ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    ดูกรอานนท์

    อริยสาวกใด ผู้ได้สดับ
    ได้น้อมรับ อริยะธัมมา พาสดใส
    เป็นผู้ฉลาด เพราะรับคำ แนะนำไว้
    ธรรมสัปบุรุษ เจริญไว้ ในจิตตา

    เมื่อมีธรรม คุ้มกันภัย ในดวงจิต
    สักกายทิฏฐ์ มิสะกิดได้ หายกังขา
    ย่อมรู้ใน เล่ห์ร้าย ที่กรายมา
    รู้อุบาย ที่จะพา ออกจากจินต์

    วิจิกิจฉา ความสงสัย ไม่อยู่ได้
    สีลัพพตปรามาสไซร้ ไม่ถวิล
    กามฉันทะ มิกลุ้ม รุมในจินต์
    พยาบาทสิ้น ละอนุสัย ไร้อวิชชา

    ---------------------------
    เมื่อจิตถูก ความสงสัย ครอบงำได้
    สีลัพพตฯ ยึดไว้ อย่างแน่นเหนียว
    กามฉันทะ พยาบาท อนาถเชียว
    ดุจดั่งเกลียว ผสานแน่น ติดแก่นใจ

    เข้าครอบงำ พาจิตถลำ ในโลกีย์
    ไม่ได้มี ที่พึ่ง ที่อาศัย
    ไม่รู้ เห็น อริยะชน ไม่พ้นภัย
    มิรู้ใน อุบายผละ ละบ่วงมาร

    จึ่งได้ชื่อ “โอรัมภาคิยสังโยชน์”
    ล้วนมีโทษ ไร้ประโยชน์ เกินไขขาน
    มันครอบงำ จิตใครไว้ ให้ร้าวราน
    กั้นมรรคผล นิพพาน ให้ห่างไกล


    คำกลอน by.หิ่งห้อยน้อย
     
  2. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [๕๒๗] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
    บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
    สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
    และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง
    ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
    บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด

    พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
    เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
    พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียรไม่เกียจคร้าน
    ทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ

    ------------------------------------------

    พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ให้พินิจ
    อย่าให้จิต คำนึงครวญ หวนโหยหา
    สิ่งที่ล่วง ไปแล้วผ่าน กาลเวลา
    อย่ากลับนำ ย้ำพา มาภิรมย์

    ไม่มุ่งหวัง ในสิ่งที่ มิมาถึง
    ไม่คำนึง อย่าไปคิด จิตขื่นขม
    พึงรู้ธรรม ให้แจ้งจิต ชิดอารมณ์
    ไม่คลอนแคลน จึ่งจะสม ดั่งจินตนา

    ให้แจ้งธรรม ในธรรม ต้องย้ำเพียร
    รีบเร่งเรียน เพียรเพ่ง เร่งศึกษา
    ในวันนี้ อย่าผัดผ่อน ย้อนกามา
    มารเสนา มิยอมให้ ใครหลุดมือ

    เพราะชรา มรณะ เข้าเยือนแล้ว
    จิตผ่องแผ้ว ที่ตั้งมั่น นั้นล่ะหรือ
    ไม่ไหวหวั่น พรั่นคร้าม ตามระบือ
    และนี่คือ ผู้มีราตรี ที่หนึ่งเจริญ


    คำกลอน by.หิ่งห้อยน้อย
    Link
     
  3. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    " ๖๐ พระพุทธดำรัส นำทางชีวิต "

    วันนี้วันพระ ขอนำพุทธภาษิตที่รวบรวมโดยคุณ : SpiritWithin_HolyStream
    มาลงให้อ่านกันครับ ดีมากๆเลย

    " ๖๐ พุทธภาษิตเกี่ยวกับชีวิต และความตาย"

    ๑. ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ สั้นนิดเดียว ลำบากยากเข็ญ มีทุกข์มาก แต่ก็ไม่มี เครื่องหมายให้รู้ว่า จะตายเมื่อใด
    ๒. สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว พยายามหาวิธีที่จะไม่ต้องตาย ก็ไม่สำเร็จ ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จนชราภาพก็ต้องตาย อยู่ดี เพราะธรรมดาของสัตว์โลกเป็นอย่างนี้
    ๓. สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว ก็มีภัยจากการที่ต้องตายเป็นนิตย์ เปรียบเหมือน ผลไม้สุกงอม แล้ว ก็มีภัย จากการที่ต้องร่วงหล่นไปในเวลาเช้า
    ๔. ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดาเปรียบเหมือนภาชนะดินทุกชนิด ที่ช่างหม้อปั้นแล้วในที่สุดก็ต้องแตกไป
    ๕. ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนโง่ ทั้งคนฉลาด ล้วนตกอยู่ในอำนาจของมฤตยู บ่ายหน้า ไปสู่ความตายทั้งนั้น
    ๖. เมื่อเหล่าสัตว์จะตาย ต้องไปปรโลกแน่นอนแล้ว บิดามารดาก็ไม่สามารถช่วย บุตรธิดาของตนไว้ได้ หรือหมู่ญาติก็ไม่สามารถจะช่วยพวกญาติของตนไว้ได้
    ๗. จงดูเถิด ทั้งๆ ที่มีหมู่ญาติมาเฝ้ารำพึงรำพันอยู่ โดยประการต่างๆ แต่ผู้จะตาย กลับถูกมฤตยูคร่าตัวเอาไปแต่เพียงผู้เดียว เหมือนโคที่เขาจะฆ่า ถูกนำไปแต่เพียงตัวเดียว
    ๘. สัตว์โลกตกอยู่ในอำนาจของความแก่และความตายอย่างนี้ เพราะเหตุนั้น นักปราชญ์ทั้งหลายทราบชัดถึงสภาพของสัตว์โลกแล้ว จึงไม่เศร้าโศกกัน
    ๙. ท่านหาได้รู้ทางของผู้มา (เกิด) หรือผู้ไป (สู่ปรโลก) ไม่ เมื่อไม่เห็นปลายสุดทั้งสองด้าน ถึงจะคร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์
    ๑๐. ถ้าผู้ที่ทำตนให้เดือดร้อนด้วยการหลงใหลคร่ำครวญ จะทำประโยชน์อะไร ให้เกิดขึ้นได้บ้าง นักปราชญ์ผู้รู้แจ้งก็คงจะทำอย่างนั้นตามไปแล้ว
    ๑๑. การร้องไห้ เศร้าโศก ไม่สามารถทำใจของผู้คนให้สงบได้ มีแต่จะเกิดทุกข์มากยิ่งขึ้น ทั้งร่างกายก็จะพลอยทรุดโทรม
    ๑๒. จะเบียดเบียนตนเอง มีร่างกายซูบผอม ผิวพรรณหมองคล้ำ การร่ำไห้คร่ำครวญ ไม่ได้ช่วยอะไรแก่คนที่ตายไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย
    ๑๓. คนที่สลัดความโศกไม่ได้ มัวทอดถอนใจถึงคนที่ตายไปแล้ว ตกอยู่ในอำนาจของ ความเศร้าโศก มีแต่จะทุกข์มากยิ่งขึ้น
    ๑๔. จงดูเถิด ถึงแม้คนอื่นก็กำลังจะตายไปตามยถากรรม สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ต่างตกอยู่ในอำนาจมฤตยู กำลังพากันดิ้นรนด้วยกันทั้งนั้น
    ๑๕. สัตว์ทั้งหลายตั้งความหวังอยากจะให้เป็นอย่างอื่น (คือไม่ตาย) แต่ก็ไม่สมหวัง ความพลัดพรากจากกันมีอยู่เป็นประจำ ท่านจงพิจารณาดูความจริงแท้ของสัตว์โลกเถิด
    ๑๖. แม้จะมีคนอยู่ได้ถึงร้อยปี หรือเกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องพลัดพรากจากหมู่ญาติ ทิ้งชีวิตไว้ในโลกนี้ อยู่ดี
    ๑๗. เพราะเหตุนั้น เมื่อได้สดับธรรมเทศนาของพระท่านแล้ว ก็พึงระงับ ความคร่ำครวญ ร่ำไห้เสีย ยามเมื่อเห็นคนล่วงลับดับชีวิตไป ก็ให้กำหนดรู้ว่า เขาตายไปแล้ว เราจะให้ เขาฟื้นคืนมาอีกไม่ได้
    ๑๘. ธีรชนผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด พึงกำจัดความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นเสียโดยฉับพลัน เหมือนเอาน้ำดับไฟ ที่กำลังไหม้ลุกลาม และเหมือนลมพัดปุยนุ่น
    ๑๙. ผู้แสวงสุขแก่ตน ควรระงับความเศร้าโศกคร่ำครวญร่ำไห้ ความโหยหา และ ความโทมนัส ควรถอนลูกศรคือความเศร้าโศกเสียให้ได้
    ๒๐. ผู้ถอนลูกศรนี้ได้แล้ว ก็จะมีอิสระ ได้ความสงบใจ ผ่านพ้นความเศร้าโศกทั้งปวง ไม่มีความเศร้าโศกมีแต่เยือกเย็นใจ
    ๒๑. ชีวิตนี้น้อยนัก มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี ถึงใครจะอยู่เกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องตายเพราะชราเป็นแน่แท้
    ๒๒. ชนทั้งหลายเศร้าโศก เพราะสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ทั้งๆ ที่สิ่งที่ยึดถือนั้น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย ผู้ที่มองเห็นว่า ความพลัดพรากจากกันจะต้องมีแน่นอนเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ควรอยู่ครองเรือน
    ๒๓. คนที่สำคัญหมายสิ่งใดว่า " นี้ของเรา" ก็จะต้องจากสิ่งนั้นไปเพราะความตาย พุทธมามกะผู้เป็นบัณฑิต ทราบความข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรเอนเอียงไปในทาง ที่จะยึดถือว่า เป็นของเรา
    ๒๔. คนที่รักใคร่กัน ตายจากไปแล้ว ก็จะไม่ได้พบเห็นกันอีก เหมือนคนตื่นขึ้น ไม่เห็นสิ่งที่พบในฝัน
    ๒๕. (ขณะมีชีวิตอยู่) คนที่มีชื่อเรียกขาน ก็ยังพอได้พบเห็นกันบ้าง ได้ยินเสียงกันบ้าง คนที่ตายไปแล้วก็เหลือแต่ชื่อเท่านั้น ที่จะพูดถึงกันอยู่
    ๒๖. ผู้ที่พึงพอใจในสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ย่อมสละความเศร้าโศก ความคร่ำครวญ และความหวงแหนไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ทั้งหลายเห็น ความปลอดโปร่ง จึงสละสิ่งที่เคยแหนหวงเที่ยวไปได้
    ๒๗. บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวถึงผู้ไม่แสดงตนในภพ (ผู้บรรลุแล้ว) ว่าเป็นบุคคลที่สอดคล้อง เหมาะสมกับภิกษุผู้บำเพ็ญความหลีกเร้นถอนจิต (ผู้ที่ยังไม่บรรลุ) ซึ่งอยู่ในเสนาสนะ ที่สงัด
    ๒๘. ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ไม่ติดอยู่ในสิ่งทั้งปวง ไม่ทำอะไรๆ ให้เป็นที่รัก ให้เป็นที่ชัง ความรำพึงรำพันและความหวงแหน จึงมิได้แปดเปื้อน เหมือนน้ำไม่แปดเปื้อนใบบัว
    ๒๙. หยาดน้ำไม่ติดบนใบบัว วารีไม่ติดบนดอกบัวฉันใด ผู้เข้าถึงธรรม(มุนี) ก็ไม่ติดในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน และอารมณ์ที่ทราบมาถึงใจ ฉันนั้น
    ๓๐. ผู้ห่างไกลจากกิเลส ผู้มีปัญญา ไม่ใส่ใจในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน และอารมณ์ที่รับทราบ ไม่ปรารถนาความบริสุทธิ์ด้วยวิธีการอื่น ทั้งไม่ยินดียินร้าย
    ๓๑. บุคคลใด ประพฤติชั่วร้าย ไม่มีความคิด ถึงจะมีชีวิตตั้งร้อยปี ชีวิตของเขา ก็หาประเสริฐไม่ ส่วนบุคคลใด มีศีล มีความคิด แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ก็เป็นชีวิต ที่ประเสริฐกว่า
    ๓๒. บุคคลใด เกียจคร้าน มีความเพียรทราม ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี ชีวิตของเขา ก็หาประเสริฐไม่ ส่วนบุคคลใด มุ่งหน้าทำความเพียรอย่างมั่นคง แม้มีชีวิตอยู่ เพียงวันเดียว ก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่า
    ๓๓. บุคคลพึงสละทรัพย์เมื่อจะรักษาอวัยวะ พึงยอมสละอวัยวะเมื่อจะรักษาชีวิต และยอมสละทุกอย่างทั้งอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต เมื่อคำนึงถึงธรรม
    ๓๔. อายุสังขารจะพลอยประมาทไปกับมนุษย์ทั้งหลาย ที่ยืน เดิน นั่งนอนอยู่ ก็หาไม่
    ๓๕. เพราะฉะนั้น ในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ คนเราควรทำกิจหน้าที่ของตน และไม่พึง ประมาท
    ๓๖. ดอกไม้ที่สุมกันอยู่เป็นกอง นายช่างที่ฉลาด สามารถนำมาร้อย เป็นพวงมาลัย มีคุณค่ามากได้ฉันใด ชีวิตคนเราที่เกิดมานี้ ก็ควรจะใช้ ประกอบกุศลกรรม ความดีให้มาก ฉันนั้น
    ๓๗. บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ในปรโลก
    ๓๘. ความตายเราก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจ เราจักทอดทิ้งกายนี้ อย่างมีสติ สัมปชัญญะ มีสติมั่น
    ๓๙. ความตายเราก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจ เรารอคอยเวลา เหมือนคนรับจ้าง ทำงานเสร็จแล้วรอรับค่าจ้าง
    ๔๐. วัยสิ้นไปตามคืนและวัน
    ๔๑. วันคืนล่วงไป ชีวิตของคนก็พร่องลงไป จากโอกาสที่จะได้สร้างประโยชน์
    ๔๒. วันคืนไม่ผ่านไปเปล่าๆ
    ๔๓. กาลเวลาล่วงไป วันคืนผ่านพ้นไป วัยก็หมดไปทีละตอนๆ ตามลำดับ
    ๔๔. รูปกายของสัตว์ย่อมร่วงโรยไป แต่ชื่อและโคตรไม่เสื่อมสลาย
    ๔๕. เมื่อจะตาย ทรัพย์แม้แต่น้อยก็ติดตามไปไม่ได้
    ๔๖. กาลเวลาย่อมกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย พร้อมกับตัวมันเอง
    ๔๗. ถ้าบุคคลจะเศร้าโศกถึงคนที่ไม่มีอยู่แก่ตนคือ คนที่ตายไปแล้ว ก็ควรจะเศร้าโศก ถึงตนเอง ซึ่งตกอยู่ในอำนาจของพญามัจจุราชตลอดเวลา
    ๔๘. วัยย่อมเสื่อมลงไปเรื่อย ทุกหลับตา ทุกลืมตา
    ๔๙. เมื่อวัยเสื่อมสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ควรเมตตาเอื้อเอ็นดูกัน ไม่ควรจะมัวเศร้าโศกถึงผู้ที่ตายไปแล้ว
    ๕๐. ผู้ที่เศร้าโศกถึงคนตาย ก็เหมือนเด็กร้องไห้ขอพระจันทร์ที่โคจรอยู่ในอวกาศ คนตายถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้ว่าญาติคร่ำครวญถึง เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศก เขาไปแล้วตามวิถีทางของเขา
    ๕๑. ตอนเช้า ยังเห็นกันอยู่มากคน พอตกเย็น บางคนก็ไม่เห็นกัน เมื่อเย็น ยังเห็นกันอยู่ มากคน ตกถึงเช้า บางคนก็ไม่เห็นกัน
    ๕๒. จะตายก็ไปคนเดียว จะเกิดก็มาคนเดียว ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย ก็เพียงแค่ มาพบปะเกี่ยวข้องกันเท่านั้นเอง
    ๕๓. วันคืนผ่านไป อายุก็เหลือน้อยเข้าทุกที
    ๕๔. แม่น้ำเต็มฝั่ง ไม่ไหลทวนขึ้นสู่ที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมไม่เวียนกลับมาสู่วัยเด็กได้อีก ฉันนั้น
    ๕๕. ผู้เข้าถึงธรรม ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดำรงอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นผิวพรรณจึงผ่องใส
    ๕๖. คืนวันผ่านไป ไม่มีอะไรให้เราเดือดร้อน ไม่เห็นมีอะไรที่เราสูญเสียในโลก ฉะนั้น เราจึงนอนสบายใจคิดแต่จะช่วยปวงสัตว์
    ๕๗. เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่าๆ จะน้อย หรือมาก ก็ให้ทำอะไรไว้บ้าง
    ๕๘. เร่งทำความเพียรเสียแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะตายหรือจะอยู่
    ๕๙. คนขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา เรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค
    ๖๐. จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่เดือดร้อน ถึงจะตายก็ไม่เศร้าโศก ถ้าเป็นปราชญ์ มองเห็นที่หมายแล้ว ถึงอยู่ท่ามกลางความเศร้าโศก ก็ไม่เศร้าโศก

    สาธุกับทุกๆท่านที่สนใจศึกษาและปฏิบัติธรรมครับ
     
  4. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ความเสื่อมที่เลวร้าย ความเจริญที่เป็นยอด

    " [COLOR=#0000e]ความเสื่อมจากญาติ[/COLOR] ยังนับว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมที่นับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ก็คือ ความเสื่อมจาก [COLOR=#0000e]ปัญญา[/COLOR]"
    " [COLOR=#0000e]ความเจริญด้วยญาติ[/COLOR] ยังนับว่าเป็นความเจริญเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญที่เรากล่าวว่าเป็นยอด คือความเจริญด้วย[COLOR=#0000e]ปัญญา.[/COLOR] เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้เจริญด้วย [COLOR=#0000e]ปัญญาวุฑฒิ[/COLOR](ความเจริญด้วยปัญญา) ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล"
    " [COLOR=#0000e]ความเสื่อมจากโภคทรัพย์[/COLOR] ยังนับว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมที่นับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ก็คือความเสื่อมจาก [COLOR=#0000e]ปัญญา[/COLOR]
    " [COLOR=#0000e]ความเจริญด้วยโภคทรัพย์[/COLOR] ยังนับว่าเป็นความเจริญเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญที่เรากล่าวว่าเป็นยอด คือความเจริญด้วย [COLOR=#0000e]ปัญญา.[/COLOR] เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้เจริญด้วย [COLOR=#0000e]ปัญญาวุฑฒิ[/COLOR](ความเจริญด้วยปัญญา) ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล"
    " [COLOR=#0000e]ความเสื่อมจากยศ[/COLOR] ยังนับว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมที่นับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความเสื่อมทั้งหลาย คือความเสื่อมจาก [COLOR=#0000e]ปัญญา[/COLOR]"
    " [COLOR=#0000e]ความเจริญด้วยยศ[/COLOR] ยังนับว่าเป็นความเจริญเพียงเล็กน้อยดอก ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญที่เรากล่าวว่าเป็นยอด คือความเจริญด้วย [COLOR=#0000e]ปัญญา[/COLOR] เพราะเหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้เจริญด้วย [COLOR=#0000e]ปัญญาวุฑฒิ[/COLOR](ความเจริญด้วยปัญญา) ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.
    เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๐/๑๗,๑๘

     
  5. MEA

    MEA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +660
    ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดงานบวชพระด้วยครับ โอนเงินผ่าน ATM ธ.กรุงไทยวันนี้
    18/6/2552 เวลา 08.45น. จำนวน 500 บาท ขอผลบุญนี้จงมีส่วนให้ข้าพเจ้าและบิดามารดา พร้อมทั้งผู้มีคุณทั้งหลายของเข้าพเจ้า และเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ ของข้าพเจ้า จงได้รับอานิสงค์นี้ พร้อมกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ.
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    เห็นว่าหลายท่านได้เริ่มสนใจบริจาคเข้ามาในโครงการนี้แล้ว หาก ใครสนใจที่จะไปร่วมงาน ผมได้แนบแผนที่วัดเนินตองมาให้ทราบตามนี้ครับ จะได้ไปช่วยอุ้มผ้าไตรแห่รอบโบสถ์กัน ผมรอบเดียวก็แย่แล้ว แต่คราวนี้มีถึง 4 ไตร ไปช่วยอุ้มผ้าไตรกันครับ บุญใหญ่นา....






    [​IMG]







     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  7. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ในเดือนนี้ทุนนิธิฯนอกจากบริจาคเงินจำนวน20000บาทเป็นเจ้าภาพอุปสมบทพระจำนวน 4 รูป ล่าสุดได้โอนเงินจำนวน 10000ช่วยค่ารักษาพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ได้มาทำการผ่าตัดลำไส้ที่โรงพยาบาลจุฬา พระท่านนี้คือ หลวงปู่เยี่ยม แห่งวัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา มาชมภาพหลวงปู่ และ ภาพเกศาหลวงปู่ที่มีพระธาตุ และ บิลรับเงินที่ลูกศิษย์หลวงปู่ได้นำเงินที่ทุนนิธิฯบริจาคไปจ่ายค่ารักษาหลวงปู่แล้วครับ

    โมทนาสาธุครับ แค่รักษาพระอาพาธก็เป็นบุญหนักแล้วแต่นี่พระระดับไหนก็พิจารณาดูครับว่าบุญที่ได้ไม่มีประมาณครับ

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    “ฟันนั้นแข็งที่สุดในร่างกาย ลิ้นนั้นอ่อนนุ่มที่สุดในร่างกาย
    ในที่สุดฟันไป...ลิ้นอยู่”

    หมายความว่า ความอ่อนนั้นชนะความแข็ง

    อ่อนไว้ดีกว่าแข็ง คือการอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนที่กิริยามารยาท

    แข็งนั้นคือ การมีจิตใจแข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่ยึดมั่นถือมั่น


     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    การให้...แค่เพียงคิดจะทำ..ใจก็ยังเป็นสุข..

    [​IMG]

    มือของผู้ให้..อยู่สูงกว่ามือของผู้รับ...
    ชื่อของผู้ให้...น่าจดจำกว่าชื่อของผู้ขอ..
    เกียรติของผู้ให้...กรุ่นหอมอยู่เหนือกาลสมัย..
    ยิ่งกว่าเกียรติศักดิ์ของนักรบและปวงวีรบุรุษ..

    การให้...
    แค่เพียงคิดจะทำ..ใจก็ยังเป็นสุข..
    ครั้นได้ให้แล้ว...จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน...
    เมื่อวันเวลาผ่านไป..
    หวนกลับไปรำลึกถึงดวงหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้รับ...
    ความปีติสุขก็ย้อนกลับมาทำให้หัวใจอิ่มเอม...

    การให้...
    จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนให้..
    ขณะที่ให้..
    และหลังจากได้ให้ไปแล้ว...

    การเสียสละ..แบ่งปัน...
    เป็นทั้งความ..สมาน..
    คือ...ความสามัคคีปรองดองระหว่างกันและกัน
    และเป็นกุศโลบายในการสร้างความ..เสมอ..
    คือ..ให้คนทุกคนมองเห็นกัวอกของคนอื่น..
    เมื่อมนุษย์รู้จักแบ่งปันแก่กันและกัน..
    อันมีพื้นฐานมาจากการมีอัชฌาศัยกว้างขวางเอื้ออารีเช่นนี้
    ศานติภาพท่ามกลางความแตกต่างก็จะเกิดมีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก...


    หากปราศจากรากฐานอันมั่นคงแข็งแกร่ง..
    ไหนเลยรูปรอยแห่งมหาวิหารอันโอฬาริก
    จะก่อกำเนิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้
    บุคคลผู้ยิ่งใหญ่หากสิ้นไร้ซึ่งผู้เสียสละ
    ที่อุทิศตนยืนหลบฉากอยู่เบื้องหลัง
    คอยส่งกำลังใจ..เสนอความคิด..
    อุทิศตนเป็นดังอิฐก้อนแรกให้ย่างเหยียบ..
    ไหนเลยจะเผยอตนขึ้นสู่หอคอยแห่งเกียรติยศได้อย่างทระนง...

    คนที่ไม่เคยเป็นผู้ให้...ย่อมยากที่จะได้รับ..
    “การให้”..มองอย่างธรรมดาดูเหมือนว่า..เป็นการสูญเสีย..
    แต่แท้ที่จริงแล้ว...
    ผู้ให้ คือ..ผู้ที่ได้รับต่างหาก..
    คนที่เป็นผู้ให้จึงมีเกียรติคุณเกริกกรรจายชั่วฟ้าดินสลาย
    ทั้งนี้นั่นเป็นเพราะ
    “...โลกคารวะผู้ให้...
    แต่บอดใบ้ต่อผู้กอบโกยและโกงกิน...”


    ที่มา : ธรรมะรับอรุณ....ท่าน ว.วชิรเมธี

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=21205


     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    หากต้องการภาพขนาดใหญ่ เพื่อทำ Wallpaper
    Download Wallpaper Link...

    (กดปุ่มเมาส์ด้านขวา เลือก Save Target As)
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <center>
    ใครอยากทำบุญกับหลวงปู่เยี่ยม พร้อมบูชาวัตถุมงคลจากท่าน เข้าไปทำบุญตามนี้น๊ะครับ ใครมือไว้ก็ได้เน้อ....เห็นมีจำนวนจำกัดด้วยล่ะ


    โครงการสร้างพระปางป่าเลไลย์ในลานปฏิบัติธรรม
    </center>
    รายละเอียด
    [​IMG]


    ความเป็นมา

    ในปัจจุบัน(ปื 2552) หลวงปู่เยี่ยม หรือที่วัดมักจะได้ยินคนแถวนั้นเรียกกันว่า “หลวงน้าศรีโรจน์” มีอายุ 88 พรรษาแล้ว ท่านเป็นพระที่เข้าถึงพระธรรมในระดับสูงที่หาได้ยากยิ่งองค์หนึ่ง มีคนมาขอขึ้นกรรมฐานกับท่านบ่อยครั้ง บางวันก็มีคนมาปักกลดที่ลานด้านข้างบริเวณทางเข้ากุฏิของหลวงปู่ โดยเฉพาะในวันพระ ซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงแต่ลานอิฐมอญ ยังไม่มีพระพุทธรูปใดๆเพื่อบูชาในการปฏิบัติกรรมฐาน
    พระปางปาลิเลไลย์เป็นนิมิตที่คุณแม่ชีได้จากการนั่งกรรมฐานและหลวงปู่ ท่านบอกว่าก็ควรสร้าง เนื่องจากบริเวณนั้น จะจัดทำเป็นลานสำหรับการปฏิบัติธรรม
    ในปัจจุบัน บริเวณที่จะสร้างพระได้มีการสร้างฐานพระไว้ก่อนแล้ว แต่ยังขาดปัจจัยในส่วนของการสร้างพระพุทธรูปและส่วนประกอบอื่นๆ ดังนั้น จึงน่าจะเป็นวาระของพวกเราผู้ศรัทธาที่จะร่วมกันสร้างพระให้ผู้ปฏิบัติได้ กราบไหว้อันเป็นอานิสงส์ที่สูง โดยเฉพาะเป็นการสร้างถวายหลวงปู่ที่เข้าถึงธรรมและสะสมบารมีในระดับที่สูง ยิ่ง


    บัญชีนี้เปิดเพื่องานบุญนี้โดยเฉพาะนะครับ

    ชื่อบัญชี นายอำนาจ คงไทย
    ธนาคารกรุงไทย บัญชีออมทรัพย์
    สาขาการไฟฟ้านครหลวงเพลินจิต
    เลขที่บัญชี 092-0-06756-5<script src="http://www.212cafe.com/freewebboard/Scripts/AC_RunActiveContent.js" type="text/javascript"></script>

    �š�ä����ٻ�Ҿ�� Google ����Ѻhttp://www.212cafe.com/freewebboard/user_board/praonline2/picture/00438_7.jpg
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ท่านนา นี่ความรู้จากปากท่านหลวงพ่อฤาษีฯ ท่านเชียว รับรองได้ไม่มั่ว..........
    <center> ความรู้เรื่อง "ศาลพระภูมิ" ตามที่มีผู้นำไปโพสต์ตามเว็บต่างๆ



    </center>
    www.ranthong.com/smf/index.php?topic=7225.0;wap2
    www.banfun.com/buddha/phume-angel1.html
    //g5.buildboard.com/viewtopic.php/955/2352/7562/0/ โพสต์โดย..Max Webmaster


    <dd>เรื่อง "ศาลพระภูมิ" นี้ เว็บส่วนใหญ่อ้างว่าคัดจากหนังสือ " สมบัติพ่อให้ " แต่ในหนังสือเล่มนี้ก็คัดมาจากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหา" เล่มที่ ๕ บ้าง แต่มีการคัดลอกไม่ละเอียด มีการคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบวงสรวง จึงขอนำเรื่องนี้มาจาก หนังสือตอบปัญหา เล่มที่ ๕ โดยตรง

    </dd><dd>พร้อมกันนี้ก็ได้สอบถามพระเจ้าหน้าที่พิธีการเรื่องนี้โดยเฉพาะ แล้ว เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการกระทำพิธี จะได้ไม่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงกันต่อไป คิดว่าน่าจะเป็นความรู้และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตของคนเรา หากตั้งศาลผิดทิศผิดทาง หรือทำพิธีกรรมไม่ถูกต้อง อาจจะสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปในที่สุด บางคนก็พลาดไปใช้พระภูมิ เพราะไม่รู้ว่าบางองค์ท่านก็เป็นอริยเจ้าอย่างนี้ เป็นต้น จึงควรน่าจะศึกษาหาความรู้ไว้ดีกว่า หากผิดพลาดไปก็จะเสียใจไปจนวันตาย... </dd>


    <hr>
    <dd>สารบัญ

    </dd>ปัญหาเรื่อง "ศาลพระภูมิ"
    ความเป็นมาของการตั้งศาลพระภูมิ
    การตั้งศาลพระภูมิ
    ตั้งศาลบนดาดฟ้า
    ตั้งศาลพระภูมิเอง
    วันเวลาที่เป็นมงคล
    ตั้งศาลไว้ในบ้าน
    เจ้าที่
    เทวดาต้องการ 4 เสา
    เจ้าที่เจ้าทาง
    ตั้งศาลพระภูมิไว้ในใจ
    ตั้งศาลพระภูมิสองหลัง
    เครื่องบรวงสรวงแบบย่อ
    เครื่องบรวงสรวงสำหรับตั้งศาลพระภูมิ และศาลอากาศเทวดา
    ผู้ที่บนแล้วจำไม่ได้
    แก้บนท้าวมหาราช
    การบนหลวงพ่อ ๕ พระองค์ที่วัดท่าซุง
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มีพระดีให้กราบไหว้แล้ว คราวนี้มาดูภาพของดีของหลวงพ่อฤาษีฯ กัน สำหรับหลวงพ่อฤาษีฯ หากท่านที่สัมผัสท่านได้ก็จะรู้ได้ทันทีว่าท่านสำเร็จอรหัตผลอันประกอบด้วย "ฤทธิ์เต็มภูมิ" นั่นเอง พร้อมทั้งท่านมีความเกี่ยวเนื่องกันกับ "สมเด็จองค์ปฐม" ด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยในฤทธิ์เดชของพระพิมพ์ที่ท่านทำไว้โดยขอบารมี "สมเด็จองค์ปฐม" มาช่วยทำให้ ผมจึงนำลิงค์มาลงไว้ เพราะเจ้าของไม่อนุญาตเอารูปมาลงไว้ แต่ในลิงค์ที่ทำไว้ดูได้จุใจทีเดียวครับลองดูหัวข้อก่อนก็แล้วกัน แต่รับรองว่าทั้งรูปภาพและประวัติที่นำมาลง ดีมากๆ ครับ

    ลิงค์ครับ ��ѵԾ����� �ͧ�Ѵ��ҫا - �ǹ��ѧ�ͷ���


    เป็นการรวบรวมพระที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านทำไว้
    มีรูปพระและประวัติบางรุ่นครับ
    สำหรับคนที่ศรัทธาหลวงพ่อฤาษีตามไปอ่านกันได้ครับ


    ตอนที่1

    ตอนที่2

    ตอนที่3

    ตอนที่4

    ตอนที่5

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอผ่อนคลายหน่อย "ครั้งแรกของใครบางคน"

    ประสบการณ์ “ครั้งแรก” เคยมีไหมคะ<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->

    [​IMG]
    <!--coloro:#800080--><!--/coloro-->ครั้งแรกที่อ่านหนังสือ XXX

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

    [​IMG]
    แอบดูอารายจ๊ะ

    [​IMG]
    มีจูบแรก

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่บึ่งด้วยความเมามัน

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เป็นนายแบบ

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ อยากเป็นไอ้แมงมุม

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ดื่มมากไปหน่อย .. เอิ้ก ก

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ควงสาว

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เข้าแมคโดนัล<!--colorc--><!--/colorc-->


    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เจออันธพาลหญิง

    [​IMG]
    ครั้งแรกกับ Body Paint

    [​IMG]
    ครั้งแรกกับพริตตี้

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่กินข้าวเอง

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ลงอ่าง

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่กินเนื้อสัตว์

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ใช้ผ้าอนามัย(แบบแปะติด – แม่กลับมาละก็ตัวใครตัวมัน)

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เศร้า สุด ๆ แง ๆ ๆ ๆ ๆ

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เลียนแบบรุ่นพี่

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ใช้หูฟัง ????

    [​IMG]
    ครั้งแรกกับเครื่องซักผ้า? ????

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ล้มแล้วมีผู้ช่วยเหลือมากมาย

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ร่วมโต๊ะกับเจ้าตูบ

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่กราบขอพร

    [​IMG]
    ครั้งแรก ที่เขินกับการถูกจูบจากสาวๆ

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ช่วยงานบ้าน

    [​IMG]
    ครั้งแรก หัวเราะอย่างอั้นไม่อยู่

    [​IMG]
    ครั้งแรกถูกยิงแสกหน้า

    [​IMG]
    ครั้งแรก ทำงานหนักเกินกำลัง

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่รู้ว่าผู้ชายไว้ใจไม่ได้


    [​IMG]
    <!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->ครั้งแรกที่รู้ว่าถูกละเมิดลิขสิทธิ์

    [​IMG]
    ครั้งแรกกับสัมผัสที่ใกล้ชิด

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่นั่งสมาธิ

    [​IMG]
    ครั้งแรกก็ได้รับการสมยอม

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เป็นห่วงความสุขส่วนตัว

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ผมกับแม่ขัดแย้งกัน

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่เป็นนายแบบโฆษณา

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ถูกแอบถ่าย

    [​IMG]
    ครั้งแรกที่ถ่ายรูปในสตูดิโอ .... ปรอยเชียว

    [​IMG]
    ครั้งแรกเปลือยไหล๋ เปลือยก้น กลางชุมชน


    (นำมาจากสวนขลัง)
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันอาทิตย์หน้า (28/6) เป็นวันที่จะทำกิจกรรมประจำเดือนมิถุนายน 2552 แล้ว บัญชีทุนนิธิฯ ในเดือนนี้ถูกถอนออกมาทำบุญ 3 ประเภทคือ
    1. ทำบุญให้กับ รพ.ที่มีหน่วยสงเคราะห์สงฆ์อาพาธทั่วภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง และ รพ.สงฆ์ที่ กทม.อีก 1 แห่ง เป็นเงินโดยประมาณ 55,000.-
    2. เป็นเจ้าภาพงานบวชให้กับบุคคลที่มีศรัทธาอยากบวชให้ครบ 1 พรรษา แต่ขัีดสนในทุนทรัพย์ ที่วัดเนินตอง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จำนวน 4 คน เป็นเงิน 20,000.-บาท
    3. ทำบุญรักษาอาการผ่าตัดหลวงปู่เยี่ยมแห่งวัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยา ผู้ซึ่งบรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว ขณะนี้นอนรักษาตัวในห้อง ICU ตึก สิรินธร รพ.จุฬาฯ จำนวน 10,000.-

    รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นโดยประมาณ 85,000.- สมกับเป็นการฉลองการก่อตั้งของทุนนิธิฯ ในวาระครบ 1 ปี 6 เดือน จริงๆ เพราะได้ทำบุญทั้งบวชพระในเดือนเดียวกันทั้งหมด นับว่าหาได้ยากยิ่งจริงๆ เพราะพระดีที่เป็นอริยสงฆ์ป่วยที่เรารู้โดยบังเอิญ ในเดือนครบรอบพอดี บุคคลที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาตั้งใจที่จะบวชให้ครบพรรษา ในเดือนที่ครบรอบพอดี นับว่าอัศจรรย์โดยแท้...


    สำหรับกิจกรรมประจำเดือน คงต้องรพสรุปกันอีกทีในวันอาทิตย์นี้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ มีพระพิมพ์ "สมเด็จองค์ปฐม" พิมพ์เล็ก วัดโขงขาว ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ขอบารมีเสกถึง 3 ปี มาให้บูชาเพียง 8 องค์ในราคา หลักร้อย โดยปัจจัยที่ได้สำหรับพระพิมพ์ "สมเด็จองค์ปฐม" วัดโขงขาวนี้ จะได้นำไปบริจาคสร้างพระปางปาลิไลย์ของหลวงปู่เยี่ยม ที่ยังค้างอยู่ ให้สำเร็จ เพื่อเป็นการต่อบุญกันขึ้นไปอีก โดยจะให้บูชาสำหรับผู้ที่ไปร่วมงานเท่านั้น ใครอยากได้ก็ไปกัน และหากมีข่าวอย่างอื่นเพิ่มเติม จะได้มาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ

    สำหรับงานบวชพรุ่งนี้ ใครมีเวลาอย่าลืมครับ 7 โมงเช้า เจอกันที่วัด ไปร่วมถือผ้าไตร วนรอบโบสถ์กัน ไปโมทนากับนาคของทุนนิธิฯ กัน บุญหลายเน้อ...

    พันวฤทธิ์
    20/6/52



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <table bgcolor="#ffffcc" width="100%"><tbody><tr><td align="center">[​IMG] </td> </tr> <tr> <td colspan="2" align="center"> [​IMG]

    </td> </tr> </tbody></table>
    [​IMG]
    ชีวิตขั้นที่สอง รองจากเกิดก็คือ การบวช ผู้ชายทุกคนเมื่ออายุครบแล้วจะต้องบวช การบวชถือว่าเป็นการอบรมบ่มนิสัยให้ดีมีศีลธรรม และเป็นการตอบแทนบุญคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นการบวชจึงถือว่า เป็นประเพณีที่จำเป็นสำหรับลูกผู้ชายทุกคน [​IMG]การบวช
    [​IMG]
    <table> <tbody><tr> <td> [​IMG] </td> <td> คำว่า บวช มาจากศัพท์ว่า ปะวะชะ แปลว่า งดเว้น ได้แก่ งดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น คือ เว้นจากกิจบ้านการเรือนมาบำเพ็ญเพียรทำกิจพระศาสนา มีสวดมนต์ ภาวนา เป็นต้น การบวชนั้น ถ้าเป็น สามเณร เรียก บรรพชา ถ้าเป็น พระภิกษุ เรียก อุปสมบท มี 3 อย่าง คือ
    • พระพุทธเจ้าบวชให้ด้วยเปล่งวาจาว่า มาเถิดพระภิกษุ ธรรมเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อพ้นทุกข์โดยชอบเถิด เรียก เอหิภิกขุอุปสัมปทา
    • พระสาวกบวชให้ ด้วยเปล่งวาจาว่า พุทธัง สรณังคัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เรียก ติสรณคมนูปสัมปทา
    • พระสงฆ์ 5 รูป รวมทั้งพระอุปัชฌาย์บวชให้ด้วยการสวดญัตติ 1 ครั้ง อนุสาวนา 3 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้ง เรียก ญัตติจตุตถกรรมวาจา การบวชข้อที่ 3 นี้ เป็นการบวชที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
    </td> </tr> </tbody></table> [​IMG]มูลเหตุแห่งการบวช
    [​IMG]
    <table> <tbody><tr> <td> [​IMG] </td> <td> ในสมัยโบราณ คนที่ออกบวชย่อมบวชเพราะชรา เจ็บป่วย จนทรัพย์ สิ้นญาติขาดมิตร สำหรับพระพุทธเจ้าพระองค์ปรารภความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงออกบวช ส่วนคนทุกวันนี้บวชตามประเพณี เมื่ออายุครบ ก็บวช บวชเป็นการแก้บนบ้าง บวชตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่บ้าง </td> </tr> </tbody></table>
    <table bgcolor="#ffff99" border="1" cellpadding="5" cellspacing="5" width="90%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#66ffcc" width="50%"> คนที่ควรบวชให้คือ </td> <td align="center" bgcolor="#ccffff" width="50%"> คนที่ไม่ควรให้บวช คือ </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#66ffcc" valign="top">
    • คนมีอายุครบ 1
    • มีอาชีพชอบและมีหลักฐานดี 1
    • มีความประพฤติดี ไม่ติดฝิ่น กัญชาและสุรา เป็นต้น 1
    • มีความรู้อ่านออกเขียนได้ 1
    • ปราศจากบรรพชาโทษ และมีรูปร่างสมบูรณ์ ไม่ชรา ทุพพลภาพ หรือพิกลพิการ 1
    </td> <td bgcolor="#ccffff" valign="top">
    • คนมีอายุไม่ครบ 1
    • คนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน 1
    • คนหลบหนีราชการ 1
    • คนมีคดีค้างในศาล 1
    • คนถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ 1
    • คนถูกห้ามอุปสมบทโดยเด็ดขาด 1
    • คนมีโรคติดต่อ 1
    • คนมีอวัยวะพิการ ไร้ความสามารถจนไม่อาจปฏิบัติศาสนกิจได้สะดวก 1
    คนที่มีลักษณะดังกล่าวมานี้ไม่ควรให้บวช
    </td> </tr> </tbody></table>
    <table> <tbody><tr> <td align="center"> [​IMG] </td> <td> [​IMG]"นาค" คือ อะไร?
    [​IMG]
    คำว่า นาค คนที่จะบวชเขาเรียกว่า นาค แปลว่า ผู้ประเสริฐ หรือ ผู้ไม่ทำบาป เหตุที่ได้ชื่อว่า นาค เรื่องเดิมมีอยู่ว่า พญานาคแปลงตัวเป็นมนุษย์มาบวช ในพระพุทธศาสนาเวลานอนหลับกลับเพศเป็นนาคตามเดิม วันหนึ่งพวกภิกษุไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสเรียกเธอมาถาม ได้ความว่าเป็นเรื่องจริง จึงสั่งให้สึกเสียพญานาคมีความอาลัยในเพศบวช จึงกราบทูลขอฝากชื่อนาคไว้ ถ้าผู้ใดจะเข้ามาบวชขอให้ เรียกชื่อว่า นาค คำว่านาค จึงเป็นชื่อเรียกผู้ที่จะบวชจนถึงทุกวันนี้ </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td> [​IMG] </td> <td valign="top"> [​IMG]การประเคนนาค
    [​IMG]
    เมื่อบุตรหลานมีอายุครบพอที่จะบวชเป็นพระหรือเณรได้แล้ว พ่อแม่จะนำไปฝากไว้กับเจ้าวัดก่อนบวช ประมาณหนึ่งเดือน เพื่อให้ศึกษาเล่าเรียน ทำวัตรสวดมนต์ ท่องบ่นขานนาค ทำพินธุ ปัจจุอธิษฐาน เรียนหนังสือธรรม การนำลูกหลานไปฝากไว้กับเจ้าวัด เขาจัดดอกไม้ ธูปเทียนใส่ขันนำตัวนาคไป เมื่อท่านรับขันแล้วก็ตีโปง หรือ ระฆัง ให้ชาวบ้านได้อนุโมทนาสาธุการนี้ เรียกว่า การประเคนนาค </td> </tr> </tbody></table> ​
    <table> <tbody><tr> <td> [​IMG] </td> <td> [​IMG]การปล่อยนาค
    [​IMG]
    อีก 2-3 วัน จะถึงวันบวชนาคจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปลาญาติพี่น้อง เพื่อสมมาลาโทษผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือ และไปสั่งลาชู้สาว ถ้ามี หากมีหนี้สินติดตัวก็รีบชำระชดใช้เสีย เพื่อจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ การปล่อยนาคให้ไปไหนมาไหนก็ได้มีกำหนด 3 วัน เรียกว่า ปล่อยนาค ทั้งนี้เพื่อให้นาคได้มีโอกาสเวลาบวชแล้วจะได้ตั้งหน้าบำเพ็ญกุศลต่อไป </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td> [​IMG] </td> <td> [​IMG]กองบวช
    [​IMG]
    เครื่องใช้ที่จะนำมาบวชเรียกกองบวช ที่จำเป็นจะขาดเสียไม่ได้คือ บริขาร 8 มีผ้านุ่ง ผ้าห่ม ผ้าสังฆาฏิ บาตร มีดโกน เข็ม ประคตเอว ผ้ากรองน้ำ บริขารนอกนี้ มีเสื่อ สาด อาสนะ ร่ม รองเท้า เต้า โถน เตียง ตั่ง จะมีหรือไม่มีก็ได้ไม่จำเป็น ถ้าทำพร้อมกันหลายกองให้ขนมารวมกันไว้ที่วัด ตอนค่ำสวดมนต์ เสร็จแล้วบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลแด่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว กลางคืน มีมหรสพ ตอนเช้าถวายอาหารบิณฑบาต ถ้าทำบ้านใครบ้านมัน ตอนค่ำนิมนต์พระไปสวดมนต์ที่บ้าน กองบวชใช้เม็ง คือ เตียงหามออกมา เตียงนั้นใช้เป็นเตียงนอนของพระบวชใหม่ เมื่อกองบวชมารวมกันแล้ว ก่อนจะสู่ขวัญนาค </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td> [​IMG] </td> <td> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td colspan="2" align="center"> [​IMG]สู่ขวัญนาค ต้องบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ตายแล้วด้วย </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td align="right"> [​IMG] </td> <td valign="bottom"> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td colspan="2"> [​IMG]การแห่นาค
    [​IMG]
    การแห่นาคทำตามศรัทธาของเจ้าภาพจะแห่ด้วยช้าง ม้า รถ เรือก็ได้ ที่แห่ด้วยม้าคงจะถือเอาอย่างพระสิทธัตถะคราวออกบวช เป็นตัวอย่าง นาคทุกคนต้อง โกนผม โกนคิ้ว นุ่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ถ้าตั้งกองบวชไว้ที่บ้าน ให้แห่กองบวชมารวมกันที่วัดเมื่อพร้อมกันแล้วก็แห่รอบศาลาอีกครั้งหนึ่ง การสู่ขวัญนาค เมื่อแห่รอบศาลาแล้วนาคทุกคนเตรียมเข้าพาขวัญ ญาติพี่น้องนั่งห้อมล้อมพาขวัญพราหมณ์เริ่มทำพิธีสู่ขวัญ เสร็จแล้วผูกแขนนาคนำเข้าพิธีบวชต่อไป </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td align="right"> [​IMG] </td> <td> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table>
    <table> <tbody><tr> <td colspan="2"> [​IMG]การบวชนาค
    [​IMG]
    เวลาจะเข้าโบสถ์ พ่อจูงมือซ้าย แม่จูงมือขวา ถ้าพ่อแม่ไม่มีให้ญาติพี่น้องเป็นผู้จูงถึงภายในโบสถ์แล้วนาคจะนำดอกไม้ธูป เทียนไปบูชาพระ เสร็จกลับมานั่งที่ พ่อแม่จะยกผ้าไตรส่งให้นาค ก่อนจะรับผ้าไตรนาคต้องกราบพ่อแม่ก่อน แล้วอุ้มผ้าไตรเดินคุกเข่าประนมมือเข้าไปท่ามกลางสงฆ์ </td> </tr> <tr> <td align="right"> [​IMG] </td> <td> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td colspan="2"> กล่าวคำขอบรรพชาต่อ พระอุปัชฌาชย์ แล้วออกมาครองผ้า แล้วเข้าไปขอศีลกับพระอาจารย์เป็นอันได้บวชเป็นสามเณรแล้ว ต่อจากนั้นอุ้มบาตรเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์กล่าวคำขอนิสัย เมื่อท่านเอาบาตรคล้องคอแล้วมอบบาตรจีวรให้ ให้ออกไปยืนข้างนอก ตอนนี้พระอาจารย์คู่สวดจะสมมุติตนเป็นผู้สอนและซักซ้อมนาคแล้วออกไปซักถาม นาค พอถามแล้วก็เรียกนาคเข้ามาถามต่อหน้าสงฆ์ พระอุปัชฌาย์ทำหน้าที่บอกเล่าสงฆ์ แล้วอาจารย์สวดเป็นผู้ถามพอถามเสร็จก็สวดญัติ 1 ครั้ง และอนุสาวนา 3 ครั้ง เรียก ญัตติจตุตถกรรมวาจา เป็นอันว่านาคนั้นได้บวชเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว
    </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td align="right"> [​IMG] </td> <td> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td colspan="2"> [​IMG]การบอกอนุศาสน์
    [​IMG]
    เมื่อบวชแล้ว พระอุปัชฌาย์จะบอกอนุศาสน์ คือ บอกกิจที่พระควรทำและไม่ควรทำ </td> </tr> <tr> <td align="right"> [​IMG] </td> <td> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> <table border="1" width="80%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffcc" width="50%"> กิจที่ควรทำมี 4 คือ </td> <td align="center" bgcolor="#ccff66" width="50%"> กิจที่ไม่ควรทำมี 4 คือ </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffcc">
    1. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล 1
    2. เที่ยวบิณฑบาต 1
    3. อยู่โคนไม้ 1
    4. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตร 1
    </td> <td bgcolor="#ccff66">
    1. เสพเมถุน 1
    2. ลักของเขา 1
    3. ฆ่าสัตว์ 1
    4. พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน 1
    </td> </tr> </tbody></table> <table> <tbody><tr> <td colspan="2"> [​IMG]การกรวดน้ำ
    [​IMG]
    พอพระอุปัชฌาย์บอกอนุศาสน์จบแล้วถือว่าเสร็จการบรรพชาอุปสมบทแล้ว ต่อจากนั้นพระใหม่จะนำจตุปัจจัยไปถวายพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และพระสงฆ์ เสร็จแล้วออกไปนั่งท้ายอาสนะ คอยรับอัฏฐะบริขาร ถ้าผู้ชายถวายให้รับด้วยมือ ถ้าผู้หญิงถวายให้ใช้ผ้ากราบรับเสร็จแล้วเข้ามานั่งที่เดิม เตรียมกรวดน้ำไว้ เมื่อพระอุปัชฌาย์ว่า "ยถา..... " พระใหม่เริ่มกรวดน้ำพอท่านว่าถึง "............ มณีโชติรโส ยถา........ " ให้กรวดน้ำให้หมด การกรวดน้ำในพิธีนี้ถือว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศลแด่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วเป็น อันเสร็จพิธีเกี่ยวกับบวชแต่เท่านี้ เมื่อครบ 3 วันแล้ว จะมีการฉลองพระบวชใหม่ การฉลองก็คือจัดอาหารคาวหวาน มาเลี้ยงพระ และสู่ขวัญให้พระบวชใหม่ </td> </tr> </tbody></table> <table><tbody><tr> <td valign="top"> [​IMG] </td> <td> [​IMG]การลาสิกขา
    [​IMG]
    ผู้บวชในสมัยโบราณเป็นผู้เบื่อต่อโลก จึงไม่มีการลาสิกขา ครั้นต่อมาการบวชได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นประเพณีแล้ว ผู้บวชไม่ประสงค์จะอยู่ก็ต้องลาสิกขา การลาสิกขาก็ต้องทำเป็นกิจลักษณะพิธีทำมีดังนี้
    ผู้ประสงค์จะลาสิกขาเตรียมดอกไม้ ธูปเทียนไปทำวัตร พระอุปัชฌาย์อาจารย์เมื่อถึงวันกำหนดแล้วให้จัดสถานที่ นิมนต์พระสงฆ์มาพร้อมกันแล้ว พระภิกษุผู้จะลาสิกขาต้องแสดงอาบัติเสียก่อนแล้วว่า "นโม 3 จบ" ว่าอดีต "ปัจจเวกขณะ 1 จบ" </td> </tr> <tr> <td colspan="2"> คำลาสิกขาว่า " สิกขัง ปัจจักขามิ คีหิติ มัง ธาเรถะ ข้าพเจ้าขอลาสิกขา ขอท่านทั้งหลายจงจดจำข้าพเจ้าไว้ว่า เป็นคฤหัสถ์ ณ บัดนี้" ว่า 3 จบ แล้วพระเถระจะชักผ้าสังฆาฏิออก จึงออกไปเปลื้องผ้าเหลือง ออกแล้วจึงนุ่งห่มผ้าขาวเข้ามากล่าว คำขอสรณคมณ์และศีล 5 แล้วกล่าวคำ ปฏิญาณตนเป็นพุทธมามะกะว่า "อหัง พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สรณังคโต สาธุ ภันเต ภิกขุสังโฆ พุทธมามโกติ มัง ธาเรถะ" พระสงฆ์นั่งอันดับรับสาธุพร้อมกัน แล้วผู้ลาสิกขากราบ 3 หน เสร็จแล้วผู้ลาสิกขานำเครื่องสักการะไปถวาย พระสงฆ์อนุโมทนาเป็นเสร็จพิธี ส่วนการลาสิกขาของสามเณร ไม่มีคงอนุโลมตามอย่างพระภิกษุ</td></tr></tbody></table>
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    กำหนดการบวชพระที่ทุนนิธิฯ เป็นเจ้าภาพ 4 องค์

    [​IMG]

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบทหมู่ รุ่นที่ ๑๐

    วัดเนินตอง
    ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
    ๒๐ - ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๒
    **************
    กำหนดการ
    วันเสาร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๒
    ๑๕.๐๐ น. ปลงผมนาค
    ๑๘.๐๐ น. เทศน์สอนนาค
    วันอาทิตย์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๒
    ๐๗.๐๐ น. นำนาคเข้าอุโบสถ
    ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแต่พระสงฆ์ (ฉลองพระ)

    เงินกองกลางในบัญชีของทุนนิธิฯ เป็นเงินที่ทุกคนร่วมกันบริจาคมาเพื่อร่วมบุญ ด้วยจิตใจ และศรัทธาที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าบุญกุศลใดๆ ที่ใช้เงินจากกองกลางในบัญชีของทุนนิธิฯ นี้ ไปดำเนินการ ผลบุญเหล่านั้นได้สำเร็จแล้วด้วยการกระทำ ดังนั้น ทุกคนย่อมได้ผลบุญเหล่านั้นเสมอกัน ตามเหตุและปัจจัยอันตรงแล้วตามบุญกิริยาวัตถุ 10 ทุกประการ

    อานิสงส์การเป็นเจ้าภาพงานบวช พระ หรือ สามเณร

    1. ย่อมได้เกิดเป็นมนุษย์ มีชาติตระกูลสูง
    2. ย่อมได้เกิดในสถานที่รุ่งเรืองด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
    3. ย่อมเป็นผู้มีศรัทธามั่นคง เป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล
    4. ย่อมเป็นผู้ทรงจำดี มีปฏิภาณว่องไว มีปัญญาดี
    5. ย่อมมีอาชีพและกิจการเป็นหลักฐานมั่นคงตลอดไป
    6. ย่อมเป็นผู้มีเสน่ห์ เป็นที่รักนับถือของมนุษย์และเทวดา
    7. ย่อมปลอดภัยจากศัตรูหมู่พาลทั้งหลาย
    8. ย่อมเป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง สมส่วน สง่างาม
    9. ย่อมมีอิสระเสรี มีอำนาจมาก
    10. เมื่อยังไม่หมดกิเลส เมื่อตายไปย่อมไปเกิดในสวรรค์เป็นเทวดาหรือหรหม ดังนี้

    - ให้ทาสบรรพาชาเป็นสามเณรได้ผลานิสงส์ 4 กัปป์ อุปสมบทเป็นภิกษุได้ผลานิสงส์ 8 กัปป์
    - ให้บุตรบรรพชาเป็นสามเณรได้ผลานิสงส์ 8 กัปป์ อุปสมบทเป็นภิกษุได้ผลานิสงส์ 16 กัปป์
    - ให้ภรรยาบรรพชาเป็นสามเณรี หรือให้สามีบรรพชาเป็นสามเณรได้ผลานิสงส์ 16 กัปป์ อุปสมบทเป็นภิกษุณี หรือ ภิกษุได้ผลานิสงส์ 32 กัปป์บางท่านว่าไว้ดังนี้ : -

    "สำหรับ บิดา- มารดา (ให้ลูกบวชเป็นพระ) จะได้อานิสงส์คนละ 30 กัปป์ สำหรับคนที่ไม่ใช่ พ่อ แม่
    เป็นเจ้าภาพ บวชให้จะได้อานิสงส์คนละ 12 กัปป์ต่อ 1 รูป สำหรับท่านที่ช่วยเขาคนละ บาท สองบาท
    หรือช่วยด้วยกำลัง แรงอย่างนี้ มีอานิสงส์รูปละ 8 กัปป์ "

    11. ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผล นิพพาน ได้ง่าย


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  18. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    พระปฐมเจดีย์ ในอดีต

    [​IMG]

    ตามภาพเป็นภาพถ่ายก่อน พ.ศ. 2413 เนื่องจากมีการยกยอดฉัตรและนพศูล หลังจากปีนี้ ตามภาพ เห็นว่าองค์พระเจดีย์ถูกปักล้อมด้วยต้นซุงขนาดใหญ่ และถมก่ออิฐไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นเทคนิคการก่อสร้างในสมัยโบราณ
    พระเจดีย์แห่งนี้ก่อสร้างเป็นครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกสร้างได้แค่ฐานบัวก็เกิดฐานร้าว จึงต้องสร้างใหม่และสำเร็จ​

    ขอขอบคุณ
    Link
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  19. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    โอนเงินร่วมบุญ 1,500.00 บาทแล้วค่ะ (สมทบทุนนิธิฯ 1,000.00 บาท ปัจจัยช่วยงานบวช 500.00 บาทค่ะ)

    โมทนาสาธุค่ะ


    .
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขออนุโมทนาและสาธุในบุญกุศลที่เกิดขึ้นทั้งปวงแด่ทั้ง 3 ท่านด้วยครับ

    [​IMG]





     

แชร์หน้านี้

Loading...