พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'พระราชาธิราชเก้าพระองค์'


    แห่งเทศกาลกินเจ

    Daily News Online > โลกสีสวย > โลกหลากสี > 'พระราชาธิราชเก้าพระองค์'

    [​IMG]

    ก่อนที่ประเพณีกินเจในแต่ละปีจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ศาลเจ้าแต่ละแห่งจะต้องมีการทำพิธียกเสาโก้เต้ง โดยผู้ที่มีหน้าที่จะให้เด็กตีโหล ฆ้องของจีนไปตามถนน เพื่อร้องบอกประชาชนให้ไปช่วยขึ้นเสาเทวดา รวมทั้งอัญเชิญ กิ่วอ๋องไตเต (พระราชาธิราชเก้าพระองค์) มา เป็นประธานในการเปิดพิธีกรรมกินผัก แล้วจึงแขวนตะเกียงน้ำมัน 9 ดวง อันเป็นสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณกิ๋วอ๋องไตเตไว้บนเสา

    แม้จะมีทั้งคนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยแท้ ๆ หันมานิยมกินเจเพื่อร่วมสร้างบุญบารมีด้วยการละเว้นเนื้อสัตว์ แต่จะมีสักกี่คนที่ล่วงรู้ถึงความสำคัญของพระราชาธิราชเก้าพระองค์ซึ่งเป็นประธานในพิธี เว็บไซต์ภูเก็ตเวเจททาเรียนดอทคอม (Phuket Vegetarian Festival, Phuket Thailand) จึงได้บอกเล่าถึงพระราชาธิราชเก้าพระองค์ ซึ่งม้าทรงที่ได้รับเลือกจะทำหน้าที่รับพระในวันสุดท้ายของการกินเจ

    พระองค์ที่หนึ่ง ชื่อ ฮอกฮีสี (ฟูซิ) เป็นคนสำคัญทางวัฒนธรรมคนแรก เมื่อราว 5,000 ปีมาแล้วทรงสั่งสอน ให้ราษฎรทำแห ทำอวน จับปลา ช้อนกุ้ง สอนให้ราษฎรสืบเสาะหาสัตว์มาเลี้ยง จับสัตว์มาฝึกใช้งานและปลูกพืชพรรณทั้งหลาย ทรงสั่งสอนให้ราษฎรบวงสรวงเทพารักษ์ เทวดา ไหว้บิดามารดา พี่น้องที่ถึงแก่กรรม สอนให้รู้จักการสู่ขอแต่งงาน

    ไม่เพียงเท่านั้นในสมัยของพระองค์ยังเป็นช่วงที่เริ่มใช้อักษรจีน มีการสอนให้รู้จักหนังสือ ทำข้อสัญญา เลิกใช้ขมวดเชือกเป็นปมที่ทำเครื่องหมาย ประดิษฐ์เครื่องดนตรี ทำขิม พระองค์รู้ในตำราฤกษ์ บน ฤกษ์ล่าง ด้วยฟ้าและดิน มีข้าวเปลือก มีม้ามังกร (เล่งเบ้) ทำตำราโหราศาสตร์และโป้ยกั่ว

    พระองค์ที่สอง ชื่อ ยันตี่ พระเจ้าเอี้ยมเต้สินล่งฮองเต้ (เสินหนุง) เป็นพระที่ล่วงรู้อดีตและอนาคต ฤกษ์บน ฤกษ์ล่าง ชาวจีนถือว่าเป็นพระเจ้าของการกสิกรรม เป็นผู้ประดิษฐ์คันไถและสอนให้ชาวบ้านทำไร่ไถนา พระองค์เป็นห่วงราษฎรให้จัดหาสัตว์และพืชมาเพาะ เลี้ยง ทดลองปลูกทำเป็นพืชพรรณต่อไป เช่น ผลหญ้านั้นมี 5 อย่าง ได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวสาลี ถั่ว งา ทรงแนะนำให้มาต้มให้ สุกเสียก่อน คิดหายามารักษาโรค ทรงแนะนำให้กินน้ำที่ไหล คิดทำเรือสำเภาใช้ใบใช้สำหรับไปมาและค้าขายปราบขบถที่มารุกรานตาม หัวเมืองของพระองค์

    พระองค์ที่สาม ชื่อว่า ฮืนฮ่วงฮวงตี้ เป็นพระเจ้าอึ้งตี่ฮองเต้ กษัตริย์ที่สำคัญในการรบคนแรกประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว ทรงปราบปรามพวกขบถ เป็นนักประดิษฐ์เข็มทิศ รถศึกสามารถแล่นถูกทิศทางท่ามกลางหมอกหน้าทึบ คิดทำปฏิทินตำราละยิด ต่อข้างขึ้นข้างแรม จัดปีและนักษัตรเสียใหม่ ทำมาตรา ทะนานตวงสิ่งของ ทำขลุ่ย ระฆัง เสื้อสีต่าง ๆ หกสี สีเหลืองเป็นที่หนึ่ง สร้างวัง ทำเกวียน และให้ขุดหาแร่ต่าง ๆ คิดยารักษาโรคต่อ ให้หมอมาร่ำเรียนทำเป็นตำราขึ้น จัดทำเขตแดน ชื่อบ้านและตำบล ทรงปลูกฝ้ายเลี้ยงไหมทอผ้า ขณะที่มเหสีของอึ้งตี่ก็มีชื่อเสียงในการผลิตผ้าไหม การยุติธรรม ทรงถือศีลกินเจ แล้วก็ขึ้นสวรรค์ไปกับมังกรเป็นเซียนต่อไป

    พระองค์ที่สี่ ชื่อว่า เซียวเฮา, ซาวเฮา, พระเจ้ากิ้มเต็กอ๋องฮองเต้ ทรงรับสั่งให้ขุนนางปักเสื้อ หมวก ที่สวมใส่เป็นรูปหงส์ ตามยศ ปราบปรามข้าศึกสงครามที่ยกมาตีบ้านเมืองของพระองค์ตามหัวเมืองต่าง ๆ

    พระองค์ที่ห้า ชื่อ กอเอียงสี, จวงซี, พระเจ้าจ่วนยกตี่ฮองเต้, พระโอรสทั้งเก้าพระองค์ยกกองทัพไปปราบปรามขบถตามหัวเมืองต่าง ๆ ทรงเปลี่ยนแปลงฤดูกาลปีหนึ่งให้สี่ฤดู ต่อมายกสมบัติให้เตียวคี้เป็นกษัตริย์ต่อไป

    พระองค์ที่หก ชื่อ เตียวคี้, ตี้ขู้, พระเจ้าตี่คอกฮองเต้ ทรงตรวจดูกฎหมายแผ่นดิน พระองค์ทรงทำตำราปฏิทินใหม่เพื่อการเกษตร ไร่นา ปลูกต้นไม้ตามฤดูกาล ให้ขุนนางไปทำการขุดแร่มาใช้ประโยชน์แก่แผ่นดิน และให้เก็บตัวอย่างหินสีต่าง ๆ แล้วให้เอาไปหลอม มีพระโอรสชื่อ เงี้ยวอ๋อง ซึ่งได้เป็นกษัตริย์ต่อไป

    พระองค์ที่เจ็ด ชื่อ เงี้ยวอ๋อง, เอี๋ยวตี้, พระเจ้าเงี้ยวเต้ ฮองเต้ เป็นกษัตริย์ตัวอย่างอย่างแท้จริงองค์แรก ที่ชาวจีนอยากให้มีอีก เพราะทรงปล่อยนักโทษ ตั้งโรงเลี้ยงคนแก่พิการที่ไม่มีญาติ ให้หมอหลวงรักษา ตั้งโรงเรียนสอนหนังสือขุนนาง ปราบปิศาจไฟเก้า ดวง คิดทำปฏิทินใหม่ให้ละเอียดกว่าเก่าที่เคยทำมาแล้วถึงสามครั้งซึ่งใกล้เคียงกับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมากที่สุด รับสั่งให้ขุนนางไปกำจัดสัตว์ร้าย ไปทำการขุดคลองจากแม่น้ำฮวงโหที่ไหลบ่าล้นฝั่งท่วมไร่นาของราษฎร พระองค์เสด็จไปเยี่ยมราษฎร ทรงสั่งสอนราษฎร ต่อมาจึงยก ราชสมบัติให้แก่ ไต้ซุ่น เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป

    พระองค์ที่แปด ชื่อ ชวิน, ไต้ซุ่น หรือซุ่นตี้ พระเจ้าซุ่นตี้ ฮ่องเต้ เป็นวิศวกรที่สามารถ จึงเป็นที่น่าชื่นชมของมหาชน กตัญญูต่อบิดามารดา ทำนารับสั่งให้อู๋ (พระองค์ที่เก้า) ไปทำการปราบปรามหัว เมืองต่าง ๆ ที่เข้ามาทำความเดือดร้อนแก่ราษฎร รับสั่งให้อู๋ไปทำการขุดคลองสำเร็จ ปราบสัตว์ร้าย ต่อมาอู๋ได้เป็นกษัตริย์ต่อไป

    พระองค์ที่เก้า ชื่อ อู๋ หรือ เซียหยี พระเจ้าอู๋เต้ฮองเต้ เมื่อประมาณ 4,100 ปีมาแล้ว เป็นผู้เริ่มสร้างราชวงศ์จีนขึ้น เรียกกันว่า ราชวงศ์เฉียอะ ครั้งนั้นสมัยกรุงจีนเรียกว่าแผ่นดินแฮจัด มีเมืองจิว เป็นเมืองใหญ่ เอาทองคำมาหล่อเป็นกระถางธูปเก้าใบให้ชื่อว่า กิ่วเตี้ย สำหรับเมืองตั้งจิวเก้าเมือง

    เมื่อบรรดาหัวเมืองทั้งยี่สิบสี่หัวเมืองเข้าเฝ้า รับสั่งให้ทำสัญญาณขึ้นไว้ห้าอย่าง ระฆัง กลอง ตัด เตียว และเข่ง พระองค์เป็นกษัตริย์ตัวอย่างที่แท้จริง เป็นวิศวกรที่เลื่องลือ สามารถเจาะภูเขา สร้างที่เก็บน้ำ และจัดระบบให้ระบายน้ำได้อย่างดี.
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ดื่มลบเลือนริ้วรอย

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > กินดี > ดื่มลบเลือนริ้วรอย

    [​IMG]

    เพราะวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง อาจเป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงแห่งความร่วงโรยของผิวหนัง ที่เริ่มเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น หมองคล้ำ ไม่ชุ่มชื้นอย่างที่เคย ซึ่งปัญหาที่กล่าวมานั้นดูจะสร้างความกังวลให้กับผู้หญิงวัยทองไม่ใช่น้อย ดังนั้น ‘กินดี’ วันนี้ นำสูตรเครื่องดื่มจาก แอพริคอต แอปเปิ้ล และพีช ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ และลบเลือนริ้วรอยมาฝากให้ผู้อ่านสาววัยทองลองปรุงดื่มกัน

    รู้กันก่อนว่าผลไม้ที่รวมอยู่ในเครื่องดื่มนั้นให้คุณประโยชน์อย่างไรบ้าง เริ่มจาก ‘แอปเปิ้ล’ ที่นำมาใช้ในเครื่องดื่มแก้วก่อน ๆ เป็นประจำ เพราะมากด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ช่วยลดความตึงเครียด ล้างพิษในตับและไต พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิกและแทนนิก ดีต่อระบบย่อยอาหาร เส้นใยแพ็กตินในแกนผล ยังช่วยทำความสะอาดลำไส้เล็กได้อย่างดีเยี่ยม

    สำหรับ ‘แอพริคอต’ นั้น เป็นผลไม้ที่ชื่อและหน้าตาไม่ค่อยคุ้นเคย มีสีเหลืองทอง เปี่ยมไปด้วยกรดมาลิก ทำความสะอาดลำไส้เล็ก แต่ที่โดดเด่นนั้นคือสารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยต้านความเสื่อมโทรมและความร่วงโรยของเซลล์และเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เบต้าแคโรทีนจะมีปริมาณมากในผลที่มีสีเข้ม

    ส่วน ‘พีช’ หรือลูกท้อ มีวิตามินซี กรดโฟลิก เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ที่จะเข้าไปทำความสะอาดลำไส้เล็กและใหญ่

    ส่วนผสมที่ควรเตรียมให้ได้สัดส่วนนั้นประกอบด้วย

    - แอพริคอต 2 ถ้วย
    - แอปเปิ้ล 1 ถ้วย
    - พีช 1 ถ้วย

    ขั้นตอนในการปรุงเพียงหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ส่วนแอพริคอตและพีช หลังจากล้างน้ำจนสะอาด ให้ผ่าครึ่งแล้วเอาเมล็ดออกและหั่นพอหยาบ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดพร้อมกันโดยใช้เครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ ก่อนดื่มเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่นให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้ได้.

    takecaredd@gmail.com

    ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ 80 สูตรน้ำผัก-ผลไม้ เพื่อการล้างพิษและฟื้นฟูสุขภาพ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่อยากเสียภาษี
    Daily News Online > หน้าบทความ > กฎหมายข้างตัว > ไม่อยากเสียภาษี

    ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้ ท่านว่าให้เที่ยวทางอีสาน

    ที่กำลังเขียวชอุ่มในนาข้าว กำลังจะเปลี่ยนเป็นทุ่งรวงทองงดงามอร่ามตา

    เมืองไทยนี้ดี ที่เที่ยวมีทุกฤดูกาล หนาว ๆ ไปเหนือ ร้อน ๆไปใต้ หน้าฝนอยู่แถวภาคกลาง

    แอบมาแม่ฮ่องสอนตอนนี้ยิ่งตกใจ ไม่น่าเชื่อมีเงาะอร่อยไม่แพ้เงาะเมืองจันท์ให้กิน

    ที่เที่ยวอุดมสมบูรณ์ เจ้าของโรงแรมย่อมยิ้มแย้มแจ่มใส

    ยิ้มไม่ออกอีตอนถูกเก็บภาษีนี่แหละ

    องค์การบริหารส่วนจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งออกข้อบัญญัติเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัดจากผู้พักในโรงแรม

    ให้โรงแรมทุกแห่งนำส่งเงินค่าธรรมเนียมภายในวันที่ ๒๐ ของเดือนถัดไป

    เพื่อความเด็ดขาดกำหนดโทษผู้ละเมิดข้อบัญญัติที่บังอาจกระทำการชักดาบไม่ส่งเงินไว้สามสถาน คือ จำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

    ไม่มีของฟรีในโลก ท่านผู้ประกอบการโรงแรมฟ้องต่อศาลปกครองอ้างว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระทำการออกข้อบัญญัติไม่ชอบด้วยกฎหมายดังนี้

    หนึ่ง มาตรา ๕๑ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯกำหนดโทษได้เพียงสองสถานเท่านั้น คือจำคุกและปรับ ทั้งจำทั้งปรับน่ะถือโอกาสมั่วเพราะแค้นมาใช่ไหม

    สอง การที่ข้อบัญญัติให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเปรียบเทียบและมีอำนาจเรียกผู้ควบคุมและจัดการโรงแรม ผู้พักและผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำและส่งเอกสารหลักฐานได้ มันเว่อร์ไปหน่อย เพราะไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจไว้

    สาม การออกข้อบัญญัติดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะให้มีผลบังคับใช้โดยไม่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นการตรากฎหมายขึ้นโดยไม่มีอำนาจ

    ขอให้ศาลได้โปรดเพิกถอนข้อบัญญัตินี้เสียให้เกลี้ยงเกลาด้วยขอรับ

    ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

    ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำพิพากษา ก่อนอุทธรณ์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าบทบัญญัติของพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.๒๕๔๐ ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

    ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าบทกฎหมายที่ผู้ฟ้องคดีขอให้วินิจฉัยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

    จึงมาถึงประเด็นที่น่าสนใจตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดดังนี้

    องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีอำนาจออกข้อบัญญัติเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมจากผู้พักในโรงแรมได้ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ มาตรา ๖๕ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การเก็บค่าธรรมเนียมไว้

    ใจคอผู้ฟ้องคดีจะเอาถึงต้องประกาศในราชกิจจาฯเชียวเรอะ อันนี้ตีนโรงตีนศาลแถมมา

    กรณีกำหนดโทษผู้ทำละเมิดไว้ ๓ สถาน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ท่านว่า มาตรา ๕๑ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯบัญญัติว่า ในข้อบัญญัติจะกำหนดโทษผู้ละเมิดข้อบัญญัติไว้ด้วยก็ได้ แต่ห้ามมิให้กำหนดโทษจำคุกเกินหกเดือนและหรือปรับเกินหนึ่งหมื่นบาทโดยบทบัญญัติใช้คำว่า “จำคุก...และหรือปรับ...” ซึ่งหมายถึง จำคุกอย่างเดียว หรือปรับอย่างเดียว หรือจะกำหนดทั้งจำและปรับด้วยก็ได้

    การกำหนดโทษจึงชอบด้วยกฎหมาย

    มาตรา ๔๐ แห่ง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯได้บัญญัติให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด รองนายกฯ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่นายกฯแต่งตั้งเป็นบุคคลที่มาตรา ๔๐ ให้มีอำนาจเปรียบเทียบคดีละเมิดข้อ บัญญัติได้ ดังนั้นข้อกำหนดในกรณีนี้ของข้อบัญญัติจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

    ประเด็นการให้ผู้ควบคุมดูแลและผู้จัดการโรงแรมเรียก เก็บค่าธรรมเนียมไว้แทนและนำส่ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น เห็นว่าเป็นการถูกต้องสมควรเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ตามมาตรา ๖๕ จึงชอบด้วยกฎหมาย

    ส่วนที่ข้อบัญญัติกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกผู้ควบคุมและผู้จัดการโรงแรม ผู้พักและผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารหลักฐานมาเพื่อตรวจสอบนั้น เห็นว่า เป็นการออกข้อบัญญัติที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ต้องมีกฎหมายให้อำนาจไว้อย่างชัดแจ้ง เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ การออกข้อบัญญัติดังกล่าวจึง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    พิพากษาแก้เป็นให้เพิกถอนข้อที่กำหนดการเรียกมาให้ถ้อยคำหรือส่งเอกสารมาตรวจสอบ นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น (คำพิพากษา ที่ อ.๓๔/๒๕๔๙)

    ไม่ต้องไปให้ถ้อยคำ ไม่ต้องส่งเอกสารแต่ต้องส่งเงินให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเหมือนเดิม.


    พิสิษฐ์ พลรักษ์เขตต์
    praepim@yahoo.com
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    อิ่มบุญ วิถี "เจ"

    �����ح �Զ� "��" ���Ѵ�֡ : ����� : ���Ƿ�����

    คมชัดลึก : ตามความเชื่อโบราณ ในช่วงเทศกาลถือศีล-กินเจ จะมีเทพเจ้า 9 องค์ จากสรวงสวรรค์ลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อสำรวจว่ามีใครทำความดีบ้าง ผู้คนบนพื้นโลกจึงถือโอกาสนี้สักการะเทพเจ้าด้วยการชำระร่างกายให้สะอาด งดเว้นเนื้อสัตว์แล้วถือศีลควบคู่กัน ถือเป็นการช่วยชีวิตสัตว์ไม่ให้ต้องทุกข์ทรมานจากการถูกฆ่าเพิ่มขึ้นในช่วงนั้น


    คำว่า “เจ” โดยรากศัพท์ จึงหมายถึง "การถือศีล" คือวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี ซึ่งปีนี้ตามปฏิทินสากลตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม เรื่อยไปจนถึง 26 ตุลาคม รวม 9 วันเต็ม แต่ถ้าจะนับรวมเอาวันเริ่มปวารณาตัวเองที่จะถือศีลกินเจ รวมถึงวันล้างท้องด้วย 1-3 วัน ก็จะเริ่มตั้งแต่ 15 ตุลาคม ซึ่งก็แน่นอนว่าช่วงเวลาของการสร้างบุญกุศลดังกล่าว บรรยากาศจะอบอวลไปด้วยความสบายใจสบายท้อง เพราะหลายคนถือโอกาสนี้ชำระล้างกาย-ใจให้บริสุทธิ์
    ว่าแต่ปีนี้มีวิถีเจที่ไหนน่าสนใจ พอให้ไปฝากท้องกันได้บ้าง แว่วว่าทางกลุ่มเดอะมอลล์ เขาจับมือพันธมิตรหลายฝ่าย โดยเฉพาะสถานกงสุลไทย ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดงานเพื่อคนกินเจ "10 ปี อาหารเจทั่วทิศ กุศลจิตทั่วไทย สายสัมพันธ์วัฒนธรรมไทย-จีน" ฉลองครบรอบ 10 ปี แห่งการสร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ของการจัดเทศกาลอาหารเจ ด้วย 77 เจจานเด็ดต้นตำรับ
    และไม่ใช่แค่ 4-5 ร้านเจนะที่ยกมาให้ลองลิ้มชิมรส แต่กว่า 300 ร้านอาหารและภัตตาคารชื่อดังทั่วประเทศทีเดียว อาทิ ร้านดังย่านเยาวราช, สี่พระยา, ถนนระนอง จ.ภูเก็ต พร้อมเลือกซื้อผัก และผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ตลอดจนการแสดงชุดพิเศษสายสัมพันธ์วัฒนธรรมไทย-จีน สุดอลังการ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอัคคีพันหน้า, กายกรรมหมุนร่ม, ร้อยเงาหัตถา, กังฟูชงชา, ระบำเฉิงตู, ระบำพริกเสฉวน ฯลฯ และแอบหนีบการแสดงสุดวิจิตรของไทย ที่ได้รับรางวัลต่างๆ มามากมาย อย่าง การแสดงหุ่นสายไทย มาด้วย ใครสนใจก็แวะไปกันได้เขาจัดไปจนถึง 26 ตุลาคมนี้ ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิ เอ็มโพเรี่ยม และสยามพารากอน
    หลายเสียงบอกว่า การมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียง กินง่ายอยู่ง่าย ลดละเลิกความฟุ่มเฟือย และไม่ต้องวุ่นกับการปรุงแต่งรสชาติเกินความจำเป็น ถือเป็นการสร้างกุศลในเรื่องคุณธรรม ความเมตตา ช่วยชีวิตสัตว์ไม่ให้ถูกฆ่ารวมถึงคน สอดคล้องกับคติความเชื่อของจีนที่ว่า การงดรับประทานเนื้อเพียงหนึ่งมื้อพร้อมๆ กัน จะทำให้อีกหมื่นชีวิตรอดพ้นจากการถูกฆ่าในมื้อนั้น “หนึ่งมื้อแลกหนึ่งหมื่นชีวิต” นั่นคือสิ่งที่เชื่อมโยงไปสู่ความสะอาดบริสุทธิ์ สู่จิตใจของตนเอง และชีวิตอื่นๆ
    ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิถีเจ ยังมีที่ให้ร่วมอิ่มบุญอีกเพียบ แม้กระทั่งร้านตามตรอกซอกซอยทั่วไป สะดวกอย่างไหนก็เลือกเอา เพราะบุญกุศลทำได้ไม่ยาก แค่เรื่องปากท้อง ก็มีส่วนร่วมได้...สาธุ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กระทู้ ภาพนี้หมุนได้ตามใจสั่ง บอร์ดอกาลิโก

    ที่มา �Ҿ�����ع������������ - �����͡�����

    โพสโดย malila

    ภาพนี้หมุนได้ตามใจสั่ง

    <TABLE class=ncode_imageresizer_warning id=ncode_imageresizer_warning_1 width=262><TBODY><TR><TD class=td1 width=20></TD><TD class=td2 unselectable="on"></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]


    บางคนอาจจะเห็นว่าสาวเจ้าหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยังไงๆ ก็ทวน
    แต่บางคนบอกยังไงก็หมุนตามเข็มแน่นอน


    ลองดูกันนะ ว่าใครมองว่าสาวน้อยหมุนไปทางไหนกันบ้าง ​

    แล้วจะมาเฉลยทีหลัง อิอิอิ


    มาแอบเฉลย [​IMG]
    ..
    ..
    ..

    คนเห็นตามเข็มแสดงว่า .... ใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย
    ในทางกลับกัน หากเราเห็นทวนเข็มแสดงว่า .... เราใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา….


    สำหรับคนที่ใช้สมองซีกซ้ายมากกว่า

    ….คุณมีแนวโน้มที่จะ….

    - ตัดสินใจโดยใช้เหตุผล
    - สนใจรายละเอียด
    - อยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่าการคาดการณ์
    - มีความสามารถในการเลือกใช้ศัพท์และมีความสามารถทางภาษาศาสตร์
    - สนใจในอดีตมากกว่าอนาคต
    - มีความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
    - มีความสามารถในการทำความเข้าใจเรื่องที่มีความซับซ้อนได ้เร็ว
    - รอบรู้
    - ยอมรับผู้คนหรือเรื่องราวใหม่ๆได้ง่าย
    - มีระเบียบวินัย
    - จดจำชื่อต่างๆได้ดี
    - อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง
    - วางกลยุทธ์ต่างๆได้ดี
    - เน้นผลในทางปฎิบัติ
    - ปลอดภัยไว้ก่อน


    สำหรับคนใช้สมองซีกขวามากกว่า

    ….คุณมีแนวโน้มที่จะ….

    - ให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึก
    - ตัดสินใจ! จากภาพรวมมากกว่ารายละเอียด
    - มีจินตนาการสูง
    - มีความสามารถในทางตรรกศาสตร์
    - สนใจอนาคตมากกว่าอดีต
    - สนใจในทางปรัชญาและศาสนา
    - เข้าใจประเด็นที่คนอื่นต้องการสื่อสารได้ดี
    - ลึกซึ้งต่อเรื่องต่างๆ
    - เป็นที่นิยมชมชอบ
    - โยงประเด็นและความเกี่ยวเนื่องของเรื่องราวต่างๆได้ดี
    - ชอบฝันเฟื่อง
    - ประเมินผลกระทบสำหรับทางเลือกต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
    - คึกคะนอง…หรือในบางกรณีมุทะลุ
    - เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน


    เอามาให้เล่นกันหนุก ๆ อย่าคิดมากนะจ๊า<!-- google_ad_section_end -->
    กระทู้ ภาพนี้หมุนได้ตามใจสั่ง
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อารมณ์ขันสมเด็จโตวัดระฆัง

    :: INN online .- ʴ�ѹ�շ���բ��� ::


    ในหนังสืออารมณ์ขันและความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี มีบันทึกเรื่อง "แกงร้อนสมเด็จฯ"ให้แง่คิดที่น่าสนใจยิ่ง


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD height=5></TD></TR>


    [​IMG]





    </TBODY></TABLE>


    สิ่งหนึ่งที่ทำให้สมเด็จโตรู้สึกอึดอัดใจ ก็คือ ไม่ว่าท่านจะทำกิจการใดๆ ก็ตาม
    เมื่อปรึกษาหารือกับภิกษุในวัด ก็มักจะได้รับคำตอบว่า สิ่งที่ท่านทำนั้นสมควรแล้ว ดีแล้ว ทุกครั้งไป ..

    วันหนึ่งมีผู้นำแกงร้อนวุ้นเส้นชามใหญ่มาถวายท่าน ท่านสั่งให้ศิษย์วัดนำกระทะใบบัวใหญ่ มาตั้งน้ำเต็มกระทะจนกระทั้งเดือนพล่าน แล้วนำแกงร้อนถ้วนนั้นเทลงในกระทะแล้วให้ศิษย์วัดไปเก็บผักบุ้งในลำคลองข้างวัด มาล้างทำความสะอาดแล้วหั่น ใส่ลงไปในแกงร้อนนั้น นำอาหารอีกหลายอย่างที่มีผู้นำมาถวาย เทใส่รวมลงไปหมด แลดูไม่น่าขบฉันเลยแม้แต่น้อย

    เมื่อเสร็จแล้ว ก็ให้ศิษย์วัดตีกลองเป็นสัญญาณให้ภิกษุสามเณรต่างๆ นำปิ่นโต ถ้วยชามมาแบ่งอาหาร โดยท่านกำชับให้บอกภิกษุสามเณรทุกรูปว่าเป็นแกงร้อนที่ท่านปรุงเอง ภิกษุทั้งวัดระฆังจึงได้ฉันแกงร้อนสมเด็จฯ ในมือเพลวันนั้นโดยทั่วถึง

    ครั้นตกเวลาเย็น ภิกษุทุกรูปจะต้องมาร่วมทำวัตรค่ำในพระอุโบสถ สมเด็จโตไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูโบสถ์ คอยถามภิกษุทุกรูปที่เดินผ่านท่านเข้าไปในโบสถ์ว่า

    “แกงร้อนของท่านเมื่อตอนเพลเป็นอย่างไรบ้าง”?

    ปรากฏว่าภิกษุทุกรูปตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยดีมาก

    ท่านก็ถามภิกษุทุกรูปเรื่อยมา จนกระทั้งถึงภิกษุชราองค์หนึ่งซึ่งบวชอยู่วัดระฆังมานานหลายสิบพรรษา เดินผ่านมาสมเด็จฯก็ถามเหมือนเดิมว่า

    “ขรัวตา แกงร้อนของฉันเมื่อตอนเพลเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันลงมือทำเองทีเดียวนะ”

    ขรัวตา ชงักนิดนึงแล้วตอบว่า

    “ไม่ไหวครับ พระเดชพระคุณท่าน กระผมเทให้หมามันยังไม่กินเลย”
    สมเด็จฯ ยิ้มด้วยความพอใจ แล้วประนมมือไหว้ขรัวตา

    สาธุ สาธุ ขรัวตานี่แหละศีลบริสุทธิ์โดยแท้ ควรแก่การเคารพ สาธุ ..

    ที่มา หนังสือ อารมณ์ขันและความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)​

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เป็นเหน็บ เกิดจากอะไร


    โรคเหน็บชา อาการเหน็บชา เกิดจากอะไร

    [​IMG]


    เลือดไม่ไหลเวียนทำให้เป็นเหน็บ (สวยด้วยแพทย์)

    เคยคิดอย่างนั้นกันใช่มั้ยล่ะ....ถ้าเคยก็ยอมรับมาเถอะ สมัยเด็ก ๆ ผู้เขียนก็เคยค่ะคุณขา ผู้ใหญ่เขาบอกว่า มือหรือเท้าเป็นเหน็บเกิดจากการที่เลือดไม่ไหลเวียน คิดมาคิดไป ดูท่าจะจริง เพราะเวลานอนทับแขนหรือนั่งทับขาทีไร เป็นเหน็บที่มือหรือเท้าทุกทีมาถึงบางอ้อเอาก็ตอนโตนี่แหละ

    [​IMG] จริง ๆ แล้วอาการเป็นเหน็บ เกิดจากแรงกดทับบนเส้นประสาทไม่ใช่บนเส้นเลือดค่ะ เมื่อความรู้สึกกลับคืนมายังเส้นประสาทที่ถูกจำกัดชั่วคราว จะทำให้เกิดความรู้สึกเสียวเหมือนถูกหนามตำ (คนที่เคยเป็นคงนึกกันออกนะคะ)

    [​IMG] แหม จะเกิดจากอะไรก็ช่าง ไม่เป็นเลยจะดีที่สุด รึใครจะเถียง....



    เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    สวยด้วยแพทย์
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เผยรายชื่อ 10 พิพิธภัณฑ์ ช็อกโกแลต ที่ดีที่สุดในโลก

    ท่องเที่ยว Travel 10 พิพิธภัณฑ์ ช็อกโกแลต ที่ดีที่สุดในโลก



    [​IMG]



    เผยรายชื่อ 10 พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก (มติชนออนไลน์)

    สำหรับผู้ที่ชอบท่องเที่ยวไปพร้อมกับคนรักและช็อกโกแลตแท่งโตอันหวานฉ่ำ จุดหมายหนึ่งในการเดินทางของพวกเขาก็น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต ล่าสุด virtualtourist.com ได้จัดอันดับพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตสิบแห่งที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมีรายชื่อดังต่อไปนี้


    [​IMG]1. พิพิธภัณธ์ช็อกโกแลตโคโลญจน์ เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี


    [​IMG]

    [​IMG]


    นอกจากอาคารรูปลักษณ์ทันสมัยของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์จะจัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของช็อกโกแลตแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ก็คือ น้ำพุเทียมซึ่งเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์จะคอยจุ่มขนมอบวาฟเฟิลลงไปในน้ำพุช็อกโกแลตเหลวร้อนเพื่อยั่วน้ำลายบรรดาผู้เข้าเยี่ยมชม

    [​IMG]2. Musee les Secrets du Chocolat เมืองแชสโปลแช็ง ประเทศฝรั่งเศส

    พิพิธภัณฑ์หรูหราที่มีทั้งโรงละคร ห้องดื่มน้ำชา และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งขายเส้นพาสต้า, น้ำส้มสายชู, เบียร์ และของแต่งบ้านสไตล์โบราณวัตถุ ที่ล้วนแล้วแต่ทำขึ้นมาจากช็อกโกแลตทั้งสิ้น

    [​IMG]3. แพนนีส์ อะเมซิ่ง เวิล์ด ออฟ ช็อกโกแลต เมืองวิคตอเรีย ประเทศแคนาดา


    [​IMG]


    สถานที่ที่มีทั้งรูปปั้นเดวิด ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเมืองจำลอง ซึ่งสร้างขึ้นจากช็อกโกแลต

    [​IMG]4. พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต ช็อกโก-สตอรี่ เมืองบรูจส์ ประเทศเบลเยี่ยม

    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีส่วนจัดแสดงที่สำคัญ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพของช็อกโกแลต ส่วนที่สองเป็นส่วนจัดแสดงกระป๋องบรรจุช็อกโกแลตรูปทรงแปลกตา เพื่อถวายเป็นเกียรติยศแด่พระบรมวงศานุวงศ์เบลเยี่ยม

    [​IMG]5. Museu de la Xocolata เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน


    [​IMG]


    ผลงานประติมากรรมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งมีตั้งแต่งานที่สะท้อนประเด็นเคร่งเครียดทางศาสนาเรื่อยไปจนถึงตัวการ์ตูนรูปลักษณ์แปลกประหลาด ล้วนแล้วแต่มีความงดงามน่าประทับใจ จนผู้เข้าชมแทบจะลืมเลือนไปเลยว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากช็อกโกแลต

    [​IMG]6. พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต เมืองนิว บรันสวิค ประเทศแคนาดา

    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พี่น้องตระกูลกาน็อง ผู้ผลิตช็อกโกแลตในย่านนี้ที่แนะนำให้ชาวโลกได้รู้จักกับกล่องช็อกโกแลตรูปทรงหัวใจอันโดดเด่น ซึ่งแน่นอนว่ากล่องช็อกโกแลตรูปแบบดังกล่าวต้องถูกนำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ด้วย

    [​IMG]7. พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต ช็อกโก-สตอรี่ กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก

    สถานที่แห่งนี้ถือเป็นงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ต่อสายตาของผู้เยี่ยมชม ซึ่งจัดแสดงทั้งกระดาษหีบห่อบรรจุช็อกโกแลตในยุคโบราณอันน่าตื่นตาตื่นใจ และการสาธิตกระบวนการผลิตช็อกโกแลต

    [​IMG]8. พิพิธภัณฑ์แคนดี้ อเมริกานา บริษัทวิลเบอร์ ช็อกโกแลต มลรัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

    เริ่มจากการที่ภรรยาของประธานบริษัทชอบเก็บสะสมบรรดาของที่ระลึกซึ่งมีความข้องเกี่ยวกับช็อกโกแลต มาจนถึงบัดนี้ เป็นเวลา 30 ปีแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงของสะสมดังกล่าวเปิดดำเนินการโดยไม่เก็บค่าเข้าชม

    [​IMG]9. พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต เกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้

    สิ่งน่าสนใจในพิพิธภัณฑ์หนึ่งเดียวจากทวีปเอเชียแห่งนี้ ได้แก่ เวิร์คช็อปสอนทำช็อกโกแลต, ห้องจัดแสดงผลงานศิลปะที่ทำจากช็อกโกแลตอันน่าประทับใจ และการให้บริการผู้เยี่ยมชมด้วยรถโดยสารสไตล์ซานฟรานซิสโก

    [​IMG]10. พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตเนสท์เล่ กรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก


    [​IMG]


    ดูเหมือนสิ่งที่ดึงดูดใจผู้คนมากที่สุดเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะไม่ใช่เรื่องของช็อกโกแลต แต่กลับเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์อันมีรูปลักษณ์ทันสมัยเก๋ไก๋เป็นอย่างยิ่ง แถมอาคารแห่งนี้ยังถูกก่อสร้างเสร็จสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว คือ เพียงแค่ 75 วันเท่านั้น




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไปทำโพลไว้ในกระทู้ ภาพนี้หมุนได้ตามใจสั่ง หมวด จิตวิทยา & สุขภาพ

    http://palungjit.org/threads/ภาพนี้หมุนได้ตามใจสั่ง.209314/

    ลองไปกดโพลกันดูนะครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานสอนใจ : ลิงล้างหู
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 ตุลาคม 2552 14:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=294 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=294>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่มีลิงอยู่ฝูงหนึ่ง พญาลิงที่เป็นจ่าฝูงเป็นลิงเผือก มีรูปร่างงดงามมาก วันหนึ่งนายพรานไปพบลิงงามตัวนี้เข้า ก็นึกอยากได้รางวัล จึงไปทูลพระราชาว่า มีลิงรูปร่างงดงามมากอยู่ในป่า พระราชาก็รับสั่งให้ไปจับมาถวาย พอเห็นพญาลิงเข้าท่านก็รัก เพราะงาม และฉลาด เป็นลิงโพธิสัตว์ ท่านก็อ้อนวอนให้ลิงอยู่ในวัง และให้อิสระ จะเดินเที่ยวเล่นในวังอย่างไรก็ได้

    เมื่อได้รับอิสระ พญาลิงนั้นก็ได้ออกเที่ยวตามตำหนักต่าง ๆ แต่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ก็ได้ยินคนพูดกันแต่เรื่องตัวเอง (หรือก็คือ การยึดถือในตัวกู ของกู) ทั้งเงิน บ้าน ทรัพย์สิน อะไร ๆ ก็เป็นเรื่องของตัวเองไปทั้งหมด เมื่อพญาลิงอยู่ในสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนานวันเข้า จิตใจก็อ่อนแอ นอนเพลีย ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำ ผู้ดูแลเกิดความวิตก เกรงว่าพญาลิงจะไม่สบาย จึงไปทูลพระราชาให้ทรงทราบ

    พระราชาได้ยินดังนั้นจึงเสด็จมาเยี่ยม แล้วทรงถามว่า "เป็นอะไรไปล่ะถึงไม่กินข้าวกินปลา"
    พญาลิงตอบว่า "ถ้าอยากจะให้กินข้าวกินปลา ขอได้โปรดปล่อยหม่อมฉันเข้าไปอยู่ในป่าตามเดิมเถิด เพราะไม่อยากได้อะไรทั้งนั้นแล้ว"

    พระราชาจึงประทานอนุญาตให้คนพาพญาลิงเข้าไปส่งในป่า

    พอไปถึงในป่า พวกลูกน้องลิงพากันออกมาต้อนรับด้วยความดีใจที่พญาลิงได้กลับมาอยู่ป่าตามเดิม และขอให้พญาลิงเล่าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ไปเห็นมาว่าในบ้านเมือง ตำหนักราชวังเขามีอะไรบ้าง หรือมนุษย์เขาคุยกันเรื่องอะไรบ้าง

    พญาลิงได้ยินคำถามก็เบือนหน้าหนี บอกว่า อย่าถามเลย ไม่อยากพูด แต่ก็ยิ่งทำให้พวกบริวารลิงยิ่งเซ้าซี้ สุดท้ายพญาลิงไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร จึงตัดใจเล่าให้ฟังว่า

    "สิ่งที่พวกมนุษย์พูดกันนั้น ไม่เห็นมีอะไร นอกจากของกู ไอ้นั่นก็ของกู ไอ้นี่ก็ของกู"

    บริวารได้ยินดังนั้นจึงรีบร้องให้พญาลิงหยุดเล่า พร้อมปิดหูพากันวิ่งลงน้ำ เอาน้ำล้างหูที่ได้ยินคำสกปรกอย่างนั้น โดยฝูงลิงเห็นว่า พวกมนุษย์มีแต่ความเห็นแก่ตัว อะไรก็จะเอาเป็นของกู ทั้ง ๆ ที่ต้องเบียดเบียนคนอื่นกว่าจะได้มา ซึ่งหากเราพิจารณาธรรมชาติ เราจะเห็นต้นหมากรากไม้ สัตว์ป่า ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ ต้นเล็กต้นใหญ่ ล้วนแล้วแต่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ไม่เห็นแก่ตัว แต่มนุษย์ไม่เป็นเช่นนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ฝูงลิงพากันไปล้างหูเพราะรู้สึกว่าสกปรกหูมากเหลือเกินที่ได้ยินถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์

    และเมื่อมีพญาลิงกลับมาอยู่เป็นจ่าฝูงตามเดิม ลิงทั้งฝูงก็อยู่กันอย่างสงบสุขโดยไม่สนใจสังคมมนุษย์อีกเลย

    ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ "ก่อนหยุด หยุดก่อน"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    มีเรื่องราวเล่าสู่กันฟังอีกแล้วครับเพื่อนๆ เมื่อวานนี้ผมได้ไปงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิตต์ ผมตั้งใจไปที่บูธหนังสือเก่า(ป้ายสีเหลือง)เท่านั้น ด้วยความรู้สึกว่าจะได้พบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ที่ตามหามานาน และก็พบจริงๆครบทุกรายการที่เคยต้องการมาก่อน แต่เวลา หรือวาระยังไม่ใช่ หรือยังไม่ได้เวลานั่นแหละครับ อาการที่พบคล้ายกับเมื่อหลายปีก่อนพบบาตรน้ำมนต์ที่สร้างเป็นที่ระลึกหอสมุดสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส คือพบบาตรก่อน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่มาที่ไปว่าใครสร้าง สร้างที่ไหน จำนวนเท่าไหร่ ทำด้วยมวลสารอะไรบ้าง และพิธีใด สร้างเมื่อไหร่ จนหลัง ๖ เดือนที่ได้บาตรน้ำมนต์แล้ว จึงพบตำราการสร้างบาตรน้ำมนต์ซ่อนอยู่ในชั้นหนังสือตั้งวางซ้อนๆกัน และเป็นวันสุดท้ายของการจัดมหกรรมหนังสือ อีกทั้งเหลือเวลาอีกครึ่งชม.ร้านหนังสือก็จะปิดแล้ว ผมยกกองหนังสือขึ้นเพียงครั้งเดียว ก็พบหนังสือเล่มนี้วางอยู่ หยิบดูแต่ไม่ได้เปิดซองพลาสติก เพียงเห็นว่าบาตรน้ำมนต์สมเด็จโตเท่านั้น จากนั้นก็ไม่เคยได้เปิดดูว่าตำรานั้นเเขยนไว้ยังไงด้วยความไม่สนใจยังไงยังงั้น วันหนึ่งเปิดออกดู ก็พบว่า คือรายละเอียดประกอบบาตรน้ำมนต์ใบนี้นั่นเอง...

    เมื่อวานนี้ไปที่ร้านแรกพบตำราโหราศาสตร์เล่มหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งจำได้ว่าหมอกฤษณ์ คอมเฟิร์มเคยพูดถึงวิชาบริเฉจเจ็ดดารา ซึ่งรุ่นพี่ที่รู้จักท่านว่า คือภาคหนึ่งของสิบลัคนาของอจ.อรุณ เทศถมทรัพย์ ศิษย์ผู้หนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่หลวงพ่อท่านเคยมอบให้ทำนายในเรื่องต่างๆ แต่ตำราท่านกระจายไปไม่ทราบสารทิศใด ปัจจุบันยังเก็บกลับไม่ครบ คนขายบอกว่า เมื่อวานมีคนหาเล่มนี้ แต่สุดท้ายก็มาอยู่ที่ผม...

    เล่มที่ ๒ นี้อยู่ร้านติดกัน มีความรู้สึกว่า ตำราที่ต้องการอยู่มุมซ้ายล่าง ลองรื้อดูพบดั่งคาด เป็นตำราของพระธุดงค์รูปหนึ่งที่บันทึกเป็นกระดาษข่อย มอบให้ท่านผู้หนึ่งไว้ จนท่านได้มอบถวายพ่อท่านคล้าย วัดจันดี ซึ่งเวลานี้ได้บรรจุไว้ภายในเจดีย์หินอ่อนแล้วในปี ๒๕๑๑ ฉบับที่อยู่กับผมนี้เป็นสำเนา คุณป้าร้านหนังสือเก่าท่านหนึ่งพอได้เห็นสภาพหนังสือท่านบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะสมบูรณ์ขนาดนี้ ตั้งแต่ขายหนังสือเก่ามานานหลายสิบปี ยังไม่เคยพบหนังสือเล่มนี้เลย...

    เล่มที่ ๓ นี้อยู่ห่างไปอีก ๒ ล๊อค ช่วงที่ผ่าน ๒ บูธนี้ใจพาไปที่ร้านนี้ เหมือนจะพาไปเอาอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไร เหลือบตาดูข้างบน ใจนี้แป้วเลยครับ "ตำราพระร่วง" ของคุณพร้อม สุทัศน์ ณ อยุธยาเป็นผู้เขียน และรวบรวมไว้ เล่มนี้เปิดไม่ระวังขาดแน่ๆครับ ภายในมีประวัติของพระร่วงเจ้า ที่ละเอียดอย่างที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้ พร้อมภาพเก่าโบราณพระร่วง พระลือ วัดตระพังทองครั้งสุโขทัยนั่นเอง ต่างจากที่ไปชมมาแล้วมากมายจริงๆ อีกทั้งแผนที่เมืองสวรรคโลก ก่อนรวม และหลังรวมกับสุโขทัย ทั้งที่เมื่อไม่กี่วันนี้เกิดความรู้สึกคิดถึงองค์พระร่วงเจ้าพระอาจารย์อย่างมาก และได้ post พระพิมพ์ท่านใน board นี้....

    ปฏิบัติการตามหา"ของ"บางอย่าง สงสัยจะจบกิจแล้ว เพราะรู้สึกเบาโหวงจริงๆ กระแสความศรัทธาโน้มนำให้ได้ไปพบเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกัน เกี่ยวข้องกับความสงสัยใจ คล้ายการต่อ jigsaw ยังไงยังงั้น สุดท้ายผมขอยืนยันว่าหากสร้างศรัทธาจนตอกย้ำเข้าไปในจิตใต้สำนึกได้ กระแสคลื่นที่ส่งออกไป จะไป attune กับคลื่นที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งออกมาก่อนแล้ว เพียงแต่เวลายังไม่ได้เท่านั้นเอง เมื่อเวลาได้ แทบจะไม่ต้องไปเหนื่อยหาเลยครับ...
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในวันที่ได้"ตำราที่ตามหา"อยู่นาน รู้สึกว่ามีกระแสอะไรบางอย่างที่ครั้งหนึ่งมีผู้คนอย่างน้อย ๓ ท่านได้เคยทำนายถึงกระแสนี้ไว้ชักนำให้ไปพบหนังสืออยู่ชุดหนึ่ง ก็ได้ลองแกะ และเปิดอ่านดู ก็พบว่าตรงใจ และเป็นอีกหนึ่งที่กำลังตามหาอยู่ แต่คิดว่าเป็นชุดตำราที่มีราคาค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากเป็นหนังสืองานศพ(ส่วนมากเรื่องราวความรู้สำคัญๆที่ผู้เสียชีวิตหรือมรณภาพสนใจ หรือเป็นสุดยอดวิชาของผู้เสียชีวิตหรือมรณภาพ ลูกหลานจะนำมาบันทึกไว้ หรือผู้เสียชีวิตหรือมรณภาพสั่งเสียไว้เท่านั้น)ที่จัดทำในจำนวนจำกัด และเพียงครั้งเดียวจะไม่มีการนำมาจัดพิมพ์ซ้ำใหม่อีก ก็เป็นเรื่องของลิขสิทธิ์ของครอบครัวผู้เสียชีวิต หรือมรณภาพ และจำนวนผู้อ่านมีกลุ่มที่เล็กลงๆ ดังนั้นจึงจัดว่าเป็นหนังสือเฉพาะคนเท่านั้น การพบในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของคลื่นแห่งจิตพาไป...

    เป็นตำราพรหมศาสตร์ชุดใหญ่ที่ประมวลความรู้ของอาจารย์ใหญ่ทองแถม ศาสตระรุจิซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่สายพรหมศาสตร์ ก็ได้ไขข้อข้องใจให้เข้าใจได้หลายอย่าง จากนั้นผมก็วางไว้ยังตำแหน่งเดิมด้วยความเสียดายเงินจำนวนมาก...

    ๒ คืนที่ผ่านมานับจากคืนวันศุกร์ และเสาร์ ก็มีความรู้สึกยังคิดถึงตำราชุดนี้ คิดถึงความคิด คำสอนของอาจารย์ใหญ่ทองแถมอย่างมาก จนเมื่อวานนี้หลังจากจบชั่วโมงเภสัชกรรมในตอนเย็นก็มีความรู้สึกว่าต้องกัดฟันไปเอาตำราชุดนี้มาให้ได้ ก็สมใจตามนั้น..

    ที่ว่าสมใจนั้นคือ เป็นตำราที่เหมาะกับชีวิตของคนบนโลกที่ยังต้องประกอบสัมมาอาชีพ และมุ่งหวังทางธรรมไปด้วย ตราบเท่าที่ยังไม่ถึงความหลุดพ้น วิถีชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ช่วงหนึ่งของตำรานี้ได้แนะนำเรื่องของ"น้ำพระพุทธมนต์"ในพิธีมงคลสมรส แต่ครั้งนั้นท่านไม่ได้ใช้คำว่าพิธีมงคลสมรส ท่านใช้คำว่า"สยุมพร" เป็นพิธีใหญ่ทางพราหมณ์ นับจากครั้งกามนิต และวาสิฎฐีเป็นต้นมา อันเนื่องมาจากไม่ได้หลั่ง"น้ำพระพุทธมนต์" แต่เป็นการหลั่ง"น้ำเทพมนต์" สืบเนื่องจากว่าน้ำสังข์ที่ใช้รดแก่คู่บ่าวสาวนั้นเป็น"น้ำเทพมนต์" ไม่ใช่ "น้ำพระพุทธมนต์" ท่านชี้แจงว่าเพราะเทพเจ้านั้นยังเสวยกามอยู่ส่วนพระพุทธองค์ และสาวกของพระองค์ท่าน ที่เป็นผู้ประกอบน้ำพระพุทธมนต์นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ และหลุดพ้นจากกามไปแล้ว จึงไม่สมควรที่จะฉุดเอาท่านให้มารับรู้กับเรื่องของกามที่เป็นวิสัยของมนุษย์ผู้ยังไม่ตัดพ้นกิเลสนั้น

    การเลือกสถานที่ท่านประกอบพิธีมงคลสมรส ความจริงควรกระทำที่โบสถ์พราหมณ์ แต่เนื่องจากสถานที่คับแคบเกินกว่าที่จะรองรับผู้คนได้ จึงเลือกหอประชุมของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซึ่งมีลักษณะเหมือนเทวสถาน และมีชื่อเป็นสมมุติเทพอยู่แล้ว และเรื่องราวในพิธีกรรม และความเชื่อเพียง ๓ หน้า ล้วนแล้วแต่ปราณีต ละเอียด และไม่มีข้อกังขาเลย หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ ๒ นับแต่ผมได้อ่านแนวทางการวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า ที่แต่งโดยอาจารย์ปู่ประถม อาจสาคร เป็นต้นมา เนื่องจากลีลา และการให้รายละเอียดการนำเสนอนั้นเป็นขั้นเป็นตอน กระชับ แฝงด้วยภูมิปัญญาของ"ผู้รู้"อย่างแท้จริง..

    ยังมีเรื่องราวอื่นๆอีกมากในหนังสือกว่า ๔๐๐ หน้าเล่มนี้ หากพบเรื่องราวที่เป็นประโยชน์จะนำมาเล่าสู่กันฟัง หรือเรียกว่าย่อยให้ฟังกันดีกว่าครับ เห็นทีราคาที่แท้จริงของตำราเล่มนี้น่าจะมีราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท เท่าๆกับราคาตำราวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า ที่แต่งโดยอาจารย์ปู่ประถม อาจสาคร แล้วล่ะครับ...
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับในวันงานใหญ่ ในเดือนหน้า ผมจะนำพระกริ่งปวเรศ จำนวน 5 องค์ ไปให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้า ได้ร่วมทำบุญกัน โดยเงินที่ร่วมทำบุญนั้น ผมจะนำเข้าบัญชีชมรมรักษ์พระวังหน้าทั้งหมด เพื่อที่จะไว้เป็นทุนในการร่วมทำบุญในงานบุญต่างๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆของชมรมรักษ์พระวังหน้า

    1.ให้ร่วมทำบุญ 10,000 บาท/1องค์ สำหรับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า
    2.ให้ร่วมทำบุญ 20,000 บาท/1องค์ สำหรับคณะพระวังหน้า
    3.ให้ร่วมทำบุญ 5,000,000 บาท/1องค์ สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไปในงาน

    [​IMG]

    [​IMG]

    โมทนาสาธุครับ<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในวันงานใหญ่ในเดือนหน้า ผมจะนำพระกริ่งปวเรศไปให้ชมกันหลายๆพิมพ์ ซึ่งมีการตรวจสอบทั้ง "รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์)" และ "นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)" เรียบร้อยแล้ว

    เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก สำหรับการค้นพบในเรื่องนี้ ที่เป็นเรื่องใหม่ ที่เพิ่งค้นพบว่า มีพระกริ่งที่หลวงปู่กรมพระยาปวเรศท่านเมตตาอธิษฐานจิตอยู่หลากหลายพิมพ์ และในบางพิมพ์ หลวงปู่กรมพระยาปวเรศท่านก็ได้จารลงที่พระกริ่งด้วย

    ถึงแม้ว่า หลวงปู่กรมพระยาปวเรศท่านอธิษฐานจิตไม่แรงเท่ากับหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรอธิษฐานจิต แต่พี่ใหญ่เวลาที่จับพระ บอกได้แต่ว่า เฮ้ยหนุ่ม มือชาเลยว่ะ

    และพี่ใหญ่ยังบอกอีกว่า อายุพี่ขนาดนี้ พึ่งได้เคยพบเคยเห็น ท่านอาจารย์ประถม ท่านอายุมากแล้วก็เพิ่งเคยพบเคยเห็น ผมบอกว่า งั้นผมก็โชคดีกว่าสิครับ เพราะว่า ได้เห็นตอนที่อายุน้อยกว่า พี่ใหญ่บอกว่า เออใช่ ผมก็บอกต่อไปว่า มีผู้ที่โชคดีกว่าผมอีก เพราะได้เห็นตอนที่อายุน้อยกว่าผม พี่ใหญ่ก็บอกว่า ใช่

    แถมเนื้อของพระกริ่งยังหลากหลายอีกด้วย

    ไว้รอชมกันนะครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนวันงาน อย่าจำวันผิดนะครับ หากไม่แน่ใจว่าวันไหน ลองไปเปิดดูที่ email นะครับ หรือว่า จะโทร.มาสอบถามกับผม ก็ยินดีครับ

    แต่ขอความกรุณา อย่านำลงบนบอร์ด เนื่องจากเป็นงานภายใน ที่ชมรมรักษ์พระวังหน้าเป็นผู้ที่จัดงานครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  16. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หุหุ งั้นผมก็ถูกพาดพิงด้วยซีครับ เพราะผมเป็นลูกน้องหุหุ แถมยังได้อาราธนาขึ้นคอมาร่วมเดือนแล้วด้วย ... แต่ผมกลับคิดว่าตัวเองโชคดีสุดๆ ก็นับตั้งแต่รู้จักพระวังหน้าและคณะ(ประมาณกุมภาฯ 52 นี้) โดยคุณหนุ่มเป็นต้นสาย เรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงวาระพิเศษคือการประชุมกำเนิดชมรมรักษ์พระวังหน้า ครั้งที่สอง ได้รู้จักพระสมเด็จ Top1/4 กลักไม้ขีด ฯลฯ อาจารย์ปู่ พี่ใหญ่ พี่จิ๋ว พี่แอ้ว พี่แด๋น คุณพี่เพชร คุณน้องนู๋ ท่านนิว คุณน้องอุ้ม ท่านพี่มูฯ ท่านแหน่ง พี่เมตตา น้องพรสว่าง กับอีกเพื่อนสมาชิกทุกๆท่านที่ลืมชื่อร่วม 20 กว่า เหตุการณ์การนำพระแก้วฯแกะไปไว้หน้าหิ้งพระหลวงปู่ใหญ่ เพื่อให้ท่านเมตตาเสกให้ยังจำได้ เพราะเกิดกับตัวเอง :) จน ณ บัดนี้ หันหลังให้กับวงการพระเครื่อง พุทธพานิชน์ไปเลย (มัวแต่งมงายแบบหาทางสว่างไม่เจอ สลับพระขึ้นคอเป็นว่าเล่น จิตก็ไม่นิ่ง/ผมไม่ได้พลาดพิงวงการฯนะครับ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล อย่าเชื่อผมในคำนี้ ให้ศึกษาและรู้เอง) ไร้ซึ่งข้อกังขาและสัมผัสได้ นี่แหละหนาความโชคดีของผมที่อยากเผื่อแผ่ให้คนอื่นๆได้รับรู้และร่วมจรรโลงด้วยต่อไป ... โมทนาสาธุอีกครั้งครับ :cool::cool::cool::cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2009
  17. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ได้ชมแล้วครับ

    ความแรงนั้นผมไม่สามารถพอครับ

    แต่ความขลังและความสวยงามนั้น ต้องบอกว่าสุดยอดครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อืม Logo ทำได้ดีนี่ครับ เล่นของสูงเสียด้วย 555
     
  19. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ครั้งแรก ทำไม่เป็นอ่ะ

    ว่าจะโทรรบกวนคุณสมบัติแล้วครับ

    ทำไปทำมา ก็อย่างที่เห็นครับ

    แต่อีกหน่อยจะสวยกว่านี้ครับ
     
  20. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ครับผม ขนาดภาพอย่าให้ใหญ่มากนัก
    ... แล้วได้ตัวเลขเท่าไหร่ครับ 530 เหมือนเดิมเปล่า มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้มั๊ย :) ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...