พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ตัวอย่างจากเว็บอื่น

ประวัติและข้อมูล
ชื่อ - นามสกุล
ชื่อเล่น
อายุ
เพศ

ข้อมูลที่อยู่

วันเกิด

<!-- WARN --><!-- / WARN --><!-- / Personal Info --><!-- Interests -->
ความสนใจ
...........

คำขวัญประจำใจ
................

 

หรือ เพิ่ม เรตติ้ง ของแต่ละบุคคล

โดยการลงคะแนนของสมาชิก และ การให้คะแนนการเข้าร่วมกิจกรรมของชมรม

.

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 29 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 25 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+, poh, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีครับทุกท่าน

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

อย่างง่ายๆ ครับ ให้กรอกตามนี้ หรือว่าอาจเพิ่มเติมอย่างอื่นด้วย และที่สำคัญให้แนบรูปทุกท่านด้วยครับ

<TABLE style="WIDTH: 795pt; BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1060><COLGROUP><COL style="WIDTH: 29pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 1426" width=39><COL style="WIDTH: 104pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 5083" width=139><COL style="WIDTH: 41pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 1974" width=54><COL style="WIDTH: 172pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 8374" width=229><COL style="WIDTH: 75pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 3657" width=100><COL style="WIDTH: 94pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 4571" width=125><COL style="WIDTH: 152pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 7424" width=203><COL style="WIDTH: 128pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 6253" width=171><TBODY><TR style="HEIGHT: 24pt; mso-height-source: userset" height=32><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext 1pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 29pt; HEIGHT: 24pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl70 height=32 width=39>No</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 104pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl71 width=139>ชื่อ-สกุล</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 41pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl72 width=54>ชื่อเล่น</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 172pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: #ece9d8" class=xl73 width=229>สถานที่ทำงาน</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext 0.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 75pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl74 width=100>วันเกิด</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 94pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl75 width=125>เบอร์โทร</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 152pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid" class=xl76 width=203>E-mail</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext 0.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 128pt; BORDER-TOP: windowtext 1pt solid; BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid" class=xl76 width=171>รูปถ่าย</TD></TR><TR style="HEIGHT: 24pt; mso-height-source: userset" height=32><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext 1pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 29pt; HEIGHT: 24pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl78 height=32 width=39>1</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 104pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl79 width=139></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 41pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl80 width=54></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 172pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8" class=xl81 width=229></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext 0.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl82 width=100></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 94pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl83 width=125></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 152pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid" class=xl84 width=203></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ece9d8 0.5pt; BORDER-LEFT: windowtext 0.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 128pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid" class=xl84 width=171></TD></TR><TR style="HEIGHT: 24pt; mso-height-source: userset" height=32><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext 1pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 29pt; HEIGHT: 24pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl86 height=32 width=39>2</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 104pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl87 width=139></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 41pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl88 width=54></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 172pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: #ece9d8" class=xl89 width=229></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext 0.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl93 width=100></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 94pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 0.5pt solid" class=xl94 width=125></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 152pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid" class=xl90 width=203></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: windowtext 1pt solid; BORDER-LEFT: windowtext 0.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent; WIDTH: 128pt; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-RIGHT: windowtext 1pt solid" class=xl90 width=171></TD></TR></TBODY></TABLE>

ท่านอื่นเห็นว่างัยบ้างครับ

 

เวลาที่ส่งข้อมูลให้ผม ก็ให้ส่งทาง Email ครับ

.

 

สำหรับข้อมูลในพลังจิตนั้นอาจจะแสดง เพิ่มเติมให้สาธารณชนทราบหรือไม่ก็ได้ครับ

แต่ที่อยากให้มีคือ ทำเนียบสมาชิกชมรมฯ (ชื่อจริง ชื่อเล่น ชื่อใน พลังจิต รูป อาชีพ เบอร์ติดต่อ) เป็นเอกสาร .PDF แจกจ่ายเฉพาะในกลุ่ม เพื่อที่สมาชิกภายในจะได้รู้จักกัน ใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่ ถ้าพอรู้ปูมหลังของแต่ละคน ก็ทำให้เรามีอะไรสื่อสารแลกเปลี่ยนกันมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่ทำ เวลาไปประชุม พวกเราก็จะไปนั่งเกาะกลุ่มใครมันที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ผมเห็นใจคนอื่นที่มาใหม่ (เช่นผม รู้สึกเขินๆตอนไปร่วมประชุมครั้งแรก เพราะรู้จักท่านเลขาฯคนเดียว ต้องวิ่งวุ่นถามคนนั้นคนนี้ว่าชื่อไรใน web นอก web ในบางครั้งก็ลืมชื่อ จำได้แต่หน้า ต้องมาถามกันใหม่เพราะไม่ค่อยได้คุยกัน ผมจะเกรงใจมากๆเวลาต้องถามชื่อคนเป็นครั้งที่สอง เพราะจะดูเหมือนเราไม่ได้ให้ความสนใจจำชื่อเขาหน่ะครับ)

ทั้งนี้คงต้องทำสัญญาใจร่วมกันว่าหากคนในกลุ่มรู้จักกันและกันมากขึ้นแล้ว ก็ควรรักษามารยาทโดยจะไม่แพร่งพรายให้บุคคลภายนอกรู้ เนื่องจากบางท่านเป็นคนสำคัญเบอร์ 1-2-3-4-5 ในชมรม หรือในบางท่านอยู่ในตำแหน่งงานที่เป็นความลับ ท่านเหล่านั้นอาจจะอยากรักษาความเป็นส่วนตัวบ้าง ก็อาจเป็นไปได้ครับ

ในส่วนตัวผม ผมไม่มีความลับต้องปกปิดตัวเองนะครับ ยินดีต้อนรับกัลญาณมิตรทุกสำนักครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 37 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 32 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, Phocharoen, sithiphong+, chantasakuldecha, แหน่ง </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีครับทุกท่าน พี่ Phocharoen ผมยังจำที่พี่ช่วยผมเลือกปัญจสิริองค์งามไม่ลืมนะครับ

 

เห็นด้วยครับ อย่างน้อยสมาชิกรุ่นน้อยที่มาทีหลังจะได้ทำความรู้จักกับรุ่นพี่ได้อย่างรวดเร็ว

 

หวาดดี แอบยืมคอมท่านโด มาใช้ครับ หุ หุ

 

ผมเอง บางครั้งก็จำชื่อไม่ได้ ในกรณีที่พบกับจำนวนคนเยอะๆครับ

กลุ่มลูกศิษย์ของพระอาจารย์รูปหนึ่ง ผมเองจำหน้าได้ แต่จำชื่อไม่ได้ก็เยอะไปครับ

แถมไม่กล้าถามชื่อเป็นครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า ด้วยสิ

.

 

พี่หนุ่มครับ ผมใส่ ลายเซ็นไปแล้ว แต่ทำไมมันยังไม่ขึ้นเลยครับ

 

ผมเห็นด้วยครับ ฮิฮิฮิฮิฮิ แต่อย่างที่บอกผมแค่ตัวเล็กๆคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงเท่าไหร่ครับ ตำแหน่งก็เล็กครับ ไม่ปิดบังละครับ แล้วแต่พี่ๆน้องๆครับ
ฮิฮิฮิฮิ แต่บอกไว้นิดนะครับ เมื่อก่อนผมหล่อกว่าคุณสมบัติเยอะนะครับ
เดี๋ยวเวลาลงรูปคุณสมบัติต้องสัญญาก่อนนะครับว่าไม่โกรธผมนะครับ
ฮิฮิฮิฮิฮิอิอิอิอิหุหุหุหุหึหึหึหึหึหือหือหือหือ

 

โอ้ว..น้องไม่กล้าโกรธท่านพี่หรอกคร๊าบ ว่าแต่เบอร์ 3 ของ office นี่กระผมว่าไม่ใช่เล็กๆนะพี่ แม้ตัวเล็กแต่ใจพี่งามน่าดูชม ... หุหุ

 

เห็นด้วยกะพี่ๆ ครับ

 

วันละเล็กละน้อยนะครับ เกี่ยวกับพระสมเด็จวังหน้า ที่หลายต่อหลายท่านไม่รับรอง หรือไม่กล้ารับรอง แต่ลึกๆพระท่านก็ไม่ได้อยากให้ใครมารับรองท่าน วันนี้ผู้เชื่อก็มี ผู้ศรัทธาก็มาก ผู้ศึกษาใหม่ก็มากขึ้นทุกวัน เสี้ยนบางท่านก็แอบไปเก็บกัน แต่ก็กลัวคนจะรู้ว่าเก็บพระแปลกกว่าที่เคยเป็นมา ผมเลยนำหลักฐานมาให้ดูชิ้นหนึ่งที่เก็บไว้ราว ๔ ปีแล้ว เป็นหนังสือที่คุณอุบาสกรวบรวมเรียบเรียงไว้ ในนั้นได้ยกบทความในหนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์ของอาจารย์ปู่ประถมเอาไว้ด้วย คณะที่ปรึกษาในการทำหนังสือเล่มนี้ก็ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับชั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และอาจารย์ ซึ่งคำนิยมที่เขียนโดยเจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร ศาสตราจารย์ ดร. น.พ.เทพนม เมืองแมน และอดีตตำรวจหลวงรักษาพระองค์ผู้อาวุโส อีกทั้งได้ร่วมกับหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และมูลนิธิ-แสง-ใช้กี เหตระกูลฯ ได้ทูลเกล้าถวายพระสมเด็จปัญจสิริแด่องค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จำนวน ๙ องค์

คำถามคือ...
คนเหล่านี้ จะกล้าเพ็ดทูลหรือ?

ศาสตราจารย์ ดร. น.พ.เทพนม เมืองแมน เป็นใคร และมีความสามารถพิเศษด้านไหน ออกชื่อท่านขนาดนี้ ยังจะพลาดได้หรือ?

ลูกศิษย์ลูกหาที่ได้เคยพบ ได้พูดคุยกับอาจารย์ปู่ประถมมาก่อน มีหรือจะไม่ทราบว่าท่านเป็นอย่างไร มีหรือว่าจะไม่ทราบว่าท่านเก่งขนาดไหน? อีกทั้งการชี้แนะให้ความรู้ รวมทั้งลีลาการเขียนของท่านต่างจากบุคคลอื่นมากมาย

สิ่งเหล่านี้คงต้องนำมาประมวลเข้าด้วยกันเพื่อประกอบการพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือ อาจจะไม่ตรงประเด็นเสียทีเดียว หากตรวจเองทางรูป และทางนามก็ไม่ได้

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 59 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 55 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+, มูริญโญ่ </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีครับคุณ psombat และคุณมูริญโญ่

มีสมาชิกนิรนามเข้ามาดูด้วยครับ

 

ต้องบอกว่า ในแต่ละมุมมองของแต่ละกลุ่ม คือ

กลุ่มที่ซื้อขายพระเครื่อง ก็ต้องกำหนดแบบที่เป็นมาตรฐานสำหรับการซื้อขาย และต้องกำหนดให้มีน้อยๆ เพื่อที่จะได้ทำราคาขายได้สูงๆ มีนวนิยายประกอบการขาย ไม่อย่างนั้น จะไม่มีคนไปซื้อ , ต้องสร้างเครดิตให้กับตัวเองเพื่อที่คนอื่นๆจะได้เชื่อถือ และต้องรวมกันเป็นกลุ่ม พอรวมกันเป็นกลุ่มแล้วไปเจอกับกลุ่มอื่นๆ ก็ต้องรีบตีว่า พระของกลุ่มอื่นเก๊ กลุ่มตัวเองแท้อยู่กลุ่มเดียว

ส่วนกลุ่มที่ศึกษาพระนอกวงการซื้อขาย กลุ่มนี้ก็ยังแบ่งเป็นหลายๆประเภท เช่น กลุ่มที่ต้องการศึกษาโดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้าขาย หรือ กลุ่มที่ต้องการค้าขาย หรืออาจเป็นทั้งศึกษาและต้องการค้าขาย

การศึกษา ต้องเรียนรู้กับท่านผู้รู้จริง ซึ่งต้องแล้วแต่ วาสนา และ บารมี ของแต่ละผู้ที่ต้องการศึกษา

ส่วนพระวังหน้า ประโยคทองอีกประโยคก็คือ "พระกลุ่มนี้เลือกผู้ที่จะไปอยู่ด้วย" นอกเหนือจากประโยคทองที่ว่า "แล้วแต่วาสนาและบารมี" และ "ของจริงต้องพิสูจน์ได้"

.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เมื่อคนในบ้านป่วยเป็น 'โรคจิตเภท'
Life & Family - Manager Online
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 พฤศจิกายน 2552 08:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคสมัยนี้ เป็นยุคของการแข่งขันที่รายล้อมไปด้วยความกดดัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้คนในครอบครัว มีอาการเครียดได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งลูก

โดยเฉพาะผู้ที่มีพื้นฐานทางจิตที่ไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิม อาจลุกลามให้เกิดภาวะจิตแตก หลุดจากความเป็นจริงได้ง่าย นั่นเพราะถูกปัญหาถาถมประดังเข้ามา จนทำให้เกิดการดับของประสาทการรับรู้ในที่สุด เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับปัญหาที่ไม่สามารถรับมือกับมันได้ไหว

อย่างไรก็ดี เมื่อคนในบ้านเกิดอาการจิตแตก หรือหลุดจากความเป็นจริง เช่น ประสาทหลอน หลงผิด คิดว่าตัวเองเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือคิดไปเองว่า มีคนซุบซิบนินทา หรือคิดไม่ดีไม่ร้ายกับตัวเอง ทั้งๆ ที่เรื่องยังไม่เกิด และถ้าอาการเหล่านี้ สะสมเรื้อรังมานานกว่า 6 เดือน จิตแพทย์ถือว่า สมาชิกในบ้านคนนั้น กำลังถูกโรคจิตเภทคุกคามเข้าแล้ว ต้องรีบพาไปพบจิตแพทย์เพื่อดำเนินการรักษาให้เร็วที่สุด

สำหรับกลุ่มอาการของโรคจิตเภท "นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย" กรรมการผู้จัดการ และจิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ ให้ความรู้กับทีมงาน Life and Family ว่า กลุ่มอาการของโรคจิต มีหลายชนิด และหลายสาเหตุ แต่โรคจิตเภท เกิดจากคำว่า จิต+เภท เท่ากับ จิตแตก ซึ่งเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด มีความผิดปกติของสมองในด้านการรับรู้ (ขาเข้า) ตีความหมาย (ประมวลผล) และการแสดงออก (ขาออก) ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในต่างๆ เช่น หน้าที่การงาน การเรียน หรือความรับผิดชอบในครอบครัว เป็นต้น

ในด้านของปัจจัยเสี่ยง คุณหมอบอกว่า สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน คือ ต้นทุนทางสมองจากพ่อแม่ การเลี้ยงดู และสังคมที่แวดล้อมตัวเด็ก หรือผู้ป่วย ซึ่งปัจจัยที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวเนื่องกับวิธีการรักษาด้วย เช่น ถ้าปัจจัยที่เกิดขึ้น เกิดจากต้นทุนทางสมองของพ่อแม่ วิธีการรักษาของจิตแพทยฺ์ อาจจะต้องเน้นไปที่ตัวยาเป็นหลัก มากกว่าการรักษาในแนวทางอื่นๆ เป็นต้น

และเมื่อพูดถึงอาการ คุณหมอได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ อาการทางบวก และอาการทางลบ สำหรับอาการทางบวก คุณหมอบอกว่า ผู้ป่วยจะมีการรับรู้ของประสาทสัมผัสคลาดเคลื่อน เช่น ประสาทหลอน วิธีคิดคลาดเคลื่อน เช่น หลงผิด หรือหวาดระแวง คิดไปเองว่ามีคนจะมาทำร้าย หรือซุบซิบนินทา ซึ่งถ้าเป็นมากขึ้น จะทำให้เกิดความเสื่อมในการดำเนินชีวิตได้ ไม่ว่าจะ การดูแลตัวเอง ความรับผิด และหน้าที่การงาน นำไปสู่อาการทางลบที่จะพบได้ทั่วไป คือ มีอาการพูดคนเดียวอยู่บ่อยๆ และไม่ค่อยอยากทำงาน หรือขาดความรับผิดชอบ

นอกจากนี้ คุณหมอได้อธิบายต่อว่า กลุ่มอาการของโรคจิตเภท ส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดปกติของเซลล์สมอง ทั้งขณะอยู่ในครรภ์ และตอนคลอด ขณะเดียวกัน อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ด้วย เช่น ถ้ามีประวัติในครอบครัวเป็นโรคจิตเภท จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่อยู่ในครอบครัวที่ไม่มีประวัติการป่วย ส่วนใหญ่สถิติผู้ป่วยที่พบในประเทศไทย พบผู้ป่วยเป็นโรคจิตเภทประมาณ 3-6 แสนคน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> โดยมาก อาการมักจะถี่ และเกิดขึ้นในช่วงของวัยรุ่นตอนปลายขึ้นไป ผู้ชายจะเกิดขึ้นเร็วกว่าผู้หญิง เนื่องจากช่วงวัยรุ่น จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้านพร้อมกัน ไม่ว่าจะร่างกาย หรือการดำเนินชีวิต ทั้งการเรียน และการเล่น ซึ่งบางรายเรียนหนังสือเก่ง แต่พอถึงช่วงเวลาหนึ่งอาจเริ่มแยกตัว ขาดความรับผิดชอบ หรือไม่สนใจการเรียนเลยก็มี ซึ่งพ่อแม่ต้องสังเกต และให้การดูแลอย่างใกล้ชิดกับลูกเป็นการดีที่สุด ไม่ควรปล่อยให้ความผิดปกติลุกลามจนไม่สามารถแก้ไขได้

ดูแลอย่างไร? เมื่อคนในบ้านเป็น 'โรคจิตเภท'

สำหรับในกรณีการดูแลผู้ป่วย คุณหมอจะพูดถึงการดูแลหลังการรักษาจากจิตแพทย์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณหมอบอกว่า ‘ครอบครัว’ ถือเป็นตัวยาสำคัญ พร้อมกันนี้คุณหมอได้ฝากหลักการดูแลผู้ป่วย สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และญาติพี่น้อง ดังนี้

1. พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องควรดูแลการกินยาของลูกหลานที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท เพื่อให้กินยาตรงเวลา และสม่ำเสมอ

2. กระตุ้นเรื่องหน้าที่ และความรับผิดชอบของตัวเด็กที่ป่วย เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่ทั้งนี้ ต้องอย่าคาดหวัง หรือใช้อารมณ์ในการกระตุ้น เช่น "ทำไมขี้เกียจแบบนี้ งานการไม่ยอมทำ" แต่ควรใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไป บวกกับมีความอดทน เพื่อให้ร่างกาย และจิตใจผู้ป่วย ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนสภาพเดิมได้อย่างปกติสุข

3. พาไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อประเมินพฤติกรรม พร้อมกับรับฟังคำแนะนำในการดูแลจากจิตแพทย์

4. ถ้ามีโอกาส ควรพาผู้ป่วยออกไปเที่ยว หรือสัมผัสกับธรรมชาติบ้าง เพื่อให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลาย และเกิดความสบายใจขึ้น

จิตแพทย์แนะปิดทางเสี่ยง ก่อนลูก 'มีอาการทางจิต'

1. สำหรับลูกเล็ก คุณพ่อคุณแม่ ควรให้เวลาคุณภาพกับลูก ด้วยการทำกิจกรรม และทำให้ลูกรู้สึกว่า ตัวเขาเองมีคุณค่า เช่น ชมเชยด้วยคำพูด หรือสิ่งของ เมื่อลูกทำในสิ่งที่ดีงาม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดกำลังใจในการทำสิ่งที่ดีต่อไป

ขณะที่ลูกโต และเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เด็กในช่วงวัยนี้ จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนหลายด้าน พร้อมกับต้องรับความกดดันด้านต่างๆ ไม่ว่าจะการเรียน และการสอบ จึงเป็นวัยที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ และใช้เหตุผลในการพูดคุย

2. พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูก พร้อมกับสร้างความไว้ใจ และความศรัทธาของพ่อแม่ให้เกิดขึ้นในตัวลูก ด้วยการเปิดใจกว้าง และมีใจเป็นกลาง เพราะเวลาลูกเจอปัญหา เขาจะเข้ามาปรึกษาพ่อแม่ แทนที่จะเข้าไปปรึกษาคนอื่น

3. การจะเลี้ยงลูกให้ดีทั้งร่างกาย และจิตใจนั้น นอกจากความหวังดีแล้ว พ่อแม่ต้องมีความรู้ในการเลี้ยงลูกด้วย เช่น ใช้คำพูดอย่างไรให้ลูกรู้สึกดี หรือลูกมีจุดเด่น จุดด้อยตรงไหนบ้างต้องใส่ใจ หรือควรระวัง

"ดังนั้น การเลี้ยงลูก เปรียบได้กับคนรักต้นไม้ ถ้ามีแต่รัก แต่ไม่มีความรู้ ต้นไม้อาจตายได้ นั่นเพราะ ไม่รู้แม้กระทั่งว่า ต้นไหนคือต้นไม้ในร่ม หรือต้นไหนเป็นต้นไม้แดด ดังนั้นเมื่อไม่มีความรู้ ทำให้มีการเลี้ยงดูที่ผิดวิธี ส่งผลให้ต้นไม้เฉาตายได้ในที่สุด"

4. ประการสุดท้าย ควรสังเกตพฤติกรรมลูกอยู่ตลอดเวลา เพราะอาการทางจิต เป็นบาดแผลที่มองไม่เห็น ถ้าพบความผิดปกติ เช่น ลูกซึมเศร้า หรือไม่สนใจคนรอบข้างเหมือนเมื่อก่อน ขั้นแรกต้องคุยกับลูก แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น ให้รีบพาไปพบจิตแพทย์ เพื่อดูอาการ และทำการรักษาต่อไป เร็วเท่าไร การรักษาจะมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสหายเป็นปกติได้เร็วเท่านั้น
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สมาคมดาราศาสตร์ไทย แจงข้อสงสัยมหันตภัย 2012

2012 Ǒ?ʔ鹢š ʁҤ?҃҈Ҋ?ì䷂ ᨧ?鍊?ʑ ?ѹ?? 2012

2012 วันสิ้นโลก 2012

2012 วันสิ้นโลก 2012

2012 วันสิ้นโลก 2012​

สมาคมดาราศาสตร์ไทย แจงข้อสงสัยมหันตภัย 2012 (ข่าวสด)​

จากเนื้อหาในอีเมล์โลกแตก 2012 ที่แพร่สะพัด ทำให้สมาคมดารา ศาสตร์ โดย นายวิมุติ วสะหลาย ได้เขียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ​

(1) ปฏิทินมายาทำนายว่า ปี ค.ศ. 2012 เป็นวาระสุดท้ายของโลกจริงหรือ?​

ปฏิทินมายามีหลายแบบ แบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปี ค.ศ. 2012 คือแบบที่เรียกกันว่า ปฏิทินรอบยาว (long count) ระบุวันด้วยชุดของตัวเลข ตัวเลขชุดนี้แทนวันที่ได้ยาวนาน 5,126 ปี เทียบกับวันที่ตามระบบปฏิทินสากลตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 3,114 ปีก่อน คริสตกาลไปจนสุดจำนวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ​

การสิ้นสุดของตัวเลขปฏิทินมายา หรือการครบจำนวนสูงสุดที่กำหนดไว้ในระบบนับวันระบบใดระบบหนึ่ง จะแสดงถึงการสิ้นสุดของโลกเชียวหรือ คอมพิวเตอร์สมัยก่อนก็มีระบบปฏิทินในตัวเครื่องที่แสดงวันเดือนปีได้จนถึงสิ้น ค.ศ. 2000 อันเป็นที่รู้จักกันในนามของปัญหา Y2K แต่เมื่อสิ้นสุด ค.ศ. 2000 โลกก็ไม่ได้แตกตามระบบนับวันของคอมพิวเตอร์ ทำนองเดียวกัน โลกก็จะไม่แตกสลายเพราะว่าสุดตัวเลขปฏิทินมายา หลังวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ปฏิทินมายาก็จะเริ่มนับรอบใหม่​

(2) ในปีค.ศ.2012 จะเกิดพายุสุริยะโจมตีโลกจริงหรือ?​

จริง พายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลาและส่งผลกระทบถึงโลก และมีระดับความรุนแรงผันแปรเป็นคาบ คาบละประมาณ 11 ปี คาบที่ชัดเจนนี้ทำให้นักดาราศาสตร์พยากรณ์ได้ว่าช่วงสูงสุดหรือต่ำสุดของวัฏจักรสุริยะจะเกิดขึ้นเมื่อใด ช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะเกิดในครั้งถัดไปคาดว่าจะอยู่ในช่วงกลาง ค.ศ. 2013 ​

ช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะกินเวลายาวนานข้ามปี ดังนั้น แม้ช่วงสูงสุดจะอยู่ใน ค.ศ. 2013 แต่พายุสุริยะก็เริ่มจะกระหน่ำโลกตั้งแต่ก่อน ค.ศ. 2012 แล้ว แม้ช่วงปี 2013 จะอยู่ในช่วงสูงสุดของวัฏจักรสุริยะ แต่พายุสุริยะที่จะเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงมากไปกว่าที่เคยเกิดขึ้นในรอบก่อน ซึ่งเกิดในราวปี ค.ศ. 2000, 1989 และก่อนหน้านั้น ความจริงมีแนวโน้มว่าช่วงสูงสุดของวัฏจักรที่จะมาถึงในปี 2013 จะอ่อนกำลังกว่าวัฏจักรก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำ
(3) ปี 2012 สนามแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนตำแหน่งจริงหรือ?​

จริง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่กำลังจะเกิดใน ค.ศ. 2012 หากแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนที่ตั้งแต่ที่ค้นพบขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเมื่อกว่าศตวรรษก่อนแล้ว การเคลื่อนที่นี้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 1 องศาต่อ 1 ล้านปีหรืออาจเร็วกว่านั้น การสำรวจในช่วงไม่กี่ปีมานี้พบว่า ขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้น แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าโลกใกล้สลับขั้วหรือกำลังวิปริต เพราะอัตราการเคลื่อนที่มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ​

(4) หากเกิดการสลับขั้วแม่เหล็กโลกจริง จะทำให้เกิดหายนะถึงขั้นผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากหรือไม่​

เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกมีบทบาทสำคัญในการเป็นเกราะคุ้มกันรังสีอันตรายจากห้วงอวกาศ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าหากเกิดความผิดปกติของสนามแม่เหล็กโลก เช่น สนามแม่เหล็กหายไปซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก ก็ย่อมส่งผลต่อสรรพชีวิตบนพื้นโลกอย่างแน่นอน​

ผลกระทบที่ว่านี้จะรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายหรือเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่หรือไม่? ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น​

จากการเทียบบันทึกการสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตซึ่งเกิดแล้วหลายครั้ง เราไม่พบว่ามีความสอดคล้องกับเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก นี่น่าจะพอเบาใจได้ในระดับหนึ่งว่า หากโลกสลับขั้วแม่เหล็กในช่วงนี้ก็คงไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย ​

(5) ดาวนิบิรุ มีจริงหรือไม่?​

"นิบิรุ" เป็นชื่อเทพองค์หนึ่งของบาบิโลน ส่วนดาวนิบิรุเป็นดาวตามทฤษฎีของ "เซชาเรีย ซิตชิน" ซึ่งอ้างว่าถอดความมาจากจารึกของชาวสุเมเรียน ทฤษฎีนี้กล่าวว่าดาวนิบิรุเป็นดาวที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมอาศัยอยู่และเคยมาเยือนโลกเมื่อนานมาแล้ว ​

แม้เรื่องดาวนิบิรุจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชื่นชอบเรื่องลึกลับ เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว แต่เนื่องจากทฤษฎีนี้มีหลักฐานอ่อนมากและตั้งอยู่บนจินตนาการมากกว่าเหตุผล จึงไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้างในวงการวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักวิชาการด้านสุเมเรียนด้วย​

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ข่าวสด


2012​

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 72 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 68 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, chantasakuldecha+, psombat+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

เดี๋ยวคุณแหน่ง กับพี่เบิ้ม จะมาหาผมแล้วครับ


.