เชิญมาแชร์ ประสบการณ์ วัตถุมงคล หลวงปู่คำบุ และ ครูบาอาจารย์ สายอีสานค่ะ ค่ะ

เคยไปกราบท่านที่วัดกุดชมภูมาแล้วท่านมีความเมตตามากและไม่ลืมจะเช่าวัตถุมงคลท่านมาด้วยและยังได้ของแถมด้วยคือคำหมากและการจารศีรษะ

 

ภาพแม่นางกวักค่ะ พอดีน้ำได้รับมาปรากฏว่าแขนหักค่ะ

 

คุณน้ำถ่ายรูป สวยจัง ครับ

แสดงว่าแอบไปเรียนมาแล้ว

 

ไม่เป็นไรจ้าน้องน้ำ ถ้าพี่เข้าไปวัดวันไหนแล้วพี่จะ ส่งไปให้ใหม่จ้า ก่อนส่งก็มีความรู้สึกว่าแม่นางกวักอาจจะมีปัญหาเพราะพี่ แพ็ค ของไม่ดีเองค่ะ รอหน่อยนะจ๊ะ แล้วพี่จะส่งไปแทนให้ค่ะ

 

กราบหลวงปู่คำบุครับ เฝ้ารอเหรียญรุ่นสองที่ส่งไปจาร เพื่อนยังไม่ส่งกลับมาเลย

ร้องเพลงรอต่อไปครับ ...

 

เสียดายจังครับ

ใส่กาวไว้ทาสีทับน่าจะไม่มีปัญหานะครับ สำหรับท่านที่ไม่คิดมากสำหรับเรื่องแบบนี้ เพราะผมก็ทำบ่อยๆๆ แบบเสียดาย

 

ไม่เป็นไรจ้าน้องน้ำ ถ้าพี่เข้าไปวัดวันไหนแล้วพี่จะ ส่งไปให้ใหม่จ้า ก่อนส่งก็มีความรู้สึกว่าแม่นางกวักอาจจะมีปัญหาเพราะพี่ แพ็ค ของไม่ดีเองค่ะ รอหน่อยนะจ๊ะ แล้วพี่จะส่งไปแทนให้ค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
__________________

ติดกาวตราช้างเหมือนใหม่เลยค่ะ ไม่เป็นไรค่ะพี่ แค่อยากบอกว่าถ้าลูกค้าสั่งนางกวักเนื้อไม้แบบนี้พี่ต้องเปลี่ยนห่อกระดาษให้แน่นหนาเลยค่ะ กล่องห้ามใส่ใบใหญ่มาค่ะ ไม่งั้นโดนวางทับมือหักแหงเรยค่ะ

 

คุณน้ำถ่ายรูป สวยจัง ครับ

แสดงว่าแอบไปเรียนมาแล้ว<!-- google_ad_section_end -->

ใครบอกเรียนมา ให้ข้างห้องเขาถ่ายให้ตะหาก ถ่ายเองดูไม่ได้เรื่อง เลยฝากเขาถ่ายให้นี่แระค่ะ

 

สวัสดีครับ ตามมาอ่านด้วยคน พอจะลงประวัติย่อๆของท่านได้ไหมครับ

 

ลงประวัติหลวงปู่คำบุค่ะ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู ประวัติหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

รูปหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู​

</TD></TR></TBODY></TABLE>" หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต" เป็นพระสงฆ์ที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง

ชาติภูมิ หลวงปู่คำบุ ถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2465 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสาและนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน หลวงปู่คำบุ ปัจจุบันท่านอายุ 86 ปี มีชื่อ-นามสกุลเดิมว่า คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน

กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

ภายหลังบวช ท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง

อุปนิสัยของสามเณรคำบุ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้จึงมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่รอด นันตโร แห่งวัดทุ่งศรีเมือง ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์รอดจึงได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่รอดจวบจนท่านได้ มรณภาพลง พระอาจารย์รอดก็กลับมาพำนักพักที่วัดบ้านม่วงตามเดิม <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
วัตถุมงคลหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู</TD></TR></TBODY></TABLE>

กล่าวสำหรับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมแก่กล้า พระอาจารย์รอดเป็นคนบ้านเดียวกันกับสามเณรคำบุ (สมัยบวชเณร) จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อน

ด้วยความที่สามเณรคำบุเป็นผู้มีนิสัยสงบเรียบร้อย ใจเย็น มีเหตุมีผล เหตุนี้เองพระอาจารย์รอด จึงได้ถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่สามเณรคำบุตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

จวบจนถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จึงอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2486 ได้รับฉายาว่า "คุตตจิตโต"

มี พระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์

ครั้นบวชเป็นพระแล้ว หลวงปู่คำบุท่านยังคงแวะเวียนไปร่ำเรียนสรรพวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์รอด ที่วัดบ้านม่วงอยู่เป็นประจำ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉานจึงออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความ ชำนาญด้านพระคาถาอาคมหลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน

มีเรื่องน่าสนใจอยู่ตอนหนึ่ง เนื่องจากพระอาจารย์รอดท่านเป็นพระที่ร้อนวิชาชอบลองวิชาอยู่เสมอ เมื่อร่ำเรียนวิชาอาคมแขนงใดได้ก็จะนำมาทดสอบหรือทดลองวิชานั้นอยู่เป็นประจำ

มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้สำเร็จวิชาหุงสีผึ้งมหาเสน่ห์ แล้วทำการทดลองปรากฏว่าบรรดาญาติโยมทั้งหญิงและชายแห่เข้ามาที่วัดเพื่อมาขอ สีผึ้งมหาเสน่ห์จากท่านอย่างมากมาย จนไม่มีเวลาประกอบกิจสงฆ์อันใดได้ ท่านจึงย้ายมาอยู่กับพระภิกษุคำบุ ที่วัดกุดชมภูและได้เขียนตำราเพื่อมอบให้กับพระภิกษุคำบุไว้ศึกษาเล่าเรียน สืบต่อไป

พระภิกษุคำบุได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ได้มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปาเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา

นอกจากการศึกษาวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานแล้ว สรรพวิชาอาคมทุกแขนง หลวงปู่คำบุท่านก็มีความชำนาญและได้หมั่นศึกษาฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์

ปัจจุบัน หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู มีอายุถึง 86 ปี แต่ยังคงให้ความเมตตาศิษยานุศิษย์อย่างสม่ำเสมอ ในทุกวันอังคาร เสาร์ และอาทิตย์ ท่านจะประกอบพิธีลงเหล็กจารอักขระธรรมอักษรลาว ลงบนแผ่นหลังของบรรดาลูกศิษย์ที่เดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ ด้วยความเมตตา

การจารอักขระธรรมลงแผ่นหลังของหลวงปู่คำบุ ถือเป็นกุศโลบายทางธรรมเพื่อบ่งบอกถึง "ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตายหรือความหายนะ" ดังนั้นควรตั้งมั่นไม่ให้อยู่ในความประมาท ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระธรรมได้ครบถึง 7 ครั้ง ว่ากันว่าอักขระธรรมจะฝังลึกถึงกระดูกและถ้าประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งของครู บาอาจารย์อย่างเคร่งครัดแล้ว จะอยู่ยงคงทน ต่อศาสตราวุธทั้งปวง

สำหรับ วัตถุมงคลของหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู ที่สร้างขึ้นมานั้นมีมากมายหลายรุ่น ส่วนใหญ่มักได้รับความนิยมจากนักสะสม โดยรุ่นล่าสุด "เมตตา โภคทรัพย์ กลับดวง" ปัจจัยสมทบทุนหล่อเนื้อนาบุญหลวงปู่คำบุ ร่วมสร้างวิหารธรรมเจดีย์ศรีชมภู

ฤกษ์มงคลผสมสูตรหล่อเม็ดนวโลหะ เมื่อวันอังคารขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 วันที่ 30 กันยายน 2551 เททองเบ้าทุบ ตั้งแต่วันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ที่ 9 พ.ย.2551 เวลา 11.59 น. อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวครั้งที่ 1 เมื่อวันพุธขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 วันที่ 12 พ.ย.2551 เวลา 19.19 น. " หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต"อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ครั้งที่ 2 วันอาทิตย์แรม 11 ค่ำ เดือน 12 วันที่ 23 พ.ย.2551 เวลา 19.19 น.

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6
อนุชา ทรงศิริ
หน้า 31 ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด
-------------</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอบคุณครับ

 

ดูรูป จ้า

หล่อเบ้าดินโบราณ ค่ะ องค์นี้ ชุดกรรมการค่ะ มีหมายกำกับ พร้อมกล่องกำมะหยี่

 

เดี๋ยววันนั้นก็จะมาถึงค่ะ... น้องสวัสดิ์ชัย

 

ไม่ต้องพูดถึงค่ะน้องโอ๊ะ... น้องข้างวัดเขาสายตรงหลวงปู่คำบุอยู่แล้วค่ะ

 

น่าอิจฉาลินจัง... มีโอกาสได้ไปกราบหลวงปู่บ่อยๆ ปลื้มใจแทนนะลิน
สงสัยลินมีของหลวงปู่ครบทุกอย่างแน่เลย อิจฉารอบ 2 ^__^

 

ขอเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ค้างไว้นะครับ
วันนั้นผมได้พารุ่นน้องที่ทำงานไปกราบหลวงปู่และไปจารหลัง(ที่พาไปเพราะพวกผมเป็นทหารอากาศครับ
ต้องขึ้นเครื่องบ่อย)พอดีตอนนั้นหลวงปู่ไม่อยู่ก็เลยนั่งรอหลวงปู่กันครับไปกันทั้งหมด 4 คนครับก็ระหว่างรอก็มีลูกศิษย์หลวงปู่ที่อยู่ที่วัดได้พูดกันเรื่องปลอกกระสุนปืนที่ใช้แล้วว่า
จะเอามาให้หลวงปู่ปลุกเสก ก็พอดีระหว่างที่ผมกำลังคุยกันเรื่องนี้อยู่ก็มีผู้ชายคนนึงจอดรถมากับครอบครัวแต่เดินมาทางพวกผมคนเดียว
พอเดินมาพี่ที่เป็นลูกศิษย์วัดแกรู้จัก(รู้ว่าแกเป็นตำรวจ)พอดีเราคุยเรื่องปลอกกระสุุนพอดี พี่ที่อยูวัดแกก็ถามว่า "ไหนล่ะปลอกกระสุน" พี่ที่เดินมาแกก็งงครับแล้วเดินกลับไปที่รถ
ตอนนั้นพวกน้องผมก็คุยกันต่อ ผมก็หันไปเห็นพี่คนนั้นแกกำลังเอากระสุนปืนที่อยู่ในกระบอกปืนออกมา แกเดินเอามาให้ผมดู 2 ลูกครับผมดูเสร็จผมก็บอกว่า "จะเอาไปให้หลวงปู่ปลุกเสกโดยที่ลูกปืนยัง
ไม่ได้ใช้เนี่ยนะพี่ "(ผมดูไม่ออกว่ากระสุนปืนโดนสับไกแล้ว) แกก็ไม่พูดอะไร
ผมก็เลยส่งลูกปืนให้รุ่นน้องดูพอดูเสร็จน้องผมมันก็พูดว่า "พี่กระสุนนี้มันยิงแล้วนี่ครับพี่"
พี่คนนั้นแกก็ไม่พูดอะไรเหมือนแกไม่อยากจะพูด พวกผมก็คาดคั้นถามแกไปเรื่อยๆจนแก
ก็เล่าเรื่องกระสุนนั้นให้ฟัง......(มีต่อครับ)

 

จิบน้ำชารอชมต่อครับ อิอิ

 

แอบมาอิจฉาพี่ลินด้วยคนครับ ฮี่ๆ;aa56

 

(ต่อครับ)พี่คนนั้นแกเล่าเช้าวันนั้นแกมาให้หลวงปู่จารหลังให้เป็นครั้งที่ 7พอดีครับ(วันนั้นเป็นวันอังคาร)พอตอนเที่ยงๆหลังจากที่แกกลับจากวัดแกก็ขับรถแล้วเอาลูกกับหลานแกนั่งในรถด้วย
ระหว่างที่แกขับรถอยู่ แกบอกว่าแกได้ยินเสียง แชะ แชะถึง 2ครั้งแกหันหลังมองระหว่างที่หันมาด้วยความตกใจจึงเอามือปัดปืนออก ยังแชะอีกจากนนั้นแกก็แย่งปืนในมือหลานแล้วจอดรถ แกบอกว่าแกตีหลานแกเกือบตาย
ที่หลานเอาปืนมายิงแกได้เพราะแกเอาปืนคาดไว้กับเบาะคนขับครับ แล้วหลานแกซึ่งนั่งหลังแกก็ไม่รู้ว่าปืน ซึ่งแกบอกว่าปกติแกจะไม่ใส่กระสุนแต่วันนั้นลืม
แกบอกว่าที่ปืนไม่ออกเป็นเพราะแกจารหลังกับหลวงปู่ครบ7อังคารพอดีและแกก็แนะนำพวกผมให้จารให้ครบ7ครั้งถ้าจะให้ดีควรจะเป็น
วันอังคารครับ ซึ่งหลังจากที่พี่เขาเล่าให้ฟังแล้วผมจึงมีความตั้งใจว่าจะต้องจารให้ครบ 7 ครั้งให้ได้ครับ ซึ่งตอนนี้ผมครบแล้ว อ้้อเกือบลืมครับที่พี่คนนั้นเขามากลับมาที่วัดอีกแล้วมาเจอพวกผม พี่เขาจะมากราบหลวงปู่อีกครั้งครับ
เรื่องนี้ผมได้ฟังจากปากคนที่ประสบเหตุการณ์จริงครับ แต่วันนั้นไม่ได้ถามชื่อแกไว้ครับ
รู้แต่ว่าแกเป็นตำรวจครับ เรื่องนี้ที่ผมมาเผยแพร่เจ้าตัวยังไม่รู้ครับยังไงถ้าพี่อ่านเจอผมก็ขออนุญาตนะครับพี่
ยังไงเราก็ช่วยกันบอกเล่าประสบการณ์เี่กี่ยวกับหลวงปู่กันครับ เพราะที่นี่ก็มีแต่ลูกศิษย์หลวงปู่กันทั้งนั้น ยังไงต้องขอขอบคุณเจ้าของกระทู้อีกครั้งครับ
ที่เป็นคนเปิดกระทู้นี้ขึ้นมาครับ ขอบคุณครับ

 

งั้นพี่หนูไปเมืองไทยเมื่อไหร่... เรา 2 คนไปบุกกรุบ้านพี่ลินด้วยกันเนอะ... ไปป่ะ