมรณะของเจ้าของธุรกิจอาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ เจ้าหนี้ที่ขาดความเชื่อมั่นในความเป็นอยู่ของธุรกิจนั้นอาจไม่ยอมให้สินเชื่อหรือยืมเงินเพิ่มขึ้นหรือไม่ยอมขยายระยะเวลาในการให้กู้ยืมออกไปค่าความนิยมของธุรกิจอาจเสื่อมลง การดำเนินธุรกิจอาจไม่ราบรื่นและอาจต้องเลิกล้มไปในที่สุด แต่ถ้าเจ้าของกิจการ ได้ทำประกันชีวิตไว้เงินที่บริษัทประกันชีวิตจ่ายให้สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีทำให้ธุรกิจสามารถประกอบการ ต่อไปได้ตามปกติ

    ข.คุ้มครองบุคคลที่เป็นหัวใจสำคัญของงานความเจริญก้าวหน้าของธุรกิจอาจขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถหรือความชำนาญของบุคคลบางคนโดยเฉพาะ เช่น นักค้นคว้านักวิจัยหรือนักบริหารธุรกิจขององค์การธุรกิจนั้น เป็นต้น หากองค์การธุรกิจ นั้นๆมีการทำประกันชีวิตบุคคลที่เป็นหัวใจสำคัญของงานไว้ถ้าบุคคลเหล่านี้เสียชีวิตก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังทำให้มีทุนสำหรับจ้างหรือฝึกบุคคลใหมˆขึ้นมาแทนได้

    ค.คุ้มครองบุคคลที่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นตามปกติเมื่อหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งของห้างหุ้นส่วนถึงแก่มรณะ ห้างหุ้นส่วนนั้นย่อมจะเลิกไป เงินส่วนที่เป็นของผู้ที่ถึงแก่มรณะต้องคืนให้แก่ทายาทของผู้นั้นถ้าหุ้นส่วนคนอื่นๆ ต้องการให้ห้างหุ้นส่วนดำเนินกิจการต่อไปก็ต้องหาเงินมาจ่ายแก่ทายาทของหุ้นส่วนผู้ถึงแก่มรณะแต่ถ้าภาคี (ผู้มีส่วน) ที่เข้าร่วมใน หุ้นส่วนมีการประกันไว้ก็สามารถนำเงินจากการเอาประกันชีวิตนั้นมาซื้อส่วนของหุ้นส่วนที่ถึงแก่มรณะ และยังมีทุนรอนที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจนั้นๆเจริญก้าวหน้าขึ้นอีกด้วยและในกรณีที่บริษัทจำกัดมีผู้ถือหุ้นเพียงไม่กี่คน แต่ละคนถือหุ้นไว้เป็น จำนวนมากการบริหารงานดำเนินไปได้ก็โดยอาศัยความร่วมมือในหมู่ผู้ถือหุ้นนี้ฉะนั้นหากผู้ถือหุ้นคนใดถึงแก่มรณะทายาทอาจขายหุ้นให้แก่บุคคลภายนอกทำให้ผิดเจตนารมยŒของบริษัทและทำให้การบริหารงานของบริษัทต้องหยุดชะงัก
    ดังนั้นผู้ถือหุ้นอาจตกลงกันจัดให้มีการประกันชีวิตเพื่อนำเงินนั้นมาซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นบริษัทที่ถึงแก่มรณะเพื่อจะได้โอนหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ยังมีชีวิตอยู่ตามส่วนที่ตกลงไว้

    ง.อำนวยความสะดวกในด้านการกู้ยืมกรมธรรม์ประกันชีวิตสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมได้เมื่อผู้เอาประกันทำประกันได้ 2 หรือ 3 ปีไปแล้วเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจที่จะกู้ยืมเงินมาลงทุน

    จ.อำนวยความสะดวกในด้านการขาย ในการขายสินค้าแบบสินเชื่อหรือวิธีผ่อนชำระลูกค้าอาจเสียชีวิตก่อนที่จะได้ ชำระหนี้เสร็จสิ้นถ้าผู้ซื้อมีการประกันชีวิตไว้ไม่ต่ำกว่าวงเงินที่ให้สินเชื่อและโอนผลประโยชน์ในกรมธรรม์ให้แก่ผู้ขายก็จะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การขาย (การประกันที่นำมาใช้สำหรับกรณีนี้เรียกว่า " การประกันชำระหนี้ ")

    ฉ. เป็นสวัสดิการลูกจ้างการเสียชีวิตของลูกจ้างในบางกรณีก็มิได้สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นายจ้างแต่นายจ้างควรจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวของลูกจ้างตามสมควร นอกจากนั้นเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ลูกจ้าง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานนายจ้างควรมีสวัสดิการอื่นๆ เท่าที่จะทำได้แม้จะอยู่นอกข้อบังคับกฎหมาย เช่น ค่ารักษาพยาบาลเมื่อลูกจ้างเจ็บป่วย บำเหน็จบำนาญในยามปลดเกษียณ เป็นต้นกรณีเหล่านี้การประกันชีวิตแบบกลุ่มชั่วระยะเวลาหรือการประกันแบบสะสมทรัพย์สามารถสนองตอบวัตถุประสงค์ของนายจ้างได้

    ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
    สถาบันสังคมเกิดจากบุคคลและครอบครัวหากบุคคลและครอบครัวมีความมั่นคงก็จะก่อให้เกิดเสถียรภาพทางสังคมและ เศรษฐกิจด้วยการประกันชีวิตเป็นการระดมเงินออมระยะยาวที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชน ก่อให้เกิดการสร้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อม

    ก.ช่วยสะสมทุนเพื่อพัฒนาประเทศธุรกิจประกันชีวิตเป็นรูปแบบการระดมทุนภายในประเทศอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เงินเบี้ยประกันที่ผู้เอาประกันได้ชำระให้แก่บริษัทเป็นเงินฝากในระยะยาวเมื่อนำมารวมกันแล้วก็จะเป็นเงินก้อนใหญ่สามารถให้รัฐบาลหรือเอกชนกู้ยืมไปลงทุนได้

    ข. ช่วยปลูกฝังนิสัยการประหยัดการประกันชีวิตทำให้ประชาชนสนใจในการเก็บออมไม่สุรุ่ยสุร่ายเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อ

    ค.ช่วยเสริมสร้างความสงบสุขในสังคมการประกันชีวิตช่วยส่งเสริมให้บุคคลมีความรับผิดชอบต่อตนเอง เมื่อประสบกับการทุพพลภาพก็ได้รับค่าชดใช้หรือเบี้ยเลี้ยงชีวิตเมื่อถึงวัยชราก็มีเงินจำนวนหนึ่งไว้เลี้ยงดูตนเองหรือเมื่อเสียชีวิตก็มีเงินสำหรับ ครอบครัวไว้แก้ปัญหาต่างๆผลก็คือช่วยให้สังคมโดยทั่วไปมีหลักประกันและช่วยแบ่งเบางานด้านประชาสงเคราะห์ของรัฐบาล
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กองทุนรวม

    กองทุนรวมคืออะไร

    ที่มา กองทุนรวมคืออะไร


    กองทุนรวมคืออะไร?

    กองทุนรวม คือ เครื่องมือในการลงทุน (investment vehicle) สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ประสงค์จะนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน แต่ติดขัดด้วยอุปสรรคหลายประการ ที่ทำให้การลงทุนด้วยตนเองไม่สามารถได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ต้องการ เช่น
    · มีทุนทรัพย์จำนวนจำกัด ไม่สามารถกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเภทได้มากพอ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน หรือ
    · ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในการลงทุน หรือ
    · ไม่มีเวลาจะศึกษา ค้นหา และติดตามข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุน
    กองทุนรวม จึงเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ มีการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบ โดยมีจุดมุ่งหมาย ให้การลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีสุด ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้


    โครงสร้างของกองทุนรวม


    [​IMG]

    ประเภทของกองทุนรวม

    กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ (Fixed income fund)
    เน้นลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ เช่น เงินฝาก พันธบัตร หรือ หุ้นกู้ เน้นความเสี่ยงต่ำ รับรายได้ประจำจากดอกเบี้ย
    กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น (capital protected fund)
    เน้นการลงทุนแบบต้นไม่หายแต่กำไรไม่สูงมากนัก ด้วยกลไกการเลือกลงทุนในตราสารทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ
    กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (foreign investment fund : FIF)
    เป็นช่องทางกระจายเงินทุนไปยังต่างประเทศเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง
    กองทุนรวมหน่วยลงทุน (fund of funds)
    เป็นกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมอื่นอีกทีหนึ่งเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามนโยบายการลงทุนที่กำหนด
    กองทุนรวมตราสารแห่งทุน (equity fund)
    เน้นลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65 % เสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนก็ มีโอกาสสูงด้วย
    กองทุนรวมมีประกัน (guaranteed fund)
    ลงทุนแบบสบายใจ สบายกระเป๋า เพราะมีผู้รับประกันความเสี่ยง (guarantor) ตามเงื่อนไขการลงทุนที่กำหนด
    กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (property fund)
    ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน หรือ ศูนย์การค้า ที่ผู้ลงทุน สามารถเป็นเจ้าของตึกก็ได้ และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากทรัพย์สินนั้นๆ
    กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual fund : RMF)
    ลงทุนแบบออมเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุพร้อมได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ลดทุกปีที่ซื้อสูงสุดร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปีหรือไม่เกิน 500,000 บาท เน้นลงทุนระยะยาวต่อเนื่องจนอายุ 55 ปี
    กองทุนรวมผสม (mixed fund)
    ลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้ผสมผสานกัน เน้นความยืดหยุ่นปรับสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ เพื่อลดความเสี่ยง
    กองทุนรวมตลาดเงิน (money market fund)
    ลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี เป็นส่วนใหญ่เน้นความเสี่ยงต่ำ แต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
    กองทุนรวมดัชนี (index fund)
    เน้นการสร้างผลตอบแทนล้อตามการเคลื่อนไหวของดัชนีราคาหลักทรัพย์ ที่กำหนดไว้ในนโยบายการลงทุน เช่น ลงทุนตามดัชนี SET Index หรือ SET50 เป็นต้น
    กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long term equity fund : LTF)
    เน้นการลงทุนในหุ้น ที่แถมสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับเงินที่นำมาลงทุน ได้มากถึงร้อยละ 15 ของรายได้ทั้งปี หรือไม่เกิน 500,000 บาท ระยะเวลาลงทุนเพียง 5 ปฏิทิน
    Exchange Traded Fund (ETF)
    กองทุนเปิดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุน ETF โดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (Brokers) ได้เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป และยังช่วยลดความเสี่ยง อีกทั้งยังใช้เงินเริ่มต้นในการลงทุนไม่มาก พร้อมกับช่วยสร้างสภาพคล่องของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้น


    ข้อดีของกองทุนรวม

    1. บริหารโดยมืออาชีพ ซึ่งมืออาชีพในที่นี้หมายถึง "บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)" หรือ "บริษัทจัดการ" ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนรวมที่มีความรู้และประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์รวมถึงวางแผนการ ลงทุนตามวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนของกองทุนรวมแต่ละกอง
    2. มีการกระจายความเสี่ยง ผู้จัดการกองทุนรวมจะนะเงินไปลงทุนในตราสารทางการเงินที่หลาก
    หลาย เพื่อเป็นการกระจายและช่วยลดความเสี่ยง
    3. มีสภาพคล่อง ผู้ลงทุนสามารถแปรหน่วยลงทุนที่ถืออยู่ให้เป็นเงินสดได้ด้วยการขายหน่วยลงทุน
    คืนบลจ. หรือนำไปขายเปลี่ยนมือในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้
    4. มีทางเลือกในการลงทุน เนื่องจากกองทุนรวมแต่ละกองมีนโยบายเฉพาะตัวในการลงทุน ซึ่งผู้ลง
    ทุนสามารถเลือกนโยบายที่เหมาะสมกับตนเองได้
    5. มีกลไกป้องกันผู้ลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
    เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ในการทำธุรกิจ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนได้เข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อ
    การตัดสินใจลงทุนเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงทุนถูกเอาเปรียบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mutual1.jpe
      mutual1.jpe
      ขนาดไฟล์:
      74.2 KB
      เปิดดู:
      19,466
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา สมาคมค้าทองคำ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom background=images/goldprice_h.jpg height=51><TABLE width=547 align=center border=0><TBODY><TR><TD style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: #993300; FONT-FAMILY: Tahoma" width=682 colSpan=2>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำประจำวันพุธที่ 17 มีนาคม 2553 [​IMG]</TD><!--<td width="98"> </td>--></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD background=images/goldprice_bg.jpg><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 align=right border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=562 border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=paddingleft5px width=168 bgColor=#ddccb0>ทองคำ 96.5%</TD><TD class=paddingleft5px width=138 bgColor=#ddccb0>รับซื้อ</TD><TD class=paddingleft5px width=138 bgColor=#ddccb0>ขายออก</TD><TD class=paddingleft5px width=100 bgColor=#ddccb0>ประกาศเวลา</TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองคำแท่ง</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>17200 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>17300 </TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 rowSpan=2>09:30:00 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=584 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom background=images/for_h.jpg height=51><TABLE width=541 align=center border=0><TBODY><TR><TD style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: #993300; FONT-FAMILY: Tahoma" width=600>ราคาทองอ้างอิงตลาดต่างประเทศ 99.99% และ 99.50%</TD><TD width=383></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD background=images/goldprice_bg.jpg><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 align=right border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width=562 border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=paddingleft5px width=135 bgColor=#ddccb0>ตลาดต่างประเทศ</TD><TD class=paddingleft5px width=229 bgColor=#ddccb0>เปิด</TD><TD class=paddingleft5px width=184 bgColor=#ddccb0>ปิด</TD></TR><TR><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#e1e1e1>ฮ่องกง </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#e1e1e1>10415 </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#e1e1e1>n/a </TD></TR><TR><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#cccccc>ลอนดอน AM FIX </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#cccccc>n/a </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#cccccc>1113.25 </TD></TR><TR><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#e1e1e1>ลอนดอน PM FIX </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#e1e1e1>n/a </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#e1e1e1>1124.75 </TD></TR><TR><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#cccccc>นิวยอร์ค </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#cccccc>1113.50 </TD><TD class=paddingleft5px align=middle bgColor=#cccccc>1123.25 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทองคำ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->
    <DL><DD>บทความนี้เกี่ยวกับธาตุ สำหรับความหมายอื่น ดูที่ ทอง (แก้ความกำกวม)
    </DD></DL><TABLE class=wikitable style="MARGIN-BOTTOM: 0.5em; MARGIN-LEFT: 0.5em; POSITION: relative" cellSpacing=0 cellPadding=2 width=300 align=right border=1><TBODY><TR><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><BIG>79</BIG></TD><TD align=middle><SMALL>แพลตินัม</SMALL> ← <BIG>ทองคำ</BIG> → <SMALL>ปรอท</SMALL></TD></TR><TR><TD align=middle><SMALL>Ag</SMALL>

    <BIG>Au</BIG>

    <SMALL>Rg</SMALL>
    </TD><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TH style="BACKGROUND: #ffc0c0; COLOR: black" colSpan=2>ทั่วไป</TH></TR><TR><TD>ชื่อ, สัญลักษณ์, หมายเลข</TD><TD>ทองคำ, Au, 79</TD></TR><TR><TD>อนุกรมเคมี</TD><TD>โลหะทรานซิชัน</TD></TR><TR><TD>หมู่, คาบ, บล็อก</TD><TD>11, 6, d</TD></TR><TR><TD>ลักษณะ</TD><TD>สีเหลืองวาว
    [​IMG]</TD></TR><TR><TD>มวลอะตอม</TD><TD>196.96655(2) กรัม/โมล</TD></TR><TR><TD>การจัดเรียงอิเล็กตรอน</TD><TD>[Xe] 4f<SUP>14</SUP> 5d<SUP>10</SUP> 6s<SUP>1</SUP></TD></TR><TR><TD>อิเล็กตรอนต่อระดับพลังงาน</TD><TD>2, 8, 18, 32, 18, 1</TD></TR><TR><TH style="BACKGROUND: #ffc0c0; COLOR: black" colSpan=2>คุณสมบัติทางกายภาพ</TH></TR><TR><TD>สถานะ</TD><TD>ของแข็ง</TD></TR><TR><TD>ความหนาแน่น (ใกล้ r.t.)</TD><TD>19.3 ก./ซม.³</TD></TR><TR><TD>ความหนาแน่นของของเหลวที่m.p.</TD><TD>17.31 ก./ซม.³</TD></TR><TR><TD>จุดหลอมเหลว</TD><TD>1337.33 K
    (1064.18 °C)</TD></TR><TR><TD>จุดเดือด</TD><TD>3129 K(2856 °C)</TD></TR><TR><TD>ความร้อนของการหลอมเหลว</TD><TD>12.55 กิโลจูล/โมล</TD></TR><TR><TD>ความร้อนของการกลายเป็นไอ</TD><TD>324 กิโลจูล/โมล</TD></TR><TR><TD>ความร้อนจำเพาะ</TD><TD>(25 °C) 25.418 J/(mol·K)</TD></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 1px solid; MARGIN: 0em 0em 0em 0px; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 1px solid; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=1><CAPTION>ความดันไอ</CAPTION><TBODY><TR align=middle><TD>P/Pa</TD><TD>1</TD><TD>10</TD><TD>100</TD><TD>1 k</TD><TD>10 k</TD><TD>100 k</TD></TR><TR align=middle><TD>ที่ T K</TD><TD>1646</TD><TD>1814</TD><TD>2021</TD><TD>2281</TD><TD>2620</TD><TD>3078</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TH style="BACKGROUND: #ffc0c0; COLOR: black" colSpan=2>คุณสมบัติของอะตอม</TH></TR><TR><TD>โครงสร้างผลึก</TD><TD>cubic face centered</TD></TR><TR><TD>สถานะออกซิเดชัน</TD><TD>3, 1
    (amphoteric oxide)</TD></TR><TR><TD>อิเล็กโตรเนกาติวิตี</TD><TD>2.54 (พอลิงสเกล)</TD></TR><TR><TD vAlign=top rowSpan=2>พลังงานไอออไนเซชัน</TD><TD>ระดับที่ 1: 890.1 กิโลจูล/โมล</TD></TR><TR><TD>ระดับที่ 2: 1980 กิโลจูล/โมล</TD></TR><TR><TD>รัศมีอะตอม</TD><TD>135 pm</TD></TR><TR><TD>รัศมีอะตอม (คำนวณ)</TD><TD>174 pm</TD></TR><TR><TD>รัศมีโควาเลนต์</TD><TD>144 pm</TD></TR><TR><TD>รัศมีวานเดอร์วาลส์</TD><TD>166 pm</TD></TR><TR><TH style="BACKGROUND: #ffc0c0; COLOR: black" colSpan=2>อื่น ๆ</TH></TR><TR><TD>การจัดเรียงทางแม่เหล็ก</TD><TD>no data</TD></TR><TR><TD>ความต้านทานไฟฟ้า</TD><TD>(20 °C) 22.14 nΩ·m</TD></TR><TR><TD>การนำความร้อน</TD><TD>(300 K) 318 W/(m·K)</TD></TR><TR><TD>การขยายตัวจากความร้อน</TD><TD>(25 °C) 14.2 µm/(m·K)</TD></TR><TR><TD>ความเร็วเสียง (thin rod)</TD><TD>(r.t.) (hard-drawn)
    2030 m/s</TD></TR><TR><TD>โมดูลัสของยังก์</TD><TD>78 GPa</TD></TR><TR><TD>โมดูลัสของแรงเฉือน</TD><TD>27 GPa</TD></TR><TR><TD>โมดูลัสของแรงบีบอัด</TD><TD>220 GPa</TD></TR><TR><TD>อัตราส่วนปัวซอง</TD><TD>0.44</TD></TR><TR><TD>ความแข็งโมห์ส</TD><TD>2.5</TD></TR><TR><TD>ความแข็งวิกเกอร์ส</TD><TD>216 MPa</TD></TR><TR><TD>ความแข็งบริเนล</TD><TD>2450 MPa</TD></TR><TR><TD>เลขทะเบียน CAS</TD><TD>7440-57-5</TD></TR><TR><TH style="BACKGROUND: #ffc0c0; COLOR: black" colSpan=2>ไอโซโทปที่น่าสนใจ</TH></TR><TR><TD colSpan=2><TABLE style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 1px solid; MARGIN: 0em 0em 0em 0px; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 1px solid; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=1><CAPTION>บทความหลัก: ไอโซโทปของทองคำ</CAPTION><TBODY><TR><TH>iso</TH><TH>NA</TH><TH>ครึ่งชีวิต</TH><TH>DM</TH><TH>DE <SMALL>(MeV)</SMALL></TH><TH>DP</TH></TR><TR><TD><SUP>195</SUP>Au</TD><TD>syn</TD><TD>186.10 d</TD><TD>ε</TD><TD>0.227</TD><TD><SUP>195</SUP>Pt</TD></TR><TR><TD rowSpan=2><SUP>196</SUP>Au</TD><TD rowSpan=2>syn</TD><TD rowSpan=2>6.183 d</TD><TD>ε</TD><TD>1.506</TD><TD><SUP>196</SUP>Pt</TD></TR><TR><TD>β<SUP>-</SUP></TD><TD>0.686</TD><TD><SUP>196</SUP>Hg</TD></TR><TR><TD><SUP>197</SUP>Au</TD><TD>100%</TD><TD colSpan=4>Au เสถียร โดยมี 118 นิวตรอน</TD></TR><TR><TD><SUP>198</SUP>Au</TD><TD>syn</TD><TD>2.69517 d</TD><TD>β<SUP>-</SUP></TD><TD>1.372</TD><TD><SUP>198</SUP>Hg</TD></TR><TR><TD><SUP>199</SUP>Au</TD><TD>syn</TD><TD>3.169 d</TD><TD>β<SUP>-</SUP></TD><TD>0.453</TD><TD><SUP>199</SUP>Hg</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TH style="BACKGROUND: #ffc0c0; COLOR: black" colSpan=2>แหล่งอ้างอิง</TH></TR></TBODY></TABLE>ทองคำ (อังกฤษ: gold) คือธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม 79 และสัญลักษณ์คือ Au (มาจากภาษาละตินว่า aurum) ทองคำเป็นธาตุโลหะทรานซิชันสีเหลืองทองมันวาวเนื้ออ่อนนุ่ม สามารถยืดและตีเป็นแผ่นได้ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีส่วนใหญ่ ทองคำใช้เป็นทุนสำรองทางการเงินของหลายประเทศ ใช้ประโยชน์เป็นเครื่องประดับ งานทันตกรรม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    <TABLE class=toc id=toc><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

    [ซ่อน]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>[แก้] คุณสมบัติของทองคำ

    มีความแวววาวอยู่เสมอ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนดังนั้น เมื่อสัมผัสถูกอากาศสีของทองจะไม่หมองและไม่เกิดสนิม มีความอ่อนตัว ทองคำเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุด ด้วยทองเพียงประมาณ 2 บาท เราสามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร หรืออาจตีเป็นแผ่นบางได้ถึง 100 ตารางฟุต เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดี สะท้อนความร้อนได้ดี ทองคำสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ได้มีการนำทองคำไปฉาบไว้ที่หน้ากากหมวกของนักบินอวกาศ เพื่อป้องกันรังสีอินฟราเรด
    มนุษย์รู้จักทองคำมาตั้งแต่ประมาณ 5,000 ปี เป็นความหมายแห่งความมั่งคั่ง จุดหลอมเหลว 1064 และจุดเดือด 2970 องศาเซลเซียส เป็นโลหะที่มีค่าที่มีความเหนียว (Ductility) และความสามารถในการขึ้นรูป (Malleability) คือจะยืดขยาย (Extend) เมื่อถูกตีหรือรีดในทุกทิศทาง โดยไม่เกิดการปริแตกได้สูงสุด ทองคำบริสุทธิ์หนัก 1 ออนซ์สามารถดึงเป็นเส้นลวดยาวได้ถึง 80 กิโลเมตร ถ้าตีเป็นแผ่นก็จะได้บางเกินกว่า 1/300,000 นิ้ว ส่วนความกว้างจะได้ถึง 9 ตารางเมตร
    ทองคำบริสุทธิ์ไม่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี จึงทนต่อการผุกร่อนและไม่เกิดสนิมกับอากาศ แต่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิด เช่น คลอรีน ฟลูออรีน น้ำประสานทอง
    คุณสมบัติเหล่านี้ประกอบกับลักษณะภายนอกที่เป็นประกายจึงทำให้ทองคำเป็นที่หมายปองของมนุษย์มาเป็นเวลานับพันปี โดยนำมาตีมูลค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและใช้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับวงการเครื่องประดับ
    ทองคำได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในวงการเครื่องประดับทองคำ เพราะเป็นโลหะมีค่าชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน 4 ประการซึ่งทำให้ทองคำโดดเด่น และเป็นที่ต้องการเหนือบรรดาโลหะมีค่าทุกชนิดในโลก คือ
    1. งดงามมันวาว (lustre) สีสันที่สวยงามตามธรรมชาติผสานกับความมันวาวก่อให้เกิดความงามอันเป็นอมตะ ทองคำสามารถเปลี่ยนเฉดสีทองโดยการนำทองคำไปผสมกับโลหะมีค่าอื่นๆ ช่วยเพิ่มความงดงามให้แก่ทองคำได้อีกทางหนึ่ง
    2. คงทน (durable) ทองคำไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง และไม่ผุกร่อน แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป 3000 ปีก็ตาม
    3. หายาก (rarity) ทองเป็นแร่ที่หายาก กว่าจะได้ทองคำมาหนึ่งออนซ์(31.167 gram) ต้องถลุงก้อนแร่ที่มีทองคำอยู่เป็นจำนวนหลายตัน และต้องขุดเหมืองลึกลงไปหลายสิบเมตร จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นเหตุให้ทองคำมีราคาแพงตามต้นทุนในการผลิต
    4. นำกลับไปใช้ได้ (reuseable) ทองคำเหมาะสมที่สุดต่อการนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะมีความเหนียวและอ่อนนิ่มสามารถนำมาทำขึ้นรูปได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยการทำให้บริสุทธิ์ (purified) ด้วยการหลอมได้อีกโดยนับครั้งไม่ถ้วน
    [แก้] การเกิดของแร่ทองคำ

    สรุปจากเอกสารของกรมทรัพยากรธรณี ได้มีการแบ่งการเกิดของแร่ทองคำออกเป็น 2 แบบ ตามลักษณะที่พบในธรรมชาติได้ดังนี้
    • แบบปฐมภูมิ คือกระบวนการทางธรณีวิทยา มีการผสมทางธรรมชาติจากน้ำแร่ร้อน ผสมผสานกับสารละลายพวกซิลิก้า ทำให้เกิดการสะสมตัวของแร่ทองคำในหินต่างๆ เช่น หินอัคนี หินชั้น และหินแปร มีการพบการฝังตัวของแร่ทองคำในหิน หรือสายแร่ที่แทรกอยู่ในหิน ซึ่งส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
    • แบบทุติยภูมิหรือลานแร่ คือการที่หินที่มีแร่ทองคำแบบปฐมภูมิได้มีการสึกกร่อน และถูกน้ำพัดพาไปสะสมตัวในที่แห่งใหม่ เช่น ตามเชิงเขา ลำห้วย หรือในตะกอนกรวดทรายในลำน้ำ
    แหล่งแร่ทองคำปฐมภูมิในไทย เช่น
    แหล่งแร่ทองคำทุติยภูมิในไทย เช่น

    [แก้] หน่วยน้ำหนักของทองคำ

    • กรัม : ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นหน่วยสากล
    • ทรอยเอานซ์ : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย
    • โทลา : ใช้กันทางประเทศแถบตะวันออกกลาง อินเดีย ปากีสถาน
    • ตำลึง : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาจีน เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง
    • บาท : ใช้ในประเทศไทย
    • ชิ : ใช้ในประเทศเวียดนาม
    [แก้] การแปลงน้ำหนักทองคำ

    <DL><DT>ทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% (มาตรฐานในประเทศไทย) <SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP> </DT></DL>
    • ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม
    • ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม
    <DL><DT>ทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% </DT></DL>
    • ทองคำ 1 กิโลกรัม เท่ากับ 32.1508 (ทรอย) ออนซ์
    • ทองคำ 1 (ทรอย) ออนซ์ เท่ากับ 31.1040 กรัม
    หมายเหตุ: ทรอยออนซ์ เป็นหน่วยชั่งของโลหะมีค่า แต่มักเรียกสั้นๆ ว่า ออนซ์
    • 1 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1.097 ออนซ์ (ปกติ)
    • 12 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1 ทรอยปอน
    • 1 ทรอยปอน เท่ากับ 373 กรัม
    [แก้] การลงทุนทองคำ

    การตั้งราคาทองในประเทศไทยจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ Goldspot และ USD-THB
    • Goldspot
    คือ ราคาทองต่างประเทศ มีการซื้อขายทองโดยใช้เงินสกุลดอลล่าร์
    • USD-THB
    คือ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์
    • การตั้งราคาทองในประเทศไทย มีสูตรคำนวณดังนี้
    สูตรคำนวณราคาทองคำ = (spot gold + 2) x อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท x 0.4729
    [แก้] ประโยชน์อื่น

    <DL><DT>ด้านอวกาศ </DT></DL>ในทางอวกาศได้มีการนำทองคำมาใช้เป็นชุดนักบินอวกาศและแคปซูล เพื่อป้องกันไม่ให้นักบินอวกาศกระทบกับรังสีในอวกาศที่มีพลังงานสูง นอกจากนี้ยังมีการใช้ทองคำบริสุทธิ์เคลือบกับเครื่องยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หมวกเหล็ก เกราะบังหน้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในอวกาศ เนื่องจากทองคำที่มีความหนา 0.000006 นิ้ว จะมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ทำลาย หรือลดประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้

    <DL><DT>ด้านทันตกรรม </DT></DL>มีการใช้ทองคำเพื่อการครอบฟัน เชื่อมฟัน หรือการเลี่ยมทอง และยังมีการใช้ในการผลิตฟันปลอมด้วย เนื่องจากทองคำมีความคงทนต่อการกัดกร่อน การหมองคล้ำ และยังมีความแข็งแรงอีกด้วย โดยจะใช้ทองคำผสมกับธาตุอื่น เช่น แพลตินัม

    <DL><DT>ด้านอิเล็กทรอนิกส์ </DT></DL>มีการนำทองคำมาใช้เป็นวัสดุที่ทำหน้าที่สัมผัสในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เครื่องคิดเลข โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากทองคำมีค่าการนำไฟฟ้าสูง และมีความคงทนต่อการกัดกร่อน จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของเครื่องไฟฟ้าเหล่านั้น
    [แก้] รายชื่อตลาดทองคำที่สำคัญของโลก

    1. ตลาดทองคำนิวยอร์ก
    2. ตลาดทองคำลอนดอน
    3. ตลาดทองคำฮ่องกง
    4. ตลาดทองคำอินเดีย
    5. ตลาดทองคำซิซิลีอิตาลี
    6. ตลาดทองคำ ซาร์เดนญาอิตาลี
    [แก้] อ้างอิง

    1. ^ Troy Ounce Weight Measure Units-Gold Calculator Software
    [แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

    <!-- NewPP limit reportPreprocessor node count: 615/1000000Post-expand include size: 9255/2048000 bytesTemplate argument size: 1504/2048000 bytesExpensive parser function count: 1/500--><!-- Saved in parser cache with key thwiki:pcache:idhash:14212-0!1!0!!th!2 and timestamp 20100316230421 -->ดึงข้อมูลจาก "ทองคำ - วิกิพีเดีย".
    หมวดหมู่: ธาตุเคมี | วัสดุศาสตร์ | ธาตุโลหะ
    หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <TABLE class=tborder id=post3003734 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 22-02-2010, 09:57 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #36956 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sithiphong<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3003734", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    สถานที่: ชมรมรักษ์พระวังหน้า
    ข้อความ: 35,032
    Groans: 113
    Groaned at 109 Times in 60 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 23,266
    ได้รับอนุโมทนา 222,098 ครั้ง ใน 29,226 โพส
    พลังการให้คะแนน: 15421 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_3003734 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->นำสิ่งดีๆมาฝากกัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกๆครอบครัว

    ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย

    ยังเริ่มต้นกันได้เสมอครับ

    [​IMG] Saving2553.xls

    .<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บัญชีรายรับ รายจ่าย ประจำครอบครัว

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ธนาคารแห่งประเทศไทย

    ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=MSOZoneCell_WebPartWPQ6 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 TOPLEVEL><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE class=linkboxContainer cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=RightZoneTitleHeaderBG height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%"><TBODY><TR><TD class=pageContent style="TEXT-ALIGN: left">อัตราดอกเบี้ยธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตร
    ระยะ 1 วัน 1.25%</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD id=MSOZoneCell_WebPartWPQ1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 TOPLEVEL><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE class=linkboxContainer cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=app_table_content borderColor=#d7d7d7 cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" bgColor=#efefef border=0><TBODY><TR><TD class=RightZoneTitleHeaderBG>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=RightZoneInflation style="FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: 13px; COLOR: #458be0" colSpan=2>อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 0.5-3.0%</TD></TR><TR><TD class=RightZoneInflation colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=RightZoneDotrow colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=RightZoneInflation style="FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: 12px; COLOR: #7d6c2b" colSpan=2>อัตราเงินเฟ้อล่าสุด : กุมภาพันธ์ 2553</TD></TR><TR><TD class=RightZoneInflation noWrap width="35%">- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน </TD><TD style="TEXT-INDENT: 5px; TEXT-ALIGN: left" width="65%">0.3%</TD></TR><TR><TD class=RightZoneInflation noWrap>- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป </TD><TD style="TEXT-INDENT: 5px; TEXT-ALIGN: left">3.7%</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    .

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้นำเรื่องที่ผมได้ลงในกระทู้พระวังหน้า เรื่องเคล็ดลับการออม ให้มีเงินพอใช้หลังเกษียณ ซึ่งตั้งแต่โพสที่ #37283 จนถึงโพสที่ #37293 และนำไปตั้งกระทู้ เคล็ดลับการออม ให้มีเงินพอใช้หลังเกษียณ
    PaLungJit.com > ทั่วไป > จักรวาลคู่ขนาน

    ซึ่งผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ และรู้จักการจัดการในระบบการเงินของตนเองดีพอ ผมเชื่อว่า ในอนาคต ท่านจะไม่เดือนร้อนกับการดำรงชีวิต

    ท่านต้องเลือกการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง และเหมาะกับแนวทางการดำเนินชีวิตของท่าน

    ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่สดใสครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

    วันนี้ผมได้ไปรับกล่องสเตนเลส จำนวน 15 ใบมาเรียบร้อยแล้ว

    สำหรับท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะนำพระวังหน้า ไปบรรจุตามพระเจดีย์ , ฐานพระพุทธรูป หรืออื่นๆ ที่มีที่บรรจุอย่างเหมาะสม แจ้งเข้ามาด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ

    [​IMG]
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • satanlas1.jpg
      satanlas1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36 KB
      เปิดดู:
      944
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คงจงโหลวเก๋อ : หอตั้งบนอากาศ
    China - Manager Online

    [​IMG]โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    17 มีนาคม 2553 09:41 น.[​IMG]
    [​IMG]
    ภาพจาก THE PALACE MUSEUM[​IMG] 《空中楼阁》

    空中 (kōng zhōng) อ่านว่า คงจง แปลว่า อากาศ
    楼阁 (lóu gé) อ่านว่า โหลวเก๋อ แปลว่า หอหรือตึกที่หรูหรา


    เล่ากันว่า ในอดีต ยังมีมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่ค่อนข้างไร้สติปัญญา วันหนึ่งเขาได้เดินทางไปเยี่ยมสหายซึ่งเป็นตระกูลมั่งมีเช่นกัน เมื่อไปถึง เขาได้เห็นในบ้านของสหายปลูกไว้ด้วยหอ 3 ชั้นที่ทั้งโอ่อ่าและสูงตระการตา โดยเฉพาะชั้นที่สามนั้นงดงามโดดเด่นจนทำให้เขาเกิดความริษยายิ่งนัก จึงคิดขึ้นมาว่า "ทรัพย์สินเงินทองของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนผู้นี้แต่อย่างใด เหตุใดข้าจึงไม่ได้ฉุกคิดว่าควรจะสร้างหอสูงที่สวยงามเช่นนี้ขึ้นบ้าง?"

    เมื่อคิดได้ดังนั้น มหาเศรษฐีจึงรีบกลับบ้านของตน ทั้งยังเรียกช่างฝีมือที่มีความชำนาญการก่อสร้างมา พลางออกคำสั่งว่า "เจ้าสามารถสร้างหอชั้นสาม ที่งดงามเช่นเดียวกับบ้านของสหายของข้าได้หรือไม่?" ช่างฝีมือจึงตอบว่า "ย่อมได้ เพราะหอหลังนั้นเป็นข้าน้อยเองที่สร้างขึ้น" เมื่อมหาเศรษฐีได้ยินจึงกระหยิ่มใจพลางเร่งให้ช่างฝีมือดำเนินการทั้นที

    เมื่อได้รับการว่าจ้าง ช่างฝีมือจึงลงมือวัดพื้นดิน ก่ออิฐ สร้างฐาน ต่อเมื่อมหาเศรษฐีมาดูงาน ก็เกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามว่า "นี่เจ้ากำลังทำอะไร?" ช่างก่อสร้างจึงตอบว่า "กำลังสร้างหอที่ท่านสั่ง" ได้ยินดังนั้นมหาเศรษฐีจึงรีบบอกว่า "ข้าเพียงต้องการให้เจ้าสร้างหอชั้นที่สามเท่านั้น เหตุใดท่านขัดคำสั่งข้า"

    ช่างได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า "หากไม่สร้างชั้นที่หนึ่งจะมีชั้นที่สองได้อย่างไร และถ้าไม่มีชั้นที่สอง ก็ไม่สามารถสร้างชั้นที่สามได้" แต่เศรษฐีไม่ฟัง ได้แต่โวยวายต้องการให้ช่างก่อสร้าง สร้างหอชั้นที่สามให้เขาทันที ช่างก่อสร้างหมดปัญญา จึงได้แต่ถอนตัวจากการว่าจ้างดังกล่าว

    สำนวน "คงจงโหลวเก๋อ" หรือ "หอตั้งบนอากาศ" ใช้เปรียบเปรยถึงคำพูดที่ไกลห่างจากหลักเหตุผลและข้อเท็จจริง การโกหกหรือสร้างเรื่องสมมุติ



    ที่มา ?ٶȰٿơ???ȫDz׮?İٿƈ?ʩ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คงจงโหลวเก๋อ : หอตั้งบนอากาศ
    China - Manager Online

    [​IMG]โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    17 มีนาคม 2553 09:41 น.[​IMG]
    [​IMG]
    ภาพจาก THE PALACE MUSEUM[​IMG] 《空中楼阁》

    空中 (kōng zhōng) อ่านว่า คงจง แปลว่า อากาศ
    楼阁 (lóu gé) อ่านว่า โหลวเก๋อ แปลว่า หอหรือตึกที่หรูหรา


    เล่ากันว่า ในอดีต ยังมีมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่ค่อนข้างไร้สติปัญญา วันหนึ่งเขาได้เดินทางไปเยี่ยมสหายซึ่งเป็นตระกูลมั่งมีเช่นกัน เมื่อไปถึง เขาได้เห็นในบ้านของสหายปลูกไว้ด้วยหอ 3 ชั้นที่ทั้งโอ่อ่าและสูงตระการตา โดยเฉพาะชั้นที่สามนั้นงดงามโดดเด่นจนทำให้เขาเกิดความริษยายิ่งนัก จึงคิดขึ้นมาว่า "ทรัพย์สินเงินทองของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนผู้นี้แต่อย่างใด เหตุใดข้าจึงไม่ได้ฉุกคิดว่าควรจะสร้างหอสูงที่สวยงามเช่นนี้ขึ้นบ้าง?"

    เมื่อคิดได้ดังนั้น มหาเศรษฐีจึงรีบกลับบ้านของตน ทั้งยังเรียกช่างฝีมือที่มีความชำนาญการก่อสร้างมา พลางออกคำสั่งว่า "เจ้าสามารถสร้างหอชั้นสาม ที่งดงามเช่นเดียวกับบ้านของสหายของข้าได้หรือไม่?" ช่างฝีมือจึงตอบว่า "ย่อมได้ เพราะหอหลังนั้นเป็นข้าน้อยเองที่สร้างขึ้น" เมื่อมหาเศรษฐีได้ยินจึงกระหยิ่มใจพลางเร่งให้ช่างฝีมือดำเนินการทั้นที

    เมื่อได้รับการว่าจ้าง ช่างฝีมือจึงลงมือวัดพื้นดิน ก่ออิฐ สร้างฐาน ต่อเมื่อมหาเศรษฐีมาดูงาน ก็เกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามว่า "นี่เจ้ากำลังทำอะไร?" ช่างก่อสร้างจึงตอบว่า "กำลังสร้างหอที่ท่านสั่ง" ได้ยินดังนั้นมหาเศรษฐีจึงรีบบอกว่า "ข้าเพียงต้องการให้เจ้าสร้างหอชั้นที่สามเท่านั้น เหตุใดท่านขัดคำสั่งข้า"

    ช่างได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า "หากไม่สร้างชั้นที่หนึ่งจะมีชั้นที่สองได้อย่างไร และถ้าไม่มีชั้นที่สอง ก็ไม่สามารถสร้างชั้นที่สามได้" แต่เศรษฐีไม่ฟัง ได้แต่โวยวายต้องการให้ช่างก่อสร้าง สร้างหอชั้นที่สามให้เขาทันที ช่างก่อสร้างหมดปัญญา จึงได้แต่ถอนตัวจากการว่าจ้างดังกล่าว

    สำนวน "คงจงโหลวเก๋อ" หรือ "หอตั้งบนอากาศ" ใช้เปรียบเปรยถึงคำพูดที่ไกลห่างจากหลักเหตุผลและข้อเท็จจริง การโกหกหรือสร้างเรื่องสมมุติ



    ที่มา ?ٶȰٿơ???ȫDz׮?
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คู่มือที่พ่อแม่ควรอ่าน! ก่อนมืดแปดด้านเมื่อ "ลูกหาย"
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 มีนาคม 2553 12:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เข้าสู่เทศกาลปิดเทอมทีไร คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคมโลกออนไลน์ของลูกได้เปิดกว้างขึ้นอย่างเต็มที่ ทั้งใน และนอกบ้าน จนกลายเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะภัยล่อลวงจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะติดเกมออนไลน์ แชทไลน์ทางอินเทอร์เน็ต จนตกหลุมพลาง และถูกดึงตัวออกจากบ้าน ไม่เพียงเท่านี้ ยังเสี่ยงต่อการถูกล่อลวง หรือลักพาตัวจากเหล่ามิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่นอกบ้านโดยที่พ่อแม่อาจรู้ไม่เท่าทันก็เป็นได้

    ปัญหาเหล่านี้ ล้วนสร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่ไม่น้อย เพราะเมื่อลูกหาย หลายครอบครัวเกิดอาการมืดแปดด้าน เนื่องจากไม่ทราบว่า ควรจะดำเนินการ ต่อเรื่องดังกล่าวอย่างไร จึงทำให้การติดตามลูกสุดที่รักเป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมพร้อมกับการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ลูกหายขึ้นภายในครอบครัวของคุณ

    ด้วยเหตุนี้ ทำให้ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา จัดทำคู่มือการติดตาม และป้องกันเด็กสูญหายขึ้น เพื่อเป็นการให้ความรู้ และคำแนะนำแก่พ่อแม่ในการติดตาม ลูกสู่อ้อมอกอย่างมีขั้นตอน ซึ่งมีอยู่หลายกรณี แต่วันนี้ ทีมงาน Life and Family ขอนำเสนอในประเด็นเรื่อง "การติดตามคนหายในกรณีลูกติดเกม หรือแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ต" ปัญหายอดฮิตครอบครัวไทย ที่พ่อแม่กลุ้มใจมากที่สุด


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หากพูดถึง "ลูกติดเกม" คือ เด็กที่มีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับเกมออนไลน์ จนไม่สามารถแยกแยะโลกแห่งความจริง กับโลกเสมือนในเกมได้ หากเด็กมีพฤติกรรมดังกล่าว นอกจากทำให้มีผลกระทบกับการเรียน การใช้ชีวิตประจำวันของเด็กแล้ว บางรายจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น ถึงขนาดทำร้ายพ่อแม่ และขโมยทรัพย์สินในบ้าน เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นเงินก่อนนำไปเล่นเกม ทั้งนี้ เด็กที่หายไปเพราะมีพฤติกรรมติดเกมนั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ดังนี้

    1. เด็กที่ตัดสินใจออกจากบ้านเนื่องจากถูกทางครอบครัวขัดขวางมิให้เล่นเกม จึงตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตเร่ร่อน และอาศัยการขอเงิน เพื่อนำมาเล่นเกม

    2. เด็กที่ตัดสินใจออกจากบ้านเนื่องจากถูกคนแปลกหน้าที่รู้จักกันในเกมออนไลน์ ชักชวนให้ออกจากบ้าน

    ขณะที่ "ลูกติดแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ต" คือการที่ลูกหายเข้าไปใช้บริการสนทนาผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายที่อำนวยความสะดวกในการสื่อสารสนทนาระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันในลักษณะการส่งข้อความโต้ตอบกัน โปรแกรมสนทนาที่เป็นที่นิยมนั้นคือ MSN, แคมฟอร์ก หรือการสนทนาผ่านเกมออนไลน์ ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้ทำให้สามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้ากันและกัน

    โดยลักษณะในการสนทนาโต้ตอบกันนั้นจะใช้ภาพจินตนาการเป็นองค์ประกอบหลักแทบทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อผ่านการพูดคุยมาสักระยะหนึ่งคนหายก็จะถูกชักจูง หรือล่อลวงให้ออกจากบ้านเพื่อมาพบกับคู่สนทนาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตรงจุดนี้ ทำให้เกิดช่องว่างในการที่อาชญากรจะเข้ามาเล่นแชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตเพื่อล่อลวงเด็กหญิง ซึ่งยังขาดวุฒิภาวะในการกลั่นกรองและตัดสินใจ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>กระบวนการติดตามลูกหายจากกรณี "เด็กติดเกมหรือแชททางอินเตอร์เน็ท" มีวิธีเบื้องต้นดังนี้

    การตรวจสอบข้อมูลพื้นฐาน

    1. การตรวจสอบทรัพย์สิน/รูปพรรณ/เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของคนหาย ในเบื้องต้นขอให้ครอบครัวหรือญาติคนหาย สอบถามจากบุคคลซึ่งเป็นผู้พบเห็นคนหายครั้งสุดท้ายเพื่อให้ทราบข้อมูลในส่วนรูปพรรณและเสื้อผ้าที่ผู้หายสวมใส่เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นจุดสังเกตคนหาย

    2. การหาเบาะแสจากห้องนอนของคนหาย คือ แนวทางค้นหาเบาะแสอีกทางหนึ่งในการติดตามหาคนหาย เมื่อเข้าไปยังห้องนอนของคนหายแล้ว สิ่งที่ควรตรวจสอบ เช่น

    - ตู้เสื้อผ้าของลูก เพื่อตรวจสอบว่าคนหายมีการเก็บเสื้อผ้าไปด้วยหรือไม่ หากมีเก็บเสื้อผ้าแสดงว่า คนหายได้เตรียมตัวเป็นอย่างดีในการหนีออกจากบ้าน และถ้า คนหายไม่เก็บเสื้อผ้าไป มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินกับคนหาย จึงทำให้คนหายไม่กลับบ้านตามปกติ แต่ทั้งนี้ การหายออกจากบ้านบางกรณี คนหายก็ไม่เก็บเสื้อผ้าหรือทรัพย์สินใด ๆ ไปด้วยเลย

    - สมุด/หนังสือเรียนของลูก อาจจะทำให้พบเบาะแสสำคัญในการติดตามคนหาย เนื่องจากคนหายอาจจะจดหมายเลขโทรศัพท์ หรือที่อยู่ หรือชื่อคนที่รู้จักกันไว้ในเอกสารเหล่านั้น หรือจดหมายที่เขียนลาไว้ให้ครอบครัวซึ่งจะทำให้ครอบครัวทราบเบาะแสว่าคนหาย หายออกจากบ้านไปเพราะสาเหตุใด และอาจจะเชื่อมโยงกับแนวทางการติดตามคนหายด้วย

    - จุดที่ลูกเคยวางทรัพย์สินหรือเงิน เพื่อตรวจดูว่าคนหายได้มีการเก็บทรัพย์สินไปหรือไม่ หากเก็บทรัพย์สินไปด้วยทั้งหมด หมายถึง มีการเตรียมตัวที่จะออกจากบ้าน แต่หากไม่มีการนำทรัพย์สินติดตัวไป นั่นอาจหมายถึงว่า คนหายไม่มีการเตรียมตัวก่อนหายไป หรือ ไม่ได้ตั้งใจที่จะไป

    3. การสืบค้นเบาะแสจากบุคคลแวดล้อม ถือว่าเป็นเบาะแสสำคัญในการติดตามคนหายจากการติดเกม หรือติดแชทไลน์ เนื่องจากคนหายไปในลักษณะดังกล่าว มักจะติดต่อกับเพื่อนๆ ที่รู้จัก หรือขอไปพักอาศัยกับคนรู้จัก รวมถึง คนหายอาจเคยเล่าเรื่องของบุคคลแปลกหน้าที่กำลังคบหากัน ดังนั้น ครอบครัวคนหายควรไปสอบถามเบาะแสจากบุคคลดังต่อไปนี้

    - สมาชิกในบ้าน คือ บุคคลที่มีความสนิทสนมและใกล้ชิดกับคนหายมากที่สุด เนื่องจาก คนหายอาจเล่าหรือระบายเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ซึ่งข้อมูลตรงจุดนี้อาจจะนำมาประมวลเป็นเบาะแสได้ เช่น คนหายอาจจะเคยเล่าถึงเพื่อนสนิท หรือเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันในการเล่น แชทไลน์ทางอินเตอร์เน็ตซึ่งเมื่อนำข้อมูลต่างๆ มาประมวลกันแล้ว อาจจะทำให้ทราบว่าคนหายอาจจะไปพักอาศัยอยู่กับใคร

    - เพื่อนบ้าน คือ บุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ครอบครัวคนหายควรเข้าไปสอบถามข้อมูล เนื่องจากเพื่อนบ้านที่อาจพบเห็นคนหาย ขณะกำลังออกจากบ้าน อาจจะทำให้ทราบว่าใครเป็นคนมารับคนหาย หรือว่าคนหายไปเองตามลำพัง และเดินทางออกไปเช่นไร

    - เพื่อนสนิทของลูก ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนหายเนื่องจากคนหายไปนั้น อาจเคยเล่าเรื่องการเล่นแชทไลน์ให้เพื่อนสนิทฟัง หรือบางครั้งเพื่อนสนิทของคนหายก็อาจจะเป็นกลุ่มที่เล่นแชทไลน์ด้วย ซึ่งจะทำให้ครอบครัวคนหายทราบข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ล่อลวงคนหายไปว่าเป็นใคร

    ทั้งนี้ การสอบถามเพื่อนสนิทของลูกนั้น ทางครอบครัวไม่ควรไปสอบถามเองโดยตรง แต่ควรให้อาจารย์ประจำชั้น หรือผู้ปกครอง เป็นผู้เรียกเด็กมาสอบถามเป็นรายคน จะได้รับคำตอบที่ตรงกับความเป็นจริงมากกว่า


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>- อาจารย์ที่ปรึกษาของลูก เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่มักจะมีพฤติกรรมที่ทางครอบครัวไม่เคยรับรู้มาก่อน ดังนั้น ผู้ปกครองควรสอบถามอาจารย์ที่ปรึกษาของคนหายว่ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนหายอย่างไร เพราะสิ่งนี้อาจเป็นเบาะแสสำคัญในการประเมินหาสาเหตุแห่งการหายตัวของคนหาย

    การตรวจสอบข้อมูลในอินเตอร์เน็ต

    การค้นหาข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ และจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่คนหายเคยเข้าไปเล่นหรือใช้งาน โดยการนำ E-mail ของคนหาย ไปค้นหาใน Google ซึ่งอาจทำให้ทราบว่า คนหาย ได้เข้าไปใช้บริการใน Hi5, Facebook และ MySpace หรือไม่ เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้ เด็ก ๆ กล้าจะเขียน กล้าเล่าถึงความรู้สึกและความเป็นไปต่าง ๆ ในชีวิต ที่อาจไม่เคยเล่าให้ใครฟัง หรือแม้แต่พ่อแม่ ซึ่งอาจทำให้ได้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการสืบหาตัวคนหายต่อไป

    การตรวจสอบข้อมูลการใช้อินเตอร์เน็ตที่บ้าน

    ในกรณีที่ที่บ้านมีคอมพิวเตอร์ หรือโน๊คบุ๊คที่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้นั้น ขอให้ครอบครัวตรวจสอบคอมพิวเตอร์ หรือโน๊คบุ๊คที่คนหายใช้เป็นประจำดังนี้

    1. เปิดเครื่องแล้ว คลิกที่ My Documents

    2. เมื่อเปิดเข้าไปแล้ว ให้คลิกที่ บันทึกการสนทนาของฉัน

    3. เมื่อเปิดเข้าไปจะพบรายงานการสนทนาของคนหาย กับเพื่อน ทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งจากข้อมูลตรงส่วนนี้ อาจทำให้ทราบว่าบุคคลที่ชักชวนคนหายออกไปเป็นใคร
    การตรวจสอบข้อมูลจากเพื่อนสนิทคนหาย

    ในกรณีนี้ทางครอบครัว ควรสอบถามจากเพื่อนสนิทของคนหายว่า โดยปกติแล้วคนหายเข้าไปใช้บริการอินเตอร์เน็ตอะไรบ้าง และรู้ E-mail หรือ Password ของคนหายหรือไม่ นอกจากนี้ อาจสอบถามเรื่องของบุคคลต้องสงสัยกับเพื่อนของคนหายด้วย

    การตรวจสอบการโพสต์ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตของคนหาย มีวิธีการดังนี้

    1. ให้นำ E-mail ของลูก หรือบุคคลต้องสงสัยไปค้นหาใน Google จะทำให้ทราบว่า เคยเข้าไปโพสต์ข้อความหาเพื่อนในอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ใดบ้าง หรือสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการของเว็บไซต์ ซึ่งตรงจุดนี้จะทำให้ทราบข้อมูลของคนหาย และบุคคลที่ต้องสงสัย

    2. หากพบว่า บุคคลต้องสงสัยเป็นสมาชิกเว็บไซต์ใด เว็บไซต์หนึ่ง ทางครอบครัวสามารถประสานงานหาเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัยได้ หลังจากนั้น ขอให้ทางครอบครัวแจ้งข้อมูลดังกล่าวแก่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว หากได้รับการยืนยันว่าเป็น บุคคลเดียวกัน อาจมีการดำเนินการตรวจสอบยังที่พักของบุคคลต้องสงสัยได้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>การตรวจสอบข้อมูลในสถานที่ซึ่งคาดว่าลูกหายไป

    1. การตรวจสอบบ้านเพื่อน ซึ่งคนหายอาจจะไปขออาศัยอยู่ด้วย โดยปกติแล้วจะอยู่ไม่นานนัก และจะสับเปลี่ยนไปนอนบ้านเพื่อนคนอื่นๆ วิธีการตรวจสอบ ควรไปที่โรงเรียนของคนหาย เพื่อสอบถามที่อยู่ของเพื่อนจากอาจารย์ประจำชั้น จากนั้นอาจจะไปสังเกตที่บ้านเพื่อนด้วยตนเอง เนื่องจากเพื่อนของคนหายอาจจะช่วยกันปกปิดข้อมูล ก

    ารไปตรวจสอบตามบ้านเพื่อนของคนหายที่ต้องสงสัยว่าคนหายจะไปอยู่ด้วยนั้น หากเป็นกรณีเพื่อนที่ครอบครัว ไม่รู้จัก หรือว่าบ้านของเพื่อนอยู่ในชุมชนแออัด หรือการไปตรวจสอบดังกล่าวอาจจะเกิดอันตราย ครอบครัวคนหายควรไปขอความช่วยเหลือยังสถานีตำรวจในเขตท้องที่นั้นๆ ตั้งอยู่ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเดินทางมาร่วมในการสอบถามข้อมูลด้วย

    2. การตรวจสอบที่ร้านเกม ในเบื้องต้นให้ครอบครัวไปตรวจสอบยังร้านเกม ที่คนหายชอบใช้บริการก่อน เพื่อตรวจสอบว่า หลังจากหายตัวไปแล้วนั้น คนหายได้มาใช้บริการอีกหรือไม่ หากคนหาย ยังคงมาใช้บริการอยู่มีความเป็นไปได้ว่า คนหาย อาจพักอาศัยอยู่ในละแวกบ้าน นอกจากนี้ ยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนของคนหายที่รู้จักกันในร้านเกม เพราะเพื่อนที่รู้จักกันในร้านเกม อาจเป็นผู้ให้ที่พักแก่ลูกเราได้

    3. การตรวจสอบที่วัด หากทางครอบครัวได้ตรวจสอบที่บ้านเพื่อนแล้วยังไม่พบตัวคนหาย อาจลองตรวจสอบที่วัด ซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียง เพราะคนหายอาจไปอาศัยหลับนอน และหาข้าวทานที่นั่นได้

    4. การตรวจสอบที่ตลาด สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งชุมชนอีกแห่งที่คนหายอาจอาศัยเป็นที่หลับนอน และนั่งขอเงิน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพต่อไป

    5. การตรวจสอบบริเวณที่พบกลุ่มเด็กเร่ร่อน กลุ่มเด็กเร่ร่อน คือกลุ่มเด็กส่วนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการร้านเกม และมีลักษณะของการมั่วสุม ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่คนหายจะรู้จักหรือเป็นเพื่อนกับกลุ่มเด็กเร่ร่อนที่เพิ่งจะเข้ามาเล่นเกมในร้าน และมีการชักชวนคนหายให้ออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อนด้วยกัน

    ทั้งนี้ การติดตามไปยังสถานที่ที่กลุ่มเด็กเร่ร่อนพักอาศัยอยู่นั้น ทางครอบครัวไม่ควรไปตรวจสอบด้วยตัวเองตามลำพัง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ครอบครัวคนหายควรไปติดต่อยังสถานีตำรวจท้องที่นั้น ๆ ให้เจ้าหน้าที่สายสืบหรือสายตรวจลงพื้นที่ด้วย

    6. การตรวจสอบข้อมูลจากเบาะแสที่ได้มา กรณีที่ทางครอบครัวทราบข้อมูล ชื่อ-นามสกุล หรือ ที่อยู่ของบุคคลที่ต้องสงสัยว่า พาคนหายไปนั้น ให้แจ้งข้อมูลดังกล่าวแก่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว หากได้รับการยืนยันว่าเป็น บุคคลเดียวกัน อาจมีการดำเนินการตรวจสอบยังที่พักของบุคคลต้องสงสัยได้

    *** พ่อแม่ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดคู่มือติดตามลูกหายฉบับสมบูรณ์ได้ โดยคลิกที่นี่ Download

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภาวะโรคอ้วน ภัยเงียบเด็กไทย

    ˹ѧʗ;ԁ?좨҇ʴ͍?䅹젺 ?ú?ءÊ ʴ?ء?荧==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ความอวบอั๋นของเด็กตาแป๋วที่หลายคนมองว่าน่ารัก อาจมีภัยเงียบที่พร้อมคร่าชีวิต มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จัดเสวนาเรื่อง "โรคอ้วน...ภัยเงียบที่คุกคามเด็กไทย"

    ศ.น.พ.ปิยมิตร ศรีธรา ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมแทบอลิซึม รองหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัญหาอ้วนในบ้านเราเพิ่มขึ้นตลอด มีการสำรวจสภาวะของประเทศไทย พบว่าหญิงไทยอายุเกิน 15 ปี อยู่ในภาวะอ้วน เกินร้อยละ 40 ชายร้อยละ 32 โรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วนคือโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง สถานการณ์ในบ้านเราหญิงไทยเอวใหญ่กว่าประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียมาก

    รศ.รังสรรค์ ตั้งตรงจิต ภาควิชาโภชนศาสตร์เขตร้อน และวิทยา ศาสตร์อาหาร คณะเวชศาสตร์เขตร้อน กล่าวว่า อ้วนเป็นพันธุกรรมส่วนหนึ่ง มาจากความผิดปกติของโปรตีนที่ทำให้ยีนเกิดการเปลี่ยน แปลง ในเด็กแรกเกิดน้ำหนัก 4 กิโลกรัมขึ้นไป ร้อยละ 75 ในอนาคตอ้วนแน่ๆ เพราะมีเซลล์ตั้งต้นในร่างกายสูง แต่ถ้าเราทราบหรือรับรู้ถึงอัตราเสี่ยง จะควบคุมโรคเรื้อรังไม่ติดต่อนี้ให้ลดต่ำลงได้ แต่เป็นเรื่องยากเพราะเกี่ยวกับฮอร์โมนด้วย นอกจากนี้คนอ้วนมีภาวะโภชนาการเกิน ร่างกายยังขาดวิตามินซี สังกะสีและทองแดง ซึ่งแร่ธาตุปริมาณน้อยเหล่านี้มีไว้ต่อสู้ภาวะเครียด

    รศ.พ.ญ.จีรันดา สันติประภพ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เมื่อก่อนเราถูกสอนว่าเบาหวานมี 2 ชนิดคือ 1.เบาหวานในเด็กที่ขาดอินซูลิน พบในเด็กและวัยรุ่น 2.เบาหวานในผู้ใหญ่ ที่เกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน มักเกิดจากภาวะอ้วน มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน ในอดีตเราจะบอกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดเฉพาะในผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไป จากงานวิจัยย้อนหลังคนไข้ 10-20 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของคนไข้เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากภาวะดื้ออินซูลินมีร้อยละ 5 ผ่านมา 20 ปีสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 จนถึงปี 2552 พบว่ามีคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2 รายใหม่เพิ่มขึ้นเดือนละ 1-2 คน มากเท่ากับเบาหวานชนิดที่ 1 ฉะนั้นอนาคตของเด็กไทยสัดส่วนอาจจะเป็น 50-50 <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    รศ.พ.ญ.จีรันดา กล่าวต่อว่า จากการทำโครงการลดน้ำหนักเด็กอ้วน โรคทางเดินหายใจอุดกลั้น พบบ่อยและน่ากลัว เด็กจะนอนกรน มีภาวะขาดออกซิเจน นอนหลับไม่สนิทและนอนกระสับกระส่าย ฉี่รดที่นอน หรือนอนกลางคืนเหมือนหยุดหายใจไปขณะหนึ่งแล้วหายใจเฮือกขึ้นมา ภาวะทางเดินหายใจอุดกลั้นนานๆ ออกซิเจนในเลือดต่ำนานๆ สิ่งที่ตามมาคือหัวใจจะเพิ่มความดันในช่องปอด ทำให้หัวใจด้านขวาโต จนถึงภาวะหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ในที่สุด

    มีคนไข้เด็กอายุ 10 ปี เสียชีวิตแล้วจากภาวะอ้วน เพราะถ้าเราอ้วนมากจะมีน้ำหนักแบกรับอยู่ที่หน้าอก และไขมันสะสมอยู่ใต้ผิวหนังรอบคอ เวลาเรานอนหลับทุกอย่างผ่อนคลาย ไขมันที่สะสมทำให้ท่อทางเดินหายใจหลอดลมถูกกดบีบลงได้ ทำให้หลับไม่สนิท ตอนกลางวันเด็กมักจะง่วงนอน การเรียนแย่ลง สมาธิสั้น เด็กๆ ดูไม่สดชื่น เด็กกลุ่มนี้จะกินเยอะ มีฮอร์โมนความเครียดหลั่งมาเยอะ กระตุ้นให้หิว

    รศ.พ.ญ.จีรันดา กล่าวถึงปัญหาของเด็กที่มักไม่มาพบแพทย์ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียน ถ้านัดตรงกับเวลาเรียนมักผิดนัด พบมากโดยเฉพาะเด็กเก่งที่อยู่ในโรงเรียนที่เรียนหนัก จะเป็นโรคอ้วนกันเยอะ ไม่อยากขาดเรียนมาพบหมอ ด้วยเด็กมีเหตุผลต้องเรียนพิเศษทุกวัน นอกจากนี้เด็กต้องกินเร็ว มีเวลาน้อย และไม่มีเวลาออกกำลังกาย พอเลิกเรียนต้องเรียนพิเศษ อยู่ในรถอีก 1 ชั่วโมงกว่าจะกลับบ้านถึงบ้าน ทำการบ้าน ดูทีวี

    การป้องกันปัญหาของเด็กอ้วนสำคัญมากกว่าการตั้งรับ ต้องออกสื่อให้เกิดความตระหนักว่าเป็นความตายที่อยู่ต่อหน้า ไม่ใช่แค่โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดัน ไขมันในเลือดสูง กล้ามเนื้อหัวใจตาย แต่ภาวะความอ้วนทำให้เด็กผู้หญิงเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็ว ซึ่งมาพร้อมกับโรคอื่นๆ ด้วย

    อ.อุรุวรรณ แย้มบริสุทธิ์ จากสถาบันโภชนาการ กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคอ้วนว่า จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จากการสุ่มสำรวจทุกภาครวม 9,400 ราย พบเด็กอ้วนร้อยละ 6.9 ขณะที่โรงพยาบาลเด็กเก็บข้อมูลเด็กกรุงเทพฯ อายุ 2-7 ขวบ พบว่ามีเด็กอ้วนร้อยละ 16.4 ในปี 2547 กรมอนามัยสำรวจเด็กวัยเรียน อายุ 6-14 ปี พบถึงร้อยละ 15 หากดูภาพรวมจากการสุ่มจากที่ต่างๆ เหมือนไม่มาก แต่ถ้าไปเจาะที่โรงเรียนสาธิตหรือโรงเรียนเอกชน คาดว่าตัวเลขจะสูงพุ่งขึ้นไปถึงร้อยละ 25-30

    เด็กอ้วนมีความชุกทั้งคนที่มีสตางค์และยากจน เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาเตรียมอาหาร ให้แค่สตางค์ เขาก็ต้องไปซื้อกินรอบๆ โรงเรียน เป็นอาหารง่ายๆ การปรับพฤติกรรมใช้เวลานาน และเป็นเรื่องยากในการทำให้น้ำหนักลดลง เป้าหมายของเราคือต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่พฤติกรรมถาวร ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเรื่องนี้ได้

    ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ ภาควิชาโภชนาวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวว่า ในเด็กอนุบาลจะกินผักมาก ด้วยกิจกรรมในการศึกษามีส่วนช่วย แต่พอเด็กเริ่มโตจะเริ่มลดลง หลักสูตรโภชนาการอยู่ในวิชาสุขศึกษา เมื่ออยู่ชั้นประถม-มัธยม เรื่องเหล่านี้มันหายไปเนื่องจากค่านิยมที่ว่าเมื่อมีเวลาต้องไปติว ไปเรียนพิเศษ ชั่วโมงเรียนวิชาพละก็ไม่ครบ ครูพละไม่พอ และต้องสอนทุกห้องรวมถึงวิชาสุขศึกษาด้วย

    ขณะที่ผู้ปกครองก็ไม่เรียกร้อง โรงอาหารก็ไม่พร้อม ทำให้เด็กชินกับการกินเร็วและกินเยอะ จากการสัมภาษณ์เชิงลึก แม่ยืนยันว่าลูกกินเร็ว และโยงไปถึงผู้ปกครองไม่มีความรู้โภชนาการ แม้เขาต้องการช่วยเหลือแต่ไม่รู้ไปหาที่ไหน จึงหันเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่นำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมราคาแพงมาขาย

    "เรื่องเหล่านี้กระทรวงศึกษาธิการต้องทำงานจริงจังในเรื่องหลักสูตร และในฐานะที่ตนเองเป็นนักโภชนาการ ฝันว่าโภชนาการน่าจะเป็นวิชาบังคับเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย"
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช 2553

    ดูดวง ดวง ดูดวงปี2553 คำทำนาย สงกรานต์ 2553


    [​IMG]

    ประกาศสงกรานต์ปีพุทธศักราช 2553 (ไทยโพสต์)

    ปีขาล (เทวดาผู้หญิงธาตุไฟ) โทศก จุลศักราช 1372 ทางจันทรคติเป็นอธิกมาส (ปีทางจันทรคติที่มีเดือน 8 สองหน) ทางสุริยคติเป็นปกติสุรทิน

    วันที่ 14 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 เวลา 07 นาฬิกา 19 นาที 19 วินาที นางสงกรานต์ทรงนามว่ามณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนม เนย พระหัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืนมาเหนือหลังคัสพะ (ลา) เป็นพาหนะ

    วันที่ 16 เมษายน เวลา 11 นาฬิกา 18 นาที 36 วินาที เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1372 ปีนี้ วันอังคารเป็นธงชัย วันพฤหัสบดีเป็นอธิบดี วันจันทร์เป็นอุบาทว์ วันเสาร์เป็นโลกาวินาศ

    ปีนี้ วันอังคารเป็นอธิบดีฝน บันดาลฝนให้ตก 300 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า ตกในมหาสมุทร 60 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 90 ห่า ตกในเขาจักรวาล 120 ห่า นาคให้น้ำ 7 ตัว

    เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ 5 ชื่อวิบัติ ข้าวกล้าในภูมินาจะเกิดกิมิชาติ (ด้วงกับแมลง) จะได้ผลกึ่ง เสียกึ่ง

    เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีเตโช (ไฟ) น้ำน้อย

    คำทำนายโบราณ วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันพุธ วันเนาตรงกับวันพฤหัสบดี วันเถลิงศกตรงกับวันศุกร์ ทำนายว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ ผลไม้จะแพง พ่อค้าคหบดีจะทำมาค้าขึ้น มีผลกำไรมาก นางสงกรานต์ยืนมา จะทำให้เกิดความเดือดร้อนเจ็บไข้

    สำหรับทางล้านนาก็มีคำพยากรณ์ว่า ถ้ามหาสงกรานต์ตรงกับวันพุธ ปีนั้นฝนบ่ตกทั่วเมือง หัวปีมีมาก กลางปีน้อยข้าวในนาจะได้ครึ่งเสียครึ่ง ของบริโภคจะแพง ขุนนางขุนเมืองจะตกต่ำ คนเกิดวันศุกร์มีเคราะห์ คนเกิดวันจันทร์และวันเสาร์มีโชค




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กทม. จัดรณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ลดโลกร้อน

    http://hilight.kapook.com/view/47127


    [​IMG]

    กทม. จัดรณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ลดโลกร้อน ขยายไป ตจว.เป็นปีแรก (สำนักข่าวไทย)

    กทม.จัดกิจกรรมรณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมงลดโลกร้อน 27 มี.ค.นี้ ร่วมกับ 100 ประเทศทั่วโลก พร้อมขยายไปยังต่างจังหวัดเป็นปีแรก ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมเตือนคนเมืองเตรียมใจรับภาวะโลกร้อน เพราะความร้อนเกิดจากอาคารมากกว่าพื้นที่อื่น เร่งปลูกป่าชายเลนเป็นปราการป้องกันภัยธรรมชาติ

    นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมกันปิดไฟ 1 ชั่วโมงให้โลกพักในวันที่ 27 มีนาคม เวลา 20.30-21.30 น. หรือ Earth Hour Campaign ซึ่งไทยจะเป็นประเทศ 1 ใน 100 กว่าประเทศร่วมกันรณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมงตามเวลาท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เพื่อลดปริมาณการใช้พลังงาน ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุหลักภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน โดยเมื่อปี 2551 มีตัวเลขการปิดไฟ 1 ชั่วโมง พบว่าการใช้ไฟฟ้าลดลง 1,423 เมกะวัตต์ ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 897 ตัน คิดเป็นค่าไฟฟ้าลด 4.31 ล้านบาท สำหรับวันที่ 27 มีนาคมนี้ นอกจาก กทม.แล้วจะขยายไปยังต่างจังหวัด เช่น นนทบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต

    ด้านนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คนในเมืองต้องเตรียมใจตั้งรับกับสภาพผลกระทบของภาวะโลกร้อนให้มากที่สุด เพราะในเมืองมีความร้อนที่เกิดจากอาคารมากกว่าพื้นที่อื่น ปัญหาขยะ น้ำเสียในแม่น้ำลำคลองทำให้การระบายน้ำของเมืองเป็นไปอย่างยากลำบาก ปัญหาน้ำท่วมควรจัดการค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นในการลดความเสี่ยงเกิดปัญหาเช่นค่าจัดการน้ำเสีย และขอเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันเรียกคืนป่าชายเลนให้มากที่สุด เพราะเป็นปราการป้องกันภัยธรรมชาติผ่อนหนักให้เป็นเบา



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แก้เครียดในออฟฟิศ

    โรคเครียด คลายเครียด ในออฟฟิศ




    [​IMG]

    แก้เครียดในออฟฟิศ (FRONT)

    ถ้าคุณกำลังปวดหัว เครียดเหลือเกินกับการงานที่ทำอยู่ตอนนี้ ไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวิธีดี ๆ มาแนะนำให้คุณผ่อนคลาย หายเครียดได้ ก่อนอื่นเราอยากให้คุณสูดหายใจลึก ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา จากนั้น...

    [​IMG] จัดแต่งโต๊ะใหม่ บ๊ายบายความรักซะจนหาของไม่เจอ ลองหาเวลาจัดโต๊ะทำงานใหม่ ให้สะอาดหมดจด เรียบร้อน เท่านี้ก็มีส่วนช่วยลดความเครียดได้นะ

    [​IMG] มองโลกในแง่ดี ก่อนเริ่มทำงาน ลองคิดถึงเรื่องดี ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว คุณก็จะมีกำลังใจทำงานต่อ

    [​IMG] พักผ่อนให้เพียงพอ คนส่วนใหญ่ที่ทำงานผิดพลาด เกิดจากการที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้สมองทำงานไม่เต็มที่ คุณควรนอนหลับอย่างน้อย 7-10 ชั่วโมง ถึงจะดีต่อร่างกาย ถ้ายังมุ่งมั่นทำงานทั้งที่ร่างกายและสมองไม่พร้อม งานก็อาจจะผิดพลาดกว่าเดิมได้นะ

    [​IMG] รับแสงบ้าง แทนที่เวลาพักคุณจะไปนั่งแกร่วอยู่ตามโรงอาหารบริษัทฯ ก็หาเวลาไปเดินรับแสงแดดอุ่นยามเช้า หรือยามเย็น สักแค่นาที ก็ช่วยให้สมองปลอดโปร่งได้

    [​IMG] ออกกำลังกาย เป็นการทำให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย เหมือนได้ปลดปล่อยเป็นอิสระ หาเวลาออกกำลังกายวันละ 15-30 นาที เท่านี้ก็ลดความเครียดได้แล้ว

    [​IMG] ปล่อยไปตามลม ยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ โฟกัสที่ความอุตสาหะของคุณ อย่าคิดถึงผลที่จะออกมา แค่สนใจงานที่อยู่ในมืออย่างเต็มที่ แล้วคุณจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้



     

แชร์หน้านี้

Loading...