พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สีที่ใช้ประจำวันตามหลักวิชาทักษาพยากรณ์ของมอญ

    ถ้าใช้ดีแล้วกรุณาบอกต่อนะครับ


    ที่มา ... จาก FW: Mail
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ชอบม๊าๆๆ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ชอบคนละสไตล์ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    หมายเหตุ รูปผมสงวนลิขสิทธิ์ครับ
    หากจะนำไปใช้ที่ไหน ต้องบอกที่มา และ ชื่อผม(ในฐานะเจ้าของรูปภาพ)ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    อ่า...ผมขอยืนยันทั้ง2 ท่านนี้มีโรคแอบจิตเป็นโรคประจำตัวครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]
    61.7 KB, ดาวน์โหลด 10,136 ครั้ง

    [​IMG]
    54.9 KB, ดาวน์โหลด 456 ครั้ง

    [​IMG]
    54.6 KB, ดาวน์โหลด 296 ครั้ง

    หมายเหตุ รูปผมสงวนลิขสิทธิ์ครับ
    หากจะนำไปใช้ที่ไหน ต้องบอกที่มา และ ชื่อผม(ในฐานะเจ้าของรูปภาพ)ครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฟังหลักคิด 'ท่านว.วชิรเมธี' เตือนสติพ่อแม่ เลี้ยงลูกให้เป็น
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 มกราคม 2553 08:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีหรือท่านว.วชิรเมธี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หากพูดถึง 'งานเลี้ยงลูก' ถือเป็นงานใหญ่ และสำคัญที่สุดของคนเป็นพ่อแม่ เพราะถือเป็นงานสร้างโลก ผ่านการสร้างลูก ที่ต้องใช้ความละะเอียดอ่อน ละเมียดละไม และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากตัวเด็กมีความซับซ้อนมาก ดังนั้นวิธีการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ในการเข้าใจถึงตัวตน และสิ่งที่ลูกต้องการ แต่จะมีสักกี่ครอบครัว ที่จะเลี้ยงลูกอย่างมีสติ และเข้าใจจริงๆ เพราะส่วนใหญ่จะเลี้ยงโดยคาดหวังให้ลูกเก่ง และทัดเทียมคนอื่น โดยไม่สนใจความรู้สึกของลูก

    เพื่อตอบโจทย์ปัญหาข้างต้น ทีมงาน Life and Family ได้มีโอกาสฟังสนทนาธรรมจาก "พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย พระนักคิดนักเทศน์ ในงาน "Happy Kids Festival 2009" โดยท่าน ว.วชิรเมธีได้ให้ทัศนะว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่ มีความคาดหวังกับลูกสูงมาก จนบางครั้งเกิดเป็นความ "พลาดหวัง" เพราะถูกกดดันมากเกินไป ซึ่งบางครั้งไม่เพียงแต่อยากให้ลูกได้รับการศึกษาเท่านั้น แต่อยากให้ลูกเทียมหน้าเทียมตาคนอื่นด้วย เพราะหันไปทางนี้ก็เพื่อนพ่อ ทางนั้นก็เพื่อนแม่ ส่งผลให้ลูกต้องถูกใส่ความรู้เต็มไปหมด แต่ขาดทักษะความเป็นมนุษย์ในการใช้ชีวิต

    "การให้ลูกเรียนเยอะ ไม่ว่าจะว่ายน้ำ เปียโน ภาษาอังกฤษ กลับมาที่บ้านแล้วยังมีครูสอนศิลปะเสริมอีก ตัวอย่างการจัดการเรียนให้ลูกตรงนี้ เด็กจะเก่งทุกอย่าง แต่เก่งไม่จริงสักอย่าง ขณะเดียวกันจะมีอารมณ์แปรปรวนสูงมาก เช่น ถ้าทำการบ้านเสร็จไม่ทัน ตอนเช้าขึ้นรถกับแม่ไม่ทัน หรือหิวจัด เด็กก็จะกรี๊ด นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่พ่อแม่ไทยตามแก้อยู่ในเวลานี้

    ที่เป็นเช่นนี้ เพราะศักยภาพของเด็กแต่ละคนไม่สามารถจะรับทุกเรื่องได้หมด ทางพระพุทธศาสนาได้บอกไว้ว่า จิตจะทำงานทีละเรื่อง ดังนั้นเมื่อถูกจัดให้เด็กคนหนึ่ง เรียนรู้เท่ากับเด็ก 5 คน แน่นอนว่า เด็กย่อมไม่มีความสุข กลายเป็นพ่อแม่รังแกฉันในที่สุด

    ดังนั้น พ่อแม่ควรเลิกให้ลูกเรียนพิเศษ และหันมาเรียนในระบบปกติ รวมทั้งเลิกยัดเยียดความคิดว่าลูกจะต้องทำอันนั้น อันนี้ ขอให้กลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เน้นความสุขของเด็กเป็นศูนย์กลาง"

    ในด้านความคาดหวังของพ่อแม่นั้น ท่านว.วชิรเมธี ให้หลักคิดว่า คนเรามีความหวังให้สูงได้ แต่จะต้องเรียนรู้ และพร้อมยอมรับที่จะอยู่กับความผิดหวังให้ได้ด้วย ดังนั้น ความหวังของพ่อแม่ สามารถจัดสภาพแวดล้อมให้ลูกเดินตามทางที่หวังได้ แต่ถ้าลูกไม่สมหวัง พ่อแม่ต้องรู้ว่า โลกนี้อยู่ 2 ด้าน คือ ชื่นชม และขมขื่น ซึ่งการเลี้ยงลูกของมารดา คือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง ถ้าลูกทำได้ก็ควรชื่นชม แต่ถ้าไม่เป็นดั่งหวัง ก็จะต้องยอมรับ และไม่ทุ่มความผิดหวังไปที่ลูก แล้วบอกลูกเป็นคนที่ใช้ไม่ได้

    "ทุกคนบนโลกนี้ ไม่มีใครที่ใช้ไม่ได้ แต่ทุกคนใช้ได้หมด แต่พ่อแม่ต้องมีดวงตาพิเศษ ที่สามารถมองเห็นแววของลูก เพราะแววคนขึ้นอยู่กับแววตา คงไม่มีลูกคนไหนหรอก ที่จะเกิดมาไร้ประโยชน์ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก พ่อแม่ต้องดูให้ดีว่า ลูกจะเรืองรองอะไรออกมา ฉะนั้นก่อนที่จะคาดหวังลูก พ่อแม่ต้องดูตัวลูกให้ดีก่อนว่า แววของเขา ส่อแสดงถึงแนวโน้มอะไรในอนาคต ถ้าพ่อแม่ส่งเสริมถูกทางก็จะสมหวัง แต่ถ้าส่งเสริมผิดทาง โอกาสที่จะผิดหวังย่อมเกิดได้สูง" ท่านว.วชิรเมธีให้หลักคิด


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>คิดบวก-พูดบวก ลูกไม่เสีย Self

    นอกจากความคาดหวังแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การใช้คำพูดกับการสอนลูก กับเรื่องนี้ 'ท่านว.วชิรเมธี' ให้มุมมองว่า เรื่องทัศนคติเชิงบวก กับการใช้คำพูดทางบวก มีผลต่อลูกมาก ถ้าพ่อแม่ยิ่งตอกย้ำทัศนคติ และคำพูดด้านลบทุกวันๆ เด็กจะทำอะไรไม่เป็นเลย

    เปรียบได้กับผู้บริหารที่ตำหนิลูกน้องทุกวัน ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพของงานลดลงตามไปด้วย แต่ถ้าเปลี่ยนวิธีใหม่ ลองใช้คำพูดให้กำลังใจเมื่อทำผิดพลาด ประสิทธิภาพของงานก็จะดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากคำพูดที่ดี จะช่วยเสริมให้เกิดกำลังใจ นำไปสู่ความเชื่อมั่นในที่สุด

    3 ตัวแปร เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดี-มีสุข

    การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดี และมีความสุข เป็นเรื่องไม่ง่าย และก็ไม่ยาก ในประเด็นนี้ "ท่านว.วชิรเมธี" ได้ฝากหลักคิดเลี้ยงลูกให้ดี ไว้อย่างน่าสนใจว่า ตัวแปรในการเลี้ยงลูกหลักๆ แล้ว มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่างคือ พ่อแม่ต้องมีความรู้ ความรัก และเวลา เมื่อ 3 สิ่งนี้มีให้เด็กอย่างสมดุล เด็กก็จะมีความสุข และเป็นเด็กที่น่ารักของพ่อแม่ และสังคมต่อไป เริ่มจาก

    1. ความรู้ พ่อแม่ต้องมีความรู้ในการเลี้ยงลูก อย่าใช้สัญชาตญาณในการเลี้ยงลูก เพราะเด็กเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ทั้งความคิด และจิตวิญญาณ โดยเฉพาะพ่อแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวทุกคน ที่มักจะไม่มีเวลากับลูก จึงตอบสนองความต้องการของลูกด้วยการตามใจ เช่น ลูกอยากได้คอมพิวเตอร์ไว้เล่นที่บ้าน หรืออยากได้บัตรเครดิต ก็ทำให้ โดยคิดว่า นี่คือการชดเชยในสิ่งที่ลูกขาดหายไป วิธีคิดแบบนี้ จะทำให้ลูกเสียคน

    2. ความรัก เมื่อพ่อแม่ให้ความรักกับลูก จะช่วยให้ลูกรักบ้าน เพราะคิดว่าได้รับการเติมเต็มที่พอแล้ว การออกไปเที่ยวเพื่อตามหาความรักนอกบ้านก็จะไม่มี

    3. เวลา พ่อแม่บางคนให้ความรักแล้วแต่ไม่ให้เวลา ไม่มีการโอบกอด หรือกินข้าวด้วยกัน มีแต่ส่งข้อความ หรือโทรหาเมื่อคิดถึง

    ท้ายนี้ "ท่านว.วชิรเมธี" ได้ฝากแง่คิดไว้เป็นแนวทางให้กับพ่อแม่ยุคใหม่ทุกคนว่า "งานเลี้ยงลูกของบิดามารดาเปรียบเสมือนงานปั้นพระของศิลปิน ต้องทุ่มเททั้งชีวิต ผลสัมฤทธิ์จึงจะออกมาดั่งที่ปรารถนา หมายความว่า เป็นงานที่ต้องเลี้ยงกันด้วยความละเมียดละไม ใส่ใจทุกรายละเอียด ซึ่งศิลปินที่จะประสบความสำเร็จในการปั้นพระ เขาก็ต้องเรียนรู้ก่อน จากนั้นต้องมีจิตใจที่งดงามล้ำเลิศ พระที่ปั้นจึงจะงดงามจริงๆ ที่สำคัญ ต้องให้เวลากับงานปั้นจริงๆ

    เช่นกันกับพ่อแม่ การจะทำงานปั้นพระ (ลูกของเรา) ให้เป็นคนประเสริฐของโลก ก็ต้องมีความรู้ ใส่ใจ และละเมียดละไมมากพอ ซึ่งถ้าไม่มีในเรื่องดังกล่าวนี้ ลูกซึ่งเติบโตขึ้นจะกลายเป็นอนุเสาวรีย์ของพ่อแม่ที่ไม่สวยงาม และย้อนกลับมาประจานตัวเราตลอดไป"

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>5 เทคนิคฝึก"ระเบียบ"ลูกสไตล์ญี่ปุ่น
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 มกราคม 2553 17:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ชิจิดะ โก" อีกหนึ่งคุณพ่อชาวญี่ปุ่นที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่คุ้นหูในเมืองไทย กับตำแหน่งประธานสถาบัน Shichida Educational และแนวทางการฝึกสมองทั้งสองด้านของลูกตั้งแต่ยังเป็นทารก ซึ่งในวันที่เขาบินลัดฟ้ามาถึงเมืองไทย ทีมงาน Life & Family ได้มีโอกาสพูดคุย และเก็บเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนลูกสไตล์คนญี่ปุ่นผ่านจิตใจภายในของคนเป็นพ่อแม่ผู้อาศัยอยู่ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีระเบียบวินัยเคร่งครัด ให้ความสำคัญประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตน และยังคงยึดมั่นในขนบธรรมเนียมดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยคุณโกได้เผยถึง 5 จุดเด่นที่เห็นได้ชัดของชาวญี่ปุ่น และเทคนิคในการฝึกลูกเอาไว้ดังนี้

    1. เลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

    ในจุดนี้ คุณโกกล่าวว่า หากเป็นไปได้ คนญี่ปุ่นจะนิยมเลี้ยงลูกอยู่นอกเมือง เพื่อให้ลูกได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ได้สัมผัสกลิ่นดินกลิ่นทรายมากกว่าการมีบ้านอยู่ในตัวเมืองใหญ่ โดยพ่อแม่จะเป็นผู้เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองเอง เพื่อให้เด็กยังคงมีความเป็นเด็ก ไม่ถูกสังคมเมืองหล่อหลอมจนหลงไหลในวัตถุเร็วเหมือนเช่นที่เกิดกับเด็กในอีกหลาย ๆ ประเทศ

    "เด็กที่อาศัยอยู่นอกเมืองจะมีเพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน และมีช่องว่างกับชุมชนน้อยกว่า ทำให้เด็กมีความผูกพันกับชุมชน และได้ใช้เวลาในวัยเด็กอย่างคุ้มค่า ต่างจากเด็กที่ต้องอาศัยอยู่ในตัวเมือง เพราะต้องเผชิญกับความเครียด ความกดดันตลอดเวลา"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>คุณชิจิดะ โก ประธานสถาบัน Shichida Educational</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>2. สร้างจิตสาธารณะ

    เมื่อเด็กมีความผูกพันกับชุมชน และสังคมที่เขาอาศัยอยู่แล้ว การสร้างจิตสำนึกให้เด็กเห็นแก่ผลประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตนก็ตามมาในลำดับต่อไป โดยในข้อนี้ สังคมที่เด็กอาศัยอยู่จะร่วมกันกล่อมเกลาเขาอย่างช้า ๆ โดยถือว่าเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องร่วมกันทำ

    "เรื่องของจิตสาธารณะ ผมมองว่า เราอาศัยแต่ครอบครัวอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ยกตัวอย่างการเสียสละประโยชน์ส่วนตน เห็นประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อน หากทุกคนทำได้ก็จะช่วยให้การทำงานต่าง ๆ ของทุกฝ่ายลุล่วง สำเร็จลงด้วยดี เมื่อส่วนรวมได้ประโยชน์ ความสุขเหล่านั้นก็สะท้อนกลับมาสู่ครอบครัวในที่สุด"

    การเห็นประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตนที่เห็นได้ชัดเป็นอันดับต้น ๆ ของชาวญี่ปุ่นคือการต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีการแซงคิวให้เป็นที่ระอาใจของผู้อื่น หรือการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด การร่วมแรงร่วมใจกันในงานกิจกรรมของชุมชน ฯลฯ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>3. ตรงต่อเวลา

    สำหรับการสอนให้ลูกตรงต่อเวลานั้นคงเป็นเรื่องยากหากสังคมโดยรวมไม่ยอมรับกติกาข้อนี้ แต่สำหรับในประเทศญี่ปุ่นนั้น กิจการใหญ่ ๆ เช่น การเดินรถไฟของญี่ปุ่นทั้งแบบชินคันเซ็น หรือแบบโลคอล (วิ่งเฉพาะในเมือง) ต่างก็บริหารจัดการ "เวลา" กันอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการวางกำหนดเวลาแน่นอน หรือแม้แต่รถประจำทางเองก็ตรงต่อเวลา ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย การสร้างสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ให้เกิดขึ้นเป็นปกติในชีวิตประจำวันของเด็ก คุณโกระบุว่า เป็นการปลูกฝังให้เด็ก ๆ กลายเป็นคนเห็นคุณค่าของ "เวลา" ไปโดยปริยาย

    4. ไม่ปกป้องลูกเมื่อทำผิด

    สิ่งที่พ่อแม่ที่ต้องการอบรมสั่งสอนให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนดี มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนพึงตระหนักอีกข้อหนึ่งคือ หากพบว่าลูกไปสร้างความเสียหาย ทำความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือละเมิดผู้อื่น พ่อแม่ต้องตักเตือนในทันที และถ้าเป็นพ่อแม่ที่ดีก็ต้องหาทางทำให้ลูกหยุดพฤติกรรมดังกล่าวให้ได้ โดยคุณโกระบุว่า พ่อแม่ที่ไม่ดี ก็คือพ่อแม่ที่เห็นการกระทำดังกล่าวของลูกแล้วเพิกเฉย นั่นเอง


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>5. ให้กำลังใจลูก

    การเลี้ยงดูเด็กในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเครียดต่าง ๆ รายล้อมอยู่รอบตัว พ่อแม่จึงควรใช้การพูดคุย ให้กำลังใจลูก ๆ ยามเผชิญหน้ากับความเครียด ซึ่งความเครียดของเด็กญี่ปุ่นใน พ.ศ.นี้หนีไม่พ้น การแข่งขันด้านวิชาการ เพื่อจะได้สอบเข้าในโรงเรียนดี ๆ มหาวิทยาลัยดี ๆ เพื่อให้มีการงานดี ๆ ทำ

    "อาจมีเด็กบางคนไม่สนใจเรียน และทำให้พ่อแม่ต้องผลักดันลูกให้มาก ๆ เพื่อที่ลูกจะได้เป็นคนเก่ง แต่ในจุดนี้อยากให้พ่อแม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กว่าไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกคน และควรใช้การสอน หรือการให้กำลังใจในการกระตุ้นลูกมากกว่า"

    "ความคาดหวังของพ่อแม่เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่อยากให้บังคับลูกมากเกินไป เพราะถ้าบังคับให้เรียน เด็กจะรู้สึกถึงภาระหนักอึ้ง วันหนึ่งเขาอาจจะปฏิเสธได้ แต่ถ้าเรียนไปตามธรรมชาติ เด็กก็จะเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับความรู้เข้ามาได้เอง จึงไม่รู้สึกกดดันหรือเครียด นอกจากนั้น ควรให้เด็กได้มีประสบการณ์ในด้านอื่นบ้าง เช่น รู้จักช่วยเหลือสังคม หรือคนรอบข้างด้วย" คุณโกกล่าวทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหอผู่จูหวน : มุกเหอผู่หวนคืน
    China - Manager Online

    [​IMG]โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    20 มกราคม 2553 08:14 น.[​IMG]

    合浦(hé pǔ) อ่านว่า เหอผู่ เป็นชื่ออำเภอหนึ่ง เดิมอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ต่อมาอยู่ในมณฑลกวางสี เป็นเมืองชายฝั่ง ผลผลิตที่สำคัญคือไข่มุก
    珠(zhū) อ่านว่า จู แปลว่า ไข่มุก
    还(huán) อ่านว่า หวน แปลว่า กลับคืน

    [​IMG] [​IMG] ในสมัยตงฮั่น หรือฮั่นตะวันออก อำเภอเหอผู่ผลิตไข่มุกเป็นสินค้าหลักที่สำคัญ โดยไข่มุกจากเมืองเหอผู่ทั้งกลมเกลี้ยงและมีขนาดใหญ่ สีสันสวยงามตามธรรมชาติ จึงมีชื่อเสียงขจรขยายทั้งในและนอกประเทศ โดยคนทั่วไปพากันเรียกไข่มุกจากที่นี่ว่า "ไข่มุกเหอผู่"

    คนท้องถิ่นของเมืองเหอผู่ในสมัยนั้น ต่างยึดอาชีพผลิตไข่มุกเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ทั้งยังใช้เป็นสินค้าออกสำคัญ เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินทอง ไปจับจ่ายซื้อหาอาหาร และของจำเป็นในการดำรงชีวิตจากเมืองอื่นๆ เข้ามา โดยไข่มุกดังกล่าวมีมูลค่าสูงมาก ทำให้ขุนนางบางรายอาศัยโอกาสนี้ เข้ามาหาประโยชน์จากกิจการขายไข่มุก โดยสั่งให้ชาวบ้านงมหอยมุกขึ้นมาผลิตไข่มุกให้ตนเองมากๆ เพื่อนำไปขายเอากำไรโดยไม่สนใจว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ เมื่อธรรมชาติขาดสมดุล หอยมุกยิ่งมายิ่งน้อยลงเรื่อยๆ บรรดาหอยมุกค่อยๆ อพยพย้ายถิ่นไปจากบริเวณนั้น

    ด้านชาวบ้านเอง ที่ผ่านมาล้วนยึดอาชีพจับหอยมุกเป็นหลัก ไม่เคยทำอาชีพเกษตรกรรมอื่นๆ เพราะเคยชินที่แต่เดิมหามุกได้มากเท่าไหร่ก็ได้เงินมากเท่านั้น แต่เมื่อจำนวนหอยมุกลดน้อยลงเรื่อยๆ รายได้ของชาวบ้านจึงน้อยลงด้วยเช่นกัน ชาวบ้านยากจนถึงขั้นไม่มีเงินซื้ออาหารมาประทังชีพ หลายรายถึงขั้นอดตาย

    เมื่อฮั่นซุ่นตี้ขึ้นครองราชย์ ได้ส่งขุนนางนามว่า เมิ่งฉาง ไปปกครองเหอผู่ เมื่อไปถึง เมิ่งฉางได้ทราบเรื่องราวความลำบากของชาวเมืองที่ขาดแคลนอาหาร จึงได้มีคำสั่งให้ออกกฏในการจับหอยมุก โดยไม่อนุญาตให้จับโดยพร่ำเพรื่อ เพื่อเป็นการรักษาทรัพยากรหอยมุกเอาไว้

    หลังจากนั้นไม่ถึง 1 ปี ปริมาณหอยมุกจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนกลับมา อำเภอเหอผู่จึงกลับมาเป็นแหล่งผลิตไข่มุกที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้ง

    สำนวน "เหอผู่จูหวน" หรือ มุกเหอผู่หวนคืน ปัจจุบันใช่เปรียบเปรยถึงสิ่งของที่กลับคืนสู่เจ้าของเดิม หรือคนกลับมายังถิ่นที่เคยอยู่

    สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งกรรม(宾语)ของประโยค

    ที่มา ?ٶȰٿơ???ȫDz׮?
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"มันฝรั่ง" อาหารเก่าแก่ของชาวโลก
    Travel - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 มกราคม 2553 14:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "มันฝรั่ง" เป็นพืชชนิดหัวใต้ดินที่ใช้เป็นอาหารของมนุษย์มายาวนานตั้งแต่ 6,000 ปีก่อนคริสตกาล เชื่อกันว่าต้นมันฝรั่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าอเมริกาใต้ และเป็นสารอาหารคาร์โบไฮเดรตหลักที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในปัจจุบัน

    แม้จะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต แต่เมื่อเทียบกับข้าวแล้วในปริมาณที่เท่ากันแล้ว มันฝรั่งจะให้แคลอรี่ในปริมาณที่น้อยกว่า นอกจากนั้นมันฝรั่งยังอุดมไปด้วยกากใย มีธาตุโปแทสเซียมสูง วิตามินซีสูง และมีธาตุเหล็กในปริมาณปานกลาง ซึ่งจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีเนื่องจากมีวิตามินซีเป็นตัวช่วยในการดูดซึม

    มันฝรั่งยังช่วยบำรุงลำไส้ใหญ่ แก้อาการท้องผูก ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ช่วยในการห้ามเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันเส้นเลือดใหญ่แข็งตัว โพแทสเซียมช่วยลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ และบรรเทาอาการตะคริว อาการเจ็บปวดช้ำ ปวดประสาท และไขข้ออักเสบ นอกจากนั้น น้ำมันฝรั่งคั้นสดๆ ยังช่วยบรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหารและไขข้ออักเสบ โดยดื่มน้ำมันฝรั่งสดครึ่งแก้วเล็กๆ วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 1 เดือน อาจเติมน้ำผึ้งหรือน้ำมะนาวลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยก็ได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอขอบคุณ คุณnongnooo ที่กระซิบมา

    เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผมได้ไปซื้อกองทุน RMF 1 ไว้ จำนวน(เงิน)หนึ่ง เพื่อใช้สิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี 2552

    ต่อมาเมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2553 ผมได้ดำเนินการสับเปลี่ยนการลงทุน จากกองทุน RMF 1 ไปยังกองทุน RMF 2

    การสั่งเปลี่ยนกองทุน คิด NAV ของกองทุน RMF 1 คิดในวันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2553 ส่วนการคิดNAV ของกองทุน RMF 2 คิดในวันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2553 ผมได้ส่วนต่างมาในเรื่องนี้อยู่ประมาณ 18%กว่าๆ ครับ

    ขอบคุณพรายกระซิบอีกครั้งครับ

    เยี่ยมมากๆๆๆๆสำหรับพรายกระซิบ อิอิ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น้องท่านนึง บอกผมว่า ให้พรายกระซิบ กระซิบมาให้เร็วกว่านี้หน่อย

    พี่แจ้งให้พรายกระซิบทราบแล้วนะครับ

    .
     
  11. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    รู้สึกจะมาช้ามากกกกก เกินไปหรือเปล่าคร๊าบบบบ ... แต่ก็ขอขอบคุณครับ :'(
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เกือบลืมบอก

    ผมใช้วงเงินกู้ ที่ผมเสียอัตราดอกเบี้ย 6.375%ต่อปี ในการซื้อกองทุน RMF

    ซึ่งต้องบริหารให้เกินจากอัตราดอกเบี้ยที่ผมเสียอยู่และเกินจากภาวะอัตราเงินเฟ้อครับ

    รบกวนพรายกระซิบด้วยครับ อิอิ

    ปล.เป็นคำแนะนำ หากจะซื้อกองทุน RMF หรือ กองทุน LTF ที่ถูกต้องควรเป็นเงินเก็บ(ที่ไม่ต้องใช้)ครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อมูลล่าสุด : 20 ม.ค. 2553 14:37:55​
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>
    สถานะ : Open(II)​
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD></TD><TD height=20>
    SET| SET100| SET50

    SET| SET100| SET50

    SET| SET100| SET50 ​

    </TD><TD></TD></TR><TR><TD> </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD> </TD><TD> </TD><TD class=intblack align=middle>ล่าสุด</TD><TD class=intblack align=middle>เปลี่ยนแปลง</TD><TD class=intblack align=middle>มูลค่า
    (ลบ.)
    </TD></TR><TR bgColor=#c5c5c5><TD colSpan=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=intblack height=22>SET </TD><TD align=right>[​IMG]</TD><TD>
    724.52
    </TD><TD>
    -11.96
    </TD><TD>
    10,934.06​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านเลขานี่เก่งนะครับทราบได้ไงว่าหุ้นจะลงครับ หุ หุ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา Fwd mail ครับ

    จากภาควิชากายวิภาคศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ด้วยภาควิชากายวิภาคศาสตร์จะจัดงานพระราชทานเพลิงศพประจำปีการศึกษา 2553
    ในวันที่ 13-14 มีนาคม 53 นี้ ที่วัดมกุฏกษัตริยารามวรวิหาร

    แต่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังไม่สามารถติดต่อญาติอาจารย์ใหญ่บางส่วนได้
    ถ้ามีผู้ใดรู้จักอาจารย์ใหญ่และญาติอาจารย์ใหญ่ ดังรายนามต่อไปนี้

    *รายชื่ออาจารย์ใหญ่* *รายชื่อญาติ*
    1. น.ส.เขมาวดี ขันติตระกูล ญาติ คุณสกุล คำอ่อน
    2. นางพิกุล ขำศิริ ญาติ คุณเดชา ขำศิริ
    3. นายพิทยา พิทยาธนาคม ญาติ คุณบุญฐิตา พิทยาธนาคม และคุณ วิไล

    ขอความกรุณาติดต่อกลับมาได้ที่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    โทร 02-2564281 ต่อ 1405 และ 02-2564000 ต่อ 3247

    เพื่อให้ญาติของอาจารย์ใหญ่ผู้มีอุปการะคุณแก่วงการแพทย์ได้ส่งท่านอาจารย์ใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย
    ขอบคุณค่ะ *แค่ส่งต่อก็ได้บุญแล้ว*



    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
    ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    พรายกระซิบเก่งมากๆๆๆๆ อิอิ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 77 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 73 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, newcomer+, psombat+, chantasakuldecha+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดครับ

    เดี๋ยวตกข่าว ตกขบวน ตามพรายกระซิบให้ดีๆ อิอิ
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ปล่อยไปเรียบร้อยแล้วครับท่าน ได้กำไรนิดหน่อย :)
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา Fwd mail

    อ่านสบาย ๆ คลายเครียด.....เรื่อง ผีสามตัว

    ผีสามตัว นั่งคุยกัน อยู่ข้างวัด


    เงียบสงัด วังเวง น่าเกรงขาม


    นั่งปรับทุกข์ ถามสุกดิบ ตอนสามยาม


    ตัวแรกถาม ตัวที่สอง บอกข้าที......


    ว่าทำไม เจ้าใย ถึงตายเล่า


    เรื่องมันเศร้า ข้าโดนยิง ตอนหลบหนี


    แล้วถามกลับ เจ้าทำไม สิ้นชีวี


    ตัวข้านี้ โดนแทง ตอนตีกัน


    ผีทั้งสอง หันไปมอง ตัวที่สาม


    แล้วก็ถาม ว่าทำไม ถึงตัวสั่น


    ทั้งร้องไห้ เหงื่อท่วมหน้า ทำไมกัน


    พวกเรานั้น ฉันเข้าใจ ให้บอกมา....


    ตัวที่สาม อ้ำอึ้ง อยู่สักครู่


    ก็ไม่รู้ ว่าจะพูด ดีไหมหนา


    ตัดสินใจ สุดกล้ำกลืน ฝืนอุรา


    อันตัวข้า....มานั่งขี้....ยังไม่ตาย....
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 88 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 86 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ยินดีครับ

    อย่าลืมติดตามสถานการณ์จากพรายกระซิบให้ดีๆ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...