พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ได้เห็น ได้เข้ามาทักทาย ก็ยินดีมากๆแล้วครับท่านพี่มูฯ
    สำหรับพระที่ประกบกันได้พอดี เห็นจะเป็น Top1/4 กับอรหัง/อกครุฑ สำหรับปัญจศิรินั่นเห็นบางๆก็ไม่น่าจะเป็นรองใครนะครับ หุหุ ลองดูนะพี่...:cool:
     
  2. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    จริงๆ นะ ถ้าพี่เขาบอกว่าห้อยองค์หนึ่ง และเหน็บอีกองค์
    ผมจะบอกว่าเป็น Top4/กลักไม้ขีดแล้วครับ

    แต่ประกบกันนี่ซิ ต้องเปลี่ยนใจ อิอิ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เมื่อความรักถามหา "ความยุติธรรม"/ทนายข้างบ้าน
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 ตุลาคม 2552 11:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=335 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=335>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพประกอบจากเอเอฟพี (ภาพดังกล่าวเป็นเพียงภาพประกอบบทความเท่านั้น มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มีคนนิยามว่าความรักคือ “การให้..ให้โดยไม่มีข้อแม้” บ้างก็นำความรักไปเรียงร้อยเป็นบทเพลงไพเราะที่สื่อถึงความรักว่า รักคือการยอมอดทน การให้อภัย ความเข้าใจ ฯลฯ นั่นอาจเป็นมุมมองด้านดีฝ่ายเดียวของความรัก เพราะในขณะเดียวกัน ด้านมืดของความรัก (ในทางที่ผิด) ก็ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ เป็นอุทาหรณ์สอนใจกันอยู่เนือง ๆ และหลายครั้งที่ปัญหาความรักกลายเป็นข้อขัดแย้งจนต้องพึ่งพิงศาลให้เป็นผู้ตัดสินและชี้ขาด ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจึงขอหยิบยก “ความรักสไตล์กฎหมาย” ขึ้นมาแบ่งปันกับท่านผู้อ่าน โดยเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ของความรักอันเกิดจากพ่อแม่วัยรุ่น เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า

    นางสาวกุ๊กไก่ เด็กหญิงวัยเรียนคนหนึ่งตั้งครรภ์กับนายมาวิน เพื่อนชาย ขณะกำลังศึกษาเล่าเรียน ส่งผลทำให้เธอต้องยอมลาออกจากโรงเรียนมาอาศัยกับมาวินที่บ้านของเขา โดยต้องทนรับการดูถูกเหยียดหยามจากพ่อแม่ญาติพี่น้องฝ่ายสามีต่าง ๆ นานา ซึ่งเธอก็อดทนด้วยดีมาตลอด จากนั้น เมื่อคลอดบุตรแล้ว เธอก็ยังคงเลี้ยงดูบุตรและดูแลสามีอย่างดีตลอดมา แต่ในที่สุดเธอก็ไม่อาจทนรับแรงกดดันจากบ้านของสามีได้ไหว กุ๊กไก่จึงจำเป็นต้องพาลูกกลับไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตนเอง และไม่เคยเรียกร้องขอค่าเลี้ยงดูใด ๆ จากฝ่ายสามีทั้งสิ้น

    เมื่อหลานจากไปไม่นาน พ่อของสามีก็เกิดอาการคิดถึงหลานขึ้นมาจับใจ จึงเดินทางไปขอรับตัวหลานเพื่อพามาเที่ยวที่บ้านของตนเอง แต่ด้วยความที่หลานยังเป็นเด็กตัวเล็กน่ารักยากที่ปู่จะอดคิดถึงไหวจึงได้กีดกันไม่ให้กุ๊กไก่ได้พบหน้าลูกอีก ซึ่งแม้ว่าเธอจะพยายามเจรจาขอความเห็นใจและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ลูกของเธอคืนมา แต่ทั้งสามีและญาติฝ่ายสามีก็ไม่ยอมคืน สุดท้าย เธอทนไม่ไหวจึงได้ฟ้องร้องต่อศาลขอให้เธอได้สิทธิในการเลี้ยงดูลูก และหย่าขาดจากสามี แต่มาวินก็แย้งว่าที่กุ๊กไก่หาเรื่องฟ้องคดีต่อศาลนั้นก็เพราะอยากให้ตนกลับไปอยู่ด้วยและเพราะหวังเงินจากตนและครอบครัว

    สุดท้ายเมื่อศาลได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วเห็นว่า ขณะที่กุ๊กไก่ตั้งครรภ์นั้นกุ๊กไก่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ การที่กุ๊กไก่ไม่ยอมไปทำแท้งก็ดีและกุ๊กไก่ได้ลาออกจากโรงเรียนก็ดี บ่งแสดงว่ากุ๊กไก่มีความรักทารกในครรภ์ประสงค์ที่จะให้ทารกซึ่งจะคลอดออกมามีพร้อมทั้งบิดามารดาจึงยอมเสียอนาคตทางการศึกษาโดยลาออกมาอยู่กินกับมาวิน และเมื่อกุ๊กไก่คลอดบุตรผู้เยาว์แล้ว ก็ได้เลี้ยงดูด้วยตนเองตลอดมาโดยมิได้ทอดทิ้ง ซึ่งน่าเชื่อว่าที่กุ๊กไก่ต้องทนอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับบิดามารดาของมาวิน ทั้งที่ทราบดีว่ามารดาของมาวินไม่พอใจในตัวของกุ๊กไก่และไม่ประสงค์ให้กุ๊กไก่อยู่ด้วยก็เพื่อให้บุตรผู้เยาว์ได้รับความอบอุ่นและได้รับการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดจากบิดามารดา

    แม้ต่อมาเมื่อกุ๊กไก่ไม่อาจทนอยู่กับสามีได้อีกต่อไปต้องกลับไปอยู่ที่บ้านบิดามารดากุ๊กไก่ กุ๊กไก่ก็นำบุตรผู้เยาว์ไปเลี้ยงดูด้วยแสดงให้เห็นว่ากุ๊กไก่มีความรัก ความผูกพันห่วงหาอาทร และต้องการจะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เท่านั้นโดยไม่หวังความสุขในชีวิตสมรสอีกต่อไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวของกุ๊กไก่หาใช่เรื่องที่กุ๊กไก่นำมาเป็นข้อต่อรองเพื่อให้มาวินกลับไปอยู่กินกับกุ๊กไก่ดังที่มาวินอ้างไม่ เพราะหากกุ๊กไก่มีความประสงค์เช่นนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่กุ๊กไก่จะต้องฟ้องขอหย่าขาดจากมาวิน อีกทั้งกุ๊กไก่ไม่ได้เรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากมาวินแต่ประการใดเลย บ่งชัดว่ากุ๊กไก่สามารถอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ด้วยตนเองโดยปราศจากความช่วยเหลือของมาวิน

    นอกจากนี้การที่กุ๊กไก่ถูกกีดกันไม่ให้พบบุตรผู้เยาว์ แต่กุ๊กไก่ยังมิได้ละความพยายามแต่อย่างใดโดยเพียรพยายามมาขอพบบุตรผู้เยาว์ และยอมอะลุ้มอล่วยทุกวิถีทางเพียงเพื่อได้ดูแลบุตรผู้เยาว์เท่านั้น บ่งแสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่กุ๊กไก่มีต่อบุตรผู้เยาว์ ซึ่งต่างไปจากพฤติการณ์ของมาวินอย่างยิ่ง โดยมาวินรับว่า เมื่อบิดาของมาวินนำบุตรผู้เยาว์กลับมา มาวินและบิดามารดาไม่อาจเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้เพราะต้องไปทำงานทุกคน จึงให้ญาติฝ่ายบิดาเลี้ยงบุตรผู้เยาว์ตลอดมาจนถึงวัยเรียน อีกทั้งมาวินก็ยอมรับว่ามาวินมีรายได้น้อยยังต้องพึ่งพาบิดามารดาอยู่ไม่อาจเลี้ยงดูบุตรภริยาได้ ซึ่งเท่ากับว่ามาวินไม่มีความสามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตนเองโดยปราศจากความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากบิดามารดาของมาวิน ดังนั้น เมื่อมาวินเองยังไม่สามารถช่วยเหลือปกครองดูแลชีวิตของตนเองได้เช่นนี้มาวินจะใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ได้อย่างไร

    หลาย ๆ ครั้งที่ปัญหาจากความรักที่เกิดขึ้นนั้น ไม่สามารถหาบทสรุปที่สวยหรูได้เสมอไป แต่ในกรณีนี้ คำตอบจากศาลในการให้ความยุติธรรมกับความรัก ก็ดูจะสมเหตุสมผลดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เป็นกิ๊กกับสามีคนอื่น ระวังโดนเอาคืน/มังกรซ่อนกาย
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 กันยายน 2552 09:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก love4home.com</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ให้กับสาว ๆ ที่ชอบไปเป็นชู้ หรือที่ภาษาสมัยนี้เรียกกันว่า "กิ๊ก" กับสามีคนอื่น ให้ระวังตัวกันไว้เพราะถึงคราวภรรยาตัวจริงรู้เข้า อาจจะไม่ได้แค่เสียใจ แต่จะเสียเงินโดยไม่รู้ตัว

    นางกุ้ง กับนายปลาได้สมรสกันตามกฎหมายและมีบุตรคนหนึ่ง นายปลาทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอฝาง ส่วนนางกุ้งเองก็เป็นครูที่เป็นที่รู้จักกันดีในอำเภอฝาง ช่วงต้นปี 2551 นางสาวปูก็เข้ามาเป็นพนักงานธนาคารคนใหม่ ที่ธนาคารแห่งเดียวกับที่นายปลาทำงานอยู่ ทั้งสองจึงได้รู้จักกันในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ตลอดเวลาที่นางสาวปู ทำงานที่ธนาคาร ก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันดีกับ นายปลา ไปไหนมาไหนด้วยกันตามลำพังสองต่อสองบ่อยครั้ง และแม้บางครั้งมีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆไปสังสรรค์ด้วย ทั้งสองก็ยังคงทำตัวใกล้ชิดกันจนออกนอกหน้า จนเป็นที่กล่าวขวัญ นินทา ของเพื่อนร่วมงานที่ทำงานและผู้ที่ได้พบเห็นทั่วไป ซึ่งแม้แต่เพื่อนครูโรงเรียนเดียวกันของนางกุ้งเองก็ยังเคยพบเห็นนายปลากับนางสาวปูไปเที่ยวกันสองต่อสองในลักษณะที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน

    ต่อมาช่วงเดือนพฤศจิกายน 2551 ทางธนาคารที่นายปลาทำงานอยู่ได้จัดสัมมนากันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งพนักงานหลายคนในธนาคารก็ได้เข้ารร่วมการสัมมนานี้ รวมถึงนายปลา และนางสาวปู โดยนายปลาพักห้องเดียวกับนายก้อง ส่วนนางสาวปูก็พักร่วมกับนางสาวนก

    ในระหว่างการสัมมนานายปลาก็ไปเปิดห้องพักอีกห้องหนึ่งให้นายก้อง โดยบอกกับนายก้องว่าให้นายก้องไปพักในห้องดังกล่าวส่วนห้องที่ทางธนาคารจัดไว้ให้นั้น นายปลาจะแอบพานางสาวปูมาพักด้วย โดยเรื่องดังกล่าวก็เป็นที่รู้กันแค่ 4 คน นายปลา นายก้อง นางสาวปู และนางสาวนก และพนักงานในรีสอร์ทเท่านั้น

    ดังนั้นเวลา 2 คืนที่พักที่รีสอร์ท นายปลา กับ นางสาวปู ก็พักห้องเดียวกันและมีเพศสัมพันธ์กันอย่างลับๆ แต่เมื่อกลับจากการสัมมนาเรื่องนี้ก็เป็นที่พูดคุยนินทากันในหมู่เพื่อนร่วมงานที่ธนาคารและแพร่ไปจนถึงหูของนางกุ้งภรรยา เมื่อนางกุ้งรู้เข้าก็โกรธมาก กลับมาบ้านก็คาดคั้นเอาความจริงจากนายปลา โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอมรับจะหย่าขาดจากนายปลา นายปลาก็เกรงจะเกิดปัญหาครอบครัวซึ่งกระทบถึงลูกด้วยจึงยอมรับกับนางกุ้งถึงเรื่องที่ตนทำลงไปที่รีสอร์ท

    ต่อมานางกุ้งก็ตกลงปลงใจที่จะฟ้องนางสาวปูเพื่อเรียกค่าทดแทน ในฐานที่มาทำชู้กับสามีตนโดยบังคับให้นายปลาไปเป็นพยานเบิกความในศาลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามความเป็นจริง เมื่อนางกุ้งยื่นฟ้องนางสาวปูต่อศาล โดยกล่าวหาว่านางสาวปูแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสามีของนางกุ้ง เรียกค่าทดแทน 100,000 บาท

    นางสาวปูให้การต่อสู้ว่า ตนรู้จักกับนายปลาในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงานทำงานอยู่ที่เดียวกันและไม่ได้ไปมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวโดยเปิดเผยกับนายปลาเลย นายปลาเองเป็นผู้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนก่อน รวมทั้งนางกุ้งก็ไม่ได้ฟ้องหย่านายปลา นางกุ้งจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากตนได้ ท่านผู้อ่านคิดว่ากรณีนี้นางกุ้งจะฟ้องเรียกค่าทดแทนอย่างใดๆจากนางสาวปู กิ๊กของสามีตนได้หรือไม่
    ตามเรื่องที่ได้กล่าวมาเป็นกรณีที่นางกุ้งงภริยานายปลาฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนางสาวปูที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีนางกุ้งในทำนองชู้สาว ตาม ปพพ. มาตร 1523 วรรคสอง ได้ให้สิทธิแก่สามีหรือภริยาฟ้องเรียกค่าทดแทนได้ใน 2 กรณี คือ เมื่อมีการฟ้องหย่า โดยมีเหตุหย่าตามมาตรา 1516 (1) คือสามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายก็สามารถฟ้องหย่าได้และเรียกค่าทนแทนได้ ตามมาตรา 1523 วรรคแรก

    เท่ากับการเรียกค่าทดแทนในกรณีนี้ต้องมีการฟ้องหย่าด้วยเหตุมีชู้เป็นหลัก ส่วนกรณีของนางกุ้งนี้จะไปเข้าในลักษณะที่เรียกค่าทดแทนได้ในกรณีที่ 2 นี้คือ เป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 1523 วรรคสองโดยตรง คือแม้ไม่ได้ฟ้องหย่านายปลา นางกุ้งก็เรียกค่าทดแทนจากนางสาวปูได้ ถ้านางสาวปู ได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีนางกุ้งในทำนองชู้สาวจริง

    เมื่อนางกุ้งมีนายปลามาเบิกความเป็นพยานประกอบกัยพยานหลักฐานและพฤติการณ์อื่น จึงรับฟังได้ว่านางสาวปูมีพฤติการณ์ไปรับประทานอาหารกับนายปลาร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นโดยแสดงออกถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นพิเศษ และการพักอยู่รีสอร์ทห้องเดียวกัน มีเพศสัมพันธ์กัน โดยมีเพียงเพื่อนร่วมห้องของทั้งสองกับพนักงานรีสอร์ทเท่านั้นที่รู้เรื่องดังกล่าวก็เป็นการแสดงอย่างเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันแล้ว

    นางกุ้งจึงเรียกร้องเอาค่าทดแทนจากนางสาวปูได้ การที่นายปลาไปยุ่งเกี่ยวกับนางสาวปูโดยสมัครใจหรือเป็นผู้ชักชวนนาสาวปูเองหรือไม่นั้น ไม่มีผลทำให้นางสาวปูไม่ต้องชดใช้ค่าทดแทน ด้วยเจตนาของกฎหมายที่มุ่งจะปกป้องสิทธิของของนางกุ้งที่เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นหลัก จึงเป็นสิทธิของฝ่ายเดียวของนางกุ้งที่ถูกนางสาวปูก้าวล่วง นางสาวปูมีหน้าที่ที่จะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสามีของนางกุ้งในทางชู้สาว หรือชายอื่นที่มีภริยาตามกฎหมายแล้ว ข้อต่อสู้ของนางสาวปูจึงฟังไม่ขึ้นและต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่นางกุ้ง (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 4818/2551)

    hiddendragon2552@gmail.com
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ก่อนทับลูกตาย” เรื่องที่พ่อแม่ควรอ่าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>19 ตุลาคม 2552 17:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> วิจัยพบทารกเสียชีวิตฉับพลันส่วนหนึ่งมาจากการนอนเตียงเดียวกันกับพ่อแม่

    เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่า อันที่จริงแล้วเด็กทารกควรนอนเตียงเดียวกันกับพ่อแม่หรือไม่ ซึ่งคำตอบล่าสุดจากนักวิจัยชาวอังกฤษได้ออกมาฟันธงกันอีกครั้งว่า ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งเพราะพวกเขาอาจเสียชีวิตอย่างฉับพลันแม้พ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม โดยพ่อแม่เป็นผู้ที่ทับลูกจนเสียชีวิตนั่นเอง
    ทั้งนี้ จากข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตฉับพลันของทารกส่วนใหญ่มาจาก การถูกหมอนใบใหญ่ทับไว้โดยที่พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือไม่ก็การถูกผ้าพันตัวหรือผ้าห่มที่หนาและผืนใหญ่จนเกินไป พันหน้า พันตัวไว้จนขาดอากาศหายใจก็เป็นได้

    อย่างไรก็ดี งานวิจัยในครั้งนี้นับเป็นการร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยวอร์วิค และมหาวิทยาลัยบริสตอล นำโดย ศาสตราจารย์ปีเตอร์ เฟลมมิ่ง หัวทีมงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและสุขภาพของทารก ประจำมหาวิทยาลัยบริสตอล ซึ่งทางทีมงานได้สำรวจข้อมูลของเด็กที่เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดฝัน ที่มีอายุไม่เกินสองขวบในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ในระยะเวลาเดือนมกราคม พ.ศ.2546 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากเดลิเมล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> โดยการสำรวจข้อมูลของสาเหตุการณ์ตายและจำนวนของเด็กที่เสียชีวิตพบว่า เกินกว่าครึ่งของสาเหตุการเสียชีวิตนั้น เป็นเพราะพ่อแม่และลูกที่ยังเป็นทารกนั้น นอนเตียงหรือโซฟาเดียวกัน

    ขณะที่บางคนมีแรงเสริมจาก การเป็นแม่ที่อายุน้อย สูบบุหรี่และการศึกษาน้อยอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์นี้หนักหนามากขึ้นเป็นเพราะพ่อหรือแม่มีอาการมึนเมาหรือไม่ก็ทานยาที่ส่งผลให้มีอาการง่วงซึม

    นักวิจัยกลุ่มนี้เผยต่อว่า หากคิดเป็นอัตราส่วนแล้วพบว่า มีเด็กที่ต้องเสียชีวิตฉับพลันขณะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับพ่อแม่มากถึง 54% ทีเดียว ซึ่งในอังกฤษนั้น อัตราการตายของทารกในปีพ.ศ. 2550 มีมากถึง 305 ราย โดยลดลงจากปี 2543 ที่มีมากถึง 374 ราย

    อย่างไรก็ตาม ทีมงานแนะว่า ทารกจะปลอดภัยมาที่สุดเมื่ออยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ซึ่งสถานที่ที่เขาควรนอนนั้นคือเตียงของทารกโดยเฉพาะนั่นเอง ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขา

    ศาสตราจารย์ปีเตอร์ เฟลมมิ่ง เผยว่า ทางทีมงานได้หาสาเหตุว่า ทำไมการที่เด็กนอนเตียงหรือโซฟาเดียวกับพ่อแม่นั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างมาก ซึ่งตลอดการดำเนินการ ได้ผลสรุปว่า ความเสี่ยงเรื่องการนอนเตียงเดียวกับลูกนั้น มีแรงเสริมมาจากการที่พ่อแม่อาจดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้มีอาการง่วงนอน ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มีมากถึง 31% ที่ยอมรับว่ามีลักษณะแบบนี้จริง

    “การที่พ่อแม่มีอาการมึนเมานั้น แน่นอนว่าพวกเขาต้องสูญเสียสมาธิและสติสัมปชัญญะเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงอยากให้พ่อแม่ทุกคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือทานยาอะไรก็ตาม ไม่ควรนอนกับลูกเด็ดขาด เพราะลูกไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และถ้าพวกคุณเมาหรือหลับลึกเพราะฤทธิ์ยา คุณก็ไม่สามารถช่วยลูกตัวเองได้แต่ทางที่ดีที่สุดคือ ควรให้ลูกนอนเตียงของเขาเอง” ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ปิดท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระวัง 'โรคหัวใจ-มะเร็ง' ถามหา เมื่อไร้งาน 'หลังเกษียณ'</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 ตุลาคม 2552 12:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> วิจัยเผย นอกจากอัลไซเมอร์จะถามหาชีวิตหลังเกษียนที่สุขสบายไม่ได้ทำงานอะไรเลยนั้น ล่าสุดพบอัตราเสี่ยงโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆตามมาเป็นลำดับอีกด้วย

    เมื่อคนเราทำงานหาเลี้ยงครอบครัวมาได้สักพักใหญ่ จนเริ่มเข้าสู่วัยที่ต้องเริ่มวางมือจากการทำงานบ้างแล้วนั้น หลายคนเริ่มวางแผนพักผ่อน ปลดเกษียณตัวเอง อยู่บ้านสบายๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเที่ยว พักผ่อนตามใจชอบ แต่ทว่านักวิจัยเปิดเผยว่า ชีวิตหลังเกษียณนั้น หากไม่มีกิจกรรม หรือการงานอะไรให้ทำ ให้คิดเสียเลยจะเสี่ยงต่อโรคร้ายหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับคนที่ยังคงมีงานทำอยู่ และส่งผลให้อายุสั้นลงไปอีกด้วย

    ดร. โม หวัง หัวหน้าโครงการศึกษาในครั้งนี้ กล่าวว่า การที่คนเราทำงานมาทั้งชีวิตแล้ววันหนึ่งปลดตัวเองออกจากชีวิตการทำงานทันทีนั้น อาจส่งผลกระทบทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะการปรับตัวที่ต้องใช้เวลานานทำให้บางคนมีอาการเหงา เป็นโรคซึมเศร้า อันก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามมาอีกนับไม่ถ้วน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากเดลิเมล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ดี สถาบันการเกษียณอายุแห่งชาติของอเมริกา ระบุว่า จากการสอบถามอาสาสมัครกว่า 12,000 ราย ในเรื่องของสุขภาพและการเกษียณอายุ พบว่า ในทุกๆ 2 ปี คนที่มีอายุระหว่าง 51-61 ปี ส่วนใหญ่แล้วจะวางแผนปลดเกษียณตัวเองในช่วง 58 ปี ซึ่งตัวเลขโดยเฉลี่ยนี้คงที่มานากกว่า 6 ปีแล้ว

    ดร.หวัง ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ และทีมงานพบว่า อัตราของผู้คนกลุ่มนี้จะเริ่มมีปัญหาในช่วงหลังจากเกษียณ ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันสูง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ การอุดตันในเส้นเลือด และปัญหาเรื่องสุขภาพจิต

    “คนที่ยังคงทำงานบ้างเล็กๆน้อยๆในช่วงที่ตัวเองเกษียณแล้วนั้น จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆได้น้อยมาก ซึ่งแตกต่างจากคนที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่มีกิจกรรมอะไรเลย”
    ทั้งนี้ ทีมงานพบอีกว่า งานสำหรับคนที่เกษียณแล้วสามารถทำได้และมีความสุขด้วย ก็คืองานที่เขาทำมาทั้งชีวิต ซึ่งการได้ทำงาน มีกิจกรรมร่วมกันคนอื่นนั้น นับเป็นยาบำบัดขนานเอกที่ได้ผลมากทีเดียว โดยอาชีพในที่นี้ยกตัวอย่างเช่น พ่อเป็นครู เมื่อเกษียณแล้วก็อาจหาพื้นที่ได้พอยังคงสานงานดีๆ สร้างคนดีๆ และยังเป็นการเพิ่มคุณค่าในชีวิตตนเองอีกด้วย

    ขณะเดียวกัน หากคนไหนคิดไว้ว่าจะอยู่เฉยๆ ไม่มีกิจกรรมทำอะไรเลยนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสุขสบายไปตลอด เพราะในต่างประเทศนั้นพบว่า คนแก่กลุ่มนี้จะมีปัญหาด้านสุขภาพจิตมากพอควร แทนที่จะอยู่บ้านอย่างมีความสุข กลับต้องมาโรงพยาบาล เข้ารับการรักษาและเปิดพื้นที่ให้พวกเขาอยู่ร่วมกันกับคนในสังคมต่อไป

    ดังนั้น หากคนในครอบครัวกำลังจากเกษียณ ก็ขอให้ทุกคนได้หันหน้ามาคุยกัน แล้วช่วยกันระดมความคิดว่า ชีวิตหลังเกษียณจะไปในทิศทางใด ก่อนที่จะมานอนพักอยู่กับบ้านจนความจำเริ่มหายไป ชีวิตเริ่มสั้นลง และหาคำว่า “สุข” ไม่ได้แม้สักช่วงหนึ่งของชีวิต

    เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก เดลิเมล
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 18 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ล่าวิญญาณ, แหน่ง+, alale, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, แหน่ง+, psombat+, alale </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แต่อย่าลืมวันงานใหญ่นะครับ สำหรับท่านที่มีข้อตกลงกัน ใส่กันไปให้พร้อมเพรียงครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พบไวรัสไข้หวัด 2009 ติดจากมนุษย์สู่หมูที่สหรัฐฯ

    ไข้หวัด2009 พบการระบาด ไข้หวัดใหญ่ 2009 จากคนสู่หมูที่สหรัฐ

    <LINK href="/neditor/wysiwyg.css" type=text/css rel=stylesheet></LINK>[​IMG]

    ยืนยันพบไวรัสหวัด09ที่ติดจากมนุษย์สู่หมูที่สหรัฐฯ (กรุงเทพธุรกิจ)



    <DD>นายทอม วิลแซ็ค รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์เมื่อจันทร์ว่า ห้องแลปทดลองของสัตว์แพทย์แห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าพบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่2009จากมนุษย์ในตัวอย่างหมูที่พบในงาน"มินิโซต้า สเตท แฟร์" ซึ่งนับเป็นรายแรกของโลกที่มีการแพร่เชื้อโรคนี้จากคนไปสู่หมู ปัจจุบัน กำลังมีการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่แถลงการณ์ยืนยันว่ามนุษย์ไม่อาจจะติดเชื้อจากหมูเหล่านั้น และว่าหมูโดยทั่วไปยังปลอดภัยสำหรับการบริโภค เพราะหมูสำหรับโชว์ที่พบว่าติดเชื้อ กับหมูที่เลี้ยงดูเพื่อการบริโภคเลี้ยงแยกกัน


    <DD>นายวิลแซ็คได้เรียกร้องไม่ให้ประเทศต่างๆ ยกเลิกการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมูของสหรัฐฯ โดยระบุว่าหน่วยงานระหว่างประเทศหลายแห่ง รวมทั้งองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ ต่างให้คำแนะนำว่าไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะควบคุมการค้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมู ขณะที่จนถึงปัจจุบันหมูที่ติดเชื้อยังไม่แสดงอาการป่วยใดใดและทุกตัวยังมีสุขภาพดี


    <DD>จนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 มากกว่า 4,000 คนแล้ว โดยโรคนี้เริ่มระบาดในเม็กซิโกและแพร่อย่างรวดเร็วไปสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาการระบาดของโรคนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตหมูในทั้งสองประเทศ แม้ในความเป็นจริง ไวรัสที่ระบาดเป็นส่วนผสมระหว่างสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ในหมู ในมนุษย์และไข้หวัดนก



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]

    </DD>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า นำมาฝากคุณnongnooo


    ปรับวันเวย์ถนนคอนแวนต์ เป็นจากสาทรออกสีลม





    [​IMG]


    ปรับวันเวย์ถนนคอนแวนต์ เป็นจากสาทรออกสีลม (ไทยรัฐ)

    รับปิดไทยญี่ปุ่นเริ่ม 26 ตุลาคมนี้ โดยจะให้รถเดินทางเดียวจากถนนสาทรไปออกถนนสีลม ในช่วงเวลา 06.00-09.00 น. และช่วงเวลา 15.00-17.00 น. ส่วนนอกช่วงเวลาให้รถวิ่งสวนทางได้

    เมื่อวันที่ 19 ต.ค.พ.ต.ต.นิพนธ์ กุลชฤทธิ์ สารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยว่า ตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ปิดซ่อมสะพานไทย-ญี่ปุ่น ถนนพระราม 4 ด้านจากคลองเตยไปหัวลำโพง ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าการจราจรบนถนนพระราม 4 ขาเข้า จากคลองเตยมุ่งหน้าหัวลำโพง ติดขัดหนาแน่นมากถึงขั้นหยุดนิ่ง โดยมีท้ายแถวยาวถึงแยกเกษมราษฎร์ แต่เส้นทางอื่น ๆ โดยรอบพื้นที่ปิดซ่อมสะพานกลับพบว่าวิ่งได้คล่อง ตัวดีไม่ติดขัด จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ ถนนเลือกใช้เส้นทางอื่นที่ไม่ติดขัด

    ประกอบด้วย 1. ผู้ที่ใช้ทางด่วนต้องการลงที่ด่านพระราม 4 ให้เลี่ยงไปลงด่านถนนพระราม 3 แทน แล้วใช้ถนนนางลิ้นจี่ไปออกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถนนสุรวงศ์ เข้าถนนพระราม 4 ได้ 2. ผู้ที่มาจากคลองเตย ให้เลี่ยงใช้สะพานไทยเบลเยียม แต่ไปเลี้ยวขวาที่สี่แยกเข้าถนนวิทยุ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสารสินเข้าถนนราชดำริ ใช้ถนนพระราม 1 ถนนพญาไท หรือบรรทัดทอง 3. จากแยกเกษมราษฎร์เลี้ยวซ้ายไปแยกกรมศุลกากร เลี้ยวขวาไปห้าแยก ณ ระนองเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานข้ามทางรถไฟไปถนนนราธิวาสราชนครินทร์ หรือเลี้ยวขวาไปถนนช่องลมใต้ทางด่วน ใช้ถนนนางลิ้นจี่ไปออกสาทรเหนือ-ใต้ก็สะดวก เพราะสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองย้ายที่ทำการไปศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแล้ว ทำให้การจราจรบนถนนสาทรคล่องตัวขึ้นมาก

    พ.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการออกข้อบังคับปรับเปลี่ยนการเดินรถบนถนนคอนแวนต์ใหม่ เริ่มใช้วันที่ 26 ต.ค.นี้ คือให้รถเดินทางเดียวจากถนนสาทรไปออกถนนสีลม ในช่วงเวลา 06.00-09.00 น. และช่วงเวลา 15.00-17.00 น. ส่วนนอกช่วงเวลาให้รถวิ่งสวนทางได้ ทั้งนี้เพื่อจำกัดปริมาณรถเข้าถนนสีลม หลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดระหว่างการปิดซ่อมสะพานไทย-ญี่ปุ่น จึงแจ้งให้ทราบเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปลดล็อกสินเชื่อ ออมสินปล่อยผีแบล็กลิสต์
    Business - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 ตุลาคม 2552 06:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> “ออมสิน” พร้อมลงทะเบียนรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบปลายปีนี้ คาดยอดลูกหนี้พุ่ง 1.2 ล้านคน เล็งผ่อนปรนเกณฑ์ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรกู้ได้ หากไม่มีเจตนาหนีหนี้ ให้กู้รายละ 2 แสน ดอกเบี้ยเดือนละ 0.5%

    นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้เตรียมความพร้อมในโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเบื้องต้นจะยึดหลักเกณฑ์เดียวกับธนาคารประชาชนให้สามารถขอกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบ ได้รายละไม่เกิน 2 แสนบาท อัตราดอกเบี้ย 0.50%ต่อเดือน ระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 5 ปี ขึ้นอยู่กับวงเงินกู้และรายได้ของผู้กู้ ซึ่งหากเทียบกับดอกเบี้ยนอกระบบ ขั้นต่ำ 10% ถือว่าลดภาระไปถึง 20 เท่า

    ทั้งนี้ คาดว่า จะสามารถเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยการเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้นั้น กระทรวงการคลังต้องทำหน้าที่พิจารณาจัดแยกหนี้ และแนวทางช่วยเหลือที่ชัดเจนและเห็นว่า หนี้ที่ควรเข้าไปช่วยเหลือ ควรจะเป็นหนี้ที่เกิดจากการทำมาหากิน ไม่ใช่หนี้จากการพนัน หรืออบายมุข

    นอกจากนี้ ธนาคารจะเสนอขอกระทรวงการคลัง จัดแยกการให้กู้เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นบัญชีตามนโยบายของรัฐ (พีเอสเอ) เนื่องจากการรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบครั้งนี้ ถือว่าเป็นหนี้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าโครงการธนาคารประชาชน ซึ่งธนาคารจะใกล้ชิดลูกค้ามากกว่า นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ธนาคารก็ไม่เคยขอกระทรวงการคลังในการเพิ่มทุนให้เหมือนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งอื่นๆ

    “โครงการนี้จะต่อยอดจากการแก้หนี้นอกระบบช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถนำแบบฟอร์มเดิมมาใช้ลงทะเบียนได้ทันทีที่เริ่มโครงการ ซึ่งอย่างเร็วคงเป็นกลางเดือน พ.ย.นี้ และรับลงทะเบียนถึงปลายปี แต่อาจจะขยายได้ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกหนี้ว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งตัวเลข 8 แสนนั้น อาจเป็นข้อมูลเดิม หากรวมกับลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจน่าจะมีประมาณ 1.1-1.2 ล้านคน และออมสินคงช่วยได้แค่บางส่วนเท่านั้น โดยมองว่าครึ่งหนึ่งน่าจะเป็นหนี้จากการการทำอาชีพเกษตร ซึ่ง ธ.ก.ส.จะเข้ามารับไปดูแล รวมทั้งมองว่าต้องมีคนกลางมาช่วยเจรจาประนอมหนี้ จึงจะเกิดประสิทธิภาพในการทำงาน” นายเลอศักดิ์ กล่าว

    อย่างไรก็ตาม การชวยรีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบนั้น แม้จะมีเงือนไขผ่อนปรนมากขึ้น เช่น การตรวจสอบสถานะในเครดิตบูโรนั้น หากพบว่าลูกหนี้มีความพยายามปรับโครงสร้างหนี้แล้วก็อาจผ่อนปรนให้กู้ แต่หากรายใดเจตนาไม่ชำระหนี้ก็อาจจะไม่พิจารณาให้ เพราะถือเป็นสินเชื่อของแบงก์ไม่ใช่เงินให้เปล่า และผู้กู้ต้องมีรายได้ หรือมีการประกอบอาชีพที่ตรวจสอบได้ ซึ่งยอมรับว่าในทางปฏิบัติอาจจะทำได้ยาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583

    ฮิฮิฮิฮิฮิ ผิดครับ ฮิฮิฮิฮิฮิฮิ มีถูกครึ่งเดียวครับ ฮิฮิฮิฮิฮิ
    หันหลังชนกันครับ แบบว่า 2 องค์ ประกบกันครับ ฮิฮิฮิฮิ
    ( ใบ้ให้ว่าใส่ตลับ พุก ครับ )
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446

    อ่าขอบคุณครับตกลงกับท่านโดแล้วว่าเปิดเทอมขากลับจะนั่งรถใต้ดินกลับกัน 2เดือนครับ ใครไม่จำเป็นหลีกเลี่ยงบริเวณนี้นะครับ หุ หุ​
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2009
  15. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    เห็นด้วยกับ คุณ แหน่ง ครับ
     
  16. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>ดีครับท่านเลขาฯ สบายดีไหมครับ

    ทานข้าวเช้ายังครับผม
     
  17. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ผมทายอีกครับ

    Top4 กับ ปัญจศิริ หรือเปล่าครับ
    ไกล้เคียงไหมครับพี่มูริญโญ่
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เห็นด้วยครับน่าจะเป็นชุดนี้ครับ ขอเดาด้วยคนครับ หุ หุ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ก่อนเพิ่มพลัง

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรสว่าง_2008<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2399007", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2008
    ข้อความ: 253
    Groans: 2
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 6,402
    ได้รับอนุโมทนา 1,785 ครั้ง ใน 202 โพส
    พลังการให้คะแนน: 44 [​IMG]

    หลังจากเพิ่มพลังให้แล้ว

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรสว่าง_2008<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2399007", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2008
    ข้อความ: 253
    Groans: 2
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 6,402
    ได้รับอนุโมทนา 1,785 ครั้ง ใน 202 โพส
    พลังการให้คะแนน: 789
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สบายดีครับ

    ว่าแต่ว่า ตอนนี้ผมใส่พระกริ่งปวเรศ ดีมากครับ

    พลังอิทธิคุณท่านนิ่มๆ แต่หนักแน่นมากครับ

    เด่นมากเรื่องของบารมี , อำนาจ ,เมตตา เท่าที่ผมสัมผัสได้

    ตอนที่หลวงปู่ปวเรศท่านอธิษฐานจิต อยู่ในช่วงของการที่หลวงปู่ได้รับตำแหน่งพระสังฆราช ที่หลวงปู่ท่านบ่ายเบี่ยงไม่รับมานาน

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...