พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ประวัติพระปิลันท์ วัดระฆังฯ

    [​IMG]
    .....จะขอกล่าวประวัติโดยย่อของเจ้าพระคุณหม่อมเจ้าพระสมเด็จฯ องค์นี้สักเล็กน้อย เพื่อรู้เรื่องคำว่า “ปิลันท์”
    เมื่อผู้เขียนเป็นเด็กยังไม่ได้บวชเณร เคยได้ฟังมาจากโอษฐของหม่อมเจ้าหญิงสืบ พระธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์(พระองค์เจ้าเกต) รับสั่งเล่าถึงเรื่องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แล้วเลยรับสั่งถึงหม่อมเจ้าพระสมเด็จพุฒาจารย์ (ทัด เสนีวงศ์) ต่อไปให้พวกผู้ใหญ่ฟัง ซึ่งผู้เขียนก็ฟังอยู่ในที่นั้นด้วยเพราะมีหน้าที่คอยตำหมากถวาย รับสั่งเล่าว่า “เจ้าพระทัดนี้เป็นเจ้าวังหลัง รูปร่างขี้ริ้ว มีพี่ชายชื่อเจ้าพยอม บวชอยู่วัดบางหว้า เป็นท่านเจ้าฯ พี่พระสังวรประสาท” จะลำดับถ้อยคำของเสด็จฯ จำไม่ได้จะเขียนเอาแต่ความที่ท่านรับสั่ง พอได้เค้าต่อเนื่องกันเท่าที่จำได้ ความว่า หม่อมเจ้าพระสมเด็จฯ องค์นี้ เมื่อเป็นฆราวาสได้ไปสู่ขอกุลสตรีผู้หนึ่ง บิดามารดาทางฝ่ายหญิงเขาติว่าขี้ริ้วและเป็นเจ้าจนๆ อายุมากแล้วเสียพระทัยจึงออกผนวชเป็นนาคหลวงที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใครจะเป็นพระอุปัชฌาย์สืบไม่ได้ ทราบแต่ว่าเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมื่อครั้งยังเรียกกันว่าพระมหาโต เปรียญหก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ผนวชแล้วมาประทับอยู่วัดระฆังฯ ทรงเล่าเรียนภาษาบาลีกับพระอาจารย์มหาโตแต่ผู้เดียว จนถึงสอบไล่ได้เป็นเปรียญ ๗ ประโยค เมื่อเจริญด้วยพระชนมายุพรรษา จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญที่พระพุทธบาทปิลันท์

    อันนามสัญญาบัตรที่พระพุทธบาทบิลันท์นี้ เป็นสมณศักดิ์ที่สงวนเฉพาะแต่พระราชวงศ์ ตั้งแต่หม่อมราชวงศ์ขึ้นไป ถ้าเป็นพระภิกษุสามัญชนย่อมไม่พระราชทานสมณศักดิ์ที่เหล่านี้ สมณศักดิ์ที่สงวนไว้สำหรับราชวงศ์นั้นมีดังนี้คือ
    ๑. ราชานุพัทธมุนี (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร) สมเด็จพระอุปัฌาย์ของผู้เขียน เมื่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญ ก็ได้รับพระราชทานที่พระราชานุพัทธมุนี
    ๒. ศรีวราลังการ
    ๓. สังวรประสาท
    ๔. พุทธบาทปิลันท์
    เมื่อปีที่หม่อมเจ้าพระทัด เสนียวงศ์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระพุทธบาทปิลันท์นั้น ท่านจึงได้คิดสร้างพระผงใบลานเผา โดยขอให้สมเด็จพระอาจารย์ของท่านร่วมมือช่วยสร้างด้วย จึงเรียกพระนี้ว่าพระสองสมเด็จมาแต่โบราณกาล
    [​IMG]
    ที่เรียกว่าพระปิลันท์นั้นก็เกิดจากผู้เขียนเอง เรื่องมีอยู่ว่าในเวลานั้นโยมป่วยอยู่ที่ศาลาการเปรียญ ผู้เขียนต้องไปอยู่ที่ศาลาการเปรียญ เพื่อพยาบาลไข้ วันหนึ่งเข้าไปตัดใบตองที่บริเวณพระอุโบสถ เพื่อทำกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง กำลังนั่งเลื่อยใบตองอยู่ สามเณรรูปหนึ่งวิ่งเข้ามาหาใกล้ๆ ในมือทั้งสองข้างมีพระอยู่เต็มทั้งสองฟายมือสามเณรพูดว่ามหาเอาพระบ้างไหม ด้วยความไม่สนใจ จึงร้องบอกไปว่า “ข้าไม่เอา” สามเณรก็ยังคงพูดว่า “เอาน่า” เมื่อสามเณรเห็นว่าไม่เอาจึงเดินกลับเอาพระสองฟายมือนั้น ไปกองไว้บนแท่นหิน ซึ่งมีอยู่ตรงที่ที่สร้างหอไตร ฯ เดี๋ยวนี้ เมื่อเลื่อยใบตองม้วนมัดเสร็จแล้ว จึงเดินไปดูเห็นพระเจดีย์ที่มุมกำแพงโบสถ์ ตรงกับกุฏิพระครูสังฆ์รักษ์ประทีป เดี๋ยวนี้ถูกเจาะเอาออกเป็นช่องกว้าง พระถูกโกยออกมาข้างนอกมากมายังอยู่ในพระเจดีย์อีกก็มาก มีพระภิกษุและสามเณร ๓-๔ รูปนั่งเลือกเก็บเอาแต่พระที่เรียบร้อยไม่หักไม่บิ่น และนึกรู้ทันที่ว่าผู้ที่เจาะเป็นคนแรกเขาไม่ได้ต้องการพระ เขาต้องการของมีค่าที่ผู้สร้างพระเจดีย์มักเอาบรรจุไว้ เมื่อรู้เห็นดังนั้นแล้วก็เดินกลับโดยไม่ได้แต่ต้องพระเลย กลับมาพบพระที่สามเณรเอากองไว้ที่แท่นหิน นึกว่าจะเรี่ยราดทุเรศ จึงทำชายพกให้โตแล้วกอบพระใส่ไว้ในพกกลับศาลาการเปรียญ เก็บใบตองเรียบร้อยแล้วเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าเป็นพระอะไร จึงเอาพระไปหาท่านเจ้าคุณเฒ่าคือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมถาวรนั่นเอง และเรียนถามท่านว่าหลวงปู่นี่พระอะไร พอท่านรับไปดูท่านออกอุทานว่าอ๋อ พระพุทธบาทปิลันท์นั่นเอง เมื่อรู้แล้วกลับมาใครถามว่าพระอะไร ก็บอกเขาไปว่าพระพุทธบาทปิลันท์ ตามคำบอกเล่าเจ้าคุณเฒ่า ต่อมาคำว่า “พุทธบาท” หายไปคงเหลือเรียกว่าปิลันท์ จึงเรียกกันว่าพระปิลันท์มาจนบัดนี้ ตามความเป็นจริงแล้วท่านเจ้าคุณเฒ่าท่านเรียกว่าพระพุทธบาทปิลันท์เป็นการเรียกชื่อตามสมณศักดิ์ของท่านผู้เป็นต้นคิดสร้างไว้ต่างหาก หาได้มีใครตั้งชื่อตั้งเสียงพระแต่อย่างใดไม่ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์นี้ ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นลำดับจนถึงเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ แทนสมเด็จฯอาจารย์ของท่าน สำหรับพระปิลันท์ที่แตกออกมาจากพระเจดีย์นั้นท่านเจ้าพระคุณธรรมทานาจารย์ (แนบ สิงหเสนี) ซึ่งอยู่ที่หอไตรฯ ในสระ ท่านเป็นเจ้าคณะและควบคุมดูแลในพระอุโบสถ เมื่อท่านทราบว่าพระแตกออกจากพระเจดีย์ ท่านจึงให้พระมาเก็บรวบรวมเอาขึ้นไปไว้บนหอไตรฯ ทั้งหมด และจะเป็นในปีนั้นหรือปีต่อมาจำไม่ได้ เกิดสงครามอินโดจีน ท่านเจ้าคุณพระธรรมทานาจารย์ยังได้เอาพระปิลันท์เหล่านี้ใส่ถุงไปมอบให้แก่กระทรวงกลาโหม เพื่อแจกจ่ายแต่ทหารที่จะไปปฏิบัติราชการในสนาม

    ฉะนั้น เมื่อเกิดสงครามอินโดจีน ไม่ปรากฏว่าพระอาจารย์รูปใดได้สร้างพระเครื่องในสมัยนั้น มีผู้สร้างบ้าง ก็คือท่านเจ้าคุณธรรมทานาจารย์ แต่ก็สร้างก่อนได้พระปิลันท์ สร้างจากพระผงหักๆ แตกๆ ที่ได้จากพระเจดีย์ที่ถูกเจาะซึ่งอยู่ใกล้ต้นโพธิ์ทางทิศตะวันตก เดี๋ยวนี้เป็นหมู่บ้านไปหมดแล้ว จะเขียนต่อไปอีกเรื่องยืดยาวนัก จึงขอยุติเรื่องพระปิลันท์ไว้เพียงเท่านี้ ฯ

    ป.ล. ในหนังสือพระหลายๆเล่มจะมีความเห็นแยกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายแรกว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯโตช่วยสร้าง อีกฝ่ายก็ว่าสร้างหลังจากสมเด็จฯท่านมรณภาพแล้วอย่างเช่น หนังสือคุณประชุมบอกว่าสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ ก็ไม่ทราบว่าท่านได้ข้อมูลจากที่ไหน แต่จากหนังสือเล่มนี้ท่านเขียนว่า สร้างเมื่อได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะที่พระพุทธบาทปิลันท์ ซึ่งขณะนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯโตยังอยู่ ผมเชื่อว่าท่านต้องมีส่วนช่วยสร้างพระอย่างแน่นอน และท่านเจ้าคุณธรรมถาวรก็เป็นลูกศิษย์สมเด็จฯโตอีกองค์หนึ่งที่รู้เห็นการสร้างพระปิลันท์ถ้าใครหาพระสมเด็จไม่ได้ก็ใช้พระปิลันท์นี่ล่ะครับแทนได้เลย

    เขียนโดย พระราชธรรมภาณี รองเจ้าอาวาสวัดระฆังสมัยนั้น (หลวงปู่นาคเป็นเจ้าอาวาส)

    ที่มา : http://www.pra.kachon.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2010
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลุงข้างบ้านฝากมาโชว์ท่านเพชรอีกแล้วคร๊าบด้านหลังตามท่านเพชรชอบ ดีปล่าวแรงปล่าวครับ หุ หุ(ไว้ให้ท่านเพชรมาลองทายครับ)
    1.เนื้อใด
    2.พิมพ์ใด
    และ3.สมัยใด หุ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
    [​IMG]
    เมื่อวันก่อน ผมไปตั้งกระทู้ที่หมวด ท่องเที่ยว - อาหารการกิน ชื่อกระทู้ ตะวันทองที่หนองหาน ซึ่งตั้งกระทู้เมื่อวันที่ 3-2-2553 เวลา 6.22 pm

    [​IMG]

    แต่มีผู้ที่ตั้งกระทู้ซึ่งเนื้อหาเดียวกัน ชื่อเดียวกัน
    ตะวันทองที่หนองหาน

    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่ได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ
    [​IMG]
    ตะวันทองที่หนองหาน

    [​IMG]


    ที่นำมาบอกกันก็คือ ปัจจุบันก็เลยมีความคิดว่า คงจะไม่ร่วมในการบริจาคให้เว็บพลังจิตอีก

    นำมาบอกเล่าให้ฟังเท่านั้น

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    การโหวตขึ้นกระทู้แนะนำนี่ผมคิดว่า เขาคงต้องมีเกณฑ์ คล้ายพาดหัวของหนังสือพิมพ์ละครับ เกณฑ์หนึ่งคือ ข่าวความนิยมในกระแส ในที่นี้คือจำนวนผู้เข้า click ประการต่อมาต้องดูว่าเนื้อข่าวเป็นยังไง เนื้อข่าวเดิมมีอยู่แล้ว ก็นำเสนอตามนั้น หรือจะขยายผล(ผมอยากใช้คำว่า"เปิดแผล" จริงๆแผลถลอกนิดเดียว แต่ไปเกาไปแซะมันจนเป็นหลุมเป็นบ่อ สุดท้ายกลายเป็นแผลผ่าตัดไป ได้ claim ใหญ่กันก็คราวนี้... 55555) ให้มันน่าสนใจกว่าเดิม เช่นเมื่อเร็วๆนี้ ผมได้คุยกับคุณน้องนู๋ถึงผลของความเสียหายจากการที่ท่อน้ำมันบมจ.แห่งหนึ่งเสียหายร่วม11,000 ล้าน แต่จริงๆเขามีประกันคุ้มครองบางส่วนอาจจะเพียง 8,000 กว่าล้าน สรุปเสียหายจริง 3,000 กว่าล้านเท่านั้น ซึ่งตลาดน่าจะรับข่าวตรงนี้ไปแล้ว แต่ดันไปประสานกันออกข่าว เสียหาย 11,000 ล้าน เรียกว่า ใครนำเสนอได้เร็ว ได้มากกว่านั้น จะเรียกความฮือฮาได้มากกว่า พวกนี้ขาดคุณธรรม และจริยธรรม...ทำไมไม่นำเสนอว่าเสียหายสุทธิประมาณ 3,000 ล้าน...

    กระทู้คุณหนุ่มเขาอาจจะขาดเรื่อง จำนวน click เท่านั้น ทีมงานก็นำเสนอตามเกณฑ์กระแสนิยม ดังนั้นก็บกพร่องโดยสุจริต...
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ถ้ากระทู้นับที่จำนวนคลิ๊ก แล้วขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ

    [​IMG]

    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY id=threadbits_forum_179><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_22445 title="" style="CURSOR: default">[​IMG] [​IMG] พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... (28 คน กำลังดูอยู่) ([​IMG] 1234567891011121314151617181920 ... หน้าสุดท้าย)
    [​IMG] sithiphong


    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 36,632, จำนวนอ่าน: 1,078,252">วันนี้ 11:16 AM
    โดย :::เพชร::: [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 align=middle>36,632</TD><TD class=alt2 align=middle>1,078,252</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เป็นสิทธิของทีมงานเว็บพลังจิต ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายในสิทธิของแต่ละคนได้ และผมต้องเคารพในสิทธิของแต่ละคนครับ

    เพียงแต่นับแต่นี้ ผมคงไม่บริจาคให้กับเว็บพลังจิตอีก แต่จะนำเงินที่จะบริจาค ไปหาพระวังหน้า ถวายพระภิกษุผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ดีกว่าครับ

    ถ้าวันไหนเข้าเว็บพลังจิตไม่ได้ หรือเว็บพลังจิตอืดมากๆ ขอให้ติดต่อกันทาง Email ครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    จริงๆแล้ว ก็ไม่ต้องขึ้นกระทู้แนะนำก็ได้ครับคุณเพชร

    เนื่องจากกระทู้ ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี ตั้งมาตั้งแต่วันที่ 10-02-2010, 05:47 PM
    </TR></TBODY></TABLE>
    กระทู้ที่ตั้งหลังจากกระทู้ ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ตรุษจีนปี 2553 เฮงตลอดปี ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำก่อนก็มี หุหุหุ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับหยกชุด 12 นักษัตร และหยกรูปอื่นๆ ผมเองได้มาสองปีแล้วครับ ตอนนี้หาได้ยาก โดยเฉพาะชุด 12 นักษัตรนี่ หาให้ครบ หายากมากๆๆๆ

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    [​IMG]

    อ่า ยากครับ

    ผมต้องรอท่านกูรูnongnooo เฉลยครับ
    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดวงชะตาปีขาล ลิขิตฟ้า และ มานะคน
    China - Manager Online
    </TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 กุมภาพันธ์ 2553 08:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ชาวจีนมักเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยการระมัดระวังอย่างยิ่ง ทั้งในการสนทนาและพฤติกรรมของตนต่างๆ เพื่อป้องกันวิกฤติความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในด้านลบอย่างผู้ไม่ประมาทฯ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ปฏิทินปี 2553</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ปฏิทินปี 2553</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ปฏิทินปี 2553</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ปฏิทินปี 2553</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ตำนาน 12 นักษัตรจีนได้ปรากฏครั้งแรกในประเทศจีน ตั้งแต่ศตวรรษที่หนึ่ง คนจีนเชื่อว่าแต่ละราศี จะสำแดงบุคลิกภาพเด่นด้อยออกมา อันเป็นความเชื่อที่นิยมในชุมชนชาวจีนทั่วโลก

    ปีใหม่ทางจันทรคติ ของชาวจีนจะขึ้นอยู่กับรอบปี 12 นักษัตร เริ่มจาก ชวด, ฉลู, ขาล, เถาะ, มะโรง, มะเส็ง, มะเมีย, มะแม, วอก, ระกา, จอและกุน โดยปีขาลจะเริ่มที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 และไปจนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 ทารกเกิดภายในช่วงระยะเวลานี้เป็นชะตาผู้เกิดในปีเสือ

    เนื่องจากยังไม่ทราบว่าชะตาราศีบุคคลจะเป็นอย่างไร ชาวจีนจึงมักเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยการระมัดระวังอย่างยิ่ง ทั้งในการสนทนาและพฤติกรรมของตนต่างๆ เพื่อป้องกันวิกฤติความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในด้านลบอย่างผู้ไม่ประมาทฯ

    ตรุษจีนปีนี้ มุมจีนขอนำคำทำนายของบรรดาซินแสจีนมาแบ่งปัน พร้อมกับภาพปฏิทินจีน ปี 2553 โดยขอวงเล็บไว้ว่า (คำทำนายเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ)

    มะเมีย, มะแมและมะโรง เฮงๆ ปีขาล
    World Journal หนังสือพิมพ์รายวันภาษาจีน ซึ่งพิมพ์จำหน่ายแพร่หลายในทวีปอเมริกาเหนือ ได้รายงานคำพยากรณ์ของบรรดาซินแสจีน เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ว่าราศีปีเกิดที่ถูกโฉลกสำหรับปีขาลคือราศีเกิดมะเมีย, มะแมและมะโรง ในขณะที่ขาล, วอก, กุน และปีมะเส็ง จะเป็นอีกด้านตรงข้าม

    มัก หลิงหลิง หนึ่งในซินแสฮวงจุ้ย ชาวฮ่องกง ที่มีชื่อเสียง ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์และเป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม ทำนายว่า ในปีขาลนี้ คนที่เกิดในปีมะเมียและปีมะแม จะมีโชคดี แต่ต้องไม่ทำอะไรด้วยความเร่งรีบเกินควร ส่วนผู้เกิดในปีมะโรงจะมีรายรับตามปกติแต่ไม่ควรคาดว่าว่าจะมีส้มหล่นหรือลาภลอยมา ขณะที่ผู้เกิดในปีขาลและปีวอก ชะตาปีนี้จะขึ้นๆ ลงๆ

    คนเกิดในปีวอกและกุนมีโอกาสดีในการทำรายได้ในสถานที่ไกลจากบ้านเกิด ขณะที่คนเกิดปีมะเส็ง อาจจะไม่มีโชคลาภนัก กระนั้นก็ตามยามตกทุกข์จะได้รับความช่วบเหลือจากผู้หญิงที่มีฐานะ

    ซินแสมัก เสริมว่า คนที่เกิดในปีเถาะจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชายที่ร่ำรวย และสามารถรับคำแนะนำทางการเงินได้จากผู้มีอายุสูงกว่า และคนเกิดปีระกาไม่ควรคาดหวังสูงในการลงทุน โดยให้พอใจในผลกำไรแม้เพียงเล็กน้อยไว้ ดีกว่าโลภเกินไปจนลาภหาย

    ปีขาลนี้ คนเกิดปีจอ ดูจะมีโอกาสในการลงทุนส่วนตัว มากกว่าร่วมทุนกับหมู่คณะอื่นๆ และสำหรับคนเกิดปีฉลู ซึ่งได้แรงดึงดูดจากชะตาแห่งความรัก จะได้พบเนื้อคู่และสมรักสมรส ซึ่งจะเสริมส่งให้ดวงชะตาปีนี้ดีขึ้นไปอีก

    ขาล, วอก, กุน และมะเส็ง ให้สุขุมรอบคอบไว้
    ทางด้าน หลี่ หมิงจู พยากรณ์อีกท่าน ได้ชี้ว่า คนที่เกิดในปีขาลและปีวอก อาจจะพบกับเรื่องยุ่งยากและความไม่แน่ไม่นอน ขึ้นๆ ลงๆ ในปีนี้ และขอแนะนำให้ก่อนทำอะไรควรได้ปรึกษาคนอื่นๆ ก่อน ส่วนผู้ที่เกิดปีกุน ควรจะระวังคู่อริและสนใจดูแลสุขภาพตนเองด้วย

    เสริมคำพยากรณ์จากผู้เชี่ยวชาญปรัชญาธรรมชาติ หลง เจิ้งเถียน ซึ่งก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ในปีเสือนี้ ควรจะอยู่นิ่งๆ สงบเยี่ยงเสือไว้ แทนที่จะแวบไปมาบ่อยนัก ถ้าคนเกิดปีวอก ก็ควรจะทำตัวเงียบๆ อย่างเด่นโดดจนทำให้คนอื่นร้อนผ่าวในดวงตา อาจเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้านต่างๆ อาจต้องเดินทางบ่อย หรือถูกแต่งตั้งโยกย้ายให้ไปทำงานในที่อื่น

    หลี่ เจี้ยน จุน ผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ย ระบุว่า คนเกิดปีหมูให้ระวังอุบัติเหตุในปีเสือ ขณะเดียวกันก็จะได้รับความช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝัน พร้อมกับแนะนำว่า คนเกิดปีขาลและปีวอกไม่ควรลงทุนเก็งกำไรในปีนี้

    ทั้งนี้ คำพยากรณ์นั้นไม่อาจจะระบุได้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไช่ เจิ้งหลุน ผู้เชี่ยวชาญฮวงจุ้ย อีกท่านกล่าวว่า การรวบรวมคำนวณรหัสตัวเลขเป็นเหมือนการเดาทาง แต่ทางชีวิตไม่ได้กำหนดมีเพียงหนึ่งเดียว

    ดังเช่นที่ ขงจื่อ (孔子) เทพนักปราชญ์นักคิดคนสำคัญของจีน ได้สรุปรวบยอดถึงสรรพสิ่งที่พบพาน กับชีวิตที่เลือกได้ในสภาพความเปลี่ยนแปลงขึ้นลงนั้นว่า

    "ถ้าผู้ใดคิดจักเป็นใหญ่ ผู้นั้นจักได้เป็นใหญ่
    ถ้าผู้ใดคิดอยากเป็นอะไร ผู้นั้นก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
    ด้วยแสวงหา มิใช่รอคอย
    ด้วยเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
    ด้วยสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
    ดังนี้แล้วจึงกล่าวได้ว่า "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน""

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ไฉ่ซิงเอี๊ย (ไฉเสิน เย่)财神爷 [​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ไฉ่ซิงเอี๊ย (ไฉเสิน เย่)财神爷 [​IMG]
    ไฉ่ซิงเอี๊ย (ไฉเสิน เย่)<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    财神爷<O:p></O:p>
    [​IMG]<O:p></O:p>
    “ไฉเสินเย่ (财神爷)” เป็นการออกเสียงเรียกด้วยสำเนียงจีนกลาง แต่เราจะคุ้นเคยในสำเนียงแต้จิ๋วว่า “ไฉ่ซิงเอี๊ย” มากกว่า (ท่านมีอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวเวศสุวรรณ) สำหรับชาวจีนแล้ว ไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) นั้นคือสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยหรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ(คำว่า “ไฉ”()แปลว่า ทรัพย์สมบัติ, “เสิน”()แปลว่า เทพ , “เย่”() เป็นคำยกย่องเปรียบดั่งผู้มีคุณหรือ ปู่) นับเป็นเทพเจ้าที่ได้รับการกราบไหว้มากที่สุดองค์หนึ่ง และยังเป็นเทพที่ชนทุกชั้นนิยมกราบไหว้บูชา ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนยากดีมีจนแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นยาจกหรือเศรษฐี ต่างก็ปรารถนาในทรัพย์สมบัติและความร่ำรวยด้วยกันทั้งนั้น<O:p></O:p>
    คตินิยมของจีนที่มีมาอย่างช้านานต่างเชื่อกันว่า การกราบไหว้บูชา “ไฉ่ซิงเอี๊ย” เทพแห่งความร่ำรวยและโชคลาภ จะนำพามาซึ่งความสุขสมหวังในทรัพย์สมบัติมากมายตลอดปี อีกทั้งเทพเจ้าไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) เป็นเทพองค์แรกที่ชาวจีนต้องกราบไหว้ของปีใหม่จีน (ตรุษจีน) คนจีนส่วนใหญ่นิยมไหว้ท่านในคืนก่อนวันตรุษจีนเพื่อเฉลิมฉลองวันแรกของปีใหม่แต่จริง ๆ แล้ว หากนับตามปฏิทินจันทรคติ วันเกิดของท่านคือวันที่ 5 หลังตรุษจีน(ชิวโหงว) แต่เพราะใกล้กับวันตรุษจีน รวมทั้งเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันแรกของปีใหม่ คนจีนส่วนใหญ่จึงนิยมกราบไหว้ ไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) ในคืนสุดท้ายของปีเก่าก่อนขึ้นวันใหม่ในวันตรุษจีน เรียกกันว่า “ไหว้เจ้าสิ้นปี” นั้นเอง<O:p></O:p>
    ตามตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) มีค่อนข้างมากมายและหลากหลายมากกว่าเทพองค์อื่น ๆ แต่ละตำนานก็แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ในที่นี้จะประมวลสรุปเกี่ยวกับตำนานที่มาของ ไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) ที่มีความใกล้เคียงกันมากที่สุดเป็นลำดับแรก ๆ แล้วค่อยกล่าวถึงตำนานปลีกย่อยโดยสังเขป ทั้งนี้จะยึดถือเรื่องราวที่มาของไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) จากเอกสารภาคภาษาจีนเป็นหลัก<O:p></O:p>
    เทพเจ้าแห่งโชคลาภและความมั่งคั่งร่ำรวย ไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) จะมีอยู่ 2 องค์ ได้แก่ “เหวินไฉเสินเย่”หรือ “ไฉ่ซิงเอี๊ยะบุ๋น” (文财神爷) และ “อู่ไฉเสินเย่”หรือ “ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊” (武财神爷) ความเชื่อเรื่องไฉเสินเย่(ไฉ่ซิงเอี๊ย) ทั้งบุ๋นและบู๊ก็มีความแตกต่างกัน หากคน ๆ นั้นทำงานทั่วไปและต้องการกราบไหว้ขอพรเพื่อความร่ำรวย ก็จะนิยมกราบไหว้ “เหวินไฉเสินเย่”หรือ “ไฉ่ซิงเอี๊ยะบุ๋น” แต่หากเป็นกิจการบริษัท, สำนักงานและโรงงาน ที่ต้องควบคุมคนเป็นจำนวนมาก และมีอานุภาพให้คุณสำหรับในเรื่องของหนี้สิน จะกราบไหว้ “อู่ไฉเสินเย่”หรือ “ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊” กล่าวคือ จะช่วยดลบันดาลให้ผู้บูชาที่เป็นเจ้าหนี้สามรถทวงหนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
    [​IMG] [​IMG][​IMG]
    “ไฉ่ซิงเอี๊ยะบุ๋น” (文财神爷) “ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊” (武财神爷)
    ไฉ่ซิงเอี๊ย ทั้ง 2 องค์นี้เป็นใคร ? เกี่ยวกับเรื่องนี้มีตำนานเล่าขานมามากมายหลายกระแส แต่ส่วนใหญ่จะเล่ากันว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋นคือ ปี่กาน และองค์บู๊คือ จ้าวกงหมิง ซึ่งมีตำนานเล่ามาดังนี้<O:p></O:p>
    นานมาแล้ว เจียงไท้กง เทพชั้นผู้ใหญ่ผู้มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้า วันหนึ่งท่านกำลังนั่งบำเพ็ญตบะอยู่ จู่ๆ หัวใจก็สั่นหวิว ท่านจึงทราบด้วยจิตญาณว่า เทพปี่กาน กำลังจะมีเรื่องเดือดร้อนหนัก จึงพยายามหาทางช่วย
    ปี่กาน นั้น เป็นอัครหมาเสนาบดีของจักรพรรดิอินโจ้ว ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อิน ทรงลุ่มหลงสุรานารีไม่ใส่ใจราชกิจ ทรงมีสนมเอกนางหนึ่งนาม โซวถังกี้ (ซูต๋าจี่) ที่เป็นหณิงงามที่ลือชื่อในประวัติศาสตร์ ปี่กาน เป็นขุนนางผู้ซื่อตรง พยายามจะเตือนองค์จักรพรรดิให้หันมาสนใจราชกิจ แต่พระองค์ไม่สนพระทัยต่อคำเตือน ปี่กานจึงวางแผนให้ทหารไปจับสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมถวายแด่องค์จักรพรรดิ เพราะเชื่อว่า ถังกี้ (ต๋าจี่) เป็นปีศาจจิ้งจอก เมื่อพบเห็นเสื้อคลุมก็จะตกใจและหนีไป แต่เหตุการณ์กับตรงกันข้าม เพราะถังกี้ไม่ตกใจ และยังวางแผนเล่นงานปี่กานกลับอีกด้วย<O:p></O:p>

    เย็นวันหนึ่ง ปี่กานได้ยินเสียงคนร้องขายของอยู่หน้าบ้าน ว่า “ขายหัวใจๆ” ก็แปลกใจ จึงออกไปดู พบเห็นคนแก่ยืนอยู่หน้าบ้านของตน จึงถามว่า “ท่านผู้อาวุโส จะขายหัวใจจริงหรือนี่” ชายชราก็ตอบว่า “ขายจริงๆ นายท่านสนใจซื้อหาหรือไม่”<O:p></O:p>
    ปี่กาน จึงแย้งไปว่า “หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของร่างกาย ถ้านำมันออกมาแล้ว ทุกคนต้องตาย ท่านยังคิดที่จะขายหัวใจอยู่อีกหรือหาไม่” ชายชรากล่าวว่า “หัวใจเป็นต้นเหตุของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หากหัวใจไม่เที่ยงธรรม มือเท้าย่อมทำแต่สิ่งไม่ดี ถ้าเอาหัวใจออกมาขายเสีย ต่อไปข้าพเจ้าก็จะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีแต่ความยุติธรรม จัดการปัญหาต่างๆ อย่ายุติธรรม เป็นเช่นนี้มิใช่ประเสริฐกว่าหรือ”
    ปี่กาน ยืนยันว่า “แต่หัวใจเป็นอวัยวะสำคัญมาก มีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อขายแล้วท่านจะมีชีวิตสืบต่อไปได้อย่างไร”
    “ได้แน่นอน เนื่องจากข้าพเจ้ามียาวิเศษอยู่เม็ดหนึ่ง เมื่อกินเข้าไปแล้วถึงแม้ไม่มีหัวใจ แต่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกายจะยังสามารถทำงานสืบไปได้เช่นเดิม”
    “งั้นขอให้ข้าพเจ้าได้ชมยาวิเศษสักนิดได้หรือไม่”
    ชายแก่จึงส่งมอบยาวิเศษเม็ดนั้นให้แก่ปี่กาน เมื่อเขานำมาดมดูก็รู้สึกหอมอย่างประหลาด รู้สึกมีพลังวิ่งไปทั่วร่างกาย แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับไม่พอชายชราผู้นั้นเสียแล้ว (ความจริงแล้ว ชายชราผู้นั้นคือเจียงไท้กงแปลงกายลงมานั้นเอง)<O:p></O:p>

    เช้าวันรุ่งขึ้น องครักษ์หลายนายได้มาเชิญตัวปี่กานไปเข้าเฝ้าแต่เช้า ปี่กานรู้สึกแปลกใจ เพราะจักรพรรดิอินโจ้วไม่เคยสนพระทัยว่าราชการ แต่กลับส่งคนมาเชิญตนแต่เช้า จึงไถ่ถามเหล่าองครักษ์ จึงทราบว่า พระสนมถังกี้ เป็นโรคประหลาด หมอหลวงอับจนปัญญาที่จะรักษาได้ มีแต่หัวใจของปี่กานเท่านั้นที่จะสามารถใช้รักษาโรคนี้ได้<O:p></O:p>
    จักรพรรดิอินโจ้วกำลังหลงพระสนมถังกี้มาก ทรงตรัสว่า “เจ้าเป็นพระสนมเอกแห่งเรา ส่วนปี่กาน เป็นแค่ขุนนางอันต่ำต้อย ชีวิตใครจักมีค่ามากกว่ากัน เรารู้ดี ดังนั้นขอเพียงรักษาอาการป่วยของเจ้าได้เท่านั้น อย่าว่าแต่ชีวิตของขุนนางผู้เดียวเลย ต่อให้ต้องฆ่าขุนนางสัก 100 คน เราก็เต็มใจ”
    ดังนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้เบิกตัวปี่กานมาเข้าเฝ้าแต่เช้า หลังจากปี่กานทราบเรื่องก็ตกใจเป็นอันมาก เรียกหาคนในครอบครัวมาสั่งเสีย ทันใดนั้นเขานึกถึงยาวิเศษที่ได้รับมาจากชายชรา จึงรีบไปหยิบยาวิเศษเม็ดนั้นออกมากลืนกินลง แล้วตามเหล่าองครักษ์เพื่อเข้าเฝ้า
    พอมาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิอินโจ้วก็ตรัสขอหัวใจของปี่กานเพื่อนำไปใช้รักษาอาการป่วยของพระสนมถังกี้<O:p></O:p>

    ปี่กานจึงทูลว่า “พระองค์รับสั่งให้ขุนนางตาย ขันนางผู้นั้นก็มิอาจมีชีวิตสืบไป แต่ก่อนที่กระหม่อมขอกราบทูลเตือนพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายว่า พระองค์กำลังลุ่มหลงนางปีศาจ แลกำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน หลังจากที่พระองค์ทรงประหารกระหม่อมแล้ว ราชวงศ์ของพระองค์ที่ดำลงคงอยู่มาถึง 28 รัชกาล ก็จะถึงกาลอวสานแล้ว”<O:p></O:p>
    อนิจจา องค์จักรพรรดิหาได้ใส่พระทัยต่อคำเตือนของปี่กานไม่ กลับรับสั่งให้ทหารควักหัวใจของปี่กานออกมาแต่ ปี่กาน ห้ามเหล่าทหารเอาไว้ และกล่าวว่า “พวกเจ้านั้นหาจำเป็นไม่ ขอเพียงมีมีดสั้นให้กับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะกระทำการสืบไปเอง”<O:p></O:p>
    กล่าวจบ ปี่กานก็ใช้มีดแหวะอก และควักหัวใจออกมา โยนหัวใจนั้นทิ้งไว้กับพื้น แล้วเดินออกจากพระราชวังโดยไม่พูดอะไร แต่ที่มหัศจรรย์คือตลอดการกระทำของปี่กานนี้ หามีเลือดออกมาไม่ ตั้งแต่นั้นมา ปี่กานก็ออกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เขาโปรยเงินทอง แจกจ่ายแก่ผู้คนไปทั่ว กลายเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตามตำนานกล่าวกันว่า ปี่กานกินยาวิเศษของเจียงไท้กงเข้าไป ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ แม่ว่าจะไม่มีหัวใจ และกล่าวกันว่า เพราะปี่กานไม่มีหัวใจนี่เอง เขาจึงโปรยเงินโปรยทองแก่ผู้คนทั่วไป โดยไม่เลือกว่าคนนั้นดีหรือคนนี้ไม่ดี เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นที่มีของเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น นั้นเอง<O:p></O:p>
    ขณะเดียวกัน จ้าวกงหมิง ได้บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาบ้อไบ้ ได้สำเร็จมรรคผลเป็นเซียนมีฤทธิ์มาก กลับเกิดอาการเพี้ยนกลายเป็นนักพรตกังฉินที่ทั้งเก่งและอำมหิต จ้าวกงหมิง ถวายตัวรับใช้จักรพรรดิอินโจ้ว ได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย จ้าวกงหมิงมีบริวารที่ร้ายกาจอยู่ตัวหนึ่ง คือ เสือดำ และยังมีของวิเศษหลายอย่าง อาทิ แส้เหล็ก ไข่มุกวิเศษ เชือกล่ามังกร ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ เจียงไท้กงซึ่งเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่จึงสู้ จ้าวกงหมิงมิได้ มีคราวหนึ่ง เจียงไท้กงถูกจ้าวกงหมิงกักขังไว้ในค่ายกลสิบทิศ เจียงไท้กง พยายามหาทางออก เท่าไหร่ก็ไม่พบ ขณะเดียวกันก็ถูก จ้าวกงหมิง ทำร้ายแทบปางตาย ซ้ำยังขู่เข็ญให้เจียงไท้กงแต่งตั้งตนให้เป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยยื่นเงื่อนไขว่า “ตาเฒ่า เจ้าจงยอมแต่ตั้งให้ข้านี้เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภเสียแต่โดยดีเถิด แล้วข้าจะปล่อยแกออกไป ข้าต้องการควบคุมทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด แต่ถ้าหากแกโยกโย้ ข้านี่จะทรมานให้แกสิ้นชีพในบัดดล”<O:p></O:p>
    เจียงไท้กงไม่มีทางเลือก จึงยื่นขอเสนอให้แก่จ้าวกงหมิงว่า “เราจักแต่งตั้งเจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภได้อย่างไร เพราะเวลานี้ ปี่กานเป็นผู้ครองตำแหน่งนี้อยู่ หากแม้นเจ้ามีความสามารถนำเอาหัวใจของปี่กานออกมา ทำให้เขาสิ้นชีพวายชนม์เสีย ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้ ก็จะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”<O:p></O:p>
    เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ จ้าวกงหมิง ได้ยินดังนั้นจึงย้ำกับเจียงไท้กงว่า “ตกลงเช่นท่านว่านี้แหละ ข้าจักฆ่าปี่กานเอก แต่เจ้าต้องรักษาคำพูดให้มั่นเล่า”
    เมื่อตกลงกันได้เช่นั้น จ้าวกงหมิงจึงยอมปล่อยตัวเจียงไท้กงออกมาจากค่ายกล หลังจากนั้น
    จ้าวกงหมิงจึงสั่งให้เสือดำออกตามล่าหาปี่กาน และได้กำชับเสือดำว่า ต้องนำหัวใจของปี่กานกลับมาให้ได้ อย่าได้ผิดพลาดเป็นอันขาด<O:p></O:p>

    เวลานั้น ปี่กานกำลังโปรยเงินโปรยทองแจกจ่ายแก่ผู้คนตามที่ต่างๆ ที่เขาเดินทางผ่าน บ่ายวันหนึ่ง ปี่กานเดินทางมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง เขารู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้าจากงานสงเคราะห์ผู้คน จึงเอนตัวลงนอนพักบนโขดหิน พลันเกิดลมพายุกรรโชกอย่างรุนแรง ปี่กานตกใจอย่างมาก เห็นเสือดำตัวหนึ่งกระโจนใส่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว ปี่กาน หลบมิทันถูกเสือตะปบล้มลง จากนั้นมันก็เริ่มตะกุยหน้าอกของปี่กานเพื่อควานหาหัวใจ แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ เพราะปี่กานไม่มีหัวใจแล้ว เสือดำจึงคำรามด้วยความโกธร และผละจากไปอย่างไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะเจียงไท้กงออกอุบายหลอกจ้าวกงหมิงนั่นเอง อย่างไรก็ดี แม้เสือดำจะมิได้หัวใจของปี่กานไป แต่กงเล็บของมันที่ตะกุยอยู่ในทรวงอกของปี่กานนั้น ทำให้อวัยวะภายในของปี่กานสับสน ส่งผลให้ปี่กานกลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ไม่เที่ยงธรรมนัก เขามักโปรยปรายเงินทองอย่างลำเอียง เจอใครก่อนก็ให้คนนั้นก่อน และมักจะให้เยอะๆ ทำให้คนที่ร่ำรวยอยู่แล้วก็ยิ่งร่ำรวยยิ่งขึ้น ส่วนคนยากจนอยู่เดิม ก็ยังคงยากจนต่อไป เพราะเป็นเรื่องลำบากไม่น้อย ที่จะหาเครื่องเซ่นไหว้ดีๆ มาบูชาตอนที่เขาออกมาเยือนผู้คนในแดนมนุษย์<O:p></O:p>
    ทางฝ่ายจ้าวกงหมิง แม้มิได้เป็น เทพเจ้าแห่งความโชคลาภตามที่ปรารถนา แต่เนื่องจากเจียงไท้กงเคยตกปากรับคำรับคำไว้ เจียงไท้กงจึงประทานของวิเศษให้ 4 ชิ้น คือ เจียป้อ หนับเตียว เจียไช้ และ หลี่ฉี้ ซึ่งเป็นของวิเศษที่ใช้เรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเทมา การค้าราบรื่น มีกำลัยดี ดังนั้น ชาวจีนจึงพากันกราบไหว้ จ้าวกงหมิง เป็น เทพเจ้าแห่งโชลาภอีกองค์หนึ่ง<O:p></O:p>
    ด้วยเหตุที่ว่า จ้าวกงหมิง เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก เคยเอาชนะเจียงไท้กงมาแล้ว ชาวจีนจึงยกย่องให้เป็น “บู๊ไฉ่ซิงเอี๊ย” (เทพเจ้าแห่งโชคลาภองค์บู๊) และยกย่องปี่กานให้เป็น “บุ๋นไฉ่ซิงเอี๊ย” (เทพเจ้าโชคลาภองค์บุ๋น) เพราะเคยเป็นอัครมหาเสนาบดีขององค์จักรพรรดิมาก่อน<O:p></O:p>
    รูปลักษณ์และพลานุภาพของไฉ่ซิงเอี๊ย<O:p></O:p>
    ไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพชั้นสูงที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาก เป็นเทพองค์แรกที่จะต้องเซ่นไหว้ก่อนเทพองค์อื่นๆ ทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่ทำมาค้าขาย ดังนั้นจึงมีการสร้างรูปเคารพของไฉ่ซิงเอี๊ยขึ้นมาสักการบูชากัน<O:p></O:p>
    ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊
    มักจะเป็นรูปชายวัยกลางคน ใส่ชุดนักรบจีนโบราญ ประกอบด้วยชุดเกราะ หมวกขุนพล มือซ้ายถือกระบอง มือขวาถือเงินหยวน (หยวนเป่า)หรือทั้งสองมือถือเงินหยวน ใบหน้าดุ มีพาหนะเป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่ ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ นี้ชาวจีนที่บูชาเชื่อกันว่า มีพลานุภาพให้คุณแก่ผู้บูชาในเรื่องของหนี้สิน ช่วยให้ผู้บูชาเก็บหนี้ได้ง่ายขึ้น ลูกหนี้ไม่คิดเบี้ยวให้เจ้าหนี้ต้องลำบากใจ นอกจากนี้ยังมีอนุภาพช่วย ดูแล และควบคุมบริวาร ตลอดจนลูกจ้างให้อยู่ในระเบียบวินัย มีความขยันในการทำงาน ดังนั้น ตามโรงงาน หรือบริษัทใหญ่ๆ จึงนิยมบูชา ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ ด้วยความเชื่อที่ว่า จะช่วยดูแลคนทำงาน ตลอดจนเป็นหูเป็นตาให้กับจ้าของกิจการ นอกจานี้บรรดาข้าราชการ ทหาร หรือตำรวจ (ของจีน) ล้วนนิยมบูชาเซ่นไหว้ ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ เพราะช่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีจำนวนมากนั่นเอง<O:p></O:p>

    ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น
    มักจะเป็นรูปของชายในชุดขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของจีนโบราญ สวมหมวกมีปีกออกไป 2 ข้างคล้ายๆ กับหมวกของเทพ ลก (หมายถึง ฮก ลก ซิ่ว) ชุดขุนนางจีนชั้นผู้ใหญ่ครบเครื่องทั้งเสื้อนอกใน มือทั้งสองข้างจะถือแผ่นผ้าจารึกอักษร ที่คลี่ออก เป็นอักษรมงคล หรือคำอวยพรที่เป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชา ชาวจีนเชื่อว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยสามารถดลบันดาล หรือช่วยเหลือให้ผู้ที่บูชามีโชคมีลาภ ตลอดจนมีความมั่งคั่งร่ำรวย โชคลาภที่ได้นี้เนรายได้พิเศษ ไม่ใช่รายได้ประจำ (เงินเดือนหรือเงินค้าขายตามปกติ) ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น นี้มีอานุภาพหรือให้คุณทางด้านเงินทอง หรือทรัพย์สิน ตลอดจนโชคลาภต่างๆ ทำให้ผู้บูชาประสบความสำเร็จ ลูกค้าเชื่อถือ <O:p></O:p>

    <O:p></O:p>
    อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 ลัญลักษณ์จีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล
    http://www.thaisamkok.com/forum/index.php?showtopic=454
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เฒ่าประมงตกปลา [​IMG]


    เฒ่าประมงตกปลา [​IMG]
    渔翁得利<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p> [​IMG]</O:p>
    “เฒ่าประมงตกปลา” (渔翁得利) หรือ “ชาวประมงตกปลา” (渔人得利) เป็นภาพวาดจิตรกรรมและประติมากรรมที่หลายท่านคุ้นตากันดี แท้จริงแล้วรูปชายชราชาวประมงตกปลานั้นมีที่มาและความหมายที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เรียกภาพดังกล่าวนี้ว่า “อวี๋ เวิง เต๋อลี่” (渔翁得利) แปลตรงตัวก็คือ “เฒ่าประมงได้กำไร” อันมีความหมายเป็นมงคลนามว่า “ขอให้ท่านได้กำไรร่ำรวย ดั่งเฒ่าประมงตกปลา” ทั้งนี้เป็นเพราะคำว่า ลี่ () หมายถึง กำไร ผลประโยชน์ ดังนั้น จึงเกิดความคิดสร้างสรรค์กลายมาเป็นที่มาของภาพเฒ่าประมง(渔翁) ที่ได้โชคลาภโดยไม่คาดฝัน สิ่งนั้นก็คือความหมายของคำว่า “กำไรหรือผลประโยชน์” (得利) ซึ่งภาพที่มักพบเห็นได้โดยทั่วไป ดังเช่น ภาพของเฒ่าประมงกำลังยื่นเบ็ดตกปลา และภาพของเฒ่าประมงที่กำลังจับปลาไว้ในมือใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างร่าเริง และข้างกายก็มีปลาที่จับได้อยู่เต็มข้อง<O:p></O:p>
    ที่มาของภาพมงคล “เฒ่าประมงตกปลา” มาจากความตอนหนึ่งใน “บันทึกจ้านกั๋วเช่อ” (战国策) เล่าถึงเหตุการณ์สมัยนครรัฐ(ชุนชิว-จ้านกั๋ว) เมื่อครั้งกองทัพของรัฐเจ้าจะยกทัพบุกเข้ารัฐเอี้ยน ซูไต้ (苏代) ผู้เป็นขุนนางแห่งรัฐเอี้ยน อาสาไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเจ้าฮุ่ยหวัง (赵惠王) กษัตริย์แห่งรัฐเจ้า โดยได้ยกนิทานเรื่องการทะเลาะวิวาทของนกกระสากับหอยมุกที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอะลุ้มอล่วยกัน หอยมุกงับปากนกกระสาไว้ไม่ยอมคาย นกกระสาจึงว่า “นี่ ๆ เจ้าหอย วันนี้ฝนไม่ตก พรุ่งนี้ฝนก็ไม่ตก เจ้าไม่มีน้ำก็ต้องตายแน่ ๆ” หอยมุกก็ตอบสวนไปว่า “วันนี้ออกไปไม่ได้ พรุ่งนี้เจ้าก็ออกไปไหนไม่ได้เหมือนกัน ตายแน่ ๆ เจ้านกกระสา” ต่างฝ่ายต่างยื้อยันกันอยู่อย่างนั้น หอยมุกไม่ยอมปล่อยปากนกกระสา เพราะกลัวมันจับกิน เจ้านกกระสาก็ไปไหนไม่ได้ <O:p></O:p>
    จนกระทั้งเฒ่าชาวประมงเดินผ่านมาเห็นเข้า จึงจับทั้งหอยและนกกระสาไปพร้อม ๆ กัน และหัวเราะเยาะในความโง่เขลาอวดดี และการไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กันและกัน จนนำมาสู่ความวิบัติในเวลาต่อมา<O:p></O:p>
    ภายหลังได้มีการสร้างรูป “เฒ่าประมงตกปลา” ขึ้นแทนที่จะจับนกกระสาและหอยมุก นานวันเข้าจึงเปลี่ยนไปเป็นภาพของการจับปลาเต็มข้องเพียงอย่างเดียว<O:p></O:p>
    นี่เองที่กลายมาเป็นคำคมของจีนว่า “เฒ่าประมงตกปลา” หรือ “เฒ่าประมงได้กำไร(โชคลาภ)” อย่างไม่ตาดฝัน<O:p></O:p>
    [​IMG] [​IMG]
    อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 ลัญลักษณ์จีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>อู่ลู่เสิน (เทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งห้า) [​IMG]


    [​IMG]


    “อู่ลู่เสิน” (五路神) หรือ “อู่ลู่ไฉเสิน”(五路财神) หมายถึง “เทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งห้า” หรือเทพเจ้าแห่งทางทั้งห้า” ในภาษาจีนจะมีคำเรียกอีกหลายชื่อ เช่น “ลู่โถวเสิน” (路头神), “อู่เซิ่งเสิน” (五圣神) และ “อู่ทงเสิน” (五通神)<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>


    ในคติสัญลักษณ์วัฒนธรรมจีน นับเทพเจ้าทั้งห้าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ “อู่ไฉเสิน”(五财神) หรือ “ไฉซิงเอี๊ยทั้งห้า” เพราะนอกเหนือไปจาก “ไฉซิงเอี๊ย (ไฉเสินเย่)” ที่รู้จักกันดีในฐานะเทพเจ้าแห่งโชคลาภแล้ว ก็ยังมีแยกออกเป็น “ไฉซิงเอี๊ยบุ๋น(เหวินไฉเสินเย่)” และ “ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊ (อู่ไฉเสินเย่)” แต่หนึ่งในตำนานที่แปลกแยกออกไปนี้ เรียกกันว่า “เพียนไฉเสิน” (偏财神) อันเป็นเทพเจ้าโชคลาภที่นิยมกันมากในหมู่ชาวบ้าน<O:p></O:p>


    “อู่ลู่เสิน” เป็นเทพเจ้าแห่งสิริมงคลที่ปรากฏอยู่ในศาลเจ้าของท้องถิ่นหรือในชนบทของประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ คนจีนพื้นถิ่นมักจะยึดเอาวันที่ 5 ของเดือนแรกของปีใหม่ (ตรุษจีน)หรือที่เรียก ชิวโหงว (初五) คือวันเกิดของเทพเจ้าทั้งห้าองค์ จึงนิยมกราบไหว้บูชา “อู่ลู่เสิน” ที่เป็นประหนึ่งเทพเจ้าโชคลาภในต้นปีใหม่ <O:p></O:p>


    ในสมัยราชวงศ์ชิง เหยาฟู่จวิน (姚富君)ได้บันทึกไว้ว่า ชาวบ้านในชนบทให้การกราบไหว้บูชา “อู่ลู่เสิน” คือเทพเจ้าโชคลาภทั้งห้าองค์ จะจุดธูปขอพรในตำแหน่งทั้งห้าของบ้าน และเชื่อกันว่า เมื่อออกไปนอกบ้านก็จะพบพานแต่ความมั่งคั่งร่ำรวย เพราะเทพเจ้าทั้งห้า ก็คือเทพแห่งทิศทั้งห้า ได้แก่ เหนือ, ใต้, กลาง, ตะวันออก และตะวันตก ไม่ว่าจะหันหน้าไปในทางทิศใดก็ล้วนแต่ร่ำรวยด้วยกันทั้งสิ้น เพราะเทพทั้งห้าสถิตอยู่ ในทุก ๆ ทิศ ทุก ๆ ทางแล้วทั้งนั้น<O:p></O:p>


    ในตำนานเรื่อง เฟิงเสินเอี่ยนอี้ (封神演义)ได้กล่าวถึง“อู่ลู่เสิน” ว่าเป็น “อู่ลู่ไฉเสิน” หรือ “เทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งห้าทิศ” มีผู้นำกลุ่มเทพเจ้าโชคลาภทั้งห้าคือ เจ้ากงหยวนไซว้ (赵公元帅) หรือ แม่ทัพเจ้ากง ซึ่งก็คือ เจ้ากงหมิง (赵公明) ที่เป็นเทพผู้ได้รับการเทิดทูนให้เป็นไฉซิงเอี๊ยบุ๋นนั้นเอง ในภาพเคารพของ “อู่ลู่เสิน” ภายในศาลเจ้าทั่วไป จะมีเจ้ากงหมิงประทับนั้งอยู่ตรงกึ่งกลาง ด้านซ้ายและขวาจะประทับยืนไว้ด้วยเทพเจ้าแห่งโชคลาภอีก 4 องค์อยู่เคียงข้าง<O:p></O:p>


    “อู่ลู่เสิน” หรือ“อู่ลู่ไฉเสิน” ประกอบไปด้วยเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งห้าพระองค์ดังนี้


    [​IMG]


    · เจ้ากงหมิง (赵公明) หรือเทพไฉเสิน (财神) องค์เทพผู้เป็นหัวหน้าของเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งห้า



    · เซียงเซิง (萧升) หรือ เทพ เจาเป่าเทียน(招宝天)องค์เทพแห่งการเรียกหาของวิเศษ<O:p></O:p>


    · เฉาเป่า (曹宝) หรือ เทพน่าเจินเทียน (纳珍天) องค์เทพแห่งการรวมสิ่งล้ำเลอค่า<O:p></O:p>


    · เฉินจิ่วกง (陈久公) หรือ เทวทูตเจาไฉสื่อเจ่อ (招财使者) องค์เทพแห่งการเรียกทรัพย์สิน<O:p></O:p>


    · เหยาเส้าซือ (姚少司) หรือ ขุนนางสวรรค์ลี่ซื่อเซียน (利市仙官)องค์เทพแห่งการค้าขาย<O:p></O:p>


    <O:p></O:p>


    ความเคารพศรัทธาเกี่ยวกับ “อู่ลู่เสิน” แท้จริงแล้วก็คือความเชื่อเกี่ยวกับการทำมาหากินและการค้าขายของชาวจีนมาแต่โบราณนั้นเอง เป็นความเชื่อท้องถิ่นที่ฝังรากลึกในคติชาวบ้านมากยิ่งกว่าเทพเจ้าโชคลาภองค์อื่น ๆ ด้วยซ้ำ กล่าวได้ชัดเจนว่า เป็นกลุ่มเทพเจ้าที่ใกล้ชิดสามัญชนที่สุด

    <O:p></O:p>

    อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 ลัญลักษณ์จีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับโพส(ที่อ้างอิง)นี้ และกระทู้ ระมัดระวังธนบัตรปลอม ชนิดราคา1000 บาท (ตัดต่อท่อนธนบัตรปลอมกับธนบัตรจริง) เป็นเรื่องที่เป็นFwd mail จาก BOT ครับ

    น่าจะมีการออกทีวีแล้วด้วยครับ ผมจำช่องและรายการไม่ได้

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>15 วิธีแก้ "เบื่อ" ก่อนปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังทำลายสุขภาพ
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 กุมภาพันธ์ 2553 06:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=326 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=326>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพประกอบจากเดลิเมล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เริ่มต้นการทำงานกับเช้าวันจันทร์กันอีกแล้ว หลาย ๆ คนอาจยังไม่พร้อมสำหรับการลุกขึ้นสู้ในวันนี้ รวมถึงอาจมีอาการเบื่อหน่าย อยากนอนพักต่ออีกสักงีบ หรืออีกสักวัน แต่อย่าปล่อยให้ความเบื่อทำร้ายสุขภาพค่ะ เพราะมีการวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญจาก University College London ระบุว่า การที่คนเราปล่อยให้ชีวิตน่าเบื่อหน่าย ไม่มีไฟในการทำสิ่งต่าง ๆ นั้นจะดึงคุณให้หันไปหาพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพตัวเองได้ในที่สุด ยกตัวอย่างเช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด หรือมีปัญหาด้านพฤติกรรม - การเข้าสังคม ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้คุณเสียชีวิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อยอีกด้วย

    ที่น่าแปลกใจก็คือ ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามที่ตอบโดยกลุ่มอาสาสมัครอายุระหว่าง 35 - 55 ปีจำนวน 7,000 คนในช่วงปี ค.ศ. 1985 - 1988 นั้นพบว่า กลุ่มผู้หญิงเป็นกลุ่มที่มีอาการเบื่อหน่ายในชีวิตสูงสุด

    อย่างไรก็ดี มีแนวทางที่ช่วยลดอาการเบื่อลงได้ ซึ่งทางเว็บไซต์ zenhabits.net ได้รวบรวมเอาไว้ 30 ข้อดังนี้

    1. หาความท้าทายใหม่ ๆ ให้ชีวิต หลายครั้งที่คนเราเกิดความรู้สึกเบื่อเป็นเพราะชีวิตไม่ได้พบกับความท้าทายใด ๆ เลย มีแต่งานรูทีนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คงจะดีหากคุณตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ให้กับของชีวิตให้ตัวเอง และพยายามพิชิตมันให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อย ชีวิตคุณก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว

    2. มองหางานใหม่ หากวิเคราะห์แล้วว่าสิ่งที่ทำให้คุณเบื่อก็คืองานที่ทำ คุณอาจจำเป็นต้องคิดถึงการโยกย้ายเอาไว้บ้าง ซึ่งคำแนะนำของทางเว็บไซต์ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นใบลาออกทันที แต่ให้ลองทำลิสต์รายชื่อของบริษัทที่น่าสนใจ-งานที่คุณคิดว่าจะไม่ทำให้คุณเบื่อ อัปเดตประวัติการทำงาน และลองส่งออกไปก่อนดีกว่าออกมาเดินเตะฝุ่นเล่น ๆ

    3. ตั้งเป้าหมายของชีวิต และจดออกมาเป็นข้อ ๆ ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะทำให้สำเร็จให้ได้ก่อนที่คุณจะจากโลกนี้ไป ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับงานอย่างเดียว เป็นเรื่องของทัศนคติ มุมมอง หรือความต้องการใด ๆ ก็ได้ แต่หากเคยทำเอาไว้แล้ว ก็ลองหยิบมันขึ้นมาอ่านใหม่อีกสักครั้ง หรือเลือกเป้าหมายชีวิตสักข้อขึ้นมาทำให้สำเร็จในปีนี้

    4. เคลียร์โต๊ะทำงาน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับชีวิต และได้ย้ายของที่ไม่จำเป็นออกไปเสียบ้าง หรืออาจใช้เวลานี้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน ลองคิดหาวิธีที่จะช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ้นเปลืองทรัพยากรน้อยลง

    5. หางานอดิเรกที่ชื่นชอบมาทำ เช่น หาเวลาว่างอ่านหนังสือ เขียนบล็อก เล่นเกม เพื่อหาอะไรใหม่ ๆ ให้กับชีวิต แต่อย่าให้เบียดบังเวลางานจนกระทั่งถูกเพ่งเล็งจากคนรอบข้าง ควรใช้เวลาว่างก่อนหรือหลังเลิกงานทำงานอดิเรกเหล่านี้จะดีกว่า

    6. สมัครคอร์สเรียนพิเศษหาความรู้ให้ตัวเอง ไม่จำเป็นว่าต้องเรียนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานเสมอไป อาจเป็นการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มในวันเสาร์ - อาทิตย์ เรียนทำอาหาร เรียนศิลปะ เรียนคอมพิวเตอร์ หรืออะไรก็ได้ที่คุณสนใจ

    7. ลาพักผ่อน เขียนใบลาพักร้อนสัก 1 - 2 วัน หนีความเบื่อหน่ายซ้ำซากในชีวิตก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้

    8. เดินยืดเส้นยืดสาย

    9. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

    10. โทรศัพท์ - เขียนจดหมายหาคนที่คุณรัก

    11. จัดการไฟล์บนคอมพิวเตอร์ให้เป็นระเบียบ

    12. เช็คเมลให้หมด หลายคนมีเมลค้างอยู่นับสิบนับร้อยฉบับ ไม่มีเวลาเช็ค ช่วงที่เบื่อ ๆ การเข้าไปเช็คเมลให้หมด ก็อาจได้ข้อมูล - แนวคิดดี ๆ จากเมลเหล่านั้นติดกลับมือออกมาบ้าง

    13. วางแผนการเงิน หรือเปลี่ยนวิธีใช้เงินของตัวเอง จากที่เคยใช้หมดไม่เคยเหลือเก็บ ก็ลองมองหารูปแบบการเก็บเงินเหมาะ ๆ ให้กับตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต ในการช่วยบริหารจัดการรายได้ที่มีให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้นได้ด้วย (อย่างไรก็ดี ควรระวังการป้อนข้อมูลบางชนิดลงไปด้วย เช่น เลขบัตรเครดิต หมายเลขบัญชีธนาคาร ฯลฯ เพราะหากมีการรั่วไหลของข้อมูลแล้ว อาจกลายเป็นความสูญเสียทางการเงินได้)

    14. อยู่ห่างจากคนหรือสถานการณ์ที่ทำให้เบื่อ แม้ว่าในชีวิตจริง คนเราจะไม่สามารถหลีกหนีคน-สถานการณ์ที่น่าเบื่อไปได้ แต่การไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาคิดต่อก็เป็นการสร้างปราการขึึ้นในจิตใจและช่วยให้คุณมีแรงใจในการทำงานมากขึ้น

    15. เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่น เช่น ทำงานเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล หรือช่วยเลี้ยงเด็กอ่อน ช่วยสอนหนังสือเด็ก ๆ เป็นต้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    รอมานานท่านเพชรก็ยังไม่มา โชว์เลยรึกันครับ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    อ๊ะ สวยจริงๆเลย

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาฝากกันช่วงใกล้เที่ยง

    เผื่อหิวกัน อิอิ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ข้าวต้มเป็ด</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ข้าวต้มกระเพาะหมู</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เกาเหลาแห้ง</TD></TR></TBODY></TABLE>


    "ตั้งหงีฮวด"ข้าวต้มเป็ด-กระเพาะหมู อร่อยคู่เยาวราช
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD> </TD><TD width="100%">PaLungJit.com > ทั่วไป > ท่องเที่ยว - อาหารการกิน </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] "ตั้งหงีฮวด"ข้าวต้มเป็ด-กระเพาะหมู อร่อยคู่เยาวราช

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    เรียน ท่าน ประธานฯ และ สมาชิกทุกท่าน ทราบ
    วันอาทิตย์ ที่ 21 กพ นี้ ผมไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    โมทนาสาธุครับ


    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“คาถารัก” รับวาเลนไทน์จาก “ท่าน ว.วชิรเมธี”
    Quality of Life - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 กุมภาพันธ์ 2553 14:49 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พระนักเทศน์ชื่อดัง “ว.วชิรเมธี” มอบคาถาแด่หนุ่มสาววัยรุ่นผู้กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก เนื่องในเทศกาลวันวาเลน์ไทน์ แนะ “รักด้วยสมอง แต่อย่ารักขึ้นสมอง” ชี้วาเลนไทน์ปีนี้ตรงเทศกาลตรุษจีน หลายบ้านเชื้อสายจีนจัดไหว้เจ้า สอนวัยรุ่นสืบทอดธรรมเนียมบรรพบุรุษ เตือนพ่อแม่และครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ซื้อหาไม่ได้ตามห้างสรรพสินค้า ปฏิบัติหน้าที่ลูกหลานที่ดีก่อนค่อยออกไปเที่ยวกับคนรักก็ยังไม่สาย


    วันนี้ (13 ก.พ.) พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว. วชิรเมธี พระนักเขียนและนักเทศน์ชื่อดัง กล่าวว่า สำหรับปีนี้เนื่องด้วยเทศกาลขึ้นปีใหม่ของคนจีนและเทศกาลแห่งความรักของตะวันตกบังเอิญเป็นช่วงเดียวกัน จึงอยากฝากคำแนะนำเกี่ยวกับความรักทั้งในรูปแบบของรักแบบคนรักและรักแบบครอบครัวเพื่อเป็นข้อคิดให้เด็ก เยาวชน ตลอดจนคนหนุ่มสาวนำไปคิดและปฏิบัติให้เหมาะสมกับเทศกาลและสถานการณ์

    “สำหรับคนหนุ่มคนสาวหรือคนมีแฟนที่กำลังตั้งหนั้นตั้งตารอวันแห่งความรัก 14 ก.พ. ก็ขอให้รักด้วยสมอง แต่อย่ารักขึ้นสมอง เป็นเรื่องสำคัญมาก วัยรุ่นบ้านเราส่วนใหญ่มักจะรักขึ้นสมอง คิดว่าความรักเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรักเป็นแค่บันไดขั้นหนึ่งของชีวิตเท่านั้น และสำหรับคู่รักที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่กำลังชั่งใจว่าจะเลือกไปเที่ยวกับคนรักดีหรือจะไปไหว้เจ้ากับบรรพบุรษดีนั้น พระอาจารย์แนะนำว่าควรเลือกทางสายกลาง”

    พระมหาวุฒติกล่าวต่อไปว่า อยากให้วัยรุ่นและคนหนุ่มสาวให้ความสำคัญต่อสถาบันครอบครัวก่อน และอยู่ร่วมไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษกับครอบครัวเสียก่อน จากนั้นค่อยนักคนรักออกไปเที่ยวก็ยังไม่สาย

    “ที่แนะนำให้เดินสายกลางก็เพราะ ถ้าเรารักแฟนจนขึ้นสมอง เลือกออกไปกับแฟน เราก็จะไม่ได้ใจพ่อแม่ แต่ถ้าเราจะเอาใจพ่อแม่ ให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างเดียว เราก็ไม่ได้ใจแฟน ทางที่ดีคือหาทางออกที่จะดูแลทั้งสองทางให้ได้พร้อมๆ กัน ก็คืออาจจะอยู่กับครอบครัว ให้เวลากับครอบครัว อยู่ไหว้เจ้าตามธรรมเนียมของที่บ้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยออกไปกับแฟน และสำหรับคนที่กำลังคิดจะทิ้งที่บ้านและออกไปกับแฟนเลยโดยไม่สนใจหรือใส่ใจกับธรรมเนียบปฏิบัติของครอบครัวนั้น อยากเตือนว่าสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่มีค่า เราไม่สามารถหาซื้อพ่อแม่ได้ตามห้างสรรพสินค้า ถ้าไม่มีพวกท่านก็ไม่มีเราในทุกวันนี้ ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญแก่พ่อแม่และครอบครัวเป็นอันดับ1 อยากให้เด็กวัยรุ่นเปลี่ยนมุมมองจากความรักที่มีต่อคนรักแบบชู้สาว มาเข้าใจและซาบซึ้งกับความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว อันนี้ก็ความรักนะคุณโยม ความรักในครอบครัวนี้ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือความกตัญญูไงล่ะ”

    พระนักเทศน์ผู้มีคำสอนดีๆ มาฝากสังคมอย่างสม่ำเสมอท่านนี้ ยังได้ฝาก “คาถารัก” มอบแด่ประชาชนทุกคนในช่วงเทศกาลแห่งความรัก เป็นแผนที่ชีวิตเพื่อนำไปศึกษาให้ถ่องแท้และนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์กับชีวิตว่า

    “จงรักชาติแต่อย่าคลั่งชาติ จงรักดีแต่อย่าติดดี จงรักงานแต่อย่าบ้างาน จงรักเงินแต่อย่าบูชาเงิน จงรักมนุษยชาติแต่อย่าหลงลืมคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา และที่สำคัญจงรักคนที่เขาเกลียดเรา เพราะเขามีต้นทุนคือความรักในหัวใจน้อยเกินไป ถ้าคุณสามารถรักคนที่เกลียดคุณและเห็นคุณเป็นศัตรูได้ มันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก อยากให้พึงระลึกไว้ด้วยว่า ความรักที่ลอยพ้นอัตตา คือรักที่สามารถเยียวยาโลกทั้งผอง” พระมหาวุฒิชัยทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หยกชุด 12 นักษัตร

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]


    ผมเองมีชุดเดียว

    และผมมีอีกชุดที่มีความแตกต่างกันในพิมพ์ที่ช่างสิบหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่(ที่องค์ฮ่องเต้จีน ส่งช่างสิบหมู่ชาวจีนมาเมืองไทย)

    ส่วนพิมพ์อื่นๆ ก็มีอีกมาก เป็นงานที่ใช้ฝีมือในการแกะ ในบางพิมพ์ก็เป็นหยกดำก็มี

    หยกที่ใช้แกะนั้น มาจาก 2 แหล่งก็คือ

    1.จากประเทศจีน

    2.จากประเทศพม่า

    จากสองแหล่งนี้ เนื้อหยกก็ไม่เหมือนกัน

    ขอขอบคุณ พี่ใหญ่และ คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->nongnooo ที่ให้ความรู้กับผม

    นอกจากหยกที่นำมาแกะเป็นวัตถุมงคลต่างๆแล้ว ยังมีวัตถุมงคลที่มีลักษณะความเชื่อแบบจีนที่ใช้กระดูกช้าง และ งาช้าง แกะเป็นวัตถุมคลอีก

    ผมจะไปหาดูว่า ผมเก็บไว้ตรงไหนบ้าง ว่าจะรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน และจัดแยกทำเป็นตัวอย่างไว้ให้ชมกันครับ

    ส่วนชาวคณะพระวังหน้า และชมรมรักษ์พระวังหน้า ต้องหมั่นศึกษากัน เนื่องจากพระวังหน้า และวัตถุมงคลต่างๆของวังหน้า มีเป็นจำนวนมาก มีหลายพิมพ์ ,หลากเนื้อ ในการประชุมทุกๆครั้ง ผมจะนำพระวังหน้า ไปให้ศึกษากันในทุกๆครั้ง ไม่ใช่แต่ว่า จะรู้เพียงแค่ไม่กี่ท่าน เช่นคุณเพชร , คุณnongnooo แต่ทุกๆท่านควรจะรีบเร่งศึกษากัน

    หากมีคนถามว่า ท่านเป็นสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า พอทราบหรือไม่ว่า พระองค์นี้ รุ่นนั้น ใช่พระวังหน้าหรือไม่ แล้วท่านบอกว่า ท่านเป็นสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า แล้วท่านตอบไม่ได้ว่า ใช่หรือไม่ จะมีคนว่าได้ว่า เป็นสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าแล้วไม่รู้เรื่องพระวังหน้าเลย จะเสียหายกันทั้งชมรม แต่อาจจะมีข้อยกเว้นไว้สำหรับท่านที่อยู่ไกล

    ท่านที่อยู่ไกล ผมเองมีแนวคิดไว้แล้ว ไว้ผมจะแจ้งให้ทราบทาง Email นะครับ

    ขอบคุณครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น่าจะเมื่อเกือบๆ 2 ปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่เคยไปเห็นหยกของวังหน้า ไปขายในร้านหยก พี่ใหญ่เห็นราคาแล้วก็เลยนำมาเล่าให้ผมฟัง มีตั้งแต่ราคา 699 , 799 , 899 บาท สำหรับชิ้นเล็กๆ

    เขานำไปล้างรักและทองที่ปิดอยู่ออก นำไปขายเป็นหยกแกะใหม่

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...