ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    วันนี้เลขสวยอีกตามเคย

    วันที่ 10/1/10

    ^-^
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    รู้เเล้วว่าทำไมถึงไม่ได้ไปเขากะลาในวันเสาร์ที่ผ่านมาเพราะว่า

    วันนี้ตื่นเช้ามา ที่บ้านไปศาลเจ้าพ่อเสือ เพราะคุณปู่สั่งให้อาๆไปเเก้บนเเละไปเสี่ยงเซียมซีให้คุณปู่

    หลายๆคนคงทราบว่าสันโดษไม่สามารถออกจากบ้านได้เเต่ว่า ครั้งนี้มีโอกาสได้ออกไปข้างนอก ทั้งๆที่ใจจริงไม่อยากไป

    เพราะว่ารู้สึกปวดท้อง อาการเหมือนกับโรคกระเพาะ สุดท้ายก็ต้องออกไปไหว้ เจ้าพ่อเสือ

    ได้ออกไปทั้งๆที่ไม่อยากไป เเละไปทั้งๆที่ไม่สบายเเต่ใจจริงลึกๆก็เเอบดีใจที่ได้ออกไปจากบ้านได้

    นอกจากจะได้ไปไหว้เจ้าพ่อเสือ อาก็ให้เเหวนมา 1 วง เเละสันโดษกับไล้ก็ได้เทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ยมาคนละองค์

    ถึงคนจะเยอะเเต่อาการไม่กำเริบ ก็ดีใจมากจริงๆค่ะ


    <object height="344" width="425">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/VfX-xkbf4gU&hl=en_US&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="344" width="425"></object>


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2010
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    นอกจากนี้ 2 วันที่ผ่านมา สันโดษได้มีโอกาสคุยกับพี่สองคนในเว็บพลังจิต

    พี่สองคนนี้ สันโดษไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อน

    เเต่เมื่อวานมีโอกาสได้คุย เเละรับรู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับตัวเองในอดีตชาติ

    สิ่งที่สันโดษรับทราบก็ คือ ข้อมูลมากมาย ไม่ต่างจาก เมื่อครั้งที่คุณหนุ่ย (เทพบุตรชาวดิน) โทรมาหาสันโดษ

    สันโดษได้รับทราบว่า ข้อบงพร่องของตัวเอง คือ อะไร เเละ วิธีเเก้คือ อะไร ผ่านพี่สองคนนี้

    สันโดษได้รับคำตอบต่างๆ เเละ รู้สึกดีเมื่อคำอธิษฐานของตัวเองได้คำตอบรวดเร็วทันใจ

    สิ่งที่สันโดษทำก็คือ ปล่อยจิตให้ว่างเเละตั้งจิตอธิษฐานขอคำตอบจากสิ่งใดก็ได้

    ทุกครั้งที่สันโดษมีปัญหา สันโดษหมดหนทางเเละวิธีแก้ ถึงจะมีสติเเต่ขาดปัญญาเราก็ไม่สามารถเเก้ปัญหาได้

    เเต่ทุกครั้งที่สันโดษอธิษฐานสันโดษจะได้คำตอบเเละความช่วยเหลือเสมอ

    สันโดษไม่ทราบว่ามีใครที่กำลังทุกข์ใจ เเละคิดมากเหมือนกับสันโดษตอนนี้หรือไม่?

    เเต่สันโดษ เชื่อในคำอธิษฐานไม่ว่าจะของศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือ มนุษย์ต่างดาว

    ถ้าคุณมีจิตอธิษฐานเเละเเน่วเเน่ เเละเชื่อมั่นในคำอธิษฐานของตัวเองคุณ จะได้คำตอบเเห่งทางพ้นทุกข์เเน่นอนค่ะ

     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานซืน สันโดษก็เกิดอาการปวดท้อง เเละ หงุดหงิดมาก

    สันโดษก็ไม่เข้าใจว่าทำไม สันโดษก็คุยกับพ่อ เเละพ่อสันโดษก็ให้คำตอบมาว่า

    จำได้ไหมว่าไปทำอะไรมาครั้งล่าสุด สันโดษตอบว่าไม่ทราบ

    พ่อก็บอกว่า จำได้ไหมว่าไปทำพิธีรับดาวเเทนน้องชาย

    สันโดษก็นึกได้ว่า น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ จึงทำให้เรารับเคราะห์มาเเทนน้องนั้นเอง

    หรือ เมื่อคืนวันศุกร์ ก็ปวดท้องมากจนไปกับเขากะลาไม่ได้ ก็มีคนบอกว่า

    สันโดษน่าจะมีเคราะห์เขาเลยไม่ให้เดินทางออกจากบ้าน

    อย่างเมื่อเช้า สันโดษปวดท้องมากเเต่ก็คิดว่าทำไมเราต้องไปศาลเจ้าพ่อเสือด้วย

    อาก็พูดขึ้นว่า เจ้ากรรมนายเวรเขาจะเอาเราก็เลยต้องไป

    สิ่งเหล่านี้ สันโดษเชื่อเสมอว่า จิตต่างๆล้วนดลใจให้เรารับทราบเเล้วบอกผ่านร่างคนรอบกายสันโดษมาบอกนั้นเอง

    ดังนั้น เมื่อคุณถึงเวลา เเละตั้งจิตอธิษฐานต้องการความช่วยเหลือ เเละหลุดพ้น

    ถ้าคุณจิตว่างเเละปล่อยใจตัวเอง คุณจะเห็นเองว่า ร่างกายไม่ใช่ของคุณจริงๆ

    เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องไปไหน หรือ เจอใคร ทุกอย่างได้ถูกกำหนดมาเเล้วเเน่นอน

    เพียงเเต่คุณต้องปล่อยจิตให้ว่าง อย่าติดสงสัย เเละตามดู ตามรู้ เเละยอมรับตัวคุณเองให้ได้

    เพื่อปลดปล่อยศักยาภาพของตัวคุณเองออกมาในที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2010
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตอนนี้ รู้สึกโชคดีมาก เพราะว่า มีโอกาสได้เจอพี่สองคนนี้

    พี่สองคนนี้ เป็นบุคคลที่พิเศษมากจริงๆ เเละบารมีของพี่สองคนนี้สันโดษรับได้อย่างชัดเจน

    ขอไม่บอกชื่อ เอาเป็นว่า พี่สองคนนี้ เป็นต้นกำเนิดการเตือนภัยพิบัติ

    เเละเเนะนำให้สันโดษไปหาอากง ที่จังหวัดเชียงใหม่

    อากง คือ อาจารย์ของ ซุปเปอร์ริชชี่ ร่างทรงพระนารายณ์ นั้นเอง

    ตอนเเรกสันโดษก็ไม่ทราบว่า อากงคือใคร ทำไมต้องไปหา ในเมื่อเราออกจากบ้านไม่ได้

    พอทราบประวัติจึงเข้าใจว่า ท่านเป็น 1 ในพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ ณ ปัจจุบัน

    เเละคนที่โทรมาหาสันโดษก็สอนอะไรกับสันโดษมากมาย

    เขาบอกกับสันโดษว่า สันโดษกำลังหลง เเละให้นั่งสมาธิเพื่อจะได้ไม่หลง

    สันโดษก็ไม่เข้าใจคำว่า หลงคืออะไร

    หลงของเขาหมายความว่า สันโดษหลงคิดว่า พลังที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ตัวเอง

    เเต่จริงๆเเล้ว สิ่งที่สันโดษเป็นเเละพลังที่มี ไม่ว่าจะปัญญา หรือ พลังจิต ล้วนเกิดจากการสั่งสมในอดีตชาติ

    สันโดษเคยตั้งจิตอธิษฐาน เเละ ปฏิบัติจนถึง ฌานระดับสูง

    เเต่ชาตินี้กลับเเยกออกจากตัวเอง หลงคิดว่า เป็นคนอื่น เป็นร่างทรง หรือ มีคนอื่นมาใช้ร่าง

    จริงๆเเล้วพลังที่มีตอนนี้ มันคือ สิ่งที่คือ ตัวเอง

    ถ้าสันโดษไม่เลิกเเยกออกจากตัวเองก็จะไม่เลิกป่วย

    วิธีเเก้ก็ คือ การนั่งสมาธิเเละรวมจิตในอดีตชาติกับปัจจุบันชาติที่ไม่รู้อะไรให้ได้

    เมื่อทำได้ก็จะสามารถรักษาอาการต่างๆได้นั้นเอง

    ถ้าเกิดเพื่อนๆคนใด รู้สึกว่า ตัวเองมีบางอย่างกำลังออกคำสั่งกับคุณ

    หรือ พูดกับคุณ หรือ สอนคุณ เเล้วคุณคิดว่า เป็นสิ่งอื่น นั้นคือ คำว่าหลงค่ะ

    ถ้าเปิดใจเเละรับฟังเสียงที่ดังอยู่ในหัวได้ สุดท้ายคุณจะรักษาตัวเองได้เองในที่สุด

    ตอนนี้สันโดษกำลังผสานเสียงในหัว เเละ จิตใจให้เป็นหนึ่งให้ได้

    ไม่เเยกเขาเเยกเรา พยายามรวมอดีตกับปัจจุบันให้ได้

    เพื่อให้ธาตุขันธ์อยู่ได้ ถ้าดีขึ้นเเละเป็นปกติจะมารายงานเรื่อยๆนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2010
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    นอกจากนี้ สันโดษได้รับทราบข้อมูลเพิ่มจากพี่สองคนนี้ว่า มนุษย์ต่างดาวจริงๆเเล้วก็คือ เทวดา

    เทวดา ไม่เหมือนกับที่มนุษย์คิด เทวดา ก็คือ มนุษย์ต่างดาว เช่น ดาวลูกไก่ ก็ คือ ดวงดาวที่พระโพธิสัตว์อยู่

    สันโดษเองก็ไม่รู้ว่า จริงเท็จเเค่ไหน เพราะก็ได้เเต่ฟังเเต่ไม่เห็นด้วยตาเหมือนอย่างคนอื่น

    เเต่ถ้าสังเกตุจากพฤติกรรม มนุษย์ต่างดาวมาเพื่อเตือนเรื่องภัยพิบัติ มาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลก

    จริงๆก็ไม่ต่างจาก ร่างทรง องค์เทพ ที่อยู่ตำหนักต่างๆ อยู่เหมือนกัน

    ถ้าบอกว่า มนุษย์ต่างดาว คือ เทวดา หากบอกว่าสันโดษเห็นด้วยก็คงไม่ใช่เรื่องเเปลก

    เพราะ เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ นอกจากจานบิน เเละสื่อสารด้วยโทรจิตเพียงเท่านั้น

    เเต่สันโดษก็ไม่ได้งมงาย เพียงเเค่รับฟังข้อมูลที่ได้ยินเเละนำมาเล่าต่อเพียงเท่านั้นเองค่ะ

    ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อยู่ที่วิจารณญาณของเเต่ละบุคคล

    ไม่ว่าคุณจะเรียก มนุษย์ต่างดาว หรือ เทพ เทวดา ล้วนเเล้วก็ คือ สมมุติของสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

    อย่าตัดสินคนเพียงรูปร่างลักษณะ เเต่สัมผัสด้วยหัวใจ เเล้วคุณจะรู้เอง

    เพราะฉะนั้น มนุษย์ต่างดาว หรือ มนุษย์ธรรมดา ถ้าคุณจิตใจดี เกิดมาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น คุณก็คือ เทวดาดีๆนี้เอง


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2010
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จริงๆก็ได้ข้อมูลมาว่า ภัยพิบัติจะเกิดเร็วมากกว่าเดิม เริ่มจากอากาศที่แปรปรวน

    ดินทรุด ตึกถล่ม เเละอีกมากมาย ที่กำลังจะเกิดเร็วกว่าเดิม

    เพียงเเต่สันโดษก็ได้เเต่ รับฟัง เเละ ก็ปล่อยให้ ธรรมะจัดสรรชะตาชีวิตของตัวเอง

    หากเรามั่นใจว่าเราดีย่อมปลอดภัย หรือเเม้นถึงคราวต้องตายก็มั่นใจว่าได้ไปในภพภูมิที่ดี

    ขอเพียงอย่าประมาทเเละอย่ายึดติดกับสิ่งใด

    ทุกวันนี้สันโดษรับข่าว ข้อมูลเรื่องภัยพิบัติมากเหลือเกิน ทั้งๆที่ไม่ได้วิ่งไปหา

    ไม่ได้เสาะเเสวงหาข่าว วันๆก็ได้เล่นเเต่เกมส์....เเต่ก็มักจะมีคนมาบอกกล่าวเล่าสิ่งต่างๆจนเริ่มชินเเละมั่นใจว่า

    ตัวเราคงจะเกิดมาเพื่อช่วยเหลือเเละเตือนผู้อื่นไม่ให้ประมาทในการทำความดี ทุกวันนี้ถึงไม่มีงานทำอีกเเล้ว

    พี่ที่นั่งทางในดูชะตาของสันโดษ วันนี้เขาก็บอกว่า สันโดษไม่มีอาชีพนะ ตัวเองก็พยายามใจเย็น

    จะรอดูต่อไปว่า หากเราไม่งานทำเเล้วเราจะอยู่ได้ยังไงเหมือนกันค่ะ

    สันโดษไม่กลัวเรื่องภัยพิบัติอีกเเล้ว เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่ของตัวเองมานานมาก

    ทุกวันนี้ก็ได้เเต่ดำรงชีวิตไปวันๆ อยู่ไปวันๆ ทำความดีไปวันๆ เเละ มีสติไปวันๆ

    ตอนนี้ก็ตั้งใจจะเลิกเถียงกับตัวเองเเละเชื่อใจตัวเองให้มากขึ้น

    จะอยู่เเบบวันต่อวัน จะมี จะไม่มี จะทุกข์ จะสุข ก็อยู่ไปวันๆ

    เลิกคิดจะมีอาชีพ เลิกคิดจะสร้างครอบครัว เลิกคิดจะหาเงินมาเก็บสะสมอีกต่อไปเเล้ว

    เพราะรู้สึกว่าการอยู่ไปวันๆเเบบนี้ดี ไม่มีพันธะเเละไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด

    หากเราเป็นคนดีเเละอยู่ในศีลในธรรม นั้นคือ การทำประกันชีวิตด้วยอริยทรัพย์นั้นเองค่ะ

    จะมี จะจน จะดี จะชั่ว ก็อยู่ เเค่วันนี้ หากเกิดอะไรจริงๆ ก่อนตายก็สบาย เกิดง่าย ตายง่าย ใจสบาย

    ถ้าเกิดภัยพิบัติจริงๆ ไม่ต้องกลัวเพราะความดีจะนำพาคุณไปสู่ที่ปลอดภัยเองเเน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2010
  8. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    เออ...
    ว่าจะถามนานแล้ว...
    สันโดษ ไปโดนอะไรมาอะครับทั้งบวมทั้งช้ำจำแทบไม่ได้
    จำได้แค่หมวก...เป็นห่วงครับ
     
  9. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ท่านเคยได้ยินไหม เรื่องที่ว่ามีเด็กผู้หญิงฝันเห็นภัยพิบัติ
    แล้วห็นคนสวดมนต์เป็นหมู่ มีพระอริยะอยู่กลาง มีสงฆ์ศีล ๒๒๗ ล้อม ถัดมาเป็เณรศีลสิล แม่ชีศีล๘ แลธฆราวาสศีล ๕
    ผู้สวดมนต์เป็นหมู่นี้มีโดมพลังงานสีม่วงล้อมรอบจึงปลอดภัย

    ประหลาดใจมากที่ทราบมาว่า ขณะนี้มีการตกลงกันในหมู่ผู้ทรงศีลว่า
    ถ้ามีภัยธรรมชาติใหญ่มาจริงๆ จะมีการล้อมวงสวดมนต์ดังข้างต้นในพื้นที่ต่างๆ
    ส่วนคาถาบทที่จะสวดคือ บทอุปปาตสันติ
     
  10. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    อุปปาตะสันติ ทางเมืองเหนือเรียกว่า มหาสันติงหลวง

    อุปปาตะสันติ แยกเป็น ๒ คำ คือ อุปปาตะ คำ ๑
    และ สันติ คำ ๑ อุปปาตะ แปลว่า เคราะห์กรรม, เหตุร้าย, อันตราย
    และแปลว่าสิ่งกระทบกระเทือน

    อุปปาตะสันติ แปลว่า บทสวดเพื่อสงบเคราะห์กรรม
    สวดเพื่อสงบเหตุร้าย และสวดเพื่อสงบสิ่งที่กระทบกระเทือน

    ประวัติคัมภีร์อุปปาตะสันติ

    คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณกรรมภาษาบาลีของล้านนาไทย
    จัดเข้าในหนังสือประเภท เชียงใหม่คันถะ
    คือ คัมภีร์เชียงใหม่มีอายุประมาณ ๖๐๐ ปีเศษแล้ว
    แต่งโดย พระมหามังคละสีลวังสะ พระเถระนักปราชญ์ของชาวเชียงใหม่รูปหนึ่ง
    ในสมัยของ พระเจ้าสิริธรรมจักกวัตติลกราชาธิราช (พระเจ้าติโลกราช)
    รัชกาลที่ ๑๑ แห่งราชวงศ์มังรายระหว่าง พ.ศ.๑๙๘๕ - ๒๐๓๐

    เป็นคาถาล้วนจำนวน ๒๗๑ คาถา
    คัมภีร์นี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในหมู่ชนชาวล้านนามาแต่โบราณกาล
    ทั้งพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้านพากันสวดและฟังอุปปาตะสันติเพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี

    มีคำเล่าว่า สมัยที่ท่านพระมหามังคละสีลวังสะแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ พระมหาเถระสีละวังสะจึงให้พระสงฆ์สามเณรและประชาชนพากันสวด และฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง

    ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใส นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชน นับถือว่าพระคัมภีร์อุปปาตะสันตินี้มีความศักดิ์สิทธ์มาก พากันนิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง แพร่หลายไปทั่วประเทศพม่าในสมัย ๕๐๐ ปีที่ล่วงแล้ว
    ในงานพิธีสืบชะตา งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่าคัมภีร์อุปปาตะสันติเป็นคัมภีร์ของไทย แต่ต้นฉบับได้จากเมืองไทยไปอยู่เมืองพม่าเสียนาน จนแทบกล่าวได้ว่าคนไทยในสมัยหลังๆ นี้ไม่มีใครรู้จัก
    ไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของคัมภีร์นี้

    แต่บัดนี้เป็นที่โสมนัสยินดียิ่งที่ เจ้าคุณธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตะปัญโญ) ป.ธ.๙
    วัดมหาโพธาราม ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ท่านได้ชำระคัมภีร์นี้เป็นภาษาบาลีอักษรไทยเพื่อความสะดวกแก่ผู้อ่านที่ไม่สันทัดบาลี โดยได้ต้นฉบับภาษาบาลีอักษรพม่าจากท่าน
    พระอาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระ อัครมหาบัณฑิตแห่งวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง นับว่าเป็นการนำคัมภีร์ของล้านนาไทยโบราณ กลับคืนมาสู่เมืองไทยให้ชาวไทยในยุคปัจจุบันได้รู้จัก ได้ศึกษา ได้สวด ได้ฟังให้เกิดประโยชน์ทางสันติ เพื่อความสงบระงับจากภัยพิบัติทั้งปวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวล้านนา ชาวไทย ตลอดจนชาวโลกทั้งมวล

    หลักฐานคัมภีร์ อุปปาตะสันติ ฉบับหนึ่งในล้านนาไทย ซึ่งเขียนไว้ในสมุดข่อย หมึกจีน อาบน้ำชาด ที่เรียกว่าประวัติย่อ ดังนี้...

    ในปีจุลศักราช ๑๒๗๙ ปีดับไก๊ เดือน ๘ เหนือ เพ็ญ วันศุกร์ ปีกุน สัปตศก พ.ศ.๒๔๗๘
    เจ้าภาพเขียนต้นฉบับนี้ คือ นายน้อยปิง มารวิชัย บ้านประตูท่าแพเป็นประธานพร้อมทั้งภริยาลูกและญาติทุกคน ได้จ้างคนเขียนธรรม ๕ ผูก คือมลชัย ๑ ผูก..อินทนิล ๑ ผูก..สังยมาปริตตคลสูตร ๑ มังผูก..นัครฐาน ๑ ผูก...อุปปาตสันติ ๑ ผูก รวม ๕ ผูก พร้อมทั้งสร้างบ่อน้ำถวายพระครูบาศรีวิชัย (ปฏิคาหก) ทานวัดศรีโสดา และถนนขึ้นดอยสุเทพ

    ขอกุศลบุญเยี่ยงนี้ จงเป็นปัจจัยค้ำชูตัวแห่งผู้ข้า ฯ (นายน้อยปิง)ทั้งหลายทุกคนตราบถึงนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ ฯ

    พระคัมภีร์ ?อุปปาตะสันติ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2010
  11. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ท่านผู้ทรงศีลที่รณรงค์การสวดคาถานี้กล่าวว่า
    เหลือเวลาอีกแค่สามปี ถือว่าไม่นาน ต้องรีบทำงาน และท่านกำลังหาคณะทำงาน และต้องการแสวงหาชาวไทยยี่สิบล้านคนที่จะมีชีวิตรอด
    ท่านยังเร่งปฏิบัติอยู่จึงยังขอสงวนนาม

    ท่านได้ให้ ซีดี บทสวดดังกล่าวมา เป็นเสียงสดสวดถวายในหลวงงานฉลองกาญจนาภิเษก
    เลยมีดำริจะตัดซีดีดังกล่าวแจกเพื่อเผยแพร่บทสวดดังกล่าว
    จึงมีโครงการจะจัดซื้อเครื่องก็อปปี้ซีดี ราคาหมื่นเศษๆ ก้อปปี้ได้ครั้งละห้าแผ่นโดยไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการก็อปปี้บทสวดดังกล่าวและซีดีวิทยาทานอื่น (ถ้าใช้ซีดีโน๊ตบุ๊คก็อปปีเครื่องอ่านต้องพังแน่ๆ) และมอบไว้ที่คุณเทพบุตรชาวดิน (ฝ่ายคอมพ์) เพื่อดำเนินการ
    ได้เริ่มบุญแล้วเป็นเงินหนึ่งพันบาท
    ถ้าท่านใดต้องการร่วมบุญกรุณาแจ้งในกระทู้นี้
    โอนเงินได้ที่
    ธ.ไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี ชื่อสุธาทิพ ภมรประวัติ 026 2 95796 2
    อนุโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะ
     
  12. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    วานนี้พบกับแม่ของสมาชิกเขากะลารุ่นหนึ่งท่านหนึ่ง
    ท่านมีสัมผัสที่หกอย่างมากในเรื่องมนุษย์ต่างดาว เคยเห็นตัวใสๆขับยานลำใสๆขนาดลูกฟุตบอลล์
    สัปดาห์ก่อนท่านเห็นลูกไฟใหญ่เท่าพระอาทิตย์ กำหนดจิตถามได้คำตอบว่า ประเทศไทยจะมีภัยใหญ่จากมนุษย์ ในราวเดือนนี้ (มกราคม) หรือเดือนหน้า

    ท่านจึงเตือนลูกหลานให้ตุนข้าวสาร เผื่อออกจากบ้านไม่ได้ เติมน้ำมันรถให้เต็มถังไว้
    ครั้งก่อนที่ท่านเตือนคลังน้ำมันปตท. ที่ชลบุรีระเบิดวันรุ่งขึ้น
    ก็แจ้งเพื่อทราบตามเคย คิดว่าเราเป็นคนในครอบครัวท่านด้วยก็แล้วกัน
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    "บูร์จ ดูไบ" ของนครรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

    เจ้าของความสูง 828 เมตร...รวมแล้วกว่า 160 ชั้น!


    เฉพาะตัวตึกมีมูลค่า 52,500 ล้านบาท ถ้าบวกกับราคาที่ดิน-อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ โดยรอบจะพุ่งไปถึง 700,000 แสนล้านเลยทีเดียว!

    ถือเป็นเอาฤกษ์เอาชัยต้อนรับศักราชใหม่ของดูไบ ภายหลังปีที่ผ่านมาต้องเผชิญมรสุมวิกฤตการเงิน หมดปัญญาชำระหนี้นับแสนล้านบาท

    แต่เคราะห์ดีได้ "นครรัฐอาบูดาบี" ขี่ม้าขาวช่วยปล่อยกู้ จึงรอดพ้นปัญหาล้มละลายหวุดหวิด

    และด้วยเหตุนี้เองว่ากันว่า ทำให้ฝ่ายดูไบตัดสินใจเปลี่ยนชื่อตึกใหม่เป็น "บูร์จ คาลิฟา" เพื่อเทิดพระเกียรติ "ชีก คาลิฟา บิน ซาเอด อัล นาห์ยัน" เจ้าผู้ครองนครอาบูดาบีและประธานาธิบดียูเออีคนปัจจุบัน

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความวิตกกังวลในเชิงวิทยาศาสตร์ ก็คือ

    ต้องติดตามคอยดูอย่างใกล้ชิดว่า ในอนาคต โครงสร้าง-น้ำหนักมหาศาลหลายพันตันของ "บูร์จ ดูไบ"

    จะส่งผลกระทบทาง "ธรณีวิทยา" เหมือนเมื่อครั้งที่อดีตแชมป์เก่าตึกสูงสุดในโลกอย่าง "ไทเป 101" ของเกาะไต้หวัน..

    จนมีส่วนเพิ่มความเสี่ยง กระตุ้นให้เกิด "แผ่นดินไหว" บ่อยขึ้นด้วยหรือไม่!?

    เพราะในทางทฤษฎี แรงกดทับจากสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่เหนือพื้นโลก เช่น เขื่อนและตึกระฟ้า สามารถส่งผ่านลงสู่ใต้ดิน ทำให้โครงสร้าง "เปลือกโลก" เปลี่ยนแปลง-ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ซึ่งหมายถึงปรากฏการณ์แผ่นดินไหวนั่นเอง

    จากกระทู้ประเทศไทยจะมีภัยพิบัติหรือไม่

    วานนี้สนทนากัน
    ท่านบอกว่าบึงบรเพ็ดเคยเป็นก้นอ่าวไทย ตะกอนเลนแม่น้ำสะสมเป็นพันๆ ปีจึงมีกรุงเทพ
    ปัจจุบันมีสิ่งก่อสร้างสูงๆมากมายในกทม.
    แต่ถ้ามีแผ่นดินไหวจะเกิดอะไรขึ้นกับไม้หลักปักเลน (อาคารสูง)

    นึกขึ้นมาได้ ได้สนทนากับท่านเรื่องเขื่อนศรีนครินทร์ (ท่านอายุมากแล้ว เป็นฆราวาสอยู่นาน เพื่อนฝูงใหญ่ๆโตๆก็มาก)
    ท่านบอกว่าเพื่อนท่านเป็นวิศวกรสร้างเขื่อนดังกล่าว
    เล่าให้ฟังว่า ก้นเขื่อนมีรอยแยกของเปลือกโลกจริงลึกมากๆ แต่การไฟฟ้าสั่งให้อัดซีเมนต์ลงไป
    ไมสร้างก็ไม่ได้เพราะไปกู้เงินเขามาเรียบร้อยแล้ว (ได้คอมฯไปหมดแล้ว)
    อัดลงไปตั้งมากมาย

    ท่านทราบมาดังนี้
    ชื่อท่านอยู่ที่วัดที่ทองผาภูมิ
    ท่านต้องหาที่สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริธาตุให้อยู่ถึงพศ. ๕๐๐๐
    จึงไม่กล้าสร้างที่กาญจนบุรีด้วยประการฉะนี้ เอวัง
     
  14. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    <table id="post2823291" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">มะกะโท<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2823291", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2008
    ข้อความ: 341
    Groans: 0
    Groaned at 51 Times in 49 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 6
    ได้รับอนุโมทนา 736 ครั้ง ใน 238 โพส
    พลังการให้คะแนน: 92 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2823291" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->กรุงเทพอาจมีชะตากรรมเหมือนโยนกนคร ที่กลายเป็นทะเลสาปเชียงแสน
    ------------------------------------------------------------------------------------------
    ธรรมปฏิเวธ เรื่อง ธาตุน้ำบนโลกเปลี่ยนแปลงไปเกินกว่าที่ตาเห็น

    มนุษย์ มักเชื่อในสิ่งที่ตามองเห็น แต่กว่าจะเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ก็สายเกินไปเสียแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เราเชื่อว่าโลกร้อนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเป็นน้ำลงทะเล แต่เราไม่คิดต่อเลยว่าน้ำแข็งละลายลงน้ำทะเลอย่างเดียวจริงๆ หรือ มันไม่จริงหรอก ไปได้หลายทาง สิ่งที่ตามองไม่เห็นตอนนี้คือ น้ำแข็งขั้วโลกมีการ “ระเหิด” ด้วย โดยน้ำแข็งขั้วโลกเหนือระเหิดกลายเป็นไอน้ำขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมาก และปริมาณไอน้ำจำนวนมากนี้ ได้แผ่ขยายลงมาทางด้านล่าง โดยพื้นที่ส่วนใกล้ขั้วโลกเหนือจะได้รับอิทธิพลความเย็น ทำให้ไอน้ำเหล่านั้นมีสภาพเป็น “หิมะ” ดังนี้ หิมะปริมาณมากจึงตกที่จีน, อังกฤษ และประเทศในเขตหนาวเหนือเส้นศูนย์สูตร ในขณะเดียวกันไอน้ำปริมาณมหาศาลได้แผ่ขยายลงมาถึงประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร ด้วย ทำให้ปะทะกับมวลอากาศร้อนของพื้นที่แถบเส้นศูนย์สูตร กลายเป็นไอน้ำ ไม่ใช่หิมะ (ในช่วงแรก แต่มันจะไม่ใช่ในช่วงต่อๆ ไป) ไอน้ำปริมาณมาก เมื่อกระทบกับภูเขา ต้นไม้ ทำให้จับตัวกลายเป็นน้ำค้าง หยดน้ำ และทำให้น้ำปริมาณมากตกลงตามภูเขา ทำให้ต้นไม้และป่าที่เสื่อมโทรมฟื้นคืนสภาพได้

    ไม่ เท่านี้ ไอน้ำที่มีปริมาณมาก เมื่อเคลื่อนตัวลงมาเรื่อยๆ มันจะขับดับไล่ให้อาการร้อนจากแถบเส้นศูนย์สูตรลงไปด้านล่าง ทำให้ประเทศออสเตรเลีย ประสบภาวะร้อนและแล้งจัดอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ แต่นี่เป็นระยะเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อมวลอากาศร้อนถูกขับลงมา มันมีความเบากว่าจะลอยขึ้นสูง แต่มวลอากาศเย็นหนักกว่าจะลอยเรียบต่ำใกล้พื้น ดังนั้น มวลอากาศเย็นจะมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู ที่มีคางแหลมๆ ค่อยๆ ยื่นคืบคลานไปที่ขั้วโลกใต้อย่างช้าๆ ส่วนมวลอากาศร้อนก็จะไหลเทลงไปทางขั้วโลกใต้ โดยถูกดันให้ไหลขึ้นบนและพัดไปทางขั้วโลกใต้ ในท้ายที่สุด มวลอากาศร้อนเหล่านี้จะรวมตัวกันเหนือขั้วโลกใต้ปริมาณมาก และทำให้น้ำแข็งขั้วโลกใต้ละลายอย่างฉับพลัน ระดับน้ำทะเลที่ขั้วโลกใต้จะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แบบทีละน้อย ไม่ใช่ตามสูตรที่คำนวณกัน แต่มันจะเพิ่มขึ้นแบบฉับพลัน เพราะมวลอากาศร้อนที่ถูกไล่ลงมารวมตัวกันนั่นเอง และผลสุดท้ายคือ ออสเตรเลียจะถูกน้ำทะเลมหาศาลจู่โจมชนิดไม่ทันตั้งตัว ยิ่งกว่าคลื่นสึนามิ

    น้ำ แข็งขั้วโลกที่กำลังละลายไม่ได้มีภัยเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำแล้ว มันจะเป็นน้ำเย็นก่อน มีมวลหนักกว่าน้ำร้อน มันจึงไหลลงด้านล่างต่ำสุด และพาเอาความเย็นและความดันที่มากขึ้นลงพื้นทะเลเบื้องล่าง ทำให้สัตว์น้ำทะเลที่อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลตายเรียบ เมื่อตายแล้วเพราะอุณหภูมิและความดันเปลี่ยนแปลงฉับพลันนั้น มันก็ค่อยๆ ไหลต่อไป จนถึงฝั่ง ก็พาซากสัตว์ที่ตายนั้นมาเกยฝั่ง ดังนี้ เราจึงได้พบสัตว์ทะเลลึกจำนวนมาก ขึ้นมาเกยฝั่งตายจำนวนมาก เมื่อใดก็ตามที่เราพบซากสัตว์เหล่านั้น ให้ทราบเถิดว่าน้ำทะเลที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งนั้นได้เคลื่อนตัวถึง ฝั่งเช่นกัน นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของน้ำ น้ำทะเลที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งนั้น ไม่มีเกลือผสมอยู่ ทำให้มันมีค่าออสโมซิสที่แตกต่างจากน้ำทะเลทั่วไป อัตราการแพร่เข้าสู่ฝั่งของน้ำทะเลที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งมีมากกว่า เพราะไม่มีเกลือช่วยละลาย การละลายของเกลือเกิดขึ้นไม่ทัน เพราะไม่มีใครช่วยกวนทะเล ให้เกลือละลายพอดีกัน ดังนั้น น้ำทะเลพวกนี้จึงเค็มน้อยลง และสัตว์ทะเลจำนวนมากตายเพราะเหตุที่ความเค็มลดลง เมื่อมันเค็มน้อยลง จึงมีอัตราการแพร่เข้าสู่แผ่นดินได้มากขึ้น ดังนั้น มันได้ส่งผลกระทบต่อใต้พื้นดินต่ออีก นั่นคือ น้ำปริมาณมหาศาลได้แพร่เข้าทางใต้ดิน ในปริมาณและความเร็วที่มากกว่าปกติ และการแพร่ที่รวดเร็วนั้นส่งผลให้เกิดการ “กัด เซาะ” ส่วนโครงสร้างทางธรณีวิทยาเก่าก่อน และทำให้โพรงใต้ดินถูกทำลาย เมื่อโพรงใต้ดินถูกทำลายแล้ว จึงส่งผลให้แผ่นดินด้านบน “ยุบตัว” ดังนั้น ปัญหาแผ่นดิบยุบตัวจึงเกิดขึ้นตามมามากมาย

    ที่ น่ากลัวคือ เมืองที่สร้างด้วยอิฐหินน้ำหนักมากๆ ระยะไม่ไกลจากฝั่งทะเล เช่น กรุงเทพ, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, แม้แต่หลายๆ รัฐของอเมริกา จะถูกน้ำทะเลที่มีความเค็มน้อยกว่าปกตินี้ กัดเซาะโครงสร้างชั้นใต้ดิน และเกิด “ดินยุบตัว” ไม่ใช่บ่อเล็กๆ แต่เป็นทั้งเมือง –จบ-

    link http://www.oknation.net/blog/buddhab.../01/09/entry-4
    </td></tr></tbody></table>
     
  15. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เดี๋ยวนี้แม้แต่รายการทีวีระบบก็จัดให้ดู

    เมื่อกลางปีที่แล้ว พาสามีไปพบแพทย์ ได้ดูแนชันแนลจีโอกราฟฟิค (ที่บ้านไม่มีเคเบิ้ล)
    ได้ดูเรื่องภัยนาร์กิส จึงได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ตายเพราะคลื่นยักษ์และน้ำท่วมจากคลื่นที่เกิดจากพายุ ไม่ใช่ตายเพราะพายุจริงๆ
    ที่ติดตามภาพนิมิตรของกัลยาณมิตรเรื่องคลื่นยักษ์เดือนพค. จากมหาสมุทรอินเดียนั้นมาจริงๆ คนตายสิบเท่าสึนามิ ๒๐๐๔ จริงแต่ไม่ได้มาจากแผ่นดินไหว

    วันนี้ที่บ้านมีเคเบิ้ลแล้ว เพิ่งย้ายจากเคเบิ้ลปรกติเป็นยูบีซีเดิมเมื่อเดือนก่อน
    สามีดูช่องประวัติศาสตร์ กลับมีรายการเรื่องแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดที่น่าจะเกิดทีวนอุทยานเยลโล่สโตน สหรัฐอเมริกา

    เขาว่าเทือกเขางูใกล้เยลโล่สโตนนั้นเป็นร่องรอยการประทุของภูเขาไฟเป็นแถว (แบบงูสวัสดิ์) แต่ละจุดห่างกันหกแสนปี ทะเลสาปในอุทยานคือปล่องที่ปิดแล้วจากการประทุครั้งสุดท้าย ที่เกิดเมื่อราวหกแสนปีเศษที่ผ่านมา

    อึ๋ย หกแสนปีล่วงไปแล้ว ของใหม่จะประทุเมื่อไร
    ปล่องแมกม่าใต้ดินลึก ๔๐๐ กม. มีแมกม่าเหลว เคลื่อนตัวเหมือนงูใต้ดินด้วยความร้อนสูง
    ความร้อนนี้เองที่ให้กำเนิดน้ำพุร้อนและธารน้ำร้อนทั้งหมดในวนอุทยานเยลโล่สโตน

    ก่อนภูเขาไฟระเบิดจะมีแผ่นดินไหวมาก
    เยลโล่สโตนมีแผ่นดินไหววันละ ๑๐-๑๒ ครั้งทุกวัน แต่ไหวแบบแผ่วๆ
    ตั้งแต่มกรา ๐๙ เยลโล่สโตนมีแผ่นดินไหวทุกวันๆละ ๓๖-๔๘ ครั้ง ๓-๔ ริกเตอร์
    แถมผืนดินพองตัวสูงขึ้น ขณะนี้เรือทีจมทะเลสาปถูกยกขึ้นมาพ้นน้ำแล้ว
    นักธรณีวิทยาบอกว่า ก่อนภูเขาไฟจะระเบิดแผ่นดินเหนือปล่องจะยกตัวสูงขึ้น
    เหมือนเราเป่าลูกโป่งแล้วมันพองขึ้นๆนั่นเอง
    นักะรณีเขาวัดจีพีเอสพื้นดิน
    พบว่าขณะนี้มันสูงขึ้นปีละสอง-สามนิ้ว จริงๆ

    เยลโล่สโตนแผ่นดินไหว ๔ ริกเตอร์เขายังกลัวๆ แล้ว ring of fire ของเราไหววันละสี่ห้าหน ห้าริกเตอร์ขึ้นทุกวันนี่หล่ะ

    นึกถึงกว๊านพะเยา ปัจจุบันวัดที่จมไปหลายร้อยปีโผล่ขึ้นมา
    หรือเป็นปล่องภูเขาไฟโบราณ....
    เห้นไหมว่าเรามีแนวตะเข็บน้ำพุร้อน ตั้งแต่ระนองขึ้นไปทางพร้าว ฟังแล้วเหมือนเยลโล่สโตนไหม
    ที่คำทำนายกล่าวว่าภูเขาไฟจะระเบิดที่ทิวเขาตะนาวศรี และอีกที่ๆอีสาณ (จำชื่อไม่ได้)
    ทิวเขาตะนาวศรีก้กั้นไทยกับพม่า จากตะวันตกขึ้นไปถึงทางเหนือ

    คณะมโนมยิทธิเห็เส้นไฟสีอมแดงอมส้มวิ่งใต้ดิน
    ชาวพลังเมื่อปีที่แล้วสัมผัสได้ถึงเส้นไฟใต้พิพภพวิ่งใต้ประเทศไปบุรีรัมย์

    หินที่ภูหินร่องกล้า เพชรบูรณ์ เป็นแมกม่าเย็นตัวจากภูเขาไฟ

    หมดนี่ข้อมูลแจ้งอะไรแก่เรา
    เรานี้เป็นแค่มดปลวกในโลกใบนี้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2010
  16. หลวงจีน

    หลวงจีน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    861
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ขอให้หมั่นทำดีเพื่อเป็นที่คุ้มภัยให้ตัวเอง
     
  17. gungwan

    gungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,188
    ขออนุโมทนากับอาจารย์ไก่ครับ ผมขอช่วยก็อบปี้ CDให้ หนึ่งร้อยแผ่นโดยขอให้อาจารย์ส่งมาให้ผม 1แผ่นเพื่อจะได้ก็อบส่งกลับไปให้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ตกลงใหมครับอาจารย์
     
  18. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ยินดีค่ะคุณกังวาล
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณกังวาลและครอบครัวทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วยค่ะ
    ขอที่อยู่ทางพีเอ็มแล้วจะจัดส่งแผ่นมาสเตอร์ที่มีไปให้ค่ะ

    อย่างไรก็ดียังคงจะรับร่วมกองบุญเครื่องตัดซีดีต่อไป ได้มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
    เพราะนอกจากใช้กับคาถาแล้ว ยังใช้กับซีดีเขากะลาซีดีธรรมะอื่นได้อีก
    งานวิทยาศาสตร์ทางจิตคุณหนุ่ยกับคุณพลูโตตัดซีดีกันจนควันออกเครื่อง
    ก็แผ่นที่ส่งให้คุณสันโดษนั่นแหละค่ะ
    ถ้าจะร่วมบุญสิบบาทก็ร่วมได้ค่ะ

    ทำบุญเพื่อส่วนรวมแล้วหลวงปู่แนะให้อธิษฐานดังนี้
    สวดนะโม สามจบ
    อัปมาโณ พุทธัง อัปมาโณ ธัมมัง อัปมาโณ สังฆัง
    ข้าพเจ้าอธิษฐานขอมรรคผลนิพพานอย่างฉับพลันด้วยเทอญ

    ท่านแนะให้อธิษฐานขอมรรคผลนิพพานก่อน อย่างอื่นจะตามมาเอง
    ท่านเป็นศิษย์วิปัสสนากรรมฐาน (ผู้น้อง) ร่วมอาจารย์เดียวกันกับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรีค่ะ ท่านอาจารย์ของท่านเป็นพระจากพม่าค่ะ จำชื่อไม่ได้
     
  19. namjaii

    namjaii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +276
    ตามมาอ่าน ต่อค่ะ ต่อค่ะ
     
  20. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน

    พี่สุดใจไม่ได้เข้ามาร่วมสนทนาด้วยค่อนข้างนาน เพราะแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ได้เสร็จสิ้นภารกิจของแผนกข้อมูล ฯ ไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 เป็นต้นมา

    และในตอนนี้ เป็นการเริ่มเข้าสู่การทำงานของ
    แผนกพื้นที่ และ แผนกประชาสัมพันธ์ 60 บุคคล

    รวมถึงบุคคลที่ระบบวางไว้เป็น ประชาสัมพันธ์ ของระบบ เริ่มมีการประสานงานกัน และทำงานร่วมกันมากขึ้น

    ซึ่งจะเห็นว่าในระยะนี้ หลังเดือนตุลาคม 2552 เป็นต้นมา มีการประสานงานกันกับกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น

    ดังนั้น พี่สุดใจ และสมาชิกบางส่วนของแผนกข้อมูลฯ จึงต้องไปดำเนินการในภารกิจอื่นที่ได้รับมอบหมายไว้ จึงมีหลายท่านมิได้เข้ามาร่วมสนทนาด้วยอย่างเคย

    แต่หากมีกิจกรรมการประสานงานกับกลุ่มบุคคลต่าง ๆ หรือมีความคืบหน้าในเรื่องของการพบเจอประสบการณ์ต่าง ๆ หรือบันทึกภาพวัตถุแปลก ๆ ได้ ก็จะมีการนำมาถ่ายทอดไว้ในกระทู้นี้ เพื่อให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบเช่นเคย

    ในการเดินทางไปเขากะลาเฉพาะกิจ ในวันที่ 9-10 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา เพื่อนสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปด้วยในวันนั้น อาจติดภารกิจอื่น จึงไม่สามารถนำภาพ และข้อมูลการเดินทางไปเขากะลาในวันนั้น มาเล่าให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบได้

    ซึ่งสมาชิกหลายท่านคงรออ่านข้อมูลในการเดินทางไปในครั้งนี้

    พี่สุดใจ จึงขอทำหน้าที่รายงานข้อมูลในการเดินทางไปในวันนั้น แทนอาจารย์เทพบุตรชาวดิน ที่เป็นผู้บันทึกภาพการเดินทางไว้ ซึ่งในช่วงนี้มีงานเข้ามาอย่างมาก และยังต้องทำหน้าที่ประสานงานกับอีกหลาย ๆ กลุ่มด้วยในช่วงนี้

    มีภาพมาประกอบเล็กน้อยจากกล้องโทรศัพท์มือถือของพี่สุดใจ ซึ่งภาพคมชัดส่วนใหญ่คงต้องรอจากกล้องอาจารย์หนุ่ยอีกครั้งหนึ่งค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...