ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081

    ขออนุโมทนากับอาจารย์หนุ่ย(แฟรงค์)
    ที่ได้เข้ามารับรู้ ร่ำเรียน วิชาตัวเบาเขากะลา
    จนสามารถแยกแยะให้เห็น สุข ทุกข์ ได้อย่างชัดเจน และไม่ติดทั้งสุขและทุกข์ เพราะมันไม่มีตัวตนจะให้ติด
    bubube happy1
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    Update ผังต้นไม้ใหญ่

    ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำเรื่องต้นไม้มาให้นะครับ
    เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากครับ
    บ่ายนี้จะนำแบบชุดนี้ไปให้ทางร้านจัดสวนดำเนินงานต่อไป

    <<<<<...และขอบคุณทุกท่านท่านช่วยจัดหาจัดซื้อนะครับ...>>>>>>

    "ลีลาวดี" น้องไอย ปลูกไว้ (ในใจ) ตรงทางเดินเข้าอาคาร 1 ต้นครับ
    -คุณ Sutassee ต้นหูกระจง 2 ต้น
    -คุณก้านแก้วเก้า แจ้งว่ามีต้น"หูกระจง"ปลูกใส่กระถางไว้อยู่ที่บ้าน
    ด้วยความยินดีครับ หากมีใครพอจะสะดวกจะผ่านไปรับต้นไม้ก็ได้นะครับ
    -ขอบคุณสำหรับ"ต้นมะพร้าว"เพื่อนพี่วรรณอีกจำนวนหนึ่งครับ


    ส่วนไม้ขนาดกลางและเล็กจะปลูกหลังจากโครงสร้างอาคารเสร็จนะครับ
    พวกมะยม มะละกอ กล้วย ส้มและพืชผักต่างๆ จะเอาไปปลูกด้านในหลังโรงทานได้ครับ
    รายละเอียดตามแบบนี้ Update นี้ครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่าการจะแยกทุกข์หรือสุขออกได้ต้องอาศัย สติ กำกับตลอดเวลา
     
  4. pkanlaya

    pkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +597
  5. sitprogpo

    sitprogpo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +357
    [​IMG]
    เจ้าแห่งความเร็ว
    เห็นสีของประคำนี้แล้วทำให้ผมบังเอิญนึกถึง"เจ้าแห่งความเร็วครับ"
    แต่เป็นเจ้าแห่งความเร็วของจานบินนะครับ hello8

    เพราะจานบินจะบินไม่เหมือนเครื่องบินบนโลก โดยจะเปลี่ยนสีไปตามความเร็วด้วย เช่น บินปกติจะเป็นสีขาว ถ้าเร่งความเร็วจะเป็นสีแดง เร็วสุด ๆ เป็นสีน้ำเงิน
    และสุดท้ายคือสีเขียวอันเป็นระดับสูงสุด ผมเดาว่าเป็นความเร็ว ที่่ เร็วมาก ๆ จนอธิบายไม่ถูกเพราะไร้ขีดจำกัดเกินกว่าจินตนาการของคนธรรมดาที่จะคิดถึงได้

    แต่จะมีสีอื่นที่เร็วกว่านี้หรือเปล่าผมไม่รู้ อาจเพราะเร็วเกินกว่าตาของคนหรือกล้องถ่ายรูปหรืออุปกรณ์บันทึกภาพใด ๆ ในโลก (ที่ไม่ค่อยทันสมัย สำหรับจักรวาล) จะจับภาพได้ เหมือนเอากล้องแบบอัตโนมัติรุ่นเก่า ๆ ไปจับภาพรถแข่งที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง อะไรแบบนั้น นอกจากนี้คนถ่ายต้องมีความชำนาญในระดับสูง และมีสัญชาติญาณ ไว ถ่ายได้อย่างรวดเร็วแม้เพียงเสี้ยวของเสี้ยว(หลายรอบ) วินาที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มิถุนายน 2009
  6. ukrin

    ukrin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +1,463
    สร้อยประคำคละสีคุณพีทชื่อล็อบเตอร์(กุ้งมังกร)ครับ.
    hello8
     
  7. Blog 17

    Blog 17 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +26
    ทุกครั้งที่่ออกไปทําปฏิบัติการตามหน้าที่
    blog17<ผู้ขับขี่>จะมีประคําประมวลพลังอยู่ด้วยตลอด
    แม้จะไม่ใช่ รุ่น ดังระเบิด ที่น่าทึ่งในขั้นตอนการประมวลพลัง
    แต่เป็นภาครับwaveที่เจ๋งงที่สุด เป็นประคําสมรถนะสูงเช่นกัน เส้นนี้ผมได้รับจากจารย์โม่คับ
    ผ่านการทดสอบในเหตุการณ์จริงมาหลายครั้ง พร้อมสถิติที่น่าสนใจ
     
  8. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    ยังคร๊าบ พี่เม้าท์ ขอเป็น อ.(อ้าย)แฟรงค์
    ไปอีกนานๆนะครับ 55
    พอดีเห็นช่วงนี้ กระทู้ห้องเขากะลา สว่างสดใสขึ้นมา
    (พร้อมด้วยพรรณไม้นานาชนิด)
    เลยขอโพสอะไรดีๆกะเขาหน่อย..

    วันนี้มีโอกาสได้ฟังอาจารย์โม่ขยายระบบ แบบติดขอบพวงมาลัย(รถ)
    เลยทำให้รู้ว่าตัวเองนั้นยังอีกไกลนักครับ :)

    อ้อ จากพี่แตง(microwave)ด้วยครับ เมื่อวานนี้

    ขอบคุณครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  9. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    [​IMG]

    ทำไมตอนอยู่ในคอท่านยูครินม่ายเห็นมันสวยแบบนี้นะ....
     
  10. Mckaforce

    Mckaforce Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +37
    Mckaforce กลับมาเพ้อเจ้ออีกครั้งหลังห่างหายไปนาน

    เดือนตุลาคม ค.ศ. 2000 ชาวคอร์กิโนหลายคน เห็นดวงแสงลึกลับ ลอยวูบลงสู่พื้นดิน แล้วพุ่งกลับขึ้นไปในอากาศ ทิ้งรอยไหม้จนหินละลาย ซึ่งต่อมาหินละลายดังกล่าว ได้รับการตรวจสอบจากนักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ที่ลงความเห็นว่าหินได้รับความร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

    นอกจากแสงลึกลับแล้ว ที่นี่ยังมีชายผู้หนึ่งซึ่งอ้างว่าเขาสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้มานานแล้ว ล่าสุดเมื่อปี 2002 เขาก็อ้างว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังยางนอกโลกถึง 3 วัน ซึ่งงานนี้เขาไม่ได้อ้างลอยๆ นะ เขามีพยานหลักฐานอันน่าทึ่ง และยังไม่อาจพิสูจน์ค้านได้ว่าเป็นการทำปลอม หรือกุเรื่องขึ้นเสียด้วย

    ชายผู้มีประสบการณ์พิเศษคนนี้ ชื่อ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า เขาอ้างว่าเขาเคยติดต่อ กับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้ง มนุษย์ต่างดาวของ โอลิเวียร่า ไม่ใช่ทอล ดาร์ค แอนด์ แฮนซัม แต่เป็นทอล บลอนด์ ผิวขาวร่างสูง ผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าจาง โดยมีแก้วตาสีเหลืองอ่อนวางตามตัวตามแนวตั้งเหมือนตาแมว ฟังดูไม่น่าเกลียดเหมือนตัวอีทีโอลิเวียล่า บอกเราว่ามนุษย์ต่างดาวใช้สิ่งที่เรียกว่าแสงพลาสม่า เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับเขาทางโทรจิต

    เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2002 คืนนั้น

    โอลิเวียร่า หายตัวไปจากห้องนอน ทิ้งไว้แต่รอยไหม้รูปร่างคนนอนบนผู้ปูเตียงและบนฝ้าเพดาน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน อีก 3 วันต่อมมจู่ๆ เขาก็กลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น และเขาอ้างตลอดว่า เวลาที่เขาหายไปนั้นเขาถูกนำตัวไปยังยานต่างดาว

    โอลิเวียร่า บอกว่าเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเขาได้รับการติดต่อ ทางโทรจิตผ่านแสงพลาสม่า ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมานำตัวเขาไปในคืนดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุการณ์จะมีสัญญาณนำมาให้รู้ โดยจะเกิดฝนก้อนหินตกลงมา

    ค่ำวันที่ 15 กันยายน 2002 เวลาประมาณ 19.13 น. เพื่อนบ้านใกล้เคียงของ โอลิเวียร่า ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียงอะไร ร่วงกรูกราวอยู่บนหลังคา เมื่อออกมาดูพบว่าเป็นก้อนหินกลมๆ ก้อนเล็ก ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า หลายคนช่วยเก็บก้อนหิน บางคนก็ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย

    เขาเล่าว่า ในขณะที่เขานอนอ่านหนังสืออยู่ยนเตียงสักครู่ก็มีแสงสีม่วงสว่างไปทั้งห้อง แสงนั้นรวมตัวเข้าเหมือนฟองสบู่ ร่างของเขาลอยทะลุเพดาน รู้สึกเหมือนกระดูถูกยืดออก แต่ไม่มีความเจ็บปวด ครั้งลอยพ้นผ่านหลังคาบ้านไป ลำแสงสีม่วงก็พลิกร่างเขาให้ยืนขึ้น เมื่อไปถึงยานต่างดาว ( ซึ่งเขาไมได้บอกว่ามันเป็นอย่างไร ) เขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในฟองอากาศ ใบใหญ่ ซึ่งมีผิวบางใส คล้ายๆ ว่าข้างในคงจะคล้ายๆ ห้องฆ่าเชื้อ ปรับพลังงานให้สมดุลย์อะไรทำนองนั้น จากนั้นมนุษย์ต่างดาวผมบลอนด์ร่างสูง ก็พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของยาน ซึ่งเป็นห้องกว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมนุษย์ต่างดาวให้เขาดูจอภาพ อันเป็นภาพเกี่ยวกับโลก ระบบสุริยะ และกาแล็คซี่ของเรา มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ( พ.ศ. 2555 ) จะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแล็คซี่จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมาก ดวงอาทิตย์ทุกดวงในแกแล็คซี่ จะสะท้องแสงนั้นไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วหน้ากัน โลกของเราจะปั่นป่วน ด้วยพายุสุริยะทั้งแสงอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น

    คำทำนายของมนุษย์ต่างดาว ที่ว่าจะเกิดอาเพศขึ้นทั่วทั้งจักรวาลในวันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่

    อีกไม่กี่สิบปีเราคงจะได้เห็นปรากฎการณ์นั้น ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง



    อ้างอิง : กระทู้สมาคมดาราศาสตร์ไทย M05014
     
  11. Mckaforce

    Mckaforce Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +37
    Mckaforce เพ้อเจ้อต่อ

    อย่างที่รู้ๆกันว่า ดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า นิบิรุ จะโคจรเข้ามาใกล้โลก ซึ่งมีผลกระทบอย่างแน่นอน ดาวนิบิรุ (Planet X Nibiru) สันนิฐานว่าถูกดวงอาทิตย์จับไว้เมื่อ 500,000 ปีก่อน

    ผลกระทบ (เท่าที่รู้มา)
    เนื่องจากมันเป็นดาวฤกษ์ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนสจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้า มาใกล้มาๆและมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 (ช่วงจบกึ่งกลางพุทธกาลพอดี) ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และนิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี วันนั้นจะเป็นวันวิบัติซึ่งจะมีผลดังนี้

    1.สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็ก
    2.น้ำจะขึ้นสูงมากๆจนเกิดวิกฤติการ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือซุปเปอร์ซึนามิ
    3.แผ่นดินไหวและภูเขาไฟไปทั่วโลก
    4.ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
    5.การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
    6.ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให ้อ่อนอย่างมาก
    7.สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
    8.กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
    9.แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (มนุษย์น่าจะกระโดดได้สูงขึ้นกว่าเดิม)


    ไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่กี่เดือน เราจะเจอพายุสุริยะเข้าอย่างจัง ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่า สนามแม่เหล็กโลกช่วยป้องกันไม่ให้มันมีผลกระทบมากนัก เมื่อไม่มีก็วิบัติ


    ปล. อ่านคู่สร้าง คู่สม แล้วดันไปเจอคอลัมน์เขียนเกี่ยวกับภัยพิบัติ แถมกล่าวถึงดาวชื่อ นิบิรุ ผมเลยไปหาข้อมูลมาดู อ่านเล่น ๆ ขำ ๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2009
  12. Mckaforce

    Mckaforce Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +37
    [​IMG]

    ภาพแสดง ก่อน และ หลัง การเปลี่ยนแปลงคลื่นแม่เหล็กโลก
     
  13. วิมานะ

    วิมานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2008
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +202
    มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง เกี่ยวกับภัยพิบัติส่วนตัว เหตุเกิดเมื่อคืนนี้ 20 มิย.52 เวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ ข้าพเจ้าขับรถออกจากเซ็นทรัลปิ่นเกล้า กลับรถแล้วมุ่งหน้าไปทางสะพานปิ่นเกล้า รถเกิดความร้อนขึ้นกระทันหัน ทำให้ต้องจอดรถ เปิดฝากระโปรงออกดู พอดีมีพี่แท๊กซี่ใจดี อาสาช่วยดูให้ แต่น้ำในหม้อน้ำก็เต็ม แบตเตอรี่ก็เพิ่งปีกว่า หลังจากเครื่องเย็นลงจนสตาร์ทได้ พี่แท๊กซี่บอกว่าทุกอย่างปกติ ให้ขับเปิดกระจกโดยไม่ต้องเปิดแอร์ น่าจะประคองให้ถึงบ้านได้ ข้าพเจ้าขับต่อมาอีกไม่นาน อยู่เลนกลางจอดติดไฟแดงก่อนถึงแยกอรุณอัมรินทร์ประมาณ 10 ม. ความร้อนขึ้นสูงอีกแล้ว จนเครื่องดับไปเอง สตาร์ทเท่าไรก็ไม่ติด ผมจึงเปิดไฟฉุกเฉิน แล้วออกไปเปิดฝากระโปรงเพื่อให้เครื่องเย็นลง และเพื่อให้รถคันอื่นได้เห็นว่ามีรถจอดเสียอยู่

    แต่พฤติกรรมของคนขับรถส่วนใหญ่ จะบีบแตรไล่ ไม่มีใครที่จะลงมาช่วยเข็นรถเลยสักคนเดียว แล้วรถแต่ละคัน ตอนไฟเขียวก็จะขับเร็วมาก ข้าพเจ้าก็พยายามรวบรวมสติ นั่งอยู่ในรถ จิตมันนิ่งไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ ในใจคิดว่า ถ้ามีรถวิ่งมาเร็วๆ แล้วเบรคไม่ทัน มาชนท้ายเข้า เราก็คงจะตายอยู่ตรงนี้ แต่ในใจไม่ได้คิดที่จะเอาตัวรอดโดยการออกไปอยู่นอกรถ เพื่อดูรถของตัวเองถูกชนท้ายเลยแม้แต่น้อย

    ในขณะนั้นข้าพเจ้าก็โทรไปหาเพื่อนในแลนเซอร์คลับคนหนึ่งซึ่งเป็นช่าง เค้าแนะนำให้เรียกรถมายกไปที่อู่ของเค้า โดยให้โทรไป จส.100 แต่เบอร์ที่ได้กลับไม่ใช่เบอร์รถยก ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรถตำรวจจอดติดไฟแดงอยู่ไม่ไกล จึงเดินลงไปเคาะกระจกเรียก บอกพี่ตำรวจว่า รถเสียกระทันหัน สตาร์ทไม่ติด ให้วิทยุเรียกคนมาช่วยที แต่รออยู่นานมาก ก็ไม่มีวี่แววของความช่วยเหลือ ในขณะที่รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง บางคันก็บีบแตรไล่ เหมือนเราเป็นตัวถ่วงความเจริญ เวลารถติดไฟแดง ก็มีคนหันมามอง แล้วก็หันหน้ากลับไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางคนก็หัวเราะเยาะด้วยซ้ำ ถ้าเป็นท่านจะทำอย่างไร

    พยายามโทรไป 191 แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติด หลังจากจอดเสียกลางสี่แยกอยู่เกือบชั่วโมง ท่ามกลางสมรภูมิแห่งความเร็ว และความดูหมิ่นเกลียดชัง ในจิตที่นิ่งในเสี้ยววินาทีนั้น ได้แอบคิดน้อยใจระบบ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในสถานการณ์เช่นนี้ แล้วเราจะทำอย่างไรดี

    ต่อมาเมื่อเห็นว่าเครื่องเริ่มเย็นลง เลยลองสตาร์ทดู เครื่องก็ติด เลยขับเข้าจอดแอบชิดเลนซ้ายทั้งๆ ที่ฝากระโปรงหน้ายังเปิดอยู่ ก็ยังไม่วาย มีรถพยายามที่จะเบียด และแซงเพื่อไม่ให้เราเข้า แต่ก็เข้าจอดจนได้ โทรหา 191 อีกครั้ง มีเจ้าหน้าที่รับสาย บอกว่ารถเสียอยู่กลางสี่แยก เกือบชั่วโมง ต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่พอดีจอดอยู่นานจนเครื่องมันเย็น จนสตาร์ทได้ ก็เลยจอดแอบซ้ายแล้ว เค้ากลับพูดมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนักว่า ก็นึกว่าจอดกีดขวางทางจราจร เอาเบอร์รถยกไป แล้วไปคุยตกลงราคากันเอง เออดีเนอะ มีอย่างงี้ด้วย

    ก็เลยโทรไปเรียกรถยกมา แต่กว่าจะมาก็เกือบชั่วโมงอีกเหมือนกัน เกือบชั่วโมงที่ต้องอยู่ท่ามกลางเสียงบีบแตรไล่ สายตาดูหมิ่นเกลียดชัง และการหัวเราะเยาะ

    พอรถยกมาถึงก็จัดการยกล้อหน้าขึ้น แล้วก็ปล่อยให้ล้อหลังวิ่งไปกับถนน เหมือนที่เพื่อนๆ หลายๆ คนคงจะเคยเห็น จากแยกอรุณอัมรินทร์ ถึง ซ.วัชรพล ใช้เวลาชั่วโมงกว่า กับความเร็ว 40 กม./ ชม. ไม่ได้ขึ้นทางด่วน เพราะถ้าขึ้นไป จะเสียค่าผ่านทางเท่ากับรถ 2 คน

    ขับมาถึงอู่ เครื่องไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่ สตาร์ทขับเข้าไปจอดในอู่ได้ เพื่อรอให้ช่างตรวจเช็คในวันจันทร์ เพราะวันนี้ วันอาทิตย์ คิดว่าอู่น่าจะปิด จ่ายเงินค่ารถยกไป 1,700 บาท ไม่มีความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสา กู้ภัย ใดๆ ทั้งสิ้น จนถึงคนไทยด้วยกันเอง แม้แต่คนเดียว แม้แต่เจ้าหน้าที่ ที่รับสาย ทั้ง จส.100 และ 191 น้ำเสียงก็ดูเย็นชา ไม่มีความเอื้ออาทรเลยแม้แต่น้อย

    ที่โพสวันนี้ ไม่ได้น้อยใจอะไรแล้ว เพราะรู้ว่าระบบและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทอดทิ้ง เพราะรถยกเลขทะเบียนรวมกันได้ 21 รถแท๊กซี่ที่นั่งกลับบ้าน มีพระหลวงพ่อโสธรอยู่หน้ารถ เลขทะเบียนรวมกันก็ได้ 21 และรถแท๊กซี่ที่นั่งมาวัดเมื่อเช้านี้ เลขทะเบียนรวมกันก็ได้ 21 และมีพระปางรำพึง พระประจำวันศุกร์อยู่หน้ารถ ที่บอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ทอดทิ้งนั้น ก็พราะผมเกิดวันศุกร์ มีกำลังเท่ากับ 21 และข้าพเจ้าก็นับถือหลวงพ่อโสธรมาก เพราะคุณแม่ ก่อนจะตั้งท้องข้าพเจ้า ได้ไปบนขอบุตรไว้กับหลวงพ่อโสธร จากนั้นไม่นาน ท่านก็ตั้งท้องข้าพเจ้า

    แต่สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ นี่ขนาดเหตุการณ์แค่นี้ ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ แล้วภัยพิบัติใหญ่ที่กำลังจะมา อย่าหวังเลยว่า ใครจะช่วยใครได้ ทุกคนต้องช่วยตัวเองก่อน

    เหตุการณ์นี้เป็นสนามทดสอบของผมจริงๆ แล้วคุณล่ะ ได้เตรียมรับแบบทดสอบภัยพิบัติส่วนตัวแล้วหรือยัง ?
     
  14. สมจิตรเขากะลา

    สมจิตรเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +162
    ทุกข์จากระบบ มีค่ามากกว่าทอง คำนี้เป็นคำของระบบคำหนึ่ง ที่ผู้รู้ซึ้งคุณค่า

    ของ "ทุกข์" เท่านั้น จึงจะยอมรับได้แบบเข้าใจในระบบ (จัดให้)

    ถ้าเราคิดตาม 0-99 ว่าคนที่มีหน้าที่ ต้องทำตามหน้าที่ของเขา ถ้าผิดจากนี้แล้ว

    เราสมควรเกิดกิเลสได้ (โทสะ โมหะ) ได้ ภูมิธรรมเราจะไม่ได้รับการพัฒนา

    ถ้าเราคิดตาม 100-300 ไม่รู้ว่ารถเสียตามธรรมดาของรถ หรือระบบจัดให้

    (ทดสอบ)เพื่อความไม่ประมาทควรตามรักษาจิตของตน ซ้อนทุกเวฟความคิด

    ความรู้สึกที่เข้ามา ตามดูรู้เท่าทันว่าขันธ์ห้าปรุงอะไรขึ้นมาบ้าง (ไม่มีผิด ไม่มีถูก)

    ปรุงสุขก็ได้ ปรุงทุกข์ก็ได้ แค่ดูให้ทันในเวลาปัจจุบันเท่านั้น (รอหน่อย รอหน่อย

    อย่าเพิ่งรีบแสดงความโง่) อย่ารีบรับผิดชอบทุกข์ว่าเป็นตัวเรา ของเราล้วนๆ

    ถ้าเราดูรู้เท่าทันบางทีจับได้เลยว่าระบบเติมทุกข์ให้แบบเนียนๆ อาจเป็นความคิด

    วนเข้ามามากเกิน หรือความรู้สึกในข่ายทุกข์ดูเหมือนแรงกว่าที่ควรจะเป็น

    ถ้าเราเริ่มจับได้ไล่ทันทุกข์จากระบบ เราจะถูกฝึกโดยอัตโนมัติ ไม่รีบยึดทุกข์

    ทกอย่างว่าเป็นของเรา (แยกของแถมออกก่อน แถมทุกข์ให้(ฟรี)ไม่รับก็ได้)

    ถึงเผลอรับไปก่อน อีกหน่อยจับได้ไล่ทันทุข์จากระบบ ก็จะเข็ด(ย้อนหลัง)แบบ

    ซาบซึ้งว่า โดนเติมมานาน ไม่น่ารีบ(โง่)ยึดเลย แปลว่าเราจะฉลาดเรื่องความ

    ทุกข์มากขึ้น

    หน่อย
     
  15. Dookbuabarn

    Dookbuabarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +225
    ทำอย่างไรจะให้พวกลูกๆเชื่อในความเป็นจริงว่า มีมนุษย์ต่างดาวจริง และเขาจะมาช่วยโลกมนุษย์ในเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
     
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    โมทนาครับพี่สมจิตร
    บทเรียนแห่งความทุกข์ เป็นประสบการณ์ที่ทำให้จิตวิญญาณเกิดความลึก..
    ถ้าไม่มีบทเรียนพวกนี้..ชีวิตจะตื้น ขาดอะไรมาให้ขบคิดนะครับ

    ชืวิตทุกคนก็มีขึ้น-มีลง คล้ายเล่นรถไฟเหาะอยู่ในสวนสนุก
    ดังนั้นอย่าจมอยู่กับ ความสุข-ความทุกข์ +ไม่ติดสุข-ไม่ติดทุกข์ (รักษาจิตให้อยู่กลางๆ)
    ชีวิตย่อมมีผิดพลาดกันได้ เป็นบทเรียนที่เราจะพลิกผันไปสู่เส้นทางใหม่ที่จะไม่พลาด
    ทุกๆบทเรียนย่อมมีความหมายทั้งนั้นครับ

    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน
    (อ้อ...รอฟังคุณนีโม่เล่าต่อนะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2009
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425

    การที่เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว
    คงไม่ได้อยู่ที่หลักฐานหรือประจักษ์พยานเพียงอย่างเดียวนะครับ

    ถามตัวเองดูครับ เชื่อว่าลึกๆแล้วคงไม่มีใครปฎิเสธในเรื่องนี้
    จิตวิญญาณคือข้อมูล-ความรู้-ความทรงจำข้ามภพชาติ ที่ถ่ายทอดผ่านอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด..
    ทุกคนจึงมีข้อมูลที่ถูกเก็บบันทึกเอาไว้ อยู่ที่ว่าเราละลึกถึงมันได้หรือไม่?

    การที่เขาจะมาช่วยคงไม่สามารถช่วยได้ทุกๆคน
    เพราะอยู่กันคนละมิติ..(ไม่ง่ายเลยที่เค้าจะมาช่วย)
    การรอให้เค้าช่วยอย่างเดียว..มันก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยครับ
    ความห่วงใยของเค้าจึงทำได้เพียงบอกให้เรา..(และมนุษย์ทั้งหลายที่รู้..)
    ทำจิตให้บริสุทธิ์ คิดบวกให้เป็นอารมณ์ความรักและเมตตา..เพื่อยกระดับจิตสู่มิติที่สูงขึ้นไปครับ
    เมื่อถึงตรงนั้นแล้ว ความเป็นจริงที่สัมผัสด้วยตาเนื้อ..
    ก็น่าจะปรากฎให้เห็นเมื่อมิติและค่าพลังงานเกิดความสมดุลกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2009
  18. วิมานะ

    วิมานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2008
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +202
    เมื่อคืน รถข้าพเจ้าความร้อนขึ้นสูง วันนี้ร่างกายข้าพเจ้าก็ความร้อนขึ้นสูง เช่นเดียวกัน รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งเครื่องจักรกล และเครื่องจักรคน มาป่วยพร้อมๆ กัน มีใครเป็นเหมือนข้าพเจ้าบ้าง ?
     
  19. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ทุกข์นั้นเป็นครู รู้แล้วก็วางตามที่ทำได้ อาการเกิดขึ้นย่อมมีเหตุมีปัจจัย คุณวิมานะลองสำรวจความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ แล้วจะพบเหตุ ทีนี้ก็จัดการกันอีกที

    ที่พูดมาไม่ใช่ว่าข้าพเจ้า รู้อะไรมากมาย เพียงแต่เคยพบเจอกับตัวเองมาก่อน กว่าจะเรียนรู้กันได้หลายยกเหมือนกัน

    มาเป็นกำลังใจให้
     
  20. inhand

    inhand สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    สมาชิกใหม่เข้ามาติดตามข่าวสารคะ ... ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...