ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    เฉลยคำว่า”ระบบ”
    คำว่า”ระบบ”มิใช่คำใหม่ มิใช่เป็นเอกสิทธิ์ของใคร คำว่า”ระบบ”ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกในหนังสือชื่อ “ครายออน” เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ซึ่งก็เป็นจิตจักรวาลประเภทหนึ่ง ที่มีคนๆสื่อสารกับจิตวิญญาณประเภทนี้นับหมื่นนับแสนคนทั่วโลก ด้วยคำถามว่า”คุณเป็นคนในระบบหรือเปล่า”
    ระบบไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ไม่มีการออกคำสั่ง การบงการ ไม่มีผู้ขับเคลื่อน ไม่มีหัวหน้าแผนก และก็ไม่มีการบรรลุธรรมในพุทธศาสนา มันคนละเรื่องกัน
    “ระบบ” เป็นจิตจักรวาลประเภทหนึ่ง ซึ่งมีการสื่อสารมาจากจักรวาลอันไกลโพ้น มีคนจำนวนมากติดต่อสื่อสารกับจิตวิญญาณประเภทนี้ได้ทั่วโลก คนไทยที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่สามารถสื่อสารกับจิตประเภทนี้ได้ เช่น อ.ปริญญา ตันสกุล อ.สถิตย์ธรรม เพ็ญสุข และแม้แต่คุณพี่นักเขียนที่ติดต่อกับท่านอาจารย์โนวา อนาลัย ฯลฯ ลักษณะของระบบ ส่วนมากจะเสนอเน้นย้ำในการละอัตตาตัวตน(ของตัวเอง) เพื่อไปสู่จิตวิญญาณเดิมแท้อันบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ใช่การละอัตตาละทิฐิตามหลักพุทธศาสนา


    การทำลายอัตตา
    การสอนสั่งให้ทำการละวางอัตตาด้วยวิธี แนวคิดแปลกๆ อันนำไปสู่การหลงผิดคิดว่าไม่มีตนเอง ไม่มีเรา ไม่มีเขา ฯลฯ โดยการตีความตามพุทธพจน์ด้วยความผิดพลาดแบบสุดโต่ง ซึ่งข้อผิดพลาดนี้ได้ทำให้ผู้ปฎิบัติตามหลุดเข้าไปในจิตวิญญาณขั้นจิตใร้สำนึก จนขาดการติดต่อกับจิตเหนือสำนึก ซึ่งเป็นความคิดสามัญปกติ โดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ปฎิบัติตามทิฐินี้ ขาดสำนึกรู้ในตัวเอง
    ขาดความเคารพในตนเอง ขาดความมั่นใจในตัวเอง จนต้องไปหาหลักยึดในสิ่งใหม่ที่ตนเองก็ไม่รู้จัก ซึ่งในที่นี้ก็คือ”ระบบ”ที่ถูกกล่าวอ้าง ต้องใช้ทฤษฎีระบบนี้เป็นตัวนำทาง และก็ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจและคำสั่งของผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับเคลื่อนระบบโดยปริยายและไม่มีทางขัดขืนใดใด

    ในกรณีนี้ผู้หลงเข้าไปในวังวนนี้แล้ว ยากที่จะถอนตัวและหลุดรอดออกมาได้ เพราะจิตใจได้หลุดเข้าไปในวงวนแห่งอวิชชาอย่างเต็มร้อย ขาดสติสัมปชัญญะ และการยั้งคิดใดๆ เพียงแต่รอรับคำสั่งจากใครคนใดคนหนึ่ง

    ศาสนาฮินดูในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ได้สั่งสอนว่าอัตตา(ของคนเรา)เป็นมายา เป็นกิเลส ต้องทำลายให้หมดสิ้น จึงจะเข้าไปสู่ความเป็นอาตมัน เป็นปรมาตมัน เป็นชีวิตที่ถาวรเป็นอมตะ ไม่เกิดไม่ตาย ไปอยู่รวมกับอาตมันชั่วนิรันดร์ ดังนั้นเหล่าโยคีทั้งหลายต่างก็พยามทำลายอัตตาของตน อดข้างอดน้ำ เอาดินคลุกทาตัว ไม่อาบน้ำ ทำการทรมานกายสังขารและจิตใจเพื่อทำลายความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาของตน(เพื่อไปยึดในอัตตาอันใหม่ที่เป็นจริงยิ่งกว่า)

    การละวางและทำลายอัตตานั้นเป็นทิฐินอกพุทธศาสนา เพราะในทรรศนะพุทธศาสนานั้นอัตตาไม่เคยมีจริงและไม่ต้องไปละ(นิรัตตา) เพียงแต่ต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ของธรรมชาติตามหลักปฎิจจสมุปบาท ตั้งแต่ อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร-วิญญาณ-นามรูป-สฬายตนะ-ผัสสะ-เวทนา-ตัณหา-อุปปาทาน-ภพ-ชาติ หมุนเวียนกันไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น และรู้จักกฏเกณฑ์แห่งความจริง (ไตรลักษณ์) ที่บอกว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง เป็นทุก เป็นอนัตตา และรู้จักทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปฎิบัติตามหลักไตรสิกขาอันมีศีล สมาธิ ปัญญา และสัมมาอริยมรรคองค์แปด เท่านั้น
     
  2. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    อาหารของอวิชชา(ตามพุทธพจน์)
    “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวดังนี้ว่า.......อวิชชาก็อีกนั่นแล มีสิ่งนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ เรากล่าวว่า.....(อัง.ทสก.๒๔/๖๑/๑๒๑)
    อวิชชามีอาหาร........อาหารของอวิชาคือ นิวรณ์๕
    (แต่ลัทธิเขากะลาบอกว่าห้ามละนิวรณ์๕ เพราะต้องใช้ทำงาน)
    นิวรณ์๕มีอาหาร......คือ ทุจริต๓
    (ก็เห็นชัดว่าผู้ฝึกวิชาเขากะลา มีทุจริต ๓ คือกายทุจริต วจีทุจิต มีมโนทุจริต เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นตนเองแต่บอกว่าเป็นเวพ)
    ทุจริต๓มีอาหาร......คือการไม่สำรวมอินทรีย์
    (อันนี้ชัดเจนทุกประการ ในการไม่สำรวมอินทรีย์ เฮฮาที่ไหนไปที่นั่น ไม่สำรวมในกาย วาจา ใจ)
    การไม่สำรวมอินทรีย์มีอาหาร.....คือการขาดโนยิโสมนสิการ
    (ไม่ยอมไตร่ตรองในธรรมทั้งหลาย บอกว่าเป็นเวพผู้จัดการและไม่รับผิดชอบ บอกว่าให้ทำเสมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำแล้วทิ้งๆ)
    การขาดโนยิโสมนสิการมีอาหาร......คือ ความขาดศรัทธา
    (ไม่มีศรัทธาในพระสงฆ์และผู้รู้ทั้งหลาย ขาดความเชื่อที่ถูกต้อง ขาดศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา แต่มีศรัทธาอันที่เชื่อตามที่เขาสั่งลงมา)
    ความขาดศรัทธามีอาหาร......คือ การไม่สดับสัทธรรม
    ( ก็เพราะมิได้อบรมจิต มิได้ฟังธรรม มิได้ศึกษาธรรมวินัยที่ถูกต้องตามพุทธบัญญัติมาก่อน แต่ไปฟังผู้ที่แอบอ้างว่าตนบรรลุมรรคผลมาได้อย่างง่ายดาย)
    การไม่สดับสัทธรรมมีอาหาร......คือ การไม่เสวนาสัปบุรุษ
    (ก็เพราะไปเสวนากับพวกมิใช่สัปบุรุษ มิใช้ผู้รู้ธรรม)
    การไม่เสวนาสัปบุรุษบริบุรณ์ ย่อมยังการไม่ได้ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
    การไม่ได้ฟังสัทธรรมอย่างบริบูรณ์ ย่อมทำความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์ ฯลฯ
    นิวรณ์ ๕ บริบูรณ์ ย่อมทำให้อวิชชาบริบูรณ์ อวิชชามีอาหาร และมีความบริบูรณ์อย่างนี้”
    เมื่อเป็นอย่างนี้ วิชาละอัตตา วิชาเมืองลับแลของเขากะลาก็คืออวิชชาแบบสมบูรณ์ ตามพุทธฏีกาฯ
     
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  7. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ผมว่าต่อไปอย่าไปยุ่งเรื่องเงินทองเลย จะผิดพ้องหมองใจกันสะเปล่าๆ ทำไปตามกำลังที่มีก็พอแล้วครับ :)

    คนระดับพี่เมาท์ผมว่าไม่่น่ามีใครมาจูงจิต สะกดจิตได้นะครับ
     
  8. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ในอดีตมีการฝึกการปฎิบัติการณ์ทางจิตด้วยทฤษฎีแบบแปลกๆ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการละวางอัตตาตัวตน แต่การฝึกจิตโดยขาดการศึกษาและรู้จริงตามหลักของไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา และสัมมาอริยมรรคทั้งแปด ทุกอย่างเป็นการเข้าทรงประทับทรงจากอะไรก็ไม่รู้ บางครั้งถึงกับแอบอ้างว่าเป็นพระพุทธองค์มาผ่านร่าง มาเปิดภพทั้งสาม ต่อมาก็เป็นมนุษย์ต่างดาว ฯลฯ แต่หลังจากนั้นจานบินก็ไม่ยอมมาปรากฏที่เขากะลาอีกเลยนับสิบปี ผู้ที่เคยเข้าฝึก..ในปี 2542-2543ล้วนแล้วแต่กลัวโลกจะแตกในปี 2000 บอกว่าไปฝึกแล้วจะรอดครอบครัวจะรอด เมื่อฝึกไปเป็นปีปี ก็มีไม่อะไรเกิดขึ้น อีกทั้งก็เกิดการต่อต้านจากชาวบ้าน ญาติพี่น้องผู้ฝึก มีการเอาตัวตำรวจขึ้นมาตามตัวลูกหลานของตนเองกลับไป แต่ไม่ยอมกลับ จนพ่อแม่ต้องยอมแจ้งความจับลูกตนเองด้วยคดีอาญาร้ายแรง เพื่อที่จะมีเหตุผลในการเข้าไปจับกุมของเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้นำลูกหลานของตนออกมาจากลัทธินี้

    หลายๆคนพ่อแม่มาตามด้วยน้ำตานองหน้า แต่ไม่ยอมกลับ ทำร้ายจิตใจบุพการีด้วยความหลงผิด จนแม้วันนี้ก็ยังไม่สำนึกในความผิดปาปที่ตนกระทำลงไปกับบุพการีจนแทบตรอมใจตาย กลับมาอ้างว่าตนเป็นพระอริยสงฆ์ อวดอุตริมนุษย์ธรรมจะเป็นผู้ไปช่วยกู้ภัยพิบัติ ช่วยเหลือโลก ด้วยความเชื่อว่าตนเองจะเป็นฮีโร่ ทุกคนจะมายอมสยบ แต่นี่แม้แต่ตัวเองยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยังบอกว่าจะไปช่วยกู้ภัยโลกแตก ความหลงผิดทำให้วิปลาสไปได้ถึงเพียงนี้
     
  9. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ผมเคยคุยกับพระอาจารย์ใหญ่ที่ท่านติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้ ติดต่อสื่อสารได้ แบบสองทาง ท่านก็บอกว่า เรื่องโครงการมาช่วยเหลือภัยพิบัตินี้ไม่เคยมี ไม่มีโครงการแบบนี้ หากจะบอกว่าคนละดาวคนละกลุ่ม คนละดวง เขาจะสื่อสารคุยกันไม่รู้เรื่องเชียวหรือ อ.เทพพนมก็บอกว่าพวกมนุษย์ต่างดาวมีทั้งมาดีและก็มาร้าย ให้ระวัง ทุกๆอย่างถูกเหมารวมเป็นของระบบ อ.เทพพนม ก็คนระบบ อัลกอร์ที่ทำเรื่องภาวะโลกร้อนก็คนระบบ ตอนทักษิณดังก็บอกว่าคนระบบ พอทักษิณตกอับก็ไม่ยอมอ้างถึง ทุกๆคนที่ทำเรื่องภัยพิบัติทั่วโลกก็บอกว่าเป็นคนระบบทั้งหมด แต่ทำไมเขาไม่รู้จัก ใครติดต่อสื่อสารกับจิตจักรวาลได้ รับญาณเทพอื่นๆได้ ก็บอกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของระบบ คนเหล่านั้นถูกฝึกเดี่ยว เป็นคนระบบ แต่ทำไม่ไม่รู้จักผู้ขับเคลื่อนฯ

    คุณธนวรรณบอกว่า ผู้ขับเคลื่อนฯกลัวโดนโจรขโมยของ แอบเข้าไปติดเหล็กดัดในห้องของตนเองที่สถานธรรมโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน เพราะกลัวของจะหาย............แค่นี้ก็กลัวแล้ว ไหนว่าปล่อยวาง เมื่อภัยพิบัติมาจะหนีไปไหนรอด

    ผู้ฝึกกลับลงมาจากเขากลางคันเพราะทดสภาวะการกดประสาทไม่ได้ มีหลายคนเข้าไปทุบทำลายป้ายกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวแล้วกระทืบด้วยเท้า ด้วยความโกรธแค้น ต่อมามีกองกำลังของตำรวจป่าไม้พร้อมอาวุธครบมือ ขึ้นไปกวาดล้างกลุ่มผู้ฝึกให้ลงจากเขา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากญาติพี่น้อง จนกลุ่มผู้ฝึกต้องหลบหนีไปฝึกที่บางกะเจ็ด

    60 บุคคลหายไปไหนทั้งหมด...ทุกอย่างเป็นความลับ ไม่มีการนำออกมาแสดงให้เห็นผลความสำเร็จของการฝึก เหลือออกมาแสดงตัวเพียง 10กว่าคนเท่านั้น นอกจากจะบอกว่า “..พวกเขาไปเล่นฉากอื่น ไปประสานงานที่อื่นก่อน รอภัยพิบัติมาก่อนแล้วพวกเขาจะมาเอง”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 พฤศจิกายน 2009
  10. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ก่อนหน้าที่จะมีการฝึก คุณพ่อเชิด ชื่นสำนวน ท่านได้บำเพ็ญธรรม อยู่บนเขากะลา ด้วยเมตตาจิตของท่านได้ทำการช่วยเหลือสรรพวิญญาณทั้งหลายให้ได้รับการปลดปล่อย ไม่ว่าจะเป็ญวิญญาณพเนจร วิญญาณถูกกักขัง วิญญาณเร่ร่อนต่างๆ ทั้งผีขโมด ผีพราย ฯลฯ นับล้านๆดวง มานานนับปีปี เมื่อใครมาขอให้ช่วยเหลือท่านก็ได้ทำการช่วยเหลืออย่างเต็มอกเต็มใจ ไม่เรียกร้องเงินทองผลประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น แต่เมื่อมีใครโดยคุณไสยถูกกระทำ ท่านก็นำคุณไสยนั้นส่งกลับไปยังเจ้าของ พร้อมกับเข้าไปทำลายรังของเจ้าของวิชานั้น แต่ก็นี่อาจะเป็นเหตุผลที่ท่านต้องถูกกระทำกลับคืนในบั้นปลายของชีวิต ด้วยการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงรับทุกขเวทนาแสนสาหัสจนสิ้นชีวิต และก็อาจะส่งผลตลอดจนถึงครอบครัวลูกหลาน ก็เป็นไปได้

    คุณชูชาติฯ หนึ่งในผู้ที่ได้รับสื่อ(หมายเลขหนึ่ง) ได้รับญาณเทพ (ปู่พระอินทร์)ทำการเทศนาธรรม อยู่บนเขากะลาตลอดสองปีก่อนมีการฝึก แต่เมื่อมีเวพโดยคุณวาสนาลงมา เกิดมีการกะทบกระทั่งกันเล็กน้อยระหว่างร่างปู่พระอินทร์และเวพต่างดาว และปู่อินทร์ก็หายไปในคืนวันนั้นและไม่มาอีกเลย จากนั้นคุณชูชาติก็เริ่มไม่ปกติและเป็นกลายคนวิกลจริตมานานนับสิบปีแล้ว เดินเที่ยวพเนจรหาเศษอาหารกินตามถังขยะ วันๆกินแต่เหล้า ครอบครัวแตกกระจาย ลูกหลานภรรยาต้องแยกกันอยู่ และภรรยาก็เจ็บป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด ส่วนคุณชูชาติพี่น้องไม่ยอมพาไปรักษา บอกว่านี่เป็นเวพ และกำลังจะทำอรหันตผล อันเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ต่อมาหลายคนในบ้านต่างก็วิญญาณร้ายเข้ามากระทำย่ำยี โดยอาจารย์คุณไสย์ที่พ่อเชิดท่านได้ไปปลดปล่อย ตอนนี้ไม่มีใครมาแก้ได้ แต่กลับบอกว่าผีก็ผีระบบ.....เป็นเวพ
     
  11. horasarn

    horasarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +3,255
    ข้อความที่พ่อเชิดท่านสื่อกับมนุษย์ต่างดาวใหม่ๆ มีความความจากมนุษย์ต่างดาว แจ้งให้มนุษย์ยกเลิกการส่งกระสวยอวกาศ การส่งดาวเทียม และส่งคลื่นออกไปรบกวนพวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาจะทำการส่งยานอวกาศมายิงดาวเทียมให้ตกลงมาและจะมารุกรานโลกมนุษย์ โดยกำหนดหนดวันเอาไว้ว่าวันนี้จะมียานมากี่ลำๆ จะจะทำการทำลายดาวเทียมของสหัฐเอมริกาก่อน
    ซึ่งพ่อเชิดได้ทำการติดต่อไปยัง อ.เทพพนม ฯลฯ ทางทหารกาศ เพื่อส่งข้อความดังกล่าวนี้ไปยังสหรัฐอเมริกาผ่านนายทหารท่านหนึ่ง พร้อมกับแจ้งข้อมูลไปทางรัฐบาลไทย ซึ่งได้บ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตรของพวกเขาต่อชาวโลกอย่างชัดเจน (เหมือนกับข้อความจากมนุษย์ดาวพระศุกร์ที่กลุ่มอุทธยานพระโพธิสัตว์กวนอิมสื่อสารมาได้)
    แต่พอรุ่นลูกของพ่อเชิด กลับสื่อสารมาว่าพวกเขาจะมาช่วยกู้ภัยพิบัติ จะมาช่วยชาวโลก ซึ่งเป็นข้อมูลที่สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก..............และก็ไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริง
    แต่คุณพ่อเชิดท่านน่าเชื่อถือมากกว่า
     
  12. Digital

    Digital เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +612
    อาจารย์เม้าท์แน่ใจหรอคะ ว่าต้องการให้เปิดเผยกันให้กระจ่าง?

    งั้นก็ต้องให้นำสมุดบัญชีของพี่สุดใจที่รับการโอนเงินทำบุญทั้งหมด และให้คุณวาสนารับผิดชอบจำนวนเงินทั้งหมด นำมาสแกนให้เพื่อนๆ ดูหน้ากระทู้นี้ ที่ผู้ที่ศรัทธาร่วมบริจาคทั้งฐานพระ องค์พระ สร้างสถานปฏิบัติธรรม และอื่นๆ มาโชว์แบบ update และ ย้อนหลัง และต้องแจกแจงทุกรายการอย่างละเอียด เพราะจะได้ไม่เป็นที่คลางแคลงสงสัยกัน ตามที่อาจารย์เม้าท์ขอมา
    สแกนลงหน้าเวฟวันนี้เลยดีไม๊จะได้ตัวเลขupdate

    แต่ถ้าเปลี่ยนใจไม่ต้องการให้เปิดเผย ก็โพสท์แจ้งเลยค่ะ ว่าอาจารย์เปลี่ยนใจแล้วไม่ต้องการให้เปิดเผย

     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เมื่อวานแผ่นดินไหวลาวหลายหน

    แผ่นดินไหวลาวที่กระเทือนมาถึงไทย คราวก่อน ที่อพยพคน ออกจากตึกกัน (16 พฤษภาคม 2550)

    11-11-2009
     
  14. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เอาธรรมะมาฝากจ้า เพื่อนๆ

    [​IMG]
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผมว่าพวกเรากลับมาที่จุดมุ่งหมายเดิมของกระทู้นี้กันดีกว่านะครับ

    จุดมุ่งหมายของการตั้งกระทู้นี้ ก็เพื่อมาแจ้งเตือนเรื่องของภัยพิบัติ และการเตรียมการทำงานเพื่อร่วมมือกับเพื่อนต่างดาว(ฝ่ายดี) ที่จะมาช่วยชาวโลกที่มีจิตสำนึกที่ดีงาม ได้อยู่รอดต่อไปในโลกยุคพลังงานใหม่....

    โดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่เห็นด้วย กับแนวทางการยกระดับจิตของเพื่อนต่างดาว ที่มาสื่อสารถึงวิธีปฏิบัติให้ถึงแดนแห่งพระนิพพาน ไม่ว่าจะมาสื่อสารผ่าน อ.ปริญญา ตันสกุล หรือท่านอื่นๆที่มีจิตสัมผัสกับ "จิตจักรวาล" ได้ เพราะหนทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงนั้น พระพุทธเจ้าของเราได้ตรัสสอนเอาไว้หมดแล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องไปแสวงหาโดยหนทางอื่นอีกต่อไป

    ผมคิดว่าคนที่เข้ามาดูในกระทู้นี้ เขาสนใจว่ามนุษย์ต่างดาวมีแผนงานที่จะมาร่วมมือกับ"กลุ่มเขากะลา" ในการร่วมมือกันทำงานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในรูปแบบใดบ้างกันมากกว่า คนที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ไม่ได้สนใจหรอกว่ามนุษย์ต่างดาว จะมีวิธีสอนการยกระดับจิตให้กับ"กลุ่มเขากะลา" อย่างไรบ้าง พวกเขาสนใจแต่แผนการทำงานเมื่อตอนเกิดภัยพิบัติ ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมาช่วยเหลือชาวโลกด้วยขั้นตอนใดๆ บ้างต่างหาก

    ผมคิดว่าที่กลุ่มเขากะลา เขาจำเป็นต้องติดต่อกับระบบต่างดาว ก็เลยจำเป็นต้องฝึกการปรับกระแสจิต ปรับกระแสคลื่นความคิดให้ตรงกับคลื่นความคิดของมนุษย์ต่างดาว หรือที่พวกเราเรียกกันว่า"โทรจิต"นั่นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อจะร่วมมือกันทำงานกับเพื่อนต่างดาวได้โดยสะดวก แต่พวกเราที่เป็นฝ่ายคอยให้การสนับสนุนการทำงานกับเพื่อนต่างดาว(ฝ่ายดี) ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปฝึกจิตในรูปแบบของกลุ่มเขากะลาแต่อย่างใด เราก็ยังคงปฏิบัติธรรมไปตามแบบแผนที่พระพุทธเจ้าของเราได้ทรงตรัสสอนเอาไว้ได้ตามปรกติครับ

    ที่นี้เรามาดูแผนงานที่เพื่อนต่างดาว ที่จะมาร่วมมือกันทำงานกับกลุ่ม"เขากะลา" กันดีกว่านะครับ ว่ามีแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติอย่างไรบ้าง

    ความหมายของคำว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่"

    คำว่า "ภัยพิบัติครั้งใหญ่" ในที่นี้หมายถึง ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในระดับรุนแรงทั่วโลก ได้แก่ สภาพภูมิอากาศแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อากาศร้อนจัด หนาวจัด ฝนตกหนัก ลมพายุรุนแรง ไฟไหม้ป่า ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว โคลนถล่ม หิมะถล่ม น้ำแข็งทั่วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ฯลฯ

    ภัยธรรมชาติเหล่านี้ จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้มนุษย์และสัตว์เสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล ส่วนภัยอื่นๆ เป็นเพียงทางผ่านของการเดินทางไปสู่ช่วงเวลาการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

    ผลจากการเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

    มนุษย์และสัตว์จะเสียชีวิตเป็นจำนวนมหาศาล มนุษย์จะเสียชีวิตเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดในโลกนี้ บ้านเรือน อาคารสถานที่และทรัพย์สินทั่วโลกจะถูกทำลายพังพินาศ ระบบเทคโนโลยีต่างๆ จะเสียหายและใช้งานไมได้เลย เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ระบบโทรศัพท์ และระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จะมีน้ำท่วมระดับสูงบริเวณพื้นที่ราบทั่วโลกเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ผู้ที่รอดชีวิตจึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามสภาวะปกติเหมือนเดิม และต้องไปอาศัยหลบภัย ณ จุดปลอดภัยต่างๆ ทั่วโลกเป็นระยะเวลานาน

    ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่จะชำระล้างโลกให้สะอาดขึ้น ได้แก่ อากาศจะบริสุทธิ์ขึ้น น้ำจะสะอาดขึ้น พื้นดินเก่าจะถูกชะล้างสารเคมีและกลับฟื้นสภาพดีขึ้น ฯลฯ จะทำให้เกิดการปรับสมดุลทางธรรมชาติ และจะเกิดการเปลี่นแปลงด้านภูมิศาสตร์ ได้แก่ สภาพภูมิอากาศจะเป็นไปตามฤดูกาล จะมีพื้นดินเกิดใหม่ซึ่งมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ พื้นดินเก่าบางส่วนจะจมหายไปและสายน้ำเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้ต้องเขียนแผนที่โลกใหม่ ฯลฯ

    ขั้นตอนในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    แผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนได้แก่

    1. ขั้นตอนฝึกจิต

    2. ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติ

    ในขั้นตอนนี้จะมีการประสานงานกัน ระหว่างผู้ปฎิบัติงานทุกกลุ่มเพื่อรวบรวมผู้ปฏิบัติงานและรวบรวมปัจจัย 4

    3. ขั้นตอนช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ

    ผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน จะต้องปฎิบัติงานภายใต้ระบบสากลจักรวาล ซึ่งเป็นระบบการทำงานของมนุษย์ต่างดาว จะทำให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ผู้ปฏิบัติงาน ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ มีผู้ปฎิบัติงาน 3 ฝ่าย ได้แก่

    1. ฝ่ายพระญาณ(หลวงปู่เทพโลกอุดร) ได้แก่ พระญาณต่างๆ ที่ลงมาจากสวรรค์ พรหมและดินแดนนิพพาน เพื่อทำหน้าที่ฝึกจิตแก่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลกและปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือภัยพิบัติ

    2. ฝ่ายมนุษย์ต่างดาว มีมนุษย์ต่างดาว 18 ดวงดาว ทำหน้าที่ดังนี้

    2.1 ทำหน้าที่ฝึกจิตแก่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก

    2.2 สำรวจและวิจัยมนุษย์โลก รวมทั้งสิ่งต่างๆ บนดาวโลกนี้ ได้แก่ สำรวจและวิจัยระบบในร่างกายมนุษย์โลก สภาพภูมิอากาศ ก๊าซ น้ำ แร่ธาตุและสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใน ข้อ 2.3 และข้อ 2.4

    2.3 สร้างอาคารสถานที่ ณ จุดปลอดภัยทั่วโลก จำนวน 30 จุด เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยพิบัติของมนุษย์โลก

    2.4 สร้างเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และยานบินเพื่อให้มนุษย์โลกได้ใช้งานตามความจำเป็น

    3. ฝ่ายมนุษย์โลก มีผู้ปฏิบัติงานจำนวน 5,000 คน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    3.1 ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นอากาศ (ในยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว)

    3.2 ผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นดิน

    ฝ่ายพระญาณและผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก ด้วยปัญญาญาณหยั่งรู้ว่า ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะสามารถปฏิบัติภารกิจ ให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ จึงขอความร่วมมือจากมนุษย์ต่างดาว 18 ดวงดาว ซึ่งเป็นสมาชิกในสหพันธ์จักรวาลและอาศัยอยู่ในแกแล็กซีเดียวกันกับดาวโลกนี้ พวกเขามีความเจริญในธรรมะและมีความเจริญในเทคโนโลยี ดังนั้น พวกเขาจึงมีความพร้อม และเหมาะสมที่จะมาร่วมมือทำงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    เหตุปัจจัยในการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานฝ่ายมนุษย์โลก มีดังนี้

    1. มีการพัฒนาดวงจิตอยู่ในระดับที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    2. เคยสร้างบุญกุศลในจำนวนที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    3. เคยสร้างบุญกุศลร่วมกันกับผู้ปฏิบัติงานคนอื่นๆ

    4. ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะไม่มีกรรมหนักที่ส่งผลในชาตินี้ เพระผลแห่งกรรมหนักจะทำให้ดวงจิต ไม่มีกำลังต้านทานความทุกข์ในระบบฝึกจิต และผลแห่งกรรมหนักจะขัดขวางการทำความดี คือการช่วยเหลือภัยพิบัติ

    5. มีคุณสมบัติเหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

    ระบบฝึกจิต (ของกลุ่มคน 5,000 คน)

    มนุษย์ต่างดาวได้สร้างเครื่องมือชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้เกิดคลื่นและนำคลื่นมาเชื่อมต่อดวงจิตของมนุษย์โลก คลื่นนี้สามารถคิด พูด ทำในร่างกายของมนุษย์โลกได้ เมื่อกิเลสกำเริบ คลื่นจะทำงานทันที โดยการเพิ่มปริมาณของกิเลสให้มากขึ้น ทำให้รู้สึกเป็นทุกข์มากกว่าปกติ และทำให้มองเห็นกิเลสหรือนิสัยได้ชัดเจนขึ้น ระบบฝึกจิตนี้เป็นระบบฝึกจิตแบบพิเศษ เรียกว่า ระบบพัฒนาดวงจิต

    ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านจะได้รับการฝึกจิตในระบบเดียวกันนี้ แต่ละท่านจะได้รับการฝึกจิตตามเหตุปัจจัยของตนเอง บางทีก็ฝึกคนเดียว บางทีก็ฝึกเป็นคู่ บางทีก็ฝึกเป็นกลุ่ม เพราะมีเหตุปัจจัยคล้ายกัน

    จุดมุ่งหมายในการฝึกจิต

    ก่อนที่ผู้ปฏิบัติงานจะไปทำงานช่วยเหลือภัยพิบัติ ทุกท่านจะได้รับการฝึกจิตในระบบพัฒนาดวงจิตเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อยกระดับดวงจิตให้สูงขึ้นหรือเพื่อขัดเกลานิสัยให้ดีขึ้น เมื่อทุกท่านได้รับการฝึกจิตให้เข้าสู่เป้าหมายแล้ว จึงจะสามารถปฏิบัติภารกิจสำเร็จตามเป้าหมาย ที่ได้กำหนดไว้ในแผนงานช่วยเหลือภัยพิบัติ ดังนั้น การฝึกจิตในระบบนี้จึงเป็นการฝึกเพื่อไปทำงานเฉพาะกิจ คือ งานช่วยเหลือภัยพิบัติ

    บทเรียนฝึกจิต

    สิ่งใดที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน แล้วทำให้ท่านเป็นทุกข์ สิ่งนั้นจะเป็นบทเรียนฝึกจิตของท่าน

    วิธีเอาชนะบทเรียนฝึกจิต

    เมื่อท่านรู้สึกเป็นทุกข์ ท่านต้องใช้บารมี 10 ของท่านเข้าต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อออกจากความทุกข์นั้น เช่น ใช้ความอดทน ใช้ความเพียรพยายาม ใช้ปัญญาพิจารณาความเป็นจริงในวัฎสงสาร แล้วปล่อยว่าง เป็นต้น

    ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิต

    ข้อมูลในช่วงเวลาฝึกจิตจะเป็นข้อมูลจริงปนหลอก เพื่อให้เป็นบทเรียนฝึกจิตหรือเพื่อให้กำลังใจ ข้อมูลจะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของแต่ละคน

    ในช่วงเวลาฝึกจิตนี้ แต่ละคน แต่ละกลุ่มจะได้รับสื่อข้อมูลจากคลื่นของมนุษย์ต่างดาวหรือจากพระญาณซึ่งเป็นอาจารย์ฝึกจิต ทุกคนก็จะเชื่อมั่นในข้อมูลที่ตนสื่อได้ ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ถ้าทุกคน ทุกกลุ่มมาพูดคุยรวมกัน จะเห็นได้ว่า ทุกคนต่างมีข้อมูลที่แตกต่างกัน และอาจมีข้อมูลที่คล้ายกันบ้างในบางส่วน เพราะข้อมูลเหล่านี้เกิดจากเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติแล้ว ข้อมูลก็จะมีความเป็นหนึ่งเดียว

    เมื่อระบบฝึกจิตปิดคอร์ส

    นั่นหมายถึง ทุกคนได้รับการฝึกจิตเข้าสู่เป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการก่อนเกิดภัยพิบัติ ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านก็จะมารวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อช่วยกันทำงาน เรียกว่า กลุ่มช่วยเหลือภัยพิบัติ

    ที่มา : http://forum.sanook.com/forum/index.php/topic,1303346.0/all.html?ckid=1202327692
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  16. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    <table id="post2595295" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> เมื่อวานนี้, 12:23 AM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #11219 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เกษม<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2595295", true); </script>
    ผู้สนับสนุน กิตติมศักดิ์

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 5,358
    Groans: 17
    Groaned at 90 Times in 82 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 17,288
    ได้รับอนุโมทนา 74,662 ครั้ง ใน 4,873 โพส
    พลังการให้คะแนน: 3600 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2595295" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->จุดประสงค์ของ"กลุ่มเขากะลา"ก็เพื่อช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติ

    อ้างอิงข้อความดั้งเดิมของคุณ สุดใจเขากะลา

    - เรื่องของภัยพิบัติเป็นเรื่องใหญ่ จะเห็นได้ว่า จิตวิญญาณชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นพระปฏิบัติที่ท่านละสังขารไปแล้ว เทวดา เทพ พรหม จิตจักรวาล หรือมนุษย์ต่างดาว ก็สื่อสารผ่านร่างมนุษย์ทั้งสิ้น ในหลายท่าน หลายกลุ่ม หลายสำนักปฏิบัติ จุดประสงค์ก็เพื่อช่วยเหลือ เรื่องของภัยพิบัติเหมือนกัน จะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม รูปแบบการเตือน รูปแบบการเตรียมการ รูปแบบการเร่งปฏิบัติจิต ล้วนเป็นรูปแบบเพื่อเตรียมรับกับภัยพิบัติ ในกาลข้างหน้าทั้งสิ้น

    " เหมือนเราไปเที่ยวงานวัด ภายในงานวัดนั้นมีมหรสพมากมาย ไม่ว่าคนที่เล่นลิเก คนที่ฉายหนัง คนที่ขายลูกชิ้น คนขายลูกโป่งคนขายของเล่น หรือคนที่ไปเดินเที่ยวในงานนั้น ต่างก็อยู่ในงานเดียวกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน"

    - ดังนั้นเรื่องของ "ภัยพิบัติ" จึงมีหลายหลายหน้าที่ หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะรวมกลุ่มปฏิบัติธรรมเพื่อยกระดับจิตใจ เตรียมการเรื่องสถานที่หลบภัยเตรียมอุปกรณ์ในกรณีฉุกเฉิน เผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆหรือผ่านข้อมูลรับข่าวสารเรื่องการเตือนภัย ทั้งหมดล้วนเป็นงานเดียวกันแต่คนละภารกิจเท่านั้นเอง

    - มนุษย์ต่างดาวกล่าวว่า จึงไม่มีคำว่าผิด หรือถูก ในการปฏิบัติการเตรียมการของแต่ละกลุ่ม ให้มองว่าสิ่งที่กลุ่มต่าง ๆ ปฏิบัตินั้นถูกต้องตามหน้าที่ของเขา เราก็ทำไปตามหน้าที่ของเรา งานนี้จึงจะลุล่วงไปได้ด้วยดี ...... "อย่าได้นำไปเปรียบเทียบกันเด็ดขาด เพราะเป็นคนละหน้าที่กัน" (คำที่มนุษย์ต่างดาวกำชับไว้)

    - จ.ส.อ.เชิดชื่นสำนวน ทำงานเรื่องของภัยพิบัติมาตั้งแต่ต้น แม้ในขณะนี้ท่านก็ยังทำอยู่แต่อาจเป็นรูปแบบที่เรานึกไม่ถึงก็เป็นได้

    - มี 3 ข้อ ที่มนุษย์ต่างดาวบอกไว้หลายปีก่อนก็คือ

    - เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
    - อะไรก็เกิดขึ้นได้
    - อย่าตีกรอบ


    **************************************************

    อีกแค่ 2 ปี พวกเราก็จะต้องเริ่มทำงานกันแล้วครับ

    สาส์นจากเพื่อนต่างดาวมาเตือนชาวโลก
    โดยคุณ Haruaki_n<script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_", true); </script> สมาชิก

    Remote viewing Tibetan monks see Extra Terrestrial powers saving the World from destroying itself in 2012. Remote viewing is nothing new in Tibetan monasteries.
    <o></o>
    พระ ชาวทิเบตได้ใช้ญาณ มองเห็นถึงพลังของมนุษย์ต่างดาวช่วยโลก จากการชำระล้างในปี 2012 การใช้ญาณหยั่งรู้นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ของเหล่านักบวชทิเบตเลย
    <o></o>
    For thousands of years remote viewing in the middle of other spiritual activities have dominated Tibetan culture. What some Indian tourists came to learn from a few Tibetan monasteries under the current Chinese rule is extremely alarming and fascinating.
    <o></o>
    หลาย พันปีกับการใช้ญาณหยั่งรู้ ในช่วงกลางของพิธีกรรมทางจิตวิญญาณ จนกลายมาเป็นวัฒนธรรมชาวธิเบตไปแล้ว อะไรก็ตามที่นักแสวงบุญชาวอินเดีย เข้ามาเรียนรู้จากวัดทิเบตไม่กี่แห่ง ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจีนนั้น เป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกและน่าชื่นชม
    <o></o>
    According to these tourists remote viewers are seeing world powers in the course of self-destruction. They also see that the world will not be destroyed. Between now and 2012 the world super powers will continue to engage in regional wars. Terrorism and covert war will be the main problem. In world politics something will happen in and around 2010.
    <o></o>
    จาก การใช้ญาณหยั่งรู้ ของเหล่าผู้แสวงบุญเหล่านั้น ทำให้เห็นถึงพลังของโลก ที่ใช้ในการทำลายตัวเอง พวกเขายังเห็นว่าโลกไม่ได้ถูกทำลายจากใคร(แต่ใช้พลังของตัวมันเอง) ในช่วงระหว่างเวลาปัจจุบันจนถึงปี 2012 พลังอันมหาศาลจะทำสัญญาต่อเนื่องจากสงครามแต่ละพื้นที่ การก่อการร้ายและสงครามดักซุ่ม จะกลายเป็นปัญหาหลัก ในระบบการปกครองของโลก จะมีบางอย่างเกิดขึ้นในปี 2010
    <o></o>
    At that time the world powers will threaten to destroy each other. Between 2010 and 2012, the whole world will get polarized and prepare for the ultimate dooms day. Heavy political maneuvers and negotiations will take place with little progress. In 2012, the world will start plunging into a total destructive nuclear war. And at that time something remarkable will happen, says, Buddhist monk of ffice:smarttags"
    <st1></st1><o></o>
    ใน ช่วงนั้น พลังของโลกจะถูกคุกคาม เพื่อให้เกิดการทำลายล้างต่อกัน ในระหว่างปี 2010 และ 2012 ทั่วทั้งโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ขั้วแม่เหล็กและเตรียมการสำหรับวันหายนะครั้งยิ่งใหญ่ การแทรกแซงการเมืองที่หนักหน่วง และการเจรจาต่อรองจะไร้ผล ปี 2012 โลกจะเริ่มกระโจนเข้าสู่การทำลายล้างโดยอาวุธนิวเคลียร์ และช่วงนั้นอะไรบางอย่างที่สำคัญ จะเกิดขึ้น คำกล่าวโดยพระชาวธิเบต
    <o></o>
    Supernatural divine powers will intervene. The destiny of the world is not to self-destruct at this time. Scientific interpretation of the monks' statements makes it evident that the Extra Terrestrial powers are watching us every step of the way. They will intervene in 2012 and save the world from self-destruction. When asked about recent UFO sightings in <st1:country-region 0="" alt=" border="></st1:country-region>India and <st1>lace w:st="on" <st1:country-region w:st="on">China</st1:country-region></st1> lace, the monks smiled and said the divine powers are watching us all.
    <o></o>
    พลัง เหนือธรรมชาติจะเข้าแทรก จุดมุ่งหมายของโลกไม่ใช่เพื่อการทำลายล้างตัวเองในเวลานี้ การแปลความหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ จากคำพูดของนักบวชได้สร้างหลักฐานว่า มนุษย์ต่างดาวได้กำลังเฝ้ามองเราทุกๆ ย่างก้าว พวกเขาจะมาปรากฎตัวในปี 2012 และช่วยเหลือโลกจากการทำลายล้างตัวเอง เมื่อถามถึงเรื่องยูเอฟโอ ที่ปรากฎในประเทศอินเดียและจีน พระท่านยิ้มและบอกว่า เหล่าผู้มีญาณหยั่งรู้เหล่านี้ กำลังเฝ้ามองเราอยู่ <o></o>

    Mankind cannot and will not be allowed to alter the future to that great extent. Every human being though their current acts in life called "Karma" can alter the future lives to some extent, but changing the destiny in that large extent will not be allowed to that great an extent. Monks also mentioned that beyond 2012 our current civilization would understand that the final frontier of science and technology is in area of spirituality and not material physics and chemistry.
    <o></o>
    เหล่ามนุษย์ไม่สามารถและไม่ได้รับอนุญาต ให้เปลี่ยนแปลงอนาคตต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ มนุษย์ทุกคนแม้ว่าการกระทำที่เรียกว่า กรรม จะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ที่จะเกิดขึ้นในระดับหนึ่ง แต่การเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองอย่างใหญ่หลวง เพื่อเข้าสู่ระบบการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงนั้นย่อมไม่ได้รับอนุญาต พระท่านยังกล่าวอีกว่า หลังจากผ่านพ้นปี 2012 ไปแล้ว อารยะธรรมของเราจะเข้าสู่ยุคสุดท้ายของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และจะเข้าสู่ยุคของจิตวิญญาณและ ไม่เน้นด้านวัตถุธาตุและเคมี
    <o></o>
    Beyond 2012, out technologies will take a different direction. People will learn the essence of spirituality, the relation between body and the soul, the reincarnation and the fact we are connected with each other are all part of "God". In <st1:country-region w:st="on">India</st1:country-region> and <st1>lace w:st="on" <st1:country-region w:st="on">China</st1:country-region></st1> lace UFO sightings have increased in many folds. Many say the Chinese and Indian Governments are being contacted by the Extra Terrestrials.
    <o> </o>
    หลัง จากปี 2012 เทคโนโลยีของเราก็จะเปลี่ยนทิศทาง ผู้คนจะเรียนรู้แก่นสารแห่งจิตวิญญาณ (ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและวิญญาณ) การกลับชาติมาเกิดและความจริงจะถูกเชื่อมต่อกับสิ่งที่เรียกกันว่า พระเจ้า การพบเห็นยูเอฟโอในประเทศอินเดียและจีนได้เพิ่มขึ้นโดยผู้คนหลายกลุ่ม มีหลายคนพูดว่าทั้งอินเดียและจีน ต่างก็กำลังติดต่อกับพวกมนุษย์ต่างดาว
    <o> </o>
    In recent days most UFO activities have been seen in those countries who have indigenously developed Nuke capabilities. Whenasked if these extra-terrestrials will show up in reality in 2012, the answers remote viewers are giving is: they will reveal themselves in such a way that none of us scared. They will reveal themselves only if they have to. As our science and technology progresses, we are destined to see them and interact with them any way.
    <o> </o>
    ใน ปัจจุบันการปรากฎตัวของยูเอฟโอ ส่วนใหญ่ได้ถูกพบเห็นในประเทศที่ได้พัฒนาเรือดำน้ำติดนิวเคลียร์นุค เมื่อถามว่าถ้ามนุษย์ต่างดาวได้ปรากฎตัวให้เห็นจริงๆ ในปี 2012 คำตอบจากผู้หยั่งรู้คือ พวกเขาจะเปิดเผยตัวเอง ในรูปแบบที่ไม่ทำให้พวกเรากลัว พวกเขาจะปรากฎโฉมเมื่อจำเป็นเท่านั้น ขณะที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของพวกเรากำลังก้าวหน้า โชคชะตาก็ดลบันดาลให้เรา ได้พบและผูกสัมพันธ์กับพวกเขาโดยปริยาย
    <o> </o>
    According to the remote viewers, our earth is blessed and is being saved continuously from all kinds of hazards all the time that we are not even aware of. As our technologies progress we will realize how external forces saved us.
    <o> </o>
    จาก การบอกเล่าของผู้หยั่งรู้ โลกของเราได้รับพร และกำลังถูกปกป้องอย่างต่อเนื่อง จากอันตรายทุกรูปแบบในทุกเวลา ที่เราไม่เคยแม้จะตระหนักถึง ขณะที่เทคโนโลยีของเราก้าวหน้า เราจะตระหนักว่ากลุ่มที่อยู่ด้านนอกนั้นรักษาเราอย่างไร<o> </o>

    ที่มา Alienshift, MARS, UFO, Alien, Pole Shift, Time Travel, 2012, IRAN, IRAQ, RUSSIA, CHINA, ARMAGEDDON, UFO Video, NASA, SUFISM, ASCENSION<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เกษม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 12:38 AM
    </td></tr></tbody></table>





    ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาบุญกับคุณเกษม เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มาโดยตลอด

    และเหตุการณ์การขัดแย้งครั้งนี้ เป็นการถูกต้อง เป็นกลไกของระบบ ที่ต้องสลัดบางสิ่งบางอย่างที่ยังมีอัตตา มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนสูง ออกไปก่อน เพราะการทำงานกับมนุษย์ต่างดาว การทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อื่นในระดับโลก ระดับจักรวาลนั้น ต้องใช้จิตที่เสียสละ ละวางอัตตาอย่างยิ่ง

    กลไกการสลัดออกเช่นนี้ มีมานับครั้งไม่ถ้วน เขากะลารุ่นแรกจะรู้ดี เข้าใจดี ถ้าละวางไม่ทัน ยังมีอัตตาตัวตนหนาแน่น ก็ต้องออกไปก่อน เหลือเท่าไหนเท่านั้น แล้วค่อยกลับเข้ามาฝึกต่อในภายหลัง

    นี่จะอีกครั้งหนึ่ง ที่ระบบได้มีการสะบัีดอย่างแรง เพื่อให้ผู้ที่ยังมีความเข้าใจยังไม่รอบ ปล่อยวางยังไม่พอ ต้องออกไปในบางส่วน เพราะงานที่แต่ละท่านได้กระทำมาแล้วนั้น สำเร็จลุล่วงไปแล้ว

    แม้่จะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ ก็ยังเป็นไปตามนั้น

    การเตรียมการเรื่องของภัยพิบัติร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ได้กระทำเป็นขั้นตอน ซึ่งระบบได้เคยเปรียบเทียบให้ฟังว่า

    เหมือนการสร้า่งตึกสูง ต้องมีการวางแผน มีการออกแบบ มีการก่อสร้าง มีการดำเนินงาน แล้วมีการกำหนดแล้วเสร็จในเวลานั้น ๆ

    มีผู้ควบคุมงาน จึงทำการจัดหาบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้านมาทำงานนั้น

    การก่อสร้างเริ่มขึ้น

    คนงานชุดแรกก็เริ่มเข้ามาขุดดิน ขุดหลุม ตอกเสาเข็มให้ตรงตามแบบ เมื่อเสร็จงานนั้น ก็เลิกจ้างไป

    คนงานชุด 2 มาผูกเหล็ก เทเสา หล่อคาน หรือทำการใด ๆ ในรากฐานนั้น ๆ เพื่อให้โครงสร้างเกิดขึ้น เมื่อฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลิกจ้างไป

    คนงานชุดที่ 3 ก็มาก่อผนัง ฉาบปูน เป็นห้อง แต่ละชั้น แต่ละชั้น จนเสร็จงานด้า่นก่อผนัง เสร็จเป็นโครงสร้างอาคารแล้ว เสร็จงานก็จากไป

    คนงานชุดมี่ 4 มาทำการเดินไฟฟ้า เดินประปา ในทุกห้อง เพื่อให้ใช้งานได้

    คนงานชุดที่ 5 มาทำการเดินฝ้า มาำทำการทาสี ทั้งอาคาร เมื่อเสร็จก็จากไป


    คนงานชุดที่ 6 ชุดที่ 7 ชุดที่ 8 ชุดที่ 9 หรือจะอีกกี่ชุด ที่ต้องทะยอยเข้ามาทำการตกแต่งภายใน ติดตั้งอุปกรณ์ ติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวก หรืออุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ

    แต่ละชุด แต่ละคน ก็ได้ประโยชน์ตน ก็คือได้เงินค่าจ้างทำงานในขณะนั้น ๆ ไปแล้ว

    นี่คือ กว่าที่ตึกนี้จะสร้างเสร็จ ต้องใช้ผู้ีมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาดำเนินการทั้งสิ้น

    ทำไมไม่ให้คนชุดเดิม ชุดแรก ทำให้เสร็จไปเลย ต้องเปลี่ยนทำไม

    เพราะคนชุดแรกถนัดขุดดิน ถนัดตอกเสาเข็ม ไม่ถนัดทาสี ไม่ถนัดด้านไฟฟ้า ประปา ตกแต่ง จึงมิอาจใช้ทำงานให้เสร็จในเรื่องเดียวได้

    ดังนั้น การก่อสร้างจึงต้องใช้ผู้มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาดำเนินการ ตึกแห่งนี้จึงจะเสร็จสมบูรณ์ พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เหมือนมีคำถามเสมอว่า จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน มาทำงานเรื่องภัยพิบัติ ยังไม่ทันเกิดภัยพิบัติเลย ทำไมเสียชีวิตไปก่อน

    นั่นคือ เป็นผู้ที่อยู่ในชุดแรก ๆ วางรากฐานตั้งแต่แรก ๆ คือเป็นผู้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว จากดาวโลกุกะตา ที่เจริญทางเทคโนโลยี เป็นผู้ทำการนัดหมายจานบินให้มาปรากฏให้สื่อมวลชนได้เห็น ได้รับทราบ เปิดเผยข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์เพื่ออะไร?

    และเป็นผู้แจ้งให้สาธารณะชนได้รับทราบว่า มนุษย์ต่างดาว ได้มาดำเนินการตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์แล้่ว ที่เขากะลา

    เมื่อวางรากฐาน เปิดเขากะลาเป็นกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เสร็จงานของท่าน ท่านก็ได้รับประโยชน์ตนในการปฏิบัติขณะทำงาน คือมีการปฏิบัติสมาธิจิต มีการปล่อยวางได้อย่างเต็มที่แล้ว

    ชุดต่อไปก็เข้ามารับงานต่อ โดยคลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเจริญทางจิตสูง มีสมาธิสูง มาสอนกฏของธรรมชาติ กฏของจักรวาล และทำการเตรียมการฝึกบุคคลเพื่อให้มีความแข็งแกร่งทางจิต มีการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาในขั้นลึก ยากที่จะฝึกผ่านไปได้ง่าย ๆ

    ผู้ที่ผ่านการฝึกขั้นพื้นฐาน จึงมีความเข้าใจในกลไกระบบ และเข้าใจกลไกของการที่จะทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว

    จากนั้น ชุดต่อมา ก็เข้ามารับรู้ เข้ามาสัมผัส และทำงานตามความเชี่ยวชาญไปในแต่ละชุดแตกต่างกัน

    เมื่อเสร็จงาน ก็แยกย้ายกันไป มีฉากให้เข้าเท่าไร .... ก็เท่านั้น

    เหมือนเช่นวันนี้

    ผู้ที่เข้ามาใหม่ ก็เป็นอีกชุดหนึ่งที่ต้องมาทำงานในความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง แต่ละบทบาท ซึ่งแต่ละท่านมีการพิจารณาไตร่ตรองอย่างดีแล้ว

    มีการเห็นยานอวกาศที่ได้ไปตาม ไปปรากฏให้เห็น มีสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ปรากฏให้เห็นเป็นการยืนยัน เพื่อให้มีความมั่นใจในระบบ....จนมากมายเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงแล้ว

    จึงได้เข้ามาทำงานกับระบบนั่นเอง

    แต่เพราะกลไกของระบบ ที่ไ้ด้เคยบอกไว้นานแล้วว่า

    ระบบต่างดาว ที่มาเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ เป็นสิ่งที่ ตีกรอบไม่ได้ ไม่เป็นไปดังที่มนุษย์คิด

    กำลังดีอยู่เชียว ทำไมต้องสะบัดออก ทำไมต้อง .....

    ก็นี่แหละ เป็นสิ่งที่มนุษย์เข้าใจได้ยาก แต่ถ้าเทียบกับการก่อสร้างก็พอจะเข้าใจได้

    ว่างานแบบเดิมหมดไป และงานใหม่กำลังเข้ามา จึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในงานนั้น ๆ ทำงาน

    เรื่องของภัยพิบัติก็เช่นกัน

    ยิ่งใกล้เวลาเข้าไป การเตรียมการก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น ผู้ที่จะทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว ก็ย่อมต้องมีการคัดเลือกในบุคคลที่มีสภาวะจิตในการปล่้อยวางมากขึ้น มีการเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนมากขึ้น ความมีตัวกู ของกูน้อยลง ความทุกข์ของตนเองเบาบางลง การยึดมั่นถือมั่นน้อยลง น้อยลง

    จึงจะสามารถทำงานอันยิ่งใหญ่ ร่วมกับมนุษย์ต่างดาวได้นั่นเอง

    ใครจะคิดว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ใครจะคิดว่าเป็นการผิดทาง ใครจะชอบ ใครจะชัง ใครจะว่ากล่าวอย่างไร ใครจะอยู่ ใครจะไป

    มนุษย์ต่างดาว ก็ยังคงเตรียมการเพื่อให้มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องอยู่รอดได้ ในสภาวะการณ์วิกฤติที่จะเกิดขึ้นนั้น

    ตอนนี้ อาจจะยังไม่ปรากฏให้่เห็น จึงยังไม่รู้ มองไม่เห็น หรือจะเข้าใจไปในมุมมองไหนก็ตาม

    จานบิน วัตถุลึกลับ
    ก็ยังคงบินกันให้ว่อน เหตุการณ์ประหลาด ก็ยังคงปรากฏให้เห็น มากขึ้น มากขึ้น และเรื่องการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ก็เริ่มมีการเปิดเผยมากขึ้ัน หลายกลุ่ม หลายประเทศ จนกระจายไปทั่วโลก นั่นก็คือ การเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือนั่นเอง

    ซึ่งมนุษย์ต่างดาวกล่าวว่า อย่าคิดว่าจะมายึดโลกเลย ถ้าจะยึดก็ยึดไปนานแล้ว แค่ไม่ช่วยเหลือในยามวิกฤติของภัยพิบัติ พวกมนุษย์ก็จะแทบไม่เหลืออยู่แล้ว

    เพราะผู้รู้ ผู้ที่มีเมตตาจากดวงดาราต่าง ๆ ท่านแผ่เมตตามาจนถึงโลกใบนี้ มาเตรียมการเสียจนขนาดนี้

    แล้วภัยพิบัติใหญ่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้น มันจะเป็นไปได้ขนาดไหน


    ขอขอบคุณ คุณเกษมที่มีความเป็นห่วง แจ้งว่า


    ซึ่งจะพลอยทำให้แผนงาน เรื่องการทำงานกับเพื่อนต่างดาว ที่ต้องการมาช่วยเหลือชาวโลกนี้ ต้องพลอยล้มเหลวไปด้วยครับ


    ไม่มีการล้มเหลวในแผนงานที่มนุษย์ต่างดาว เตรียมการมาเพื่อช่วยเหลือโลกใบนี้อย่างแน่นอนค่ะ

    นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนรุ่น เป็นเพียงการทดสอบผู้ที่ยังมีความมั่นคงในการปฏิบัติเืพื่อการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวเรา ของเรา เพื่อการเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อส่วนรวม

    บางส่วนจึงหมดภารกิจต้องออกไป


    บางส่วนจึงยังต้องดำเนินต่อไปเพื่อประโยชน์ท่านทั้งหลาย

    หากใครยังใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง และปฏิบัติจนเ็ห็นจริง สามารถเบาบางจากทุกข์ได้จริง ตัวตนน้อยลงจริง ๆ เท่านั้น จึงจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติเหล่านี้ไปได้

    ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ผ่านมา และผ่านไป จึงต้องใช้การพิจารณาอย่างยิ่ง สำหรับแต่ละท่าน แต่ละมุมมอง


    ระบบ จึงไ้ด้ทำการ แจ้งเพื่อทราบ เท่านั้น

    และทำการ แจ้งเพื่อทราบ มานานแล้ว

    เพียงแ่ต่ท่านที่รับทราบ ก็ต้องไตร่ตรองด้วยปัญญาของท่านเอง วิเคราะห์วิจัยของท่านเอง มิได้มาด้วยการถูกบังคับข่มขู่ทั้งสิ้น

    เพราะครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง คนชาวบ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่เคยมีฤทธิ์เดชใด ๆ ไม่เคยมีปฏิหารย์ใด ๆ สามารถทำให้ท่านหลงใหลได้ึถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็มีดีกรีในการปฏิบัติมาทุกศาสตร์แล้วนั้น

    นั่นหมายความว่า ท่านต้องใช้ปัญญาอย่างยิ่ง ปััญญาที่ท่านได้สะสมมานับสิบ ๆ ปี ศึกษามานับสิบ ๆ ศาสตร์

    จะมาเชื่อผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีลาภยศ ไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่ได้มีความร่ำรวยใด ๆ นั้น ย่อมเป็นการยากอย่างยิ่ง ที่จะเชื่อถือได้

    แค่คำพูด คำกล่าวอ้าง โดยไม่มีหลักฐานจากชาวบ้านคนหนึ่งนั้น ก็มิน่าที่ผู้ทรงภูมิความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ จะหลงใหล หลงเชื่ออย่างงมงายได้อย่างง่ายดาย

    และท่านเองก็เป็นผู้ดำเนินการหยิบยกธรรมะเพื่อการละวางอัตตาของเขากะลาที่ไตร่ตรองดีแล้ว มาสอนผู้อื่นเป็นเวลานับปี และดำเนินการเป็นตัวแทนโดยระบบมาตลอด

    แม้เรื่องของภัยพิบัีติ ท่านก็เป็นผู้กล่าวไว้ แค่ 2 วันก่อนการเกิดขัดแย้งขึ้น


    <table class="tborder" id="post2477415" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody> <tr> <td class="thead" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">02-10-2009, 12:45 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #12210 </td></tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Astro Neemo<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2477415", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]


    วันที่สมัคร: Sep 2007
    สถานที่: ดินน้ำลมไฟหยั่งไม่ถึง
    อายุ: 39
    ข้อความ: 1,391
    Groans: 42
    Groaned at 3 Times in 3 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 4,993
    ได้รับอนุโมทนา 25,917 ครั้ง ใน 1,421 โพส
    พลังการให้คะแนน: 431 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    </td> <td class="alt1" id="td_post_2477415" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->ช่วงนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมด
    พายุถล่มกันหลายๆ ที่ รุนแรงในรอบหลายสิบปีเสียด้วย มีทั้งแผ่นดินไหวตามกันมาติดๆ สึนามิก็ตามมา เป็นครั้งแรกในประวัติการร์ก็ว่าได้ ที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหว พายุถล่ม และสึนามิ เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายๆจุดของโลก เห็นสำนักข่าวบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่จะมีเหตุพร้อมๆกันแบบ นี้ เรื่องนี้ต้องถามคุณ Flakman ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้

    นับ ย้อนหลังไปที่เหตุการสึนามิ ที่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่ามันจะมาแบบนี้ ระบบให้อาจารย์ไก่ไปสังเกตุการณ์แบบเนียนๆ ก่อนเกิดเหตุวันสองวันกลุ่มเขากะลา ได้เตรียมตัวไปออกอากาศที่ ช่อง 9 อสมท.กับดร.เทพพนม เรื่องการเตือนภัยพิบัติพอดี


    หลังจากนั้นก็เกิดเหตุใหญ่ ตามมาเรื่อยๆ ที่ เสฉวน ที่ร่างกุ้ง ที่อื่นๆอีก ฯลฯ

    วันนี้ มันเกิดขึ้น ถี่มากขึ้นๆ

    ก่อน นั้นเมื่อ 10 ปีที่แล้วพ่อเชิด ได้รับการสื่อสารจากต่างดาวเพื่อมาเตือนภัยพิบัติ ตอนนั้นเป็นเรื่องตลก ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครอยากฟัง

    หลังจากนั้นอีกหลายปี อัลกอร์จึงมาทำเรื่องภาวะโลกร้อน จนทำให้ทั่วโลกตื่นตัว มันเกิดขึ้นแน่

    หลัง จากผมสัมผัสกับเขากะลา จากวันที่ไม่เชื่อ จนวันนี้สัมผัสได้ รู้ได้ เห็นตามได้ตามพวกเขา(รุ่นแรก) และเห็นจริงตามที่"ระบบ"แจ้งมาทุกอย่างทุกประการ

    มันมหัศจรรย์เกิน กว่า คำบรรยาย ใดใดทั้งสิ้น แต่มันเล่าบอกใครไม่ได้ ...... มันเกินกว่าคำว่ามหัศจจรย์ ที่บนพิภพโลกนี้สร้างได้ ทำได้

    "ระบบ" แจ้งว่าภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น มันเกินกว่า ความสามารถของมนุษย์จะเยียวยา ช่วยเหลือกันเองได้ มันหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะคาดเดา คนจะเสียชีวิตสามในสี่ มันเกิดความโกลาหล เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ทุกคนเกิดความเห็นแก่ตัวแย่งชิงอาหาร ที่อยุ่ ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีกฏหมาย ไม่มีไม่มีความละอายและเกรงกลังต่อปาปกรรมใดใดทั้งสิ้น เพราะทุกคนกลัวตายหวังเพียงจะให้ตนเองรอดเท่านั้น

    อาม่าคุณพีท เกิดที่มาเลเซีย ตอนเด็กๆได้รู้เรื่องราวจากภัยพิบัติจาก ร่างทรงของเซียนองค์หนึ่ง ที่มีชื่อของมาเลเซียในสมัยนั้น ร่างบอกว่า เมื่อสมัยที่มนุษย์มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ มีถนนหนทาง มีรถและไฟฟ้าใช้ทุกบ้านเรือน เมือนั้นภัยพิบัติใหญ่จะเกิดขึ้น เมื่อนั้น มีถนนแต่จะไม่มีคนเดิน มีบ้านแต่จะไม่มีคนอยู่ คนตายมากมายจนไม่โลงจะใส่ศพ..

    กลุ่มเขากะลาได้มีการฝึกฝนและพัฒนาจิต และเรียนรู้จาก"ระบบ" จนถึงขั้นที่เห็นแจ้งและรู้ชัดในอุปปาทานในขันธ์ได้จริง รู้ชัดในกลไกและสภาวะของจิต รู้ชัดในกลไกแห่งอุปปาทานที่มาเกาะกุมขันธ์5 จนทำให้เกิดทุกข์

    สิ่งเหล่านี้มิใช่เรื่องเลื่อนลอย แต่มันได้ปรากฏแก่ผู้เรียนรู้และปฎิบัติตามคนแล้วคนเล่า นับสิบคน รู้เองพิจารณาได้เอง มีปัญญาญาณโดยปราศจากทิฐิ มานะ และความเชื่อศรัทธาใดใด

    ทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นได้เองโดยชอบ รู้ได้เองโดยชอบ นี่คือวัตถุประสงค์หนึ่งของ"ระบบ"เพื่อที่มาพัฒนาและยกสภาวะทางจิตวิญญาณให้ กับมนุษย์ ซึ่งได้ทำสำเร็จแล้วจริงๆ มีผู้ได้รับการยกสภาวะทางจิตวิญญาณได้แล้วจริงๆ

    ส่วนอีกวัตถุ ประสงค์ก็คือการ "ช่วยเหลือและเตือนภัยพิบัติ" ทั้งใน ก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิด (ยุคฟื้นฟู) ก็กำลังเริ่มขึ้นไปพร้อมๆกัน


    ผมโดยส่วน ตัว เป็นคนเกลียด"ระบบ" ไม่เชื่อระบบ ออกจากระบบนับสิบๆครั้ง และไม่สนใจเรื่องภัยพิบัติใดใด แต่เมื่อประสบพบเห็นได้ด้วยตนเอง กับการพัฒนาสภาวะทางจิตวิญญาณโดย"ระบบ" และกับอีกหลายๆคนที่ได้รับการพัฒนาทางจิตในขั้นลึก ล้วนแล้วสามารถเป็นประจักษ์พยานได้ มิใช่เราเป็นผู้หลงผิดคิดผิดแต่เพียงคนเดียว

    ในการยกสภาวะจิตวิญญาณยังเอากันในขั้นลึกขนาดนี้ แล้วภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น.....มันจะใหญ่สักเพียงไหน


    </td></tr></tbody></table>

    เมื่อผ่านไปเพียง 2 วัน การขัดแย้งเรื่องพ่อแม่บุญธรรมก็เกิดขึ้น 4 ตุลาคม 2552

    ดังนั้น การที่ท่านกล่าวว่าได้พิจารณาไตร่ตรอง และค่อย ๆ แยกออกมาร่วม 6 เดือนแล้วนั้น เป็นจริงหรือ?

    เพราะระบบได้แจ้งล่วงหน้าแล้วว่า
    ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2552 จะมีการเปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่ รูปแบบการประสานงานใหม่ เพราะแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต เสร็จสิ้นงานที่ต้องดำเนินการแล้ว

    ในเวอร์ชั่นต่อไป ตั้งแต่ 17 ตุลาคม 2552

    แผนกพื้นที่ และแผนกประชาสัมพันธ์ จะเริ่มทำงาน

    ขออนุโมทนากับทุกท่าน และถือเป็นสิ่งที่ดี ที่ระบบจะได้เปิดเผยกลไกของการมาวางโครงการเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติ ของมนุษย์ต่างดาวให้มนุษย์โลกได้รับทราบต่อไป

    สิ่งที่หลายท่านไม่เคยได้รู้ ก็จะมีการเปิดเผยในกระทู้แห่งนี้

    เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
    อะไรก็เกิดขึ้นได้
    อย่าตีกรอบ

    แจ้งเพื่อทราบ

    และโปรดใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง ด้วยสติสัมปชัญญะของท่านเองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  17. Digital

    Digital เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +612
    พอถึงตอนนี้ขออนุญาต แจมด้วยหน่อยค่ะอาจารย์นีโม่ ที่บอกว่า"แอบเข้าไปติดเหล็กดัดในห้องของตนเองที่สถานธรรมโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน"

    ห้องนั้นมันไม่ใช่ห้องของผู้ขับเคลื่อนค่ะ เป็นห้องนอนห้องหนึ่งที่ดิฉันสร้าง และ ทางกลุ่มเขากะลา นครสวรรค์ ขนตู้เย็น ขนของ เก้าอี้ โซฟา เข้าไปในสถานที่ของดิฉัน โดยไม่ได้ขออนุญาต จากเจ้าของบ้านเลยค่ะ เหมือนบุกรุกและถือวิสาสะทางพฤตินัย และทางกฎหมาย

    จนดิฉันต้องปิดสถานธรรมค่ะ

    มีเรื่องเล่าสู่กันฟังอีกนะ........ แต่วันนี้แค่นี้ก่อน
     
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    <TABLE class=ecxMsoNormalTable style="WIDTH: 100%" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0.75pt" vAlign=top width="100%">
    เรื่องความว่างที่สร้างความสุข


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    นักปราชญ์ชาวเอเชียวัยกลางคนหนึ่งเล่าว่ามีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่ง แกเป็นคนอัตคัตความสุข
    พยายามแสวงหาความสุขจากวิธีการต่างๆแต่แล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ความสุขแท้ที่ตัวเองต้องการ

    อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้แนะนำว่าถ้าอยากมีความสุขก็ควรจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะในบ้านของเรานั้นเราสามารถเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านโดยที่ไม่ต้องมีใครมาคอยกวนใจ
    ซ้ำยังมีอิสระที่จะเสกสรรค์ปั้นแต่งหรือจัดบ้านให้เป็นไปตามความต้องการของตนเองอย่างไรก็ได้

    เขาเชื่อตามที่มีผู้แนะนำจึงตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นมาหลังหนึ่งเมื่อแรกสร้างบ้านนั้น
    บ้านของเขาหลังใหญ่ทีเดียว พอมีบ้านแล้ว เขามีความสุขมากเขาเริ่มจัดบ้านตามต้องการ
    และเริ่มหาข้าวของต่างๆ มากมายมากองไว้ในบ้านทีละอย่างสองอย่าง
    จนกระทั่งวันหนึ่ง ห้องว่างๆ ในบ้านของเขาก็หายไปทุกพื้นที่ในบ้านเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ
    มองไปทางไหนก็รกหูรกตา

    ทีนี้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าบ้านของตนเองช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่า อยู่อากาศก็อุดอู้
    เขาเริ่มบ่นกับตัวเองว่าคิดผิดถนัดที่สร้างบ้านขึ้นมาเพราะนึกว่าบ้านจะให้ความสุขได้นานๆ
    บางวันเขาก็ครุ่นคำนึงว่าน่าจะสร้างบ้านให้หลังใหญ่กว่านี้จะได้บรรจุอะไรต่อมิอะไรได้เยอะๆ
    ตามต้องการ

    ขณะที่เขาเริ่มไม่มีความสุขเพราะบ้านกลายเป็นโกดังเก็บของนั้นเอง
    ก็มีนักปราชญ์คนหนึ่งผ่านมาแถวนั้นเขาบ่นดังๆ จนปราชญ์คนนั้นได้ยิน
    นักปราชญ์หนุ่มจึงแนะนำว่าถ้าเขาอยากให้บ้านเป็นสถานที่แห่งความสุข
    ก็ไม่เห็นจะยากอะไรเพียงแต่ขนข้าวของทั้งหมดออกมาวางข้างนอกบ้านเสียก็หมดเรื่อง

    ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นรีบทำตามทันทีเขาเริ่มขนข้าวของซึ่งโดยมากล้วนเป็นสิ่งซึ่งไม่จำเป็น
    หากแต่เขาเก็บเอาไว้เพราะความละโมภมากกว่าออกมาทิ้งนอกบ้านขนอยู่สองวัน จนบ้านว่าง โล่ง
    และดูกว้างขึ้นมาผิดหูผิดตา คราวนี้เขามีความสุขมากรำพึงกับตัวเองว่า
    แหมบ้านของฉันช่างกว้างขวาง และน่าอยู่เสียนี่กระไรนักปราชญ์ได้ยินแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม
    ก่อนจะเปรยขึ้นมาว่า บ้านของเจ้าน่ะ มันกว้างขวาง ว่างโล่ง และน่าอยู่มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
    เจ้าของหากล่ะที่ทำให้มันไม่น่าอยู่ ด้วยการบรรจุอะไรๆที่เกินจำเป็นใส่เข้าไป
    จนบ้านกลายสภาพเป็นกองขยะดีๆ นี่เอง

    ใช่หรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่ที่กำลังกวาดตามองหาความสุขและพยายามที่จะเติมสิ่งนั้นสิ่งนี้เข้าไปในชีวิตแต่แล้วก็ยังคงรู้สึกพร่องหรือหมักหมมไปด้วยความทุกข์อยู่เหมือนเดิม
    ไม่แตกต่างอะไรกับชายเจ้าของบ้านในนิทานปรัชญาเรื่องนี้

    การจัดการชีวิตให้มีความสุขนั้น ทางที่ถูกอาจไม่ใช่การใส่อะไรลงไปในชีวิต แต่แท้ที่จริงแล้ว
    คือการถ่ายเท ปล่อยวางหรือระบายบางสิ่งบางอย่างออกจากชีวิตมากกว่า

    ในพุทธศาสนานั้น เราถือกันว่าความสุขอาจเกิดจากความมี (สามิสสุข) ก็ได้แต่ที่เหนือกว่านั้น
    ความสุขอาจเกิดจากความเป็นอิสระจากความมีก็ได้ด้วย (นิรามิสสุข)

    บ้านแห่งชีวิตของเรา เมื่อแรกสร้างก็ดูโปร่ง โล่งเป็นระเบียบเรียบร้อย สบายหูสบายตา
    แต่เมื่ออยู่กันไป อะไรๆ ก็ชักจะเพิ่มขึ้นและบางทีเพิ่มมากมายจนกลายเป็นปัญหาอันบั่นทอนต่อความสุขในชีวิตคู่

    จะดีกว่าไหม หากมีเวลาว่างคนรักกันน่าจะลองหาวิธีทำพื้นที่หัวใจให้ว่างด้วยการถอดถอนบางอย่าง
    ทิ้งออกไป

    ขอเพียงเรียนรู้ที่จะลดบางอย่างลงไปความสุขในหัวใจก็คงจะเพิ่มขึ้น

    ความสุขบางครั้งอาจไม่ได้ผูกพันอยู่กับความมีแต่บางที... อาจมาจากความว่าง
    From :
    สถาบันวิมุตตยาลัย


    ***

    ที่มา : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic
    Appendix :

    ว วชิรเมธี
    [​IMG]ประวัติการศึกษา: ว วชิรเมธี เป็นนามปากกาของ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ภูมิลำเนาของท่านอยู่ที่บ้านครึ่งใต้ ต.ครึ่ง อ.เชี ยงของ จ.เชียงราย ท่านเป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า จึงทำให้ท่านซึมซับความรู้ทุกรูปแบบ เมื่อยังเด็ก มารดาได้พาท่านไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ ทุกวันพระ ซึ่งผลจากการติดตามมารดาไปทำบุญบ่อยๆ นี้เอง ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านสนใจหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา และทำให้หนังสือที่ท่านอ่านไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงหนังสือความรู้หรือหนังสือบันเทิงทั่วไปเท่านั้น แต่หนังสือธรรมะก็เป็นหนังสือที่ท่านสนใจด้วยเช่นกัน หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ท่านก็ได้ขออนุญาตมารดาบวชเป็นสามเณรที่วัดครึ่งใต้ แตกต่างจากเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันที่มุ่งเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษา เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม จนจบนักธรรมชั้นเอก แล้วย้ายมาพำนักอยู่ที่วัดพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงร าย เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีจนสำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๖ ประโยค ต่อมาเมื่ออายุครบ๒๑ ปีจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบ้านเกิด และย้ายมาพำนักที่วัดเบญจมบพิตร ในกรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีต่อจนสำเร็จเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่งถือเป็นการศึกษาขั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย ด้านการศึกษาทางโลกนั้น ท่านสำเร็จการศึกษาเป็น “ ศึกษาศาสตรบัณฑิต ” ( สังคม-มัธยมศึกษา)จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และ “ พุทธศาสตรมหาบัณฑิต ” จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปัจจุบันท่านได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ นอกจากนั้นก็ยังรับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายวิชาการทางพระพุทธศาสนาให้กับหน่วยงานต่างๆ อีกมากมาย ในแง่จริยวัตรส่วนตัวนั้นนอกจากท่านจะเป็นพระนักวิชาการ พระนักคิด นักเขียน แล้วท่านก็ยังสนใจฝึกสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าสิบปี
    ประวัติการทำงาน / ผลงาน: ผลงานหนังสือของท่านมีเกือบ 20 เล่ม ผลงานซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ ธรรมะติดปีก , ธรรมะหลับสบาย , ธรรมะดับร้อน , ธรรมะบันดาล , ธรรมะรับอรุณ , ธรรมะราตรี , ปรัชญาหน้ากุฏิ , ปรัชญาหน้าบ้าน , DNA ทางวิญญาณ , ตายแล้วเกิดใหม่ตามนัยพระพุทธศาสนา และท่านยังได้เขียนบทความลงในนิตยสารหลายฉบับ เช่น เนชั่นสุดสัปดาห์ , ชีวจิต , หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ , WE, HEALTH &CUISINE ฯลฯ














    <IFRAME class=AttachmentDownloadIframe id=downloadFrame marginWidth=0 frameSpacing=0 marginHeight=0 frameBorder=0 scrolling=no></IFRAME>
     
  19. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ข่าวอันนี้ดีมากเลย ที่เตือนเป็นระยะ ให้ตื่นตัวกัน ระวังภัยให้กันด้วยสติ อนุโมทนาครับ
     
  20. Nola

    Nola Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +54
    ลืมอดีต กันดีไม๊
    อย่าให้ใจ แตกสลาย
    ดีหรือชั่ว อย่ามัวหา คำอธิบาย
    ให้ละลายไปเป็น ประสบการณ์

    ให้อภัย ไม่ต้องใช้ เพราะไม่ผิด
    แค่จริต ไม่ตรงกัน ไม่ผสาน
    เหล่ามายา อย่ากระทบ จิตวิญญาณ
    แสวงนิพพาน ตามจริต ที่คิดเอย..

    แต่งกลอนเองนะเนี่ย (ใช้เวลาในการแต่ง 5 นาที)
    ** จาก ใจ จริง จริง จ้า**
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...