ประวัตินอสตราดามุส ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย thanan, 3 ตุลาคม 2004.

  1. thanan

    thanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,668
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,213
    นอสตราดามุส จอห์น ดี (John Dee) เป็นนักโหราศาสตร์และแพทย์ที่เก่งกาจในพุทธศตวรรษที่ 21 แต่เขาก็ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเหมือนกับนอสตราดามุส ( Nostradamus) ผลงานชิ้นสำคัญของนอสตราดามุสที่ถูกตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2111 คือ Propheties ได้ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่นั้นมา

    ในช่วง 4 ศตวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่คำทำนายฉบับสมบูรณ์ถูกตีพิมพ์ ทุกถ้อยคำ ที่มีอยู่ในโคลงหลายร้อยโคลง ก็ถูกวิเคราะห์และตีความหมายไปในหลายแบบ การแปลความหมายไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโคลงเขียนขึ้นด้วยภาษาฝรั่งเศสปนละตินและกรีก ถ้อยคำเป็นการอุปมาและไม่แจ่มชัด คำทำนายไม่ได้เป็นไปอย่างเรียงลำดับของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง จึงทำให้ยากที่จะเข้าใจ

    อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็นที่นิยม ดังจะเห็นได้จากการนำคำทำนายและเรื่องราวของเขาไปแต่งหนังสือ บทความ และภาพยนตร์ และการที่ผู้รอบรู้ต่างแข่งขันกันตีความหมายของโคลงทำนาย

    นอสตราดามุส มีชื่อจริงว่า มิเชล เดอ นอสตราดาม (Michel De Nostradame ) เกิดที่จังหวัด เซนต์ เรมี(St.Remy) ในฝรั่งเศส ปี พ.ศ.2046 เขาได้เปลี่ยนจากนับถือศาสนายูดาห์ (Judaism) มาเป็นคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก นอสตราดามุสเป็นเด็กฉลาดและขยัน เขาได้เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ มหาวิทยาลัย มองต์เปลลีเยร์(Montpellier) เนื่องจากวิชาการแพทย์นั้นเน้นโหราศาสตร์และปรัชญาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจ เขาจึงมีชื่อเสียงในทางความคิดแปลกๆที่เขานำมาใช้ทางการแพทย์

    สมัยนั้นเป็นสมัยของโรคระบาดที่ไม่มีใครเข้าใจสาเหตุและการติดต่อของมัน การแพทย์ไม่มีทางรักษา นอสตราดามุสเชื่อว่า ยามีพลังรักษาได้ เขาจึงศึกษาและพัฒนายาจนประสบความสำเร็จ นอสตราดามุสได้ค้นคว้าและหาทางกำจัดโรคร้ายต่างๆจนกระทั่งภรรยาและลูกของเขาต้องติดโรคระบาดจนเสียชีวิต

    หลังจากนั้นเขาได้ออกเดินทางไปทั่วฝรั่งเศสและอิตาลี ค้นคว้าเรื่องยาและหาความรู้เพิ่มเติมทางยา นอสตราดามุสตั้งหลักอีกครั้งที่เมือง ซาลอง (Salon) แต่งงานใหม่และเริ่มการทำนายอนาคต วิธีการทำนายของเขา จะใช้ทั้งวิธีทำนายจากพื้นผิวสะท้อนและการคำนวณทางโหราศาสตร์ แต่โดยมากแล้วการทำนายจะปรากฏแก่เขาเป็นนิมิต ซึ่งเขาบันทึกไว้เป็นโคลงเป็นร้อยๆโคลงมารวมกัน เรียกว่า ศตวรรษ (Centuries) หรือโคลงร้อยบท โคลงนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2098 และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในปี พ.ศ.2100

    นอสตราดามุส ถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้าพระราชินีแคทเธอรีน เดอ เมดีซีส์ (Catherine de Medicis) ด้วยพระองค์ประสงค์จะรู้อนาคตของราชวงศ์ ด้วยความสามารถของเขาทำให้ผลการทำนายเป็นที่พอพระทัยของราชินี การทำนายหนึ่งในโคลงได้กล่าวถึงสาเหตุการสวรรคตของพระเจ้าอองรีที่ 2 (Henry II) พระสวามีของพระนางว่า จะสวรรคตในการต่อสู้ ความแม่นยำในการทำนายทำให้เขามีชื่อเสียงและเป็นที่จับตาขององค์กรทางศาสนา ที่คอยสอดส่องผู้ที่ใช้คุณไสยและทำนายอนาคตได้โดยพลังปีศาจ นอสตราดามุสโชคดีที่มีอำนาจของพระราชินีคุ้มครอง และเขาก็พยายามเก็บตัวเงียบ เขาได้เผาห้องสมุดของตัวเองโดยอ้างว่า คาถาโบราณเป็นสิ่งอันตราย ต้องทำลายทิ้งให้หมด

    เขามีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยจนสุขภาพทรุดโทรมในปี พ.ศ.2109 เจ็ดปีหลังจากนอสตราดามุสเสียชีวิต พระเจ้าอองรีที่ 2 เสด็จสวรรคต จากนั้นโคลงร้อยบทก็ถูกพิมพ์อย่างสมบูรณ์ โคลงพยากรณ์ของนอสตราดามุส มีความคลุมเครือและยากที่จะตีความหมาย ผู้รู้ที่ทำการตีความหมายของโคลงพบว่า นอสตราดามุส มีนิสัยชอบใช้ชื่อย่อและรหัสแทนชื่อคนและสถานที่ นอสตราดามุสลังเลที่จะพยากรณ์อย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเกรงว่า ผู้นำของโลกจะไม่สามารถยอมรับความจริงได้ และเขาก็เกรงต่ออำนาจศาสนจักรที่คอยจ้องจับผิดเขาอยู่ และเกรงต่อการลบหลู่ผู้มีอำนาจเนื่องจากคำทำนายของเขา

    ก่อนที่นอสตราดามุสจะเสียชีวิต เขายอมรับความคลุมเครือของโคลงและเพื่อเป็นการแก้ปัญหา เขาได้นำคู่มือถอดรหัสโคลงชื่อ Carte Blanche และมอบให้กับผู้ถอดรหัสไว้เป็นเครื่องชี้นำ คู่มือได้ช่วยให้การตีความหมายโคลงเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับผู้ตีความหมายสมัยใหม่ที่พยายามหาวิธีถอดรหัสโดยแทนค่าคำด้วยตัวอักษรบางตัว และอ้างว่าพบรหัสใหม่ที่ทำให้ถอดความได้ง่ายขึ้น แต่ไม่เป็นที่นิยม

    คนที่พยายามจะเขียนคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสขึ้นมาใหม่ด้วยการตีความหมายอย่างละเอียดนั้น อาจเข้าใจในจุดประสงค์ที่แท้จริงของนอสตราดามุสผิดไป นอสตราดามุสได้เขียนโคลงทำนายไว้ เปรียบได้กับศาสนาพยากรณ์แห่งชีวิต เอาไว้อ้างอิงเมื่อยามมีปัญหา เมื่อเกิดคำถามก็ให้อ้างอิงถึงโคลงและจะพบคำตอบได้ หากคำทำนายไม่เป็นจริงตามที่บอกก็มีคำอธิบายความผิดพลาดเสมอ ตีความหมายผิดบ้าง ผิดเวลาบ้าง ต่างกันไปบ้าง

    ความเชื่อที่มนุษย์มีต่อการทำนายนั้น เป็นไปโดยไม่ได้บังคับ มีบางครั้งที่ความเชื่อนั้น ถูกบังคับและมีเบื้องหลัง เช่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกนาซีได้จัดให้โหรชาวสวิสผู้เชี่ยวชาญในการแปลโคลงของนอสตราดามุส เพื่อให้เขาทำโคลงปลอมที่ชี้ให้เห็นถึงคำทำนายว่าเยอรมันจะชนะ ทางฝ่ายอังกฤษ ก็ทำเช่นเดียวกันโดยปลอมโคลง 50 โคลง ที่มีความหมายถึงความตายและความพ่ายแพ้ของฮิตเลอร์ (Hitler)

    *ที่มา :อาณาจักรเรื่องเร้นลับ,บัวแก้ว ไชยหลวงผา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2005
  2. Catwater

    Catwater บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อืมมม รู้สึกว่านอสตราดามุส จะมีอุจอยู่ 9 ตัวโดยที่ขาดอุจอาทิตย์ไปแค่ตัวเดียวเองนะ ( พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอุจอยู่ 8 ตัว แต่ว่ามีอุจอาทิตย์ )

    แล้วยังไม่พอ ยังมีจอกพระคริสต์ด้วยนี่สิ จอกพระคริสต์คือหัวกะโหลกของพระเยซูเป็นยาอมฤตที่รักษาได้ทุกโรค ใครที่เอาน้ำอะไรรึว่าเหล้าใส่เข้าไปในหัวกระโหลกของพระเยซูแล้วนำมาดื่ม จะทำให้คนๆนั้นไม่แก่และไม่ตาย ผู้ที่มีพลังนี้ทั้งจักรวาลนี้มีเพียงสองคนเท่านั้น คือ 1. พระเจ้า 2. ลูกพระเจ้า ( พระศรีอารย์ ) ถ้าใครที่มีจอกพระคริสต์สามารถสรุปได้เลยว่าเป็นคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ ( ไม่ต้องตีหัวคุณ tawada มาทดสอบหรอกนะ เหอะ เหอะ เหอะ )
     
  3. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    เท่าที่รู้ มีอยุ่ช่วงนึง นอสตราดามุส ถูกขังคุก

    ช่วงนั้นแร่ะ วันๆไมได้เห็นอะไร นอกจากเห็นแสง ลอดเข้ามาที่หน้าต่าง
    ต่อมาภายหลัง จึงสำเร็จ" อาโลกสิณ "โดยไม้รุ้ตัว

    หลวงปู่ฤาษีลิงดำ เคยพูดถึงนอสตราดามุสเหมือนกัน แต่ยาณของนอสตราดามุส เป็นแค่ฆราวาส ยังเที่ยงตรงน้อยกว่า ยาน ของพระพุทธเจ้าครับ เพราะเป็นโลกียะ จึงเป็นธรรมดา ที่คำทำนายของนอสตราดามุส จึงมีผิดพลาด คลาดเคลื่อน หรือบางทีผิดไปเลย
     
  4. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    test

    (evil)
     
  5. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,786
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ท่านนอสตราดามุส สำเร็จเตโชฯ

    เพราะรู้ว่าหายนะของโลกที่แท้จริง คือ ธาตุไฟฯ (จากฟากฟ้าสุราลัย สู่แดนดิน)
    นั่นคือ อุกกกาบาต จะชนโลก

    แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อุกกาบาต แต่เป็น "ดาวเคราะห์น้อย" ต่างหากจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2005
  6. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    Catwater มั่วแล้ว เค้ามีแต่จอกศักสิทธิ์ที่พระเยซูใช้ก่อนโดนตรึงกางเขน อีกอย่าง พระเยซูฟื้นคืนชีพจะมีหัวกะโหลกได้งัย
     
  7. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +142
    บ้าป่าว กะอีแค่จอกน้ำที่พระเยซูใช้ก่อนตาย มันจะเกิดเป็นตำนานยิ่งใหญ่งี่เง่าบ้าบออะไรขึ้นมาตั้งมากมายได้ไง ไม่มีใครเค้าสนใจกันหรอก ว่าก่อนพระเยซูตาย พระเยซูกินอะไร ใช้แก้วน้ำอันไหน หรือกินข้าวที่ไหน เค้าสนใจกันแค่ว่า ไอ่ที่ว่ามาน่ะ มันเอาไปใช้อะไรได้

    อยากรู้จริงๆเลยว่า ตำนานมันบอกมาว่ามีจอกศักดิ์สิทธิที่เมื่อดื่มน้ำเข้าไปแล้วจะไม่แก่ไม่ตาย แล้วคนเราก็ดันไปสรุปว่ามันเป็นจอกเหล้าที่พระเยซูใช้ก่อนตาย หรือว่าตำนานมันจะบอกว่า พระเยซูใช้จอกเหล้าในมื้ออาหารครั้งสุดท้าย แล้วคนเราไปสรุปว่าจอกนั้นเป็นจอกศักดิ์สิทธิ ที่เมื่อดื่มน้ำเข้าไปแล้วจะไม่แก่ไม่ตายล่ะหือ

    แล้วพระเยซูฟื้นคืนชีพมาเลยไม่มีหัวกระโหลก ถูก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางที่จะมีหัวกระโหลกนี่ ถ้าไม่ฟื้นก็มีดิ ใช่มะ จริงอยู่ที่เรากะลังอ้างถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ไม่มีอยู่ จะไม่สามารถมีได้มิใช่หรือ
    ;)
     
  8. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    เคยอ่านในไทยรัฐ เมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับ ไม้กางเขนศักสิทธิ์ ที่มีอำนาจใช้รักษาโรคได้ มันก็คือไม้กางเขนที่ใช้ตรึงร่างพระเยซู แล้วทำไมจอกที่พระเยซูใช้จะเป็นจอกศักสิทธิ์ไม่ได้
     
  9. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +142
    เออ เออ งั้นพระแม่มาเรียคงจะไม่แก่และไม่ตายอ่ะนะ เพราะว่าอยู่บ้านเดียวกับพระเยซู กินน้ำแก้วเดียวกับพระเยซูมาตลอด
    รึจะบอกว่าต้องเป็นแก้วที่ดื่มจิบสุดท้ายก่อนตายเท่านั้นด้วยล่ะเนี่ย -"-
    (k)
     
  10. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +251
    กรรม หากคนไม่ถึงคราวตายก็ไม่ตาย หากถึงคราว นั่งเฉยๆ ก็ไปได้เหมือนกัน
     
  11. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    งั้นหัวกะโหลกพระเยซู ถ้ามีจริงก็อาจเป็นกะโหลกธรรมดาก็ได้ ใส่น้ำกินก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะที่Catwaterพูดมา แสดงว่าพระเยซูไม่มีปาฏิหารย์อะไรเหนือคนธรรมดาเลย ถึงได้ถูกฆ่าตายได้
     
  12. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +142
    เทพก็ถูกฆ่าตายได้ -"-
    แต่ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ พระเยซูอาจจะเป็นคนธรรมดาก็ได้

    แต่เรื่องนั้นช่างมันเหอะ สงสัยจังว่าทำไมถึงยึดติดกับความคิดที่ว่า " จอกพระคริสต์คือจอกเหล้าที่พระเยซูใช้ ในการเสวยความสุขครั้งสุดท้าย ( รับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ) " ด้วยล่ะ มันเป็นเพราะคนส่วนใหญ่เชื่อกัน เป็นตำนานกล่าวขานต่อๆกันมาเลยเชื่องั้นเหรอ ผมบอกว่าไม่ใช่ เพราะถ้าใช่พระแม่มาเรียก็จะต้องไม่แก่และไม่ตาย แล้วทำไมถึงต้องบอกว่า " งั้นพระเยซูก็ต้องเป็นคนธรรมดา " ด้วยล่ะ คือยิดติดมากเลยใช่มั้ยว่า จอกพระคริสต์คือจอกเหล้าน่ะ ยึดติดมาก ที่ว่าความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ของคนหมู่มาก ตำนานที่เล่าขานต่อๆกันมานั้นต้องถูก ยึดติดมากกับความเชื่อของตัวเอง ความเชื่อของคนอื่น เหตุผลของคนอื่น ไม่ได้สั่นคลอนความเชื่อความคิดของตนเองเลย

    แต่ยังไงยังไงเรื่องที่เราเถียงกัน ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ใช่เรื่องสำคัญหนักหนาอะไรสำหรับชีวิตของเราเอง ดังนั้นความหัวแข็งดื้อรั้นที่คุณไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมฟังเหตุผล หรือฟังความเชื่อของคนอื่นนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
    แต่ถึงความเชื่อ เหตุผล หลักการของคนอื่นไม่สามารถสั่นคลอนความคิดความยึดติดของคุณได้ แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความทุกข์ ความเจ็บปวด ความสูญเสียของคนอื่น จะสามารถสั่นคลอนความยึดมั่นถือมั่นของคุณได้ เพราะว่าถ้าความทุกข์ของคนอื่น ไม่สามารถสั่นคลอนความเชื่อ หรือจิตใจของคุณได้ล่ะก็ ตัวคุณ จะต้องเป็นปัญหาของคนอื่น อย่างแน่นอน
    (b-love2u)
     
  13. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    ในทางกลับกัน สิ่งทึ่คุณโพสมาก็เป็นความเชื่อของคุณไม่ใช่หรือ ไม่มีข้อมูลอะไรเลยด้วยซ้ำ ส่วนที่ผมโพสเป็นข้อมูลที่หาอ่านได้โดยทั่วไป ลองหาอ่านดูนะ ไม่ได้แสดงความยึดติดความเชื่อของตัวเองให้ใครเชื่อตาม แต่แสดงข้อมูลที่ได้รับรู้มาจากหนังสือเท่านั้น ก็เลยมาบอกกล่าวกันฟังแค่นั้น ไม่เคยคิดจะโต้เถียงกับคุณ เพราะสิ่งที่ผมโพสผมได้รับข้อมูลมาอย่างนั้นจริงๆ

    ถ้าคุณCatwaterมีข้อมูลที่ผมยังไม่รู้ ก็บอกผมมาสิครับ ข้อมูลที่ผมรู้มาเค้าบอกว่าจอกศักสิทธิ์คือจอกที่ใช้ในอาหารมื้อสุดท้าย และพระเยซูคืนชีพก็ไม่น่าจะมีกะโหลก เอาแบบมีข้อมูลหลักฐานนะครับไม่ใช่คิดเอาเอง ยินดีรับฟังเสมอ เพราะผมชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ต้องมีข้อมูลทางวิชาการหน่อยนะครับ เพราะสิ่งที่คุณโพสมาผมไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลจริงๆ ก็เลยไม่แน่ใจว่ามันเป็นความคิดของคุณเองหรือเป็นข้อมูลที่มีหลักฐานรองรับอยู่
     
  14. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +142
    อืมมมม ผมก็ไม่มีข้อมูล และไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น ( แต่ตามข้อมูล หลักฐานที่คุณใช้อ้างอิง ก็มีจุดบกพร่องดังที่ผมบอก ) และผมก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะต้องเชื่อที่ผมบอกด้วย
    แต่สิ่งที่ผมหวัง สิ่งที่สำคัญกว่าว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ สิ่งที่สำคัญกว่าจอกพระคริสต์คืออะไร ก็คงจะได้แล้วล่ะมั้ง
    (rose)

    <marquee><img src=http://palungjit.org/attachments/a.5187/></img>
    </marquee>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2005
  15. Tom

    Tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2005
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +289
    จากนอสตราดามุสกลายเป็นพระเยซูได้งัยนี่ ผมกับคุณCatwaterนี่ไม่ไหวเลย ต้องขอโทษคุณthananเจ้าของกระทู้ด้วย
     
  16. newbew

    newbew Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +84
    งืมม
     
  17. อ่ะโด่

    อ่ะโด่ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ยารักษาโรคที่ดีที่สุดก็คือ........จิต.....ของตัวเองไง.....อ่ะโด่.......อ่ะเด่...........
     
  18. Rockwell

    Rockwell สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอโทษทุกท่านนะคับที่ผมอ่านกะทู้มาผมไม่เข้าใจเลยว่าเข้าใจในหลักศาสนากันแค่ไหนทุกศาสนาสอนให้เเปงคนดีไม่ว่าจะเปงพระเยซูหรืออื่นๆก็ล้วนต้องตายหมดเหมือนกานจิงไหมคับเราต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินว่าอะไรจิงอะไรเท็จถ้าทำแล้วมันจิงไหมศาสนาที่มีเหตุและมีลที่สุดผมว่าน่าเป็นพุธนะทุกคนลองตั่งใจและพิจรนาให้ดีๆทุกอยางเกิดจากเหตูและผลถ้าไม่มีต้นแล้วจะมีใบได้อย่างไรเช่นเดียวกับคนเราที่ทำดีก็ได้ดีทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรากำหนดเองทุกคนล้วนหนีความจิงจากธรรมชาติไปไม่ได้พระเยซูก็ตายพระพุธเจ้าก็ตายคนที่ฆ่าเราก็คือกาลเวลาย่อมเปงไปในวิธีของมันเองทุกอย่างล้วนแต่ต้องสูญสลายไปทุกคนลองคิดให้ดีๆว่าจิงไหม
    คนเราจะคิดได้คือ........ตายก่อนตาย.....คือ......ผมเหงทุกคนเชื่อในเชื่อในสิ่งที่ไม่พิจารามาฝาลองอ่านแล้วคิดตามดู
    1 ฟังตามกันมา หมายถึง สิ่งที่บอกเล่า ต่อๆ กันมาตาม ธรรมเนียม เป็นต้น
    2ทำตามสืบๆ กันมา หมายถึง การทำตามสืบๆ กันมา โดยไม่ต้องคำนึง ถึงเหตุผล แต่ถือเอาการที่ทำสืบๆ กันมานั้นเองเป็น เหตุผล ลักษณะเช่นนี้เรียกกันว่า เถรส่องบาตร
    3ตื่นข่าว หมายถึง สิ่งน่าอัศจรรย์ ที่กำลังลือกระฉ่อน กันอยู่ในขณะนั้น
    4อ้างปิฎก หมายถึง มีหลักฐานที่อ้างอิงในตำรับตำรา หรือแม้แต่ในพระไตรปิฎก
    5นึกเดาเอาเอง คำว่า คาดคะเนเอาเอง และ คำว่า ตรึกตรองตามอาการ ทั้งสามนี้ คล้ายกันมาก หากแต่ว่า หนักเบา กว่ากัน ตามลำดับ คำว่า เดา หมายถึง การใช้เหตุผลชั่วแล่น ชั่วขณะ ตามวิสัยของ คนธรรมดาทั่วไป คำว่า คาดคะเน ก็มีลักษณะอย่างนั้น หากแต่ว่า มีการเทียบเคียง โดยนัยต่างๆ ที่รัดกุมกว่า ซึ่งเป็นวิสัย ของผู้มีปัญญา คำว่า ตรึกตามอาการ คือการใช้เหตุผล หรือ ใช้สิ่งแวดล้อม เป็นเหตุผล ตามที่มีปรากฏ อยู่เฉพาะหน้า ในที่นั้นๆ ซึ่งรัดกุมยิ่งไปกว่า การคาดคะเน
    6ต้องตามลัทธิของตน หมายความว่า เข้ากันได้กับ ความคิดเห็น ของตน หรือ เข้ากับลัทธิ ที่ตนถืออยู่แล้วแต่ก่อน
    7ผู้พูดควรเชื่อได้ หมายความว่า ผู้พูดเป็นผู้ที่ใครๆ พากันเชื่อถือ เพราะเป็นบัณฑิต นักปราชญ์ เป็นคนเฒ่าคนแก่ เป็นคนเคยไปในที่นั้นๆ มาแล้ว เป็นต้น
    8ถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา หมายความถึง ครูบาอาจารย์โดยตรง
    9คำว่า เดา หมายถึง การใช้เหตุผลชั่วแล่น ชั่วขณะ ตามวิสัยของคนธรรมดาทั่วไป
    10คำว่า คาดคะเน ก็มีลักษณะอย่างนั้น หากแต่ว่ามีการเทียบเคียงโดยนัยต่างๆ ที่รัดกุมกว่า
    ซึ่งเป็นวิสัยของผู้มีปัญญา คำว่า ตรึกตามอาการ คือการใช้เหตุผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...