พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ดีใจทั้งแผ่นดิน ในหลวง เสด็จฯ พระพักตร์แจ่มใส



    [​IMG]
    ดีใจทั้งแผ่นดิน ในหลวง เสด็จฯ พระพักตร์แจ่มใส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถเข็นไฟฟ้าเสด็จฯ ถวายสักการะพระบรมราชชนก-สมเด็จย่า ประชาชนปลาบปลื้มเห็นพระพักตร์แจ่มใส เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง..

    ดีใจทั้งแผ่นดิน ในหลวง เสด็จฯ พระพักตร์แจ่มใส (ไทยรัฐ)

    เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ลงจากห้องประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยฉลองพระองค์ชุดแขนสั้นสีฟ้า ประทับนั่งรถเข็นไฟฟ้า มีคณะแพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจติดตามใกล้ชิด โดยเสด็จฯ ไปที่อาคารสยามมินทร์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังศาลาศิริราช 100 ปี ซึ่งห่างไปประมาณ 100 เมตร ถวายสักการะพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ก่อนเสด็จฯ ต่อไปยังลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มาลงนามถวายพระพรต่างตื่นตะลึงและเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง

    ขณะที่หลายคนปลาบปลื้มปีติกลั้นน้ำตาไม่ไหว ร่ำไห้ก้มลงกราบ ที่เห็นพระอาการดีขึ้น พร้อมให้ทุกคนเข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิด ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศกาลสมเด็จย่า และเสด็จฯ ยังอาคารโรคหัวใจ โดยใช้เวลาเสด็จฯตามอาคารต่าง ๆ ประมาณ 30 นาที ก่อนเสด็จฯ กลับห้องประทับที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ


    อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 ตุลาคม สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์สำนักพระราชวังเรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวเสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 33 ความว่า วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปคงที่ พระกำลังพระวรกายแข็งแรงขึ้น เสวยพระกระยาหารและทรงพระบรรทมได้เป็นปรกติ คณะแพทย์ฯ ยังคงถวายพระโอสถปฏิชีวนะจนครบกำหนด และถวายพระกระยาหารบำรุงตามหลักโภชนาการต่อไป ต่อจากนี้ สำนักพระราชวังจะได้ยุติการออกแถลงการณ์ประจำวัน แต่จะประกาศให้ทราบ เมื่อพระอาการเปลี่ยนแปลง

    จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
    สำนักพระราชวัง
    22 ตุลาคม 2552


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2009
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สสส.ชี้ช่องเมนูเด็ด กินเจอย่างไรไร้พุง

    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    นพ.ฆนัท ครุฑกูล กรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงเคล็ดลับ "กินเจอย่างไร....ให้ไร้พุง" ว่า ในวันที่ 18-25 ตุลาคม ช่วงเทศกาลกินเจ อาจจะมีประชาชนบริโภคอาหารที่มีแป้งน้ำตาลมากขึ้น นำไปสู่ภาวะการเกิดโรคอ้วนและมีปัญหาด้านสุขภาพตามมา ทั้งโรคอ้วนโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ซึ่งการกินเจให้ได้สารอาหารที่คุ้มค่า เพื่อสุขภาพที่ดีและได้บุญ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคุมอาหารทั้งแป้ง,น้ำตาลและ ไขมัน

    "เคล็ดลับในการกินเจเพื่อสุขภาพต้องบริโภคอาหารให้ครบถ้วนได้แก่ 1.โปรตีนได้จากถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเมล็ดแห้ง เพราะมีคุณค่าทางอาหารเทียบเท่าเนื้อสัตว์ 2.ไขมันควรเป็นไขมันที่มากจากพืชต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ปาล์ม งา และควรรับประทานประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 3.ควรรับประทานผักผลไม้มากๆ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงอาหารเจที่มีปริมาณน้ำมันมากเกินไป เพราะส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทผัดหรือทอด" นพ.ฆนัทกล่าว

    น.ส.สุรีพร สว่างชาติ นักกำหนดอาหารประจำศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตะโบลิซึม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า อาหารเจส่วนมากมีพลังงานและไขมันค่อนข้างสูง อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเจน้ำใส 1 ชาม ให้พลังงานถึง 349 กิโลแคลอรี ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้วเจให้พลังงาน 568 กิโลแคลอรี ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยเจให้พลังงาน 480 กิโลแคลอรี ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจให้พลังงาน 415 กิโลแคลอรี และข้าวผัดเจให้พลังงาน 397 กิโลแคลอรี

    "หลักการกินเจไม่ให้อ้วน ต้องเลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว ได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ลูกเดือย ธัญพืชต่างๆ รับประทานอาหารประเภท นึ่ง ต้ม ตุ๋น ยำ อบ ที่สำคัญเน้นการกินผักสดให้มากๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารเจที่มีรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด" น.ส.สุรีพรกล่าว
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 13 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 12 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมไปพักผ่อนก่อนนะครับ

    อ่านอย่างมีความสุข

    ราตรีสวัสดิ์ครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    รอพร้อมกรอบนะครับ หุ หุ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>2 หนุ่ม 3 สาว ตะลึงเจอกล้องแอบถ่ายตัวจิ๋วติดในห้องน้ำรีสอร์ทนาจอมเทียน
    Local - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 ตุลาคม 2552 16:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวศรีราชา-หนุ่มสาวพนักงานขายพาญาติพักรีสอร์ทชายทะเลหาดทรายนาจอมเทียนสัตหีบ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าห้องน้ำ หันไปเจอกล้องตัวจิ๋วติดอยู่ข้างถังเก็บน้ำกโครก ตั้งโฟกัสตรงจุดอาบน้ำ รีบแจ้งความหาตัวคนทำผิด หวั่นนำภาพคลิปเผยแพร่อินเทอร์เน็ต หรือทำแผ่นวีซีดีลามกขาย ผู้จัดการทั่วไปเชื่อไม่ใช่ฝีมือพนักงานรีสอร์ท ด้าน ตร.คาดไอ้โรคจิตแอบติดตั้งขณะแขกออกไปรับประทานอาหารข้างนอก

    วันนี้(24 ต.ค.) นายณรงค์ศักดิ์ แซ่หลี อายุ 33 ปี นายโสภณ ว่องวุฒิพรชัย อายุ 31 ปี นางสาว สาริณา แซ่นิ่ม อายุ 30 ปี นางสาวปัทมาพร นิยมปิยศิลป์ อายุ 24 ปี นางสาว สมลักษณ์ แซ่ลี้ อายุ 29 ปี เซลล์ขายสินค้าบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ได้รุดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับ ร้อยตำรวจโท ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่า ขณะที่เข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายภายในห้องน้ำ ของห้องพัก หมายเลข 1627 โกลเด้น บีช รีสอร์ท หมู่ที่ 2 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ พบกล้องบันทึกภาพวีดีโอตัวจิ๋วสีดำ WEB CAMERA FOR ONLINE VIDEO CHAT สามารถบันทึกได้ทั้ง HD และ MINI DV ติดอยู่ด้านหลังของถังบรรจุน้ำสำหรับส้วมชักโคก หันหน้ากล้องมาทางพื้นที่อาบน้ำที่อยู่ด้านซ้ายข้างโถส้วม จึงได้แกะออกมา เพราะเกรงว่าจะมีการบันทึกภาพไว้ในกล้อง และไม่แน่ใจว่าสามารถใช้ระบบอื่น ๆ ส่งภาพเข้าไปบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์แล้ว ซึ่งเกรงว่าจะมีการนำภาพคลิปอาบน้ำไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต และวีซีดีขายให้พวกโรคจิต จึงได้ขอให้ติดตามตัวคนทำความผิดมาดำเนินคดีด้วย

    ต่อมา ร้อยเวรได้รุดไปตรวจสอบบ้านพักที่เกิดเหตุ พบกุญแจประตูห้องชำรุดเกือบทุกห้อง ยังไม่ได้มีการซ่อมแซม แต่อย่างใด จึงได้บันทึกปากคำผู้เสียหายทั้ง 5 คนไว้เป็นหลักฐานในบันทึกประวัน และให้ชุดสืบสวนติดตามหาตัวคนร้าย เพราะผู้เสียหายได้บันทึกภาพจุดติดตั้งกล้องแอบถ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว และได้ไปสอบปากคำ นายสังวาล นาคสวาท อายุ 52 ปี ผู้จัดการทั่วไป โกลเด้น บีช รีสอร์ท ได้ให้ข้อมูลว่าก่อนหน้านี้ไม่มีผู้เข้าพักห้องหมายเลข 1627 นานกว่า 1 สัปดาห์ แม่บ้านทำความสะอาดในห้องน้ำไม่พบสิ่งผิดสังเกต และมั่นใจว่าไม่ใช่คนภายในอย่างแน่นอน เพราะพนักงานทุกคนมีอายุการทำงานกว่า 10 ปี ทุกคน ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องช่วยติดตามหาตัวคนกระทำความผิดมาลงโทษ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนโรคจิตน่าจะอยู่ในบริเวณนี้ และเห็นว่าห้องนี้มีผู้หญิงสาวสวย 3 คน พักร่วมกับผู้ชาย จึงได้ถือโอกาสตอนที่ผู้เข้าพักออกจากห้องพักไปนั่งรับประทานอาหารที่ชายหาดทราย นำกล้องตัวจิ๋วมาติดที่ห้องน้ำเพื่อเก็บภาพตอนอาบน้ำ

    นางสาว สมลักษณ์ แซ่ลี้ กล่าวว่า รู้สึกตกใจอย่างมากต่อเมื่อเห็นนายณรงค์ศักดิ์ แซ่หลี หยิบกล้องแอบถ่ายภาพตัวจิ๋วมาให้ดู เพราะทุกคนเข้าไปอาบน้ำ ชำระร่างกายกันหมดแล้วผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 2 คน ถ้ามีการบันทึกภาพก็ถูกบันทึกทุกขั้นตอน เกรงว่าผู้ทีแอบถ่ายคงเป็นพวกโรคจิต หรือผู้ที่ถ่ายภาพไปขายบันทึกในแผ่นวีซีดี และเว็บไซด์ลามกต่าง ๆ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ทช่วยติดตามตัวมาสอบสวน ลงโทษโดยเร็ว ก่อนที่คนอื่นจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ถ้าจับไม่ได้ต่อไปคงไม่มีใครกล้าเข้าพักในโกลเด้น บีช รีสอร์ท อีกต่อไป เพราะกลุ่มของเราก็เป็นขาประจำอยู่ที่นี่ด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดูแล 'คนแก่' อย่างไร ให้เป็นสุข
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 ตุลาคม 2552 12:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แก้ว-สุภาพร สงวนวงศ์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อาจกล่าวได้ว่า อาชีพหนึ่งที่ครอบครัวส่วนใหญ่มองหาเมื่อมีญาติผู้ใหญ่เริ่มแก่ชรานั่นก็คือ “ผู้ช่วย-ผู้ดูแลผู้สูงอายุ” และสถานที่ที่สร้างความหดหู่ได้ไม่น้อย เมื่อคนชราผู้ถูกทอดทิ้งต้องมารวมตัวกันที่ “บ้านพักคนชรา” ซึ่งหลายคนที่รับรู้เรื่องราวต่างๆนานาของผู้สูงอายุก็อดรู้สึกสะเทือนใจกันทั่วหน้า

    ทั้งนี้ การที่ผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จะไม่กลายเป็นผู้ถูกทอดทิ้งนั้นขึ้นอยู่กับลูกๆหลานๆด้วย ว่ามีจิตสำนึกมากน้อยแค่ไหน ดูแลพวกท่านด้วยเงินอย่างเดียวใช่หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ ทางทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่อยู่ดูแลไม่ใช่แค่ญาติผู้ใหญ่ของตนเองเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงผู้สูงอายุท่านอื่นๆด้วย นั่นก็คือ “แก้ว-สุภาพร สงวนวงศ์”

    สุภาพรเล่าว่า โดยส่วนตัวแล้ว เวลาได้ยินข่าวผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง รู้สึกเศร้าใจและเห็นใจมากว่า ทำไมลูกหลานถึงทิ้งพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ได้ลงคอ

    “ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งบ้าง ถูกทำร้ายบ้าง รู้สึกสงสาร และเห็นใจมาก ทั้งๆที่พวกเขาไม่ใช่ญาติเรา และอดรู้สึกไม่พอใจกับคนที่ทอดทิ้งไม่ได้ แต่เชื่อว่า ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น ลูกหลานที่ทิ้งพ่อแม่ปู่ย่าตายายของตัวเอง...ทำกินไม่เจริญหรอก”

    เธอเสริมต่อว่า นอกจากแม่ของตัวเองแล้ว ก็มีโอกาสดูแลญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือกันมานาน ซึ่งไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเลย ทุกสิ่งที่ทำลงไปก็ทำด้วยใจ เต็มใจทำทั้งนั้น

    อย่างไรก็ดี แก้ว สุภาพร เผยว่า มันเป็นธรรมดาของคนแก่ที่มักชอบเล่าเรื่องเก่าๆ เล่าแล้วเล่าอีกและชอบน้อยใจลูกหลาน ซึ่งนิสัยของคนแก่เหล่านี้นี่เองที่ทำให้คนดูแลไม่ว่าจะเป็นลูกหรือหลานเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายได้

    “จริงๆแล้วอยากให้ทุกคนเข้าใจผู้สูงอายุ ต่อให้แต่ละคนจะมีนิสัยไม่เหมือนกัน แต่คนที่เป็นผู้น้อย เป็นลูกเป็นหลานก็ต้องคิดว่า ท่านก็เคยเลี้ยงดูเรามา เป็นร่วมโพธิ์ร่มไทรให้ครอบครัว”

    ทั้งนี้เธอได้แนะ กลเม็ดเคล็ดลับในการดูแลผู้สูงอายุอย่างไรให้ทั้งผู้สูงอายุและผู้ดูแลมีความสุขไปพร้อมๆกัน ซึ่งวิธีเหล่านี้ เธอมั่นใจว่าทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับผู้ใหญ่ที่บ้านได้อย่างไม่ยากนัก

    รู้จักพูด

    คนเราต้องร้จักคิก่อนที่จะพูด ไตร่ตรองก่อนที่จะทำ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องอยู่ดูแลผู้สูงอายุ หากคิดอะไรแล้วพูดออกมาอย่างที่คิด เรื่องบางเรื่องเขาอาจจะรับไม่ได้ คำพูดที่เราคิดว่าไม่รุนแรง แต่สำหรับคนเฒ่าคนแก่นั้นอาจจะทำให้เสียน้ำตาก็ได้

    “ถ้าเขากำลังเศร้าก็ต้องให้กำลังใจ ถ้าเขานั่งสมาธิไม่ได้ให้นอนทำสมาธิ ทำจิตใจให้สบาย อย่าไปยึดติด เพราะลูกเต้าก็ไม่ใช่ของเรา เราต้องให้เขารักษาสุขภาพให้ดีไม่ต้องคิดมาก” แก้วแนะ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รู้จักคิด

    เมื่อต้องดูแลผู้สูงอายุแล้ว หากไม่อยากมีปัญหาให้ทุกข์ใจทั้งสองฝ่ายคือทั้งคนแก่และคนดูแล ต้องคำนึงเสมอว่า ผู้น้อยไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้เฒ่าได้ ไม่ว่าจะอย่างไร หากท่านอะไรให้ไม่พอใจ ก็ควรใช้เหตุผลเข้าช่วย ถ้าท่านยังไม่เชื่อ หรือไม่ยอมทำตาม ในที่สุดแล้ว“ธรรมะ” จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

    รู้จักเงียบ

    ไม่ว่าเขาจะว่าอะไร คนที่ดูแลก็ไม่ควรเถียงและห้ามขึ้นเสียงเด็ดขาด ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ต้องเข้าใจคนแก่ แม้แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เราไม่ขัดใจคนแก่

    และโดยธรรมชาติ คนวัยนี้ชอบคุยเรื่องความหลัง เราก็ต้องรับฟังท่านเสมอ อย่าตำหนิท่านเพราะนั่นก็คือความสุขที่ท่านอยากจะเล่าให้ลูกหลานฟัง

    รู้จักเอาใจ

    อยู่บ้านเฉยๆ อาจจำเจน่าเบื่อ ลูกหลานก็ควหากิจกรรมแก้เซ้งทำบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือให้ฟัง เปิดเพลงหรือบทสวดมนต์ ช่วยทำงานบ้าน ซักผ้าล้างจาน หรือจะบีบนวดคลายเหงาในช่วงนอนพักกลางวันหรือก่อนนอน

    ถ้าอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศก็อาจพาขับรถชมวิว ทำบุทญที่วัด หรือพาไปทานอาหารที่ร้านอร่อยๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ต่ออายุทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย

    รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่

    ประการสุดท้ายที่สุภาพรย้ำไม่แพ้ประการอื่นคือ ลูกๆหลานๆและคนในครอบครัว ที่เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจเป็นอย่างดีสำหรับปู่ย่าตายาย ดังนั้น ลูกๆทุกคนควรพาหลานๆไปเยี่ยมเยียนท่านบ้าง หรือไม่ก็หากิจกรรมทำร่วมกันทั้ง 3 รุ่น เพราะคนแก่หลายคนที่เฝ้ารอลูกหลานมาหา แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววที่จะมา มันก็เป็นธรรมดาที่พวกท่านจะไม่มีแรงและกำลังที่จะอยู่ต่อไป

    ดังนั้นลูกๆหลานอย่ามองข้ามความรักของปู่ย่าตายายนะคะ ไม่ว่าจะอย่างไรขอให้คำนึงไว้ว่าพวกท่านก็เปรียบเหมือนไม้ใกล้ฝั่งแล้ว เราที่เป็นลูกเป็นหลานก็ควรตอบแทนบุญคุณท่านให้เต็มที่นะคะ^^
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แดงเดือดเจ็บอื้อ"หงส์"เป็นรอง"ผี" "เรือใบ"ฉิว-"ปืน"หืดจับดาร์บี้แมตช์

    คอลัมน์ ซอคเกอร์

    "ราชันเบอร์ 23"

    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd09BPT0=&day=TWpBd09TMHhNQzB5TlE9PQ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ศึกแดงเดือดที่แฟนบอลพันธุ์แท้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ในสภาพหลังชนฝา จะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของคู่ปรับตลอดกาล "ผีแดง"แมนฯยู "หงส์แดง" จะหยุดสถิติแพ้ 4 นัดรวดได้หรือไม่???

    วันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.

    พรีเมียร์ชิพ

    - ลิเวอร์พูล-แมนฯยู - แดงเดือดเขย่าโลก หลังกระแทกฝาสำหรับ "หงส์แดง" แพ้ 4 นัดรวด เป็นสถิติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 22 ปี ราฟาเอล เบนิเตซ เก้าอี้ร้อน แถมนักเตะในคาถาเดี้ยงระนาว เฟอร์นันโด ตอร์ เรส และ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ต้องรอเช็กฟิต แดนกลาง มีฮาเวียร์ มาสเชราโน่, ยอสซี่ เบนายูน โดยวาง เดิร์ก เคาต์ กับ ดาวิด เอ็นก๊อก หากตัวหลักไม่ฟิต ส่วน เกล็น จอห์นสัน น่าจะฟิตทัน ด้าน "ผีแดง" ยังไม่มี เวย์น รูนีย์, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ และ ปาร์ก จี ซุง ส่วน ไรอัน กิ๊กส์, พาทริก เอวร่า สลัดอาการบาดเจ็บลงสนามได้ "ผี" นักเตะสมบูรณ์กว่า กองหน้าจะใช้ ไมเคิล โอเว่น และ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ โดยมี อันโตนิโอ วาเลนเซีย ทำเกม ข้นคลั่กแน่ เชื่อว่า เฟอร์กี้ น่าจะอาศัยความได้เปรียบเรื่องขุมกำลังบุกมา ยัดเยียดความปราชัยให้ "หงส์" ล้างแค้นจากซีซั่นที่แล้วได้
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผงะเส้นลวด อยู่ในยาพารา แม่ซื้อให้ลูกกิน แบ่งซีกถึงเจอ

    �����آ�Ҿ �������Ǵ������ �Ҿ���


    [​IMG]


    ผงะเส้นลวด อยู่ในพารา (ข่าวสด)

    เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของนางแสงเดือน บ่อคำ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 121 หมู่ที่ 1 ต.เหมืองหม้อ อ.เมือง จ.แพร่ หลังจากที่เข้าร้องเรียนว่า พบเส้นลวดในเม็ดยาแก้ปวด โดยนางแสงเดือนกล่าวว่า ไปซื้อยาแก้ปวดพาราเซตามอลในร้านขายยาของหมู่บ้านมาเก็บไว้ โดยยานี้อยู่ในซองยาโดยระบุว่า "PARA GPO ยาเม็ดแก้ปวด ลดไข้ พาราเซตามอล" นอกจากนี้เขียนระบุว่า "องค์การเภสัชกรรม"

    ต่อมา ด.ญ.ณัฐสุรางค์ บ่อคำ อายุ 9 ขวบ บุตรสาวเกิดปวดหัวจึงเอายาพารามาให้กิน 1 เม็ด ลูกสาวบอกว่าเม็ดยาใหญ่ไป ให้แบ่งครึ่ง จึงแบ่งเม็ดยาให้ ปรากฏว่าเมื่อหักเม็ดยาออกเป็นสองส่วน ก็พบว่าข้างในมีเส้นลวดอยู่ 1 เส้น ตนตกใจมากเพราะไม่นึกว่าจะพบอย่างนี้ หากให้ลูกสาวกินทั้งเม็ดไม่รู้ว่ากินเส้นลวดไปด้วยหรือไม

    นางแสงเดือน กล่าวต่อว่า ไม่รู้ว่ายาที่ซื้อมาจากร้านจะมีอย่างนี้ นึกไปแล้วเสียวไม่หาย ถ้าลูกสาวกินเข้าไปไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนว่ายาแผงนี้จะจริงหรือปลอมตนไม่ทราบ แต่แผงยาระบุชัดเจนว่าเป็นขององค์การเภสัชกรรม และเป็นยาชนิดเดียวกับที่โรงพยาบาลจังหวัดแพร่ให้คนไข้กินแก้ปวด ส่วนยานี้ร้านในหมู่บ้านซื้อมาจากร้านขายยาชื่อดังของจังหวัด

    "จะเก็บตัวอย่างที่พบเส้นลวดนี้ไว้ก่อน เพราะว่าตอนนี้ไม่รู้จะไปร้องกับใคร ในวันจันทร์นี้จะนำตัวอย่างนี้ไปให้สาธารณสุขพร้อมกับจะเข้าร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ทำการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าน่าจะมีรายอื่น ๆ อีก" นางแสงเดือนกล่าว


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาชมสัญญาจำนอง ,จำนำ และ การรับมรดก สมัยโบราณกันครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • jumnong.JPG
      jumnong.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.7 KB
      เปิดดู:
      1,013
    • jumnum.JPG
      jumnum.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.6 KB
      เปิดดู:
      649
    • moradog.JPG
      moradog.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.3 KB
      เปิดดู:
      595
    • 31.jpg
      31.jpg
      ขนาดไฟล์:
      284.1 KB
      เปิดดู:
      106
    • 32.jpg
      32.jpg
      ขนาดไฟล์:
      254.3 KB
      เปิดดู:
      82
    • 33.jpg
      33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      280.8 KB
      เปิดดู:
      126
    • 34.jpg
      34.jpg
      ขนาดไฟล์:
      264.1 KB
      เปิดดู:
      85
    • 35.jpg
      35.jpg
      ขนาดไฟล์:
      282.4 KB
      เปิดดู:
      103
    • 36.jpg
      36.jpg
      ขนาดไฟล์:
      253.4 KB
      เปิดดู:
      85
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2009
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปางมหาพรหมอัญเชิญแสดงธรรม

    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>มีธรรมเนียมในหมู่ชาวพุทธ เวลาพระจะเทศน์ พิธีกรจะกล่าวอาราธนาธรรม คือ อาราธนาให้พระธรรมกถึกแสดงธรรม ขึ้นต้นด้วยคำว่า พฺรหฺมา จะ โลกาธิปตี สะหัมปะติ... ธรรมเนียมนี้มีที่มาดังนี้

    เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จออกจากโคนต้นราชยตนะในสัปดาห์ที่ 7 หลังตรัสรู้ (พระไตรปิฎกว่าสัปดาห์ที่ 4) ก็เสด็จไปยังต้นอชปาลนิโครธอีกครั้ง

    คราวนั้น พระองค์ทรงพิจารณาธรรมะที่ตรัสรู้แล้วว่า เป็นสภาวะที่ละเอียด ประณีต ลึกซึ้ง แม้เหตุผลทางตรรกะก็หยั่งไม่ถึง รู้ตามได้ยาก มีพระหฤทัยน้อมไปในความเป็นผู้ขวนขวายน้อย (นี้เป็นสำนวนพระ ความหมายก็คือไม่คิดแสดงธรรม คิดจะอยู่เฉยๆ)

    ขณะนั้นท้าวสหัมบดีพรหมทราบพระปริวิตกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเข้ามานมัสการกราบทูลอัญเชิญให้พระองค์เสด็จไปประกาศพระธรรม โดยกล่าวว่า สัตว์ที่มีธุลีในดวงตาน้อยยังมีอยู่ สัตว์เหล่านั้นจะเสื่อมจากประโยชน์ที่พึงได้ เพราะมิได้ฟังธรรมจากพระองค์

    ความหมายในที่นี้ก็คือ "ผู้ที่มีพื้นความรู้พอจะเข้าใจยังมีอยู่ ขอให้พระองค์เสด็จไปแสดงธรรมเถิด"

    พระพุทธเจ้าหลังจากทรงพิจารณาสัตว์โลกเปรียบเทียบกับดอกบัวหลายเหล่าที่เจริญงอกงามในสระแล้ว ก็ทรงรับคำอาราธนาของสหัมบดีพรหม ด้วยเหตุนี้แหละเมื่อเราจะอาราธนาให้พระภิกษุแสดงธรรม เราจึงกล่าวคำอาราธนา อ้างชื่อสหัมบดีพรหมว่า "พฺรหฺมา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ..." ดังที่ทราบกันดีแล้ว

    พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาสัตว์โลกดุจดอกบัว 3 เหล่า (คือ ดอกอุบล, ดอกปทุม, ดอกบุณฑริก) อันเกิดและเจริญในสระ 3 ระดับ คือ

    ระดับที่หนึ่ง ดอกบัวพ้นน้ำ เปรียบเสมือนคนผู้ฉลาดมาก สามารถเข้าใจธรรมทันทีที่ฟังโดยสังเขป

    ระดับที่สอง ดอกบัวเสมอผิวน้ำ เปรียบเหมือนคนที่ฉลาด พอฟังโดยพิสดารก็เข้าใจ

    ระดับที่สาม ดอกบัวอยู่กลางท้องน้ำ เปรียบเหมือนคนผู้พอฝึกฝนอบรมได้ ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะเข้าใจ

    คำว่า "เข้าใจ" หมายถึงตรัสรู้ธรรม ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 4 ข้อที่ 9 หน้า 11 กล่าวถึงดอกบัว 3 ระดับเท่านั้น ไม่มีระดับที่ 4 ซึ่งเติมมาภายหลัง เพื่อให้เข้าคู่กับบุคคล 4 จำพวก ถ้าไม่พูดเสียตรงนี้ก็จะไม่เข้าใจกันแจ่มแจ้ง ขอขยายเลยนะครับ

    1.พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาสัตว์เปรียบกับดอกบัว 3 เหล่า 3 ระดับ ไม่เกี่ยวกับบุคคล 4 ประเภท

    2.ส่วนการแบ่งบุคคลออกเป็นหลายประเภทนั้น ตรัสไว้ในที่อื่น เช่น สองประเภท สามประเภท สี่ประเภท ห้าประเภท ฯลฯ ไม่เกี่ยวกับการตรวจตราดูสัตว์โลก

    3.เฉพาะบุคคล 4 ประเภท ก็มีหลายหมวด หนึ่งในหลายหมวดนั้น ทรงแบ่งดังนี้

    (1) อุคฆติตัญญู ผู้ตรัสรู้ฉับพลัน เพียงฟังหัวข้อธรรมก็ตรัสรู้

    (2) วิปัญจิตัญญู ผู้ตรัสรู้เร็ว เพียงฟังธรรมโดยพิสดารก็ตรัสรู้ (ต้นฉบับเดิมเขียน วิปัญจิตญญู มิใช่ วิปัจจิตัญญู)

    (3) เนยยะ ผู้พึงฝึกฝนอบรมได้ ต้องใกล้ชิดสัตบุรุษ ฟังธรรมจากท่านเหล่านั้น ฝึกฝนอบรมสักระยะหนึ่ง จึงตรัสรู้

    (4) ปทปรมะ ผู้เป็นพหูสูต จำได้มาก กล่าวได้มาก แต่ไม่สามารถตรัสรู้ในชาตินี้

    นี้คือคำจำกัดความของบุคคล 4 ประเภท หรือ 4 ระดับ เฉพาะประเภทท้าย (ปทปรมะ) มิได้หมายถึงคนโง่ หากหมายถึงผู้รู้ทฤษฎีมาก เป็นพหูสูต คนพวกนี้เป็นผู้ "มากบท มากเรื่อง" ยากจะตรัสรู้ได้ในชาตินี้ พระอรรถกถาจารย์คงเห็นว่าเข้าท่าดี จึงนำเอาบุคคล 4 ประเภท มาจับคู่กับดอกบัว 3 ระดับ

    พอมาถึงประเภทที่ 4 จึงเติมดอกบัวระดับที่ 4 เข้ามาเพื่อเข้าคู่กัน แล้วให้คำนิยามใหม่ว่า "บัวจมโคลนเลน มีแต่จะเป็นภักษาของปลาและเต่า เปรียบเสมือนคนประเภทปทปรมะ คือ คนโง่เขลา ไม่มีทางตรัสรู้ได้"

    เรื่องราวมันเป็นมาอย่างนี้แล จึงมี "ดอกบัว ๔ เหล่า" ดังที่เราเรียนกันในโรงเรียน บังเอิญผมมีโอกาสเป็นกรรมการร่างหลักสูตร วิชาพระพุทธศาสนาด้วยผู้หนึ่งและได้เขียนตำราเรียน จึงได้แก้ไขตรงนี้ จากดอกบัว ๔ เหล่า เป็นดอกบัว 3 เหล่า 3 ระดับ ให้ตรงกับพระบาลีพระไตรปิฎก ก็ไม่เห็นมีใครทักท้วงนี่ครับ ถ้าทักมา จะได้ยกหลักฐานมายืนยัน เมื่อรู้ว่าผิดมาแล้ว ก็น่าจะแก้ไขให้ถูกต้อง

    มีข้อสังเกตที่อยากฝากไว้ตรงนี้สักเล็กน้อย ถ้าพินิจตามความในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าทรงมองว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพทัดเทียมกัน ทุกคนโปรดได้ ไม่มีใครที่โปรดไม่ขึ้น หรือพูดให้ชัดว่า ไม่มีประเภทปทปรมะ ในความหมายว่าโง่เง่าเต่าตุ่น โปรดไม่ขึ้น ดุจดอกบัวจมโคลนเลน

    ข้อสังเกตที่สองก็คือ พระพรหมที่มาอัญเชิญ ไม่จำต้องแปลตามตัวอักษรว่าเป็นพรหมจริงๆ ก็ได้ อาจเป็นสัญลักษณ์หมายถึง พรหมวิหารธรรม อันมีกรุณาเป็นตัวจักรสำคัญ พูดง่ายๆ พรหมก็คือพระมหากรุณาของพระพุทธองค์นั้นเอง พระองค์ทรงสงสารสัตว์โลกที่ตกอยู่ในความทุกข์ในสังสารวัฏ จึงทรงอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวออกไปเทศน์โปรด การที่ทรงเคลื่อนไหวออกไปเทศน์โปรดสัตว์โลกนี้ เป็นการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่พอๆ กับพระพรหม (ที่คนสมัยนั้นนับถือมาก) มาอัญเชิญทีเดียว
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สังคมที่เป็นปฏิปักษ์กับความดี

    คอลัมน์ มองอย่างพุทธ

    โดย พระไพศาล วิสาโล เครือข่ายพุทธิกา เครือข่ายพุทธิกา : เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม

    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    พฤติกรรมทางศีลธรรมของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับทัศนคติหรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีภายในใจเท่านั้น แต่ยังถูกกำหนดโดยสิ่งแวดล้อมรวมถึงสถานการณ์และผู้คนรอบตัวด้วย หากมีใครสักคนเป็นลมอยู่บนถนนที่มีคนพลุกพล่าน ถ้าทุกคนพากันเดินผ่านผู้เคราะห์ร้ายโดยไม่หยุดช่วยเหลือเขาเลย คนที่เดินตามมาก็มีแนวโน้มที่จะเดินผ่านเขาไปด้วยเช่นกัน แต่ถ้าบังเอิญมีใครสักคนหยุดเดินแล้วเข้าไปช่วยเขา ก็จะมีใครต่อใครอีกหลายคนเข้าไปทำอย่างเดียวกัน เช่น ซื้อยาดมหรือหาน้ำให้กิน

    นักจิตวิทยาคู่หนึ่ง แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เคยทำการทดลองด้วยการมอบหมายให้นักศึกษาคนหนึ่งแกล้งทำเป็นโรคลมบ้าหมูอยู่คนเดียวในห้อง โดยมีนักศึกษาอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องติดกัน (แต่ไม่รู้ว่ามีการทดลอง) จากการทดลองทำซ้ำหลายๆ ครั้ง พบว่านักศึกษาข้างห้องเมื่อได้ยินเสียงร้องจะเข้าไปช่วย "ผู้ป่วย" ถึงร้อยละ 85 ของการทดลอง แต่ถ้าหากในห้องข้างๆ นั้นมีคนอยู่ 5 คน ร้อยละ 31 เท่านั้นที่จะมีคนจากห้องนั้นไปช่วย

    เขายังได้ทดลองด้วยการสุมควันในห้อง ปรากฏว่าคนที่อยู่นอกห้องหากเห็นควันพวยพุ่งจากใต้ประตูจะรีบวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่ถึงร้อยละ 75 ถ้าเขาอยู่คนเดียว แต่ถ้าอยู่กันเป็นกลุ่ม จะมีการรายงานเจ้าหน้าที่เพียงร้อยละ 38 ของการทดลองเท่านั้น

    การทดลองนี้ได้ข้อสรุปว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะทำตัวพลเมืองดีหากว่าอยู่คนเดียว แต่ถ้าอยู่กันหลายคน ความใส่ใจที่จะเป็นพลเมืองดีก็ลดลง

    กล่าวกันว่าคนเรามักจะทำดีต่อหน้าผู้คน ข้อนี้มีความจริงอยู่ แต่ถ้าผู้คนส่วนใหญ่ทำตัวเฉยเมย ดูดายต่อปัญหา ไม่อนาทรต่อผู้เดือดร้อน คนอื่นก็มักจะทำตามด้วย นี้คือเหตุผลว่าเหตุใดผู้หญิงจึงถูกลวนลามในรถเมล์หรือถูกฉุดกระชากลากถูเข้าพงหญ้าโดยไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือเลย ในสถานการณ์เช่นนี้ต่างคนต่างโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น ("แกทำสิๆ" หลายคนคงนึกเช่นนี้ในใจ) หาไม่ก็นึกในใจว่า "ถึงฉันไม่ทำ คนอื่นก็ทำ" สุดท้ายก็ไม่มีใครทำอะไรเลยสักคน อันธพาลจึงทำร้ายผู้หญิงได้สมใจและลอยนวลไปได้

    นอกจากผู้คนแวดล้อมแล้ว สถานการณ์หรือสถานภาพของแต่ละคนก็มีส่วนกำหนดพฤติกรรมของเขาด้วย เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้วมีการทดลองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยทำคุกจำลองขึ้นและมีอาสาสมัครจำนวน 24 คนมารับบทเป็นผู้คุมและนักโทษ อาสาสมัครเหล่านี้ล้วนคัดมาจากผู้ที่มีสุขภาพจิตดีมาก ผู้ที่รับบทเป็นผู้คุมซึ่งมีอยู่ครึ่งหนึ่งนั้นได้รับเครื่องแบบ ใส่แว่นตาดำและมีอุปกรณ์ทุกอย่างเหมือนจริง รวมทั้งมีอำนาจเช่นเดียวกับผู้คุมทั่วไป

    การทดลองมีกำหนด 14 วัน แต่หลังจากดำเนินไปได้เพียง 6 วันก็ต้องยุติ เพราะนักโทษทนสภาพที่ถูกบีบคั้นในคุกไม่ไหว เนื่องจากผู้คุมใช้อำนาจอย่างเต็มที่ เพียงแค่คืนแรกนักโทษก็ถูกปลุกให้ขึ้นมาวิดพื้นตั้งแต่ตี 2 และทำอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง วันต่อมาเมื่อนักโทษแสดงอาการต่อต้านขัดขืน ก็ถูกลงโทษหนักขึ้น มีการเปลื้องผ้าและจับขังคุกเดี่ยว หลังจากนั้นนักโทษหลายคนมีอาการหงอย หงอ และซึม ขณะที่ผู้คุมแสดงอาการข่มขู่ก้าวร้าวมากขึ้น ผ่านไปไม่กี่วันนักโทษ 4 คนถูกพาออกจากการทดลองเพราะมีอาการคลุ้มคลั่งและซึมเศร้าอย่างหนัก สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด จึงต้องยุติการทดลองก่อนกำหนด 8 วัน

    อาสาสมัครที่รับบทผู้คุมบางคนเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า พฤติกรรมที่เขาทำในคุกนั้นตรงข้ามกับที่เขาทำในยามปกติ บางคนยอมรับว่า ไม่คิดมาก่อนว่าตนจะมีพฤติกรรมรุนแรงอย่างนั้นเพราะเชื่อว่าตัวเองเป็นคนรักสันติ ส่วนฟิลิป ซิมบาร์โดซึ่งเป็นผู้ทำการทดลองอันลือชื่อดังกล่าว ยอมรับเช่นกันว่า ไม่คาดคิดว่าพฤติกรรมของผู้คนในคุกจำลองจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเข้มข้นขนาดนั้น

    การทดลองดังกล่าวชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานการณ์บางอย่างนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนได้ มันสามารถดึงเอาด้านลบหรือความรุนแรงก้าวร้าวในตัวของผู้คนออกมาอย่างคาดไม่ถึง "คนดี"ในยามปกติอาจกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว บ้าอำนาจ หรือนิยมความรุนแรงได้หากมีอำนาจมากมายในมือ

    ดังที่คุณหมอประเวศ วะสีได้เปรียบเปรยไว้ ไก่ 2 ตัวเมื่อถูกสุ่มครอบ จากเดิมที่เคยหากินอย่างสงบ ก็จะเริ่มจิกตีกัน คนเมื่อถูกครอบด้วยโครงสร้างที่คับแคบ ก็จะกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แสดงความรุนแรงต่อกัน สังคมเผด็จการเบ็ดเสร็จอย่างคอมมิวนิสต์ (โดยเฉพาะรัสเซียสมัยสตาลิน และจีนยุคปฏิวัติวัฒนธรรม) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดึงเอาด้านลบของมนุษย์ออกมาอย่างน่าเกลียด ผู้คนไม่เพียงระแวงต่อกันเท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะปรักปรำใส่ร้ายกัน เพื่อความอยู่รอดของตัว แม้กระทั่งสามีภรรยาก็ไม่ไว้ใจกัน เพราะกลัวว่าต่างฝ่ายจะเป็นสายให้ตำรวจ

    ที่มักพูดกันว่า "ถ้าทุกคนเป็นคนดี สังคมก็จะดีด้วย" เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว คนมิใช่เป็นผู้กำหนดสังคมฝ่ายเดียวเท่านั้น สังคมก็เป็นตัวกำหนดผู้คนด้วย นั่นก็คือ "ถ้าสังคมเลว ทุกคนก็(มีสิทธิ)เป็นคนเลว"

    อิทธิพลของสังคมมีผลทางลบต่อจิตใจของผู้คนเพียงใด พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในจักกวัตติสูตร โดยทรงชี้ให้เห็นถึงผลกระทบเป็นลูกโซ่ กล่าวคือ เมื่อ (ผู้ปกครอง)ไม่จัดสรรปันทรัพย์ให้แก่เหล่าชนผู้ไร้ทรัพย์ ย่อมทำให้ความยากจนระบาดทั่ว จากนั้นก็จะมีการลักขโมยแพร่หลาย มีการใช้อาวุธระบาดทั่ว มีการฆ่าผู้คน โกหก ส่อเสียด ประพฤติผิดในกาม ฯลฯ จนเกิดมิจฉาทิฐิ ความฝักใฝ่ในอธรรม ความละโมบ และมิจฉาธรรม เป็นต้น

    เห็นได้ว่าการปกครองที่ไม่ก่อให้เกิดการแบ่งปันทรัพย์อย่างทั่วถึง สามารถก่อผลกระทบต่อเนื่อง ไม่เพียงทำให้ผู้คนกินอยู่ฝืดเคืองเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมของประชาชน เริ่มจากการผิดศีลผิดธรรม ตามมาด้วยการกัดกร่อนจิตสำนึกของผู้คน ทำให้กิเลสและความหลงผิดเพิ่มพูนขึ้น

    อิทธิพลของสังคมที่มีต่อจิตสำนึกของผู้คน เป็นเรื่องที่ชาวพุทธและคนไทยทั่วไปไม่สู้ตระหนัก หรือยังให้ความสำคัญน้อยมาก ดังจะเห็นได้จากการนิยมเปลี่ยนจิตสำนึกของผู้คนด้วยวิธีการเทศนาสั่งสอน (รวมทั้งพานั่งสมาธิ) ซึ่งแม้จะมีประโยชน์ แต่ก็ยังไม่พอ เพราะได้ผลในระดับบุคคล หรือกับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ส่งผลน้อยมากต่อสังคมโดยรวม

    การยกระดับจิตสำนึกหรือเสริมสร้างพฤติกรรมทางศีลธรรมของผู้คนนั้น ไม่อาจเกิดขึ้นในวงกว้างได้เลยตราบใดที่โครงสร้างหรือเงื่อนไขทางสังคมยังอยู่ในสภาพที่เป็นปฏิปักษ์กับความดี สภาพดังกล่าวได้แก่ ความยากจนที่แพร่ระบาด การมีอบายมุขทั่วบ้านทั่วเมือง สื่อมวลชนที่ถูกครอบงำด้วยบริโภคนิยม การศึกษาที่ไม่ส่งเสริมการเรียนรู้และใฝ่ธรรม ประเด็นเหล่านี้มีการพูดกันมากแล้ว แต่ที่ยังพูดถึงน้อยก็คือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม

    ปัจจุบันมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า นอกจากความยากจนแล้ว ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมส่งเสริมให้เกิดอาชญากรรมและความรุนแรงในสังคมโดยตรง ล่าสุดคืองานวิจัยของริชาร์ด วิลคินสัน ซึ่งเป็นที่กล่าวขานอย่างแพร่หลายในขณะนี้ เขาได้ชี้ว่าเมื่อเทียบระหว่างประเทศต่อประเทศ รัฐต่อรัฐ เมืองต่อเมือง จะพบว่า สังคมที่มีความแตกต่างทางด้านรายได้สูงมาก (เช่น สหรัฐอเมริกา) มีอาชญากรรมและนักโทษในสัดส่วนที่สูงกว่าสังคมที่มีความแตกต่างทางด้านรายได้น้อยกว่า (เช่น ญี่ปุ่น นอร์เวย์)

    ความรุนแรงนั้นเกิดจากคนระดับล่างที่รู้สึกคับแค้น ต่ำต้อย และไม่พอใจคนระดับบนที่ดูถูกตน รวมทั้งเกิดจากความรู้สึกว่าตนถูกเอารัดเอาเปรียบด้วย ขณะที่คนระดับบนนั้นนอกจากมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรมากกว่าแล้ว ยังใช้อภิสิทธิ์ดังกล่าวเบียดบังผลประโยชน์ของผู้ที่อยู่ต่ำกว่า ทำให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจถ่างกว้างขึ้น

    ความรุนแรงยังเกิดจากช่องว่างทางสถานภาพ ซึ่งก่อให้เกิดความเหินห่างหมางเมินและพัฒนาไปสู่ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อกันได้ง่ายมาก งานวิจัยดังกล่าวชี้ว่าในประเทศที่มีความแตกต่างทางรายได้สูงมาก จะมีความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจสูงมาก เช่น ในสิงคโปร์ มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่บอกว่าผู้คนส่วนใหญ่ไว้ใจได้ ขณะที่ผู้ที่มีความเห็นดังกล่าวมีมากถึงร้อยละ 65 ในสวีเดน เดนมาร์ค ซึ่งเป็นประเทศที่มีแตกต่างทางรายได้น้อยมาก

    ดังที่การทดลองของซิมบาร์โดได้ชี้ชัด สถานภาพที่ต่างกันสามารถดึงเอาด้านลบหรือส่วนที่เลวร้ายในใจมนุษย์ออกมา เพราะต่างฝ่ายต่างมองซึ่งกันและกันเป็นคนละพวกคนละฝ่าย แม้สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมากจะแตกต่างจากสภาพในคุก แต่การที่ผู้คนแบ่งกันตามสถานภาพที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน (เช่น รายได้ซึ่งเชื่อมโยงกับการศึกษาและรสนิยมการบริโภค รวมทั้งอิทธิพลทางการเมือง และ "เส้นสาย") ก็ย่อมทำให้แต่ละฝ่ายมีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมทางลบต่อกันและกัน ตรงกันข้ามกับมิตรภาพ ที่มักจะดึงด้านบวกหรือคุณธรรมออกมา (เช่น แย่งกันออกเงินค่าอาหาร)

    แม้ว่าการวิจัยของวิลคินสันเน้นเฉพาะประเทศที่ร่ำรวย 20 ประเทศ ไม่รวมประเทศระดับกลางหรือยากจน แต่ก็บอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับประเทศไทยซึ่งมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมสูงกว่าประเทศเหล่านั้นมาก (เมื่อปี 2549 กลุ่มคนที่รวยสุดมีทรัพย์สินสูงเป็น 69 เท่าของกลุ่มที่จนสุด) อย่างน้อยการศึกษาเปรียบเทียบดังกล่าวบอกเป็นนัยว่า อาชญากรรม ความรุนแรง ตลอดจนความร้าวฉานของคนไทยทั้งประเทศเวลานี้ เป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมไม่น้อยเลย ปฏิเสธไม่ได้ว่าความแตกต่างทางด้านสถานภาพทำให้คนไทยเกิดความไม่ไว้วางใจต่อกันมากขึ้น โดยเฉพาะชนชั้นกลางมีแนวโน้มดูแคลนคนระดับล่างที่มีฐานะและการศึกษาต่ำกว่าตนอย่างเห็นได้ชัด

    เมื่อเร็วๆ นี้มีการเปิดเผยผลการสำรวจทัศนคติของประชาชนในเอเชีย พบว่าคนไทยเพียงร้อยละ 18 เท่านั้นที่เห็นว่า คนที่มีการศึกษาน้อยหรือไร้การศึกษาควรมีสิทธิทางการเมืองเท่ากับคนที่มีการศึกษาสูง ตัวเลขดังกล่าวนับว่าต่ำที่สุดในเอเชีย นั่นหมายความว่าร้อยละ 88 เห็นว่าคนที่มีการศึกษาน้อย (หรือคนจน) ควรมีสิทธิทางการเมืองน้อยกว่าคนที่มีการศึกษาสูง (หรือคนมีเงิน) ทัศนคติดังกล่าวเป็นทั้งผลพวงและสาเหตุของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในประเทศไทยในเวลานี้

    การเรียกหาความสามัคคีหรือสมานฉันท์ของคนในชาติ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากบ้านเมืองมีความเหลื่อมล้ำกันมากมายขนาดนี้ ในทำนองเดียวกันการหวังให้คนมีความเมตตากรุณาหรือมีศีลธรรมต่อกันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากสภาพสังคมที่เป็นอยู่มีแนวโน้มที่จะดึงเอาด้านลบของผู้คนออกมา สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมากไม่เพียงบั่นทอนสายสัมพันธ์ของผู้คนในสังคมเท่านั้น หากยังกัดกร่อนจิตวิญญาณของผู้คนด้วย มิพักต้องเอ่ยถึงการบั่นทอนสุขภาพ (การวิจัยของวิลคินสันชี้ว่าในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง มีอัตราการตายของทารก โรคอ้วน การใช้ยาเสพติด และมีความเครียดสูงตามไปด้วย)

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เกิดความสามัคคีหรือสาราณียธรรมได้แก่ สาธารณโภคี หรือการแบ่งปันกัน ในสังคมระดับประเทศ การแบ่งปันไม่อาจทำด้วยการแจกเงินแบบประชานิยม ซึ่งให้ผลชั่วคราว และมิใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด แต่จะต้องทำให้เกิดกลไกการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ทั้งโดยอาศัยกลไกตลาด กลไกรัฐ และกลไกภาษี รวมทั้งกระจายอำนาจทางการเมืองเพื่อให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเป็นธรรม

    ชาวพุทธพึงระลึกว่าธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจบุคคลและประสานให้ผู้คนเกิดความสามัคคี หรือสังคหวัตถุ 4 นั้น ข้อสุดท้ายได้แก่ สมานัตตตา คือความมีตนเสมอ หรือปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมากอย่างสังคมไทยจะส่งเสริมให้เกิดธรรมข้อนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่ส่งเสริม เราจะหวังให้คนไทยมีความรักและสามัคคีกันได้อย่างไร
     
  13. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    หวัด D ตอนสายๆ ครับ สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2009
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    พระกริ่งปวเรศ เนื้อ Streling silver (สเตอร์ริง ซิลเวอร์)

    สร้างที่ยุโรป นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวง ปี พ.ศ.2434

    หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ อธิษฐานจิตเดี่ยว

    แต่มีบางองค์(บางรุ่น) ที่หลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่(หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ,หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ,หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ฯลฯ) อธิษฐานจิตเช่นกัน

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 151 ครั้ง

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 192 ครั้ง

    [​IMG]
    ดาวน์โหลด 21 ครั้ง

    ยังมีอีกหลายๆเรื่อง ที่ผมไม่ได้นำมาลงในกระทู้พระวังหน้าฯ เนื่องจากเป็นการค้นพบในเรื่องใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครทราบมาก่อน ขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งบนบอร์ด

    การที่ผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ เป็นความเห็นของท่านเอง

    แต่ผมและคณะ เชื่อในองค์ความรู้ใหม่นี้ เต็ม 100 % ครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2009
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับโลโก้ แทนตัวเอง ที่สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ท่านใดมีความประสงค์ที่จะใช้พระวังหน้า หรือ พระกริ่งปวเรศ เป็นโลโก้ แทนตัวเอง ให้แจ้งได้นะครับ จะมีรูปตามนี้ครับ

    1.พระสมเด็จ (เนื้อเงิน)
    2.หลวงพ่อเงิน พิมพ์จอบใหญ่ (เนื้อเงิน)
    3.พิมพ์ปิดตา (หลวงปู่เอี่ยม ) มี 2 รูป
    4.พิมพ์ฐานผ้าทิพย์
    5.หลวงพ่อเงิน (ลอยองค์ 2 องค์)
    6.พระสมเด็จ (กรมท่า รัก ดำ , ชาด , รักสมุ) (อยู่ในกรอบ)
    7.พระกริ่งปวเรศ (เนื้อเงิน ) 1 องค์
    8.พระกริ่งปวเรศ 3 องค์

    มีอยู่ทั้งหมด 8 รูปครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ยินดีกับแฟนหงส์แดงด้วยครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เลิกบู่!! หงส์เปิดรังจิกผี 2-0 เรือใบโดนเจ้าสัวตีเจ๊า 2-2
    Sport - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 ตุลาคม 2552 22:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หยุดสถิติพ่าย 4 นัดติด หลังเปิดรังพิชิตชัยเหนือ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี พลาดโดน “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม ตามตีเสมอ 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

    ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    ลิเวอร์พูล 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ฟาน เดอร์ ซาร์" บินเซฟลูกฟรีคิก "ออเรลิโอ"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ราฟาเอล เบนิเตซ อยู่ในสถานการณ์กดดันอย่างหนักหลัง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ปราชัยในทุกรายการมา 4 นัดติด เกมแดงเดือดนี้เจ้าถิ่นขาด สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีม แต่ก็ได้ เกล็น จอห์นสัน กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส ฟิตพอลงสนามได้ ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้ทัพใหญ่ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด มาเยือนแอนฟิลด์ เวย์น รูนีย์ กลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แดนกลางก็ได้ ไรอัน กิกส์ กลับมาประคอง แนวรับ ปาทริซ เอฟรา ก็หายเจ็บกลับมาลากตะลุย

    <IFRAME name=video src="/Multimedia/VDO.aspx?id=5520000138119" frameBorder=0 width=330 scrolling=no height=320></IFRAME>​


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เอฟรา" เข้าข้างหลัง "เบนายูน"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เปิดฉากการแข่งขันได้ไม่นานแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด เฮเก้อเมื่อ เวย์น รูนีย์ หลุดเข้าไปกระทุ้งบอลตุงตาข่ายแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าเสียก่อน จากนั้นเป็น ลิเวอร์พูล เริ่มครองเกมบุกเข้าใส่ทำให้ทีมเยือนต้องตัดเกมด้วยการทำฟาล์วบ่อยครั้งขึ้น นาทีที่ 16 ฟาบิโอ ออเรลิโอ ได้ปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายระยะทำการ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ บินไปปัดได้ที่โคนเสา เฟร์นานโด ตอร์เรส เข้าซ้ำแต่ก็ติดบล็อกนายทวารจอมเก๋าชาวดัตช์

    จากนั้นความผิดพลาดของ พอล สโคลส์ เสียบอลแดนกลางโดน ลูคัส เลวา ฉกไปแทงทะลุให้ เดิร์ค เคาท์ ยิงบอลผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่ก็หลุดเสาไกลไปเช่นกัน ครึ่งทางของครึ่งแรก “ผีแดง” ดันเกมขึ้นมาบ้างและก็มีลุ้นเช่นกัน อันโตนิโอ วาเลนเซีย ลุยขึ้นมาทางขวาโยนให้ รูนีย์ โหนโหม่งเข้ามือ โฆเซ เรนา จากนั้นทีมเยือนร้องจะเอาจุดโทษเมื่อ เจมี คาร์ราเกอร์ พุ่งเสียบทั้งบอลทั้งคนใส่ ไมเคิล คาร์ริค แต่ผู้ตัดสิน อังเดร มาริเนอร์ ไม่เป่าให้ นาทีที่ 36 “หงส์แดง” ชวดโอกาสได้ประตูนำเมื่อ ยอสซี เบนายูน โยนบอลข้ามหัว ริโอ เฟอร์ดินานด์ ให้ทาง ฟาบิโอ ออเรลิโอ โหม่งเหน่งๆ แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไม่พลาด จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0

    ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เดินหน้าใส่ทันที เบนายูน แทงออกขวาให้ เคาท์ หลุดโล่งแต่กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ดันใจกว้างตบคืนให้เพื่อน เบนายูน จะง้างยิงก่อนโดนแผงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด รุมกินโต๊ะ นาทีที่ 55 ทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง ไรอัน กิกส์ เปิดฟรีคิกไปเสาสองกะให้ เบอร์บาตอฟ ขึ้นโขกแต่ ตอร์เรส ลงไปช่วยโหม่งทิ้งได้ ถึงนาทีที่ 65 “หงส์แดง” เป็นฝ่ายจิกนำ 1-0 เมื่อ เบนายูน แทงทะลุให้ ตอร์เรส สลัดหลุด ริโอ เฟอร์ดินานด์ เข้าไปจิ้มด้วยหัวเกือกส่งบอลแสกหน้า ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปอย่างเด็ดขาด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"คาร์ราเกอร์" ตามประกบ "เบิร์บ" ติด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พอเสียประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามดันเกมรุกเพื่อทวงประตูคืน แต่โอกาสยังเป็นของเจ้าถิ่น ลูคัส เลวา ได้ซัดเต็มข้อจากการที่ เนมันยา วิดิช เคลียร์ไม่ขาด ทว่าบอลเหินโด่งไปไกล เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายทีมเยือนปล่อย ไมเคิล โอเวน กับ หลุยส์ นานี ลงมาแก้เกมพร้อมกับถอด เบอร์บาตอฟ และ พอล สโคลส์ ออกมา จากนั้น “ผีแดง” บุกกดันจน ลูคัส สกัดพลาดมาเข้าทางให้ นานี ได้แปสวนแต่บอลเบาไปเข้ามือ เรนา ลิเวอร์พูล หันมาใช้จังหวะสวนกลับ เบนายูน แตะเข้ากรอบโทษแต่จังหวะจะยิงโดน วิดิช ซ้อนเข้ามาป้องกันได้ทัน

    ท้ายเกม ลิเวอร์พูล ปรับหมากถอด ตอร์เรส ออกและก็ให้ ดาวิด เอ็นก็อก ลงมาค้ำแดนหน้าแทน นาทีที่ 84 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าได้ประตูตีเสมอเป็นที่สุดเมื่อ โอเวน พักบอลในกรอบโทษเขี่ยให้ วาเลนเซีย ยิงมุมแคบด้วยขวาเต็มเท้าบอลพุ่งแฉลบคานออกมา ก่อนหมดเวลาสองนาทีทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะหวังผล นานี ตะบันไปเข้าซอง เรนา จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด โดนสวนกลับ วิดิช ตัดฟาล์วดึง เคาท์ จึงโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม

    ช่วงทดเจ็บ ฮาเวียร์ มาสเชราโน โดนใบเหลือง-แดงจากการเสียบช้าใส่ ฟาน เดอร์ ซาร์ อย่างไรก็ตาม ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 เอ็นก็อก หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงย้ำชัยให้ “หงส์แดง” บดเอาชนะไป 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 18 คะแนนจาก 10 นัด ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ส่วน “ผีแดง” ปราชัยเป็นนัดที่สองของฤดูกาล รั้งอันดับ 2 ตาม “สิงห์บลูส์” เชลซี อยู่สองแต้ม

    รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    ลิเวอร์พูล : โฆเซ เรนา , เกล็น จอห์นสัน , เจมี คาร์ราเกอร์ , ดาเนียล แอ็กเกอร์ , เอมิลิอาโน อินซัว , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , ลูคัส เลวา , เดิร์ค เคาท์ , ยอสซี เบนายูน , ฟาบิโอ ออเรลิโอ , เฟร์นานโด ตอร์เรส

    แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ไมเคิล คาร์ริค , พอล สโคลส์ , ไรอัน กิกส์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , เวย์น รูนีย์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    __/|\__

    ....พี่หนุ่ม ครับ วันนัดพบกันอย่าลืม นำ ต+ไ ไปให้น้องได้ดูได้ชมเพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วยน่ะครับ...(ที่เน้นบ่อยๆ กลัวพี่หนุ่มลืม...หรือว่ากลัวไม่ได้ชมต่างหากล่ะ..อิอิ)
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ชมแล้วไม่ใช่หรือ วันงานผ้าป่าไง เหอๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...