ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ไปเจอรูปปั้นแถวสี่แยกปทุมวันดูแล้วเหมือนมนุษย์ต่างดาวมากแต่ไม่รู้ว่ามาจากดาวดวงไหน

 

ใช่ครับ จะไปนิพพานไม่ใช่ขึ้นรถปอ.พ 4 แล้วไปถึง มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

 

เจอสติ๊กเกอร์ติดหลังรถคันนึง จ๊าบมาก อ่านแล้วก็ เออจริงของเขาจริงๆ




ไม่มีใครรอบรู้ทุกเรื่อง...ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด...เพียงแต่นำสิ่งดีดีที่มี... เอามาแบ่งปันกัน...ให้กับเพื่อนๆของเรา...เท่านี้ก็เติมเต็ม...กับชีวิตที่ไม่สิ้นสุดการเรียนรู้

 

<table id="post2600648" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> วันนี้, 12:19 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #11289 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Digital<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2600648", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 298
Groans: 2
Groaned at 2 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 9,952
ได้รับอนุโมทนา 5,114 ครั้ง ใน 259 โพส
พลังการให้คะแนน: 135


</td> <td class="alt1" id="td_post_2600648" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Astro Neemo

คุณ ธนวรรณบอกว่า ผู้ขับเคลื่อนฯกลัวโดนโจรขโมยของ แอบเข้าไปติดเหล็กดัดในห้องของตนเองที่สถานธรรมโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน เพราะกลัวของจะหาย............แค่นี้ก็กลัวแล้ว ไหนว่าปล่อยวาง เมื่อภัยพิบัติมาจะหนีไปไหนรอด

</td> </tr> </tbody></table>
พอถึงตอนนี้ขออนุญาต แจมด้วยหน่อยค่ะอาจารย์นีโม่ ที่บอกว่า"แอบเข้าไปติดเหล็กดัดในห้องของตนเองที่สถานธรรมโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน"

ห้อง นั้นมันไม่ใช่ห้องของผู้ขับเคลื่อนค่ะ เป็นห้องนอนห้องหนึ่งที่ดิฉันสร้าง และ ทางกลุ่มเขากะลา นครสวรรค์ ขนตู้เย็น ขนของ เก้าอี้ โซฟา เข้าไปในสถานที่ของดิฉัน โดยไม่ได้ขออนุญาต จากเจ้าของบ้านเลยค่ะ เหมือนบุกรุกและถือวิสาสะทางพฤตินัย และทางกฎหมาย

จนดิฉันต้องปิดสถานธรรมค่ะ

มีเรื่องเล่าสู่กันฟังอีกนะ........ แต่วันนี้แค่นี้ก่อน
</td></tr></tbody></table>

ขออนุญาต แจ้งเพื่อทราบ กับความข้อมูลที่ได้กล่าวอ้างถึงการบุกรุก ของกลุ่มเขากะลา ดังกล่าว

เพื่อทำความเข้าใจให้ตรง ว่ามีการยินยอมให้ใช้ห้องดังกล่าวในนามของพี่สุดใจ ในช่วงก่อนการปิดสถานธรรมค่ะี่


เป็นการไตร่ตรองดีแล้วของผู้จะก่อสร้าง โดยยินดีจะสร้างสถานธรรมด้วยตนเอง จึงมีการสนทนาผ่าน MSN จากอเมริกา

<table id="post2036609" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> 14-04-2009, 10:16 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #

แจ้งเพื่อทราบ​

และขอเชิญ​

ร่วมอนุโมทนาบุญ​

กับ​

คุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย
(Digital)​

ในโครงการต่อไปนี้​

โครงการสร้างสถานปฏิบัติธรรม
ที่เขากะลา นครสวรรค์​

คุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย (คุณ Digital) ได้แจ้งว่า ​

ขอบริจาคเงินจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) ​

เพื่อก่อสร้าง
สถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลา​

โดย จะสร้างเป็นอาคารเอนกประสงค์หลังแรกขึ้นที่เขากะลา เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติสมาธิ และเตรียมการเรื่องของภัยพิบัติ ณ บริเวณพื้นที่ 25 ไร่ ที่คุณธนวรรณได้บริจาคเงินส่วนหนึ่งซื้อไว้ และบริจาคเข้ามูลนิธิ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ก่อนหน้านี้แล้วนั้น ​

และท่านอื่น ๆ ที่จะร่วมบริจาคสมทบทุน เพื่อก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมร่วมกันนั้น คุณธนวรรณก็ขออนุโมทนาด้วย​

โดยโครงการสร้างสถานปฏิบัติธรรมนี้ ได้มีการประสานงานกับคณะบุคคลต่าง ๆ และพร้อมที่จะร่วมดำเนินการด้วยดังนี้​

คุณ mead ได้ร่วมอนุโมทนาทางโทรศัพท์กับคุณ ธนวรรณแล้วเมื่อเช้านี้ และจะรับหน้าที่ออกแบบอาคารเอนกประสงค์ให้ ​

คุณ พีท ทองเจือ และสมาชิกบล็อค 17 ได้ร่วมกันออกแบบอาคารเอนกประสงค์ที่จะก่อสร้างที่เขากะลา จำนวน 3 แบบ ไว้ให้ด้วย ซึ่งตอนนี้แบบได้เขียนเสร็จแล้ว และส่งให้ผู้ที่จะก่อสร้างได้ดูแบบอีกครั้ง หากสนใจจะใช้แบบแปลนที่เขียนขึ้น ก็สามารถนำไปก่อสร้างได้ต่อไป ​

คุณชานนคนไทย ได้ร่วมอนุโมทนาทางโทรศัพท์กับคุณธนวรรณแล้วเมื่อเช้านี้ และจะรับหน้าที่ดูแลโครงสร้างอาคาร วัสดุ และสาธารณูปโภคให้​

และคุณอลงกรณ์ (คุณหนุ่ย) มัณฑนากร จะรับหน้าที่ช่วยดูงาน และคุมงาน และตกแต่งภายในให้ หากงานที่รับเหมาที่ขอนแก่นเสร็จแล้ว​

และยังมีอีกหลายท่าน ที่จะเข้ามาร่วมช่วยดำเนินการ ในความถนัดของแต่ละด้าน​

ซึ่งพี่สุดใจ และผู้อาวุโสทุกท่านของ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้กล่าว​

อนุโมทนากับ คุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย ในมหากุศลที่สร้างสถานปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ และ อนุโมทนากับทีมงานอาสาเพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมทุกท่าน ที่เข้าร่วมดำเนินงานสร้างสถานปฏิบัติธรรมในครั้งนี้​

วันนี้ 13 เมษายน 2552​

ขึ้นปีใหม่ไทย และวันสงกรานต์ ​

นับเป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง ​

ขออนุโมทนาบุญ กับ​

คุณธนวรรณ เกาะเรียนไชย(Digital) ​

ในการสร้างกุศล มหากุศลอีกครั้งค่ะ​

<object id="WMP7" classid="CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6" width="400" height="320">

</object>​

</td> </tr> </tbody></table>

การสนทนากันระหว่าง
คุณ ธนวรรณ เกาะเรียนไชย กับพี่สุดใจ
ผ่าน MSN ​

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2552 (เวลาในประเทศไทย)​

ก่อนที่จะเป็นที่มาของ ​

การสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลา​

ในงบประมาณ 1 ล้านบาท​

</td></tr></tbody></table>

<table class="tborder" id="post2036609" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">
</td><td class="alt1" id="td_post_2036609" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">

ข้อความการสนทนาผ่าน msn​

สุดใจ says:​

<dir>สวัสดีค่ะ นอนหรือยังคะ


</dir>THANAWAN says:


<dir>สวัสดีค่ะพี่ สุดใจ


</dir>สุดใจ says:


<dir>ดีจัง คุยด้วยหน่อยนะคะ


</dir>THANAWAN says:


<dir>เห็นเข้ามา ก็เลยทักทายค่ะ


</dir>THANAWAN says:


<dir>กำลังเขียนแบบอยู่ สงสัยบานปลาย เพราะเอาห้องนอนด้วยค่ะ

</dir>THANAWAN says:


<dir>๕๕๕


</dir>สุดใจ says:


<dir>พี่สุดใจเพิ่งวางหูโทรศัพท์กับคุณ mead



</dir>THANAWAN says:


<dir>อ๋อค่ะ


</dir>THANAWAN says:

<dir>ว่าไงบ้างคะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>เล่ารายละเอียดให้ฟัง คุณ mead บอกว่ายินดีมากเลย ที่เขากะลาจะมีสถานปฏิบัติธรรมแล้ว จะช่วยเต็มที่


</dir>สุดใจ says:

<dir>ตอนนี้จะออกแบบให้ ถามว่ามีงบเท่าไร

</dir>สุดใจ says:


<dir>พี่สุดใจบอกว่า มีงบประมาณ 5 แสน


</dir>สุดใจ says:


<dir>แต่ว่า ต้องมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำ และห้องครัวด้วย


</dir>สุดใจ says:

<dir>อาคารเอนกประสงค์นี้เอาแบบเข้ากับธรรมชาติ ไม่ต้องไฮเทคมาก


</dir>สุดใจ says:

<dir>คุณ mead บอกว่า ถ้าบอกงบประมาณมา จะเขียนให้ได้ตามงบฯ



</dir>สุดใจ says:

<dir>และคุณ mead บอกว่า ห้าแสน พอที่จะสร้างได้



</dir>THANAWAN says:


<dir>ตอนนี้จะเพิ่มงบเป็น ๑ ล้านแล้วค่ะ บอกคุณมีดด้วย


</dir>THANAWAN says:


<dir>จะเอาครัวใหญ่หน่อย


</dir>THANAWAN says:


<dir>เพราะว่าไว้รองรับเวลามีคนเยอะ จะได้นั่งทานข้าวในครัวมีหลังคา และโต๊ะอาหาร



</dir>THANAWAN says:


<dir>พี่สุดใจว่าต่อเลยค่ะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>คุณ mead บอกว่ามีวัสดุทนทาน และราคาถูก

</dir>สุดใจ says:


<dir>ซึ่งคุณชานน ผู้รับเหมาก่อสร้างแนะนำไว้ และไปสร้างหลายที่แล้ว

</dir>สุดใจ says:


<dir>บอกว่าวัสดุแบบนี้ ราคาถูก ทนทาน และอเมริกาก็ใช้ด้วย



</dir>THANAWAN says:
<dir>ค่ะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>เมื่อก่อนคุณชานนบอกพี่สุดใจไว้ว่า วัสดุบางส่วนมีเหลือ จะบริจาคร่วมด้วย หากมีการก่อสร้าง


</dir>สุดใจ says:


<dir>แต่ตอนนั้นยังไม่มีเงินสร้าง แต่บอกว่า ถ้าสร้างเมื่อไร ก็คงรบกวนให้ช่วยดูแบบ ให้ช่วยวางรากฐานให้ จะได้ไหม



</dir>สุดใจ says:


<dir>คุณชานนบอกว่ายินดีอย่างมาก จะช่วยเต็มที่


</dir>สุดใจ says:


<dir>สงสัยคราวนี้ได้ช่วยแน่ ๆ



</dir>สุดใจ says:


<dir>คุณวรรณอยากได้แบบไหน ส่งแปลนคร่าว ๆ มาได้เลย เดี๋ยวจะให้คุณ mead ออกแบบให้ตามนั้น



</dir>THANAWAN says:


<dir>เขียนเกือบเสร็จแล้วค่ะ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง



</dir>THANAWAN says:


<dir>มีห้องนอนไว้ให้พี่สุดใจ ๑ ห้องด้วยค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>บอกคุณ mead ไปว่า คุณวรรณจะกลับมาอยู่ประเทศไทย คุณ mead ว่า แปลกนะ พี่นักเขียน ก็ย้ายกลับจากอเมริกา มาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรแล้วตอนนี้


</dir>THANAWAN says:


<dir>สร้างกึ่งที่อยู่ กึ่งที่นั่งปฏิบัติด้วยค่ะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>ดีค่ะ อนุโมทนา


</dir>สุดใจ says:


<dir>พี่สุดใจคิดว่า ห้องนอนคุณวรรณ ควรจะมีห้องน้ำส่วนตัวภายในนั้นด้วย


</dir>สุดใจ says:


<dir>จะได้สะดวก



</dir>THANAWAN says:


<dir>อ้าวหรอคะพี่ นักเขียน อยู่ไม่ไกลจากวรรณเองค่ะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>เห็นคุณ mead บอกว่าตอนนี้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว และกลับมาแบบถาวรด้วย



</dir>THANAWAN says:


<dir>ยินดีกับคุณนักเขียนด้วยค่ะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>ก็บอกคุณ mead ไปแล้วว่า เราต้องการห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำ ห้องครัวใหญ่หน่อย และที่เหลือให้เป็นห้องกว้าง ๆ ใช้เอนกประสงค์ คือนั่งสมาธิ ประชุม หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้บริเวณกว้าง ๆ


</dir>สุดใจ says:


<dir>คุณ mead บอกว่า ได้ ผมจะลงโครงสร้างสัก 2 - 3 แสน ที่เหลือจะเอามาตกแต่งภายในให้สวย แต่จะบีบให้อยู่ในงบ 500,000 บาท



</dir>THANAWAN says:


<dir>ให้งบ ๑ ล้านเลยค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>อนุโมทนาสาธุค่ะ


</dir>สุดใจ says:


<dir>จะได้บอกไปใหม่ คราวนี้คงได้อาคารเอนกประสงค์ที่ใหญ่ และเหมาะสมรับแขกแน่ ๆ


</dir>THANAWAN says:


<dir>อยากปูกระเบื้องด้วยค่ะ เพราะจะได้ทำความสะอาดง่ายๆ


</dir>สุดใจ says:


<dir>งบประมาณนี้ ได้แน่นอนค่ะ ติดแอร์ ทำเฟอร์นิเจอร์ได้สบาย ๆ


</dir>สุดใจ says:


<dir>และเพื่อน ๆ จะได้ไปอยู่ช่วยกันลงแรง ปลูกพืช

</dir>สุดใจ says:


<dir>เรามีคุณแตง จบเกษตรมา


</dir>สุดใจ says:


<dir>ตอนนี้ ว่างงาน คือไม่อยากทำงานทางโลกแล้ว



</dir>THANAWAN says:

<dir>ได้เลยค่ะ ติดแอร์ด้วย วรรณมีเงินจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ


</dir>สุดใจ says:


<dir>จะให้ไปช่วยปลูกต้นไม้ หรือทำแปลงเกษตร เอาไว้เลี้ยงเพื่อน ๆ สมาชิกที่ตกงาน แล้วไปทำกิจกรรมที่นั่น


</dir>THANAWAN says:
<dir>ค่ะ


</dir>สุดใจ says:

<dir>อาจารย์นีโม่ จะได้มีสำนักปฏิบัติ และสอนธรรมะเสียที

</dir>สุดใจ says:


<dir>สมาชิกท่านอื่น ๆ ที่เดินทางไป จะได้มีเวลาสนทนากันในอาคารเอนกประสงค์



</dir>สุดใจ says:


<dir>คงต้องเป็นรูปแบบของการให้ธรรมะ ขยายระบบ ทำสมาธิ รักษาผู้ป่วย และเป็นที่จัดนิทรรศการได้ หากระบบต้องการให้เผยแพร่ข้อมูลออกไป สถานที่คงกว้างเพียงพอค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>จะแจ้งคุณ mead ว่ามีงบเพิ่มเติมเป็น 1 ล้านแล้ว จะได้เขียนแบบให้เหมาะสมกับจำนวนเงิน



</dir>สุดใจ says:


<dir>ตอนนี้ คุณ mead กำลังประสานงานกับคุณหนุ่ย (คุณอลงกรณ์) ที่มาเชื่อมระบบที่วัดหลิงจิวซาน ซึ่งเป็นมัณฑนากร เป็นผู้ออกแบบตกแต่งภายใน และคุมการก่อสร้างด้วย เป็นสมาชิกเขากะลาท่านหนึ่ง



</dir>THANAWAN says:


<dir>ค่ะ


</dir>สุดใจ says:



<dir>เพื่อให้ช่วยกันออกแบบ และวางแปลนให้เหมาะสม ดูเด่น ดูดี และตกแต่งออกมาสวยงาม ซึ่งทั้งสองท่านนี้ คุ้นเคยกันมา 11 ปีแล้ว



</dir>THANAWAN says:


<dir>ค่ะ

</dir>สุดใจ says:


<dir>คุ้นเคยกันมา 11 ปี แต่คุณหนุ่ยเพิ่งจะมาเชื่อมระบบ เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2552 นี่เอง ....

</dir>สุดใจ says:


<dir>แล้วถ้าผู้อื่นจะขอร่วมบริจาคเงินร่วมสร้างด้วยจะได้หรือไม่?



</dir>สุดใจ says:


<dir>เพราะมีหลายคนที่เคยถาม อยากหาเงินมาช่วยสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลา แต่ว่าเกินกำลัง เพราะต้องใช้เงินมาก



</dir>สุดใจ says:


<dir>แต่เมื่อมีผู้ริเริ่ม มีทุนในโครงสร้างแล้ว จะขอบริจาคสมทบทุนด้วย



</dir>สุดใจ says:


<dir>คุณวรรณว่าไงคะ

</dir>THANAWAN says:


<dir>ยินดีค่ะ เพราะที่นี่เป็นมูลนิธิ จสอ. เชิด ชื่นสำนวนค่ะ วรรณไม่คิดว่าเป็นที่ดินของวรรณ แต่ขออาศัยซุกหัวนอน เพราะวรรณยังไม่มีบ้านของตัวเองที่เมืองไทยค่ะ


</dir>THANAWAN says:


<dir>และมีที่ดินเหลืออีกหลายไร่ด้านหลัง ใครจะทำอะไร ก็ปรึกษากันได้เลยค่ะ



</dir>สุดใจ says:



<dir>เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะไปอยู่ด้วยกัน เพราะอีกหน่อย คุณวรรณก็ต้องเป็นผู้อาวุโส เพราะเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามา คุณวรรณก็ต้องเป็นที่ปรึกษาให้เขาเหล่านั้น



</dir>THANAWAN says:


<dir>เป็นที่ส่วนรวมค่ะไม่ ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง


</dir>สุดใจ says:


<dir>ดีค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>จะได้ระดมสมองของสมาชิก มาช่วยกันคนละไม่ละมือ



</dir>สุดใจ says:


<dir>สนุกสนาน พร้อมทั้งทำเพื่อประโยชน์ท่านทั้งหลาย



</dir>สุดใจ says:


<dir>อนุโมทนาค่ะ



</dir>THANAWAN says:


<dir>ถ้าความคิดเห็นตรงกัน ก็บริหารกันได้เลยค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>โดยในระยะแรก ก็คงมีผู้ที่ดำเนินการ เป็นผู้บริหารร่วมกันหลายท่าน </dir> <dir>

สุดใจ says:



</dir> <dir>และคิดว่า คงไม่มีความขัดแย้ง เพราะผ่านการ ละความยึดมั่นถือมั่นกันค่อนข้างเยอะแล้ว เหลือแต่ตัวกันทั้งนั้น



</dir>สุดใจ says:

<dir>ทุกวันนี้ พยายามแต่จะเอาตัวตนออกให้หมด



</dir>สุดใจ says:


<dir>การที่จะไปอยากยึด อยากมี อยากเป็นเจ้าของ แทบจะไม่เหลือแล้ว



</dir>สุดใจ says:



<dir>เพียงแต่ ต้องทำไปเพื่อให้เป็นรูปแบบ เพื่อให้ยังประโยชน์ผู้อื่นเท่านั้น



</dir>THANAWAN says:


<dir>ค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>และผู้ที่ต้องดูแล แสตนบายอยู่ที่นั่น ก็คือแผนกพื้นที่



</dir>THANAWAN says:


<dir>ความอยากได้ หรือไม่อยากได้ ก็น้อยลงด้วยค่ะ



</dir>สุดใจ says:


<dir>เพราะพวกเราอาจต้องเดินทางไปยังจุดต่าง ๆ ที่ระบบวางคนไว้ เพื่อไปให้ประโยชน์ยังจุดเหล่านั้น



</dir>สุดใจ says:


<dir>และเรามีสำนักงานใหญ่ บริษัทต่างดาว อยู่ที่เขากะลา



</dir>สุดใจ says:


<dir>เป็นจุดศูนย์รวมของทุกสรรพศาสตร์



</dir>THANAWAN says:



<dir>เป็นบริษัทเลยนะคะ

.............

(ข้อความจบลงเพียงนี้ เพราะหลังจากนั้นเป็นการโทรศัพท์คุยกัน โดยคุณ Digital ต่อตรงมาจากอเมริกา เพื่อความชัดเจนในเนื้อหาของการสนทนา)


สรุปโดยรวม กำลังดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้

1. ขณะอยู่ในระหว่างปรับพื้นที่เขากะลา
2. คุณธนวรรณ วางแบบแผนผังคร่าว ๆ
3. คุณ mead กำลังอยู่ระหว่างการเขียนแบบ
4. ประชุมผู้เกี่ยวข้องร่วมกันในการวางแปลนโครงสร้าง

ก่อนเริ่มดำเนินการในขั้นตอนการก่อสร้างต่อไป


คุณ Digital ได้ส่งแผนผังภายในคร่าว ๆ มาให้พี่สุดใจ และคุณ mead เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบสถานปฏิบัติธรรมที่เขากะลาต่อไป





</dir>
</td></tr></tbody></table>








ภาพบางส่วนที่ผู้จะก่อสร้าง ออกแบบส่งมาจากอเมริกา

โดยได้รับมอบกุญแจห้องพักดังกล่าวไว้ด้วย

และมิได้เป็นการบุกรุกแต่ประการใด.

จึงเป็นการ แจ้งเพื่อทราบ อีกครั้งหนึ่งค่ะ

 

วันนี้

วันที่ 11 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2009

11/11/2009
​

จะถือเป็นวันแรกของการ เปิดตำนานเขากะลา เรื่องราวมากมายที่คนทั่วไปยังไม่มีโอกาสได้รับทราบ ให้ได้รับรู้

บางคน หรือบางครั้ง การได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ก็อาจจะมีความเข้าใจในบางส่วน เท่าที่มนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้าใจได้เท่านั้น หรือจะเข้าใจในมุมใด นั่นเป็นเพียงความเข้าใจที่ควรจะเป็นของแต่ละบุคคล

กลุ่มนี้ จึงเป็นกลุ่มเพี้ยน กลุ่มบ้า มานานนับ 10 ปี

แต่ความบ้าที่พวกเขามี กลับยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ ว่าทำไมพวกบ้าพวกนี้ จึงมีความสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้

มนุษย์ต่างดาวมองเห็นอะไร ? ในความบ้าเหล่านั้น

จึงได้มีการนำจานบินมาปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เห็นพร้อมกันเป็นสิบเป็นร้อย เลื่องลือกันไป ทีวี สารคดีมากมายมาเชื่อพวกนี้ได้ยังไงกัน

แถมยังมีการนัดหมายกันได้อีก และยังมีการบินมาให้ถ่ายภาพ UFO ได้อย่างต่อเนื่อง

จานบิน สิ่งที่เิงินซื้อไม่ไ้ด้ ทำไมจึงมาหาคนพวกนี้

นี่คือคำถาม ที่หลายคนสงสัย และคาดว่าไม่น่าจะได้คำตอบที่ตนเองเข้า่ใจสักเท่าใดนัก

ถ้าบุคคลนั้น ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรมในสายละวางอัตตา

พวกนี้มันมีอะไรกันแน่

แล้วมันก็ไม่เลิกกันสักที นับเป็นสิบ ๆ ปีมาแล้ว

เงินทองก็ไม่ได้ ทำไปทำไมก็ไม่รู้่้

หลายสิ่ง หลายอย่าง ที่มีการกล่าวขานกันเรื่อยมานั้น

แต่ก็มิได้หมายความว่า จะเป็นอย่างที่ได้ยินได้ฟังทั้งหมด

เพราะกลไกของมนุษย์ต่างดาว มีความซับซ้อนเกินกว่าความคิดมนุษย์จะคิดได้

มันมีกลไกของระบบ มีเหตุผลอธิบาย มีการขยายความในทฤษฎีที่ถ่ายทอดไว้

ทำไม จึงต้องมีการทำในสิ่งที่มนุษย์โลกคิดไม่ถึง มองไม่ออก

ว่าทำอย่างนี้เพื่ออะไร ทำอย่างนั้นเืพื่ออะไร

ซึ่งระบบ ได้กล่าวไว้ มีคำอธิบายทั้งหมด

เพียงแต่ท่านจะเชื่อหรือไม่ ? เท่านั้น

เพราะ เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่าตีกรอบ

ขั้นแรก ต้องตีกรอบที่คิดแบบเดิม ๆ ออกก่อน แล้วจึงค่อยรับฟัง


ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่มีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้หลายท่านอยากรู้ความเป็นมาของกลุ่มนี้ ในขั้นลึก ว่าเป็นมาอย่างไร? แล้วภาพที่ออกมานั้น มันขัดกันอย่างไร

ก่อนอื่น ต้องแจ้งเพื่อทราบว่า โครงการนี้ เป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ โดยมนุษย์ต่างดาวจากหลาย ๆ ดวงดาว ที่มาเตรียมการ ดังนั้นรูปแบบ การเตรียมการ และการวางโครงการ จึงแตกต่างกันออกไป

การที่มนุษย์ต่างดาว มาเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือมนุษย์นั้น สิ่งอื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดเตรียม ไม่ว่าอุปกรณ์ เครื่องมือ และพลังงานต่าง ๆ ที่จะนำมาช่วย เพราะติดตั้งแล้วใช้ได้เลย ไม่ต้องมาฝึก ไม่ต้องมาเรียนรู้ก่อน เพราะเป็นอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์

เช่น บางตัวอย่างที่เปิดใช้แล้ว
ติดตั้งเครื่องสแกน เพื่อสแกนภาพให้เห็นกรรม วิบากกรรม
ติดตั้งเครื่องมือแพทย์ ในการรักษา ให้สามารถใช้งานรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หรือติดตั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีการใช้เป็นตัวอย่างในบางเรื่องนั้น เช่นเครื่องจำลองภาพ เครื่องสลายมวลสาร หรือเรื่องเข้าออกมิติอื่น ๆ ให้เห็น

สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องใช้เวลา ไม่ต้องเรียนรู้ ติดตั้ง ฝึกใช้อุปกรณ์เล็กน้อยเท่านั้น ก็ใช้่ได้แล้ว

แต่ สิ่งที่ยากและลำบากอย่างยิ่งของมนุษย์ต่างดาวในโครงการนี้ คือการเตรียมคนที่จะมาร่วมทำงานกับมนุษย์ต่างดาว นี่คือเรื่องที่ยากยิ่ง เรื่องที่ต้องดำเนินการด้วยระยะเวลาที่ยาวนานยิ่ง เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นละการยึดมั่นถือมั่น ให้มีความเข้าใจในกลไกของธรรมชาติ ละการยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา ของเรา เืพื่อมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับเขา โดยเป็นตัวแทนของโลกใบนี้ เพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

การฝึก จึงต้องใช้คนที่มีความเข้าใจ มีการเสียสละ มีการละวางอัตตาที่คิดว่าฉันเก่ง ฉันยิ่งใหญ่ ฉันดีกว่าเขา หรือฉันไม่ดีเท่าเขา ออกไป

คือต้องเอา ฉัน ออกไป เอาตัวตนออกไป ให้เห็นให้ได้ว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นธรรมชาติ มันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ แล้วมันก็แปรปรวน แล้วมันดับไป จึงเป็นการเกื้อกูลกันของธรรมชาติ ไม่ได้มีใคร มีเขา มีเรา เป็นผู้ให้หรือผู้รับใด ๆ

มนุษย์ต่างดาว ก็มาเพื่อเกื้อกูลกัน ช่วยเหลือกันตามกฏของจักรวาล

ผู้ที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ โดยไม่มีลำเอียง ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายใด ๆ นั้น ต้องผ่านการฝึกละวางอัตตาอย่างเข้มข้นตามลำดับ

จนมองเห็นว่าเป็นพวกบ้า พวกเพี้ยนไป ในความเข้าใจของมนุุษย์

โดยมีความเห็นตรงตามความเป็นจริงของธรรมชาติว่า

สิ่งทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง มีความแปรปรวน เป็๋นทุกข์ และก็ไม่ได้เป็นตัวตน ไม่ได้เป็นตัวใครของใคร แต่เป็นเพียงธรรมชาติที่ีมาประชุมรวมกัน ตามเหตุปัจจัยเท่านั้น โดยมีอุปาทานเป็นตัวยึดเหนี่ยวเข้าไว้ด้วยกัน

และ ..... ทุกคนก็คือธรรมชาติเท่าเทียมกัน

จึงไม่มีการแบ่งแยกใด ๆ ตามกฏของจักรวาล


ตำนานเรื่องนี้ค่อนข้างยาว และมีหลักฐานอ้างอิงประกอบมากมาย อาจต้องใช้เวลาในการถ่ายทอด ซึ่งจะค่อย ๆ ทะยอยนำมาบอกกล่าว เพื่อที่จะได้รวบรวมไว้เป็นตำนาน ที่ไม่ต้องมานั่งเล่าให้ฟังกันอีก

และอาจมีการรวบรวมเป็นหนังสือเล่มใหม่ ในชื่อตำนาน UFO ที่เขากะลา ก็เป็นได้

หากมีการเปิดตัวของมนุษย์ต่างดาวในวันข้างหน้า

ขออนุญาตแบ่งเป็นตอน ๆ ค่ะ

คงต้องมีข้อความกำกับทุกครั้งที่อ่าน

แจ้งเพื่อทราบ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ


(ตอนที่ 1)

 

เห็นด้วยกับข้อความที่เสนอแนะ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้สติกำกับ ส่วนอื่นไม่มีความเห็น แค่อยากรู้เฉย ๆ เท่านั้น อานุโมทนา

 

ก็เพราะพวกเราสมาชิกเขากะลารวมทั้งเพื่อนๆ ญาติพี่น้องของบางคน ได้รับทราบมาว่า ณสถานที่แห่งนี้ "อดีตสถานธรรมเขากะลา" ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง เป็นสถานที่ๆจะใช้ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อการประสานงานฯ เป็นสถานที่ๆจะใช้เพื่อการพบปะของสมาชิกและเพื่อดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ จึงได้มีการรวบรวมเงินบริจาคในการถมที่ เดินไฟ เดินท่อประปา ปลูกต้นไม้ และอิ่นๆ รวมทั้งปัจจัยบางส่วนสำหรับเป็นค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการประสานงานการก่อสร้างครั้งนี้ และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ที่เกี่ยวข้องในการติดต่อประสานงาน ซึ่งถือว่าเป็นงานของส่วนรวม
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการประกาศปิดสถานธรรม และข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาจึงทำให้ทราบว่า สถานธรรมแห่งนี้มีเจ้าของเป็นตัวตน ไม่ได้มีเจตนาที่จะบริจาคเพื่อการกุศลจริงๆ ซึ่งถ้าได้รับทราบอย่างนี้ตั้งแต่แรกหลายๆท่านอาจจะตัดสินใจไม่เข้าร่วมโครงการนี้ก็ได้ และยังเห็นด้วยกับอาจารย์เม๊าท์ว่าเงินทำบุญควรจะต้องมีการชี้แจงอย่างไปร่งใส ตรงไปตรงมาเพื่อความเข้าใจที่ตรงของทุกฝ่าย และให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคอย่างแท้จริง

ดังนั้นเมื่อมีการปิดสถานธรรม จึงเห็นควรพิจารณาคืนปัจจัยเงินทำบุญให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แล้วให้แต่ละท่านตัดสินใจเอาเองว่าจะนำเงินที่ได้คืนมานั้นไปร่วมทำบุญกับใครที่ไหน อย่างไร นอกเสียจากว่าท่านผู้นั้นได้แจ้งเจตจำนงมาอย่างชัดเจนว่าจะขอให้คุณธนวรรณ หรือพี่สุดใจนำเงินที่ได้บริจาคไปแล้วไปทำบุญในส่วนต่างๆตามความเหมาะสมต่อไป

ขอเรียนว่าข้อความที่เขียนมานี้เป็นความเห็นเฉพาะบุคคลเท่านั้น อาจจะมีหลายๆท่านเห็นต่างหรือเห็นด้วยก็ขออนุโมทนาค่ะ

และขอแจ้งว่า Pkanlaya (ดร.กัลยา) ต้องการเงินบริจาคคืนทั้งหมดทั้งในส่วนที่บริจาคด้วยตัวเองและส่วนที่แนะนำผู้อื่นให้มาร่วมบริจาค เพื่อจะได้นำปัจจัยที่ได้รับคืนมาไปทำบุญหรือบริจาคด้วยตนเองต่อไป ซึ่งจะได้แจ้งรายการทำบุญในกระทู้แห่งนี้ต่อไปค่ะ

 

ขออนุญาตเข้ามาออกความเห็นนะคะกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ อยากขอให้ทุกท่านพิจารณาถึงจุดเริ่มต้นกันอีกครั้งหนึ่ง ในบางครั้งเราอาจจะลืมกันไปว่า ก่อนที่เราจะเข้ามารวมกันเป็นกลุ่มนี้ เริ่มมาจากสิ่งใด ส่วนหนึ่งก็คือ วิชาตัวเบาเขากะลาที่ทุกท่านก็ได้พิสูจน์กันมาในระดับหนึ่ง และร่วมยินดีที่จะก็ให้เกิดสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้
ดิฉันคิดว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา เรื่องที่กระทบกระทั่งกัน อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิด การสื่อสารกันที่ต่างคนต่างคิดว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น น่าจะเป็นเช่นนี้ ดิฉันคิดว่าทุกท่านคงมีเจตนาที่ดีต่อส่วนรวมด้วยกันทุกท่าน ลองหยุดโต้เถียงกัน หรือลองกลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยใจที่เป็นกลางว่ามีส่วนใดที่เราเข้าใจกันไม่ถูกต้องตรงกันหรือเปล่า

หากมัวแต่โต้กันไปมา ก็ลังแต่จะทำให้เกิดทิฐิมานะ ไม่จบไม่สิ้น และอาจบานปลายมากไปกว่านี้ อยากให้บ้านหลังสงบ เย็น เช่นเดิมคะ

 

ตำนานเขากะลา(2)

จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน

ก่อนที่จะมาสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว


​

​

จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เกิดวันที่ 15 กันยายน 2475 ที่บ้านพุตาฉิ่ง ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์

ท่านชอบศึกษาธรรมะ ปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา กรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ และบวชเรียนตั้งแต่ยังเป็นสามเณร เดินทางไปธุดงค์ตามถ้ำ ตามป่าเรื่อยมา

จนบวชเป็นพระภิืกษุ ในเวลาต่อมา

แต่หลังจากไปรับหมายเรียกเืพื่อเกณฑ์ทหารแล้ว แล้วต้องเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ฝึกอยู่ 2 ปี พอครบกำหนด เขาก็เปิดรับให้ผู้ต้องการเป็นทหารต่อ สามารถรับราชการต่อได้เลย

จ.ส.อ.เชิด จึงได้สมัครเป็นทหารต่อจากนั้นมา

และตลอดระยะเวลาที่เป็นทหาร เป็น ส.ห. และเป็นช่างภาพของค่ายจิระประวัติ ก็ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ วิปัสสนา กรรมฐานเรื่อยมา

จนแต่งงาน มีบุตรธิดาด้วยกัน 5 คน

จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นผู้มีสมาธิจิตที่นิ่งสงบ จนสัมผัสกับญาณองค์เทพ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้

และวันหนึ่งได้รับคลื่นพระญาณจากองค์พระพิฆเณศร์ จะมาสร้างบารมีร่วมกันกับ จ.ส.อ.เชิด ในการช่วยเหลือมนุษย์ในโลกนี้

แต่ตอนนั้น จ.ส.อ.เชิด ยังไม่ทราบว่าเป็นเทพองค์ใด จึงไม่ยินยอมให้เทพมาประทับ

เพราะความที่ไม่ชอบที่จะเป็นร่างทรง ไม่ชอบที่จะรับองค์เทพใด ๆ เพราะชอบที่จะปฏิบัติกรรมฐานเป็นหลัก จึงขัดขืนไม่ยินยอม

และต่อจากนั้น ก็มีการสื่อสารมาอีกหลายครั้งจากองค์พระพิฆเณศร์ พ่อเชิด ก็ไม่ยอมให้ประทับ

มีคนบอกว่า ถ้าแต่งเครื่องแบบทหารไว้ องค์เทพจะไม่มาประทับ เพราะกลัวเครื่องแบบ

ท่านจึงแต่งตัวทหารตลอดเวลา แม้ยามนอนก็แต่งชุดทหารนอน ด้วยกลัวจะเป็นร่างทรงนั่นเอง

จากนั้นก็เริ่มเกิดอาการปวดหัว และเริ่มปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องกินยาแก้ปวดบ่อยครั้ง และลางานบ่อยครั้ง

จนสุดท้าย เห็นว่าหากเป็นอยู่แบบนี้ ก็ไม่สามารถทำงานได้ หากองค์เทพท่านจะมาสร้างบารมีจริง ก็คงต้องรับท่านมาประทับด้วย

จึงได้ไปหาสำนักทรง ตำหนักต่าง ๆ บอกว่า มีเทพองค์ใดไม่ทราบ จะมาประทับร่างของท่าน ขอให้ช่วยดูให้หน่อย และเชิญเข้าร่างให้เลย เพราะไม่รับท่านแล้วปวดหัวมาก

แต่สำนักทรงหลายแห่งที่ไ้ด้ไปหานั้น ไม่สามารถมองเห็นองค์เทพองค์นั้น บอกแต่ว่า เป็นเทพชั้นสูง และเชิญท่านประทับไม่ได้ ต้องเชิญเอง จุดธูป และนำเพลงสาธุการมาเปิดด้วยเพื่อรับท่าน

ท่านจึงได้ตัดสินใจ ในคืนวันหนึ่ง จุดธูปแล้วอัญเชิญ เทพองค์ใดที่จะมาประทับสร้างบารมี ก็ขอเชิญท่านมาประทับ ขอสร้างบารมีร่วมกับท่านตั้งแต่นี้ไป

สักพัก เริ่มมีความรู้สึกว่า จมูกเริ่มยาวขึ้น แขนขาหนักอึ้งยกไม่ได้ และใบหูเริ่มแผ่ขยายออกไป พร้อม ๆ กับเริ่มเหวี่ยงแขน เหวี่ยงขาคล้ายท่ารำ จึงได้เปิดเพลงสาธุกา่ร จากนั้น จ.ส.อ.เชิด ก็เหวี่ยงแขนขาคล้ายร่ายรำ จนจบเพลงจึงหยุด

จึงได้รับทราบว่า ท่านคือองค์พระพิฆเณศร์ ที่มีพระเศียรเป็นช้าง จะมาสร้างบารมีนั่นเอง


ตั้งแ่ต่นั้นเป็นต้นมาจ.ส.อ.เชิด ก็เริ่มสัมผัสกับวิญญาณได้ มองเห็นได้ โดยผ่านญาณพระพิฆเณศร์ และท่านก็ได้ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก จากการโดนคุณไสย การโดนทำของ การโดนสะกดต่าง ๆ ได้ช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุณไสยมามากมาย โดยไม่ได้เรียกร้องเงินทองใด ๆ จนคนทั่วไปรู้จักท่านดี ใครเดือดร้อนก็มาหาท่าน

และท่านได้ช่วยเหลือผู้คน และวิญญาณต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา

สิ่งที่ท่านได้ทำร่วมกับองค์เทพนี้ มิได้บอกใคร มิได้กล่าวอ้างให้ใครสรรเสริญแต่อย่างใด ท่านทำเงียบ ๆ ช่วยผู้ที่ลำบากด้วยการโดนคุณไสย และวิญญาณที่ลำบากต่าง ๆ เรื่อยมา

ท่านเป็์นโรคประจำตัว คือเบาหวาน และความดัน แม้บางครั้งต้องนอนโรงพยาบาล ให้น้ำเกลืออยู่ ท่านก็ลุกขึ้นมานั่งสมาธิ เมื่อถามท่่าน ท่านก็บอกว่า มีวิญญาณมาเกาะรอบเตียงเต็มไปหมด อยากให้ช่วย อยากขอให้ส่งกุศลไปให้ ท่านก็เลยต้องลุกขึ้นนั่งกรรมฐาน ส่งอานิสงค์ไปให้

เป็นภาพที่เห็นด้วยตา เห็นมาจนชิน ในการให้ความช่วยเหลือวิญญาณเหล่านี้

นั่นคือ ท่านทำด้วยความเมตตา ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ แม้ว่าผู้อื่นนั้น จะไม่สามารถมาตอบแทนท่านได้ ด้วยเป็นเพียงวิญญาณที่ร่อนเร่ก็ตาม

จนกระทั่้งปี 2540

วันที่ 17 เดือนเมษายน 2540

เรื่องราวที่เหลือเชื่อก็เกิดขึ้น
ณ บ้านเลขที่ 13 หมู่ 3 ตำบลนครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์

อีกครั้งหนึ่ง.



(ตอนที่ 2)

 

เห็นด้วยกับคุณกัลยา ควรจะบอกผู้บริจาคทุกคนก่อน ถึงแม้จะใช้เวลา ให้ทุกฝ่ายรีบติดต่อและคืนเงิน คุณกัลยา ซึ่งท่านจะได้แจ้งให้ทราบในกระทู้ ต่อไป

 

ตั้งแต่ยกเลิกบริการไอพีสตาร์ไปแล้วก็ไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนัก
วันนี้ได้อ่านข้อความต่างๆบวกกับการได้ไปพิษณุโลกโดยรถคุณวรรณ
พร้อมคุณบรรพต คุณแพท และคุณเทพบุตรชาวดิน ในระหว่างการเดินทาง
ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณวรรณบ้างก็พอรับรู้ถึงความไม่ค่อยแฮปปี้กับเรื่องสถานธรรมนัก
คิดว่าคงมีอะไรสิ่งใดเป็นสาเหตุแน่ มาวันนี้ได้เห็นการชี้แจงของทั้งสองฝ่ายบวกกับการผสมโรงของสมาชิกบางท่านที่หัวรุนแรงแล้ว ก็ทำให้เกิดความคิดว่าอยากรู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นเช่นไรกันแน่ เพราะทางหนึ่งบอกว่าหลงทาง และกำลังบอกว่ามีความไม่ชอบมาพากล
ทางหนึ่งบอกว่าแจ้งเพื่อทราบ
เคยได้รับการทักท้วงจากครูบาอาจารย์หลายท่านถึงความไม่ชอบมาพากลของกลุ่มเขากะลาแต่เพราะเห็นธรรมะที่มาโพสต์ถูกจริต ก็เลยเป็นแฟนคลับเขากะลามานาน
แต่ไม่นานมานี้ก็เกิดอาการหลงผิดคิดว่าตัวเอง ได้มรรคผลบ้างเหมือนกันกับแนวทางละวางอัตตาฉบับเขากะลา ได้เคยร่วมพิมพ์หนังสือแจกด้วยมาหลังจากนั้นก็เกิดอาการคล้ายที่คุณนีโม่เขียนไว้ในช่วงหลังนี้ ทำให้วันนี้ ตั้งใจอยากขอลาออกจากการเป็นแฟนคลับของกลุ่มเขากะลาและเว็ปพลังจิต นึกถึงคำอาจารย์บางท่านที่เคยบอกไว้ว่าอย่ามัวแต่ดูเน็ตให้ดูในจิตตนเอง ที่ผ่านมาไม่ได้กลัวเรื่องภัยพิบัติแต่แค่อยากเป็นคนที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นๆบ้างเท่านั้น เพราะถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงก็ไม่แน่ว่าเราจะรอด แม้ว่าที่ผ่านมาเหมือนจะได้ยินคนกลุ่มที่เข้าเขากะลาพูดถึงการได้รับความค้มครองจากต่างดาวแต่ก็ไม่ได้เชื่อจริงจังเพราะคิดอยูว่าถ้าอยู่แล้วลำบาก
หรือไม่สมประกอบไปก่อน
ก็น่าจะดีกว่านะ เพราะเกิดความรู้สึกอยากฝึกจิตด้วยตนเองไม่ยึดใครเป็นแบบแล้ว
ได้ยินเรื่องการให้ความเป็นอริยของท่านผู้อาวุโสแก่สมาชิกหลายท่าน
อยากทราบว่าเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
โดยเฉพาะท่านที่ได้รับการมอบดีกรีความเป็นอริยะน่าจะผู้ชี้แจงได้

 

อ้อลืมไปเงินบริจาคไม่ขอรับคืนขอให้นำไปทำตามที่ได้บอกกันไว้
ขออนุโมทนากับทุกท่านที่คิดดีทำดีใครทำไม่ดีไม่นานคงได้รับกรรม

 

ข้าพเจ้า...นาย"อมตะนิพพาน"ขอขมากรรม
ต่อ"พระธรรมอันสูงสุดของพระพุทธองค์"และนาย"เซียมหล่อนั้ง"สิ่งใดที่ได้เคยก้าวล่วงไป
ทั้ง มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ด้วยอุปนิสัยสันดาน"ขันธ์๕"ของข้าพเจ้าโดยมี"อวิชชา"เป็นตัวนำทาง ทั้งรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ต่อหน้าและลับหลัง ผมนาย"อมตะนิพพาน"ขอกราบขอขมากรรมต่อ"ธรรมของพระพุทธองค์"และนาย"เซียมหล่อนั้ง"เพื่อมิให้มีการผูกโกรธพยาบาทกันต่อไปซึ่งเป็นเครื่องกั้นขวางทางแห่งพระนิพพานกันทั้งสองฝ่าย และขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธ์ในสากลโปรดเสด็จมาเป็นพยานจงช่วยดลบันดาลโปรดอำนวยพรให้ทั้งสองฝ่ายมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปและให้เห็นทุกข์ใน"วัฏสงสาร"ในเร็ววันด้วยเทอญ
ขออนุโมทนา...สาธุ

 

การให้ความเป็นอริยะจากระบบ​

ระบบเขาเอามาหลอกคนโง่​

ที่ชอบยึด คิดว่าตัวเองเก่ง ไม่ฟังใคร​

คอยถามแต่คนอื่นว่าเหลืออีกกี่ชาติที่จะต้องเกิด​

ได้ขั้นไหนแล้ว ปรากฎว่าพอระบบเขาบอกเสร็จ​

คือหลอกเรียบร้อยแล้ว​

ระบบก็เปิดตูดแน่บ​

ปล่อยให้คนฟัง ปลาบปลื้ม ลืมกินข้าวไปหลายวัน​

ไม่ทันดูขันธ์ตัวเอง บอกอะไร บอกอะไร ก็ยึดด้วยความเร็ว​

หลอกทุกครั้ง สำเร็จทุกครั้ง ทุกเรื่อง​

คือถูกหลอกให้ออกจากขันธ์ห้าตัวเอง​

ระบบเขาถึงบอกว่า รอก่อน รอก่อนอย่าเพิ่งรีบโง่​

คืออย่าเพิ่งรีบยึด ยึดเร็วโง่เร็ว ยึดช้าโง่ช้าไง..​

55555555+++++​

เดือนแห่งการประมวลพลัง​

01.11น.​

11-11-11(2009)​

 

เรื่อง แจกมรรคผลนี่ ก็เห็นมีแต่ อ.ยูคริน คนเดียว ไหวตัวเร็วกว่าเพื่อน บอกว่าสงสัย

ระบบหลอกแน่ๆ ขอคิดดูก่อน (ยังไม่รีบจริงตาปลิ้น)

คนบางคนติดอุปกรณ์ 1 อย่าง ก็จริงตาปลิ้น (คิดว่าเป็นของเรา)

บางคน ติดอุปกรณ์ 10 อย่าง ก็ยังชิวๆ เราไม่อยากได้ เราอยากพ้นทุกข์

อย่างเดียว

มนุษย์โลกมีสัญญาความจำโง่ๆ เกี่ยวพันกับคำบางคำที่มีความหมายที่เรา

ต้องการ(ต้องการคำที่แปลว่ากูไม่ทุกข์ หรือทุกข์น้อยลงแล้ว) มากกว่าต้อง

การเห็นตามจริงว่าเจ้าขันธ์ห้า ที่มันกำลังดิ้นพราดๆร้อนรนอยู่เนี่ย มันเป็นแค่

การปรุงแต่งของธรรมชาติที่ยังเจือด้วยอุปาทานอยู่ มันไม่ใช่ตัวเราจริงๆ

เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว นี่แสบลึกจริงๆ

 

อ. NO.9 เคยเตือนเอาไว้แล้ว " ยกขึ้นให้สูง ทุ่มลง กระทืบซ้ำ "

" ระบบจะบดบี้ขยี้จิตใจ " เนี่ยเค้นมาจากประสบการณ์จริงนะ

 

ไม่มีอะไร จะสอนแล้วหรือ ทำไมระบบของพวกท่านสอน พระอริยะสงฆ ตั้งแต่พระโสดาบัน ถึงพระอรหันต์ ท่านเป็นเนื้อนาบุญของโลก ระบบของพวกท่านควรที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และคำนำหน้าพระอริยะสงฆ์ ไม่ควรมาพูดพล่อย ๆ

 

ทางกลุ่มยอมรับออกมาแล้วว่ามีการแจกมรรคผล การเป็นพระอริยะเจ้า จริง ๆ

 

คำกล่าวของท่านนี่สะเทือนไปทั้งจักรวาลเลยนะ 5 5 5+++
นอกจากนี้แล้วก็ยังรวมถึงคำว่าอาจารย์ของระบบด้วยนะท่าน...

 

จาก OSHO คุรุวิพากษ์คุรุ หน้า 39 ย่อหน้าที่ 3 ถึงหน้า 41 ย่อหน้าที่ คำว่านิพพานนั้นเป็นคำที่มีความหมายด้านลบ โดยตัวอักษรแล้วหมายถึง
“เป่าเทียนให้ดับ”
<O</O
พระพุทธเจ้าใช้คำนี้สำหรับภาวะปรมัตถ์แห่งการระลึกรู้ พระองค์ได้เลือกคำที่มีความหมายเชิงบวกมาบ้างแล้ว ในอินเดีย มีคำที่มีความหมายเชิงบวกหลายคำ โมกษะ หมายถึงเสรีภาพ อิสรภาพ ไกวัลย์ หมายถึงการอยู่ลำพัง อยู่ลำพังอย่างสัมบูรณ์ พราหมณภาวะ หมายถึงประสบการณ์แห่งปรมัตถ์ แต่พระองค์กลับเลือกคำแปลกประหยาด ซึ่งไม่เคยใช้ในบริบททางจิตวิญญาณเลย “เป่าเทียนให้ดับ” คุณจะเชื่อมโยงคำนี้เข้ากับประสบการณ์ทางจิตได้อย่างไรกัน
<O</O
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่เรียกว่าตัวตนของคุณไม่ใช่อะไรอื่น นอกเสียจากเปลวไฟ มันถูกจุดให้เร่าร้อนด้วยแรงปรารถนาของคุณ เมื่อแรงปรารถนานั้นหายไป เทียนก็หายไปด้วย เปลวไฟจึงไม่มีที่ให้เผาไหม้ต่อไป มันจึงหายสาบสูญไปเช่นกัน หายไปสู่จักรวาลอันไพศาล ไม่หลงเหลือร่องรอยเอาไว้ คุณจะหามันไม่พบอีก มันอยู่ที่นั่นเอง ทว่าก็ได้จากไปชั่วนิรันดร์ จากการเป็นตัวตนใดๆ จากข้อจำกัดใดๆ
<O</O
นั่นคือเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกคำว่านิพพานแทนที่จะเป็นการตระหนักรู้ เนื่องจากการตระหนักรู้ก็ยังมรอาตมภาพขั้นสูงอยู่ นั่นก็คือคุณเป็นคนที่ตระหนักรู้ เป็นการดำรงอยู่ที่อิสระ ทรงปัญญา เจิดจ้า ได้ค้นพบ ทว่าตัวคุณก็ยังคงอยู่
<O</O
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ตัวคุณ” ก็จะสูญหายไป ใครจะค้นพบได้เล่า ตัวตนของคุณแตกสลายออก คุณเป็นเพียงการประกอบรวมของธาตุ แล้วแต่ละธาตุก็ได้กลับสู่ถิ่นกำเนิดของมัน ไม่เหลืออัตลักษณ์ของปัจเจกอีก ใช่ คุณจะดำรุงอยู่เยี่ยงเดียวกับจักรวาล...
<O</O
ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงหลีกเลี่ยงคำที่มีความหมายบวก ทรงรู้แนวโน้มของมนุษย์ดี คำที่มีความหมายเชิงบวกล้วนส่งเสริมความรู้สึกถึงตัวกู แต่คำที่มีความหมายลบเป็นอย่างนั้นไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่คำนี้ไม่แปดเปื้อน คุณไม่อาจทำให้อะไรที่ไม่แปดเปื้อนเกิดมลทินได้ ผู้คนกริ่มเกรงที่ใช้คำนี้ ลึกลงไปภายในล้วนยำเกรง... นิพพาน พระพุทธเจ้าทรงถูกถามนับพันครั้ง “คำว่านิพพานของพระองค์ไม่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ไม่ทำให้เราเกิดความปรารถนาจะบรรลุถึง คำว่า ความจริงสูงสุด การตรัสรู้ การตระหนักในพระเจ้า เหล่านี้ล้วนสร้างความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ แต่คำของพระองค์ไม่สร้างแรงปรารถนาเลย”
<O</O
และพระพุทธเจ้าทรงตรัสครั้งแล้วครั้งเล่า “นั่นคือความงามของถ้วยคำ คำเหล่านั้นทั้งหมดที่สร้างแรงปรารถนาในตัวท่านจะไม่ช่วยอะไรท่าน เพราะตัวความปรารถนาเองก็คือรากแห่งความทุกข์ของท่าน การครอบครองบางสิ่งสร้างความเครียด นิพพานทำให้คุณปลอดพ้นจากความเครียด ไม่มีอะไรต้องปรารถนาอีก ตรงกันข้ามท่านจะต้องตระเตรียมตัวเองให้ยอมรับการแตกดับ ในการแตกดับนั้นท่านไม่อาจครอบครองตัวตน นี่คือเหตุผลที่คำนี้ยังคงไม่แปดเปื้อน”
<O</O
ไม่มีคำอื่นที่ไม่แปดเปื้อน ความหมายเชิงลบของมันคือเหตุผล และมีเพียงศาสดาผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถมอบสิ่งนี้ให้แก่มวลมนุษย์ชาติ สิ่งที่คุณไม่อาจทำให้แปดเปื้อนได้ แม้คุณจะจงใจอยากทำก็ตาม ยี่สิบห้าศตวรรษแล้ว...แต่ก็ไม่มีทาง นิพพานจะทำให้คุณดับสลาย แต่คุณไม่อาจทำอะไรกับนิพพานได้
<O</O
แน่นอน นี่คือคำที่บริสุทธิ์ที่สุด กระทั่งเสียงของถ้อยคำ ไม่ว่าคุณจะเข้าใจความหมายหรือไม่ก็ตาม ก็ยังเป็นเสียงที่ปลอบโยน ให้ความนิ่งสงบอยู่ลึกๆ ซึ่งคำอื่นๆเช่น การตระหนักรู้ถึงพระเจ้า ความสัมบูรณ์ ภาวะปรมัตถ์...ล้วนไม่ให้ความรู้สึกสงบเช่นนี้ เวลาได้ยินคำว่านิพพาน ดูราวกับว่าเวลาได้หยุดยั้งลง ราวกับไม่มีแห่งหนใดที่ต้องไปอีก ในชั่วขณะเช่นนี้ คุณอาจหลอมละลาย แตกดับ สลายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เบื้องหลังอีกเลย<O</O

<O</O
...................................................................................<O</O