วิสัยการปรารถนา และการปฏิบัติ เพื่อพุทธภูมิ

เหนื่อยแต่ต้องสู้ครับ เพื่อคนอื่นให้รอดพันจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย

 

พอดีอ่านเจอตอนที่บอกว่า องค์สมณโคดม เคยพบพระพุทธเจ้ามาแล้ว 512,027 พระองค์ ผมอยากจะทราบว่า ยังมีพระพุทธเจ้าก่อนหน้านี้อีกหรือไม่และได้ข้อมูลจำนวนพระพุทธเจ้ามาจากแหล่งข้อมูลใดบ้างครับ นอกจากนี้ในกระทู้ด้านบน หัวข้อความรู้โดยละเอียดเกี่บวกับพระพุทธเจ้าของคุณผึ่งที่บอกว่าในภัทรกัปนี้ จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จำนวน 5 พระองค์ ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ผมเคยรู้มาคร่าวๆจากหนังสือบางเล่มของท่าซุงที่บอกว่า ในภัทรกัปพิเศษนี้ จะมีพระพุทธเจ้าจำนวน 10 พระองค์ ไม่ใช่ 5 พระองค์ ถ้าท่านมหาหินทราบ โปรดให้รายละเอียดด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

พอดีอ่านเจอตอนที่บอกว่า องค์สมณโคดม เคยพบพระพุทธเจ้ามาแล้ว 512,027 พระองค์ ผมอยากจะทราบว่า ยังมีพระพุทธเจ้าก่อนหน้านี้อีกหรือไม่และได้ข้อมูลจำนวนพระพุทธเจ้ามาจากแหล่งข้อมูลใดบ้างครับ นอกจากนี้ในกระทู้ด้านบน หัวข้อความรู้โดยละเอียดเกี่บวกับพระพุทธเจ้าของคุณผึ่งที่บอกว่าในภัทรกัปนี้ จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จำนวน 5 พระองค์ ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ผมเคยรู้มาคร่าวๆจากหนังสือบางเล่มของท่าซุงที่บอกว่า ในภัทรกัปพิเศษนี้ จะมีพระพุทธเจ้าจำนวน 10 พระองค์ ไม่ใช่ 5 พระองค์ ถ้าท่านมหาหินทราบ โปรดให้รายละเอียดด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

พอดีอ่านเจอตอนที่บอกว่า องค์สมณโคดม เคยพบพระพุทธเจ้ามาแล้ว 512,027 พระองค์ ผมอยากจะทราบว่า ยังมีพระพุทธเจ้าก่อนหน้านี้อีกหรือไม่และได้ข้อมูลจำนวนพระพุทธเจ้ามาจากแหล่งข้อมูลใดบ้างครับ นอกจากนี้ในกระทู้ด้านบน หัวข้อความรู้โดยละเอียดเกี่บวกับพระพุทธเจ้าของคุณผึ่งที่บอกว่าในภัทรกัปนี้ จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จำนวน 5 พระองค์ ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ผมเคยรู้มาคร่าวๆจากหนังสือบางเล่มของท่าซุงที่บอกว่า ในภัทรกัปพิเศษนี้ จะมีพระพุทธเจ้าจำนวน 10 พระองค์ ไม่ใช่ 5 พระองค์ ถ้าท่านมหาหินทราบ โปรดให้รายละเอียดด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

พระอนาคตวงศ์ 10 พระองค์หรือเปล่า ซึ่งไม่ได้แบ่งแค่ภายในภัทรกัปนี้นะครับ ไปถึงภัทรกัปต่อไปด้วย รู้มาเท่านี้ครับ

 

ขอย้ำครับว่าเท่าที่ทราบมานั้นหมายถึง 10 พระองค์ใน 1 กัปครับ

ขอขอบคุณ ท่าน generationxxx ด้วยครับ[b-hi] (b-flower) (b-flower)

 

ขอโมทนาทุกๆๆท่านตั้งแต่กระทู้แรกและกระกระทู้ต่อๆไป
ขอโมทนาอย่างสูงนะคับ

 

พระโพธิญาณ พุทธบูชาฯ

[b-wai]
ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างกับพระฯทุกพระองค์,พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ตลอดจนทุกๆท่านที่ได้ประกอบบุญกุศลทั้งหลาย ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์อันมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด ตลอดจนพรหมเทพเทวาทั้งหลายที่ได้ปกปักรักษาพระศาสนา จงดลบันดาลคุ้มครองป้องกันให้พุทธบริษัท4 เจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในธรรมมีดวงตาเห็นธรรม พระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้บำเพ็ญเพียรสำเร็จสมความปรารถนา อย่าได้มีอุปสรรคหรือเคราะห์กรรมใดๆมาขวางกั้นตัดรอน หากมีจิตเป็นอกุศลหรือมิจฉาทิฐิขอบารมีพระฯทุกพระองคได้โปรดสงเคราะห์ให้เป็นสัมมาทิฐิ อย่าได้ประกอบกรรมที่เป็นอกุศลได้ จนกว่าจะบรรลุพระโพธิญาณได้เป็นพระโปรดโลกตามความปรารถนาเทอญ ด้วยผลบุญที่ได้บูชาแล้วซึ่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันไม่มีประมาณขอความปรารถนาของเราทั้งหลายจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ ด้วยสัมปติจฉามิ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิดฯ

 

ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างที่เกิดในพระศาสนาร่วมกับพระฯทุกพระองค์,พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ แล้วขอรวบรวมบุญทั้งหมด น้อมส่งพระพระโพธิสัตว์และจงดลบันดาลคุ้มครองป้องกันให้พุทธบริษัท4 ให้สมปรารถนาที่ตั้งไว้ในอนาคตกาลนั้นเทอญ​

 

[b-wai] ขอโมทนาบุญท่านเจ้าของกระทู้และทุกท่านที่ร่วมโมทนานะค่ะ
(bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower

 

ซาบซึ้งดีครับ อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ

 

ชัดเจนมากครับ
แต่ผมมีความเห็นขัดแย้งเรื่องการนับเวลาเป็นอสงไขยของ มหาหิน ครับ ที่ว่านับเฉพาะชาติที่เกิดเป็นมนุษย์

เริ่มกันที่วิธีการนับเวลาก่อน คือ หากเวลาไม่นานมากนัก เราก็นับกันเป็นจำนวนสังขยา ๑ ๒ ๓ ..... ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงอสงไขยปี ก็คือจำนวนปีเท่ากับ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว เกินไปจากนี้ก็ไม่นับกันแล้วครับ เลิกนับ เพราะนับไม่ไหว
ดังนั้นคำว่าอสงไขยปี ในแง่ของจำนวนสังขยา จึงเท่ากับ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัวที่ว่า
แต่ถ้าเกินกว่านั้น ก็ยังเรียกว่าอสงไขยปีอีกเหมือนกัน แต่กลายเป็นจำนวนปีที่ไม่แน่นอน เพียงแต่อุปมาให้รู้ว่ามันนานมากจริงๆ

ทีนี้คำว่าอสงไขยกัปหนึ่ง ในแง่ของจำนวนสังขยา ก็หมายถึงจำนวนกัปเท่ากับ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัวครับ แต่ในความหมายของระยะเวลาการบำเพ็ญพุทธการกธรรมของพระโพธิสัตว์ อสงไขยกัป หมายถึงจำนวนกัปที่มากมายจนนับไม่ถ้วนครับเป็นแบบการอุปมาครับ

การนับอสงไขยกัปที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีนั้น ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปที่ลักษณะของกัปก่อนครับว่ามีอยู่ ๒ แบบ คือ
๑.สุญญกัป คือ กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเลย
๒. อสุญญกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติอย่างน้อย ๑ องค์ (สูงสุด ๕ องค์)
และลักษณะของอสงไขยกัปก็เป็นเช่นเดียวกัน คือ
๑.สุญญอสงไขย คือ อสงไขยที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเลย
๒. อสุญญกัป คือ อสงไขยที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ

สุญญอสงไขย คือ อสงไขยที่ประกอบด้วยกัปจำนวนมากจนนับไม่ได้มาต่อกัน คั่นหัวท้ายด้วยอสุญญกัป
ส่วน อสุญญอสงไขย คือ อสงไขยที่ประกอบด้วยกัปจำนวนมากจนนับไม่ได้มาต่อกัน คั่นหัวท้ายด้วยสุญญกัป

ยกตัวอย่างครับ
ย้อนหลังไปก่อนที่พระโพธิสัตว์จะได้รับลัทยาเทศน์ เป็นอสุญญอสงไขยครับ เมื่อสิ้นสุดอสุญญอสงไขยนั้นแล้ว ก็มีอสุญญกัปหนึ่งมาคั่นอยู่ เรียกว่า สารมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๔ พระองค์ คือ พระตัณหังกร พระเมธังกร พระสรณังกร และพระปัจฉิมทีปังกร ผู้พยากรณ์ท่านสุเมธดาบสโพธิสัตว์นั่นแหละครับ
สิ้นสารมัณฆกัปนั้นแล้ว ก็เข้าสู่สุญญอสงไขย คือ บังเกิดกัป เกิด ดับ หมุนเวียนไป ๑ ๒ ๓ ..... จนนับไม่ถ้วน นับไม่ไหว นานแสนนาน แล้วจึงมีอสุญญกัปหนึ่งมาแทรก เรียกว่า สารกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๑ องค์ คือพระโกณฑัญญะ
ช่วงเวลาจากสารมัณกัปจนถึงสารกัปที่ยกตัวอย่างมานี้แหละครับ เรียกว่า อสงไขยกัปหนึ่ง

 

พระพุทธเจ้าในกัปหนึ่งมีจำนวนสูงสุด คือ ๕ พระองค์เท่านั้นครับ

กัป หรือ มหากัป มี ๒ ลักษณะ คือ ถ้าเป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ เรียกว่า อสุญญกัป แต่ถ้าเป็นกัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเลยจะเรียกว่า สุญญกัป
อสุญญกัปแต่ละกัปนั้นยังมีลักษณะไม่เหมือนกันจึงมีชื่อเรียกต่างกัน ๕ อย่าง โดยมีจำนวนพระพุทธเจ้าที่มาอุบัติเป็นคุณสมบัติประการหนึ่งของกัป คือ
๑<O</O. สารกัป กัปที่เป็นแก่นสาร มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๑ องค์<O</O
๒. มัณฑกัป กัปที่ผ่องใส มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๒ องค์<O</O
(ยกเว้นกัปที่ “พระปทุมุตระพุทธเจ้า” มาอุบัติเพียงพระองค์เดียว ก็เรียกว่ามัณฑกัป)<O</O
๓. วรกัป กัปที่ประเสริฐ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๓ องค์<O</O
๔. สารมัณฑกัป กัปที่เป็นแก่นสารและผ่องใส มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๔ องค์<O</O
๕. ภัททกัป กัปที่เจริญ มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ องค์<O</O
จำนวนพระพุทธเจ้าที่มาอุบัติในกัปหนึ่ง ๕ พระองค์นั้นถือว่ามากที่สุด ไม่มีกัปใดที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติมากกว่านี้อีกแล้ว
ในภัททกัปปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน จะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเพียงแค่ ๕ พระองค์เท่านั้น เวลานี้ก็ผ่านมา ๔ พระองค์แล้ว หลังจากสิ้นสุดอันตรกัปนี้แล้ว ขึ้นอันตรกัปหน้า ก็เป็นเวลาของพระศรีอาริยเมตไตรยครับ (จากนั้นในคัมภีร์พุทธวงศ์กล่าวไว้ว่าจะตามมาด้วยสุญญอสงไขยครับ คนแก่คนเฒ่าถึงได้บอกว่า ยังไงๆ ก็ขอให้เกิดทันยุคพระศรีอาริย์ เพราะถ้าพลาดงวดนี้ก็อีกยาวไกลเลยครับ)

 

ขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา

 

โพธิญาณะ ปัจจะโย โหตุ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

กำลังเบื่อๆเรื่องตายๆเกิดๆพอดี อยู่ๆก็เข้ามาอ่าน ผมเลยมีกำลังใจขึ้นอีกมากๆ

ส่วนเรื่อง ปิดทองหลังพระ นั้นทำเอาน้ำตาซึมทีเดียว นึกถึงกำลังใจได้เลยว่าจะมากขนาดไหน

ถึงทำแบบนั้นได้ สาธุ สาธุ


บางทีเข้ามาอ่านเจอว่า คนนั้นเหลือแค่นั้น คนนั้นเหลือแค่นี้ (เหลืออีกกี่ชาติ) กับบางคน

ที่อ้างถึงตัวเลขจำนวนมากๆว่าบริจาคให้กับทางนั้น ทางนี้(อ่านดูแล้วหงุดหงิด)

ผมว่าถ้าเค้าเป็น พระโพธิสัตย์ จริงตามที่เค้าบอกคงจะไม่ลืมไปว่า โดยพื้นฐานวิสัยของพระโพธิสัตย์

จริงๆแล้วควรจะทำอะไรอย่างแรกสุด เลย (ใกล้ตัวที่สุดด้วย)

พระโพธิสัตย์ นี่เหนื่อยครับ เกิดๆตายๆ จนนับไม่ถ้วนจริงๆ ใครที่ปราถนา พุทธภูมิ ไว้

ทำใจได้เลยครับเรื่องนี้ แต่ก็อีก เมื่อเทียบกันแล้ว ระหว่างความเบื่อ(เกิดๆตายๆ) กับความสงสาร


เทียบกันไม่ได้จริงๆ เลยคิดว่าคงต้องเกิดๆตายๆ ไปอีกเยอะมากๆ

 

มาชวนท่านพุทธภูมิทั้งหลายมาสร้างวัดภูเหล่าเงินฮางครับ ผมส่วนตัวประทับใจคุณ Narong ที่ช่วยสนับสนุนงานบุญของคุณมหาหินหลายงาน คุณมหาหินก็ยอมรับเลยว่ากล้องดิจิตอลที่ถ่ายภาพงานบุญที่นำมาให้สมาชิกอนุโมทนาบุญกันจนไม่หวาดไม่ไหว ก็มาจากการที่คุณ Narong ส่งมาให้

ตอนนี้คุณ Narong มีโครงการสร้างวัดภูเหล่าเงินฮาง ก็ขอให้สมาชิกเวบพลังจิตที่ไม่ว่าจะเป็นพุทธภูมิหรือไม่ก็ดี มาร่วมกันสร้างวัดภูเหล่าเงินฮาง เพื่อให้คนดีที่ทำเพื่อพระศาสนาคนหนึ่งมีกำลังใจทำความดีต่อไป

อย่าเกี่ยง เอ๊ย อย่าแย่งกันทำบุญล่ะ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

พระโพธิสัตว์น้อย

ขึ้นไปหลายครั้งที่ดุสิต พระโพธิสัตว์น้อย ท่านเป็นน้องพระศรีอริยเมตตรัย ท่านมีบารมีมาก รอที่จะบรรลุพระพุทธเจ้า
ท่านทำงานเพื่อมวลมนุษยชาติอยู่ แผ่เมตตาทุกวัน ใครสนใจพบเชิญที่ดุสิต ผมรับรองไม่ใช่ผม
ท่านบารมีมากมายนัก วิมานข้างพระศรีอริยเมตตรัย

 

พระโพธิสัตว์น้อย

ขึ้นไปหลายครั้งที่ดุสิต พระโพธิสัตว์น้อย ท่านเป็นน้องพระศรีอริยเมตตรัย ท่านมีบารมีมาก รอที่จะบรรลุพระพุทธเจ้า
ท่านทำงานเพื่อมวลมนุษยชาติอยู่ แผ่เมตตาทุกวัน ใครสนใจพบเชิญที่ดุสิต ผมรับรองไม่ใช่ผม
ท่านบารมีมากมายนัก วิมานข้างพระศรีอริยเมตตรัย

 

ก่อนอื่นขอโมทนาบุญกับธรรมทานที่ท่านทั้งหลายได้นำมาเผยแพร่
ส่วนเรื่องการปราถนาว่าจะเป็นพระพุทธเจ้านั้นข้าพเจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์หลายๆท่านมิได้คิดเรื่องนี้มากนักถึงแม้ท่านจะรู้ว่าทำอย่างนี้ซักวันจะต้องสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเพราะท่านมีเมตตาแก่สรรพสัตว์มากกว่าความต้องการให้มีผู้สักการะนั่นเอง เรื่องความทุกข์ในการเกิดนี่ยิ่งเป็นเรื่องปกตินะเพราะอันร่างกายสังขารธาตุนั้นเหมือนดั่งแค่เสื้อผ้าจะขาดวิ่นเพียงไรกายแท้คือจิตก็ยังคงอยู่เวลาจะเนิ่นนานเพียงไรหาใช่สาระเพราะมุ่งที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์หาใช่มุ่งหวังวันถึงการตรัสรู้
อันความทุกข์ยากของพระโพธิสัตว์นั้นแม้มีมากแต่ก็ยังมีประโยชน์มากเป็นทวีด้วยเนื่องเพราะช่วยสัตว์โลกไว้ได้มากตามกำลังของแต่ละพระองค์
ส่วนลาภยศสักการะเป็นแค่สิ่งจอมปลอมไม่เที่ยงแท้ไม่น่ายินดีแต่ประการใดความน่ายินดีที่ควรคือพาสัตว์โลกข้ามฝั่งได้มากเท่าไหร่ต่างหากดังนั้นพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์จึงมีอัธยาศัยช่วยเหลือเกื้อกูลกับพระพุทธศาสนาอยู่แล้วมิได้คิดว่าจะต้องให้สัตว์โลกมาเป็นสาวกมาสำเร็จแต่ยุคของพระองค์ที่จะตรัสรู้ไม่

อีกประการมนุษย์ที่ยังเวียนว่ายในกาลปัจุบันชาติก็ดีหรืออนาคตชาติอันกำลังจะถึงก็ดีแม้ท่านไม่ได้บำเพ็ญโพธิญาณแต่บางท่านก็ปล่อยเวลาว่างเปล่าไปอยู่ดี ดังนั้นจงอย่าได้ประมาทจงมีธรรมเป็นเครื่องครอง จะปราถนาพุทธภูมิหรือสาวกภูมิก็ช่างแต่อย่าได้ละเลยอันกิจการกุศลเพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน

สุดท้ายขอให้กำลังใจแก่ท่านพุทธภูมิหรือพระโพธิสัตว์ที่ได้เข้ามาอ่านดังนี้ว่า
แม้นกายเราขาดวิ่นสิ้นสังเวช
แต่ดวงเอกอันจิตอยู่มิรู้หาย
แม้นบำเพ็ญยาวนานเพลาวาย
กลับหาได้กั้นกลึงเมตตาธรรม
อันส่ำสัตว์รอดพ้นภัยทุกขเวท
ดังเพราะเหตุท่านส่งเสริมมิเลือนหาย
ช่วยค้ำจุนพุทธศาสตร์ด้วยแรงกาย
ทั้งถวายชีวิตแลกแทบพลีกัน
ชีวันท่านหาได้ดังคนรั้นสิ้น
มิถวิลเพราะสมมุตอันปลอมนั่น
แต่เพื่อเกื้อกอบกูลเวไนย์นั้น
เพื่อบุกบั่นแบกข้ามสงสารเอย