การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

Chayutt · 10 มีนาคม 2010

สรุปข้อความจากนาย Matthew Ward
เกี่ยวกับเรื่องการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ของดาวเคราะห์โลก

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> วันที่ 19 ตุลาคม 2009

- คณะกรรมการของสภาสูงสุดผู้ซึ่งทำหน้าที่ออกแบบแผนกลยุทธ์หลัก (Master Plan) ของยุคทองของดาวเคราะห์โลก

ได้ “เปิดประตูมิติ” ในระดับจักรวาล เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการก้าวกระโดดทางพัฒนาการด้านจิตสำนึก
และด้านจิตวิญญาณของอารยธรรมหนึ่งๆ ซึ่งจะทำให้อารยธรรมนั้นๆสามารถที่จะยกระดับจิตวิญญาณขึ้นไปสู่มิติที่สูง กว่าได้

- ประตูมิติเหล่านี้จะปิดลงในราวๆสิ้นปี 2012

- คุณจะสำนึกรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายได้มากมาย โครงสร้างสำคัญๆของรัฐบาลในประเทศต่างๆ
และผู้มีอำนาจทั้งหลาย จะล้มหายตายจากไปอย่างกะทันหัน แล้วมีผู้อื่นขึ้นมาแทนที่ เพราะเป็นความก้าวหน้าของการปฏิรูปใหม่

- ภาวะมลพิษทุกรูปแบบจะถูกขจัดให้หมดสิ้นไป อย่างรวดเร็วบ้าง หรือแบบค่อยเป็นค่อยไปบ้าง

- จำนวนของชาวโลกที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปพร้อมกับดาวเคราะห์โลก ยังไม่สามารถพยากรณ์ให้ถูกต้องแม่นยำได้

- ชาวโลกทุกคนที่จะร่วมเดินทางไปกับโลกสู่มิติที่สูงขึ้น ต้องได้ดูดซับแสงสว่างมาแล้ว
ซึ่งนั่นจึงจะทำให้พวกเขา สามารถร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วยได้

- และได้โปรดอย่าไปสนใจเกี่ยวกับเรื่องดาวเคราะห์สีน้ำตาลที่ชื่อ Planet X หรือนิบูรุ หรือชื่ออะไรก็แล้วแต่อะไรนั่นเลย
ที่มีข่าวลือกันว่าจะพุ่งมาชนโลก

- แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ที่จะถูกทิ้งไว้ให้ตายไป ก็จะเป็นพวกที่เคร่งศาสนาทั้งหลาย ที่ปักใจอยู่แต่ว่า
ชีวิตของพวกเขาจะไร้ซึ่งความหมายอย่างสิ้นเชิง หากปราศจากความเชื่อทางศาสนานั้นๆ
ร่างกายเนื้อของพวกเขาจะตายลงไปในเวลาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะทนรับมือกับสภาวะจิตที่บ้าคลั่ง
และความเครียดทางอารมณ์ได้มากน้อยกว่ากัน เมื่อความเป็นจริงเกี่ยวกับศาสนาของพวกเขาถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

- จงจำไว้ว่า ในความหมายของกาลเวลาแห่งมายากาลที่เป็นเส้นตรงอย่างที่พวกคุณรู้จักนี้
พวกคุณกำลังช่วยกันสร้างโลกในแบบที่คุณต้องการอยู่ แต่ในความจริงระดับปรมัตถ์แล้ว (Continuum)
โลกอย่างที่ว่านั้น มันมีอยู่แล้ว !
พวกคุณช่างสร้างโลกได้ ยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์อะไรเช่นนี้ !

- สัตว์นักล่าบางสายพันธุ์ แสดงออกถึงความเป็นมิตรต่อสัตว์อื่นที่ควรจะเป็นเหยื่อของพวกมันด้วยซ้ำไป
หรือแม้แต่ที่มีตัวอย่างให้เห็นบ้างเป็นครั้งคราวว่า มีการปกป้องกันและการเลี้ยงดูกันข้ามสายพันธุ์ของสัตว์สองชนิด
เช่นเดียวกับตัวอย่างของสัตว์ที่ดุร้ายบางชนิด ก็มีพฤติกรรมเป็นมิตรต่อมนุษย์มากขึ้น
สัตว์เหล่านี้กำลังตอบสนองต่อความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น ที่แผ่กระจายอยู่ทั่วโลกในขณะนี้
ดังนั้นสัญชาตญาณดิบของพวกมันจึงสงบลง

- เซลในร่างกายเนื้อทั้งหลาย กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างจากการมีธาตุคาร์บอนเป็นส่วนประกอบหลัก (Carbon – base)
ไปเป็นโครงสร้างที่มีคริสตอลเป็นส่วนประกอบหลัก (Crystalline - base)

หรือพูดได้ว่า การเปลี่ยนระดับจากร่างกายในมิติที่ 3 ไปเป็นร่างกายในมิติที่ 4 จะค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
เพราะว่าความสามารถของสมองในมิติที่ 3 ไม่มีความเชื่ออย่างสมบูรณ์ ว่าสิ่งนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในพริบตาเดียว

- ในระหว่างกระบวนการการเปลี่ยนระดับนี้ มันอาจจะมีความผิดปกติทางกายภาพหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

- ร่างกายในมิติที่ 4 และมิติที่ 5 จะเป็นอย่างไร ?

เมื่อคุณพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไป สู่ระดับความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น ร่างกายของคุณจะค่อยๆปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆไปทีละน้อย

แขนขาที่ขาดหายไปจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทดแทน

ความเจ็บป่วยและแบบแผนแห่งการแก่ และข้อจำกัดของการใช้งานสมองจะถูกกำจัดออกไปจาก DNA ของคุณ

และรูปร่างที่ปรากฏของผู้ใหญ่ ที่มีอายุมากที่สุด ที่พวกคุณเลือก ก็คือรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้ใหญ่อายุ 30 – 35 ปี
ที่มีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตชีวา และอ่อนเยาว์

อันนี้คุณไม่ได้ถามหรอกนะ แต่ยังไงพวกเราก็คิดว่า เราน่าจะบอกคุณ บุคลิกลักษณะทุกๆอย่างจะเป็นอะไรที่
ถูกใจคุณไปซะหมดทุกอย่างเลยหละ

(ยังมีต่อครับ)

Chayutt · 10 มีนาคม 2010

สรุปข้อความจากนาย Matthew Ward
เกี่ยวกับเรื่องการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ของดาวเคราะห์โลก

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> 19 พฤศจิกายน 2009

- รายการโทรทัศน์ที่จะประกาศข่าวการมีตัวตนอยู่ของพวกเรา…นี่คือปฏิบัติการระดับนานาชาติ
- และมันก็สำคัญที่ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของประเทศต่างๆด้วย การตัดสินใจเรื่องหลักๆ
ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่าง กำลังตกลงกันอยู่

- ความเจ็บป่วยที่ลึกลับที่กำลังจู่โจมประทศยูเครนอยู่ในขณะนี้ และกำลังแพร่ระบาดออกไป
ยังประเทศข้างเคียงอยู่ในขณะนี้ ก็คือผลจากการพัฒนาต่อเนื่อง ของอาวุธเชื้อโรคชนิดหนึ่ง ของฝ่ายมืด
หลังจากที่ล้มเหลว จากการปุกปั่นกระแสความกลัวและความตายระดับโลก โดยใช้ไวรัส SARS, ไข้หวัดนก
และไข้หวัดหมู (N1H1) ไปแล้ว เพราะว่าพวกเราได้ทำให้พวกมันเป็นกลางโดยใช้เทคโนโลยี
จากครอบครัวชาวจักรวาลของพวกเราไปแล้ว

- เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในยูเครนอยู่ขณะนี้ เป็นผลจากการพัฒนารวมสายพันธุ์ไวรัสเข้าด้วยกัน
โดยผู้ที่อยู่ฝ่ายมืด เพื่อให้มันไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ เหมือนกับ 3 สายพันธุ์ที่แล้ว ซึ่งมีความเป็นพิษน้อยกว่า
และถูกพัฒนาขึ้นจากห้องปฏิบัติการเหมือนๆกัน

- แต่ถ้าหากคุณต้องการที่จะร่วมเดินทางไปกับเธอทั้งกายเนื้ออย่างนี้ คุณต้องรีบทำให้บทเรียนแห่งกรรมทั้งหลาย
ในมิติที่ 3 นี้ จบสิ้นลงโดยเร็ว ตามที่คุณได้เลือกเอาไว้ในพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของคุณนั่นแหละ

- การวิวัฒน์จากมิติที่ 3 ไปสู่มิติที่ 4 ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะว่าคุณกำลังอยู่บนดวงดาวที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นเท่านั้น
วิวัฒนาการของคุณต้องมาพร้อมกับความเอาใจใส่ต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และการหยั่งรู้ และสติปัญญาด้านอื่นๆ
ที่จิตวิญญาณของคุณให้มา เพื่อชี้ทางให้คุณปฏิบัติตัวให้สอดคล้องกับพันธะสัญญาของคุณเอง

- มันต้องมาพร้อมกับการทบทวนความคิดหรือความรู้สึกของตัวเอง, การกระทำด้วยความซื่อสัตย์,
เคารพนับถือรูปธรรมชีวิตในธรรมชาติทุกๆชนิด, แยกแยะของแท้ออกจากของเทียมให้ได้,
จงเลียนแบบแต่อย่าลอกแบบบุคคลผู้ที่คุณเคารพนับถืออย่างสูง, และอย่าไปตัดสินผู้อื่น

มันต้องมาพร้อมกับการระลึกรู้และการรู้สึกสำนึกบุญคุณสำหรับสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ,
ต้องรู้จักให้อภัยต่อตนเองและผู้อื่นที่ทำให้คุณต้องประสบกับความอยุติธรรม
มันต้องมาพร้อมกับการดำเนินชีวิตอยู่ด้วยหัวใจ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิญญาณของคุณ

- คุณไม่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวเลย ตลอดการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง และเพื่อวิวัฒนาการนี้
ยังมีพระหัตแห่งพระผู้เป็นเจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่กับคุณ คือพวกเทวดาทั้งหลาย, ผู้นำทางจิตวิญญาณ
และจิตวิญญาณอิสระทั้งหลาย รวมถึงผู้ที่เป็นที่รักทั้งหลายของคุณในสรวงสรรค์,
รูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่มีความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณสูงๆทั้งหลาย และพลังงานของจิตสำนึกแห่งพระคริสต์
ที่ปรากฏออกมาในรูปแบบของความรักและแสงสว่าง และอื่นๆ

……………………..

17 ธันวาคม 2009


- ทศวรรษถัดไปของพวกคุณ จะเป็นทศวรรษแห่งการระเบิดของการเปิดเผยอย่างมีชีวิตชีวามากมาย
ซึ่งจะทำให้ชีวิตของพวกคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล รวมถึง ในเร็วๆนี้ พวกคุณจะได้ประจักษ์ชัดถึงการมีตัวตนอยู่จริง
ของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพอีกด้วย ส่วนความจริงอื่นๆที่จะมีผลต่อการปฏิรูปมากมายหลายอย่าง
ที่เคยถูกปกปิดเอาไว้เป็นเวลาช้านาน ก็จะถูกเปิดเผยตามมา

…………………..

ส่วนตอนอื่นๆที่เหลือ..
ก็เป็นโพสต์เต็มๆล่าสุด ที่ผมได้โพสต์ไปแล้วนะครับ..

.......................

vorapoap · 10 มีนาคม 2010

ผมมีคำถามสงสัยครับ
จากที่อ่านมาดู หากมนุษย์ส่วนหนึ่งได้รับการยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 5 (Crystal-base) แต่มนุษย์อีกส่วนไม่ได้ยกระดับ ยังอยู่ในมิติที่ 3 (Carbon-base) แล้วทั้งส่วน จะอยู่ร่วมในโลกเดียวกันได้อย่างไร... นอกจากทุกคนๆจะถูกยกระดับไปพร้อมกัน มีแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น?

natthapatpun · 10 มีนาคม 2010

มาซับแสงสว่างค่ะ
จะรอวันนั้น รอวันที่ฝันเป็นจริง
สาธุ ขอให้สอบผ่านทีเถอะ
แต่ถ้าสอบไม่ผ่าน ก็...เฮ้อ

Chayutt · 10 มีนาคม 2010

vorapoap said: ↑

ผมมีคำถามสงสัยครับ

จากที่อ่านมาดู หากมนุษย์ส่วนหนึ่งได้รับการยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 5 (Crystal-base)
แต่มนุษย์อีกส่วนไม่ได้ยกระดับ ยังอยู่ในมิติที่ 3 (Carbon-base)
แล้วทั้ง 2 ส่วน จะอยู่ร่วมในโลกเดียวกันได้อย่างไร...
นอกจากทุกคนๆจะถูกยกระดับไปพร้อมกัน มีแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น?

Click to expand...

คำตอบที่คุณถามมานั้น ในข้อความเหล่านั้น
เขาแทบจะกล่าวไว้ทุกครั้งที่สื่อสารมาเลยนะครับ

แต่คำตอบสั้นๆคือ "ตาย" ครับ ไม่มีใครที่มีระดับความสั่นสะเทือน
ของพลังงานที่ต่ำๆ จะเหลือรอดชีวิตไปถึงมิติที่ 5 ได้หรอกครับ

แนะนำให้ลองย้อนกลับไปอ่านข้อความเต็มๆ เก่าๆ ที่ผมโพสต์ไว้ในกระทู้นี้แล้วดูนะครับ

................................................................

ตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังอยู่ระหว่างเส้นทางของการยก ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ และกำลังเข้าสู่ระนาบที่มีระดับการสั่นสะเทือน
ของคลื่นความถี่ที่สูงขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีระดับการสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่าจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
<o></o>
ทุกๆ กระแสความคิด ความรู้สึก และการกระทำที่เป็นด้านลบจากโลกมืดจะสิ้นสุดลง
เพราะว่าพลังงานเหล่านั้นไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ได้ ในระดับความสั่นสะเทือนที่สูงแบบนั้น
<o></o>
จิตสำนึกมวลรวมของผู้คนบนดาวเคราะห์โลก จะขับไล่กระแสความคิดและความอยากที่เป็นด้านลบออกไป
แล้วจิตวิญญาณที่เติมเต็มด้วยแสงสว่างทั้งหลายก็จะสามารถลง มือทำในสิ่งที่พวกเขาคิดและปรารถนาได้อย่างไม่มีอะไรขวางกั้น

..............................................

และโปรดจำไว้ว่าความรุ่งเรืองของยุคทองจะเกิดขึ้น สำหรับผู้ที่ดูดซับแสงสว่างเท่านั้น
เพราะ แสงสว่างจะช่วยทำให้กายเนื้อของพวกเขารอดชีวิตอยู่ได้ตลอดเส้นทางการยกระดับ ขึ้นของโลก
ไปสู่ระดับการสั่นสะเทือน ที่สูงขึ้นในมิติที่ 5
<o></o>
แต่สำหรับผู้ที่ปฏิเสธแสงสว่างทั้งหลาย กายเนื้อของพวกเขาจะไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ในระดับคลื่นความสั่นสะเทือน นั้น
วิญญาณของพวกเขาก็จะไปสู่โลก ที่มีคลื่นความสั่นสะเทือนระดับเดียวกับระดับพลังงานของพวกเขา
และในที่นั้นๆพวกเขาก็จะได้รับโอกาสในการพัฒนาและ วิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของตนเองอีกครั้งหนึ่ง
......................................

LadyOfLight · 10 มีนาคม 2010

*-* เป็นบทสรุปที่ยอดเยี่ยมอีกแล้ว

ขอคิดเรื่อง สอบ ผ่าน ไม่ผ่าน นิดนะคะ

หมวยเล็กคิดว่า การมุ่งว่า ผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นการสร้างกรอบขนาดเล็กอย่างหนึ่ง
นี่ประสบการณ์ของหมวยเองนะคะ ไม่หวงค่ะ ใครคิดว่าพอใช้ได้ ก็ลองดูนะคะ
เพราะฉะนั้นตั้งแต่หมวยพอเข้าใจ หมวยเลยใช้คำว่า "มั่นคง" มาตลอด
เช่น เราต้องพูดกับตัวเราเองว่า วันนี้ เราคิดดี ทำดี หรือยังน้อ
เราทำได้แค่ไหนแล้วน้อ ใ้หกำลังใจตัวเองว่า อืมนะ พรุ่งนี้เราจะทำดี คิดดี รู้สึกดี ให้ได้มากกว่านี้อีก
พอวันถัดไปก็ อืมม วันนี้เราคิดดี ทำดี รู้สึกดีๆ มากกว่าเดิมละ นิดนุงก็ยังดีนะ
แล้วก็ดี ดี ดี ดี ดี ดี รัก รัก รัก ปรารถนาดี รู้สึกดีๆ ไปเรื่อยๆ
มันก็จะเพิ่มไปเองเรื่อยๆ เพราะเราพูดกับตัวเอง คุยกับตัวเราเองตลอดทุกวันที่นึกออก
ต่อไปมันเป็นออโต้เลยค่ะ กลายเป็นว่า ถ้าเราคิดร้ายปุบ รู้ทันปับ เลย
ต่อไป ก็จะเป็นวิธีการสลายความร้ายกาจ ความเกลียด โกรธ ลบๆทั้งหลายออกไป
อันนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ สังเกตได้จาก วิธีการต่างๆมากมายบนโลก
เช่น ปฏิบัติมาแนวเดียวกัน แต่ทำไมอีกคนก้าวหน้าจัง เรายังอยู่กะที่ไม่ไปไหนเล้ยย
ถ้าเกิดแบบนี้ ให้ลองเปลี่ยนแนวดู หรือ apply ให้เป็นตัวของเราเอง
ไม่ต้องกลัวว่าจะออกนอกลู่นอกทาง เพราะเมื่อเรามีความดีอยู่ในใจแล้วในระดับหนึ่ง
เราจะรู้ได้เองเลยว่า เราออกนอกทางหรือไม่ ใจเราจะบอกได้เอง คนอื่นไม่มีใครบอกสิ่งที่เราเป็นได้อย่าง 100% จากภายนอกหรอกค่ะ
มันจะเหมือนกับว่า เรากำกับตัวเองได้ในระดับนึงในเส้นทางของความดีทั้งมวล
ถ้าเราทำขั้นนี้สำเร็จ เราก็จะรู้สึกได้เลยค่ะ ว่าเราไปตัดสินคนอืนไม่ได้อีกแล้ว
เพราะเราประจักษ์กับตนเองแล้วว่า แต่ละคนก็ต่างกันไป โดยไม่ต้องเสแสร้งตามกรอบวัฒนธรรมอันดีงามเลย เพราะมันดีเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง มาจากภายใน
และต่อไป เราก็จะรู้ได้อีกว่า เมื่อไหร่ที่เราผลิตความเป็นลบ ความร้ายๆออกมา
จะสัมผัสได้ทันที ก็จะเป็นขั้นต่อไปว่า เราจะทำยังไง อันนี้รู้ได้เองค่ะ ไม่ต้องมีใครบอกก็ได้
ว่าจะจัดการยังไง เพราะเราเป็นแสงสว่างแล้ว

ขั้นแรกของทุกๆอย่างเลย สำหรับหมวยเล็กคือ ความมั่นคงในการที่จะคิดดี ปรารถนาดี ทำดี รู้สึกดีๆ ค่ะ แล้วทุกอย่างมันจะ flow ไปได้เอง ไม่ต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านถึงว่า ทำไมยังงั้น ยังงี้ ไม่เห็นเป็นอย่างหนังสือนั่นว่า บทความนั่นบอก คนนั้นสอนมา ฯลฯ

ขอเพียงมีเป้าหมายชัดเจนว่าคือ ความดี และอะไรๆก็ตามที่เป็นสิ่งดี และมั่นคงไม่ใช่้ยึดมั่นถือมั่น เพียรพยายามแต่ไม่ใช่ดื้อดึง
เราก็จะเข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง แล้วจะรู้ได้ว่า เราก็ทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย แล้วคุณก็จะรู้ว่า อืมมม ใช่เลยยยยยยยยยย

ปล. นี่มาแบ่งปันประสบการณ์นะคะ ไม่หวงค่ะ หรือถ้าไม่ถูกจริต ก็อภัยด้วยนะคะ เพราะหมวยเล็กรู้ได้ว่า ผู้อยู่ในแสงแห่งธรรมแล้ว ย่อมอภัยและเข้าใจทุกอย่างเสมอค่ะ *-*

vorapoap · 10 มีนาคม 2010

อ่าเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณท่าน Chayutt มากครับ

arichi · 12 มีนาคม 2010

ขอบคุณสำหรับบทสรุปค่ะ คุณChayutt
มีที่ยังไม่ได้อ่านอีกตั้งเยอะเลย เดี๋ยวขอกลับไปอ่านตั้งแต่หน้าแรกใหม่อีกรอบเลยดีกว่า
เผื่อจะได้เข้าใจมากขึ้น เหะๆ ^^

sarissa · 11 มีนาคม 2010

ขอบคุณค่ะ มานั่งอ่านแล้วปลื้มใจจังที่มีคนใจดีอย่างคุณชยุต อุตสาหะแสวงหาให้คนอื่นได้อ่าน

มีอยู่นิดหนึ่งค่ะที่พูดถึงการเลื่อนระดับชั้นของจิตวิญญาณ ในความคิดตัวเองคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นพวกดูดซับแสงสว่างอย่างเดียวก็ได้แต่ถ้าตระหนักรู้ตัวตนก็น่าจะได้เลื่อนระดับเช่นกัน (หวังว่า) เพราะเป็นคนชอบไปที่มืดๆหนวกหูๆค่ะ ไม่รู้เป็นไง ก็ให้กำลังใจตัวเองก่อนแล้วกัน

ที่ใดมีแสงสว่างมาก เงามืดก็ยิ่งเข้มขึ้นเสมอ

LadyOfLight · 11 มีนาคม 2010

ใช่เลยค่ะ พี่ริสา เห็นด๊วยยย เห็นด้วย

ไม่เห็นจะต้องไปดูดจากใครเลย ถ้าผลิตได้เอง
ก็ทำได้เองกันอยู่แล้วอ่ะ ไม่งั้นผู้ประเสริญทั้งหลาย จะให้แนวทางมาทำอะไรล่ะ

เพียงแต่เริ่มแรก อาจต้องค่อยๆสะสมก่อน ค่อยๆเรียนรู้ ฝึกฝนไป
การดูดซับก็ต้องจำเป็นบ้างแหล่ะน่ะ เพื่อโอบอุ้มพยุงกันไปก่อน เบบี๋ๆ

กรณีที่พี่ริสายกมา เหมือนกับที่หมวยกะลังแปลของครายออนเลย
ซิงโครนิซิที อีกแระ อิอิ

ไม่แน่นะพี่ มืดกะสว่าง อาจเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้ มันก็แค่แยกเป็นสองอย่างที่ต่างกันสุดขั้วแค่นั้นเอง
เผลอๆ สลับสับเปลี่ยนไปมา จากมืดเป็นสว่าง สว่างเป็นมืด ก็ได้นะ *0*

su_ra · 11 มีนาคม 2010

ชอบภาพนี้ครับ มองแล้วรู้สึกถึงความศิวิไลย์ในอดึต
สิ่งที่คุณชยุต สรุปมานั้นชัดเจนที่เดี่ยว มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
ผมขอเสริมอึกหน่อย ช่วง 70 ปี คนกลุ่มแรกที่บุกเบิกสิ่งนี้
เป็นคนในยุคพลังงานเก่า คนกลุ่มนี้้ถ้าพวกคุณบางคนที่รู้จัก
สถานธรรมของคนไต้หวัน ที่เผยแพร่ธรรมมะ คนกลุ่มเหล่านี้หละ
ที่เริ่มต้นนำพาการเปลี่ยนแปลงมาสู่โลก เมื่อโลกมีพลังแห่งแสง
มากพอ กลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งก็พร้อมที่จะถูกส่งลงมาช่วงปี 1978 - 1982
เพื่อเป็นเสาเข็มและเป็นรากฐานให้กับยุคพลังงานใหม่และที่น่าสนใจ
คือคนกลุ่มนี้สามารถนำโลกไปได้ทั้ง 2 แนวทางคือ จุดจบ หรือจุด เริ่มต้น
ของยุคพลังงานใหม่ ซึ่งแน่นอน โลกเลือกที่จะเยียวยาตัวเอง และยุคพลังงาน
ใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น และคนกลุ่มที่ 3 ก็ได้กำเหนิดขึ้น คือเด็กแห่งฟ้าคราม
(indigo child)เพื่อเป็นการประกันและรับรองว่าโลกจะก้าวไปสู่ยุคทอง
อย่างแน่นอน และมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเซลย์ในร่างกายก็คือ มันสามารถ
พื้นฟูตัวเองและสร้างใหม่ได้โดยไม่มีการเสื่อมสลาย แต่มันถูกรหัสพันธุกรรม
(กรรม)ให้ทำเกิดการเสื่อมสลาย เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่มนุษย์ก็จะอายุยืนเกินกว่า
จะหยั่ง ด้วยเทคโนโลยีของยุคใหม่

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาและยกระดับจิตวิญณาณให้พร้อมและเข้า
กับยุคพลังงานใหม่ พวกเขาให้มอบแนวทางต่างๆมาให้แล้วมากมายในการ
ที่จะยกระดับตนเอง จงอย่ากลัวการเปลื่ยนแปลง การทำงานหนักจะทำให้
พวกคุณมาถึงเส้นชัยอย่างแน่นอน จงเริ่มที่ตัวเองและสิ่งที่ใกล้ตัว

ด้วยรัก

Chayutt · 11 มีนาคม 2010

LadyOfLight said: ↑

ใช่เลยค่ะ พี่ริสา เห็นด๊วยยย เห็นด้วย

ไม่เห็นจะต้องไปดูดจากใครเลย ถ้าผลิตได้เอง
ก็ทำได้เองกันอยู่แล้วอ่ะ ไม่งั้นผู้ประเสริญทั้งหลาย จะให้แนวทางมาทำอะไรล่ะ

เพียงแต่เริ่มแรก อาจต้องค่อยๆสะสมก่อน ค่อยๆเรียนรู้ ฝึกฝนไป
การดูดซับก็ต้องจำเป็นบ้างแหล่ะน่ะ เพื่อโอบอุ้มพยุงกันไปก่อน เบบี๋ๆ

กรณีที่พี่ริสายกมา เหมือนกับที่หมวยกะลังแปลของครายออนเลย
ซิงโครนิซิที อีกแระ อิอิ

ไม่แน่นะพี่ มืดกะสว่าง อาจเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้ มันก็แค่แยกเป็นสองอย่างที่ต่างกันสุดขั้วแค่นั้นเอง
เผลอๆ สลับสับเปลี่ยนไปมา จากมืดเป็นสว่าง สว่างเป็นมืด ก็ได้นะ *0*

Click to expand...

"Light" หรือที่เราแปลกันตรงๆว่า "แสงสว่าง" นั้น
เท่าที่ผมสังเกต และ พยายามจับประเด็นมาจากการแปลของตัวเองหนะนะครับ

มันก็ไม่เชิงว่า ไม่ใช่ "แสงสว่าง" จริงๆซะทีเดียว
แต่จะบอกว่ามันแปลว่า "แสงสว่าง" จริงๆ ก็ยังไม่ใช่อีก

เพราะว่าดูเหมือนมันครอบคลุมไปทั้ง 2 แง่ คือแปลว่าแสงสว่างจริงๆด้วย
และแปลว่า "คุณงาม ความดี" หรือ "บุญกุศล" อะไรแบบนั้นด้วย

เพราะว่า เขาหมายถึงว่า ทุกอย่าง มันเป็นพลังงานด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น คำว่า Light จึงเป็นได้ทั้งแสงสว่างจริงๆ และพฤติกรรมด้านดีๆทั้งหลายด้วย
เพราะคลื่นความสั่นสะเทือนของมันเป็นคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงด้วยกันนั่นเอง

ส่วนคำว่า "การดูดซับแสงสว่าง" ทำไมไปพากันเข้าใจว่า

"ไปเที่ยวดูดซับเอาของใครต่อใครมาหละครับ"

เพราะผมแปลยังไง อ่านยังไง มันก็ไม่มีข้อความไหน หรือตรงไหนที่บอกอย่างนั้นเลยนะครับ

เพราะยังไงผมก็เข้าใจอยู่ดีว่า

"คือให้ค่อยๆเปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือนของตนเอง
ให้กลายเป็นด้านบวก และมีระดับพลังงานที่มีความสั่นสะเทือนสูงขึ้นเรื่อยๆ"

ซึ่งอันนี้ก็จะได้จากการเปลี่ยน

"พฤติกรรม"
"ความคิด"
"ความเชื่อ" และ
"การกระทำ" ของตัวเอง หรืออะไรทำนองนั้นมากกว่าครับ

คำแนะนำสำหรับเรื่องนี้ นายแมทธิวเขาก็ได้กล่าวเอาไว้แล้ว
และกล่าวมาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้เน้นหนักมากนัก
เพราะว่า ดูเหมือนเขาจะรู้ว่า พวกเราเอง ก็รู้แนวทางนั้นดีอยู่แล้ว
และศาสนาต่างๆก็มีสอนเอาไว้แล้ว มากมาย

..................................................

natthapatpun · 11 มีนาคม 2010

ดิฉันคิดว่า คำว่า ดูดซับแสงสว่าง เป็นคำเปรียบเทียบค่ะ
และคิดว่าที่ใคร ๆ เข้ามาดูดซับแสงสว่างในนี้
ก็คือเขาเข้ามารับเอาพลังงานใสสะอาดที่ใครหลายคนแผ่ออกมา
หมายถึงข้อความดี ๆ เป็นกลาง อ่านแล้วใจสบาย มีความสุข
เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายและเป็นสุขสงบ
ช่วยกันแผ่ความรักความเมตตาออกมาเยอะ ๆ นะคะ
จะหมั่นเข้ามาซับความรักและปรารถนาดีจากทุกท่านค่ะ
และดิฉันก็ขอมอบความรักอันบริสุทธิ์ให้กับทุกท่านเช่นกันค่ะ

Falkman · 11 มีนาคม 2010

Chayutt said: ↑

"Light" หรือที่เราแปลกันตรงๆว่า "แสงสว่าง" นั้น
เท่าที่ผมสังเกต และ พยายามจับประเด็นมาจากการแปลของตัวเองหนะนะครับ

มันก็ไม่เชิงว่า ไม่ใช่ "แสงสว่าง" จริงๆซะทีเดียว
แต่จะบอกว่ามันแปลว่า "แสงสว่าง" จริงๆ ก็ยังไม่ใช่อีก

เพราะว่าดูเหมือนมันครอบคลุมไปทั้ง 2 แง่ คือแปลว่าแสงสว่างจริงๆด้วย
และแปลว่า "คุณงาม ความดี" หรือ "บุญกุศล" อะไรแบบนั้นด้วย

เพราะว่า เขาหมายถึงว่า ทุกอย่าง มันเป็นพลังงานด้วยกันทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น คำว่า Light จึงเป็นได้ทั้งแสงสว่างจริงๆ และพฤติกรรมด้านดีๆทั้งหลายด้วย
เพราะคลื่นความสั่นสะเทือนของมันเป็นคลื่นความสั่นสะเทือนระดับสูงด้วยกันนั่นเอง

ส่วนคำว่า "การดูดซับแสงสว่าง" ทำไมไปพากันเข้าใจว่า

"ไปเที่ยวดูดซับเอาของใครต่อใครมาหละครับ"

เพราะผมแปลยังไง อ่านยังไง มันก็ไม่มีข้อความไหน หรือตรงไหนที่บอกอย่างนั้นเลยนะครับ

เพราะยังไงผมก็เข้าใจอยู่ดีว่า

"คือให้ค่อยๆเปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือนของตนเอง
ให้กลายเป็นด้านบวก และมีระดับพลังงานที่มีความสั่นสะเทือนสูงขึ้นเรื่อยๆ"

ซึ่งอันนี้ก็จะได้จากการเปลี่ยน

"พฤติกรรม"
"ความคิด"
"ความเชื่อ" และ
"การกระทำ" ของตัวเอง หรืออะไรทำนองนั้นมากกว่าครับ

คำแนะนำสำหรับเรื่องนี้ นายแมทธิวเขาก็ได้กล่าวเอาไว้แล้ว
และกล่าวมาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้เน้นหนักมากนัก
เพราะว่า ดูเหมือนเขาจะรู้ว่า พวกเราเอง ก็รู้แนวทางนั้นดีอยู่แล้ว
และศาสนาต่างๆก็มีสอนเอาไว้แล้ว มากมาย

..................................................
Click to expand...

เข้าใจความหมาย "แสงสว่าง" นะ

วันก่อนไปอ่าน (ฉบับภาษาอังกฤษ) คนนี้เค้าเจ๋งดี
ที่บอกว่า ผักมีแสงมากกว่าเนื้อสัตว์ จริงนะ เวลามองคนกินผัก จะสว่างกว่าเห็นได้ แล้วเค้าพูดถึงจิตวิญญาณที่ตื่น (awake) จิตวิญญาณที่ตื่นจะไม่หลงไปในความมืด อะไรเงี่ยะ อาจอธิบายไม่เก่ง แต่คิดว่า เออคนนี้เค้าอธิบายดี ขอบคุณคุณชยุตมากเลย ที่เอาข้อมูลดีๆ มาให้เพื่อนๆ อ่านเสมอ

Chayutt · 11 มีนาคม 2010

<table id="post2198080" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);">19-06-2009, 03:59 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #22 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> Chayutt <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2198080", true); </script>
ผู้สนับสนุน บริจาค

วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 37
ข้อความ: 2,712
Groans: 40
Groaned at 11 Times in 7 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 14,462
ได้รับอนุโมทนา 34,337 ครั้ง ใน 2,972 โพส
พลังการให้คะแนน: 2469

</td> <td class="alt1" id="td_post_2198080" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> 115. ส่วนหนึ่งของรายงานฉบับที่ 8 (ต่อ)

(ผู้รับข้อมูล: Ivo Benda, วันที่ 11 ตุลาคม 1997 เวลา 6:50 – 8:07 p.m)<o></o>
<o></o>
และตอนนี้ เราคือ Guetzal จะขอร่วมการสนทนาด้วย เพราะคุณได้เตรียมคำถามบางคำถามไว้แล้ว
และเราจะขอเป็นผู้ตอบคำถามเหล่านั้นให้ท่านเอง<o></o>
<o></o>
1). บิกแบงก์ของจักวาลเกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว
นักดาราศาสตร์บนโลกของเราบอกว่าราวๆ 13 พันล้านปีมาแล้ว<o></o>
<o></o>
ตอบ:<o></o>
สำหรับคำถามแรกของท่าน เราสามารถบอกได้ว่ามันเกิดขึ้นมาประมาณ 14.5 พันล้านปีมาแล้ว
แต่เวลาใน ช่วงที่มันเริ่มเกิดขึ้นนั้น มีการบิดเบี้ยวไปอย่างรุนแรง ดังนั้น เราจึงไม่สามารถ
พยากรณ์เวลาที่ถูก ต้องแม่นยำได้ อย่างที่ท่านรู้แล้ว ที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้ประกาศทฤษฎีสัมพันธภาพ
กล่าวไว้ ว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงของเวลา-อวกาศ วัตถุ สสาร และพลังงาน
ก็จะเปลี่ยนไปตามเวลาด้วยเช่นกัน<o></o>
<o></o>
2). ลำดับชั้นของมิติในจักรวาลคืออะไร มันมีอยู่กี่มิติ
และในจำนวนนั้น มีมิติไหนบ้างที่มีผู้มายังดาวเคราะห์โลกแล้วในปัจจุบันนี้<o></o>
<o>
</o>
(obr1031)<o></o>
<o></o>
ตอบ:<o></o>
สำหรับคำ ถามที่สองของท่าน เราขอบอกว่าในจักรวาลนี้มีมิติอยู่หลายมิติ
ดังนั้นมันจึงถูกใช้เป็นพื้นฐานในการจัดระบบตาม ลำดับขั้นของการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต
ภาย ใต้กฎอันทรงประสิทธิผลของจักรวาล มิติต่างๆเหล่านี้ประกอบด้วย;
<o></o>
1. มิติที่ 1 ซึ่งเป็นมิติที่ต่ำที่สุด จะพบอยู่ในส่วนที่มืดมิดของจักรวาล และที่นั่นสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
จะ เป็นพวกที่มีพัฒนาการที่ต่ำมาก นั่นคือ เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด ซึ่งท่านรู้จักมันในนามของ
“หลุมดำ” หลุมดำเหล่านี้เป็นทางผ่านเข้าออกของพวกสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย (Negative Being)
เพื่อไปก่อความเดือดร้อนให้ แก่มิติอื่นๆในบางครั้งคราว<o></o>
<o></o>
2. มิติที่ 2 ก็เป็นมิติมืดเช่นเดียวกัน ที่นั่นสิ่งมีชีวิตจะมีพัฒนาการสูงขึ้นมาอีกหน่อย<o></o>
<o></o>
3. มิติที่ 3 เป็นมิติของสิ่งมีชีวิตที่มีพัฒนาการสูงขึ้นมาอีก ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่พบในมิตินี้ก็ได้แก่
พวกท่านเอง มนุษย์บนดาวเคราะห์โลกทั้งหลาย<o></o>
<o></o>
4. มิติที่ 4 เป็นมิติของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง พวกเขามีร่างกายเนื้อ แต่พวกเขาก็เป็น
“ประชาชนของจักรวาล” (Cosmic People) พวกคุณจะรู้จักพวกเขาในรูปแบบของ UFO
ผู้คนบนโลกนี้ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นพวกเขาได้เมื่อพวกเขาเดิน ทางลงมายังมิติที่ต่ำกว่า
เพื่อมา ช่วยยกระดับของสิ่งมีชีวิตในมิตินั้นๆให้สูงขึ้นจากระดับที่เป็นอยู่เดิม
พวกเขามาช่วยเหลือด้วยความรัก และความเสียสละ<o></o>
<o></o>
5. มิติที่ 5 จะเป็นพวกที่มีร่างกายกึ่งกายเนื้อ กึ่งกายละเอียด ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้บางส่วน
จะเปล่งแสงสว่างออกมาได้ พวกเขาก็เป็นอีกพวกหนึ่งที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านจิตวิญญาณ
แก่สิ่งมีชีวิตที่มีระดับพัฒนาการที่ต่ำกว่าด้วย ดังเช่น ที่ท่านเห็นที่นี่<o></o>
<o></o>
6. มิติที่ 6 เป็นที่ที่อาศัยอยู่ของรูปธรรมชีวิตที่เป็นจิตวิญญาณล้วนๆ ปราศจากร่างกายเนื้อ
แต่มีกายทิพย์ แทน ระดับความสั่นสะเทือนของกายทิพย์ของพวกเขาสูงจนกระทั่งแม้แต่อะตอม
ยังไม่สามารถจะอยู่ได้ ดังนั้นพลังงานแสงสว่างจึงต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนอะตอม<o></o>

รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากแรง โน้มถ่วง เพราะธรรมชาติของพวกเขาปราศจากวัตถุธาตุ
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเนรมิตกายเนื้อขึ้นมาเองในรูปแบบใดก็ ได้ตามใจปรารถนา
เพื่อลงมาให้ความช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในมิติที่ต่ำ กว่า
และเพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่า นั้นสามารถสัมผัสกับพวกเขาได้<o></o>
<o></o>
7. มิติที่ 7 เป็นมิติที่รูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง (Being of Light) อาศัยอยู่
พวกเขามีลักษณะ คล้ายลูกบอลที่เปล่งแสงสว่าง พวกเขาดูดซับความรู้และข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ในจักรวาลข้างเคียง และพวกเขาก็ให้ความช่วยเหลือกับสิ่งมีชีวิตที่มีระดับพัฒนาการต่ำกว่าด้วย เช่นกัน<o></o>
<o></o>
<o></o>
เราจะขอไม่กล่าวถึงมิติอื่นๆที่เหลืออีกในตอนนี้ เพราะแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับ วัตถุประสงค์ของการฝึกฝนทั้งหมด พวกเราจะสามารถสัมผัสรูปธรรมชีวิตได้
แค่ใน 7 มิติแรกนี้เท่านั้น<o></o>
<o>
</o>
(obr900)<o></o>

3). เทหะวัตถุขนาดใหญ่ต่างๆ เช่นดวงฤกษ์ และดาวเคราะห์ทั้งหลาย ที่มีอยู่ในแต่ละมิติ
มีความเหมือนกันหรือไม่ ถ้าเหมือนกัน มีอยู่ในมิติไหนบ้าง<o></o>

ตอบ:<o></o>
สำหรับคำถามข้อที่ 3 ของท่าน เราขอตอบว่า สำหรับเทหะวัตถุใดๆ เช่น ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์
และ กาแล็กซี่ จะมีอยู่ในมิติต่างๆเหมือนๆกัน

แต่ก็ยังมีเทหะวัตถุกลุ่มอื่นๆอีก ที่จะมีอยู่เฉพาะในมิติที่ต่ำๆกว่าบางมิติเท่านั้น
หรือไม่ก็มีอยู่เฉพาะในมิติที่สูงๆกว่าบางมิติเท่า นั้น เพราะเป็นไปตามกฎของจักรวาล
ที่ นักวิทยาศาตร์ของท่านยังค้นไม่พบ<o></o>

โอกาสที่เราได้พบกันเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่เราจะได้สอนคุณ เพราะว่าเรื่องนี้มันต้อง
ใช้แบบจำลองฝึกหัดและเทหะวัตถุที่จับต้องได้มาช่วยประกอบในการ อธิบาย
ซึ่งเราสามารถสังเกตได้ที่ นี่ผ่านทางสื่อที่เรียกว่า “อุปกรณ์สร้างรูปภาพเสมือน?” (Picture-Like Instruments)
</td></tr></tbody></table>

Chayutt · 11 มีนาคม 2010

ลองอ่านข้อความเก่าๆที่ผมโพสต์ไว้นานแล้วในกระทู้นี้
เพื่อทบทวนดูใหม่อีกครั้งนะครับ

เพราะเดี๋ยวจะนำข้อความที่เป็นเรื่องเดียวกันนี้
จากนายเดวิด วิลค็อค (David Wilcock)
และจากข้อมูลการสื่อสารทางจิตของนาย Matthew Ward เจ้าเก่า
มาให้อ่านเปรียบเทียบกันดูหนะครับ

จริง-เท็จอย่างไร ท่านจะเชื่อ หรือไม่เชื่อประการใด
นั่นก็สุดแท้แต่ท่านเถอะนะครับ
เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของตัวท่านเองแต่เพียงผู้เดียว
ที่จะต้องเป็นผู้ที่ใช้วิจารณญาณเอาเอง

...โดยการฟังเสียงจากภายในของท่านเอง...

อย่างที่รูปธรรมชีวิตต่างมิติเหล่านี้ได้แนะนำเราไว้..ซ้ำแล้วซ้ำอีก

เอ่อ..ว่าแต่ว่า..เขาฟังกันยังไงเหรอ..ไอ้เจ้าเสียงจากภายในเนี่ย??..
มันจะเหมือนฟังจากซาวด์เบ้าท์ไหม๊เนี่ย??

..........................................

Chayutt · 12 มีนาคม 2010

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock

ตอนที่ 1: การบริหารจัดการ (MANAGEMENT)

รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ หรือบุคคลเหล่านี้เป็นใคร?
ใครกันนะถึงได้มีระดับวิวัฒนาการสูงกว่ามนุษย์ต่างดาวทั้งหลาย ที่อยู่ในยานอวกาศเสียอีก ?
แล้วจริงๆแล้ว..พวกเขาทำอะไรบ้าง?

หากว่าพวกเราทั้งหลาย ได้รู้คำตอบของคำถามข้างบนนั้นแล้ว
พวกเราก็คงจะไม่เป็นกังวลกับพฤติกรรมด้านลบของกลุ่มคนระดับหัวกะทิที่ทรงอิทธิพล
หรือกลุ่มอีลิต (Elite) เหล่านั้นหรอก มันจึงเป็นการดีที่จะรู้เรื่องนี้

แต่ถ้าคุณมัวแต่หลงอยู่ในบทบาทการแสดงของพวกเขาอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเอาแต่เกลียดหรือกลัวพวกเขา
ซึ่งผมหมายถึงกลุ่ม New World Order หรือ กลุ่ม Illuminati อยู่ นั่นแหละ เชื่อผมเถอะว่า
พวกเขาก็ยิ่งจะได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจากคุณมากเท่านั้น

นั่นก็คือ พวกเขาจะได้พลังของคุณไป!!

แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ เพราะว่าในบางกรณี แม้ว่ากลุ่มอีลิตที่ชั่วร้ายนี้ จะได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว
เพื่อที่จะให้เหตุการณ์ร้ายๆ แห่งวันสิ้นโลกและวันแห่งความมืดมนทั้งหลายเกิดขึ้นและกลายมาเป็นความจริงแล้วก็ตาม

แต่มันก็ยังติดปัญหาอยู่ที่ว่า เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ มันถูกกุมบังเหียนอยู่อย่างเหนียวแน่น
โดยรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงกว่า (Super-advanced beings)
ซึ่งพวกเขา ไม่เชิดชูหรือยกย่องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย “บวก” หรือฝ่าย “ลบ”
แต่พวกเขาจะบริหารจัดการทั้งฝ่ายนี้อย่างเสมอภาคกัน

รูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงกว่าเหล่านี้ จะคอยป้องกันไม่ให้กลุ่มอีลิตที่ชั่วร้ายนี้ ล่วงละเมิดต่อ
"กฎแห่งทางเลือกอิสระ" ของพวกเรา เกินขอบเขตไปกว่าที่ “จิตสำนึกมวลรวม” ของพวกเรา
จะยินยอมหรือเชื้อเชิญให้พวกเขากระทำได้ซะเอง

ซึ่งสาเหตุอาจจะมาจากความไม่ปรองดองกันของพวกเราเอง
หรือเกิดจากพฤติกรรมด้านลบของพวกเราแต่ละคนเอง
ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว มันก็จะกลายเป็นจิตสำนึกมวลรวมของผู้คนทั้งโลก

ด้วยพลังแห่งจิตสำนึกมวลรวมของพวกเราเอง จึงได้ดึงดูดสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งหลายเข้ามา
แต่มันก็ไม่เคยดึงดูดหายนะที่จะเป็นจุดจบของโลกเข้ามาเลย และจะไม่มีวันนั้นด้วย ไม่ใช่ในตอนนี้
ในขณะที่พวกเรากำลังอยู่บนปลายสุดของวัฏจักรหลักเช่นนี้ พวกเรากำลังอยู่ภายใต้การดูแลเอาใจใส่
อย่างพิถีพิถันอยู่ในขณะนี้ โดยที่พวกเราไม่เคยตระหนักรู้เลยแม้แต่น้อย

ภาพรวมที่แท้จริงก็คือว่า ดาวเคราะห์โลกของเรา กำลังถูกบริหารจัดการโดยรูปธรรมชีวิตชั้นสูงมากๆทั้งหลายอยู่
ซึ่งพวกเขามีพลังอำนาจ ที่จะสามารถเคลื่อนย้ายระบบสุริยจักรวาลของพวกเราทั้งระบบนี้ไปที่ไหนก็ได้อย่างง่ายดาย
เหมือนกับการใช้เมาส์คลิกลากไฟล์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จากที่หนึ่งไปวางอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว

รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ ตัวอย่างเช่นที่ผู้เขียนหนังสือชุด “The Law of One” เรียกว่า “รา” (Ra)
กล่าวว่า พวกเขาได้มีส่วนร่วมในกระบวนการ “การบริหารจัดการและเคลื่อนย้ายประชากรของโลก” ด้วย...

(ยังมีต่อครับ)

......................................

vijit_j · 11 มีนาคม 2010

vorapoap said: ↑

ผมมีคำถามสงสัยครับ
จากที่อ่านมาดู หากมนุษย์ส่วนหนึ่งได้รับการยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 5 (Crystal-base) แต่มนุษย์อีกส่วนไม่ได้ยกระดับ ยังอยู่ในมิติที่ 3 (Carbon-base) แล้วทั้งส่วน จะอยู่ร่วมในโลกเดียวกันได้อย่างไร... นอกจากทุกคนๆจะถูกยกระดับไปพร้อมกัน มีแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น?
Click to expand...

"ตาย"ครับ แต่เขาจะใช้คำที่สละสลวยกว่า ตัวอย่าง

ผู้ที่ไร้ความเจริญด้านจิตวิญญาณ ผู้ที่มีความผิดบาป และผู้ที่สนับสนุนสื่อที่บอกผู้คนไม่ให้เชื่อเรื่องความช่วยเหลือจากต่างดาว จะกลัวคนอื่นๆต้องจากไป และจะพยายามป้องกันคนอื่นๆไม่ให้มาขึ้นยานของพวกเรา พวกเขาจะยินดีที่จะเผชิญกับความตายมากกว่า แต่หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่พวกเขาได้เปลี่ยนรูปไปอยู่เหนือพื้นโลกแล้ว
(ตายจากร่างกายมนุษย์ไปอยู่ในรูปของวิญญาณและลอยออกจากร่างขึ้นไป – Chayutt)
พวกเขาจะรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้สูญเสียโอกาสอันดีนี้ไป

Chayutt · 12 มีนาคม 2010

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock

ตอนที่ 2: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} p.MsoListBullet, li.MsoListBullet, div.MsoListBullet {margin-top:0cm; margin-right:0cm; margin-bottom:0cm; margin-left:18.0pt; margin-bottom:.0001pt; text-indent:-18.0pt; mso-pagination:widow-orphan; mso-list:l0 level1 lfo1; tab-stops:list 18.0pt; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} /* List Definitions */ @list l0 {mso-list-id:-119; mso-list-type:simple; mso-list-template-ids:-1326036764;} @list l0:level1 {mso-level-number-format:bullet; mso-level-style-link:"List Bullet"; mso-level-text:; mso-level-tab-stop:18.0pt; mso-level-number-position:left; margin-left:18.0pt; text-indent:-18.0pt; font-family:Symbol;} ol {margin-bottom:0cm;} ul {margin-bottom:0cm;} --</style>

มิติที่ 4 (FOURTH DENSITY)

ก่อนอื่นขอทบทวนอะไรสักเล็กน้อยก่อนนะครับว่า ร่างกายเนื้อของมนุษย์เรา
คือแบบมาตรฐานของร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งกาแล็กซี่นี้ เพราะว่ามันถูกออกแบบมาและถูกสร้างมาโดยกาแล็กซี่เอง
เพื่อสะท้อนถึงความเป็นตัวของมันเอง

ในมิติที่ 4 และ 5 ตัวคุณเอง ก็ยังคงมีร่างกายที่เหมือนกับร่างกายเนื้อของมนุษย์ในมิตินี้ด้วย
แต่ว่าในมิติที่ 6 คุณจะไม่มีร่างกายแล้ว เพราะจะเหลือเป็นเพียงลูกทรงกลมของแสงสว่างเท่านั้น

กลุ่มของรูปธรรมชีวิตอย่างท่าน “รา” ก็ได้เริ่มต้นวิวัฒน์ไปจากดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ในมิติที่ 3 เหมือนกับเรานี่แหละ
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นดาว วีนัส” ตั้งแต่เมื่อประมาณ 1.5 พันล้านปีที่แล้ว

จากนั้น พวกเขาก็ค่อยๆเลื่อนระดับขึ้นไปสู่มิติที่ 4 เช่นเดียวกับที่ดาวเคราะห์โลกของพวกเรา
ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นไปสู่มิติที่ 4 อยู่นี่แหละ

จากนั้น พวกเขาก็มีความสามารถมากขึ้น เช่น การล่องหนหายตัว, การเคลื่อนย้ายวัตถุโดยใช้พลังจิตได้,
ทำให้วัตถุลอยได้, ท่องไปในกาลเวลาได้, ปลดปล่อยพลังงานได้, เนรมิตสิ่งต่างๆได้,
เยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายขาดในทันทีได้ และอื่นๆ

(ในบางกรณี อารยธรรมที่อยู่ในมิติที่ 3 บางอารยธรรม ก็สามารถมีเทคโนโลยี
และความสามารถดังกล่าวบางอย่างนั้นได้เช่นเดียวกัน อย่างที่พวกเราก็ประจักษ์ดีอยู่แล้ว)

พวกเขามีร่างกายเนื้อที่เหมือนกันกับของพวกเรา แต่ว่าร่างกายเนื้อของพวกเขา จะมีความเป็นวัตถุธาตุน้อยกว่าของเรา
และมีความเป็นกายทิพย์มากกว่าของเรา

พวกเขาสามารถเนรมิตอาหารของพวกเขาเองได้ จากกระแสความคิดของพวกเขาเอง
แต่บ่อยครั้งพวกเขาก็จะเก็บเอาไว้ใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ที่ลืมบำรุงรักษาร่างกายของตนเองอย่างเหมาะสมเพียงพอ

เมื่อพวกเขาวิวัฒน์ขึ้นมาได้แล้ว รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 ก็มักจะคอยให้ความช่วยเหลือ
ผู้คนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ที่ยังอยู่ในมิติที่ 3 ทั้งหลาย เช่นดาวเคราะห์โลกของพวกเราเป็นต้น
เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านวิวัฒนาการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นการแอบให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง โดยไม่ให้รู้ตัว

บางชนเผ่าก็อาจจะได้รับการติดต่ออย่างเป็นรูปธรรมในระดับท้องถิ่น ถ้าพวกเขามีความก้าวหน้าเพียงพอ
และกลายเป็นชนเผ่าที่คู่ควรแก่การไปเยี่ยมเยียนได้แล้ว
รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 จะคอยดลใจให้คนที่มีความเหมาะสมกันได้เจอกัน,
ทำให้เกิดการซินโครนิซิตี้ขึ้น (Synchronicities), ช่วยเหลือพวกเรา “สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของเรา”,
และช่วยพวกเราทำในสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ทุกชนิดขึ้น เช่น ช่วยทำสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอยู่เบื้องหลังฉาก
ของ “กฎแห่งกรรม” เป็นต้น

พวกเขายังจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะที่เหมือนจานบิน เพื่อใช้เดินทางไปไหนต่อไหนอยู่
แต่ยานบินเหล่านี้ สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 มองไม่เห็นก็ได้ อย่างง่ายดาย
รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 นี้ อาจจะค่อนข้างใสซื่อและบริสุทธิ์ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ฝ่ายธรรมะ
เพราะพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจ หรือ เตรียมตัวป้องกันสิ่งที่เป็นด้านลบของมนุษย์ได้เลย

พวกเราอาจจะสามารถมองเห็นรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 นี้ได้ด้วยตาเปล่า ถ้าพวกเขาอยากให้เรามองเห็น
แต่ถ้าเมื่อใดที่พวกเขาเพิ่มระดับความถี่ของพวกเขาเองให้สูงขึ้น เพื่อขึ้นไปสู่ที่ๆน่ารื่นรมย์กว่า
พวกเราก็จะไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้

แต่ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว หากดาวเคราะห์โลกของพวกเราเลื่อนระดับขึ้นมาถึงมิติที่ 4 ได้แล้ว
ซึ่งในขณะนี้ มันก็กำลังอยู่ในระหว่างทางดำเนินไปของมันอยู่แล้ว....

หากคุณอยากเห็นวิถีชีวิตของมนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ วิถีชีวิตของมิติที่ 4
ก็ให้คุณไปร่วมงาน “Burning Man” หรืองานชุมนุมในลักษณะเดียวกัน ที่มีแต่การร้องรำทำเพลง,
สรวญเสเหฮากันข้างกองไฟ, ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ และเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก รอยยิ้ม
และเสียงหัวเราะ คุณก็จะพบอย่างรวดเร็วว่า มันมีทั้งฝ่ายธรรมะ และ ฝ่ายอธรรมอยู่มากพอๆกัน

มีข้อความที่สื่อสารมาจากรูปธรรมชีวิตฝ่ายธรรมะที่อยู่ในมิติที่ 4 มากมายก่ายกอง ที่คุณสามารถหาอ่านได้
ซึ่งวิธีการที่จะรู้ได้ว่าอันไหนมาจากฝ่ายธรรมะ ก็ดูได้จาก มันจะต้องออกมาจากทัศนคติ
ที่เปี่ยมไปด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข และการยอมรับผู้อื่นเสมอ

(ยังมีต่อครับ)
...........................

Chayutt · 12 มีนาคม 2010

Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!

ที่มา: http://divinecosmos.com/index.php/start-here/davids-blog/518-coast-disclosure-announcement-updates?start=1

โดย: นาย David Wilcock

ตอนที่ 3: สรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของรูปธรรมชีวิตในมิติต่างๆ<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>

มิติที่ 5 (FIFTH DENSITY)

หลังจากนั้น เมื่อใดจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของมิติที่ 4 ถูกรับรู้ได้ด้วย “ภูมิปัญญา”
ของมิติที่ 5 แล้ว ซึ่งจิตวิญญาณส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานแสนนาน เพื่อที่จะค่อยๆวิวัฒน์ขึ้นไปสู่มิติที่ 5 นี้
แต่ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่ใช้เวลาไม่นานนัก เช่นกรณีของท่าน “รา” เป็นต้น

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมในสนามพลังงานของร่างกายมนุษย์ มิติที่ 5 จึงมีความเกี่ยวข้องกับ “สีฟ้า” แห่งจักระที่ 5

ในมิติที่ 5 นี้ คุณจะได้ทำการทดลอง,
ได้เรียนรู้เรื่องราวอันน่าพิศวงต่างๆ เกี่ยวกับกลไกการทำงานจริงๆของจักรวาล,
ได้เรียนรู้ที่จะค้นพบและใช้งานพลังแห่งความตั้งใจหรือพลังเนรมิต (willpower) ของตนเอง,
ได้เรียนรู้ที่จะค้นพบและใช้งานพลังแห่งการติดต่อสื่อสาร และ เสียงที่แท้จริง,
ได้ดำรงมั่นอยู่ในกฎแห่งความซื่อสัตย์,
และได้อยู่ในสภาวะที่มีการกระตุ้น และการพัฒนาด้านภูมิปัญญาอยู่ตลอดเวลา

แน่นอนว่า บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ เราก็สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ
ดุจเดียวกับสภาวะของมิติที่ 5 ได้ด้วย ถึงแม้ว่าจะปราศจากเทคโนโลยี
และความสามารถอันน่าอัศจรรย์ทั้งหลายเหล่านั้นก็ตาม

รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 5 นี้ อาจจะทำหน้าที่คอยดูแลและช่วยเหลือรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 อยู่
หรืออาจจะกำลังทำงานกับดาวเคราะห์บางดวงที่อยู่ในมิติที่ 3 อย่างของเราในตอนนี้ก็ได้
ตามความสามารถของพวกเขาแต่ละรูปธรรม (เช่น โดยการติดต่อสื่อสาร และให้ความช่วยเหลือ กับผู้ปฏิบัติธรรม
และผู้ที่กำลังค้นหาสัจธรรมของชีวิตทั้งหลายอยู่ หรือโดยการให้ความช่วยเหลือในการกำหนดหลักเกณฑ์
ของภาษาพูดต่างๆ และช่วยเผยแพร่มันออกไป, นอกจากนี้ยังมีโดยการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาคณิตศาสตร์
และอื่นๆ เป็นต้น) ควบคู่ไปกับ การเพิ่มพูนระดับภูมิปัญญาและความรู้แห่งจักรวาลของพวกเขาด้วย

เหล่าผู้ที่กำลังเพิ่มพูนระดับภูมิปัญญาของตนเองเหล่านี้ ปกติแล้วจะดำเนินชีวิตอยู่บนวิถีของใครของมันเพียงลำพัง
และดูเหมือนพวกเขาจะทรงภูมิปัญญา และ แยกกันอยู่มากกว่าเหล่ารูปธรรมชีวิตที่เปิดหัวใจแล้ว
และมีความรักให้แก่ทุกคนทั้งหลายที่อยู่ในมิติที่ 4 เสียอีก

การสำเร็จการศึกษา จะยังไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่คุณยังไม่ได้นำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาทั้งหมด
มาใช้เพื่ออุทิศชีวิตของคุณเอง แด่การให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 5 บางรูปธรรม ก็ได้ฝึกฝนตนเอง ให้สามารถท่องไปในจักรวาล
โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องยนต์กลไกใดๆทั้งสิ้นได้แล้ว แต่ว่ามันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่

พวกเขาส่วนใหญ่ สามารถที่จะสื่อสารทางโทรจิตไปถึงกลุ่มของผู้คนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้
รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 4 บางรูปธรรม ก็สามารถทำเช่นนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าในมิติที่ 5 นี้ มันจะละเอียดประณีตมากกว่า

ในมิติที่ 5 คุณจะยังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับของมนุษย์บนโลกนี้อยู่ และตามที่มีกล่าวไว้ในหนังสือชุด
“Law of One” คุณจะเนรมิต “น้ำซุปแห่งแสงสว่างของแสงสีทอง” (Liquid light broth of a golden hue)
ขึ้นมารับประทานเอง ซึ่งมันจะเป็นการรับประทานที่สุขสรร และ เปี่ยมไปด้วยโภชนาการมากๆ เมื่อรับประทานกันเป็นกลุ่ม

ข้อความสื่อสารมาจากรูปธรรมในมิติที่ 5 ที่สะอาดบริสุทธ์ที่สุด เท่าที่ผมเคยพบมา ก็คือในหนังสือชุด “The Seth”
โดยเฉพาะเรื่อง “The Seth Material” ซึ่งเป็นบทนำของหนังสือชุดนี้, “Seth Speaks” ซึ่งเป็นหนังสือหลักของชุดนี้,

“The Nature of Personal Reality” ซึ่งเป็นหนังสือที่ขยายความประเด็นที่สำคัญต่างๆเกี่ยวกับ
“การสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของคุณเอง”

แต่หนังสือเหล่านี้ จำเป็นต้องซื้อเอง ยังไม่มีขายออนไลน์ในตอนนี้ แต่ว่าคุณสามารถหาซื้อได้จาก
เวปไซท์ Amazon.com หรือในที่อื่นๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย
หนังสือชื่อ “Seth Speaks” คือหัวใจสำคัญหลัก ที่ช่วยให้ผมสามารถเปิดใช้งานความสามารถ
ในการสื่อสารทางโทรจิต และรับรู้ข้อมูลจากสัญชาตญาณของตัวเองได้ รองจากหนังสือชุด “the Law of One”
เพราะว่ามันมีข้อมูลที่จำเป็น ที่ช่วยเติมเต็มศิลปะที่ขาดหายไปในหนังสือชุด “the Law of One” ให้สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้

(ยังมีต่อครับ)
...................................<o></o>

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

vorapoap เป็นที่รู้จักกันดี

natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

vorapoap เป็นที่รู้จักกันดี

arichi Active Member

sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

Stargate_Giza.jpg

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ไฟล์ที่แนบมา:

Stargate_Giza.jpg

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา